ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #49 : บทเรียนที่ 44 แก่นแท้ของการกิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.76K
      56
      3 พ.ค. 51

                             



                                                                              
    บทเรียนที่
    44  แก่นแท้ของการกิน



     

     

     

     เช้ง !

    ดีว่านั่งเหม่อมองการประลองบนเวทีอย่างเลื่อนลอยราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อ ทั้งๆที่ปกติเขามักจะรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เห็นการประลองฝีมือกัน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบใดก็ตาม

    วิถีกระบี่ของตัวเอง…….

    จนบัดนี้ดีว่าก็ยังไม่สามารถสลัดคำพูดนี้ออกไปจากหัวของเขาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันนั้นเขาเฝ้าเพียรหาหนทางเพื่อค้นหาวิถีของตัวเองมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงไรก็ตาม มันก็ดูไม่ต่างอะไรกับการพยายามไขว่คว้าอากาศธาตุเลยแม้แต่น้อย

    การประลองจบไปแล้วหนึ่งคู่ แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย ในหัวยังคงคิดถึงกระบวนท่าต่างๆ วิถีกระบี่ และความรู้เกี่ยวกับกระบี่ทั้งหมดทั้งที่เรียนจากพี่ชาย และชมรมวนเวียนอยู่อย่างนั้น

    จนกระทั่งได้ยินเสียงๆหนึ่งเรียกเขาขึ้น

    หาอยู่ตั้งนาน เมื่อหันก็พบว่าเป็นโซเฟีย เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อย ปกติจะนั่งแถวหน้าๆไม่ใช่หรอ วันนี้ทำไมมานั่งเสียหลังสุดซะละ แหะๆ

    ขอโทษครับ ดีว่าตอบเสียงเรียบ เล่นเอาโซเฟียแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะนั่งลงข้างเขาช้าๆ

    เป็นอะไรหรอเปล่า โซเฟียถาม

    ไม่เป็นอะไรหรอกครับ   ดีว่ายิ้ม ทำสีหน้าเหมือนเช่นทุกครั้ง ว่าแต่รุ่นพี่เป็นอย่างไรบ้างครับ

    โซเฟียถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

    เมื่อเช้าแวะไปดูอาการแล้ว ดูไม่ค่อยดีเลย เราเองก็อยู่แค่สักพักก็ไปดูวาแข่งแล้วละ

    ผลจากรีเฟรกโหมดนี่รุนแรงจริงๆนะครับ ว่าแต่คุณวาเป็นยังไงบ้าง ชนะไหมครับ เมื่อกล่าวถึงวา ดีว่าค่อยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง

    ส่วนโซเฟียกลับนิ่งไปสักพักค่อยยิ้มกล่าวขึ้น

    อืม หมอนั่นชนะ แต่ว่าก็เกือบแพ้เหมือนกัน

    แล้วไม่ได้มาด้วยกันหรอครับ ดีว่าถามขึ้น แล้วสักพักก็รู้สึกว่า ตัวเองอาจไม่น่าถามขึ้น เพราะสีหน้าของโซเฟียดูแปลกไป

    ไม่รู้สิ พอดีเรารีบออกมาก่อนน่ะ เธอตอบสายตามองไปยังเวที แหะๆ นั่นใช่ซากุระ ปราณกระบี่สิบสามสายตัวเก็งแชมป์ปีนี้หรอเปล่านะ

    ดีว่าจ้องไปยังเวทีทันที ใช่ครับ สายตาแปรเปลี่ยนไปในทันที เป็นแววตาที่แฝงทั้งความชื่นชม ทั้งกลัดกลุ้ม และรู้สึกประหลาดบางอย่างที่บอกไม่ถูก

    สวยจังเลยนะ เห็นแบบนี้แล้วดูไม่ออกเลยนะเนี่ย ว่าจะเป็นคนที่มีฝีมืออย่างที่เขาบอกกัน

    ขณะนี้ที่บนเวทีมีเพียงซากุระคนเดียวเท่านั้น คราวนี้เธอไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบประจำโรงเรียนเช่นเดียวกับครั้งแรกที่พบกับดีว่า แต่สวมเสื้อคลุมที่คล้ายกับดีว่า เพียงแต่ต่างกันที่เป็นสีขาว มีลายดอกซากุระสีชมพูประดับ ซึ่งยิ่งขับเน้นความสวยงามของเธอให้มากขึ้นไปอีก ดูไปคล้ายกับนางฟ้าเซียนกระบี่ที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ก็มิปาน แต่ดีว่ารู้ดีว่านั่นไม่ใช่เสื้อคลุมที่ใส่เพียงเพื่อให้ดูสวยเท่านั้น แต่มันเป็นชุดที่การบอกถึงระดับความสามารถที่ทางชมรมของเธอมอบให้ เสื้อคลุมสีขาวหมายถึงผู้ที่มีระดับสูงสุดของชมรมนั่นเอง !

