คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #70 : บทเรียนที่ 64 เผชิญหน้าความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
บทเรียนที่ 64 เผชิญหน้าความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
ขณะนี้เป็นเวลาบ่าสามโมงกว่า แม้หิมะจะยังคงตกอยู่เรื่อยๆ ทว่าไม่อาจทำให้ภายในปราสาทหนาวเหน็บแต่อย่างใด โดยเฉพาะในห้องประอาวุธที่กำลังจะลุกโชนเป็นไฟในไม่กี่อึดใจ เนื่องจากนี่เป็นการประลองเผื่อคัดทีมที่จะเข้าไปแข่งชิงชนะเลิศในอีกวันถัดไป ซึ่งเป็นวันที่เจ็ดและวันสุดท้ายของการประลองระหว่างสถาบันนั่นเอง
นี่เป็นคู่ประลองที่น่าจับตามองทีเดียว ระหว่างทีมโรงเรียนไกเซอร์ด้อมตัวเต็งชนะเลิศที่เพิ่งจะชนะการประลองรอบเช้าไปหมาดๆกับทีมโรงเรียนหญิงล้วนที่วาดลวดลายร้ายกาจอย่างเช่นโรงเรียนเรนครอสซึ่งมีผู้เข้าแข่งเพียงแค่หนึ่งคนคือ ซากุระ
โซเฟียกับไซโคร แนชนั่งเตรียมพร้อมดูการแข่งอยู่ข้างสนามในขณะที่ดีว่าขอปลีกตัวไปสักพักหนึ่ง โซเฟียรู้สึกว่านี่เป็นการชมการประลองที่ไม่ค่อยสนุกเอาเสียเลย เพราะไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะก็ต้องเป็นคู่แข่งของเธอในรอบชิงชนะเลิศ แต่สิ่งที่โซเฟียรู้สึกผิดปกตินอกจากท่าทีวิตกกังวลอย่างน่าประหลาดของไซโคร แนชที่จับจ้องไปยังชายในชุดคลุมสีดำของโรงเรียนไกเซอร์ด้อมที่ยังไม่เคยลงแข่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็เห็นจะเป็นท่าทีที่ผิดแปลกของซิลเวีย เพราะนอกที่เธอจะไม่พูดกับหล่อนแล้วยังทำสีหน้าเย็นชาใส่อีก
แม้กระนั้นซากุระในชุดเสื้อคลุมขาวก็ยังคงยืนอยู่ข้างเวทีรอคอยการประลองที่จะเริ่มขึ้นภายในสิบนาทีอย่างสงบ ซึ่งโซเฟียรู้สึกนับถือเธอขึ้นมา เพราะหากเป็นตนก็ไม่แน่ว่าจะนิ่งได้ขนาดนั้น
“ ตื่นเต้นไหมครับ ” เสียงสุภาพพูดขึ้นบริเวณด้านหลังซากุระ ทำให้หล่อนต้องหันหลังกลับไป ซึ่งก็พบกับชายท่าทางสุภาพแต่แฝงด้วยความแข็งกร้าวลึกๆดีว่านั่นเอง
ซากุระส่ายหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าช่างเย้ายวนเกินกว่าที่ชุดเสื้อคลุมจะปกปิดความงดงามนั้นไว้ได้
“ ถ้าอย่างนั้นขอให้โชคดีนะครับ ถ้าเป็นคุณซากุระจะต้องชนะแน่นอน ” ดีว่ากล่าว ไม่ทราบว่าหัวใจของดีว่าจะเต้นเพราะความตื่นเต้น หรือเพราะความงดงามของซากุระบ้างไหม
“ ขอบคุณคะ แต่ระวังก็แล้วกัน เพราะฉันจะเป็นคนจัดการคุณในรอบชิงเอง ”
ดีว่ายิ้มรับ “ แล้วผมจะรอนะครับ ”
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อเสียงสัญญาณของการประลองรอบรอบชนะเลิศได้เริ่มขึ้น ครั้งนี้ผู้คนแน่นหนากว่าเมื่อเช้าเสียอีก อาจเป็นเพราะเวลานี้การแข่งประเภทอื่นๆเริ่มเสร็จสิ้น หรือเพราะเป็นคู่ที่น่าจับตามองอีกคู่หนึ่งก็ว่าได้
ซิลเวียร์ รูเกียร์และชายในชุดคลุมดำยืนประจันหน้ากับซากุระบนเวที ทว่าทางไกเซอร์ด้อมนั้นมีเพียงแค่รูเกียร์คนเดียวเท่านั้นที่สวมชุดเกราะป้องกัน
“ การแข่งครั้งนี้ให้ชั้นเพียงคนเดียวก็พอ ” รูเกียร์กล่าว
“ โชคดีนะคะ ” ซิลเวียร์ยิ้ม ก่อนจะเดินลงจากเวที
“ อย่าพลาดละ ไม่อย่างนั้นละก็
” ชายชุดคลุมกล่าว เสียงโว๋ตรวนดังกระทบกันชวนสยองระหว่างเดินลงเวที
“ เริ่มกันเลยดีไหม ” รูเกียร์สะบัดกระบี่วาดท่าทางอย่างน่าเกรงขาม ส่วนซากุระตั้งกระบี่ไม้อย่างสงบ
“ เนื่องจากทั้งสองทีมได้ตกลงกันแล้วว่าจะประลองกันเพียงหนึ่งต่อหนึ่ง ดังนั้นพลังชีวิตของทั้งคู่จะมีเพียงแค่สามพันหน่วย ” นักประกาศกล่าว “ เมื่อผู้เข้าแข่งทั้งสองพร้อมแล้ว ขอประกาศเริ่มการประลองได้ ณ บัดนี้ ! ”
กฎในการประลองครั้งนี้นับว่าค่อนข้างเอื้อประโยชน์ต่อซากุระพอสมควร เพราะที่ผ่านมาเธอจะใช้วิธีประลองแบบสามต่อหนึ่ง โดยมีพลังชีวิตหนึ่งหมื่นหน่วย แต่ต้องเหนื่อยกว่ามากเพราะต้องสู้กับคู่ต่อสู้สามคนพร้อมกัน แถมคู่แข่งในครั้งนี้ยังไม่เคยผ่ายแพ้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว การแข่งแบบสามนัดรวดยังพอมีเวลาให้พักหายใจบ้าง ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงเพียงคนเดียวก็นับว่าเก่งมากแล้ว
“ เธอไม่มีทางผ่านรอบนี้ไปได้หรอก ” รูเกียร์รีดเร้นลมปราณจากนั้นพุ่งกระบี่สุญญากาศใส่ซากุระด้วยพลังและความเร็วชวนตะลึง
แต่ซากุระเพียงตวัดกระบี่ไม้ขึ้น พริบตาเดียวก็สลายพลังของกระบี่สุญญากาศที่ทรงอานุภาพนั้นได้ด้วยปราณกระบี่สายที่ห้า ‘สลายพลัง’ จากนั้นค่อยๆคีบเท้าเข้าหารูเกียร์ ในขณะที่รูเกียร์กลับพุ่งตัวเข้าพร้อมตวัดกระบี่โจมตีอย่างน่ากลัว
เมื่อกระบี่ของทั้งคู่ปะทะกันความดุเดือดก็เกินขึ้น แม้กระทั่งดีว่ายังอดทึ่งไม่ได้ ทั้งสองวาดลวดลายกระบี่ไปมาราวกับซักซ้อมกันไว้ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ นี่เป็นการแลกกระบี่กันโดยตัดสินกันซึ่งความเป็นความตาย หากพลาดหรือมีช่องโหว่เพียงนิดเดียวต้องถูกโจมตีแน่นอน และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจนำไปสู่ความผ่ายแพ้ได้ สำหรับยอดฝีมือ
‘ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว’
ไม่เพียงแต่เสียงกระบี่ปะทะกันเท่านั้น แต่เสียงลมปราณที่ทั้งสองรีดเร้นเพื่อโจมตี และทั้งหาช่องโหว่โดยใช้ลมปราณเช่นเดียวกับที่ดีว่าเคยใช้สวนกลับชิกิตอนประลองที่โรงเรียนมาแล้ว
