ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #6 : บทเรียนที่ 5 ปะทะเจ้าชาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.33K
      70
      28 ม.ค. 47



                                             บทเรียนที่ 5         ปะทะเจ้าชาย







               วา เดินเล่นต่อกับนิคอีกสักพักก็เดินกลับไปที่หอพัก   ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลา 6 โมงครึ่งแล้ว           ท้องฟ้าวันนี้ดูช่างมืดเร็วเหลือเกิน            ดูเหมือนว่าการเดินเล่นวันนี้ทำให้ วา ได้รู้ว่า  โรงเรียนอับดุล  อินเตอร์นี้ ไม่ใช่โรงเรียนเล็กๆ เลยทีเดียว             วา คิดว่าจะให้เขาเดินรอบโรงเรียนทั้งวันคงจะไม่หมดแน่ๆ       ที่นี่มันกว้างขวางมาก    คงหลายไร่เลยทีเดียวละ  



                 ในที่สุด วา ก็เดินกลับมาถึงหอพักจนได้  ไฟที่หอพักดูสวยงามมาก   ปกติตอนเช้าๆ ที่ วา มาเจอมันก็ดูหรูหราอยู่แล้ว   แต่ตอนกลางคืนนี่เทียบกันแทบไม่ติดเลยทีเดียว         วา เดินไปที่ลิฟท์พร้อมกับรอลิฟท์



                เมื่อลิฟทืเปิดออก วา จึงเดินไปส่งนิคที่หน้าประตูห้องเขา     แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องของนิคแล้ว  วาก็ได้ยินเสียงของกีต้าร์ดังมาก   มาจากภายในห้องของนิค   สันนิษฐานว่า    มิวคงกลับมาแล้ว  เล่นกีต้าร์อยู่       แต่ทำไมเสียงกีต้าร์มันถึงดูจริงจัง     เหมือนกับว่า  ไปโกรธแค้นใครมาอย่างไง  อย่างนั้นเลย  



                โลกนี้มันก็แปลกนะ   คนสองคนต้องอยู่ร่วมห้องกันโดยที่อีกคนก็แสนจะเงียบ  และชอบความสงบ   แต่อีกคนพูดมากแล้วก็ชอบเสียงดนตรี      แถมชอบเล่นดังๆ สะด้วย    แล้วอยู่กันเข้าไปได้อย่างไงนะเนี่ย    



                 วา คิดจะเข้าไปทักทายมิว  แต่คิดไปคิดมา  เขาคงต้องการซ้อมดนตรีอยู่คนเดียว   ดังนั้นไม่ไปรบกวนเขาจะดีกว่า   วา จึงบอกลานิค



                 “ วันนี้ขอบใจมากนะ ที่ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนกับเรา  ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้ ”



                นิคโบกมือขึ้น เชิงว่า ไม่เป็นไร ไปก่อนนะ   จากนั้นเขาก็ใช้บัตรรูด ประตูห้องแล้วเปิดประตูห้องออก   เท่านั้นแหละ     เสียงกีต้าร์ดังออกมาข้างนอก                ทำให้วาถึงกระเด็น   มันเป็นการเล่นกีต้าร์ที่ดังที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา     เสียงยังกับพวกเล่นคอนเสิร์ต              



                มันทำให้ววายิ่งประหลาดใจ  ทำไมต้องเล่นเสียงอย่างนั้น    แล้วคนข้างห้องเขาไม่ว่าเอาหรอไงเนี่ย   อย่าว่าแต่คนข้างห้องเลย นิคจะทนไหวเรอะ        แต่ลืมไปหมอนี่มันไม่พูดอยู่แล้วนิเนอะ              เมื่อประตูปิดเสียงก็เบาลงไปอีกหน่อย    แต่ก็ยังคงดังอยู่ดี          



              วา เปิดประตูห้องออก  เขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งเพราะว่า   สิ่งที่เขาเห็นอยู่ก็คือ     !!!  



            “ นีโอ นี่นายอย่าบอกนะว่า  นายยังไม่หยุดอ่านหนังสืออีกอะ ”

              ใช่แล้ว สิ่งที่วาเห็นก็คือ  นีโอยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม    ซึ่งมันทำให้เขาประหลาดใจมาก     คนอะไรจะอึดขนาดนี้   อ่านเข้าไปได้อย่างไง        ตั้ง 2-3 ชั่วโมง แล้วนะ      แต่เขาก็คิดว่า ยังดีที่นีโอไม่ต้องไปอยู่ร่วมห้องกับ มิว ไม่อย่างนั้นโลกแตกแน่  

            

             “ อืม เรายังไม่ได้หยุดอ่านหนังสือหรอก   ยังอ่านไม่หมดส่วนที่เราต้องอ่านเลย  ”

             “ นายต้องอ่านอย่างนี้ทุกวันเลยไหมเนี่ย ”

             “ ที่จริงไม่นะ  แต่ว่าเราอยากอ่านเองนั่นแหละ   ประจวบกับวันนี้มันมีงานมาให้อ่านด้วยละ   เลยต้องอ่านมากเป็นพิเศษหน่อย  แล้วเป็นไงบ้างไปเดินเล่นรอบโรงเรียนมา     แต่เราคิดว่านายเดินได้ไม่รอบหรอกจริงมั้ย ”

             “ มันก็จริง ที่นี่มันดุท่าทางจะกว้างมาก  เราคิดว่าเราเดินเกือบทั้งวัน   มันถึงจะครบรอบ ”

             “ มันก็ไม่ถึงกับต้องทั้งวันหรอกนะ    ว่าแต่ทานอะไรมารึยังละ ”  

             “ ยังเลยละ  แล้วนายละ ”

            

             นีโอ นำที่คันหนังสือมาคันหนังสือเล่มใหญ่ที่เขากำลังอ่านอยู่  พร้อมกับลุกขึ้นทำท่าบิดขี้เกียจ      จากนั้นก็เดินไปที่ห้องครัวขนาดเล็กภายในห้อง       พร้อมกับหยิบซองบะหมี่สำเร็จรูป   ดูๆ แล้วสงสัยต้องเป็นยี่ห้อ        

           “ เก๋อ ”   แน่นอน      มันเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ วา ชอบมาก      มันไม่ใช่เพียงแต่ว่า   เป็นบะหมี่ที่ขายดีที่สุดเท่านั้น  แต่มันไม่ใส่ผงชูรสเลย   เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มกำลังดี      ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำก็ตาม       แถมวา  ยังเคยเห็นเจ้าของบริบัทิออกรายการทีวีด้วย  ว่าก่อนจะมาเป็นบะหมี่เก๋อ   เขาต้องผ่านอะไรมากบ้าง



