ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุหลาบพันธ์มังกร

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ใบเบิกทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      0
      19 ก.ค. 54


    บทที่ 1

    ใบเบิกทาง

                “เท่าไหร่นะ!

                “สิบห้าล้านครับนาย สองวันแล้วครับ” คนคุมบ่อนรายงานด้วยน้ำเสียงติดเครียด เพราะนานๆ ครั้งจะมีคนใจถึงเข้ามาเล่นหนักขนาดนี้ และแถมดวงยังดีไม่มีตกสองวันติดเลยทีเดียว ที่สำคัญคนดวงดีนั้นเป็นผู้หญิงซึ่งน้อยมากที่จะมีสักครั้ง

                “ใครกันวะ!

                “ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงสวยด้วยครับนาย ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นเศรษฐีใหม่เพราะไม่ได้มาคนเดียวมีคนติดตามมาด้วยหลายคนอยู่เหมือนกันครับ” คนคุมรายงานต่อตามที่รอบสังเกตเห็นมาสองวัน

                “อืม งั้นแกลงไปดูไว้อย่าเพิ่งให้ออกไป รอจนกว่าฉันจะลงไป” นาวิน เจ้าของธุรกิจเถื่อนหลายอย่าง รวมทั้งธุกิจทำเงินมหาศาลอย่าบ่อนแห่งนี้ โบกมือไล่คนสนิท ก่อนก้มลงจรดปลายจมูกเข้าที่แก้มนวลของหญิงสาวข้างกาย และเอ่ยอะไรบ้างอย่างก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

                หญิงสาวในชุดเดรทสั้นสีแดงจัด ใบหน้าเคลือบด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ทรงผมถูกแต่งทรงไว้เข้ากับใบหน้ารูปไข่ คิวโก้งเรียวยาว รับดวงตาโตคมกริบ จมูกโด่งขึ้นสันอย่างเห็นได้ชัด ริมฝากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดไม่แพ้กับสีชุดที่ใส่อยู่เวลานี้ ภายใต้ใบหน้างามนั้นแฝงด้วยความหน้าเกรงข้ามอยู่ไม่น้อย ทว่าหากไม่ทันสังเกตหรือมองเพียงเผินและยิ่งหากได้ยินภาษาที่ใช้สนทนาด้วยแล้วหลายคงต่างพากันคิดว่าเจ้าหล่อนนั้นต้องมีเชื้อสายจีน หรือไม่ก็ฮ่องกงเป็นแน่หากแต่ต้องมีเชื้อไทย ฟิลิปิน หรือไม่ก็สิงค์โปรผสมอยู่ด้วยด้วยเพราะนัยน์ตาโตกลมคมกริบของเจ้าหล่อนนั่นเอง

                หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ก่อนขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะ หลังจากชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทคนหนึ่งเข้ามากระซิบข้างๆ หู จากนั้นชายหนุ่มในชุดแบบเดียวกันอีกคนก็ตรงมาเข้ามากวาดชิปบนโต๊ะตรงหน้าโดยไม่ลืมที่จะหยิบชิบตั้งที่สูงที่สุดไว้เป็นทิปให้กับเจ้ามือ

                “เดี๋ยวก่อน” ร่างบางชะงักนิดหนึ่ง ทว่าก็ไม่ได้หันมามองต้นเสียงนั้นแต่อย่างไร และก็เหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเสียงค้านนั้นด้วย เพราะหญิงสาวก้าวเท้าต่อในทันที

    ขณะที่ร่างบางกำลังเดินออกจากตัวบ่อนไปนั้นสายตาพลันได้เห็นใครคนหนึ่งกำลังยื่นอยู่บริเวณประตูทางเข้า ซึ่งเวลานี้มีผู้คุมบ่อนยืนล้อมหน้าหลังอยู่ และเมื่อคนร่างใหญ่คนหนึ่งขยับตัว นัยน์ตาโตเบิกกว้างขึ้นริมฝีปากเรียวบางเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น