“ ไม่เลว ” ผ่านไปสิบห้ากระบวนท่ารูเกียร์ค่อยเอ่ยปากขึ้น ไม่ทราบว่าเพราะตัวเองเริ่มได้เปรียบหรือเพราะต้องการดึงสมาธิของซากุระกันแน่ แต่ซากุระไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะดึงสมาธิได้ง่ายๆอยู่แล้ว
เพลงกระบี่ของรูเกียร์เน้นที่ความรวดเร็วและดุดัน ในขณะที่ซากุระใช้ความอ่อนหยุ่นและรวดเร็วในการตั้งรับและสวนกลับ ไม่ว่ารูเกียร์จะฟาดกระบี่มาแรงแค่ไหน แต่ก็คล้ายกับโดนซากุระสลายพลังออกไปเสียห้าหกส่วน ทว่าผ่านไปสามสิบกระบวนท่ารูเกียร์กลับไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้า หรือช่องโหว่แม้แต่น้อย ยิ่งมากลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
‘ หรือว่านั่นจะเป็น ?! ’ดีว่าเหงื่อตก ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเพลงกระบี่ที่รูเกียร์ใช้อยู่นั้นคล้ายกับเพลงกระบี่วายุพิชิตอัสนีที่ตนเคยใช้สู้กับไซโคร แนชมาแล้ว จุดเด่นของเพลงกระบี่ชุดนี้คือ ยิ่งใช้ยิ่งรวดเร็วและรุนแรงทว่าตอนเริ่มกระบวนท่าจะเชื่องช้า แต่ตอนเริ่มใช้รูเกียร์เริ่มใช้กลับรวดเร็วถึงเพียงนั้นนับว่าน่าตื่นตระหนกจริงๆ
ความจริงแล้วเพลงกระบี่ที่รูเกียร์ใช้นั้นมิใช่เพลงกระบี่วายุพิชิตอัสนีเพียงแต่นำพื้นฐานของเพลงกระบี่ชุดนี้มาประยุกต์ใช้เท่านั้น แต่ใส่ความรุนแรงและรวดเร็วเข้าไปแทนโดยตั้งชื่อใหม่ว่า ‘มังกรทะยาน’
ที่น่าแปลกไม่ใช่เพลงกระบี่ที่รูเกียร์ใช้ แต่เป็นซากุระต่างหากที่ยังคงตั้งรับเพลงะกระบี่ที่ดุดันเช่นนี้ได้ และนั่นก็สร้างความประหลาดใจให้กับรูเกียร์ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครตั้งรับเขาได้ขนาดนี้มาก่อน หารู้ไม่ว่าเพลงกระบี่ที่ซากุระนำมาใช้ก็ประยุกต์มาจากเพลงกระบี่วายุพิชิตอัสนีเช่นกัน แต่เป็นคนละแนวทางกับรูเกียร์คือ ลดทอนเรื่องของพลังและความเร็ว แต่ใช้ความอ่อนหยุ่นและพลิ้วไหวเข้ามาแทน โดยบัญญัติไว้ในชื่อ ‘ขอบฟ้าจันทรา’ ดังนั้นแม้เพลงกระบี่จะดูเชื่องช้าแท้จริงไม่เชื่องช้า แม้จะอ่อนแต่หาได้อ่อนแอ ภายใต้เพลงกระบี่แฝงความพลิกแพลงสุดคาดเดาไว้ด้วย ผิดกับเพลงกระบี่ของรูเกียร์ที่แม้จะรวดเร็ว และรุนแรงแต่นั่นกลับเป็นการลดทอนเรื่องของความพลิกแผลงลง ดังนั้นตอนนี้ทั้งคู่ถึงยังไม่สามารถเอาชัยกันได้ ต้องรอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดพลั้งก่อนเท่านั้น
‘ ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็ไม่น่าที่จะตั้งรับเราได้ถึงสามสิบกระบวนท่า ยิ่งเป็นมังกรทะยานแล้วไม่มีทาง แต่ทำไมกัน ทุกครั้งที่โจมตีรู้สึกราวกับว่าฟันใส่สายน้ำ พลังไม่อาจใช้ออกได้ดั่งใจนึกนะ ’ รูเกียร์ครุ่นคิด รู้สึกว่าหากตนยังฝืนสู้ต่ออาจจะต้องเป็นฝ่ายพลาดพลั้งได้ ทั้งเพลงกระบี่ใกล้ดำเนินถึงสุดขีดของความเร็วแล้ว ดังที่ทราบกันดีว่าหากใช้เพลงกระบี่วายุพิชิตอัสนีจะไม่สามารถหยุดได้จนกว่าเพลงกระบี่จะรวดเร็วถึงขีดสุดที่ผู้ใช้จะสามารถใช้ออกได้ ดังนั้นรูเกียร์เตรียมเปลี่ยนกระบวนท่า โดยรีดเร้นลมปราณขึ้นมาสะสมที่ท้องน้อยขณะต่อสู้ไปด้วย หากเป็นมือกระบี่ฝึกใหม่เช่น ชุดคลุมเหลือง หรือชุดคลุมน้ำตาลย่อมไม่สามารถทำได้ ต่อให้เป็นดีว่ายังไม่อาจใช้ได้ดังใจขนาดนี้
แต่ทางซากุระก็ใช่ว่าจะไม่เป็นไร เพราะเธอก็รู้สึกว่าแม้จะใช้พลังอ่อนหยุ่นแต่ความแข็งแกร่งของกระบวนเพลงยิ่งมายิ่งร้ายกาจสุดที่เธอจะสลายพลังออกไปได้หมด ตั้งแต่สู้มานี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่สามารถสลายพลังโจมตีออกไปได้หมด และดูจากการวาดกระบี่ของรูเกียร์ซากุระก็คาดการณ์ได้ว่ากำลังจะมีกระบวนท่าร้ายกาจตามมาในเร็วๆนี้ เธอจึงลอบโคจรลมปราณเพื่อเตรียมรับการปะทะเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นเมื่อรูเกียร์โคจรลมปราณเสร็จสิ้นก็ใช้ออกในทันที โดยไม่สนว่าตัวเองจะถูกโจมตีภายในช่องโหว่นั้น
‘ ปราณกระบี่สายที่หก พายุสลาตัน !!! ’
ปราณกระบี่ชุดนี้มีปมเด่นที่เมื่อใช้ออกจะทำให้ศัตรูที่อยู่รอบๆโดนผลักออกไปโดยลมปราณที่คล้ายพายุ มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในระยะประชิด เพียงแต่ใช้ได้เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ทั้งยังใช้พลังลมปราณค่อนข้างมาก
‘ โครม ’
ซากุระถูกลมปราณอันรุนแรงของรูเกียร์กระแทกกระเด็นออกทันตา ทว่าร่างของเธอคล้ายใบไม้ปลิวไปตามสายลมเพียงหมุนตัวรอบเดียวก็กลับมาทรงตัวได้แล้ว
“ เธอนี่ ! ” รูเกียร์เริ่มมีโทสะ ขนาดตนเองตั้งใจโคจรลมปราณครั้งนี้เพื่อให้ซากุระเสียหลัก หรืออย่างน้อยก็ต้องเปิดช่องโหว่บ้าง แต่ซากุระกลับไม่เป็นอะไรเลย
ดีว่าลอบชมเชยในใจ หากเดาไม่ผิดเมื่อสักครู่ซากุระเองก็ใช้พลังลมปราณสายที่หกเช่นกัน เพียงแต่เป็นการโคจรลมปราณแบบย้อนทวน ซึ่งดีว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวิธีแบบนี้หากผู้อาวุโสเสี่ยงไม่ได้สอนไว้ ปกติพายุสลาตันจะกระแทกศัตรูที่อยู่รอบข้าง แต่เมื่อซากุระใช้ออกกลับเป็นการผลักตัวเองให้กระเด็นเหมือนกับการเป่าลมใส่กำแพงเพื่อให้ตัวเองหลีกออกจากวงล้อม พอเผชิญลมปราณที่แข็งกร้าวของรูเกียร์เลยคล้ายกับยืมพลังเพื่อผลักตัวเองออกไปได้ง่ายขึ้น แต่การจะฝึกได้ถึงขั้นนี้จำเป็นต้องมีความอ่อนหยุ่นในระดับหนึ่งทั้งยังต้องแฝงลมปราณสายที่ห้าสลายพลังลงไปด้วย นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว
“ ถ้าอย่างนั้นลองเจอนี่หน่อยเป็นไง ! ”
‘ ปราณกระบี่สายที่เก้า ศรสวรรค์ !’