     ในขณะที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามมีด้วยกันทั้งหมดสามคน เป็นชายนักกล้ามรูปร่างสันทัดคนหนึ่งในชุดเสื้อกล้ามสีขาวแม้จะแลดูไปคล้ายกรรมกร แต่ในมือถือด้วยกระบองสองท่อน ซึ่งดูก็รู้ว่าไม่อาจจะประมาทได้เลยแม้แต่น้อย  ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายรูปร่างผอมซีดสวมใส่ด้วยชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาล ดูก็รู้ว่าเป็นมือกระบี่ ซึ่งหากดูจากยศของเสื้อที่ใส่แล้วเพียงเป็นรองดีว่าอยู่สามขั้นเท่านั้น และคนสุดท้ายเป็นชายร่างยักษ์บนร่างเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆดูเหมือนนักมวยปล้ำเสียมากกว่าจะเป็นนักเรียน

    การทายหัวเหรียญผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝั่งตรงข้ามซากุระเป็นฝ่ายทอยหัวเหรียญชนะ และกฎพิเศษที่เลือกมาก็คือ การแข่งแบบสามต่อสาม ซึ่งซากุระก็รับคำอย่างไม่รี่รอ

    ได้ข่าวว่าทางโรงเรียนไซเซนมีผู้ลงแข่งเพียงคนเดียวคือ คุณซากุระนะครับ แล้วการแข่งแบบสามต่อสาม หรือว่า………… ” ดีว่าหันมาถามโซเฟีย

     เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกอย่างน้อยก็ได้พลังชีวิตเท่ากับสามคนรวมกันแหละนะ เผลอๆอาจจะได้มากกว่านั้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ แค่หนึ่งต่อหนึ่งก็หืดขึ้นคอแล้ว ถึงจะได้พลังชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ถ้าโดนรุมไม่นานก็คงหายหมดแหละ แหะๆ

    ได้ยินเช่นนี้ดีว่าก็ก้มหน้าลงทันที หากเปลี่ยนเป็นเขาคงไม่มีความมั่นใจถึงเพียงนั้น หารู้ไม่ว่าความจริงหากเขาไม่โดนจี ดาบคลั่งเล่นงานถึงขนาดนั้นเสียก่อน เขาก็คงไม่คิดเช่นนี้แล้ว

    บางครั้งสิ่งที่สำคัญกว่าฝีมือ อาจจะเป็นความมั่นใจก็ได้ เพราะหากมีฝีมือ แต่ไร้ซึ่งความมั่นใจก็ไม่ต่างอะไรกับมีดาบที่ฟันเหล็กดังหยวกได้ แต่กลับไม่กล้าใช้แรงฟันออก

     

     

    เริ่มการประลองได้ !

    เสียงเด็กชายนักประกาศหน้านิ่งประจำโรงเรียนไอแซกกล่าวขึ้น พร้อมกับความเงียบที่เกิดขึ้นในฉับพลัน และดีว่าที่ก้มหน้าอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นทันทีอย่างลืมตัว

    ซากุระในชุดเกราะสีขาวยืนสงบนิ่ง ในมือถือกระบี่ไม้ที่ดีว่าเคยเห็นเมื่อตอนนั้น  ซึ่งหากเทียบกับอาวุธของโรงเรียนฝั่งตรงข้ามแล้วนับว่า ความอำมหิตต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะด้านความหนักแน่น หรือความรุนแรง

    อย่าว่าแต่อาวุธเลย ด้านจำนวนคนก็เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ก็ใช่ว่าจะไร้ฝีมือ มีทั้งอาวุธระยะประชิดตัว ระยะกลาง และมือกระบี่ที่สามารถจู่โจมได้อย่างพลิกแพลง

    แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเพียงแค่ซากุระยืนอยู่เฉยๆก็สามารถสะกดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ทั้งสามคนให้หยุดนิ่งได้ ราวกับหากเคลื่อนไหวโดยพละการอาจถูกจัดการลงได้ภายในชั่วพริบตา

    ถึงจะไม่ค่อยอยากจะสู้แบบรุมก็เถอะ แต่ก็อย่าประมาทเชียวนะ หนุ่มนักกล้ามที่ถือกระบองสองท่อนกล่าวกับเพื่อนอีกสองคน

