ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Broken in Silence .. (KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #5 : Broken in silence .. // 3 //

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 758
      3
      30 ส.ค. 54

     













    .. Chapter 3 ..









                 แต่ในเมื่ออุตส่าห์โง่มาขนาดนี้แล้ว ซองมินก็ขอโง่อีกสักครั้ง เขายังเชื่อมั่นกับสิ่งที่ผ่านมา คยูฮยอนต้องไม่ได้โกหก อีกฝ่ายคงกำลังมีปัญหาอะไรแน่ๆ ในฐานะคนรักกัน ซองมินขอโง่ที่จะทำตามที่คิดอีกสักครั้ง


                 ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์กับการรอคอยด้วยความหวังว่าอีกคนจะกลับมาหากัน สุดท้ายแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงา ซองมินที่ยังคงเชื่ออยู่ก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้


                 โจวคยูฮยอน

                 ชื่อนี้ที่บังเอิญว่าเป็นซองมิน หากเป็นคนอื่น เรื่องมันอาจง่ายกว่านี้
                 ชื่อนี้เป็นเพียงอย่างเดียวที่ซองมินจะใช้ตามหาคยูฮยอนได้ ร่างเล็กหายวับออกจากร้านที่เปิดทิ้งไว้ไปยังร้านอินเตอร์เน็ตในเมืองทันที และมันก็ช่วยตอกย้ำความโง่ของตัวเองได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมนิ่งค้างอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงอ่านเบาๆดึงขึ้นกับตัวเอง


                 “ .. โจวคยูฮยอน ลูกชายคนเล็กของ ..ริมฝีปากบางอ้าค้างอยู่เมื่ออ่านต่อไปไม่ออก บรรทัดนั้นที่กำลังจดจ้องมันเขียนเอาไว้ถึงนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง คนที่ใครๆก็รู้จัก และเป็นคนที่ซองมินเพิ่งรู้วันนี้เอง ว่าเป็นพ่อของอีกฝ่าย


                 หึ โง่จริงเชียวซองมิน


                 เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีในการตั้งสติและตอกย้ำว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเพียงใด แต่ก็บอกแล้วว่าครั้งนี้ขออีกสักครั้ง ซองมินปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็งเอาไว้ เขาหาที่อยู่ของคยูฮยอนจนเจอโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอื่นเลย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะได้พบอีกฝ่าย ซองมินต้องรู้กับตัวเองให้ได้ว่าทำไม ทำไมต้องบอกว่าลาก่อน อยากลากันจริงๆหรือว่าจำเป็น

                 การตั้งหน้าตั้งตาทำเรื่องแบบนี้ทำให้ตัวเองไม่มีเวลาคิดอะไรอีกเลย ไม่ได้แม้แต่จะคิดว่าทำบ้าอะไรลงไป คนเค้าทิ้งกันแล้วยังจะไปถามเอาความจริงให้มันได้อะไรกัน แต่ใจอีกด้านมันบอกว่าซองมินยังเชื่อคยูฮยอนอยู่เต็มอก เขามั่นใจว่าคยูฮยอนไม่มีวันโกหก มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ


                  


                 อากาศหนาวปะทะผ่านเสื้อโค้ทตัวนอกเข้ามาในเนื้อกายที่สั่นระริก แสงไฟจากตึกสูงในเมืองหลวงหวนให้คิดถึงสมัยที่เคยอยู่ เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตคือการสูญเสียครอบครัวไป และตอนนี้ก็กำลังจะสูญเสียคนสำคัญอีกคนไปไม่ต่างกัน

                 เรื่องนี้ที่ยังจัดการไม่ได้ เมื่อมานึกถึงเรื่องครอบครัวแล้วจิตใจมันก็ห่อเหี่ยวจนแทบก้าวขาไม่ออก ซองมินคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ และน้องสาวที่น่ารักของเขา จะทำยังไงถึงจะได้คนพวกนี้กลับคืนมา เขาจะทำยังไง ในเมื่อรั้งไว้ไม่ได้แล้วต้องตายตามไปหรืออย่างไร

                 .. ทำไมความรัก มันถึงไขว่คว้าเอาไว้ได้ยากเหลือเกิน ..


                 ริมทางยามพลบค่ำมีรถคันอื่นวิ่งผ่านไปมาโดยไม่มีใครสนใจกัน มือบางกางแผ่นกระดาษที่อยู่ออกดูหลังจากที่เดินทางมาถึงได้ไม่นาน ด้วยความหวังที่มีอยู่ กับแค่การถามหาบ้านของใครสักคนที่เป็นถึงคนมีชื่อเสียง แค่นี้ไม่ได้ลำบากเกินความสามารถของเขาอยู่แล้ว


                 .. พ่อครับ แม่ครับ ช่วยผมด้วยนะ


                 ซองมินตั้งใจอยู่ตามลำพังกับการจะพบคยูฮยอนให้ได้ เขาใช้เวลาไม่มากนักในการตามหาบ้านของอีกฝ่าย ในใจก็กล้าๆกลัวๆจนเกือบจะถอดใจแล้ว แต่พอมาถึงที่แล้วจะให้กลับไปเลยมันก็ทำไม่ทันเสียแล้ว


                 ประตูรั้วสูงตระหง่านล้อมรอบบ้านหลังใหญ่โออ่าราวกับวังเอาไว้ ภายในอ้อมล้อมไปด้วยสวนหย่อมดูดีที่แสนกว้างขวาง รถหลายคันเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบพร้อมด้วยชายคนขับรถหลายคนที่อยู่พร้อมรับใช้ หน้าประตูรั้วที่เขามองผ่านเข้าไปนั้นเห็นชายในชุดดำหลายคนยืนเป็นแถวตามจุดต่างๆของบ้าน ไม่น่าแปลกสักนิดเพราะเจ้าของที่นี่เป็นถึงนักการเมืองที่มีชื่อเสียงที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนคุ้มกันอยู่เสมอ

                 แสงไฟจากหลอดลายเรียบสวยที่ปลายรั้วประทบกับใบหน้าของซองมินยามที่ยืนมองอยู่ห่างๆ จากที่กำลังชั่งใจอยู่โชคชะตาก็ไม่ให้เวลากันเลยเมื่อคนด้านในสองคนตรงออกมาหาเขาทันที ร่างเล็กเงยหน้ามองก่อนจะถอยหลังออกมาหนี่งก้าวด้วยความตกใจ ท่าทางขึงขังของชายร่างใหญ่ที่เหมือนจะหักกระดูกของเขาทิ้งได้นั้น ดูยังไงก็ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรอก
                 นายเป็นใครคำถามตรงๆไม่ต่างกับท่าทางดังออกมาจากปากของหนึ่งในนั้น แววตาน่ากลัวยื่นเข้ามาใกล้กว่าเดิม และหากไม่ตอบเดี๋ยวนี้มีหวังต้องตายแน่ๆ

                 อ่ะ เอ่อ ผมชื่ออีซองมิน จะมาขอพบคุณชายของพวกคุณ

                 คุณชาย .. คุณชายคยูฮฮยอนเหรอ

                 ชะ ใช่ครับ ผมมาพบคุณโจวคยูฮยอนซองมินบอกอีกครั้งด้วยความหวังว่าจะสื่อกันรู้เรื่อง คนตรงหน้ายิ้มออกมานิดๆทำให้คนที่หวังอยู่ยิ้มตามไปด้วย แต่แล้ว ..