    จากนั้นหญิงสาวก็เปิดกระเป๋าราคาสูงริบหยิบธนบัตรหนึ่งปึกโดยไม่นับจำนวนว่าเท่าไหร่ส่งให้การ์ดคนสนิทอีกคนก่อนพยักหน้าไปทางคนกลุ่มนั้น เรียบร้อยร่างเล็กก็ก้าวท้าวเร็วตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูที่รีชาร์ตเช่ามาไว้ใช้บนเกาะนี้ที่จะลงเรือมาที่เกาะแห่งนี้ซะอีก ซึ่งเวลานี้รถสปอร์คันดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวมาจอดอยู่ด้านหน้าคาสิโนอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบนัก

                “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” เสียงเข้มของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนหนึ่งดังขึ้นก่อนเอาตัวเข้ามาขวางไว้ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่คาดว่าน่าจะเป็นคุมบ่อนแห่งนี้กำลังจะเดินตามนายสาวไป ทว่ามีหรือเขาจะยอมหยุดตามคำบอกเช่นนั้น ในเมื่อนี่มันเป็นถิ่นของเขาหากไม่ใช่นายเขาใครหน้าไหนก็ออกคำสั่งกับเขาไม่ได้ทั้งนั้น

    เมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่นั้นไม่หยุดจริง ชายในชุดสูทสีดำแบบเดียวกันอีกสามสี่คนรีบเดินประกบหญิงสาวและพาขึ้นรถสปอร์ตคันหรูโดยเร็ว

    ทันทีที่รถสปอร์ตสีดำเคลื่อนตัวออกไปนั้นชายฉกรรจ์อีกหลายคนที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่รอบข้าง เริ่มมั่นใจว่ากำลังเกิดเหตุไม่สู้ดี จึงเริ่มเคลื่อนตัวทำตามหน้าที่โดยต้องรอให้ออกคำสั่ง

    “ผมว่าคุณบอกให้คนของคุณหยุดตามรถผมจะดีกว่า” รีชาร์ตการ์ดคนสนิทของหญิงสาวที่เวลานี้ขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วกล่าวเสียงเข้ม

    “แต่ฉันว่าแกสั่งให้คนของแกหยุดรถจะดีกว่า เพราะที่นี่มันเป็นเกาะของฉัน อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องอะไรกับใครโดยเฉพาะลูกค้า ฉันก็แค่อยากรู้จักเศรษฐีใหม่มีดวงอย่างนายแกก็เท่านั้น” เสียงเหี้ยมดังมาจากข้างหลัง ทั้งบุคลิกหน้าตา อีกทั้งคำพูดที่บ่งบอกชัดว่าบุคคลนี้น่าจะไม่ได้เพียงคนคุมที่นี่เหมือนคนแรก

    “ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ผมไม่สามารถทำตามคำสั่งของคุณได้ เพราะเจ้านายผมต้องรีบจริงๆ ครับ”

    “อย่าลืมว่านี่มันเกาะส่วนตัว และคนที่นี่ทั้งหมดก็เป็นคนของฉัน”

    “แต่ผมคิดว่าผมสามารถเอาตัวเจ้านายผมออกจากที่นี่ได้ครับ และนี่น่าจะช่วยให้ผมกับนายออกไปจากที่เกาะนี้ได้อย่างปลอดภัยนะครับ” รีชาร์ตกล่าวพร้อมกับส่งการ์ดใบเล็กให้ชายหนุ่ม ก่อนค้อมศีรษะลงน้อยๆ แล้วหมุนตัวหวังเดินออกจากตรงนั้นไป ทว่าเขาก็โดนชายร่างใหญ่คนแรกมาดักหน้าเอาไว้ก่อน แล้วตามด้วยชายฉกรรจ์อีกสามสี่คน