    เฮอะ เด็กหนุ่มมือกระบี่เค้นหัวเราะ ส่วนหนุ่มร่างยักษ์หมุนคอไปมาทำท่าราวกับพร้อมลุยอยู่ทุกเมื่อ

    ผ่านไปชั่วครู่หนึ่งทั้งสี่คนยังคงยืนสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว จนเริ่มมีเสียงพึมพำจากคนดูบ้างแล้ว  แต่ดีว่าที่นั่งดูอยู่ถึงกับเหงื่อตก  เขาสังเกตได้ว่าในการไม่เคลื่อนไหวของซากุระแฝงความเคลื่อนไหวอยู่นับไม่ถ้วน หากขยับเพียงนิดเดียวกระบี่ไม้ในมือจะต้องจู่โจมออกในบันดล

    นี่นับว่าซากุระเข้าใจถึงหลักการใช้ความสงบนิ่งสยบความเคลื่อนไหวแล้ว แถมกระบี่ไม้ในมือยังแผ่รังสีกดดันคุกคามไปทั่วเวทีอีก แต่ทั้งนี้หากไม่ใช่มือกระบี่ด้วยกันย่อมไม่สามารถดูออกได้โดยง่าย

    เอากันรึยัง เด็กหนุ่มมือกระบี่ถามขึ้น

    ยัง อย่าเพิ่ง ! เด็กหนุ่มมือกระบองสองท่อนกล่าวห้าม แต่ก็พบว่าไม่ทันเสียแล้ว เด็กหนุ่มร่างยักษ์ที่คล้ายนักมวยปล้ำค่อยๆก้าวไปหาซากุระอย่างช้าๆแล้ว

    ไฮ ! มิสซิส ซากุระ…….. ” เด็กหนุ่มนักมวยปล้ำกล่าวด้วยสำเนียงต่างชาติ กางแขนทั้งสองข้างออกยืนประจันหน้ากับซากุระที่กำลังกางแขนข้างขวา ซึ่งถือกระบี่อยู่

    ค่ะ ซากุระตอบเสียงเรียบดูสงบผิดกับตอนที่เจอกับดีว่าลิบลับ

    ไน ทู มิ้ต ยู นะ เด็กหนุ่มนักมวยปล้ำยิ้มผ่านใต้หน้ากากป้องกัน เมื่อสายตาสบเข้ากับตาของซากุระภายใต้หน้ากากป้องกันก็พบว่าตัวเองคล้ายโดนมีดคมกริบเล่มหนึ่งกรีดใส่เข้าอย่างจัง ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่โผมก็ไม่ออมมือให้หรอกนะ ชายนักมวยปล้ำกล่าวต่อ ไม่ทราบว่านี่จะเป็นกลยุทธ์เพื่อการแบ่งแยกสมาธิของคู่ต่อสู้ด้วยรึเปล่า

    เช่นกันค่ะ ซากุระกวาดตาไปยังคู่ต่อสู้อีกสองคนขณะตอบ

    ถ้าอย่างนั้น ARE U READY ? ” เด็กหนุ่มนักมวยปล้ำเอียงคอถาม

    ซากุระพยักหน้าช้าๆ และทันใดนั้นเองการเคลื่อนไหวก็เริ่มขึ้น ผู้ที่เคลื่อนไหวก่อนคือ ชายนักมวยปล้ำ  เขาวิ่งเข้าไปหมายจะตะครุบตัวซากุระด้วยท่าแบร์ฮัค (Bear hug)

    “ Let’s see what you got ?! ( ขอดูหน่อยซิว่าเธอมีฝีมือแค่ไหน )

    ด้วยระยะที่ห่างกันไม่มากนัก ประกอบกับร่างกายที่ใหญ่โตราวกับหมี และพลังจากกล้ามเนื้อทำให้เขาสามารถพุ่งเข้าหาซากุระได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

    พริบตานั้นซากุระสลับเท้า ก่อนที่จะตวัดกระบี่ไม้ในมือแทงออกไปด้านหน้า

    โครม !

    ร่างยักษ์ของเด็กชายนักมวยปล้ำลอยขึ้น ก่อนที่จะหงายหลังลงกระแทกกับพื้นเวที ส่งเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง

    เช้ง เช้ง ! วูบ !