                 เสียใจด้วยนะ คุณชายไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบความหวังที่มีถูกตัดฉับเอาง่ายๆเมื่อได้รับการปฏิเสธตรงๆ ซองมินจุกที่ในอกด้วยความไม่กล้า แต่ไหนๆแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือก

                 ขอผมพบเถอะนะครับ บอกเค้าว่าซองมินมาพบ เค้าอนุญาตแน่ๆ นะครับ

                 ไม่ได้

                 ขอร้องเถอะนะครับ นะครับ ผมมีเรื่องด่วนจริงๆ

                 เฮ้ยนี่ บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ พูดไม่รู้เรื่องรึไงกันอีกฝ่ายเริ่มกระชากเสียงใสอย่างไม่ไยดี แต่ซองมินก็ยังคงดึงดันจะเข้าไปให้ได้

                 ขอร้องเถอะนะครับ เห็นใจผมเถอะ ผมต้องพบคุณชายของพวกคุณให้ได้เลยนะ

                 บอกว่าไม่

                 เอางี้ คุณบอกให้เค้าออกมาหาผมก็ได้นะ ผมจะรอตรงนี้แหละ ไม่เข้าไปก็ได้

                 ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่ นายเป็นใครกัน ถ้าสำคัญนักคุณชายคงบอกพวกเราไว้แล้ว นี่อะไร...พูดแล้วก็ก้มมองร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูกดูแคลน ซองมินเริ่มไม่พอใจบ้างแล้ว เขาเสียใจมากพอแล้วนะที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ก็ในเมื่อพูดไม่รู้เรื่องเหมือนกันก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป ร่างเล็กถือโอกาสที่คนพวกนี้กำลังพิจารณาเขา สองท้าวรีบวิ่งผ่านประตูรั้วขนาดใหญ่เข้าไปอย่างรวดเร็ว
             

                 เฮ้ย หยุดนะ!คนทั้งสองตะโกนเรียกเอาไว้อย่างไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าขนาดนี้ ซองมินวิ่งผ่านเข้ามาด้านในโดยมีสองร่างของชายตัวใหญ่ตามมาติดๆ เรียวแขนข้างหนึ่งถูกกระชากไว้เมื่อคนข้างหลังวิ่งตามมาทัน ร่างเล็กทรงตัวไม่อยู่ขณะที่ดันมืออีกฝ่ายออก ซองมินรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีกระทืบลงไปบนเท้าของคนทั้งสอง เขาหันกลับมาก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียกคนที่ต้องการมาพบให้ได้

                 คยูฮยอน คยูฮยอน ออกมาหาผมทีได้มั้ย!!เสียงร้องโหวกเหวกของซองมินดังขึ้นเรียกให้แม่บ้านและสาวใช้ต่างต้องวิ่งออกมาดู ทุกคนที่ได้ยินต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลาอย่างนี้ ชายทั้งสองเห็นท่าว่าจะเกินเลยแล้วจึงตรงเข้ารวบคนตัวเล็กเอาไว้อีกครั้ง

                 ปล่อยนะเว้ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปหาคยูฮยอน

                 หนอย .. พูดดีๆไม่รู้เรื่อง งั้นต้องใช้กำลังกันแล้วมั้งหมัดข้างหนึ่งยกขึ้นหมายจะทำร้ายคนตรงหน้าที่ไม่ยอมทำตาม ดวงตากลมที่เริ่มมีน้ำตาคลอรีบหลับลงแน่นด้วยความหวาดกลัว หมัดหนักๆแทรกผ่านอากาศตรงเข้าที่ใบหน้าของคนที่ไม่มีทางหลบ และก่อนที่มันจะสัมผัสโดนก็ชนเข้ากับมือของใครบางคนเสียก่อน

     

    .. ร่างสูงของใครสักคนกายเข้ามาขวางซองมินเอาไว้ เสียงทุ้มเอ่ยอย่างราบเรียบแต่ฟังดูเอาเรื่องมากทีเดียว

                 อย่าได้ทำอะไร ถ้าคุณชายไม่ได้สั่ง
                 แววตานิ่งขึงแฝงไว้ด้วยความดุดันยามจ้องมองคนตรงหน้า ทั้งสองร่างที่อยู่ข้างกันต้องยอมปล่อยมือออกจากการบีบแขนซองมินเอาไว้

                 เหอะ แกคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นแขกของคุณชายจริงรึไงวะคิบอม” 

                 “ .. แต่ถ้าไม่มีใครสั่ง แกก็ไม่มีสิทธิ์ เมื่อยื่นคำขาดสั้นๆ อีกฝ่ายก็ไม่มีคำจะเถียง

                 ซองมินขยับกายออกมาจากคนทั้งสามที่จ้องหน้ากันอยู่ สองมือลูบขึ้นลงที่แขนตัวเองด้วยความเจ็บ รอยแดงเป็นจ้ำปรากฎขึ้นให้เห็นชัดเจน เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่มาขวางเอาไว้เป็นใคร แต่ถ้าอีกฝ่ายจะหันมาเสียหน่อยเขาก็อยากจะขอบคุณจากใจเป็นการตอบแทน ร่างสูงในชุดสูทสีดำมีเพียงความเงียบขรึมในระหว่างนั้น สายตาคมนิ่งเย็นหันขวับมาหาร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก คนอื่นๆจ้องมองเหตุการณ์ต่างๆต่อไปจนลืมหน้าที่ตัวเองไปแล้ว

                 คุณ เป็นอะไรมากมั้ยเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ผิดคาดกับที่ซองมินคิด คนๆนี้ช่างแตกต่างกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนเสียจริงๆ อย่างน้อยก็ใช้สรรพนามได้ให้เกียรติกันมาก จะเว้นก็แต่สายตานี่แหละที่มันนิ่งจนเดาอะไรไม่ได้ .. คล้ายกับใครบางคน

                 เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันเอาไว้

                 ไม่เป็นไร ผมแค่ไม่อยากทำเกินคำสั่งที่ได้รับ

                 ซองมินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ใช่เพราะกำลังกลัวคนตรงหน้า แต่แค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อดี ตอนนี้มันชาๆในหัวจนปวดไปหมด .. บอกตรงๆว่าเหนื่อยเหลือเกิน

                 เหนื่อยเหรอราวกับได้ยินสิ่งที่อยู่ภายในใจ ผู้ชายที่ซองมินได้ยินว่าชื่อคิบอมนั้นกล่าวถามออกมาตรงๆ เขาอยากจะขอบคุณอีกครั้งที่ยังอุตส่าห์ถามกัน แต่ก็ช่างเถอะ ก็คงแค่ทำตามหน้าที่ให้ผ่านๆไป หลายคนที่ยืนมองอยู่ทำให้ซองมินเริ่มจะเกิดอาการแปลกๆ ไม่รอช้าจึงต้องรีบทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้

                 เอ่อ คือ นายช่วยบอกคยูฮยอนให้มาพบฉันทีได้มั้ย

                 คุณชายคยูฮยอน

                 ก็ใช่น่ะสิ นะๆ ฉันจำเป็นต้องพบเค้าจริงๆ

                 แล้วคุณเป็นอะไรกับคุณชายล่ะ

                 ก็เป็น ...

                 .. นั่นสิ จะต้องบอกว่าเป็นอะไรล่ะ แล้วตอนนี้เป็นอะไรกันแน่

                 ตาทั้งคู่ฉายแววหวั่นใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด คิบอมก็ยั่งคงยืนนิ่งรอฟังอยู่ น่าแปลกที่ไม่ต้องให้อีกฝ่ายร้องขอให้มากความ เขาอยากจะทำตามที่ขอเสียเดี๋ยวนั้นเลย

                 งั้น คุณรออยู่ตรงนี้นะ ...



                 ใครน่ะ!!
                 ไม่ทันจะพูดจบ เสียงผู้หญิงที่ฟังดูมีอำนาจในบ้านหลังนี้ก็ย่างกรายออกมายังด้านนอก แม่บ้านและสาวใช้หลายคนโค้งให้ก่อนจะรีบกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนเมื่อถูกสายตาของเจ้านายปราดมองโดยไม่ต้องเอ่ย ถึงแม้อย่างนั้นก็ใช่ว่าพวกเธอทั้งหลายจะไม่สนใจมองลอดหน้าต่างออกมาเลยเสียทีเดียว
                

                 หญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงามบนใบหน้านั้นจ้องมองออกมายังชายหนุ่มคนแปลกหน้า เรียวตาสวยหรี่ลงมองอย่างแปลกใจและสงสัย ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงมีราคาเหยียดออกเมื่อก้าวตรงมาหาซองมิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร คิบอมโค้งให้ก่อนจะขยับกายออกมาให้ผู้เป็นเจ้านายเดินผ่าน

                 เธอเป็นใครเหรอพ่อหนุ่ม อยากพบลูกชายของฉันมีธุระอะไรไม่ทราบเสียงเอ่ยต่ำอย่างไว้เชิงถามออกมาให้คนที่ยืนอยู่เกิดอาการประหม่ามากขึ้น

                 ผม ผมชื่ออีซองมิน จะมาพบคุณคยูฮยอน

                 หือ .. มาพบงั้นเหรอ ธุระอะไรล่ะ

                 ธุระ เอ่อ คือ ไม่มีหรอกครับ แต่แค่ขอพบแป๊บเดียวเท่านั้น ไม่นานหรอกครับยิ่งพยายามขอร้องเท่าไหร่ซองมินก็รู้สึกเหมือนน้ำตาตกในเท่านั้น น่าสมเพชตัวเองไม่หายที่มาให้ขายหน้าคนอื่นเปล่าๆ ขนาดเจ้าตัวเค้ายังไม่โผล่ออกมาดูเลยด้วยซ้ำ

                 ว่าแต่เธอเป็นใครล่ะ เป็นอะไรกับคยูฮยอน

                 ผม ผมเป็น ...อีกครั้งแล้วที่ซองมินพูดไม่ออก มันตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นอะไรกัน

                 ฉันถามไม่ได้ยินรึไง

                 เอ่อ คือ ..........”