            “ เรากะว่าจะทานบะหมี่อ่านะ   จะทานกับเราในห้องมั้ย ”

            “ เอาสิ มีรสอะไรบ้างละ  แล้วนั่นใช่บะหมี่เก๋อใช่มั้ย ”

            “ ใช่ นายชอบมันมั้ยละ    มีเกือบหมดทุกรสแหละ ”

            “ ชอบสิ   ว่าแต่มีรสชาเขียวต้มยำมั้ย ”

            “ เดี๋ยวนะ ขอเวลาหาก่อน  ”

        

            นีโอ เปิดหาบะหมี่รสชาเขียวต้มยำ   อยู่สักครู่  เขาก็หยิบมันออกมาพร้อมกับ รสดั้งเกิม ?

          

            “ โอเค เจอแล้ว  นายชอบรสนี้หรอ   เราไม่คิดว่ามันอร่อยมากเท่าไหร่หรอกนะ ”

            “ อะไรที่เป็นชา เราชอบหมดแหละนะ  ”



            นีโอ นึกขำวาอยู่นิดๆ     จากนั้นก็เริ่มฉีกซองบะหมี่ทั้งสองซอง แล้วก็เริ่มจัดการต้ม        ระหว่างต้มนั้นกลิ่นหอมก็โชยมา         มันช่างยั่วยวนชวนให้รับประทานจริงๆ                     วา มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง  ทางด้านระเบียงของห้อง     ดูเหมือนมันจะค่ำแล้ว  ฤดูหนาวนี่มันช่างมืดเร็วเสียจริงๆ    



            “ เป็นยังไงบ้าง  เปิดเรียนวันแรกโรงเรียนนี้  ”

            “ ถ้าเราไม่ต้องเจอเรื่องอะไรแบบที่เจอในวันนี้    มันคงเป็นวันเปิดเรียนวันแรกที่ดีที่สุดของเราไปแล้วละ ”

            “ ทำไงได้  เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว   วันพรุ่งนี้เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองแหละ    ”

            “ อย่างนี้ ทำไมพวกฝ่ายปกครองไม่เรียกตัวไปบ้างละ    นักเรียนทำพฤติกรรมอย่างนี้    ใช้ได้ที่ไหนละ ”

            

               นีโอ ได้ยินวา พูดก็นิ่งไปสักครู่เหมือนกับ ว่าคิดอะไรสักอย่างอยู่      “  นายคงยังไม่รู้สินะ  ว่าโรงเรียนเรา  ไม่มีกฎห้ามนักเรียนทะเลาะวิวาทกัน  ”        

               “ อะไรนะ ไม่มีกฎห้ามนักเรียน ทะเลาะวิวาทกัน    ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ละ  ”

               “     เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ   เพราะอย่างนี้ไง  พวกประธานนักเรียน  เลยต้องมีหน้าที่คอยห้าไม่ให้นักเรียนคนอื่นๆ   ต่อยตีกัน ”

               “ นายไม่คิดว่ามันแปลกหรอ  ”

              “ อันนี้แม้แต่เราก็ไม่รู้หรอกนะ   มันเป็นเรื่องของทางโรงเรียน  คงมีเพียงแต่พวกประธานนักเรียนเท่านั้นแหละที่รู้ว่า   ทำไมโรงเรียนถึงไม่ออกกฎห้ามนักเรียนทะเลาะวิวาทกัน  ”

               “ อย่างนี้ พรุ่งนี้ต้องลองไปถามโซเฟียสะแล้วสิ ”

               “ เราว่า ถามไปก็เปล่าประโยชน์  เพราะเขาก็คงไม่รู้อะไรมากหรอก     แต่เราก็ยังจำได้นะ     ตอนที่เราเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ   มันนานมาแล้วละ     เราก็เคยประหลาดใจเรื่องกฎนี้มาเหมือนกัน     ตอนนั้นเป็นตอนที่รุ่นพี่ซาโต้เพิ่งขึ้นมาเป็นประธานนักเรียน    รุ่นพี่ซาโต้พยายามที่จะให้โรงเรียนเขียนกฎข้อนี้ออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ …………. ”



                 นีโอ เล่าไปสักพักก็หยุดพูด ดูเหมือนกับว่า  เขาเพิ่งพูดอะไรที่  ไม่น่าจะพูดออกไป      นีโอ จึงเปลี่ยนท่าทีทำเป็นเดินไปดูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า ได้ที่หรือยัง            



                  “ เอาละ รู้สึกว่าจะโอเคแล้วนะ ”    

                  “ แล้วทำไมหรอ  ตอนนั้นรุ่นพี่ซาโต้ แล้วยังไงต่อละ ”

                  “ ไม่มีอะไรหรอก จบแค่นั้นแหละ ”



                  นีโอ ยิ้มแล้วก็นำชามบะหมี่ส่งไปให้วา    วา ก็รับมาจากนั้นก็เริ่ม เป่าบะหมี่ให้หายร้อน          



                  “ พรุ่งนี้ เราจะต้องเจออะไรอีกเนี่ย ”

                  “ แม้แต่ผู้รอบรู้ยังไม่รู้เลย   ที่สำคัญทำมันให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ ”

                  “ นายนี่จริงจัง จังเลยนะ   เราแค่ถามไปเล่นๆ  เท่านั้นแหละ       ว่าแต่ปกติ มิว จะชอบซ้อมดนตรีดังๆ ในห้องเขาหรอ   วันนี้เดินไปส่งนิคที่หน้าห้อง   เสียงดังมากเลยละ ”

                  “ ปกติ เขาก็ชอบซ้อมดนตรีนะ   แต่เราว่ามันก็ไม่ได้ดังมากหรอกนะ     ทำไมหรอวันนี้มันดังมากขนาดนั้นเลยหรอ   สงสัยจะอารมณ์ไม่ค่อยดีแน่ๆ เลยละ ”

                 “ แล้วนายพอจะรู้มั้ย  อะไรทำให้วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีละ  ”

                “ ถ้าเรารู้ก็แปลกแล้วละ   เรานั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างนี้ตลอดเลย  ก็เพิ่งจะหยุดพักตอนนายเข้ามานี่แหละ ”