    แต่การเคลื่อนไหวของซากุระยังไม่หยุดลงเพียงแค่นั้น หลังจากตวัดกระบี่ออกท่าร่างก็เปลี่ยนไป เธอสลับเท้าอีกครั้ง ก่อนที่จะก้มหัวหลบกระบองสองท่อนที่พุ่งเฉียดศีรษะไปเพียงแค่วูบหนึ่ง จากนั้นแทงกระบี่หมุนออก วกกระบี่ที่พุ่งมาจากด้านล่างโดยเด็กหนุ่มมือกระบี่ พร้อมส่งร่างของเด็กหนุ่มมือกระบี่ให้กระเด็นออกไปราวกับถูกพายุพัด

    เหตุการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น เพียงพริบตาเดียวก็สามารถเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปถึงสามกระบวนท่า หนำซ้ำยังสามารถตอบโต้การโจมตีได้ถึงสองทาง และปัดป้องการโจมตีจากกระบองสองท่อนได้อย่างทันถ่วงที ทำเอาดีว่าเริ่มนั่งไม่ติดขึ้นมาเสียแล้ว

    เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้น แต่รังสีกดดันยังคงคุกคามอยู่ทั่วเวที ซากุระยังคงตั้งสมาธิไว้อย่างแน่วแน่

    วูบ !

    กระบองสองท่อนพุ่งผ่านอากาศธาตุ ทั้งนี้เพราะซากุระเอี้ยวคอหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ดีว่าดูออกว่านั่นไม่ใช่การหลบอย่างฉิวเฉียดแต่เป็นการหลบอย่างพอดีที่สุด และทำให้สามารถโจมตีสวนกลับคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด

    นี่ก็นับว่าซากุระเข้าใจหลักการสวนกลับได้อย่างถ่องแท้ ซึ่งก็คือ หลักการเดียวกันกับที่ดีว่าเคยใช้เอาชนะชิกิมือกระบี่สายลมในการแข่งคัดเลือกตัวแทนโรงเรียนมาได้อย่างยากเย็น

    การฝึกเทคนิคสวนกลับนั้นหาใช่ฝึกได้โดยง่านดายไม่ ดีว่ายังคงจำได้ถึงการฝึกครั้งแรกๆของเขา เริ่มจากฝึกหลบโดยใช้สายตาก่อน แต่เพียงเท่านี้ก็ได้รับบาดแผลมากมายแล้ว มิเพียงอาศัยต้องความรวดเร็วในการหลบหลีก ยังต้องอาศัยความแม่นยำ และช่ำช่องในการสวนกลับใส่ช่องว่างของคู่ต่อสู้ภายในชั่วพริบตาให้ทันด้วย  ต่อมาก็เริ่มจากปิดตา และอาศัยลมปราณกับพลังสมาธิเพื่อตั้งจิตให้สามารถรับรู้ถึงทิศทางการโจมตีของคู่ต่อสู้ให้ได้ หรือที่เรียกว่า จับกระแสจิตโดยลม ซึ่งในขั้นนี้ดีว่าก็ผ่านมาได้แล้วเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเห็นซากุระที่สามารถหลบอาวุธจากคู่ต่อสู้ได้ถึงขั้นนี้ก็ถึงกับต้องถอดใจอีกครั้ง

    เทคนิคสวนกลับที่เขาอุตส่าห์เพียรใช้เวลาฝึกฝนแทบจะทุกเวลา หรือแม้แต่ตอนหลับฝัน ตอนนี้คล้ายถูกซากุระตัดสะบั้นลงต่อหน้าเสียแล้ว

    ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ! ’

    ได้ยินเสียงลมปราณแหวกอากาศด้วยความรวดเร็ว และรุนแรง

    กระบี่สุญญากาศ !!!

    พริบตาเดียวซากุระก็ซัดกระบี่สุญญากาศใส่คู่ต่อสู้ทั้งสามที่กำลังจะลุกขึ้นอีกครั้งให้กระเด็นล้มไปอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเด็กหนุ่มนักมวยปล้ำนั้นถึงกับเซไปครั้งหนึ่งก่อนที่จะกระเด็นล้มลง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก

    ที่แท้ครั้งแรกที่ซากุระซัดกระบี่ใส่เด็กหนุ่มนักมวยปล้ำนั้นมิใช่เพียงแค่ตวัดกระบี่ธรรมดา แต่แฝงไปด้วยปราณกระบี่สายที่สาม ระเบิดเวลา

    ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาอันสั้นก็สามารถโคจรลมปราณสายที่ใช้เวลาค่อนข้างมากออกมาได้ ทั้งยังใช้กระบี่สุญญากาศด้วยความรวดเร็ว และรุนแรงออกมาได้ติดๆกันสามครั้งอีก 

