ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Because I'm Crazy เพราะฉันมันบ้ารักเธอสุดสุด ❤♪

    ลำดับตอนที่ #46 : File 00 : ตอนจบ / The End / 끝

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 339
      1
      10 เม.ย. 56


                    ทางเดินหนีไฟที่เคยมาหลบซ่อน  ประตูหน้าห้องวีไอพีที่เคยมาป่วน  ถึงตอนนี้จะเข้าไปดูข้างในไม่ได้  แต่ก็จินตนาการถึงสภาพรกๆเมื่อตอนนั้นได้  พื้นพรมสีแดง  ทางยาวที่ลาดยาวเป็นทางแยก  เดินตามทางเดินหนีไฟอีกครั้ง  เพื่อเก็บความทรงจำอันมีค่า  ช่วงเวลาที่แสนอ่อนโยน  ท่าทางของเขาที่เผยความจริงใจออกมาแต่ตอนแรก  แม้เขาจะตะคอกใส่หน้าฉัน  มันก็ยังดูน่ารัก  ถ้าตอนนั้นเธอเปลี่ยนเป็นตะโกนคำว่ารักมา  ฉันคงเคลิ้มแล้วเผลอตอบตกลงแบบไม่คิด 

     

                    ฉันก้าวออกจากจุดเริ่มต้นแห่งความทรงจำแสนหวาน  ทิ้งให้เป็นเพียงความทรงจำแต่เพียงเท่านี้  และเริ่มต้นชีวิตใหม่  ฉันตะเลือกทางเดินด้วยตัวเองนับแต่นี้  และรอคอยความหวังกับเรื่องหัวใจ  ...  ตอนนี้เขาคงมาแล้ว  ผู้ชายที่ทำให้ฉันเศร้าเสียใจ  ฉันจะโบกมือต้อนรับเขาจากที่ไกลๆ  บายเฮซอง

    ..................

     

    File 00 : ตอนจบ / The End /

     

                    เสียงนกร้องขับขานคล้ายเพลงบรรเลง  ชวนเคลิ้มให้ฝันต่อเข้ากับแสงแดดที่ส่องแสงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนสีขาว  ที่มีขนาดไม่กว้างใหญ่นัก  แต่สะดวกและครบครันไปด้วยเครื่องทำความร้อน  อย่างฮีตเตอร์ ห้องถูกตกแต่งไปด้วยภาพถ่ายน่ารักๆแนววินเทจ  พนังกำแพงห้องสีขาวสะอาจ  เครื่องใช้โทนสีไม้น้ำตาลอ่อน    

     

                    ติ๊ด  ติ๊ด ติ๊ดติ๊ด

                    โครม!

                    เสียงนาฬิกาปลุกดังป่วนโสดประสาทยามเช้า  สร้างความรำคาญให้กับการนอนเป็นอย่างมาก  หัวใจเต้นรัวเพราะความตกใจ  ฉันสปริงตัวขึ้นพร้อมบิดขี้เกียจสุดกำลัง  บริหารร่างกายโดยการเอียงคอไปมา  ขับไล่ความง่วงออกไป  ฉันลุกขึ้นจากที่นอนแล้วหันไปทางกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง 

                    "ขอต้อนรับกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง  ช็อกโกล่า  วันนี้ก็สู้ๆ"  ฉันพูดกับตัวเองในกระจก  แล้วยิ้มกว้างให้อย่างสดชื่น

                    ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา  ฉันใช้เวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  และเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม  จนประสบความสำเร็จในด้านที่ตัวเองถนัด  ฉันทำงานอยู่ในบริษัทสิ่งพิมพ์ขนาดใหญ่  ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตข่าวสารที่มีคุณภาพ  พยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า  โดยที่รอเวลา  รอว่าเมื่อไร  สวรรค์จะเห็นใจฉัน 

                    ครืด  ครืด

                    ฉันชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัวเล็กๆ  แล้วมองหาต้นเสียงครืด  เหมืนอเสียงสั่นของโทรศัพท์  ก่อนจะวางแก้วที่ใส่โอวันตินไว้ในมือลงบนเค้าเตอร์  แล้ววิ่งไปรับโทรศัพท์ทันที  โดยไม่ได้มองแม้กระทั่งเบอร์โทร

                    "ฮัลโหล"  ฉันพูดเป็นภาษาเกาหลี

                    "ยัยช็อกโกล่า!!!"