    “ปล่อยไป แล้วแกก็รีบบอกให้ทุกคนหยุดตามและรีบกลับมาให้หมด” นาวินออกคำสั่ง หลังจากอ่านชื่อในการ์ดแผ่นเล็กที่ชายหนุ่มยื่นให้เมื่อครู่

    เหลียง จวิ้น เจี๋ย ชื่อนี้เป็นใบเบิกทางได้จริงๆ เพียงแค่เห็นชื่อนักธุรกิจหลายคนรวมทั้งเขาต้องยอมให้ด้วยเพราะไม่อยากมีปัญหากับอภิมหาเศรษฐีหลายพันล้านระดับเจ้าพ่อ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในแถบเอเชีย

    **********************************************************

    รถสปอร์ตสีดำสนิทคันหรู ค่อยๆ เคลื่อนตัวตามเส้นทางทางจากประตูรั้วขนาดใหญ่มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ขนาดใหญ่ของตระกูลเหลียง สองข้างทางที่ทอดยาวเป็นกิโลนั้นมีพุ่มไม้นำทางตลอดทางจนถึงทางเข้าตัวคฤหาสน์ อีกทั้งบริเวณรอบๆ ตัวคฤหาสน์ไม่ว่าจะเป็นมุมไหน จะเห็นว่าชายหนุ่มฉกรรจ์สวมสูทสีทำสนิทสวมแว่นตาดำพร้อมอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารแบบทันสมัยยืนอยู่เป็นจุดๆ หากมองด้วยสายตาแล้วคาดว่าเพียงแค่บริเวณสนามด้านหน้านั้นมีมากกว่า 20 คนเห็นจะได้ และยังมีกลุ่มแม่บ้านและคนสวนในชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าอ่อนอยู่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ด้วย

                และเมื่อรถสปอร์ตคันงามแล่นผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นก็จะหยุดและค้อมศีรษะเป็นการทำความเคารพให้อย่างรู้หน้าที่อีกด้วย

                “คุณท่านรออยู่ด้านในครับ” การ์ดในชุดดำที่ยื่นอยู่หน้าประตูรีบเปิดประตู และรายงานทันทีเมื่อชายหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตก้าวเท้าลงจากด้านหลังรถ

                “ลมอะไรพัดมาคะนี่ ร้อยวันพันปีไม่ค่อยเห็นพี่จู เลี่ยนมาที่นี่” เสียงใสของ เหลียง เหม่ย ซือ(จีน่า) บุตรสาวบุญธรรมคนที่สองแห่งตระกูลเหลียงดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างบางตรงปรี่เข้ามาคล้องแขนไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที

                “พี่มาพบคุณลุง” เหวิน จู เลี่ยน ตอบสั้น น้ำเสียงเรียบสนิทดั่งเคย

                “อ๋อ นี่ถ้าแด๊ดไม่เรียกพบจีน่าคงไม่ได้เจอหน้าพี่จู เลี่ยนที่บ้านนี้เลยใช่ไหมคะ” หญิงสาวทำน้ำเสียงงอนๆ ด้วยภาษาจีนกลางเรียกความสนใจ หากแต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะ เหวิน จู เลี่ยนไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย ทว่าสายตานั้นกลับกวาดมองไปรอบๆ เหมือนต้องหาใครบางคนอยู่

                “มานานแล้วเหรอคะคุณเหวิน” เหลียง เหม่ย หลิน ทักขึ้นเป็นภาษาจีนกลางเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นร่างสูงยืนคู่อยู่กับน้องสาวคนที่สอง หลังจากออกจากเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานของบิดามา

                “เพิ่งมาถึง” น้ำเสียงตอบห้วนจัดเหมือนไม่อยากสนทนาด้วย หากแต่สายตาทีมองนั้นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