                 “ แล้วเป็นไงมั่งละ  ตกลงนายเลือกเข้าชมรมอะไรละ ”

                “ เราเลือกเข้าชมรมนักมายากล    มาสเตอร์ที่สอนเท่มากเลยละ   เก่งสะด้วย ”

                “ อืมนะ มาสเตอร์ซาซาไรใช่มั้ยละ   ถ้าเราจำไม่ผิด ”

                “ ใช่แล้วละ   มีเรื่องอะไรอีกเยอะเลยละวันนี้   ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ  ”



                เมื่อวากินบะหมี่เก๋อกึ่งสำเร็จรูปเสร็จแล้ว  ก็เดินไปที่เป้ของเขา หยิบไพ่ชุดที่เขาเพิ่งได้วันนี้ออกมา      นีโอเห็นดังนั้นจึง  ขอวาให้เอามาดูใกล้ๆ หน่อย



                 “ นี่ คือ อุปกรณ์การเรียนของชมรมเราละ ”    วาค่อย ยื่นมันให้นีโอดู

                “ ไพ่ ชุดนี้ดูไม่ธรรมดาจริงๆ  มันไม่เหมือนกับไพ่ทั่วๆ ไปนะ  นายก็คงรู้ใช่ไหม”

                “ เอ๊ะ มันพิเศษกว่าไพ่ธรรมดาตรงไหนหรอ ”

                

                นีโอ กระดกแว่นขึ้น ทำท่าทางฉลาดมาดเข้มตามประสา      “ นายไม่รู้เลยหรอเนี่ย   ลักษณะของตัวไพ่ชุดนี้   มันสร้างขึ้นมาเพื่อ  ใช้แสดงกลโดยเฉพาะ   ไม่ใช่สิ  มันไม่ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อแสดงกลเพียงอย่างเดียว     ใบไพ่มีน้ำหนักที่สมดุลย์และหนักกว่าไพ่ธรรมดาเล็กน้อย    สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ด้วย   ”



               วา ถึงกับทึ่งกับสิ่งที่นีโอพูดออกมา   ใช่แล้ว เขาลืมนึกไปเลยไพ่ที่ซาซาไรใช้ช่วยเขา  ก็คงเหมือนกับที่เขามอบมาให้สินะ  

            

               “ นายนี่รู้เยอะดีจังเลยนะ   สมแล้วที่อยู่ชมรมผู้รอบรู้ ”

               “ ถ้านายอยากจะรู้เยอะ  นายก็ต้องแลกกับการที่นั่งอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งละนะ ”

               “ งั้นเราไม่ขอรู้เยอะดีกว่า ”       วา หัวเราะแบบล้อเล่น   ซึ่งนีโอ ก็ขำที่วาพูดมาเหมือนกัน

               “ ว่าแต่ วันแรกนายเรียนอะไรบ้างละ   แล้วชมรมนายมีกี่คนหรอ ”

               “ ชมรมเรามีเราคนเดียวเอง   ส่วนวันแรกก็ไม่ได้เรียนอะไรมากมายหรอก  ก็เป็นภาคบรรยายสะส่วนใหญ่ ”

             “ อืมนะ  เวลาเรียนภาคบรรยายก็ตั้งใจไว้ละ   เพราะมันสำคัญมากนะ ”            สมแล้วที่อยู่ชมรมผู้รอบรู้จริงๆ นะเนี่ย       นีโอ ยื่นกองไพ่คืนให้วา    ซึ่งวาก็หยิบมันมาดูต่ออีกสักพัก     นี่หรือกองไพ่ที่สามารถเอาชนะ   โกจิและก็อบได้   คิดอย่างนี้แล้ว  เขารู้สึกว่า อยากเรียนให้ถึงขั้นนั้นเร็วๆ จังเลย  

            

             “ เดี๋ยว เราต้องขอตัวอ่านหนังสือต่อแล้วละนะ    นายเองก็น่าจะอ่านบ้างนะ   เอาพวกวิชาการตอนเช้ามาอ่านทบทวนหน่อยก็ดีนะ   ”

              “ โอเค เบตง ได้เลย   เราจะอ่านเป็นเพื่อนนะ ”



            ว่าแล้ว วา ก็กำลังจะไปหยิบหนังสือมาอ่าน  แต่เขาก็คิดได้ว่า   เปิดเรียนมานี้   ทางฝ่ายการเงินยังไม่ได้จักส่งหนังสือ  ให้กับเขาเลยนี่หน่า    



              “ นี่  นีโอนายพอจะมีหนังสือ ให้เรายืมอ่านมั้ยละ   พอดีรู้สึกว่าทางฝ่ายการเงิน  เขายังไม่ได้ส่งพวกหนังสือเรียนให้เราเลยอะ  ”

            “  อ๋อ  ที่จริงเขาส่งมาให้นายแล้วละ  แต่เราลืมให้นายเองแหละ   ขอโทษทีนะ   เดี๋ยวเราเอามาให้นะ ”



             ว่า แล้วนีโอก็เดินไปหยิบกล่องสีดำ  ที่ข้างโต๊ะทำงานของเขา   ถือมาให้ วา  

        

            “ นี่ละ อุปกรณ์การเรียนทั้งหมดของนายอยู่ในนี้  นายลองดูเอาเองนะ  เดี๋ยวเราขอตัวไปอ่านหนังสือต่อละ ”

            วา ค่อยๆ เปิดกล่องอุปกรณ์การเรียนของเขา     ก็พบกับอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย      หนังสือเรียนวิชาต่างๆ    สมุดโน๊ตลายอับดุล อินเตอร์   และเครื่องเขียนอีกมากมาย        



            ดูแล้วมันช่างสมกับราคาค่าเทอมเสียจริงๆ      ที่จริงแค่ค่าห้องวา ก็คิดว่ามันคุ้มมากแล้วนะเนี่ย       วิชาที่ วา เลือกหยิบออกมาอ่านหนังสือ    เป็นวิชาสังคม    

            

            มันดูเหมือนจะเป็นวิชาที่เขาชอบมากที่สุด      และคงบวกกับ ที่วันนี้วา รู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษกับอาจารย์สอนสังคมของโรงเรียนนี้      ซึ่งมีชื่อว่า    “ พิชายะ ”         เขาเป็นอาจารย์รูปร่างอ้วน     ดูดีๆ ก็ไม่ค่อยจะต่างกับ ผู้พันแคนดั๊กกี้เท่าไหร่นัก          