    มะ ไม่ไหว…………’

    ดูถึงตอนนี้ดีว่าก็พุดลุกขึ้นในทันที มือข้างขวาสั่นระริกไม่หยุด โซเฟียที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับตกใจเล็กน้อย

    ขอโทษนะครับ ช่วยดูการแข่งแทนผมทีนะครับ ดีว่าชิงกล่าว พร้อมเดินออกไปทันที โดยไม่ทันที่โซเฟียจะได้ถามอะไรทั้งนั้น

    ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่า เจอกำแพงที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้อีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ยิ่งทวีความรุนแรงกว่าครั้งแรกที่ผ่ายแพ้ให้แก่จี ดาบคลั่งเสียอีก

    ดีว่ารีบก้าวออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกันที่ต้องทำเช่นนี้ ทั้งๆที่สำหรับเขาแล้วซากุระก็เปรียบได้กับเพื่อนผู้มีพระคุณคนหนึ่ง ทั้งที่มีฝีมือถึงขนาดนั้นแต่ก็ไม่แสดงท่าทีหยิ่งยโสกับเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ชี้แน่ะจุดอ่อนให้เขา แต่ยังช่วยเขาไว้อีกด้วย

    แต่ไม่ว่าอย่างไรคนเราก็ต้องมีเวลาที่ไม่อาจรับความจริงได้อยู่บ้าง ทั้งนี้เพราะความจริงมักจะโหดร้าย และดูเหมือนเรื่องโกหกเกินไป เพียงแต่ต่อให้จะหลีกหนีเช่นไร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ

    และหากไม่ใช่เพราะตอนนี้ดีว่ารีบเดินออกไปโดยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้นแล้วละก็ ก่อนที่จะถึงประตูทางออกด้านบนนั้น เขาอาจได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งที่กล่าวอย่างดูถูกว่า

    เฮอะ! นี่น่ะหรอปราณกระบี่สิบสามสาย พลังลมปราณก็ถือว่าใช้ได้อยู่หรอก แต่ก็ยังห่างไกลนัก กระบวนท่าสวนกลับก็ยิ่งห่างไกลนัก…..ห่างไกลนัก เจ้าของเสียงเว้นวรรค เมื่อเห็นดีว่าเดินผ่านไป

    และนั่นน่ะหรอ ปราณกระบี่ไร้เงา แม้แต่วิถีกระบี่ของตัวเองก็ยังมิมี ซ้ำยังหลบหนีแม้กระทั่งตัวเอง ดูท่าปีนี้เราคงจะมาเสียเที่ยวเสียแล้ว…………”

     

     

    บรรยากาศภายนอกอาคารด้านหน้านั้นคึกคักเป็นพิเศษ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยนิทรรศการจากชมรมต่างๆ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดของชมรมเล็กๆ แต่ก็ยังจัดซุ้มชมรมได้อย่างอลังการพอตัวเลยทีเดียว

    แม้หิมะจะยังคงตกอยู่ แต่ท้องฟ้าบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่ง ซ้ำยังเต็มไปด้วยนักเรียนโรงเรียนต่างๆมากมายที่ไม่ได้เข้าไปชมการแข่งขันต่างๆที่ด้านใน เดินกันไปมาเต็มไปหมด ประกอบกับเสื้อคลุมเพลิงอัคคีที่ดีว่าสวมใส่อยู่ และอารมณ์ของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกหนาวสักเท่าไหร่

    ดีว่าเดินตามทางยาวไปเรื่อยๆ เขาไม่คิดอยากแวะดูอะไรเลยแม้แต่น้อย ผิดกับเมื่อก่อนหากมีงานนิทรรศการเขามักจะเดินเข้าไปชมนู่นชมนี่เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมบ้างไม่มากก็น้อย

    ในตอนนี้เขาเพียงรู้สึกสับสนไปหมด หากเปลี่ยนเป็นแต่ก่อนเมื่อได้เห็นคนมีฝีมือต่อสู้กันเขาจะต้องรีบจ้องอย่างตาไม่กระพริบ จากนั้นก็รีบกลับมาฝึกฝนตนเองเพื่อที่จะได้เก่งขึ้นอย่างเช่นคนเหล่านั้นบ้าง มันเป็นความรู้สึกสนุกที่ทำให้เขาฝึกฝนกระบี่มาจนถึงทุกวันนี้

    แต่ในตอนนี้ความรู้สึกสนุกจู่ๆก็เริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ซึ่งบางทีตัวเขาเองอาจจะลืมเลือนมันไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

    เฮ้ๆ !!