                “แด๊ดรออยู่ในห้องทำงานค่ะ /เดี๋ยวไปบอกคุณหนูสี่มาพบคุณท่านที่ห้องทำงานด้วยนะ” เหม่ย หลินบอกชายหนุ่มก่อนหันไปบอกแม่บ้านที่เดินผ่านมาให้ไปตามอีกคนที่ต้องเข้าพบประมุขของคฤหาสน์นี้

                “ทำไมแด๊ดต้องเรียกแม่เหม่ย จู เข้าไปคุยด้วย” เมื่อได้ยินที่พี่สาวบอกแม่บ้าน จีน่ารีบถามขึ้นด้วยความใคร่รู้

                “ไว้ลองถามแด๊ดดูเองแล้วกันพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” คุณหนูใหญ่ตัดบทก่อนเอ่ยขอตัวกับชายหนุ่มตรงหน้าและหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น

                “หึ... ไม่รู้หรือไม่บอกกันแน่” เสียงดังตามไล่หลังมานั้นทำให้หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ไม่ได้หันมาโต้ตอบอะไรแต่อย่างใด

                “แด๊ดมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่จู เลี่ยน เหรอคะ” เมื่อไม่ได้ข้อมูลจากผู้เป็นพี่สาว เธอจึงหันมาถามคนข้างกายแทน

                “คาสิโน... พี่ขอตัวก่อนนะเดี๋ยวคุณลุงจะรอนาน” พูดจบชายหนุ่มก็ใช้นิ้วเรียวแกะมือกาวที่เกาะอยู่นั้นออก แล้วหมุนตัวเดินตรงไปยังห้องทำงานของประมุขของบ้านนี้

                สายตาที่มองตามหลังร่างสูงใหญ่นั้น เต็มไปด้วยความอยากรู้ว่า เหวิน จู เลี่ยนกับน้องสาวคนที่สี่เกี่ยวข้องอะไรกับคาสิโน นี่แด๊ดกำลังคิดทำอะไรกันแน่

    ***********************************************

                ห้องทำงานขนาดใหญ่เต็มไปด้วยตู้เอกสารสีดำ ทว่าเอกสารทั้งหมดถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียงง่ายต่อการหยิบใช้สอย ภายในห้องถูกตกแต่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ชั้นดีออกโทนดำเข้าชุดกันทั้งหมด เหลียง จวิ้น เจี๋ย ชายสูงวัยอายุราว 60 ทว่ายังคงความหนุ่มไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยน

    “นั่งก่อน ไม่ได้เจอกันนาน งานเป็นไงบ้าง พอจะวางมือได้บ้างหรือยังอาเหวิน” มิสเตอร์เหลียง ถามขึ้นพร้อมกับละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตแล้ว

    “ตอนนี้พอจะวางได้บ้างแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบสั้น

    “อืม งั้นดี ลุงมีงานอยากให้อาเหวินช่วยสักหน่อย” เจ้าของห้องบอกพร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้ชายหนุ่มตรงหน้า

    “คาสิโน” ที่สันแฟ้มเอกสารเขียนไว้ชัดว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับคาสิโนทั้งหมด คนส่งแฟ้มให้ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบเพราะเขาจำได้ว่าเคยคุยเรื่องนี้กับ เหวิน จู เลี่ยน ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน

    ก๊อกๆๆ

    “ขอโทษค่ะแด๊ดที่ลงมาช้า พอดีเหมยติดสายทางไกลนิดหน่อยค่ะ” เหลียง เหม่ย จู โผงออกมาด้วยภาษาจีนกลางไม่ทันได้มองว่าเวลานี้บิดาบุญธรรมนั้นกำลังมีแขกอยู่ด้วยในห้อง หญิงสาวหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของบิดาบุญธรรมมองผ่านมา

    “แด๊ดไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา”

    “ก็...”