                    =0=  ซวยแล้ว  ยัยยักษ์ขโมงขี  T^T  ฉันแทบจะทำโทรศัพท์หลุดมือเลยทีเดียว  เขาคือหัวหน้าของฉันเองค่ะ  โหดมากถึงมากที่สุด  แล้วถ้าได้รับสายของเขา...นั่นแปลว่ามียมทูตอยู่รอบๆตัวคุณ

                    "เธอเงียบหาอะไรยะ!  อยากตายใช่ไหม  ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว  ว่าวันนี้มีนัดสำคัญ  เธอมัวทำบ้าอะไรอยู่"  เธอพูด

                    นัดอะไรหว่า  ?

                    "ยัง ยังเงียบอยู่อีก  รีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ  ถ้าฉันได้รับสายจากเขาว่าเธอไปสัมภาษณ์ช้าเมื่อไร  เธอ  ตาย  แน่  Right Now!!"

                    เปรี๊ยง  ราวกับฟ้าผ่ากลางหัว

                    ปลายสายวางกระแทกใส่หูฉันจนอื้อ  แต่ก็สมควรเหมือนกัน  นี่ฉันมัวแต่เคลิบเคลิ้มบรรยากาศการนอนไปถึงไหนเนี่ย  แถมยังชิลกินโอวันตินอีก  มายก๊อด  

                    ฉันรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแทบไม่ทัน  ไม่สิ  ต้องอาบน้ำก่อน  ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วอาบน้ำอย่างรวดเร็ว  แต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อย  ก่อนจะคว้าเอกสารและบทสัมภาษณ์  ซึ่งฉันได้รับงานมาเมื่อวานนี้  เลยไม่มีเวลาเปิดอ่านรายละเอียดข้างในซองเลย  แต่คิดว่าคงเหมือนกับงานทั่วๆไปนั้นแหละ  เฮ้อ...  ทำไมนัดไกลจังเลยวุ้ย  ฉันต้องนั่งรถหลายต่อเลยให้ตายสิ 

                   

                    สถานที่นัดสัมภาษณ์ครั้งนี้  ทางฝ่ายผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนจัดการเองทุกอย่าง...และดูเหมือนว่าเจ้าตัวดูเป็นคนโรแมนติกเสียไม่มี...

                    กลิ่นอายของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนตุลาคม...ดอกไม้สีแดงส้มเหลืองบานสพรั่ง  สลับกันเต็มทางเดินตลอดถนนสาย Garosu-gil  อยู่ในย่านฝั่งกังนัม  บริเวณนี้มีร้านกาแฟน่ารัก  บรรยากาศคลาสสิคอยู่หลายร้าน  สองข้างทางยังเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้ากุ๊กกิ๊กมากมายอีกด้วย  แต่ถ้าพูดถึงร้านกาแฟที่ขึ้นชื่อในละแวกนี้  คงหนีไม่พ้นร้าน Coffee Smith  เมนูประจำร้านนี้คือน้ำแข็งใส  ที่ฉันอยากจะแนะนำ  เพราะว่าฉันไม่ดื่มกาแฟ  ก็เลยไม่รู้จะอธิบายยังไงดี  ถึงรสชาติของกาแฟ  ที่มีดีแค่กลิ่นหอม... 

                    ฉันหยุดเดินและมองภาพเบื้องหน้า  สถานที่นัดหมายคือร้านกาแฟที่เพิ่งแนะนำไปเมื่อสักครู่  ดูเหมือนว่าฉันยังมาไม่สายเท่าไร  คนยังน้อยอยู่  ฉันเดินเข้ามาในร้านด้วยใจที่เต้นรัว  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นกับบุคคลนี้กมากกว่าดาราศิลปินท่านอื่น  ฉันหันซ้อยขวา  มองสำรวจให้ทั่ว  เพื่อที่จะหาตัวเขา  แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เสียแรง  เพราะว่าในร้าน  มีเขานั่งเป็นสง่าอยู่  การแต่งกายที่ทันสมัยนั้น  ชวนให้คุ้นตา  แม้จะนั่งหันหลังให้ฉันก็ตาม  แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่อยเปื่อย!  ฉันล็อกเป้าหมาย  แล้วเมคหน้า  วิ่งไปหาเขาทันที!!