                 งั้นก็พอแค่นี้แหละ เธอคงมาผิดที่แล้วล่ะมั้ง กำลังมืดแบบนี้ .. สงสัยจะหลงทางท้ายประโยคเน้นเบาๆให้ซองมินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะมากขึ้น

                 .. หลงทางงั้นเหรอ ..

                 ผมไม่ได้หลงทาง ผมมาหาคยูฮยอน โจวคยูฮยอนน่ะ คุณก็รู้ซองมินหมดความอดทนแทบจะในทันที เขาพูดเสียงดังฟังชัดให้ได้ยินกันทุกคน และคนตรงหน้าที่ยืนอยู่ก็คงจะเข้าใจได้ง่ายๆ

                 หึ กล้าดีเหมือนกันนะ คยูฮยอนคงไม่รู้จักคนแบบเธอหรอกยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเฉียบแบบผู้ใหญ่ แววตาดูถูกปรายมองร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางที่ปฏิบัติต่อผู้มาเยือนอย่างนี้ ซองมินไม่เข้าใจว่าที่นี่สอนกันมาแบบนี้ตั้งแต่เจ้านายยันลูกน้องเลยหรือยังไง

                 แต่ฉันจะบอกอะไรให้ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครหรือเป็นอะไรกับคยูฮยอน ก็อย่าได้สำคัญตัวผิดไป ลูกชายฉันเป็นคนเบื่อง่าย บางทีเค้าก็จะชอบออกนอกบ้านไปหาอะไรสนุกๆทำอยู่สักพักแล้วก็กลับมา อย่างนี้ล่ะนะ ไม่สนุกก็เลิก



                 “.............”

                 นั่นแหละ เผื่อเธอจะรู้จักเค้ามากขึ้น



                 เหมือนจะหวังดี แต่ที่จริงแล้วสำหรับคนรอบข้างในที่นี้ไม่มีใครไม่เข้าใจกับสิ่งที่เจ้านายตัวเองพูด ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ห่างออกมาไม่มากกำลังจ้องมองคนตัวเล็กอยู่ ซองมินกำมือเบาๆเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้แสดงออกไปถึงความอ่อนแอที่มีในตอนนี้


                 ไม่จริงหรอก คุณพูดอะไรน่ะผมไม่เข้าใจ!

                 ไม่เข้าใจงั้นเหรอ...

                 ใช่ ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร คุณบังคับคยูฮยอนให้ไม่ยอมพบผมใช่มั้ยล่ะ คุณบังคับเค้าแน่ๆ
    เสียงดังขึ้นของซองมินทำให้คนอื่นๆนึกกลัวตามไปด้วย ไม่เคยมีใครที่ไหนจู่ๆก็มาตะโกนใส่หน้าคุณผู้หญิงของบ้านอย่างนี้

                 ท่านครับ ให้เรา...

                 ยังก่อน ฉันยังไม่อยากใจร้ายหล่อนผายมือขึ้นเป็นเชิงห้ามเมื่อบอดี้การ์ดร่างยักษ์คนหนึ่งเข้ามากระซิบถามอย่างเป็นห่วง คิบอมข่มสายตาให้นิ่งเอาไว้ เขามองคนตัวเล็กที่ฝืนยืนหยัดอยู่ด้วยความสงสาร อยากจะบอกเหลือเกินว่าให้รีบกลับบ้านไปเสียตอนนี้จะดีกว่า

                 เธอบอกว่าฉันบังคับเค้าเหรอ มากเกินไปรึเปล่า

                 ถ้าแม่ไม่ได้บังคับ งั้นพ่อก็ต้องบังคับ

                 ลามปาม!!

                 “ .. คุณโกหก คยูฮยอนอยู่ที่นี่และเค้าก็อยากพบผมด้วย

                 อย่ารู้ดีไปหน่อยเลยน่ะ ลูกชายฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิดหรอก

                 ไม่ ผมไม่เชื่อ! ในเมื่อซองมินเริ่มสติขาดผึง อารมณ์ทุกอย่างมันก็ปะทุออกมาผ่านสายตาและคำพูด ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำคลอออกมาอีกครั้ง มันรู้สึกตันในอกไปหมดจนอยากจะร้องไห้  สภาพการณ์แบบนี้ ไม่มีใครมาเจอเองไม่รู้สึกหรอก

                 โจว คยูฮยอน .. ออกมาพบผมสิ คุณออกมาสิ!!!เสียงเล็กร้องตะโกนขึ้นไปรอบๆอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาคมแบบเดียวกับลูกชายต้องเลิกคิ้วขึ้นกับเด็กคนนี้ที่หล่อนคิดว่าจะกล้ามากไปแล้ว อดคิดไม่ได้ว่าลูกชายของตัวเองไม่น่าไปให้ความหวังใครไว้เลยจริงๆ

                 คนทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบข้างจ้องคุณผู้หญิงของพวกเขาด้วยรอคำสั่ง ไม่เว้นแม้แต่คิบอมที่เริ่มจะต้องคิดตาม เขาอดสงสารคนที่กำลังมองดูอยู่ไม่ได้เลยจริงๆ อุตส่าห์มาถึงที่นี่ จะกล้ามากไปรึเปล่า ถ้าเป็นคนอื่นคิบอมคงคิดสงสารว่าสำคัญตัวผิดไปแน่

    แต่นี่ไม่ใช่ เพราะเขารู้ดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก ว่าสำคัญตัวผิดหรือไม่

                 ร่างโปร่งในชุดกระโปรงผ้าลื่นตัวยาวเริ่มขยับเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีท่าทางจะหยุดทำบ้าๆเสียที ซองมินเองก็รู้สึกอึดอัดเช่นกันที่ทุกอย่างไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ร่างเล็กตัดสินใจถีบตัววิ่งผ่านคนตรงหน้าเพื่อจะเข้าไปข้างในให้ได้

                 .. เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำเรื่องบ้าๆอยู่ แต่ขอสักครั้ง ขอแค่สักครั้ง อยากเจอ อยากถาม ในความรู้สึกมันบอกซองมินว่าคยูฮยอนอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปไหน

                 จับเอาไว้สิ!!เสียงแหลมของนายหญิงร้องสั่งให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่นั้นทำหน้าที่ที่ควรเสียที ซองมินวิ่งอย่างสุดแรงตรงเข้าไปข้างในเพื่อจะพบคยูฮยอนให้ได้ แต่แล้ว .. ก็อย่างที่น่าจะรู้

     

     

     

    เข้าไปได้ก็แปลกเกินไปแล้ว อี ซองมิน



                 ชายชุดดำร่างใหญ่สองคนตรงรี่เข้ารวบเอาร่างเล็กๆที่ดิ้นสุดแรงให้ออกมาด้านนอกตามเดิม

                 ปล่อย ปล่อยนะเว้ย ปล่อยฉัน!!ซองมินร้องลั่นเมื่อหนีไปไหนไม่รอด ร่างเล็กถูกลากหรือจะเรียกว่าหิ้วติดมือออกมาง่ายๆเห็นจะดีกว่า เรียวปากสีแดงของคนสั่งยกยิ้มขึ้นชวนให้ขนลุก ก่อนที่หล่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วหุบยิ้มลง


                 อย่าคิดลองดี ถ้าเธอไม่อยากเจ็บตัว

                 อึก .. ไม่ คุณบังคับเค้าแน่ๆ ผมรู้

                 งั้นเหรอ อวดดีจริงนะหนุ่มน้อย สำคัญตัวมากไปแล้วเสียงเย็นกระซิบเมื่อยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้
    แรงกดทับในอกของซองมินมากขึ้นๆตามความรู้สึกในเวลานี้ เขารู้ได้ถึงน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อออกมา

                 .. ไม่ อย่าร้องนะซองมิน
                 เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ริมฝีปากทั้งคู่เม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่คิดจะเอ่ยอะไร