          

             ตอนแรก วา ก็แอบสงสัยในชื่อของอาจารย์เล็กน้อย  ที่เหมือนกับพิชากิ    แต่คิดไปคิดมา   คนเรามันก็ชื่อเหมือนกันได้นี่นะ



              แต่ที่ วา ไม่ค่อยจะชอบเลยก็คงจะเป็นอาจารย์ “มาน่อฟ “   อาจารย์สอนคณิตศาสตร์  ซึ่งดูท่าทางชีวิตนี้  จะไม่เคยถูกกับใครเลยก็ว่าได้         และก็ดูเหมือนว่า นักเรียนหลายๆ คนคงจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน  



              หลังจากนั่งเหม่อคิดเรื่องอื่น  อยู่นานวา  ก็เริ่มที่จะตั้งใจอ่านหนังสือจริงๆ     ซึ่งก่อนจะอ่านหนังสือ    

    วา ก็มองดูนาฬิกาข้อมือของเขาอีกครั้ง   ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มได้     วาจึงเริ่มต้นอ่านหนังสือ





            “  แฮ่ก แฮ่ก  “      เสียงหอบด้วยความเหนื่อยล้า  ของเด็กชายคนหนึ่ง    ซึ่งกำลังวิ่งขึ้นและลงบันไดหิน     เป็นทางยาวสูงไปจนถึงโรงฝึกนิจาแห่งหนึ่ง            เด็กชายคนนั้นกำลังแบกถังน้ำสองถังใหญ่และวิ่งขึ้นและลงไปเรื่อยๆ  อย่างเหน็ดเหนื่อย            



        เด็กชายคนนั้นเมื่อวิ่งไปจนใกล้จะถึงโรงฝึกนิจาที่อยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง  ก็ต้องหยุดก้าวด้วยความเหนื่อยล้า      แต่เมื่อเด็กชายคนนั้นมองขึ้นไปที่ด้านบนของโรงฝึกนินจา              

          เขาก็ต้องสะดุ้งเพราะชายคนที่ยืนรออยู่ข้างบนนั้นตะโกนใส่เขาดังลั่น      



          “ ยังไม่ครบ100 รอบเลย นี่เพิ่งแค่ 87 เอง   เจ้าถึงกับเหนื่อยแล้วรึไง  ก็อบ!!     ไม่สมกับที่เที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นเลยนะ   ก้าวขึ้นมาเร็วเข้า!!! ”          ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น  เป็นเป็นมาสเตอร์ชไนเดอร์นั่นเอง          



             เมื่อก็อบได้ยินเช่นนั้นก็ก้าวขึ้นต่อมา      ขาของเขารู้สึกว่า  แทบจะไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว    มันเป็นการลงโทษที่แสนหฤโหดที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา        



             “ เอาละ มีอีกเรื่องที่เจ้าจะต้องทำ    ในวันพรุ่งนี้     จงไปขอโทษมาสเตอร์ซาซาไรด้วย    เพราะเขาเป็นอาจารย์    แต่เจ้ากับไปทำกริยาไม่ดีใส่เขา    นับว่า เจ้าทำให้ข้าเสื่อมเสียเกรียติเป็นอย่างมาก  เข้าใจมั้ย !! ”



            มาสเตอร์ชไนเดอร์ ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ   ก็อบได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆ  ด้วยความเหนื่อยว่า  “ ครับ ”

           ไม่คิดเลย ว่าเขาจะต้องไปขอโทษคนอย่างนั้นด้วย   แล้วที่สำคัญ ไอ้เด็กใหม่นั่นคงจะหัวเราะสะใจเป็นอย่างแน่นอน       แต่เขาก็ยังดีใจที่มาสเตอร์ไม่สั่งให้เขาไปขอทาเจ้าเด็กนักเรียนใหม่นั่นด้วย

            แต่ก็อบก็ต้องผิดหวังเมื่อคำสั่งต่อมาของมาสเตอร์ชไนเดอร์   ทำให้ความคิดของเขาต้องเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน      

          

           “  เกือบลืมไป  อย่าลืมไปขอโทษเด็กนักเรียนใหม่คนนั้นด้วยละ    เข้าใจมั้ย ”

           “ แต่มาสเตอร์ครับ………”                  ถึงก็อบจะรู้ว่า  เขาไม่สมควรจะเถียงกับชไนเดอร์ก็ตามที   แต่เขาก็ได้เผลิอหลุดปากเถียงออกไปแล้ว      

          

           “  ไม่มีคำว่า แต่  หรือว่าเจ้ากล้าที่จะเถียงกับ ฮัตโตริ  ชไนเดอร์คนนี้       ลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องกล้ายอมรับผิด   พูดกันดีๆ  แค่นี้คงรู้เรื่องนะ    แต่ถ้าข้ารู้มาว่า   เจ้าไม่ได้ไปขอโทษเขาละก็………    ”



           ไม่พูดเปล่า ชไนเดอร์   ปามีดนินจา 3 เล่มที่อยู่ในมือของเข่าออกไปอย่างรวดเร็ว   ตรงไปที่ถังไม้ใส่น้ำซึ่งก็อบแบกมันอยู่ข้างหนึ่ง       มีดเล่มเล็กเพียงแค่ 3 เล่ม             เมื่อพุ่งตรงไปโดนถังไม้ใบนั้น  ก็ทำให้แตกออกได้อย่างอัศจรรย์   น้ำในถังกระจายออกมา      ทำให้ก็อบเกือบเปียกไปทั้งตัว      



            ก็อบถึงกับหน้าซีด   ขาแทบจะอ่อนลงทันที          “  คงจะรู้สินะ  ว่าจะโดนอะไร    เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน     พรุ่งนี้ค่อยมาต่อใหม่อีก 13 รอบ    เจ้าไปได้แล้ว ”

          

            ก็อบรีบเก็บและทำความสะอาดเศษถังไม้     ที่กระจายเกลื่อนอยู่บนบันไดหิน    และนำถังไม้อีกถังไปเก็บไว้ในโรงฝึก     จากนั้นเขาก็ค่อยๆ  เดินลงไปตามทางบันไดหิน         อากาศช่างแสนจะหนาวเหน็บเหลือเกินในตอนกลางคืน          