                    "ขอโทษที่มาช้านะคะ  ขอโทษจริงๆค่ะ (_  _;;;)"  ฉันที่เพิ่งวิ่งปราดมานั่งตรงข้ามกับผู้ที่จะให้สัมภาษณ์วันนี้  กล่าวขอโทษขอโพย  ฉันว่าเขาต้องโกรธฉันแน่ๆ  "พอดะ..."

                    วินาทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาบุคคลตรงหน้า...ณ.เวลานั้น...เหมือนลมหายใจขาดห้วงไปชั่วขณะหนึ่ง  ความคิดถึงและโหยหา  ความอัดอั้นมันพุ่งทะยานออกมา  กระตุ้นต่อมน้ำตา  ...ใบหน้าที่แสนคิดถึง    อยู่ตรงหน้าของฉัน  ราวกับว่าตัวเองฝันไป  คำขอของฉัน  มันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว...

                    "เฮซอง..."  ฉันพูดด้วยเสียงสั่น  ตาเริ่มพร้า  อยากจะกระโดดกอดคนตรงหน้า 

                    "ฮึ...หาตัวเจอสักที"  เสียงของเขา  เสียงทีดังก้องอยู่ในใจตลอดมาแบบไม่มีวันลืม  ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา  เขาดูดีขึ้นมาก  เฮซองดูผอมลง  ทรงผมก็เปลี่ยนไปด้วย 

                    คำพูดของเขา  ถึงเป็นประโยคสั้นๆ  ดูเหมือนไม่มีใจความอะไร  แต่มันคือสิ่งที่ย้ำว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  เขายังไม่ลืมฉันคนนี้ 

     

                    ด้วยความคิดถึงมากมายมหาศาล  ฉันโผกอดเฮซองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม 

                    "อีตาบ้า  ฉันรอนายตั้งสี่ปี  TOT  นายไปอยู่ไหนมา"  ฉันพูดขึ้น

                    เฮซองไม่พูด  เขาได้แต่เงียบจนใจหาย  ฉันคลายกอดออกจากตัวเขา  แล้วพบว่าคนทั้งร้านหันมามองฉันเป็นตาเดียว  ทำให้ฉันชะงักเล็กน้อย...แต่โชคดีที่มีแต่พนักงานร้านเท่านั้น  เฮซองหัวเราะคิกคิก ราวกับเห็นว่าเป็ฯเรื่องตลก  หนำซ้ำ  ยังนั่งดื่มกาแฟสบายใจเฉิบ  ฉันรู้ทันทีเลยว่า  ฉันโดนเขาหลอกให้พูดก่อน...อีตาบ้า!

                    ฉันทิ้งตัวลงนั่ง  พร้อมตั้งสติ  แล้วหยิบเครื่องอัดเสียง  สมุดจดขึ้นมา  เตรียมตัวสัมภาษณ์นักร้องนำแห่งวงรีเทิร์น  เฮซองนั่งไขว่ห้าง  หลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสง่างาม  ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน  หรือเพราะฉันเคยเห็นแต่ด้านแย่ๆของเขา...เมื่อผสมรวมกับกลิ่นหอมของกาแฟ  ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า...บรรยากาศชวนอบอุ่น  โรแมนติก...แต่!ทำไมเฮซองไม่ทำท่าคิดถึงฉันเลยอ่ะ  TOT  ทำไมฉันแสดงอาการออกอยู่คนเดียววะเนี่ย  ช็อกโกล่าเครียด

                    "ฉันจะเริ่มสัมภาษณ์แล้วนะคะ"  ฉันพูด  ได้...นายเล่นแบบนี้ฉันก็จะเล่นบ้าง

                    "ครับ  เชิญเลย..."  เฮซองเองก็พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย  หรือเพราะว่าเขาอายที่จะแสดงความดีใจออกมา  ต่อหน้าสายตาผู้คน  เออเนอะ  จริงด้วย  เขาเป็นไอดอลนินา 

                    "ถ้าอย่างนั้น..." 

                    "ขอถามครับ"  อยู่ๆเฮซองก็พูดขัดขึ้นมา 

                    "เอ๋  ค่ะ  เอ้ย คะ?" 