                 เฮ้อ .. ว่าแล้วไง ไหนๆก็อยากเจอลูกชายฉันแล้ว งั้นก็ดูเอาเองแล้วกันว่าฉันไม่คิดจะโกหกพูดจบ ใบหน้าสวยคมที่แต่งแต้มเครื่องสำอางยี่ห้อดีก็เงยหน้ามองไปที่ชั้นบนของตัวบ้าน สองแขนที่ถูกรวบเอาไว้บัดนี้เป็นอิสระแล้ว ซองมินถูกสะบัดออกมาให้ทรุดอยู่กับพื้น เขามองตามขึ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัยพร้อมๆกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์

                 หน้าต่างบานใหญ่ของห้องที่ซองมินคิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนนั้นสว่างขึ้นด้วนไฟสีส้มอ่อน ร่างสูงที่ไม่คิดจะได้เจอกันแบบนี้หยุดยืนมองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดแล้ว ซองมินฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย ความหวังทั้งหมดตีล้นเข้ามาในอกของเขาอย่างสุดจะบรรยาย ในที่สุดคยูฮยอนก็ออกมาแล้ว คยูฮยอนกำลังจะมองลงมาที่ซองมิน เขากำลังจะเห็นว่าคนรักของตัวเองอยู่ตรงนี้           
                    

                 .. เขาจะต้องลงมาหาแล้วบอกกับทุกคนว่า เราเป็นอะไรกัน


                 คยูฮยอน..เสียงครางเบาๆของซองมินหลุดออกมาจากปากยามที่กำลังดีใจ ถึงตอนนี้ต่อให้เขาต้องทรุดนั่งลงกับพื้นก็ยอม ได้โปรด อย่าให้ต้องรอนานกว่านี้อีกแม้เพียงอีกวินาทีเลย พลันความคิดยังไม่สิ้นสุด ร่างของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างก็ค่อยๆก้มหน้าลงมายังคนด้านล่าง สองสายตาสบกันอย่างง่ายดาย ซองมินยิ้มกว้างไปให้ เขากำลังหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเช่นกัน .. ยิ้มอย่างเคยในเวลาที่อยู่ด้วยกัน

    แต่ไม่เลย ซองมินคงคิดผิดมากกว่า .. ใบหน้าหล่อเหลามีเพียงแววตานิ่งขรึมและเฉยชาให้ได้สัมผัส รอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าหวานของคนด้านล่างนั้นค้างอยู่ไม่นานก็ค่อยๆเลือนหายไป มันไม่ใช่เรื่องตลกหรือน่าขันเลยสักนิดหากว่าอีกฝ่ายจะล้อกันเล่น

    ความเย็นจากสายตาอันแสนเมินเฉยทะลุผ่านหัวใจคนตัวเล็กไปเสียดื้อๆ

    ยิ่งจ้องตากันไกลๆ ยิ่งเหมือนห่างออกไปมากกว่าเก่า

                 คยูฮยอน ...เสียงเรียกชื่อเบาๆเอ่ยออกมาแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินมันเลยก็ตาม สีหน้าผิดหวังฉายออกมาอย่างไม่คิดจะอายใคร ทุกสายตามองตามร่างเล็กที่นั่งทรุดกับพื้นขณะที่ใบหน้านั้นเงยขึ้นมองคนด้านบนไม่ขยับไปไหน

    คุณชายผู้เยือกเย็นของเหล่าลูกน้องยังคงเป็นอย่างนั้นไม่มีเปลี่ยนไป หากใครลองถูกล่อให้ติดกับแล้วถูกทิ้งเหมือนลูกหมาข้างถนนก็ต้องโชคร้ายทรมานกันไป

    เหมือนกับ อี ซองมิน คนนี้

    ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร แค่ทุกคำพูดที่ผ่านสายตาคู่นั้นออกมา แค่นี้เขาก็รู้แล้ว

                 “.......... ไม่จริง ทำไมซองมินรู้สึกเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาอีก แววตาหมองเศร้ากำลังร้องขอให้คนที่สบตากันอยู่ได้เข้าใจเสียที แต่ไม่เลย โจว คยูฮยอน ทำเพียงแค่ยกยิ้มนิดๆราวกับกำลังมองลูกหมาข้างถนนตัวนี้อย่างแสนสมเพช 

                 โจวคยูฮยอนคงไม่คิดจะแคร์ แม้ว่าตอนนี้น้ำตาของคนๆนี้มันกำลังไหลออกมาราวกับห่าฝน และแม้ว่าตอนนี้ อีซองมินกำลังเจ็บเจียนตาย .. ก็ตาม 


                 ฮึก .. คยูฮยอนเสียงแผ่วเบาที่พูดกับตัวเองดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยินมัน ไม่เว้นแม้แต่ร่างสูงของหนึ่งในบอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนเงียบและทำได้เพียงแค่มองอย่างเห็นใจ

    คิม คิบอมไม่เข้าใจตัวเองนักหรอก ไม่เข้าใจว่าทำไมวูบหนึ่งในใจมันอยากพาคนๆนี้ออกไปจากที่นี่เหลือเกิน

    คุณผู้หญิงของบ้านที่มองเหตุการณ์อยู่นั้นถอนหายใจออกมาเบาๆ หล่อนไม่ถึงกับใจร้ายขนาดที่พอใจกับการกระทำของลูกชายตนเองหรอก แต่ก็ต้องถือซะว่าอีกฝ่ายโชคร้ายเองที่ถูกทำแบบนี้

                 เธอกลับไปเถอะ เค้าเห็นเธอแล้วไง พอรึยัง แต่ก็นะ .. คยูฮยอนไม่ลงมาหรอก

                 “..............”

                 นี่ ได้ยินมั้ยที่ฉันพูดเสียงแหลมเพิ่มระดับความดังขึ้นอีกแต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะสนใจ ซองมินกำลังไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ฉากสุดท้ายอันแสนเศร้าจบลงด้วยการที่คนด้านบนส่ายหัวให้กับเขาอย่างไม่ไยดีก่อนที่ม่านลายหรูจะถูกตวัดปิดหน้าต่างบานนั้นลง



                 และภาพสุดท้ายก็คือใบหน้าของคนรักที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ก่อนที่ภาพอื่นๆมันจะกลายเป็นเบลอไปหมดเพราะม่านน้ำตาที่บดบังทุกอย่างรอบกาย เสียงสะอื้นเบาๆแทรกผ่านอากาศเย็นเยียบให้คนรอบกายแทบทั้งบ้านหลังโตได้เพียงแค่มองตามด้วยความรู้สึกหดหู่

                 เฮ้อ .. ดื้อจริงนะหนุ่มน้อย ถือว่าเธอโชคร้ายหน่อยละกันนะที่มาเจอลูกชายฉัน รายนี้เค้าเบื่อเร็ว อีกอย่างก็ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนเธอถึงต้องมาถูกทิ้งอย่างนี้ กลับบ้านเถอะนะ


                 ฮึก....


                 ซองมินไม่ยอมแม้แต่จะขยับตัวไปไหนทั้งสิ้น และนั่นทำให้คุณผู้หญิงต้องใจร้ายด้วยอีกครั้ง  แรงดึงที่เรียวแขนของเขาโดยของชายร่างใหญ่สองคน เพียงแค่ตวัดนิดเดียวก็ทำเอาร่างเล็กปลิวติดมือมาได้แล้ว สภาพที่เหมือนตัวอะไรสักอย่างกำลังถูกหิ้วออกมานอกบ้านนั้นประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งหมดที่ยืนอยู่


                 .. แล้วลูกหมาข้างถนนตัวนี้ ก็ถูกเขี่ยให้ออกไปอยู่ข้างถนนอย่างเดิม

     

     

                           




                
    จบแล้วสินะ



                 นี่คือความคิดทั้งหมดที่แทรกผ่านสายฝนพรำเข้ามาในใจ มีเพียงเท่านี้จริงๆที่รับรู้ได้ แม้แต่หยดน้ำที่ซึมไหลไปตามร่างกายก็แทบไม่ได้อยากจะสนใจมันนัก

    หนาว .. อีซองมินกำลังหนาว แต่ไม่ใช่เพราะเสื้อที่เปียก ไม่ใช่เพราะความมืดและสายฝนพรำที่ทำให้เขาต้องยืนตากมันอยู่ข้างถนนอย่างนี้  อีซองมิน กำลังหนาวเพราะโจวคยูฮยอน