            ความคิดโกรธแค้นวา  ของก็อบในตอนนี้หายไปหมดสิ้น    เพราะเขาแทบจะไม่มีแรงที่จะยืนอยู่แล้วก็แทบจะว่าได้              เมื่อเดินตามไปบันไดหินลงมาเรื่อยจนถึงข้างล่างของภูเขาแล้ว      



             ก็อบก็ได้ยินเสียงหัวเราะ  แผ่วๆ ของชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหน้า        แต่บริเวณนั้นมันช่างมืดเหลือเกิน   แถมมีต้นไม้ต้นใหญ่ๆ  อยู่มากมาย    ถึงจะมีเสาไฟฟ้าช่วยส่องตามทางอยู่ก็มองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก

          

            หลังจากเสียงหัวเราะได้ค่อยๆ  หายไปก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงของไฟฟ้าแทบ  เหมือนกับว่า   มีไฟฟ้ากำลังช็อตอยู่บนอะไรสักอย่าง            ก็อบเริ่มสังเกตุได้      ที่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ๆ  ต้นหนึ่ง         แสงสีน้ำเงินของไฟฟ้าโผล่ออกมาเป็นแสงวาบๆ



              

            “ เจ้าพวกลูกแกะที่หลงทางเอ๋ย      วันนี้เจ้าได้ทำบาปไว้มากนะ    การทำร้ายผู้อื่นโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้เจ้า    มันนับว่าเป็นการกระทำผิดอย่างมากนะ   ฮ่าๆๆๆ ”    



             ถ้าก็อบเข้าใจไม่ผิดๆ  คนๆ นี้จะต้องเป็น  ไซโคร แนช แน่ๆ       คนที่สามารถทำให้เขาเกิดความกลัวได้อีกคน   นอกจากมาสเตอร์ชไนเดอร์        



             “ อย่ามายุ่งกับข้า    ชีวิตของข้าแกไม่มีสิทธิ์มายุ่ง ”        ก็อบตะโกนตอบแนชไป  อย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว  

             “ หึหึ   เจ้าพวกลุกแกะที่หลงทาง      ถึงขนาดนี้เจ้าก็ยังไม่คิดที่จะสำนึกผิดอีกรึ     ถ้าชีวิตของเจ้าข้าไม่มีสิทธิ์มายุ่ง  แล้วทีแกไปยุ่งกับชีวิตของคนอื่นเล่า ”



              ไซโคร แนช ค่อยๆ เดินมาออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น   ซึ่งในมือของเขาทั้งสองข้าง  กำลังถือดาบอยู่        แต่ในขณะนั้นดาบของเขา  ปรากฎประกายแสงของสายฟ้าอยู่รอบๆ  ตัวดาบตลอดเวลา     ผิดกับตอนที่เขาเจอกับซักก้าและจ๋อย



            “ หน่อย แกคิดว่าแกเป็นใคร  ถึงเที่ยวมาสั่งสอนคนอื่นอยู่อย่างนี้  “       ก็อบเตรียมพร้อมที่จะสู้แล้วในตอนนี้   ถึงเขาจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วก็ตามที

            “ ฮ่าๆ  ๆ ๆ !!!!!!!     ข้านั่นหรือ  ข้าก็คือ  ตัวแทนแห่งความยุติธรรมยังไงละ ”  



            ไซโคร แนช หัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ก็อบขึ้นทุกที       ก็อบถอยตามก้าวที่ไซโคร แนช เดินเข้ามาอย่างช้าๆ    



            “ ขืนแกเข้ามาใกล้กว่านี้อีก   ข้าก็จะไม่ไว้หน้าแกเหมือนกันนะ ”

            “ คนอย่างข้ามีอะไรที่จะต้องสูญเสีย หรือกลัวอีกแล้วรึ    คนอย่างเจ้ามันก็แค่คนที่หาเรื่องชาวบ้านไปวันๆ   ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่แท้จริงหรอก       การที่มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นนั้น   ข้าไม่ให้อภัยง่ายๆ  หรอก ”



            ไซโคร แนชพูดด้วยท่าทางเอาจริง    ทำให้ก็อบถึงกับต้องผวา   ก็อบเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ   จนสะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่งล้มลง       ก็อบพยายามจะลุกขึ้นแต่ ไม่ทันสะแล้ว              ร่างของไซโคร  แนชยืนอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว        เงสของเขาทอดลงมากลบตัวของก็อบอย่างเต็มที่    



            “ จงรับโทษของเจ้าซะ  ข้าแด่เทพฮามาผู้ยิ่งใหญ่   โปรดประทานความแหลมคมอันศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้าด้วยเถิด      พิธีชำระ      ดาบ – สายยยยยยยยยย -- ………..”



             ขณะที่สายฟ้าอันบ้าคลั่งปรากฎขึ้นบนดาบของไซโคร แนช       จนเต็มที่พร้อมจะระเบิดออกมาแล้ว       มือๆ หนึ่งก็เออมมาจากด้านหลังของเขา   พร้อมกับจับดาบทั้งสองเล่มของเขารวบไว้ได้        



             แต่ก็อบก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า  มือที่สามารถจับดาบสายฟ้าของไซโคร  แนชได้นั้นเป็นใคร  จนกระทั่งเสียงๆ หนึ่งก็พูดขึ้นมา      ทำให้เขารู้ทันทีว่าคนๆ นั้นเป็นใคร



             “ มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรอ  เจ้าชาย ”        เด็กชายคนที่จับดาบทั้งสองเล่มนั้นไว้ได้พูดพร้อมกับยิ้มสะเหยะ

             “  ใช่แล้ว   คิดว่าจะทำอะไรกับเพื่อนของพวกเรามิทราบ ”       เด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างหลังเด็กชายคนที่จับดาบไว้  พูดอย่างเคร่งขรึม



             เมื่อได้โอกาสก็อบรีบลุกขึ้นยืน  พร้อมกับรีบวิ่งเพื่อที่จะไปหาเด็กชายทั้งสองคนนั้น  



             “ ฮ่าๆๆ  เจ้าชายรึ   อย่าให้ข้าได้ยินคำนั้นอีกเข้าใจมั้ยยย !!!    แล้วข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า  พวกเจ้าจะช่วยเพื่อนที่ทำผิดไปได้ง่ายๆ   เมือ่ที่เจ้าถามข้าบ้างรึเปล่า !”         ไซโคร  แนชพูดด้วยความโกรธ  คงเป็นเพราะที่เด็กชายคนหนึ่งเรียกเขาว่า  เจ้าชายกระมัง      