                    "คุณมีแฟนรึยังครับ"  เขาถามขึ้น  สายตาหลี่ลงเล็กน้อย  นิ้มเรียวถือแก้วกาแฟ  กลิ่นหอมชวนให้ลอง       นายทำบ้าอะไรเนี่ย

                    "ยังค่ะ"  ฉันตอบ  เอาวะ  ถามมาก็ตอบไป

                    "ระหว่างสี่ปีมานี้  คุณคุยกับผู้ชายกี่คนครับ"

                    "เวรกรรม  แล้วฉันจะไปรู้เหรอ  นับรวมภารโรงด้วยไหม" 

                    "ชอบใครบ้างรึเปล่า"

                    "ฮะ?..."

                    "แหวนนั่นคืออะไรครับ  นิ้วนางน่ะ"

                    ฉันสำรวจมองนิ้วตัวเอง  เฮซองก็ยังยิงคำถามมาให้ฉันไม่หยุด  กรี้ดดด ฉันเริ่มตอบไม่ทัน  นี่ใครต้องถามใครกันแน่เนี่ย  แล้วคำถามที่เขาถามส่วนมากเป็นเกี่ยวกับฉัน  อีกส่วนพูดถึงใครไม่รู้

                    "อีเฮซอง..."  ฉันตะคอก 

                    "ฉันรักเธอ"             

                    สามคำสั่นๆ  มาเร็วไปเร็ว  จนฉันอยากจะได้ยินให้แน่ใจอีกครั้ง  

                    "อะ...อะไรนะ"  ฉันทวน

                    เฮซองยิ้มกว้างทันที  หลังจากทำหน้าตาหยิ่งอยู่นานสองนาน  แก้มขาวเนียนของเขาแดงระเรื่อเหมือนมะเชือเทศสด  ดูเหมือนเขาพยายามจะซ้อนรอยยิ้มนั้น  ฉันรู้ดีเลยว่าเขาเป็นคนขี้อายขนาดไหน  พวกปากไม่ตรงกับใจ  ฉันกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเขิน ก่อนจะยิ้มออกมา
                  

    "นายพูดอีกครั้งสิๆ"  ฉันพูด
                    "ฝันไปเถอะ"  เฮซองพูดพร้อมยักคิ้วให้ เป็นเชิงท้าทาย
                    -______-  ฉันว่าแล้วเชียว  หาคุณงามความดีกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ  ชิ
                    "ไปกันเถอะ  ที่นี่คุยไม่ค่อยสะดวกเลย"
                    ตัดสินใจเออออด้วยตัวเองเสร็จ  เขาก็ลากฉันออกจากร้าน...
                    "เดี๋ยวๆ  นี่เรากำลังจะไปไหนกัน  ฉันยังต้องทำงานสัมภาษณ์นายอยู่นะ"  พูดไปสองไพรเบี้ย  อีตาบ้าเฮซองไม่ฟังฉันเลย !  พี่ไม่เคยฟังอะไรฉันเลย  T^T  "อีเฮซอง"  ฉันขึ้นเสียง
                    "พาไปที่ห้องไง"
                    เฮือก  ฉันไม่ได้ลามกนะ  กรี๊้ดดด  เขาบอกจะพาฉันไปห้องของเขางั้นเหรอ  ว๊ายๆบัดสีที่ซูดดด  ยอมไม่ได้  หญิงไทยต้องรักนวลสงวนตัว  แม้อยู่ต่างแดน  ยิ่งไปกว่านั้น  การเข้าบ้านผู้ชายถือเป็นเรื่องต้องห้าม  ไม่ได้ไม่ได้เด็ดขาด  คุณแม่ขอร้องงง
                    "กรี้ดดด  ปล่อยฉันนะ  ฉันไม่ไปกับนายเด็ดขาด  มีสิทธิ์อะไรมาพาฉันเข้าห้อง  T_T  ฉันเป็นคนดีนะ  นายจะทำฉันเป็นคนไม่ดี  แงงง"  ฉันร้องไห้งอแงเสียงดังลั่น  อยู่กลางถนนเส้นสีแดงส้ม 
                    เฮซองทำสีหน้าเหยเก  ปากก็บ่นพึมพำ  นี่สิฮซองของจริง  เขาทำหน้าแบบนี้กับคนตัวเองเพิ่งบอกรักได้ยังไงฟะ  ในหน้าแบบสยองสุดๆ  
                    "เธอไม่อยากเห็นหอพักใหม่พวกเราเหรอ  มันกว้างกว่าเดิมอีกนะ  คราวนี้พวกเรามีห้องห้องของพวกเธอไว้เฉพาะด้วย"  เฮซองพรรณาถึงหอพักใหม่  ที่อยู่ในย่านกังนัมใกล้ๆนี่เอง  สรุปคือพวกฉันก็ไม่ได้นอนห้องของตัวเองอีกตั้งแต่ไฟไหม้ 
                    "แต่ฉันยังไม่ได้สัมภาษณ์นายเลยนะ  T^T"  ฉันพูดขึ้น
                    "เธอนี่  เข้าใจอะไรยากอีกแล้ว  ไว้ไปคุยกันที่นู่นก็ได้นินา  อีกอย่างเธอเขียนเองเลยก็ได้"  เฮซองหยุดแล้วหันมาพูดกับฉัน  "เธอรู้เรื่องเยอะแยะไป  โอ๊ะ  ถึงแล้ว" 
                    ฉันมองตึกสูงตระหง่านเบื้องหน้า  คอนโดแพงระดับหูฉีก  ที่มีเพียงเซเลบคนดังและกระเป๋าตังหนาเท่านั้น  ถึงจะได้อาศัยอยู่ที่นี่  แต่ไม่แปลกใจเลยที่บริษัททุ่มทุนให้กับศิลปินของตัวเอง  เวลารายการอะไรมาถ่ายและสัมภาษณ์  จะได้ออกมาดูดี  แต่นั่นก็อยู่ที่ระดับความดัง  