                 ฮึก ...เสียงสะอื้นเบาๆที่พยายามกลั้นเอาไว้ บัดนี้ไม่ต้องอายใครมากกว่าเดิมเสียอีก รถราที่ผ่านไปมาคันแล้วคันเล่าไม่ได้มีใครคิดจะมาเหลียวแลอยู่แล้ว เขาจะยืนให้อายอยู่ตรงนี้ก็ช่างประไรไป

                 ขาทั้งคู่เริ่มจะก้าวเดินไปตามข้างทางอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกหนัก แต่แล้วก็ต้องหยุดก้าวอีกครั้ง ซองมินเดินต่อไปไม่ออก เขาแทบไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากใบหน้าของใครบางคนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหายไปไหน

    แววตาเย็นชากับรอยยิ้มที่กำลังมองมาอย่างสมเพช .. นี่สินะที่บอกทุกอย่าง คำตอบที่ซองมินพยายามจะหาให้ได้ ที่แท้แล้วก็เพียงสั้นๆแค่นี้เอง ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของซองมินพร้อมกับสายฝนที่โหมกระหน่ำ และ .. จากไปในวันฝนพรำเช่นวันนี้


                 น้ำตาที่ไหลอาบแก้มคงไม่มีใครรู้ เพราะมันหลอมรวมไปกับสายน้ำเย็นที่ทำให้เปียกโชกไปทั้งร่าง เนื้อกายสีขาวผุดผ่องแนบติดกับเสื้อเชิ้ตตัวบางในยามที่ขาก้าวไม่ออกอีกแล้ว ร่างกายของเขาแข็งแรงดี แต่ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังจะตายก็ไม่ปาน


                 แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งที่จอดเทียบลงข้างๆนั้นได้ส่องกระทบแผ่นหลังของร่างเล็กที่ยังคงไม่ไปไหน ซองมินไม่ได้คิดสนใจจะหันกลับมามองเลยว่ามันเกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างไร

                 ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำได้ถอดเสื้อนอกออกแล้วลงมาจากรถพร้อมร่มคันหนึ่งในมือ ก่อนที่จะเดินตรงมาแล้วยื่นมันออกไปบังสายฝนไม่ให้ตกลงกระทบร่างตรงหน้าได้อีก สำหรับซองมิน ตอนนี้เม็ดฝนหยดแล้วหยดเล่าที่กระทบลงมาแรงๆบนร่างกายได้หายไปแล้ว เหลือเพียงเสียงหยดน้ำกระทบลงบนร่มเท่านั้น ใบหน้าขาวซีดเพราะความหนาวกับตาบวมช้ำค่อยๆเงยขึ้นมองใครสักคนในตอนนี้

    บอดี้การ์ดคนเดิมที่เคยช่วยเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้กำลังก้มมองลงมาด้วยสายตานิ่งๆอย่างเคย


                 คุณกำลังจะกลับบ้านใช่มั้ย
                 คิมคิบอมพยายามถามให้ดังกว่าปกติ เนื่องจากเสียงฝนที่ตกกระทบบนร่มอาจทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่คนฟังก็ดูท่าว่าจะไม่ได้ยินอย่างที่คิดจริงๆ ก็ในเมื่อถามแล้วไม่ยอมตอบอย่างนี้ ซองมินหลบสายตาคู่นั้นด้วยการหันหลังกลับแล้วจะเดินออกไปให้พ้นๆ แต่ยิ่งเดินออกมาเท่าไหร่กลับยังไม่พ้นปลายร่มที่ยังคงกางอยู่บนหัวตัวเองเสียที

                 คิบอมไม่ได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้อย่างที่อยากจะทำ หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ จึงต้องเดินกางร่มตามหลังไปช้าๆโดยที่กลายเป็นตัวเองที่ต้องเปียกเสียเอง แต่ก็คงไม่เท่าไหร่หากเทียบกับอีกคนที่ดูท่าจะสำลักน้ำฝนและจมน้ำตาไปแล้วในเวลานี้

                คุณ .. ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่ง

                 “........”

                 ซองมินยังคงไม่ตอบ แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างจึงหยุดเดินแล้วหันมามองอย่างแปลกใจ ปรอยผมสีดำขลับลู่ลงมาตามแก้ม ขณะที่คิ้วเรียวทั้งคู่จะขมวดเข้าหากันพลางเชิดหน้าขึ้นมอง

    หยดน้ำฝนที่ยังหลงเหลือเกาะอยู่บนใบหน้าข่าวผ่อง ยิ่งยืนใกล้ๆกันอย่างนี้คิบอมก็อดจะอยากมองนานๆไม่ได้ 



                 นายจะใจดีเกินไปรึเปล่า .. หรือคุณชายของนายเค้ามีน้ำใจให้ลูกน้องมาส่งแขกให้ถึงบ้านแบบนี้กันทุกคน 

                 สำหรับคิบอมแล้ว หากซองมินจะพูดถูกก็แค่บางส่วน แต่บางส่วนมันก็ใช่ว่าจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายคิดไปเสียหมด

                 คงจะอย่างงั้น

                 “.........”

                 เอาเป็นว่า คุณมากับผมเถอะ

                 แล้วทำไมฉันต้องไปกับนาย

                 คิบอมเหนื่อยใจอีกรอบกับคนตรงหน้า เขาไม่คิดจะตื๊ออีกต่อไปเพราะบางอย่างมันบอกว่าหากซองมินบอกว่าไม่แล้วก็คงจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ แล้วอย่างนี้คิบอมจะต้องทำยังไง

    บอดี้การ์ดหนุ่มยืนนิ่งอยู่อย่างเดิมพลางใช้ความคิดอย่างหนัก จะให้ขอร้องก็คงเป็นไปได้ยาก ครั้นจะใช้วิธีแบบเดียวกับคนทั่วไปก็ทำไม่ได้อีก แต่แล้วตอนนี้เขาก็ใช่ว่าจะมีเวลามาคิดมากต่อไปอีกเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังเดินหนีไปอีกแล้ว มือหนาข้างหนึ่งคว้าเข้าที่แขนของซองมินทันทีที่เริ่มก้าวขา


                 อะไรน่ะ มาจับฉันทำไม! .. ฝากบอกเจ้านายของนายด้วยว่าแขกคนนี้ไม่ต้องการความหวังดี ขอบใจมากพูดจบก็สะบัดแขนตัวเองออกแรงๆเหมือนอยากจะไปให้พ้นๆ คิบอมก็ยังคงไม่ปล่อย เขาพยายามเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหวังอย่างยิ่งว่าแขนของอีกฝ่ายจะไม่มีแม้แต่รอยช้ำ

    .. มันยากนะ กับการต้องมาบังคับใครสักคนโดยที่มีข้อจำกัดอยู่อย่างนี้ ถ้าเป็นคนอื่นพูดคำเดียวไม่รู้เรื่องเขาก็คงแค่เอาปืนจ่อหัวไปก็จบ แต่นี่อะไร จะแตะจะต้องก็ใช่ว่าจะทำได้


                 คิบอมถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างจนปัญญากับคนแสนดื้อแบบนี้ แขนข้างหนึ่งยังคงถือร่มเอาไว้ และอีกแขนก็ยังไม่ยอมปล่อยจากอีกคนเช่นกัน ซองมินทุบแขนของคิบอมหลายๆครั้งเพื่อให้ปล่อย คนหนึ่งยื้อยุดแขนตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่อีกคนกลับยืนนิ่งและไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นกัน

    ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ และบางทีเขาก็คงจะอดสงสารคนตรงหน้านี้ไม่ได้อีกเหมือนกัน

                 คุณอีซองมิน .. มืดแล้วมันอันตราย ผมจะไปส่งคุณเองเสียงทุ้มลึกกล่าวดังฟังชัด สักพักคนฟังก็นิ่งไป ซองมินหยุดยื้อแล้วมองหน้าคิบอมอีกที เขาไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้กำลังต้องการอะไร เวลานี้ซองมินไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น คิบอมยืนอยู่ท่าเดิมรอให้ซองมินหยุดไปเองอย่างที่กำลังเป็น แต่ท่าจะให้ดี ... เขาขอใจร้ายอีกสักหน่อยละกัน 


                 อย่าปฏิเสธน้ำใจคุณชายคยูฮยอนเลย .. ไม่เคยมีแขกคนไหนเคยปฏิเสธมาก่อน” 

                 ดูเหมือนจะได้ผลดีกว่าครั้งแรก เมื่อซองมินได้ยินชื่อนี้เข้าไปจากที่แทบไม่รับรู้อะไร ตอนนี้เขายิ่งอยากจะลืมหายใจไปให้ได้เลยด้วยซ้ำ คิบอมมองอาการคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ทั้งที่จริงกำลังสงสารจับใจ .. เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่มันจำเป็นต้องใจร้าย

    ความรักทำให้คนเราเจ็บขนาดนี้เลยสินะ

    ใบหน้าขาวผ่องที่เกาะไปด้วยยหยดน้ำฝน .. บัดนี้กลับอาบไปด้วยหยดน้ำตา ซองมินรู้สึกเหมือนตัวเองจะตายอีกแล้ว ในหัวมันอื้อไปหมด


    แล้วจู่ๆคนตัวสูงกว่าก็ต้องตกใจที่ผลการกระทำของตัวเองดูท่าจะรุนแรงไป ชายหนุ่มปล่อยร่มในมือข้างหนึ่งให้หลุดลงกับพื้น ก่อนจะคว้าเอาร่างที่เอนล้มหมดสติเอาไว้กับตัวเอง




                   “คุณอีซองมิน! .. คุณ ..  