    “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนั่งลง” หญิงสาวขยับเก้าอี้ข้างๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อน ใบหน้ารูปไข่นั้นง้ำเล็กน้อยที่โดนดุต่อหน้าแขก

                “รู้จักกันไว้ซะอาเหวินนี่ เหม่ย จู” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวข้างกายอย่างพิจารณา เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าหญิงสาวที่เขาต้องร่วมงานกับเธอนับจากวันนี้

                “และนี่อาเหวิน เหวิน จู เลี่ยน ต่อจากนี้ไปหนูจะต้องทำงานร่วมกับพี่เขาไปไหนมาไหนด้วยกัน และที่สำคัญต้องออกงานกับพี่เขาด้วย” คำบอกเล่านั้น หญิงสาวรู้ดีว่ามันแฝงด้วยการออกคำสั่งซึ่งแน่นอนว่าเธอคงปฏิเสธไม่ได้

                “อะไรนะคะแด๊ด ออกงานด้วยกัน... เหมยว่าคงไม่ต้องออกงานกับพี่ เอ่อ... คุณเหวินหรอกค่ะ” แม้จะรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้แต่ก็ยังขอค้านตามที่ใจต้องการ

                “แด๊ดบอกอะไรก็อย่างนั้น ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น” มิสเตอร์เหลียงยืนยันเสียงเรียบ และเลิกให้ความสนใจในตัวบุตรสาวบุญธรรมคนเล็ก

                “วันนี้ลุงคงไม่คุยเรื่องงานเพราะเราเคยคุยกันแล้ว แต่ที่ลุงเรียกมาวันนี้ลุงจะคุยเรื่องหมั้น หวังว่าคำตอบของอาเหวินคงไม่ทำให้ลุงผิดหวังใช่ไหม” คำถามทิ้งท้ายนั้นแฝงด้วยการออกคำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นเดิม

                “ครับ...” ชายหนุ่มตอบสั้น ปลายตามองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาหมิ่นๆ

                “ดี งั้นวันงานเลี้ยงต้อนรับ เหม่ย จู ลุงจะให้หมั้นกันเลย”      

                “อ่อ แด๊ดลืมบอกไปว่าแด๊ดจะให้หนูกับอาเหวินหมั้นกันไว้ก่อนสักระยะให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยแต่งกัน” บิดาบุญธรรมรีบหันมาสรุปเอาเองทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง

                “อะไรนะคะ! ใครหมั้นกับใครคะแด๊ด” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มต่างวัยสลับไปมาออกอาการงงกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ไม่น้อย

                “คุณกับผม เราจะหมั้นกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ได้ยินชัดหรือยัง” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายตอบแทน หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ยิน

                “เอาเป็นว่ารับรู้ด้วยกันทั้งคู่แล้วนะมีอะไรก็คุยกันเองแล้วกัน ลุงขอตัวก่อน” พูดจบมิสเตอร์เหลียงก็ไม่รีรอหรือเปิดโอกาสให้บุตรสาวบุญธรรมได้เปิดปากถามอะไรต่อ เขารีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานไปโดยมีการ์ดคนสนิทตามไปด้วยอีกสามสี่คน

    ***************************************************

                และทันทีที่ร่างบิดาบุญธรรมพ้นออกจากห้องไป หญิงสาวหน้าหวานลูกผสมที่คาดว่าต้องมีเชื้อสายไทย ในนัยน์ตาคมกริบนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วขยับตัวหวังเดินออกจากห้องตามบิดาไปเช่นกัน

                “คงดีใจเนื้อเต้นล่ะสิที่ทำให้ลุงผมเชื่อและยอมทำอะไรตามที่เธอต้องการ” น้ำเสียงติดเย้ยหยันดังขึ้น เป็นผลให้ร่างสูงโปร่งต้องหยุดชะงักและหันกลับมองเจ้าของเสียงทันที

                “คุณหมายถึงอะไรมิทราบ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ

                “หึ... อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย แต่คุณอย่างหวังเลยว่าคุณจะได้ทุกๆ อย่างของตระกูลเหลียงอย่างที่คุณคิดเอาไว้”