ทันใดนั้นลมปราณที่คล้ายเกาทัณฑ์สวรรค์ก็พุ่งตรงเข้าหาซากุระ ความรุนแรงและรวดเร็วนั้นไม่ต้องพูดถึง หากเทียบกับที่ดีว่ายังรุนแรงกว่าถึงสามเท่า ทั้งรัศมีของลมปราณก็ยังกว้างกว่า ถึงตอนนี้ซากุระย่อมไม่สามารถใช้ศรสวรรค์สวนกลับไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอตั้งกระบี่รับ จากนั้นฟาดฟันปัดลมปราณเกาทัณฑ์ไปทีละดอกๆ แต่พลังลมปราณของรูเกียร์คล้ายมีอย่างไม่หมดสิ้น ระดมยิงศรสวรรค์ใส่ซากุระราวกับต้องการจะฝังร่างของซากุระไว้ใต้ห่าเกาทัณฑ์ก็มิปาน
ควรทราบว่าปมเด่นของศรสวรรค์อยู่ที่พลังทะลวง ซึ่งผู้ใช้ต้องบีบอัดลมปราณจำนวนมากให้เล็กหรืออัดแน่นที่สุดเพื่อให้ลมปราณที่ใช้ออกรวดเร็วและมีพลังในการทะลวงการป้องกันของศัตรูได้ แต่ข้อเสียก็คือต้องใช้พลังลมปราณจำนวนมาก ซ้ำยังยากที่จะจู่โจมถูกเป้าหมาย
รูเกียร์ไม่เพียงกระหน่ำยิงศรสวรรค์ออกเรื่อยๆ หลังจากยิงหนึ่งนัดก็ก้าวขาไปซ้ายทีขวาทีสลับตำแหน่งไปเรื่อยๆเพื่อหาช่องโหว่ของซากุระ ทุกกระบวนท่าสง่างามและน่าสะพรึงกลัวสมชื่อ ชายผู้ได้ยศเสื้อคลุมขาวของชมรมมือกระบี่อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่น่าตื่นตระหนกกว่านั้นคือ ซากุระผู้มียศชุดคลุมขาวเช่นกันที่ยังสามารถตั้งรับได้อย่างไม่มีช่องโหว่ เธอหมุนตัวไปมาฟาดฟันศรสวรรค์อย่างงดงามราวกับกำลังร่ายรำ เพียงแต่ทุกกระบวนท่าล้วนหวาดเสียวอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ชมทั่วไปอาจจะไม่ค่อยเข้าใจถึงความอันตรายนี้ แต่ดีว่าทราบดีเพราะหากพลาดแม้เพียงนิดเดียว พลังของศรสวรรค์ก็มากพอที่จะทำให้เสียศูนย์หรือเจ็บหนักได้ ยิ่งผู้ใช้เป็นรูเกียร์แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพียงเสี้ยววินาทีรูเกียร์ก็รุกคืบเข้ามาใกล้ซากุระ พร้อมกับเปลี่ยนท่าร่างเป็นใช้กระบี่ตวัดออก ซากุระก็ไม่รอช้าตวัดกระบี่ไม้แทงสวนอย่างว่องไว จากนั้นปะกระบวนท่ากันอีกหลายสิบกระบวนท่า ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของอีกฝ่ายเลยแม้เพียงครึ่งกระบวนท่า ยิ่งรูเกียร์รุกเท่าไหร่ ซากุระก็ใช้ความอ่อนไหวสลายพลังและตั้งรับได้อย่างงดงามเท่านั้น
ดีว่าชมการประหัตถ์ประหารของทั้งคู่อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมทั้งศึกษาทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งของกระบวนท่าไปพลาง ยิ่งชมดูยิ่งรู้สึกขนลุกเพราะในทุกกระบวนท่าของทั้งคู่นั้นในจุดอ่อนมีจุดแข็งยากที่จะทำลายลงได้ ซ้ำด้านพลังลมปราณก็ยังเหนือล้ำกว่าเขาในสภาพนี้มากนัก และไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะก็ต้องเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในวันมะรืนอยู่ดี
‘ ต้องยอมรับจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ยศชุดขาวที่ได้มาสมชื่อแล้วจริงๆ ’ รูเกียร์คิดพลางปะกระบวนท่า ‘ ในเมื่อปะกันด้วยกระบวนท่าไม่ได้ ก็คงต้องตัดสินกันที่พลังลมปราณอีกรอบละ ’
ว่าแล้วรูเกียร์ก็สะบัดกระบี่ออกก่อเกิดเป็นม่านกระบี่คุ้มครองตน ถอยร่นพร้อมรีดเร้นลมปราณจำนวนมหาศาลจากนั้นแผ่พุ่งออกในบัดดล
ดีว่าถึงกับตาลุกวาวเพราะนั่นคือพลังลมปราณที่น่าสะพรึงที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา ปราณกระบี่สายที่สิบสาม มังกรพิโรธนั่นเอง !