                  คิบอมไม่รอช้าที่จะช้อนเอาร่างของซองมินขึ้นอุ้มแล้ววิ่งฝ่าสายฝนไปที่รถทันที  .. ให้ตายสิ ใครจะนึกล่ะว่าจะเป็นลมไปอย่างนี้ ถึงมันจะง่ายต่อการพากลับบ้านก็เถอะนะ 


                  


                 แม้ในยามหลับ ไม่ต่างจากในยามตื่น ความเจ็บช้ำมันยังคงอยู่ แม้ในความฝัน ..


                 ผนังห้องสีขาวไม่คุ้นถูกกวาดมองจนรอบ ดวงตากลมโตหลับลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง ซองมินไม่ได้อาการหนักขนาดที่จะลืมไปว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร และทำไมถึงมานอนที่ห้องแบบนี้ .. เขากวาดตามองอีกครั้งก่อนที่จะรู้ว่ามันคือห้องคนไข้

                 พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเลี้ยวเข้ามาอย่างเป็นห่วงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอแปลกใจกับท่าทางตกใจของคนบนเตียงที่ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันร่างของบอดี้การ์ดหนุ่มคนเดิมก็โผล่เข้ามาเสียแล้ว

                 คุณอีซองมิน .. ตื่นแล้วเหรอ

                 ชะ ใช่ .. นาย

                 ผมชื่อคิมคิบอม ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณตกใจจนเป็นลมไป
                 ถึงตรงนี้แล้วซองมินก็แทบพูดไม่ออก เขาไม่ลืมหรอกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น และเขาก็ไม่มีวันแน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

                 ผมให้คุณพยาบาลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณน่ะ คุณหลับไปหนึ่งชั่วโมงเต็มพูดแล้วก็หันมามองพยาบาลสาวด้วยความขอบคุณ แต่ซองมินกลับไม่ได้สนใจ .. หนึ่งชั่วโมงงั้นเหรอ งั้นมันก็ยังไม่ช้าไปหรอกสินะ ร่างเล็กลุกลงจากเตียงด้วยเสื้อผ้าที่คาดว่าเป็นของคิบอม แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาไม่อยากสนใจ ในหัวตอนนี้มันบอกแค่ว่าอยากไปให้พ้นๆ .. อยากขอเวลาทำใจ


                 เดี๋ยวสิ นี่คุณจะไปไหนคิบอมดึงแขนนั้นไว้ไม่ให้เดินออกไปจากห้อง พยาบาลสาวมองแล้วยิ้มแห้งๆอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจคนทั้งคู่นัก

                 ฉันจะกลับบ้าน

                 เดี๋ยวผมไปส่ง

                 ไม่ .. ฉันกลับเองได้ว่าแล้วก็สะบัดแขนออกแรงๆก่อนจะวิ่งออกไปทันที คิบอมยืนอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าคนๆนี้จะดื้อไปถึงไหน เพิ่งสลบมาแค่ชั่วโมงเดียวแล้วเอาแรงที่ไหนมาวิ่งหนีกันไปแบบนี้


    ชายหนุ่มถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ตอนนี้ที่รู้คือเขากำลังวิ่งตามคนๆนั้นออกไปอย่างไม่รอให้เสียเวลา


                 คราวนี้คิบอมไม่ตามตื๊อซองมินอย่างเคย เขาวิ่งตามไปจนเห็นหลังอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลนัก คนตัวเล็กทั้งเดินทั้งวิ่งสลับกันเพราะร่างกายที่คงจะไม่มีแรงเท่าไหร่นัก นั่นทำให้คิบอมได้แต่เดินตามช้าๆไม่ให้รู้ตัว เขาเฝ้าเดินตามซองมินจนออกนอกโรงพยาบาลไปยังถนนด้านนอก .. เฝ้ามองจนดูออกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ไปไหน อย่างไร





                 ซองมินหอบหายใจถี่ๆหลังจากที่ขึ้นรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลออกมายังถนนในเมืองเพื่อตรงไปยังที่ๆเขามา นี่เพิ่งจะไม่กี่ทุ่ม รถคงยังไม่หมดหรอก  ใบหน้าที่ช้ำจากการร้องไห้ได้หลับตาลงอย่างอ่อนล้า .. สุดท้ายแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าและโง่

                 หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาทีเขาก็มาถึงสถานที่รอรถบัสเพื่อกลับไปยังเมืองของตัวเอง ซองมินกำมือเบาๆเพื่อให้กำลังใจตัวเองในยามที่ไม่มีใคร ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถไปด้วยสภาพที่ดูเป็นปกติกว่าเดิม

                 สายฝนด้านนอกกระจกซาลงเรื่อยๆตามทางที่รถเคลื่อนผ่าน แสงไฟสลัวส่องกระทบใบหน้าหมองเศร้าเป็นระยะสลับกับเงาของต้นไม้ข้างทางที่จะออกจากกรุงโซล ซองมินยกแขนสองข้างขึ้นโอบตัวเองเอาไว้ จะหลับก็หลับไม่ลงทั้งที่เขาก็ง่วงมากเหลือเกิน ภาพของคนใจร้ายที่หน้าต่างห้องนั้นยังคงติดตาอยู่จนตอนนี้ ทำยังไงก็สลัดออกไปไม่ได้ มันโผล่เข้ามาเรียกน้ำจากตาของเขาอยู่ร่ำไป

    เสียใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้วสินะ อีซองมินจะเจ็บกว่านี้ได้อีกมั้ย 










                 ราวกับค่ำคืนนี้เดินผ่านไปทีละวินาที

                 ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย หนทางทอดยาวเข้าสู่เมืองผ่านเขตป่าข้างทางในยามเช้ามืดที่ยังไม่สว่างของอีกวัน เปลือกตาทั้งคู่ลืมขึ้นช้าๆเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงขยับของคนอื่นๆในรถเช่นกัน ซองมินมองไปยังข้างทางด้วยแววตาเช่นเดิม รถบัสแล่นผ่านมาตามทางเรื่อยๆก่อนที่จะหยุดลงหน้าทางเล็กที่ทอดไปอีกทาง

    ชายหนุ่มก้าวขาลงจากรถบัสก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวจากไปท่ามกลางความมืดอีกครั้ง แรงอ่อนล้าแล่นเข้ามายังขาทั้งคู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บของอากาศในยามนี้ เสื้อผ้าชั้นเดียวไม่มีอย่างอื่นปกคลุมไม่ได้ช่วยให้เขาอุ่นขึ้นเลยแม้แต่นิด ซองมินฝืนเดินไปเรื่อยๆตามทางที่ตรงไปยังบ้านของตัวเอง แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดลงเมื่อรถคันสีดำคุ้นตาจอดลงข้างๆกับตัวเอง

                 นาย...ซองมินเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเบาๆเมื่ออีกฝ่ายลงจากรถแล้วตรงเข้ามาหา คิบอมมองมาด้วยสายตาเรียบเฉยอย่างเคย ผิดจากซองมินที่ทำหน้าตกใจไม่หาย

                 ขึ้นรถสิ หนาวแบบนี้เดินไม่ไหวหรอก


    อย่าบอกนะว่าเป็นอย่างที่เขาคาดไม่ถึง ซองมินยังคงจ้องคิบอมไม่วางตาพร้อมกับความแปลกใจที่ยังคงอยู่


                 อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมหนาวเหมือนกันนะ ขึ้นรถเถอะคิบอมบอกอีกครั้งเพราะซองมินเอาแต่มองหน้าเขา

                 นาย .. มาที่นี่ได้ไง

                 ก็ขับรถมา

                 อย่าบอกนะ ..