                    ภายในตกแตกอย่างหรูหรา  เรียบแต่ดูดีคอนเซปของพวกคนรวย  หน้าประตูมีการเฝ้ายามอย่างดี  หน้าตาไม่แพ้การ์ดที่สนามบิน  เฮซองหยิบบัตรอะไรบางอย่างออกมา  ยื่นในพนักงานสาวคนหนึ่ง  พวกเขาสองคนดูคุ้นเคยกัน  เธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้เฮซองอย่างสนิทสนม  ก่อนที่เฮซองจะเอาบัตรนั้นมาให้ฉัน...

                    "คีย์การ์ดเข้าห้องของฉัน  ฉันทำให้เธออีกใบ"  เฮซองพูด

                    "ของฉันเหรอ"  ฉันถามเพื่อความแน่ใจ  เฮซองพยักหน้า

                    แต่ไม่นานนัก  ความสุขก็หายไป  ฉันยังไม่ทันได้ขึ้นไปดูห้องพักพวกรีเทิร์นเลย  เฮซองก็ถูกเรียกให้ไปทำงานซะแล้ว  เขาบอกให้ฉันเขียนข้อมูลด้วยตัวเองได้เลย  ส่วนเรื่องคอนเสิร์ต  ถ้ามีในบทสัมภาษณ์  เดี๋ยวเขาจะส่งเมลล์มาให้  พูดง่ายๆแล้วก็จากไป  ให้ตายสิ...T^T  ความโรแมนติกเราหายไปไหน  โฮ่ๆ  แต่ว่าตอนนี้ฉันกับเขา  เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม  ฮ่าๆ

                    ครืด  ครืด...

                    อุ๊ย  ตกใจหมดเลย  ใครโทรมาตอนกำลังฝันอยู่เนี่ย  โอ๊ยตายๆ  หวังว่าจะไม่ใช่ยัยปีศาจนะ  ฉันกลัวแม่นางมาก

                    -มินฮยอก-

                    อ้าว  มินฮยอกนั่นเอง...  ฉันมองชื่อคนโทรเขาก่อนจะรีบรับอย่างรวดเร็ว  กลัวเขาวางสายแล้วฉันต้องโทรกลับ 

                    "ว่าไงงง  ไอไอ"  ฉันทักทายด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าอารมณ์ดีสุดสุด

                    "วันนี่ดูอารมณ์ดีนะ"  มินฮยอกแซว

                    โว๊ะ  เกลียดคนรู้ทัน

                    "คือว่านะๆ  ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังล่ะ  นายว่างปะ"

                    "ว่าง  ว่าแต่เรื่องอะไรเอ่ย  ฉันไปหาเธอดีกว่า  แล้วเธอค่อยเล่าให้ฟัง"