‘ ฟ้าว !!! ’
พริบตานั้นพลังลมที่เกรี้ยวกราดราวกับมังกรหลับที่ตื่นขึ้นมาพุ่งทะยานออกอย่างน่าเกรงขามเข้าหาซากุระ แต่ซากุระระวังตัวไว้ก่อนแล้ว รีบโคจรพลังลมปราณสายที่ห้าสลายพลังจากนั้นฟันใส่ปราณมังกรตัวแรก มิคาดพลังลมปราณนี้รุนแรงเกินไปแม้จะอาศัยการสลายพลังและพลังอ่อนหยุ่นก็ยังมิสามารถตั้งรับไว้ได้ ทำให้ซากุระเสียหลัก กระบี่ไม้เซถอยร่นไปวูบหนึ่ง
‘ โครม !!! ’
มิทันได้ตั้งตัวมังกรพิโรธอีกตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าหาเธออีก ครั้งนี้ทวีความรุนแรงและรวดเร็วกว่าครั้งแรกอีกเท่าตัว พร้อมกันนั้นมังกรพิโรธก็ค่อยๆปรากฏออกมาเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ใช่แล้วนี่เป็นภาพเดียวกันกับเมื่อครั้งดีว่าเคยปะมือกับรูเกียร์มาก่อน พลังลมปราณที่รุนแรงเกินกว่าจะตั้งรับและหลบหนีได้ ไม่ว่าใครก็ตามจะต้องศิโรราบให้แก่ความน่าเกรงขามนี้ ยิ่งคิดดีว่ายิ่งวิตกเพราะเขาทราบถึงความร้ายกาจนี้ดี เพียงหวังให้ซากุระไม่โดนพลังลมปราณซัดใส่เสียก่อน
‘ พึ่บ ! ’
จู่ๆ มังกรพิโรธก็ถูกพลังประหลาดชนิดหนึ่งหันเหทิศทางไป มังกรตัวแล้วตัวเล่าเมื่อเคลื่อนที่เข้าใกล้ซากุระก็เบี่ยงเบนทิศทางไปจนหมดสิ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่รูเกียร์เป็นอย่างยิ่ง
‘’ ออกมาแล้วสินะปราณกระบี่ของคุณซากุระ ’ ดีว่ายิ้ม
‘ ปราณกระบี่สายที่สิบสาม ม่านบุผาปกปักษ์ ’ พลังลมปราณที่อ่อนหยุ่นห่อหุ้มรอบตัวซากุระคล้ายพลังลมปราณสายที่สิบปราการสวรรค์แต่ต่างกันตรงที่ปราณกระบี่สายที่สิบไม่มีพลังในการเคลื่อนย้ายทิศทางของลมปราณ กล่าวคือเป็นพลังลมปราณที่รับการปะทะโดยตรง ทว่าม่านบุผาปกปักษ์ไม่เพียงสลายพลัง แต่ยังสามารถเคลื่อนย้ายพลังลมปราณที่คู่ต่อสู้จู่โจมเข้ามาด้วย หากเทียบกับพลังลมปราณที่รุนแรงของรูเกียร์แล้ว พลังลมปราณของซากุระยังน่าตื่นตระหนกกว่าขั้นหนึ่ง
ทว่าแม้ซากุระจะสามารถตั้งรับการโจมตีด้วยลมปราณของรูเกียร์ได้ แต่มังกรพิโรธยิ่งมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังจู่โจมออกมาหลายทิศทาง ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย ทำให้ทั่วห้องประลองเต็มไปด้วยเสียงลมปราณที่เกรี้ยวกราด และหากมองไปยังรอบตัวซากุระขณะนี้จะพบว่ารอบๆร่างของเธอเต็มไปด้วยสายลมเกรี้ยวกราดพัดผ่านเต็มไปหมด
นี่เป็นการตัดสินกันของสองมือกระบี่ที่ใช้ลมปราณเป็นเครื่องวัด ผู้ที่ศูนย์เสียลมปราณก่อนก็จะต้องผ่ายแพ้ไป เสียงลมยิ่งมายิ่งแสบแก้วหูขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าทั้งสองต่างรีดเร้นลมปราณออกมาใช้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครยอมใครแม้แต่ก้าวเดียว
แม้แต่ไซโคร แนชที่ฝึกลมปราณสายฟ้ามายังต้องยอมรับว่าทั้งคู่เป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจจริงๆ ทว่าแม้การต่อสู้บนเวทีจะน่าสนใจแค่ไหน ไซโคร แนชกลับรู้สึกถึงรังสีประหลาดอะไรบางอย่าง ราวกับมีสายตาของใครบางคนกำลังจับจ้องมาที่ตัวเขาตลอดเวลา ความรู้สึกที่น่าอึดอัดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งน่าหวาดกลัวและกดดัน แต่ไม่ว่าจะพยายามมองหาอย่างไรก็ไม่สามารถหาได้ว่าสายตาคู่นั้นจ้องมาจากทิศทางไหนกัน
‘ ปึก ! ’
และแล้วพลังลมปราณของซากุระก็เกิดช่องโหว่ขึ้น มังกรพิโรธตัวหนึ่งสามารถทะลวงม่านบุผาเข้ามาได้ ทำให้ซากุระต้องรีบเปลี่ยนวิธีโคจรพลังลมปราณตวัดกระบี่รับมังกรพิโรธเอาไว้ แม้จะสามารถต้านทานการโจมตีครั้งนี้ไปได้ แต่มังกรพิโรธอีกหลายสิบตัวก็พุ่งเข้าหาเธออย่างไม่หยุดยั้ง
‘ ฟึ่บ ! ’
โชคยังดีที่มังกรพิโรธแม้จะสามารถทำลายม่านบุผาลงได้ แต่พลังก็เริ่มแผ่วลงจนซากุระสามารถฟันทำลายได้อย่างหมดสิ้น สรุปว่าการต่อสู้ทั้งลมปราณและกระบวนท่าของทั้งคู่ก็ยังเสมอกันอยู่ดี ที่เหลือเห็นคงต้องตัดสินกันที่ความอึด และจังหวะเท่านั้น
“ พี่รูเกียร์สู้เขา ” ซิลเวียร์ตะโกนเชียร์
พริบตานั้นรูเกียร์ยิ้มขึ้นมาวูบหนึ่ง
‘ ในเมื่อไม่สามารถตัดสินกันได้ด้วยเพลงกระบี่ และพลังลมปราณแล้วละก็ คงถึงเวลาที่เราต้องใช้มันแล้วสินะ ’
ว่าแล้วรูเกียร์ก็หยุดโคจรลมปราณ หลังจากหอบหายใจอยู่พักหนึ่ง ก็หลับตาลง ทำเอาซากุระสงสัยขึ้นมา ขณะที่คิดว่าจะจู่โจมใส่รูเกียร์ดีหรือไม่ รูเกียร์ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมซัดกระบี่ใส่ซากุระ
การโจมตีครั้งนี้นับว่าเหนือความคาดหมายของทั้งซากุระ และดีว่ามากนัก เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อใดที่มือกระบี่ไร้กระบี่แล้วย่อมหมายถึงความผ่ายแพ้อย่างแน่นอน หรือว่ารูเกียร์หมดหนทางแล้วจริงๆ
ถึงกระนั้นการซัดกระบี่ครั้งนี้ก็ถือว่าร้ายกาจยิ่ง หากไม่เตรียมตั้งรับไว้ทุกขณะจิต ย่อมต้องถูกกระบี่ซัดใส่อกทำให้เสียจังหวะ และพลังชีวิตไปไม่น้อย แต่ซากุระที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ปัดกระบี่ที่ลอยกลางอากาศไปได้อย่างสบาย และเมื่อในมือรูเกียร์ไร้กระบี่แล้ว ซากุระก็ไม่รอให้โอกาสที่รอคอยมาแสนนานหายไป วิ่งเข้าจู่โจมรูเกียร์ในทันใด
รูเกียร์ผงะถอยร่นไปสองก้าวราวกับคนหมดหนทางสู้ ไม่มีท่าทีว่าจะใช้มือหรือเท้าตั้งรับการโจมตีของซากุระแม้แต่น้อย เห็นแน่ชัดว่าอีกไม่กี่นิ้วกระบี่ของซากุระก็จะฟันใส่ร่างของรูเกียร์แล้ว ทันใดนั้นดีว่าพลันลุกขึ้น
“ ระวังครับ ด้านหลัง กะ กระบี่มัน !!! ”
‘ ฉึก ! ’