                “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอยากได้อะไรบ้าง” ทั้งแววตาและน้ำเสียงติดจะเยาะหยันเล็กน้อย

                “คาสิโน”

                “อันนี้มันแน่อยู่แล้วมีใครบ้างไม่อยากได้ หรือคุณจะบอกว่าคุณเองก็ไม่อยากได้ ฉันเห็นทุกคนในตระกูลเหลียงอยากมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นอันไหนที่มันสมควรจะเป็นสิทธิ์ของฉัน ฉันก็ควรทำไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบไปเช่นนั้นด้วยเพราะหมันไส้คนช่างคิด

                “และไอ้ที่ไม่ปฏิเสธการหมั้นกับฉันเนี่ยไม่ใช่เพราะคุณเองก็หวังจะได้ครอบครองธุรกิจทำเงินอันนี้เหรอ เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วนี่ว่ายังไงแด๊ดก็ต้องยกให้ฉัน” หญิงสาวพูดต่อ

                “ผมว่าคุณมากกว่ามั้งที่กลัวพลาด เพราะถึงยังไงผมมันก็สายเลือดตระกูลเหลียง แต่คุณไม่ใช่เพียงแค่คุณยอมหมั้นหรือแต่งงานกับผมทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้น ลุงผมก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่จะยกสมบัติชิ้นนี้ให้คุณ คุณถึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธการหมั้น”

                “อืม ความคิดคุณนี่เข้าท่าแฮะฉันลืมนึกไปเลย ดีนะที่ฉันไม่รีบวิ่งเจ้นไปขอร้องให้แด๊ดเปลี่ยนความคิด ดีเหมือนกันถือว่าฉันมีแต่ได้กับได้ ได้ทั้งคาสิโน ได้ทั้งนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อที่บริหารงานของมิสเตอร์เหลียงอีกหลายแห่งแถมยังไม่ต้องทำให้ผู้มีพระคุณต้องคิดมากอีกด้วย” พูดจบร่างบางก็หมุนตัวเดินตรงไปยังประตู มือเรียวบิดลูกบิดประตูห้อง ทว่าก่อนจะดึงประตูให้เปิดขึ้นนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้หญิงสาวจึงหันจ้องหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่นิ่งอยู่ที่เดิมแล้วเอ่ยต่อ

                “คุณเหวินค่ะ ฉันขอบอกให้คุณรู้ตรงนี้เลยนะคะว่าคนอย่างฉันถึงแม้จะไม่ถือกำเนิดมาในชนสูง ไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลเหลียงเหมือนอย่างคุณ แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ทำร้ายผู้ที่ให้ชีวิตใหม่กับฉัน...” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างประเมินก่อนต่อความ

                “ฉะนั้นฉันอยากให้คุณรู้ไว้ว่าที่ฉันไม่ปฏิเสธการหมั้นระหว่างคุณกับฉัน และยอมไปดูแลคาสิโนตามความต้องของแด๊ดนั้น เพราะฉันอยากทำให้แด๊ดสบายใจ และฉันถือว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันจะตอบแทนคุณท่านได้อย่างหนึ่ง แต่ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ฉันทำไปเพราะหวังอย่างอื่นมันก็แล้วแต่คุณ” พูดจบร่างบางก็หมุนตัวกระชากลูกบิดประตูให้ประตูเปิดออกและเดินออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนในห้องแต่อย่างใด

                คำว่า ฉันต้องการตอบแทนคุณท่าน ยังคงดังกึกก้องอยู่หัวเขา ชายหนุ่มยืนกำมือแน่นที่ได้ยินมันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเจ็บแปร๊บขึ้นมาทันที เขาเกลียดคำๆ นี้มากที่สุดไม่คิดอยากจะได้ยินมันอีก

    ***************************************************



    ขออนุญาตฝากงานของนักอยากเขียนอีกเรื่องนะคะ

    อ่านแล้วช่วยกันติชมได้ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×