             สายฟ้าบนดาบทั้งสองเล่มปรากฎออกมาอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิม     ทำให้ถึงขนาดเด็กชายคนที่จับดาบไว้ต้องกระเด็นออกมา         แต่เด็กชายที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลังช่วยรับเด็กชายคนนั้นไว้ได้ทัน



             “ ไม่คิดเลยนะเนี่ย   ว่าขนาดถุงมือป้องกันพลังไฟฟ้า      ที่ผมผลิตขึ้นมาเองจะไม่สามารถป้องกันไฟฟ้าของคุณได้  ”        

             “ อย่าดูถูกเขาเกินไปสิ แซฟเบริน์    เขาเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ ฮ่าๆ ”



             เสียงหัวเราะเย้ยหยัน  ของเด็กชายคนที่ยืนกอดอกพูดถึง   หมายที่จะยั่วโมโห  ไซโคร แนช ให้มากขึ้นกว่าเดิม  



           “ พวกนายมาได้ไงเนี่ย   แต่ก็ดีแล้ว ไม่งั้นข้าจะต้องเสร็จมันแน่เลย    ขอบใจมากนะ  จินเจแล้วก็แซฟเบริน์ ”

           “ ไม่เป็นไรหรอก   แค่ไม่อยากให้แก๊งเราเสียชื่อไปมากกว่านี้ก็เท่านั้นเอง  กะไว้แล้วเชียวว่า   จะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ”          



            เด็กชายคนที่กอดอกซึ่งก็ คือ จินเจ หนึ่งในสมาชิกแก๊งเอ็ดดี้นั่นเอง   เป็นคนพูดออกมา   มันช่างเป็นคำพูดที่แสนจะเย็นชามาก  



            “ แล้วอย่างนี้ จะทำยังไงต่อดีละ ”        แซฟเบริน์เด็กชายคนที่สวมถุงมือ  รูปร่างประหลาดคล้ายๆ  ถุงมือที่เหมือนกับมือของหุ่นยนต์ถามจินเจ       แต่จินเจก็ไม่ได้ตอบกลับ  แม้แต่น้อย   แต่ก็พูดกับไซโคร แนชว่า



           “ คุณคิดหรือว่า  คุณคนเดียวจะสามารถเอาชนะพวกเราสามคนได้     ผมว่าถ้าคุณยังมีสมองอยู่ละก็  คุณควรจะไปได้แล้วนะ  ”

        

            แทนที่ไซโคร แนชจะกลัว กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพูดออกมาว่า  

            “ ข้าน่าจะเป็นคนถามมากกว่านะ  ว่า  พวกเจ้ามีแค่สามคนคิดหรือว่า จะสามารถหยุดข้าได้   ทางที่ดีส่งตัวเพื่อนของเจ้าออกมารับโทษซะจะดีกว่านะ   ”

           “ ในเมื่อคุณก็เชื่อว่าสามารถจะเอาชนะ   พวก้เราสามคนได้ละก็   ไหนลองพิสูจน์คำพูดให้ดูหน่อยสิ ”

           “ ก็ได้ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว   ก็จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ดีๆ ละ ”



           ไซโคร แนช ตั้งท่าพร้อมจะโจมตีเดกชายทั้งสามคนทุกเมื่อ  ส่วนก็อบและแซฟเบริน์ก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกัน    ผิดกับจินเจซึ่งก็ยังคงยืนกอดอกอยู่อย่างเดิม   เหมือนกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น



           “ จะไหวหรอ จินเจ ”       ก็อบกระซิบถามจินเจ  ซึ่งก็ยังคงกอดอกอยู่อย่างนั้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

           “ หึหึ  อย่าดูถูกพวกเราให้มากไป    พวกเราไม่มีทางที่จะแพ้ง่ายๆ หรอก    ว่าแต่อย่างนายอยู่เฉยๆ  จะดีกว่ามั้ย     เพราะดุท่าทางแล้ว  แค่ยืนยังจะไม่ค่อยไหวเลยนะ  ”

            

            จินเจ พูดอย่างเย็นชา   เหมือนเป็นการว่า ก็อบทางอ้อม   ทำให้ก็อบรู้สึกฉุนเล็กน้อย     แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของจินเจ

          

           ท้องฟ้าตอนนี้มืดลงแล้ว    มีเพียงแต่แสงจันทร์  สลัวๆ     ซึ่งรอบๆ ด้านไม่มีใครอยู่เลยนอกจาก  คน 4 คน     ลมเย็นๆ ค่อยๆ พัดอย่างอ่อยๆ        เสียงสายฟ้าบนดาบของไซโคร แนช ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ        

          ท่ามกลางความเงียบยามราตรี     ไม่มีใครคนไหนเลยคิดที่จะขยับตัวก่อน          ในที่สุดก็อบก็เป็นคนเริ่มเป็นฝากเปิดการต่อสู้ก่อน     โดยที่เขาปาดาวกระจายอันเล็กๆ     หนึ่งอันเพื่อลองเชิงไปทางไซโคร แนช    



           ดาวกระจายพุ่งตรงไปยังไซโคร แนช     ซึ่งระหว่างนั้นเอง  จินเจก้ตะโกนบอกกับ แซฟเบริน์ให้วิ่งไปที่ไซโคร แนช           เมื่อดาวกระจายใกล้ถึงไซแคร  แนช   เขาก็ตวัดดาบข้างหนึ่งฟันผ่าตรงไปยังดาวกระจาย      ทำให้ดาวกระจายของก็อบถึงกับผ่าแยกออกเป็น 2 สองส่วน           แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวแซฟเบริน์ก็วิ่งมาถึงตัวของเขาแล้ว      



           แซฟเบริน์จับดาบทั้งสองข้างของไซโคร แนชไว้ด้วยถุงมือทั้งสองข้างของเขาอีกครั้ง      แต่คราวนี้สายฟ้าบนดาบไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งที่ทำให้เขากระเด็น       แซฟเบริน์ถีบตรงไปยังท้องของไซโคร แนช

          

          ไซโคร แนชไม่จุกอย่างที่เขาคาดไว้   แต่กลับทำท่าทางไร้ความรู้สึก     พร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว



          “ ไม่เลว ไม่เลวทีเดียว   แต่ว่าคิดจะล้มพาลาดินอย่างข้าด้วยวิธีกระจอกแบบนี้มันจะไม่เป็นการดุถูกกันไปหน่อยรึ  ”  