มิคาดกระบี่ที่ถูกซากุระฟันทิ้งไปแล้ว จู่ๆก็ตีวงวกกลับกลางอากาศพุ่งเข้าแทงใส่กลางหลังซากุระอย่างจัง ทำให้เธอเสียพลังชีวิตไปถึงหนึ่งพันหน่วย
รูเกียร์ฉีกยิ้ม จากนั้นทำท่าควบคุมกระบี่วกเข้าจู่โจมใส่ซากุระอีกรอบ พริบตานั้นกระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศคล้ายมีชีวิตหมุนควงกลับจู่โจมใส่ซากุระอีกรอบ
‘ เป็นไปไม่ได้ ความสามารถนั่น ไม่น่าจะมีใครฝึกได้ ’ ดีว่ายืนตะลึง ส่วนซากุระพยายามเรียกสติของตนคืนมาหันหลังเพื่อปัดการโจมตีของกระบี่ที่วกกลับมา แต่ทว่ากระบี่ของรูเกียร์คล้ายมีชีวิตเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว หลบจากโจมตีของซากุระไปได้ ทางด้านรูเกียร์ก็ใช่จะอยู่เฉยพอเริ่มโคจรลมปราณ ทันใดนั้นกระบี่ที่ลอยอยู่ก็ใช้ออกด้วยกระบี่สุญญากาศ ส่วนรูเกียร์ก็พุ่งเข้าตวัดเท้าเตะร่างซากุระที่กำลังป้องกันกระบี่ของตนอยู่
‘ โครม ’
ร่างซากุระที่ถูกกระบี่สุญญากาศซัดจากด้านหลัง และลูกเตะของรูเกียร์กระเด็นล้มลง นี่เป็นการโจมตีที่ต่อให้มีสองร่างก็มิอาจตั้งรับได้
‘ พึ่บ ’
กระบี่พุ่งกลับเข้าหารูเกียร์ จากนั้นรูเกียร์ตวัดกระบี่ใช้มังกรพิโรธใส่ร่างของซากุระที่ล้มลงอยู่
‘ ปัก ! ’
มังกรพิโรธอัดใส่ท้องของซากุระที่ไร้การป้องกันอย่างจัง ทำเอาซากุระรู้สึกท้องน้อยเจ็บปวดสุดทน แต่ก็ไม่ยอมแพ้พยายามยันตัวลุกขึ้น จากนั้นภาพที่เห็นคือกระบี่ของรูเกียร์ลอยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ซากุระปัดกระบี่รูเกียร์ทิ้งไปได้ทัน แต่ก็โดนการโจมตีที่หนุนเนื่องของรูเกียร์อีกระลอกเข้ามา รูเกียร์ซัดหมัดใส่ร่างซากุระชุดหนึ่ง จากนั้นตวัดเท้าเตะอย่างรวดเร็ว พร้อมกระบี่ที่ลอยวกกลับฟันไปมาใส่ซากุระชุดใหญ่ การโจมตีทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำเอาคนดูทั่วทั้งห้องต้องอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
‘ ฉึก ฉึก ฉึก ’
ทั้งคนทั้งกระบี่ต่างวาดลวดลายโหมโจมตีใส่ร่างซากุระอย่างไร้ความปราณี เป็นภาพที่ทั้งน่าอัศจรรย์และน่าสะพรึงกลัว ซากุระรู้สึกร่างกายของตนสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง การโจมตีของรูเกียร์ถี่ยิบเกินไป จนไม่มีช่องโหว่ให้ป้องกัน หรือแม้จะหลบหลีก ทั้งพลังลมปราณ พลังกระบี่ เพลงหมัดหนุนเนื่องเข้ามาเรื่อยๆราวกับร่างลอยอยู่ในสุญญากาศ
‘ แอ๊ด !!! ’
เสียงสัญญาณสิ้นสุดการแข่งขันดังขึ้น พร้อมร่างของซากุระที่ล้มลงกับพื้น กระบี่ไม้ในมือร่วงหล่นอยู่ข้างๆอย่างไร้ทางสู้ ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่นักประกาศจะตั้งสติกล่าวออกมา
“ และ และผู้ชนะที่จะเข้าไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศก็คือ ทีมโรงเรียยนไกเซอร์ด้อมครับ !!! ”
เสียงเชียร์ไกเซอร์ด้อมดังกระหึ่ม เพราะชัยชนะที่งดงามสะกดทุกสายตาให้ศิโรราบในความยิ่งใหญ่นี้ เพราะรูเกียร์สามารถเอาชนะซากุระที่มียศถึงชุดคลุมขาวของชมรมมือกระบี่ที่ขนาดดีว่าจะโจมตีใส่สักหนึ่งกระบี่ยังยากเย็นแสนเข็ญได้โดยไม่เสียพลังชีวิตแม้สักหน่วย
หากเป็นปกติดีว่าคงจะรีบวิ่งไปดูอาการซากุระ ทว่าขาของเขาก้าวไม่ออก เพราะในหัวของเขาตอนนี้ไม่สามารถคิดหาหนทางเอาชนะรูเกียร์ได้เลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะรูเกียร์ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดสูงสุดของมือกระบี่ไปแล้ว วิชาที่ใช้เมื่อครู่เป็นสุดยอดขอบเขตที่มือกระบี่จะสามารถบรรลุได้
‘ ใช้จิตควบคุมกระบี่ หรือก็คือ กระบี่แห่งจิต ! ’ วิชาที่มีเพียงผู้ฝึกพลังลมปราณจนมหาศาลจนสามารถใช้ลมปราณควบคุมกระบี่ได้ราวกับมีชีวิต ทราบว่าต้องมีพลังลมปราณถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีถึงจะใช้ออกได้ เมื่อจิตสามารถคุมกระบี่แล้ว ร่างผู้ใช้ก็สามารถใช้กระบวนท่าออกได้อย่างที่ได้เห็นกันไปเมื่อครู่ ทั้งกระบี่ที่ควบคุมด้วยจิตหรือลมปราณก็ยังสามารถใช้กระบวนท่าหรือลมปราณได้เฉกเช่นเดียวกันกับเมื่อตอนอยู่ในมือ แล้วใครกันเล่าจะสามารถต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้
มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อไซโคร แนชแตะตัวพร้อมกล่าว
“ รีบไปดูอาการของเธอสิ ”
“ คะ ครับ ” ดีว่ารับคำ วิ่งไปดูอาการของซากุระที่มีรุ่นน้องโรงเรียนเธอมาช่วยประคองลงจากเวทีไปแล้ว
“ เป็นอะไรไหมครับ ” ดีว่าถาม อาการของซากุระดูบอบช้ำกว่าเมื่อครั้งที่เขาสูญเสียลมปราณเสียอีก จนใจที่เขาในตอนนี้ก็ไม่มีลมปราณเหลือพอจะช่วยเหลืออะไรเธอได้
“ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่สามารถไปสู้ด้วยกันในรอบชิงได้ ” ซากุระฝืนยิ้ม
ดีว่าส่ายหน้า มองกลับไปบนเวทีที่รูเกียร์ยืนกอดอกยิ้มย่อง สายตามองมาทางเขาราวกับบอกให้รู้ว่า ชะตากรรมของเขาก็คงไม่ต่างไปจากนี้ แต่ดีว่าตอนนี้ห่วงเพียงอาการของซากุระเท่านั้น
“ อย่าว่ากันเลยนะคะ แต่ถ้าเป็นไปได้ให้คนที่เก่งที่สุดในทีมไปสู้กับเขาจะดีกว่า เพราะว่าคุณในตอนนี้คงยากที่จะเอาชนะเขาได้ ” ซากุระกล่าว
แต่ดีว่าเพียงยิ้มรับ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรในใจลึกๆเขากลับรู้สึกอยากลองสู้กับรูเกียร์ดูสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดื้อไม่ยอมรับความจริงขึ้นมา นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของมือกระบี่ หรือว่าต้องการจะแก้มือให้ซากุระกระมัง