                 อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละครับ





                 “……......” 

                 ก็ไม่ให้ผมมาส่ง ผมก็เลยขับรถตามคุณมาตลอดทางก็แค่นั้นเอง 

        

                 เอ้า .. ขึ้นรถเถอะว่าแล้วแขนแกร่งก็วาดออกไปเกี่ยวมือของซองมินให้เดินตามเขามาขึ้นรถ ร่างเล็กที่ยังอึ้งไม่หายนั้นกลับไม่ได้ขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น ทำได้ก็เพียงนั่งเงียบตลอดเส้นทางเล็กๆที่ตรงไปยังบ้านที่เขาอยากให้ถึงเร็วๆเหลือเกิน





                 เมื่อถึงแล้วซองมินก็วิ่งเข้าบ้านไปทันทีปล่อยให้คิบอมยืนมองอยู่อึดใจแล้วเดินตามเข้าไปโดยที่ไม่ต้องการคำเชิญ ระหว่างที่ก้าวเดินสายตาคมกวาดมองรอบๆตัวบ้านเพื่อรอดูสิ่งผิดปกติ .. เงาของใครสักคน
    เสียงกลอนล็อคแน่นขึ้นทำเอาซองมินต้องหันไปมอง คิบอมเดินไปปิดผ้าม่านลงจากหน้าต่างแทบทุกบานโดยไม่สนสายตาที่มองมาเลย

                 ทำอะไรน่ะซองมินถามเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายถือวิสาสะทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ยังไม่นับกับเรื่องการตามมาบังคับเขาให้ต้องประหลาดใจนั่นอีก
    คิบอมไม่ตอบ แต่กลับเดินเร็วๆไปเปิดห้องต่างๆออกดูเพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่าง

                 นี่ หยุดนะ !! ใครใช้ให้นายมาทำแบบนี้ในบ้านของฉันซองมินขึ้นเสียงกว่าเดิมขณะที่เดินตามคนตัวสูงไปติดๆ คิบอมหันกลับมาหาคนด้านหลังอย่างรวดเร็ว สายตาคมนิ่งขึงจ้องซองมินจนแทบไม่กล้าจะพูดต่อ

                 กรุณาอย่าส่งเสียงดังกว่านี้เถอะครับ ..ซองมินชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามคิบอมไปอีก

                 นี่ ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ขอสั่งให้นายออกไปเดี๋ยวนี้คิบอมยังคงเงียบเช่นเคย ชายหนุ่มกำลังทำหน้าที่ของตัวเองขณะที่อีกคนเริ่มจะส่งเสียงมากกว่าเก่า คนฟังถอนหายใจเป็นรอบที่สิบแล้ว ก่อนจะหันกลับมาหาอีกที

                 ผม บอก ให้ คุณ เงียบ
                 คิบอมเค้นเสียงทุ้มดังฟังชัดออกมาจนซองมินต้องแอบตกใจ สายตาแข็งกร้าวที่ดุราวกับเหยี่ยวทำให้ซองมินต้องก้าวถอยหลังออกมาเพียงนิด แต่ก็ไม่วายเชิดหน้าเอาไว้

                 หึ คิดว่าฉันกลัวรึไง

                 อย่าส่งเสียง

                 ไม่ นายจะทำไมล่ะ จะทำไม

                 ผมบอกให้คุณเงียบ

                 ไม่ ฉันไม่เงียบ ไม่เงียบๆๆๆ ได้ยินมั้ย!!!!ซองมินหมดความอดทนที่เก็บมาตลอด เขาขึ้นเสียงจนแทบจะเป็นตะโกน คิบอมหมดทางจึงต้องใช้วิธีเดียวที่เขาจำต้องทำ ร่างสูงกลั้นใจเพียงนิดก่อนจะชักปืนออกมาจากเอวให้ซองมินเห็น เขาเพียงแค่ดึงมันออกมาให้อีกฝ่ายเห็นก็เท่านั้น

                 ได้ผล ซองมินก้มมองวัตถุในมือของคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ใช่อยู่ที่เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าสู้ แต่ภาพแบบนี้ใช่ว่าเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก


    เมื่อนานมาแล้วในคืนพายุฝนวันนั้น วันที่คนๆนั้นเคยดึงมันออกมาให้เขาไม่มีทางขัดแย้ง ..


    ถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้ว่าน้ำตามันมาจากไหน มันไหลลงอาบแก้มของซองมินเป็นทาง หยดแล้วหยดเล่าหล่นลงกระทบพื้นกระเบื้องมันวาว ก่อนจะเงยขึ้นมองคนที่ยืนอยู่อย่างเดิม


                 เอาสิ .. ฉันไม่กลัวนายหรอก

                 “........” คิบอมพยายามกลั้นอารมณ์เอาไว้ เขากัดฟันแน่นเมื่อซองมินเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม



                 หึ .. ครั้งแรกที่เจอกับคุณชายของนาย เค้าก็ทำกับฉันแบบนี้แหละ เอาเลย นายจะระเบิดหัวฉันทิ้งเลยก็ได้นะ ..น้ำเสียงสั่นเครือของคนตรงหน้าแทรกผ่านความรู้สึกของคิบอมอย่างยากจะห้าม ชายหนุ่มนึกตามกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้หรอกนะว่าคุณชายของตัวเองกับคนๆนี้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันมายังไง แต่นี่มันไม่ใช่จุดจบอย่างที่อีกฝ่ายคิด

    แม้ว่าซองมินน่าสงสารแค่ไหนก็ตาม


                 เอาสิ ฆ่าฉันเลยสิ!พูดแล้วมือบางทั้งสองข้างก็ผลักเข้าที่หน้าอกของคิบอม ซองมินดันตัวเองเข้าหาอย่างไม่กลัวความตายเลยสักนิด คิบอมถอยหลังออกมาบ้างเมื่อถูกอีกฝ่ายทั้งผลักทั้งต่อว่า สายตาตัดพ้อจ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทที่ยังนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา ร่างสูงเบือนหน้าหนีไม่อยากจะมองหรืออีกอย่างคือไม่รู้จะทำอย่างไร


    สายตาคมยังไม่วายกวาดมองไปรอบๆบ้านและหน้าต่างที่เขาดึงม่านลง หวังว่าคงไม่มีอะไร และบังเอิญการที่อีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้เสียใจที่ถูกคุณชายของเขาทิ้งไปอย่างนี้ มันอาจจะเข้าแผนที่วางไว้ก็ได้


    คิบอมหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง


                 ฮึก .. ไหนๆฉันมันก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว คุณชายของนายมีอะไรดีทำไมฉันต้องเป็นแบบนี้

                 “............”

                 “... เค้า ทิ้งฉันไปแล้วจริงๆใช่มั้ย นายบอกทีสิ เค้าไม่ได้หลอกฉันใช่รึเปล่า




                 ฮึก ฮือ ... ยิงฉันให้ตายไปเลยสิกำปั้นเล็กที่ทุบอยู่กับอกแกร่งค่อยๆหยุดลงตามเสียงสะอื้นที่เพิ่มมากขึ้น คิบอมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาทำให้มืออีกข้างของเขาต้องยกขึ้นช้าๆ

                 คิบอมกำลังจะเอื้อมมือออกไปหมายจะสัมผัสน้ำตาบนใบหน้าของซองมิน แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ควร ร่างสูงจึงฝืนใจลดมือลงข้างกายตามเดิม

                 ฮึก .. ฆ่าฉันสิ ยิงฉันเลยสิ!ซองมินทั้งร้องไห้ทั้งเอ่ยแต่ประโยคเดิมๆราวกับคนบ้า คิบอมปล่อยให้ร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพักจนอีกฝ่ายเริ่มเงียบไปและก้มหน้าลงร้องไห้อย่างเดิม เขาเหนื่อยใจกับคนๆนี้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว จากที่ยืนเงียบมานานก็ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง 










                 “ .. มีเบียร์มั้ย 



                 ประโยคที่ไม่นึกว่าจะได้ยินทำเอาซองมินต้องเงยขึ้นมองทั้งน้ำตาอย่างแปลกใจ



                 ผมถามว่ามีเบียร์มั้ยคิบอมถามย้ำอีกครั้งเบาๆ น่าแปลกที่ซองมินไม่ได้จะถูกยิงอย่างที่คิดเอาไว้ รางเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันกับท่าทีของคนตรงหน้า เจ้าของบ้านงุนงงจนพูดแทบไม่ออก และก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าทำไมจะต้องยินดีเสนอบางอย่างออกไป



                 ไม่มีหรอก .. แต่ ถ้านายอยากได้ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้ก็ได้นะ

                 หึหึ คุณหยุดร้องแล้วเหรอถึงจะว่างออกไปซื้อให้น่ะคิบอมเลิกคิ้วขึ้นราวกับถามเด็กน้อย แน่นอนที่คนฟังอดจะขุ่นเคืองไม่ได้เช่นกัน

                 นี่ นายแกล้งฉันเหรอ

                 เปล่า ..