          “ รีบออกมาเร็ว !”   จินเจ ตะโกนบอกแซฟเบริน์ เหมือนกับรู้ว่า  ไซโคร แนช จะทำอะไรต่อไป   แต่ช้าไปเสียแล้ว    

          “ ดาบ – สาย – ฟ้า !!! ”



          สายฟ้าปรากฎขึ้นบนดาบอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง   ซึ่งเกิดกว่าที่ถุงมือป้องกันไฟฟ้าของแซฟเบริน์จะทนได้       ไฟฟ้าช็อตไปเต็มที่ตัวของแซฟเบริน์       เกิดประกายไฟระหว่างถุงมือและดาบของไซโคร  แนช   มัน คือ แรงระเบิดของไฟฟ้านั่นเอง          ทำให้แซฟเบริน์กระเด็นออกไป  และล้มลงกับพื้น



           “ ฮ่าๆ ยอมแพ้ข้าซะเถิดยังไง  พวกเจ้าก้ไม่มีทางชนะ  ข้าได้หรอก    ส่งตัวเจ้านั่นมาซะดีๆ ”      



           ไซโคร แนชพูดพลางชี้ดาบจากมือขวาของเขาไปที่หน้าของก็อบ    ก็อบถึงกับรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย       ระหว่างนี่นแซฟเบริน์ก็ค่อยๆ   ลุกขึ้นมา  



            “ แรงเป็นบ้าเลยแฮะ  อย่างนี้เราสู้เขาไม่ไหวหรอกนะ   ถอยก่อนดีกว่า ”             แซฟเบริน์บอกจินเจ

            “ ข้าก็ว่าอย่างนั้น ”               ก็อบ เห็นด้วยกับจินเจ



             จินเจ ไม่มีท่าทีว่าจะถอยกลับเลย  แต่ก็ยังคงกอดอกอยู่อย่างนั้น   ในขณะเดียวกัน ไซโคร แนช ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที  



           “ เอาละ  ในเมื่อนาย 2 คน  สู้ไม่ไดละก็   เราจะเป็นคนจัดการเอง   ”



            จินเจ พูดจบก็เดินเข้าไปหาไซโคร แนช อย่างไม่รีรอ   แถมยังไม่มีอาวุธอะไรไปด้วย  ยังกับเดินล้วงกระเป๋าไปมือเปล่าๆ ซะด้วยซ้ำ         ปล่อยให้เพื่อนทั้ง 2 คนยังคงทำหน้างงๆ อยู่อย่างนั้น



            “ ฮ่าๆ  คิดจะสู้กับข้าด้วยมือเปล่าๆ  อย่างนั้นหรือ   อย่าคิดว่าจะเป็นไปได้เลย    “



           “ ดาบ – สาย – ฟ้า !!! ”



          ไม่รอช้า ไซโคร แนช ชูดาบทั้งสองเล่มขึ้นพร้อมกับปล่อยกระแสไฟฟ้าตรงไปยังจินเจ    ซึ่งยังคงล้วงกระเป๋าอยู่เหมือนเดิม            แต่จินเจเพียงแค่ก้าวเท้าไปทางขวาเพียงแค่เล็กน้อย  ก็สามารถหลบสายฟ้าของไซโคร  แนชได้อย่างง่ายดาย    



             “ ผมไม่ได้มาสู้ด้วยมือเปล่าๆ หรอกนะครับ   คนไอคิว 180 อย่างผมน่ะ ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธหรอก   คุณน่าจะยอมแพ้ได้แล้วนะ ”

            

              แต่ ไซโคร แนช ก็ยังคงปล่อยสายฟ้าตรงไปที่จินเจต่อ  ซึ่งเขาก็สามารถหลบสายฟ้าทั้งหมดได้อย่างฉิวเฉียดด้วยการเดินหลบอย่างใจเย็น            

             ไซโคร แนช ยิ้มให้กับจินเจ      “ อย่างนี้สิ  ถึงจะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าหน่อย   ”     พร้อมกันนั้นก็วิ่งตรงเข้าไปหาจินเจ      ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นจินเจก็ตั้งท่าเตรียมตัวทันที         มือทั้งสองตั้งเป็นการ์ดเหมือนมวยจีน    แต่ก็ไม่ทันทีไซโคร แนช จะเข้ามาถึงตัว               จินเจ ก็กระโดดยาว  ถีบขาออกไปด้วยความเร็ว    ไม่ทันที่ไซโคร  แนชจะตั้งตัวหมัดก็ตรงเข้าไปเต็มๆ ที่หน้าของเขา      แต่เขาก็ยังดูไร้ซึ่งความรู้เจ็บปปวดอยู่ดี     ไม่ทันให้ตั้งตัวจินเจกระทุ้งซอกไปที่ท้องของไซโคร แนช เต็มๆ    ทำให้เขาเซต่อไปอีกเล็กน้อย      



            จากนั้นจินเจก็ต่อด้วยการถีบไปที่ท้องของไซโคร แนช ต่อ    แต่ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของไซโคร แนชอีกครั้ง           แทนที่เขาจะหลบกลับยืนเหมือนกับพร้อมที่จะให้ถีบซึ่งคราวนี้ ไม่มีท่าทีว่าจะ  เสียหลักเป็นอย่างใด      



            ไซโคร แนช ทิ้งดาบที่ถืออยู่ข้างหนึ่งลงกับพื้น   พร้อมกับจับขาข้างที่ถีบมายังเขาไว้    



           “ เสร็จข้าละ ทีนี้  ”            จินเจ พยายามดึงขาข้างนั้นออกมา  แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว    ไซโคร แนช ชูดาบอีกเล่มหนึ่งขึ้นพร้อมกันนั้น   สายฟ้าก็ปรากฎขึ้นบนดาบของเขาอีกครั้ง         แต่คราวนี้มันไม่ได้ผ่าลงมา    หากแต่เขากลับนำเล่มนั้นลงมาวางไว้บนมือข้างที่จับขาของจินเจ  ไว้อย่างรวดเร็ว  



           สายฟ้าเกิดการช็อตอย่างบ้าคลั่ง   ไม่ใช่แค่จินเจที่โดน   หากเป็นไซโคร แนช ด้วย   เพียงแต่ว่า  ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย       ได้แต่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนทุกครั้ง        