                    -_____-  มาอีกคนล่ะ  ทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงไม่ดี  แต่มินฮยอกเขามาเยี่ยมฉันบ่อยมาก  แถมเขายังเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ  ฉันเลยไม่เอ็ดอะไร  ห้องพักที่อยู่ทุกวันนี้เขาก็เป็นคนหามาให้  TT  เพื่อนรัก

                    "ได้ๆ  แต่นายต้องเอาของเว้นมาให้ฉันด้วยนะ  ไม่งั้นห้ามเข้า"  ฉันพูด

                    "เฮ้อ  ฉันจะเลี้ยงหมูหรือเลี้ยงเพื่อนดีเนี่ย  โอเค  งั้นจัดโต๊ะไว้ได้เลย  เธออยากกินอะไรล่ะ  เหมือนเดิมไหม"  มินฮยอกผู้แสนดีถาม

                    "เอาๆจาจัง  แล้วก็ไก่ทอดด้วยนะ  ร้านนั้นอร่อยเหาะ"

                    มินฮยอกเป็นคนที่ช่วยเหลือฉันตั้งแต่ก่อนนู่น  เมื่อตอนที่ทำงานกับพวกรีเทิร์น   แล้วก็ยังเป็นคนให้ความช่วยเหลือตอนฉันมาทำงานอีก  อ๋อ  มินฮยอกแต่งเพลงให้ฉัน  ตอนให้ส่งวิดิโอให้พวกรีเทิร์น  ตอนนี้พวกเราเลยซี้ปึกเหนียวแน่นกัน  โฮะๆมีเพื่อนเป็นไอดอลค่า  หนูช็อกโกล่าดีใจ

    Lee Hae Song ‘s Talk :

              กะจะเซอไพรส์ช็อกโกล่าให้ตกใจเล่นแบบในหนังสักหน่อย  ไหงงานดันมาเข้าเวลานี้ด้วยนะ  ฮึย  ป่านนี้ยัยนั่นหายไปไหนต่อไหนแล้ว  บ้าจริง  ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า  แต่ดูเหมือนเธอจะคิดถึงผิวเผินเหลือเกิน  ไม่รู้ว่ามีใครมาชอบเธอบ้างไหม  เพราะว่าเธอหายตัวไปไม่บอกไม่กล่าว  เพื่อนๆยัยนั่นเองก็เงียบกริบ  แม้แต่จองมิน -___-  ผมเลยออกตามหาเธอเอง  และไปรู้มาด้วยว่าเธอพักที่ไหน  ทำงานอะไร  ผมรู้ว่าเธอพยายามเขิยบเข้ามาใกล้ผมแค่ไหน 

                    ดีที่คิววันนี้มีแค่ถ่ายรายการอย่างเดียว  ผมเลยขับรถมาหาช็อกโกล่าที่หอพักของเธอ  เธอต้องตกใจแน่ที่รู้ว่าผมตามหาเธอเจออีกครั้งอื้มมม  ว่าแต่ห้องของเธอ  จำได้ว่า403

                    ผมเดินจนมาเจอห้องที่ช็อกโกล่าพักอยู่  แต่ต้องตกใจกับระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี้จริงๆ  เรพาะว่ามันต้องใส่รหัสผ่านก่อนสี่หลัก  ถึงจะเข้าไปข้างในได้  วักเหมือนในหนังเข้าไปทุกทีแล้วแฮะ...

                    1990?  ปีเกิดผม

                    -______-+ได้ไงกันทำไมปีเกิดผมถึงไม่ได้ล่ะ  ถ้าเป็นในหนังก็จะตั้งเป็นปีเกิดคนที่ชอบ  เดี๋ยวนะ  ปีเกิดยัยนั่นรึเปล่า   แป่ว...ไม่ได้  ให้ตายสิ  หวงว่าคงไม่ตั้งวันเดือนปีเกิดพ่อแม่น้องมานะ 

                    เอ๊ะ  หรือว่า  1991

                    คลิก...แอ๊ดดด

                    เฮ้ย !!  ปีเกิดแจจินเปิดได้ไง  หรือยัยนี่แอบชอบคนอื่นที่เกิดปีนี้  เดี๋ยวนะ...ถ้าพูดถึงคนที่ชอบ 

                    คังมินฮยอก!!