    เสียงตะโกนเชียร์ที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณนั้น เรียกความสนใจให้ดีว่าหยุดเท้าลงมองไปยังเวทีที่เบื้องหน้า ที่ด้านบนเวทีติดแผ่นป้ายสูงว่า การประลองแข่งกินจุ

    และป้ายผ้าสีขาวด้านล่างถัดจากแผ่นป้ายนั้นขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีแดงกำกับไว้ว่า รอบสุดท้าย   บริเวณรอบๆเวทีขณะนี้เต็มไปด้วยนักเรียนต่างโรงเรียนมากมาย แต่ที่เห็นจะเยอะเป็นพิเศษก็ดูเหมือนจะเป็นโรงเรียนของเขา

    ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรขาของดีว่าก็ค่อยๆพาร่างของเขาแหวกผ่านนักเรียนจำนวนมากเพื่อเข้าไปยังบริเวณหน้าเวที

    และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองยังผู้เข้าแข่งขันด้านบนเวทีก็ต้องตกตะลึง

    เอาล้าค๊ะ ทุ ทั่ง ในที่สุดการแข่งขันกินจุ ก็ ดำเนินมาถึงรอบชิงชนะเลิ๊คจนได้นะค๊ะ โดยเหลือผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดสามคนด้วยกัน

    ชายนักประกาศหน้าออกจีนๆไว้หนวดแหลมเฟี้ยว ในชุดกุ๊กสีขาวกล่าวด้วยสำเนียงแบบจีนๆ

    ทั่งแรก จากโรงเรียนฮิงะ-  มาซาซึมุ ฉายานินจากระเพาะเหล็ก

    นักประกาศชี้ไปยังนักเรียนในชุดนินจารูปร่างผอมบางคนหนึ่งที่กำลังนั่งประสานอิน(นิ้ว)อยู่ประจำโต๊ะของตน  จากนั้นมาซาซึมุคาราวะให้ผู้ชมหนึ่งที แม้จะดูประหลาดไปบ้างที่ฮานาบิชิแต่งชุดต่อสู้แบบเต็มยศของโรงเรียน แถมยังรูปร่างที่ผอมบางแบบนั้นไม่น่าที่จะเข้ามาถึงรอบชิงก็ได้ก็ตาม แต่ดีว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะที่ดีว่ากำลังสนใจอยู่ก็คือ…….

    ทั่งต่อไป ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ไฟแรงจากโรงเรียนอับอุงอิงเตอร์ - พิชากี้ ฉายา หัวหน้าแก๊งหมูดัง(ดำ)

    พิชากิชูแขนทั้งสองข้างขึ้น พร้อมคำรามทีหนึ่ง เรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราวจากเพื่อนๆทั้งในโรงเรียน และต่างโรงเรียน ซึ่งดีว่าก็เป็นหนึ่งในคนที่ปรบมือให้กับพิชากิด้วย เขารู้สึกแปลกใจมากที่ได้มาพบกับพิชากิในตอนนี้ ทั้งยังไม่คิดมาก่อนว่าพิชากิจะลงแข่งกินจุกับเขาด้วย

    และทั่งสุกท้าย ขาโหดปาจำ ชมรมกินจุแห่งโรงเรียนบิท อาดีก แชมป์สองสมัยของเรา ท่านบูริน เจ้าของฉายาหมูคอมมานโด !!!

    เสียงปรบมือดังลั่นจากโรงเรียนบิท จากนั้นชายร่างอ้วนอย่างสมบรูณ์แบบสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลคสีดำพร้อมด้วยผ้าคลุมหลังสีแดง บนหัวสวมไว้ด้วยมงกุฎสีทองซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นมงกุฎแชมป์ก็ก้าวออกมาจากหลังเวที

    ท่านบูรินสอดส่ายสายตาเจ้าเล่ห์ และเชิงเหยียดหยามผ่านกรอบแว่นทรงกลมไปทางพิชากิที่นั่งอยู่ด้านขวามือของตน และทันใดนั้นเองสายตาของทั้งสองคนก็ประสานกัน ดีว่ารู้สึกเหมือนเห็นประกายสายฟ้าแผ่พุ่งเข้าหากันก่อนที่ชายนักประกาศจะกล่าวตัดบทขึ้น

    และในรอบสุกท้ายนี้ เราจะตักสิงกังด้วยปริมาณติ่มซำที่กินได้ทั้งหมกในเวลาหนึ่งชั่วโมง ใครกินได้เยอะที่สุดก็จะเป็งผ่านชานะ

    ควันสีขาวลอยออกจากเบื้องหลังเวที ซึ่งนั่นหมายความว่าอาหารพร้อมเรียบร้อยแล้ว และนาฬิกาทรายอันใหญ่ถูกนำมาวางไว้ยังแท่นด้านหน้าเวที

    เอาละคะ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมเรียกร้อยแล้ว ขอเริ่มการแข่งขังรอบชิงชานะเลิศได้ ณ บัดนี้ !!