ไซโคร แนชหลังจากได้ชมการต่อสู้ครั้งนี้ก็ต้องเหงื่อตก รู้สึกว่าคู่ต่อสู้ในรอบชิงไม่ใช่หมูๆจริงๆ ความหวังที่จะเอาชนะแทบไม่มีด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นซิลเวียร์ที่ล้มคู่ต่อสามคนได้อย่างไร้ร่องรอยเมื่อเช้า กับรูเกียร์ที่ใช้จิตคุมกระบี่ได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่คิดว่าทั้งสองคนนี้เป็นปัญหาสำหรับเขา แต่ที่ทำให้ไซโคร แนชต้องรู้สึกสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงก็คือ เจ้าของสายตาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมชุดดำตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่บัดนี้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าคือ สายตาเดียวกันกับที่ทำให้เขาต้องอึดอัดมาตลอด
จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีใครเห็นความสามารถ และตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้ แต่สิ่งที่ไซโคร แนชสัมผัสได้คือความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง แม้นี่จะเป็นเพียงแค่การเผชิญหน้ากันด้วยสายตาก็ตาม
‘ ป๊อกๆ ’
เสียงลูกปิงปองเด้งไปมา พร้อมกันเสียงหัวเราะระคนของทูตดำขาวทีมโรงเรียนเอสมอนเต้ที่กำลังยิ้มย่อง และหยอกล้อคู่ต่อสู้ในการแข่งประเภทคู่อย่างออกรสนั่นเอง
“ กระจอกจริงๆ ระวังขวานะ ” ทูตขาวยิ้มตาเล็กหยี ลูกปิงปองพุ่งไปทางซ้ายแทนที่จะไปทางขวาอย่างที่กล่าว นับเป็นการใช้การหลอกล่อด้วยจิตวิญญาณแบบเบื้องต้น แต่ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรคู่ต่อสู้กลับคล้อยตามอย่างง่ายดาย
“ ซ้ายต่างหาก ” หลังจากถูกตีสวนมาภูตดำก็กล่าวขึ้น พร้อมตวัดตบไปทางซ้ายจริงๆ
ทั้งสองไม่เพียงพูดจาหลอกล่อ และรบกวนสมาธิแต่การเล่นของทั้งคู่กลับประสานกันได้อย่างลงตัว ราวกับเป็นคนๆเดียวกันก็ไม่ปาน
ไม่ช้าคู่ต่อสู้ของทั้งคู่ก็หัวหมุนและผ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ย
“ ต่อไปก็ตาพวกแกละกัน ” ทูตขาวยิ้มพร้อมชี้ไปยังโซลีนกับพรีสไซที่นั่งกอดอกมองดูการแข่งอยู่
“ ตาพวกแกละ ระวังตัวให้ดี ฮ่าๆ ” ทูตดำเสริมก่อนจะเดินกลับไปนั่ง
จากนั้นครอสก็เดินออกมาเพื่อแข่งในรอบสุดท้าย คู่ต่อสู้ของครอสคราวนี้ไม่ใช่ง่ายๆเพราะเป็นถึงตัวเต็งที่ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าวิสด้อมดาบอัคคีทมิฬเลย นามว่า ‘แซค วงสายลม’
‘ ฟิ้ว ’
เพียงลูกเสิร์ฟแรกของแซคก็แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็ว สมกับชื่อฉายาจริงๆ ความรวดเร็วของลูกเสิร์ฟไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกวาร์ปของวาเลย ถึงกับเร็วกว่าด้วยซ้ำ
“ เฮ้ๆ อย่าเพิ่งได้ใจไป ถึงจะเอาชนะเพื่อนของชั้นในประเภทคู่ได้ ก็ไม่มีทางผ่านชั้นไปได้หรอก เตรียมแข่งกันอีกเซทได้เลย ” แซคกล่าวพร้อมเสิร์ฟต่อ
ครอสไม่สามารถรับลูกเสิร์ฟของเซทได้แม้แต่ลูกเดียว ถึงจะตีโดนแต่ลูกเสิร์ฟก็แรงเกินจนกระเด้งออกนอกโต๊ะจนเสียแต้มไป
“ จัดการมันซะทีเถอะ อยากจะไปนอนแล้ว ” ทูตขาวทำท่าหาว
“ ใช่ๆ อยากจะนอนแล้วๆ ” ทูตดำเสริม
“ สู้เขาๆ ” สโนว์ส่งเสียง ทันใดนั้นท่าทีของครอสก็เปลี่ยนไป พอถึงตาเสิร์ฟของครอสลูกปิงปองก็พุ่งออกอย่างรวดเร็ว คราครั้งนี้แซคถึงกับรับไม่ได้เช่นกัน แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ลูกที่เพิ่งใช้ออกไปเป็นลูกเสิร์ฟสไตล์เดียวกันกับที่ตนเพิ่งใช้ออกไป
โซลีนกับพรีสไซถึงกับหันหน้ามามองกัน หรือว่านั่นจะเป็น
?
ยิ่งเสิร์ฟยิ่งรวดเร็ว แซคไม่สามารถรับลูกเสิร์ฟของครอสได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้คะแนนของทั้งคู่กลับมาเท่ากัน แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปฝ่ายที่ได้เสิร์ฟก่อนคงจะต้องเป็นฝ่ายชนะไป
คราวนี้กลับมาถึงเกมเสิร์ฟของแซคบ้าง แต่ไม่เหมือนเดิมแล้วเมื่อครอสตวัดไม้ปิงปองตบกลับลูกเสิร์ฟที่รวดเร็วนั้นไปได้อย่างง่ายดาย ทำเอาแซคหน้าซีดขึ้นมา
“ บังเอิญจังนะ ” แซคกล่าว
“ เห่าหอนไปเถอะ ” ครอสกล่าว จากนั้นตวัดตบลูกเสิร์ฟของแซคอย่างง่ายดาย แต่คราวนี้แซคสามารถตั้งรับไว้ได้ สมกับที่เป็นตัวเต็งของโรงเรียนจริงๆ
หากเทียบกันแล้วครอสแทบจะไม่มีอะไรพิเศษเลย เรียกได้ว่าดูเป็นรองแซคด้วยซ้ำ แต่เมื่อยิ่งโต้ไปเรื่อยๆไม่รู้ทำไมครอสกลับพัฒนาขึ้น แถมยังโต้กลับด้วยลูกที่คล้ายๆกับแซค ราวกับเป็นกระจกสะท้อนตัวแซคก็ไม่ปาน
“ ใช่แล้วละ ” โซลีนกล่าวกับพรีสไซ
‘ ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ ” พรีสไซดันแว่น
พริบตานั้นครอสตวัดไม้ตบด้วยท่าไม้ตายของบูมบ้าแห่งโรงเรียนบียูที่เคยแข่งกันมาในรอบแรกได้ ชื่อลูกตบไม้ตายว่า ‘ เขย่ากรง ’ พลังตบรุนแรงไม่แพ้ลูกบิ๊กแบงของคิงสตันที่วาเคยแข่งเลย
จากนั้นราวกับปาฏิหาริย์ครอสสามารถตีโต้ และใช้ลูกท่าไม้ตายของคนที่เขาเคยแข่งด้วยออกมาได้เรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งลูกไม้ตายที่แซคภูมิใจนักหนาว่าไม่มีใครสามารถตั้งรับได้ ก็ยังสมารถลอกเลียนแบบได้
ไม่นานนักแซคที่มีชื่อเสียงก็ถูกครอสโค่นลงด้วยคะแนนที่สูสีคือ ยี่สิบเอ็ดต่อสิบห้า
“ เก่งมาก ” สโนว์ชูนิ้วโป้งสองข้างให้ครอส ครอสก็ชูนิ้วกลับ
“ ท่าทางจะเจอของหินเข้าแล้วสิ ” พรีสไซยิ้มเจ้าเล่ห์