                    ผมใช้เวลากับการปลดรหัสลับอยู่นาน  และเรียบเรียงชื่อของศิลปินที่เปิดปีเก้าหนึ่งไลน์  หวังว่ามันคงไม่ใช่แบบที่ผมคิดนะ  เธอคงไม่เปลี่ยนใจไปนะช็อกโกล่า  ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องอย่างช้าๆ  เพราะทางบริษัทเธอบอกมาว่า  ช็อกโกล่ากลับบ้านแล้ว

                    "ทำไมปากเธอเลอะแบบนั้นล่ะ"  เสียงหนึ่งดังขึ้น

                    เสียงที่ผมคุ้นหูและไม่อยากได้ยินในตอนนี้และที่นี่  เสียงของมินฮยอกนี่หว่า

                    "-w-  อย่ามายุ่งกับฉันตอนกินได้มะ  ง่ำๆ" 

                    ภาพตรงหน้าคือ  มินฮยอกกำลังจะเอากระดาษเช็กปากให้ผู้หญิงของผม  และช็อกโกล่า  เธอช่วยออกห่างจากมันทีได้ไหม

                    "ทำอะไรอยู่น่ะ"  ด้วยความที่โมโหมาก  ผมเลยเผลอหลุดปากพูดออกมา  ท่างกลางวงข้าวแสนจะหวานเลี่ยนของทั้งสอง

    Chocola ‘s Talk :

                    ช็อกโกล่าคัมแบคแล้ววว  กรี๊ดด  อยู่ๆเฮซองโผล่มากที่ไหนไม่รู้  มายืนทักทายสีหน้าบูดเบี้ยวอยู่ข้างหลังฉัน  เล่นเอาตกอกตกใจไปหมด  เกือบพ้นข้าวใส่หน้ามินฮยอกล่ะ 

                    "นายเข้ามาได้ไงอะ"  ฉันถาม  เออจริงมาได้ไง

                    "รุ่นพี่  มาทางไหนครับ"  มินฮยอกก็ถามขึ้น  เขาเอามือออกไปจากหน้าฉัน  แล้วลุกขึ้นมามองหน้าเฮซองอย่างตกใจ 

                    "ก็เปิดประตูเขามาน่ะสิ  ย๊า  เธอตั้งรหัสห้องเป็นปีเกิดใคร"  อยู่ๆเขาก็ถามเรื่องอะไรไม่รู้

                    "อะไรเล่า  นายเข้าห้องคนอื่นโดยพลการได้ไงเนี่ย  อีตาบ้า" ฉันโวยวาย

                    เฮซองเดินเข้ามาโอบไหล่ฉัน  ต่อหน้ามินฮยอก  ฉันหันหน้าไปมองเขา  นี่เขาหึงฉันอะเหรอ โฮะๆๆๆ

                    "รุ่นพี่เจอเธอเมื่อไรครับ..."  มินฮยอกถาม  ในขณะที่ฉันพยายามดันตัวเขาออก  ฉันเขินนะ

                    "นายเองก็ด้วย...รู้เรื่องที่เธอมาทำงานได้นานเท่าไรแล้วล่ะ" 

                    "เดี๋ยวๆ  พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย  มินฮยอกเขาช่วยฉันหลายเรื่องเลยนะ นายพูดจาแบบนั้นกับเขาได้ไงฮะ"

                    "ผมแค่แวะมาหาเธอในฐานะเพื่อนก็แค่นั้น  รุ่นพี่อย่ากังวลเลยครับ"  มินฮยอกพูด...สีหน้าตอนนี้เขาดูเศร้ามาก  "เรื่องนี้ที่เธอจะบอกฉันใช้ไหม  ยินดีด้วยนะ ^^  เธอยิ้มได้จริงๆสักที  งั้น...ฉันกลับก่อนแล้วกัน  พวกเธอสองคนคงมีเรื่องคุยกัน  ไปนะ"

                    "เดี๋ยว"  ฉันพูดขึ้น  เฮซองจับมือฉันแน่น  "นายจะไปไหนอะ"

                    "ไว้จะมาหาใหม่  วันนี้เธอคงไม่ว่าง  แล้วเดี๋ยวมาพร้อมของเซ้นเธอ"

                    "โอเค..."