    ผาง !

    เสียงระฆังถูกตีดังขึ้น ตามมาด้วยพนักงานเสิร์ฟในชุดจีนที่เดินมาเสิร์ฟติ่มซำอย่างเร่งรีบ

    เอามาอีก ! มาซาซึมุประสานอินสั่งพนักงานเสิร์ฟ ขณะนี้เขาทานติ่มซำหมดไปเรียบร้อยแล้วห้าเข่ง ในขณะที่พิชากิเพิ่งกินไปเพียงแค่สองเข่งเท่านั้น ส่วนบูรินเพียงกอดอกมองอาหารที่เบื้องหน้าอย่างอวดดี

    พวกนายน่ะคงไม่เข้าใจหัวอกนินจาอย่างพวกชั้นหรอก เพื่อฟื้นฟูฮิงะแล้ว ชั้นจะแพ้ไม่ได้ !! มาซาซึมุหันไปกล่าวกับพิชากิ และบูรินขณะที่กำลังยัดซาลาเปาเข้าปากอย่างไม่คิดชีวิต ชั้นจะแสดงให้ดูนี่คือการกินแบบนินจา ! หัวใจแห่งการกินแบบหลบๆซ่อนๆที่กินได้แม้กระทั่งอาหารเหลือ !!!

    ‘” โอ้โห ถึงจะอินไปหน่อยก็เถอะค๊ะ แต่ตอนนี้นินจากาเพาะเหล็กของเรานำห่างพิชากี้ และแชมป์เก่าของเราไปอย่างไม่น่าเชื่อแล้วละคะท่านผู้ชม !!!

    ดีว่าตะลึงไปกับท่าทางการกินอาหารอย่างไม่คิดชีวิตของมาซาซึมุ ช่างเป็นการกินที่คล้ายกับนินจาที่หิวโซหลังจากทำภารกิจเสี่ยงตายเสียจริงๆ หรือนี่จะเป็นวิถีการกินแบบนินจา ? ’

    จะไปได้สักกี่น้ำเชียว บูรินกล่าวอย่างดูถูก เมื่อพิชากิหันไปก็ต้องพบว่าบูรินยังไม่ได้เริ่มกินเลยแม้แต่เข่งเดียว กลับกันบูรินกลับสั่งให้พนักงานเอาติ่มซำมาเพิ่มเรื่อยๆ จนขณะนี้เข่งที่วางซ้อนกับบนโต๊ะของบูรินเรียงกันสูงจนเกือบจะยี่สิบเข่งได้แล้ว

    สงสัยคงได้เวลาแล้วสินะ บูรินกล่าวลอยๆ จากนั้นหยิบของสองสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง สิ่งหนึ่งคือ ครก และอีกสิ่งหนึ่งคือมีดขนาดพอดีมืออันหนึ่ง จากนั้นบูรินกระดิกนิ้วขึ้น ทันใดนั้นพนักงานเสิร์ฟประจำตัวก็นำจานขนาดใหญ่มาวางไว้ที่กลางโต๊ะ ซึ่งดูๆไปแล้วมันแทบจะไม่เหมือนจาน แต่น่าจะเหมือนกับกะละมังเสียมากกว่า

    ผลักๆๆๆ !

    บูรินเทอาหารในเข่งทั้งยี่สิบเข่งมาใส่รวมกันในจานใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นนำมีดสับอาหารเหล่านั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่จะตามด้วยนำครกมาตำอาหารเหล่านั้นให้เละไปหมด

    โอ้ มาแล้วละค๊ะ ท่าไม้ตายของแชมป์เรา ท่ากินแบบปลาวาฬ ! ”

    กินแบบปลาวาฬอย่างนั้นหรอ มาซาซึมุที่กินอยู่ถึงกับต้องหยุดหันไปมองชั่วขณะหนึ่ง

    ยอมแพ้ซะเถอะเจ้าพวกกระจอก แฮะๆๆๆ ! บูรินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ยกจานขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยอาหารที่เละจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรบ้างขึ้น จากนั้นเทใส่ปากราวกับปลาวาฬที่กำลังดูดแพรงต้องในทะเล