ไม่ว่าใครต่างก็ไม่คาดคิดว่าทีมม้ามืดอย่างเอสมอนเต้จะสามารถเข้ามาถึงรอบนี้ได้ อับดุลอินเตอร์ที่ไม่เคยเข้าแข่งปิงปองระหว่างสถาบันมาก่อนก็เช่นกัน แต่ฝีมือของทั้งสองทีมนี้กลับเป็นที่น่าตื่นตระหนกต่อทุกโรงเรียนจริงๆ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าไม่ยอมรับ
“ นั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า ZONE จริงๆสินะ ” โซลีนส่งเสียงอืมในคอ
“ เตรียมตัวซื้อยาแก้แพ้ไว้ได้เลย ” ทูตขาวแวะมายิ้มเย้ยโซลีนกับพรีสไซ
โซลีนเพียงกอดอกนิ่ง ส่วนพรีสไซกระดกแว่นยิ้มชั่วร้าย
“ น่าจะเป็นพวกแกมากกว่ามั้ง เจ้าลิงน้อยทั้งสอง ”
คำพูดของพรีสไซทำให้ทูตขาวไม่พอใจ ทูตดำถึงกับรีบเสริมขึ้น
“ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ปิงปองคู่ของพวกเราต่อให้พวกแกฝึกมาอีกสิบปีก็ไม่ชนะ แล้วยิ่งมือเดี่ยวของพวกเราอีก ”
พรีสไซทำท่าหาว
“ เรากลับไปซ้อมกันเถอะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าเจ้าวาจะไปอยู่ไหนแล้ว ”
โซลีนรับคำเดินสวนทูตดำขาวไปอย่างไม่แยแส ส่วนครอสนั้นเพียงมองหาวาแต่ไม่พบ
‘ ZONE อย่างนั้นเรอะ แม้จะเป็นเราเองก็คง
.. ’
โซลีนคิดขณะเดินสวนกับครอส
“ คงจะชอบเขามากเลยสินะ ” โซเฟียถามวาขณะเดินออกจากห้องแข่งปิงปอง โดยที่วาเองไม่สนใจจะดูการแข่งของครอสกับโรงเรียนบียูเลยแม้แต่น้อย
คำถามนี้ทำให้วาถึงกับชะงักพร้อมยิ้มเจือนๆ
“ ก็ไม่รู้สิ ” วามองออกไปนอกหน้าต่างของปราสาทที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
“ แหะๆ ท่าจะแทงใจดำนะ ” โซเฟียทำเป็นไม่สน “ แต่ว่านะถ้ามีเรื่องอะไรที่คาใจทำไมไม่ลองคุยกันดีๆดูสักครั้งนึงละ ”
วาเหม่อมองไปด้านนอกไม่กล่าวอะไร เรื่องนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงไม่กล้าถามความรู้สึกของสโนว์ไปตรงๆ เป็นเพราะตัวเขาเองกลัวถูกปฏิเสธหรือว่ารู้คำตอบดีอยู่แล้วกันแน่นะ
“ ช่างมันเถอะ ” วาตัดบท “ ว่าแต่เรารีบกลับไปดูการแข่งของดีว่าก่อนจะดีไหม ”
“ นั่นสิ ” โซเฟียพยักหน้า “ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ ”
“ สงสัยจะแข่งจบแล้วละ ”
และก็จริงอย่างที่วาคิดเมื่อเดินมาถึงห้องประลองอาวุธก็พบว่าการแข่งได้จบลงไปแล้ว และเมื่อมองไปยังบอร์ดประกาศก็พบว่าผู้ชนะคือดีว่าและทีมโรงเรียนของเขา นั่นสร้างความยินดีให้แก่วาและโซเฟียเป็นอย่างยิ่ง จนลืมเรื่องของ สโนว์ไปได้พักหนึ่ง ทว่าภาพที่เห็นขณะนี้ก็คือ กระบี่ของรูเกียร์ที่ล่องลอยเล่นงานซากุระจนราบคาบ เหตุการณ์ที่ทั้งสองเห็นนั้นรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว ความยินดีเมื่อสักครู่ถูกสะกดด้วยความน่าเกรงขามของรูเกียร์
‘ นี่นะหรือทีมที่พวกเราต้องพบในรอบชิงชนะเลิศ ’ วาคิด
หลังจากการประลองสิ้นสุดลง วาก็ตกลงว่าจะปรึกษากับไซโคร แนชและดีว่าเรื่องการแข่งในวันมะรืน แต่ด้วยสภาพที่คนดูเริ่มทยอยกันออกจากห้องทำให้ยากที่จะมองหาไซโคร แนชกับดีว่าพบ
“ รุ่นพี่ ” ในที่สุดวาก็เห็นไซโคร แนชท่ามกลางฝูงคน แต่ไซโคร แนชยกมือห้ามไว้ ท่าทางเร่งร้อนราวกับกำลังติดตามใครสักคนอยู่
“ แหะๆ ไว้ค่อยคุยกันตอนมื้อเย็นก็ได้นะ ” โซเฟียกล่าว
ทางด้านไซโคร แนชนั้นหลังจากการประลองสิ้นสุดลงก็ลอบติดตามชายในเสื้อคลุมดำไป ความจริงนี่ไม่ใช่วิสยของเขาที่จะสะกดรอยตามใคร แต่สังหรณ์ลึกๆบอกให้เขาทำเช่นนี้
ชายในชุดคลุมดำเดินหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มนักเรียน ฝีเท้าว่องไวราวกับลมหอบหนึ่ง หากไม่ใช่ไซโคร แนชตั้งใจจะติดตามแล้วย่อมไม่มีทางทันแน่
หลังจากสะกดรอยตามอยู่พักหนึ่ง ชายเสื้อคลุมดำก็มาจนถึงมุมที่ไร้ผู้คนของปราสาท นี่เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีแสงสว่างนัก เพราะเป็นทางเดินที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประลองใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่แสงไฟจากโคมไฟที่อยู่ข้างผนังปราสาทเท่านั้น บรรยากาศจึงชวนขนหัวลุกไม่น้อย
‘ กึก ’
ชายในชุดคลุมดำชะงักเท้าลง ราวกับรู้ตัวว่ามีใครติดตามมา
“ มาจนได้สินะเจ้าชาย ” เสียงแหบพร่ากล่าวขึ้น หากไม่ใช่ไซโคร แนชคงจะต้องขนลุกด้วยความสยองไปแล้ว
“ อืม ” ไซโคร แนชเพียงรับคำสั้นๆ
‘ ที่แท้เจ้านี่รู้ตัวมาตลอดเลยสินะว่าเราจะต้องตามมา แต่ทำไมกัน ’
“ ยินดีที่ได้พบ ”
เจ้าของร่างในชุดคลุมดำหันขวับ เผยให้เห็นกุญแจมือที่คล้องอยู่ บนใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากแฟนท่อม แต่ที่ไม่สามารถปกปิดได้คือสายตาอาฆาตที่ยากจะคาดเดาได้ ทั้งคนและบรรยากาศขณะนี้นับว่าชวนขนหัวลุกเป็นที่สุด
“ แกเป็นใครกัน ” แต่ไซโคร แนชถามอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ ฮ่าๆๆ ข้าเป็นใครงั้นรึ ” ชายในเสื้อคลุมดำหัวเราะด้วยความเคียดแค้น โซ่กุญแจมือสั่นระริกส่งเสียงชวนสยอง สายตาจ้องไซโคร แนชไม่กระพริบ
ไซโคร แนชเพียงจ้องกลับ แต่ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรเขาเริ่มรู้สึกกดดัน และอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้เช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่เมื่อครั้งที่ได้พบกับการสูญเสียเจ้าหญิงในวันนั้น
“ แกไม่มีทางรู้หรอกว่าชั้นเป็นใคร ” ชายชุดคลุมดำมือสั่นทำท่าราวกับจะฉีกกระชากกุญแจมือออกมา “ แต่ที่รู้แน่ๆก็คือ ชั้นไม่มีวันทำให้แกได้พบกับเจ้าหญิงหรอก ”
คำพูดเพียงสองประโยคนี้คล้ายสายฟ้าฟาดลงกลางใจไซโคร แนช
‘ เจ้านี่รู้เรื่องเจ้าหญิงด้วยงั้นรึ ’