                    "เดี๋ยว"  เฮซองที่ทำหน้ากวนประสาทเมื่อครู่  เรียกมินฮยอกเอาไว้  "ขอบคุณนะ  ไว้เราไปดื่มกัน"

                    "ครับ  แล้วเจอกัน"

                    มินฮยอกจากไปแล้ว  ฉันรู้สึกดีที่เขายิ้มให้ฉันตอนเดินออกไป  ฉันรู้สึกแย่มาก  ถ้าเขาไม่ยอมยิ้มออกมาเลย  จากนั้นฉันก็หันไปกินต่อ  โอ๊ยยจาจังเมียนมันเย็นหมดแล้ว

                    "งำๆ "

                    "ทำไมเธอกินไม่ชวนฉันเลย  ฉันยืนหัวโด่อยู่นี่นะ  ยัยบ้า" 

                    "โอ๊ย  เพราะนายนันแหละ  เส้นอืดเหนียวติดกันหมดเลย"

                    "เธอเป็นแฟนภาษาอะไร  แฟนเธอยืนอยู่น่าจะต้อนรับบ้างสิ  จริงๆเลย"  เฮซองยังโวยวายไม่หลุด  แต่ฉันก็ทำหน้ามึนแล้วก็หูทวนลม  ฉันอยากบอกไว้อย่างหนึ่งนะ  เวลากินฉันจะไม่หยุด  ถ้าไม่อิ่ม TT

                    "ยังไม่หมดนะ  ทำไมเธอตั้งเป็นปีเกิดใครก็ไม่รู้ล่ะ  ใคร1991ใคร"

                    อีกล่ะ  พูดเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ยกับรหัสห้องฉัน  อ๊าย  อยากจะบ้าตาย

                    "ก็ฉันจะตั้งยังไงก็เรื่องของฉันสิ  ทำไมนายแอบเข้าห้องคนอื่นแล้วยังมายืนโวยวายอยู่อีก  นี่ขอบอกเลยนะ  ห้ามทำมิดีมิร้ายฉัน  ฉันสู้นะจะบอกให้"  ฉันพูดจบก็กินต่อ  ให้ตายสิ  คนยิ่งหิวๆอยู่

                    "ฝันไปเถอะ  ยัยเด็กน้อยอย่างเธอ  ฉันไม่พิศวาสสักนิด  แต่เงยหน้ามาจากจังจังก่อน  ทำไมเธอไม่ตั้งเป็ฯปีเกิดฉันล่ะ  ห๊า  หรือเธอเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ได้นะ"

                    "โวยยยวายทำบ้าอะไร  ก็ฉันกดผิดนิ  ขี้เกียจแก้ด้วย  ก็เลยเลยตามเลย"

                    "แล้ว?  เลขที่เธอพิมพ์ตอนเลขคือเลขอะไร  บอกหน่อยสิ"  เฮซองเขยิบเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ  พร้อมโน้มหน้าเข้ามา

                    "แค้กๆ "  ฉันสำนักข้าวออกมา  เฮซองรีบส่งแก้วน้าให้ฉัน  นี่ถ้าฉันไม่บอก  มีหวังเฮซองเซ้าซี้ไม่เลิกแน่  "คือฉันจะกดวันเกิดนายนั้นแหละ  แต่มันกดผิด  ฉันเลยปล่อยมันไป  เพราะฉันไม่คิดว่าจะมีไอ้บ้าที่ไหนมาสุ่มกดรหัสห้องฉัน  แล้วฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนใจด้วยเข้าใจป่ะ  ฉันชอบนายคนเดียวนั่นแหละ  นายมันบ้าคิดไปเอง  เลิกคิดมากแล้วก็อย่ามาขัดขว้างการกินของฉัน "

                    จุ๊บ

                    O_O เฮือก

                    เฮซองหอม  หอมแก้มฉัน 

                    "ฉันจะเลี้ยงจนเธออ้วนไปเลย  ดังนั้น  เธอห้ามหนีฉันไปไหนอีก  ห้ามเปลี่ยนใจด้วย  โอเค๊"

                    TOT  น่ารักแบบนี้  ฉันไม่ไปไหนหรอกกกก  จริงๆนะ

                   
                   

                    โลกทั้งใบสวยสดใสเหมือนใบใม้ที่กำลังเปลี่ยนสี..

    ________________________________

    THE FARRY's House
    farry テーマ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×