                 งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อให้ ยังไงเจ้าของบ้านคนนี้มันก็เหมือนคนรับใช้พวกนายอยู่แล้วนี่!!ซองมินกัดฟันพูดพาดพิงไปถึงอีกคนด้วย .. ใช่สิ คนพวกนี้อยากทำอะไรกับเขาก็ทำ ในเมื่อตกเป็นรองอยู่แบบนี้ แค่เบียร์กระป๋องเดียวเขาคนนี้ก็หามาให้ได้อยู่แล้ว


    คิบอมยืนมองท่าทางประชดของซองมินขณะที่กำลังจะทำอย่างว่าจริงๆ


                 ไม่ต้องออกไปหรอก ตอนนี้ร้านที่ไหนเค้าเปิดกันล่ะคุณ

                 ฉันรู้ที่ขายหรอกน่ะ

                 แต่ผมบอกว่าอย่าออกไป


                 ซองมินไม่ฟังที่คิบอมพูดเลยแม้แต่นิด เสี้ยววินาทีเดียวที่คิบอมเผลอ คนตัวเล็กก้าวฉับไปจับลูดบิดประตูบ้านเอาไว้ และไม่ทันเสียแล้ว คิบอมพลาดแล้วที่รั้งไว้ไม่ทัน เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว




                 อย่าออกไปนะ ถ้าไม่อยากตาย!!



                 เสียงทุ้มพูดสั้นดังๆจนคนฟังตกใจหันกลับมา พร้อมกับเจอวัตถุสีดำอันเดิมที่จ่อมายังตัวเอง ซองมินปล่อยมือออกอย่างตกใจ แววตาของคิบอมเหมือนคนจะเอาจริงมากกว่าก่อนหน้านี้มาก เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น น้ำตามันปริ่มๆจะไหลออกมาอีกที่ถูกทำแบบนี้ด้วย


                 เข้าห้องไปซะ .. เดี๋ยวนี้คิบอมยื่นคำขาดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุดันกว่าที่เคย ซองมินอึ้งไปและรู้สึกขุ่นมัวในใจอย่างบอกไม่ถูก เขามองที่ปลายกระบอกปืนสลับกับใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างกำลังต่อว่าอยู่ในใจ

                 ถ้าฉันออกไปแล้วนายจะยิงฉันงั้นสิ

                 ผมบอกว่าให้เข้าห้องไงล่ะ ไปสิ!!

                 โถ่เอ๊ย .. อยากทำอะไรก็ทำไปเลยนะไอ้คนชอบใช้กำลังว่าแล้วร่างเล็กก็วิ่งไปผลักคิบอมออกให้พ้นทางแล้วตรงเข้าห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว

                 คิบอมลดปืนลงเก็บพลางมองไปยังบานประตูที่ปิดลงไปแล้ว ใบหน้านิ่งเฉยในตอนนี้ฉายแววบางอย่างออกมายามที่อยู่คนเดียว เขาอดจะรู้สึกหัวเสียไม่ได้ที่ต้องมาทำอะไรอย่างนี้ แค่เรื่องของซองมินใครเลยจะรู้ว่ามันจะยากลำบากกว่าเรื่องไหนๆ


                 เฮ้อ .. ก็เพราะไม่อยากให้ตายไง ถึงไม่ให้ออกไปร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพลางกวาดตามองไปรอบๆอีกครั้ง ปลายผ้าม่านของหน้าต่างบานหนึ่งปลิวขึ้นเพียงนิด เผยให้เห็นเงาของใครบางคนกำลังวิ่งผ่านไป สายตาคมดุดันขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังเล่นไม่ซื่อ



                 หึ .. ไงล่ะ หมาลอบกัด


                 แม้ว่าที่ทำไปมันจะไม่มีประโยชน์ และพอนึกถึงเจ้านายตัวเองที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านหลังนี้เลยก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าที่ทำไปก็ได้ผลแค่ครึ่งหนึ่ง

                 คิบอมมองไปที่บานประตูห้องของซองมินอีกครั้ง ก่อนที่จะเคลื่อนตัวจากเก้าอี้เดิมไปยังห้องครัว ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวามองสำรวจไปตามทุกซอกทุกมุม โต๊ะอาหารขนาดเล็กอยู่ที่มุมหนึ่ง และส่วนของครัวก็อยู่อีกมุม

                 ไม่มีเบียร์งั้นสินะพูดกับตัวเองพลางเปิดตู้เย็นขนาดกลางออกเพื่อหาอะไรเย็นๆดื่ม ในยามที่อากาศหนาวอย่างนี้มันคงจะทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นพิลึก ขณะที่เปิดออกนั้น จู่ๆแผ่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่คิดว่าจะติดอยู่ข้างตู้เย็นก็ปลิวตกลงมาที่พื้น คิบอมหยิบมันขึ้นดูอย่างเสียไม่ได้ 





                                         - อย่าลืมทานข้าวบ้างล่ะ คุณเจ้าของร้านสุดที่รัก ^^ - 
                                                                             .. คยูฮยอน 





                 “.. คงจะรักมากสินะคุณชาย เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆในลำคอยามที่ไล่สายตาไปตามตัวอักษรลายมือของเจ้านายตัวเอง กระดาษแผ่นนี้คงถูกเขียนเอาไว้นานแล้ว คิบอมมองมันและนึกไปถึงคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง .. ถ้ารักกันขนาดนี้แล้วฝ่ายหนึ่งถูกทิ้งไป มันก็น่าสงสารไม่น้อยเลยทีเดียว

     

     

    คิบอมวางมันลงที่หลังตู้เย็นก่อนจะก้มลงไปหยิบเอาขวดน้ำผลไม้ออกมาดื่ม นาฬิกาที่ข้อมือบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้นอนมากี่ชั่วโมงแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ .. 






                 ฮัลโหล .. ครับ อีกสองวันงั้นเหรอครับ .................”









    .
    .

    Tbc. Chapter 3.5














                   เอาพาร์ทต่อมาลงแล้วค่ะ คนที่ผ่านมาบางคนคงน่าจะเคยอ่านที่อื่นบ้างแล้วอ่ะเนอะ ^^!

                   พาร์ทนี้และพาร์ทหน้าเป็นส่วนที่รู้สึกว่าคลาสสิคที่สุดในฟิคเรื่องนี้แล้ว (คิดว่างั้นอ่ะนะคะ) อ้อ .. ลืมบอกว่า ก่อนจะเพิ่งมาชอบคู่นี้จริงๆแล้วเป็นบอมมินอยู่เงียบๆแหละ  มิน่าล่ะเนอะ  คคบ.โผล่มาซะเท่เชียว ^^ ส่วนพ่อพระเอกเรื่องนี้ก็น่าหมั้นไส้นัก พาร์ทนี้คุณบอดี้การ์ดสุดหล่อของเราเลยได้บทพระเอกไปเต็มๆ หุหุหุ

     

                    *เห็นเมนท์บางคน .. คืออาจเข้าใจว่านี้เป็นฟิคเรื่องแรกของกอน คือจริงๆแล้วมันคือคยูมินเรื่องแรกค่ะ เพราะเป็นคังทึกกับวอนเฮ นอกนั้นก็ช็อทฟิคประปราย จริงๆคือแต่งมาเยอะแล้วนา ^^~

     

     

     

                     พีเอสสึ!!  ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจขออภัยนะคะ ขอบคุณสำหรับหลายคนที่จองรวมเล่มเข้ามา และขอบคุณทุกการติดตามค่ะ (( _ _ )) !

                     

                  Ps.2   สุขสันต์วันแม่นะคะ






               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×