           ก็อบเหมือนเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา   เพื่อที่จะช่วย            ไซโคร แนช เมื่อเห็นก็อบจะวิ่งเข้ามาช่วยจึงผลักจินเจกระเด็นออกไป  ขณะที่ก็อบกำลังวิ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว     เขาก็ชนกับจินเจอย่างจัง         ไฟฟ้าที่ยังคงมีอยู่บนตัวของจินเจก็ช็อตกับก็อบ   ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง        



            ทั้งสองคนล้มลงไปกับพื้น   ซึ่งท่าทางคงจะไม่มีทางสู้ไหวแน่   แซฟเบริน์ได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆ    โดยที่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว         ไซโคร  แนชเก็บดาบเล่มที่ทิ้งลงพื้นไป    

            

            จากนั้นก็ทำการเก็บดาบทั้งสองเล่มใส่ปลอกดาบที่ข้างลำตัวตามเดิม   พร้อมกับนำมือมาปัดชุดของเขาที่เลอะ  เพราะโดนจินเจถีบ           เขาปาดมือไปที่ปากเล็กน้อย  ปรากฎให้เห็นเลือดนิดๆ   บนมือที่ปาดไป   การโมตีที่หน้าของจินเจนั้น     ทำให้เขาถึงกับปากแตก    แต่ก็ยังแปลกที่เขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลย



            “ นึกว่าจะ แน่สักแค่ไหน  ที่แท้ก็เท่านี้เองหรอ  แก๊งเอ็ดดี้ที่เขาว่า กันว่าเก่งนักหนา    แต่ก็ถือว่า  ใช้ได้นะ      วันนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าไปสำนึกตัวใหม่ซะ         แล้วคราวหน้าข้าจะมาใหม่  ฮ่าๆๆๆ  ”

          

            พูดจบ ไซโคร แนช   ก็หันหลังให้เด็กชายทั้ง 3 คน  และค่อยๆ เดินจากไป   เสื้อที่ยาวจนถึงขาของเขานั้น  โบกไสวตามแรงลมของฤดูหนาว      แต่ดูแล้วช่างสง่างามเหลือเกิน         ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาได้ทำไปเลย     ดูจากตอนนี้แล้วเขาช่างดูเหมือน  ” เจ้าชาย “         ตามคำพูดที่จินเจได้พูดไปในตอนแรกจริงๆ





           วา ค่อยๆ ปิดหนังสือสังคมลงอย่างช้าๆ    เขานั่งอ่านมันไปร่วมชั่วโมงหนึ่งแล้ว       ตอนนี้เขาแทบจะสิ้นลมปราณให้ได้  เพราะปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสอ่านหนังสือเรียนนานๆ อย่างนี้มาก่อน         นอกจากพวกหนังสือการ์ตูนและหนังสือนิยาย        



            ตอนนี้เขารู้สึกง่วงนอนอย่างแรง     แต่ดูเหมือนว่านีโอจะไม่รู้สึกเช่นนั้น     เขายังคงอ่านหนังสือต่อไป   ซึ่งถ้านับตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มอ่านจนถึงตอนนี้  ก็คงจะประมาณ 4-5 ชั่วโมงเข้าไปได้แล้ว      

            

            วารู้สึกอึ้งเล็กน้อยกับเพื่อนร่วมห้องของเขาคนนี้       แต่ตอนนี้เขารู้สึกง่วงนอนเหลือเกิน       เขาค่อยๆ จัดตารางสอนของวันพรุ่งนี้   อย่างเงียบๆ         เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว   วาจึงบอกกับนีโอว่า

          

           “ เดี๋ยว เราอาบน้ำแล้วนอนก่อนนะ    วันนี้เรารู้สึกง่วงมากเลยละ   ”

           “ อืม เดี๋ยวเราก็คงนอนแล้วละ  ราตรีสวัสดิ์นะ ”

           “ โอเค  แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมปลุกเราด้วยละ ”

           “ ได้เลยๆ ”



            เมื่อพูดกับ นีโอเสร็จ  แทนที่ วาจะเดินไปอาบน้ำกลับเดินไปที่ระเบียงของห้อง   พร้อมกับเปิดออกและเดินออกไปที่ระเบียงข้างนอก          บรรยากาศข้างนอกนั้นช่างเงียบสงัดนัก  ลมพัดมาอย่างไม่ขาดสาย   ทำให้เขารู้สึกหนาวเล็กน้อย   คงเป็นเพราะ  นี่มันใกล้จะถึงฤดูหนาวเต็มตัวแล้วสินะ    ประกอบกับที่เขาอยู่ที่ชั้นสูงด้วยจึงทำให้ความหนาวเพิ่มขึ้นกว่าเดิม    

        

            วา แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีของ  โรงเรียนอับดุล อินเตอร์  ฟ้าวันนี้ดูเศร้าหมองยังไงก็ไม่รู้สิ    แต่ถึงกระนั้นดวงดาวก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เหมือนเดิม      คือ  ประดับท้องฟ้าให้สวยงามอยู่เช่นนั้น      ชวนให้เขานึกถึง   เพลงก้อนหินละเมอ   เพลงโปรดของเขา  ซึ่งเป็นการละเมอของก้อนหินก้อนหนึ่ง  ถึงดวงดาวที่สวยงามบนท้องฟ้า      ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าจะรู้มั้ยหน๋อ ว่ามีก้อนหินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งจ้องมองเจ้าอยู่ตลอด



            วาเหม่อคิดอะไรของเขาไปเรื่อยๆ       วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับเขามากมาย  ซึ่งเขาก็บอกกับตัวเองว่า  นี่มันเพิ่งเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น      และมันจะต้องไม่เลวร้ายเหมือนที่วันนี้เขาได้เผชิญมาแน่    



             “ นี่ ออกไปยืนอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดีหรอก   เมื่อกี้บอกจะไปอาบน้ำไม่ใช่หรอ ”        นีโอ ตะโกนออกมาจาดข้างในห้อง  ซึ่งเรียกสติวาให้กลับคืนมาจากการเหม่อลอย  

            “ อ๋อ  โทษทีๆ  ”

          

            วา ตอบกลับไปหานีโอ พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำและ เตรียมตัวที่จะพักผ่อน         วันพรุ่งนี้จะต้องมีอะไรสนุกๆ  เกิดขึ้นอีกแน่นอน    วา บอกกับตัวเอง

          

      

            



                                               __________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×