“ แกเป็นใครกัน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ แล้วเรื่องรีน่าแกรู้ได้ยังไง แกรู้อะไรบ้าง ” ไซโคร แนชตะโกนราวกับคนเสียสติ ทำให้ชายเสื้อคลุมดำหัวเราะชอบใจ
“ คนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะได้พบเจ้าหญิงอีกครั้งหนึ่งหรอก ไม่มีวัน ! ” เจ้าของเสียงตะคอก
“ ขอร้องละ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นละก็
. ”
“ ไม่อย่างนั้นจะทำไม ” ชายในเสื้อคลุมดำเย้ย ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย “ ไม่อย่างนั้นแกก็จะปล่อยให้รีน่าต้องบาดเจ็บเหมือนครั้งที่แกไม่สามารถปกป้องเธอได้หรือยังไง ?! ”
พูดจบร่างปริศนาก็พุ่งเข้าหาไซโคร แนชราวกับวิญญาณร้าย การเคลื่อนไหวครั้งนี้อยู่เหนือความคาดเดาของไซโคร แนชมาก แต่ร่างกายของเขาก็ตอบรับโดยไวไม่แพ้กัน ทั้งท่าป้องกันขึ้นในทันที
แต่มือของชายในชุดคลุมดำคล้ายปีศาจร้าย แม้จะถูกคล้องไว้ด้วยกุญแจมือก็ยังรวดเร็วเกินกว่าที่ไซโคร แนชจะปัดป้องได้
‘ หมับ ’
มือทั้งสองคว้าจับร่างของไซโคร แนชพร้อมยกชูขึ้นอย่างง่ายดาย
“ ฮ่าๆ มีแค่นี้เองสินะ ชายผู้ได้ยศพาลาดิน ”
พริบตานั้นไซโร แนชโคจรลมปราณสายฟ้าขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากหายดีจากการต่อสู้กับสเวน สายฟ้าเกรี้ยวกราดพุ่งออกจากดาบกางเขนทั้งสองข้างที่ข้างเอวของเขา พร้อมพุ่งใส่ร่างปริศนา ทว่าร่างปริศนานั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังคงยกชูร่างของไซโคร แนชได้อย่างสบาย
“ สลายวิญญาณ (Souleater) !!! ”
ชายชุดคลุมดำออกแรงรีดเร้นพลังอะไรบางอย่างสักพักพลังลมปราณสายฟ้าของไซโคร แนชคล้ายไหลวนลงสู่ทะเลลึก ถูกดูดกลืนและสลายไปหมดสิ้น มิเพียงเท่านั้นไซโคร แนชรู้สึกว่าร่างกายไร้ซึ่งพลัง ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ พลังประหลาดนี้คล้ายกับรีเจกชั่นของเกก้าดีนหากแต่ลึกล้ำกว่าขั้นหนึ่ง
ยิ่งออกแรงไซโคร แนชยิ่งรู้สึกพลังค่อยๆถดถอยไปทีละนิดๆ แถมมือทั้งสองข้างนี้ก็คล้ายโซ่ตรวนไม่ว่าจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถผลักมันออกไปได้ สติคล้ายกำลังหมดไปทีละน้อย
‘ ใครมันจะไปยอมกัน โอกาสเพียงครั้งเดียวที่เราจะได้เจอกับรีน่า ! ’
ไซโคร แนชกัดฟันรวบรวมลมปราณขึ้นอีกครั้ง เสียงสายฟ้าดังเปรี้ยงปร้างไปทั่วบริเวณก่อนที่ร่างปริศนาจะกระเด็นถอยหลังไป
‘ ฟู่ ’
ควันที่เกิดจากสายฟ้ากับโซ่ตรวนของชายชุดคลุมดำลอยปกคลุม จากนั้นปรากฏกร่างของไซโคร แนชในท่าจับดาบคู่
“ ดูท่าคงจะต้องจัดการแกให้ได้สินะ ถึงจะยอมบอกออกมา เจ้าลูกแกะน้อยที่หลงทาง ”
“ ฮ่าๆ ไม่เลวๆที่สามารถสลัดหลุดจากสลายวิญญาณและพันธนาการวิญญาณของชั้นได้ ” ร่างปริศนาหัวเราะ “ แต่วันนี้ชั้นสนุกพอแล้ว เพราะถ้าไม่ได้ล้มแกบนเวทีต่อหน้าเจ้าหญิงละก็คงจะไม่สนุก ”
“ คิดจะหนีไปง่ายๆอย่างงั้นเรอะ ” ไซโคร แนชเริ่มมีน้ำโหโคจรลมปราณจากนั้นพุ่งตัวเข้าใส่ร่างปริศนาด้วยความเร็วสูง
“ หึ ” ชายชุดคลุมดำเค้นหัวเราะ “ พูดอะไรให้มันฟังง่ายหน่อยสิ ”
พริบตานั้นขณะที่ดาบคู่สายฟ้ากำลังจะถึงตัว จู่ๆรังสีแห่งความตายก็แผ่พุ่งเข้าใส่ไซโคร แนชทำให้ร่างของเขาชะงักไปวูบหนึ่ง
‘ Fear! ’
จากนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งออกจากเสื้อคลุมสีดำของชายปริศนา มันคือแท่งเหล็กสีดำที่ปลายสุดเป็นเคียวคมกริบชวนสยอง ตวัดฟันใส่ดาบคู่สายฟ้าของไซโคร แนชอย่างรวดเร็ว
ไซโคร แนชไม่เคยรู้สึกถึงพลังมหาศาลเช่นนี้มาก่อน หากไม่นับสเวนอัศวินนักฆ่าแล้ว การโจมตีครั้งนี้นับว่าร้ายกาจอย่างยิ่ง
‘ ฟึ่บ ’
เส้นผมของไซโคร แนชถูกเคียวปีศาจของชายชุดคลุมดำฟันขาดลงมา ความแหลมคมของเคียวนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง
“ คงจะเข้าใจแล้วสินะ ว่าแกไม่มีทางเอาชนะชั้นได้ ” ชายชุดคลุมดำยิ้ม ฮู้ดที่ใช้ปิดบังหน้าตกลงเพราะเคียวที่ถูกซ่อนไว้ด้านหลังเพื่อใช้ยันฮู้ดไว้ถูกนำออกมาใช้ เผยให้เห็นเคล้าหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแฟนท่อม
‘ ฉึก ’
ดาบคู่สายฟ้าของไซโคร แนชปรากฏรอยฟันลึกเข้าไปสองเซนจากการโจมตีเมื่อสักครู่
ไซโคร แนชความจริงไม่อยากปล่อยให้ชายชุดคลุมดำจากไปในลักษณะเช่นนี้ แต่ร่างกายไม่เชื่อฟังจู่ๆขาของเขาก็สั่นขึ้นมา ดาบแทบจะหลุดออกจากมือ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วมือที่สองจากการรับแรงปะทะเมื่อครู่
“ แล้วค่อยเจอกันในการประลองรอบตัดสินนะเจ้าชาย ฮ่าๆๆ ” ชายชุดคลุมดำเก็บเคียวปีศาจเข้ากลับเสื้อคลุม “ ถึงเวลานั้น ยมทูตผู้นี้จะแย่งชิงวิญญาณของแกมาเอง ”
ร่างปริศนาค่อยๆเดินจากเข้าไปในความมืด ทิ้งให้ร่างที่สั่นเทาของไซโคร แนชยืนอยู่กับที่
‘ ปึก ’
ไซโคร แนชทรุดลงหอบหายใจ หรือว่าเขาจะหมดหนทางที่จะได้เจอกับเจ้าหญิงแล้วจริงๆ
______________________________________
ฝากผลงานด้วยนะครับ http://www.youtube.com/watch?v=NLh1hQhehR8
ส่วนอันนี้เป็นแฟนเพจของโรงเรียนมหาโจรในเฟสบุ๊คนะครับ http://www.facebook.com/pages/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3/176858069070434?ref=tn_tnmn#!/pages/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3/176858069070434
รักกันชอบกันก็อย่าลืมเข้าไปกดไลท์ และอัพเดทข่าวสารและเปลี่ยนข้อมูลในได้นะครับ แล้วพบกับตอนใหม่ฉบับสมบรูณ์ได้ไม่เกินวันเสาร์อาทิตย์นี้แน่นอนครับ
ความคิดเห็น