    ระร้ายกาจ มาซาซึมุถึงกับเหงื่อตก ถ้าเทียบกับการกินแบบนินจาแล้วดูเหมือนจะห่างกันอย่างลิบลับ

    ดีว่าเหลือบมองไปทางด้านพิชากิ ก็พบว่าพิชากิยังคงกินต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด และไม่มีท่าทีว่าจะกดดันเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นดีว่าก็ยังรู้สึกลุ้นจนตัวโก่งแทนพิชากิอยู่ดี

     

    ผ่านไปแล้วทั้งสิ้นห้าสิบนาทีตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีเท่านั้น ดีว่าอดนับถือในฝีมือของทั้งสามคนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะหากเปลี่ยนเป็นเขาคาดว่าคงกินได้ไม่ถึงยี่สิบเข่งแล้ว

    มะ ไม่ ไหวแล้ว ระเรากอบกู้ฮะ ฮิงะไม่สำเร็จเสียแล้ว มาซาซึมุกล่าวเสียงโอดครวญมือข้างที่กำซาลาเปาซึ่งกินค้างอยู่สั่นระริกก่อนที่จะฟุบหน้าหมดสติไป ซาลาเปาค่อยๆร่วงหล่นสู่พื้น ช่างเป็นภาพที่อนาถตาคนดูเสียจริงๆ

    ฮ่าๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่นายกะเราเท่านั้นแล้ว บูรินหัวะเราะ แต่พอเหลือบมองไปยังจำนวนเข่งของพิชากิแล้วก็ต้องตะลึง ทั้งนี้เพราะจำนวนเข่งแทบจะเท่ากันเลยทีเดียว

    เป็นไปได้ยังไงกัน ทั้งๆที่เราใช้ท่ากินแบบปลาวาฬแล้แท้ๆว แต่ทำไมเจ้านี่ที่กินแบบช้าๆถึงได้เร่งจำนวนเข่งมาเท่าเราได้กันแน่ แบบนี้เห็นทีจะไม่ได้การ

    ว่าแล้วบูรินก็รีบสั่งอาหารเพิ่มทันที  

     

    ดีว่าแม้จะยืนดูอยู่เกือบชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับรู้สึกลุ้นจนไม่กล้าที่จะพลาดแม้เพียงพริบตาเดียว

    สนุก เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในใจของดีว่า เพียงแต่เขาไม่ทันได้คิด เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่กับการแข่งอยู่ นี่เป็นห้านาทีสุดท้ายแล้ว หากพิชากิยังไม่รีบเร่งความเร็วในการกินให้มากกว่านี้ละก็จะต้องพ่ายแพ้ให้แก่บูรินแน่นอน

    หรือว่าที่พิชากิไม่เร่งความเร็วในการกินขึ้น เพราะเริ่มแน่นท้องแล้วกันแน่ ?

    บูรินๆ

    เสียงเชียร์จากนักเรียนโรงเรียนบิทดังอย่างไม่ขาดสายเมื่อบูรินเทาอาหารเละๆเข้าปากอย่างไม่คิดชีวิตหมายจะทิ้งห่างพิชากิให้ได้มากที่สุด

    เอาละ แค่นี้มันก็คงตามไม่ทันแล้ว ตั้งแต่แข่งมามีแต่เจ้านี่ละที่ทำให้เรารู้สึกแน่นท้องได้ถึงขนาดนี้

    ขณะนี้พิชากิถูกบูรินทิ้งห่างอยู่ถึงยี่สิบเข่ง ด้วยความเร็วในการกินแบบรวดเดียวทำให้บูรินสามารถประหยัดเวลาไปได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว หากตอนนี้พิชากิคิดจะตามให้ทันละก็จะต้องเพิ่มความเร็วให้มากกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ตาม ตอนนี้ท้องของพิชากิก็น่าจะเกินความสามารถในการแบกรับแล้ว

    คนเราเมื่อถึงจุดอิ่มตัวมากๆก็จะแน่นจนไม่สามารถกลืนลงไปได้อีก อย่าว่าแต่เพิ่มความเร็วเลย

    แฮะๆ ดูเหมือนว่านายจะไม่ไหวแล้วสินะ บูรินตบพุงที่พ่องโตกล่าวแหย่พิชากิ

    ทันใดนั้นมือที่กำลังถือช้อนของพิชากิอยู่ก็หยุดตักอาหารลงในทันที

    คงไม่ไหวจริงๆสินะครับ ยี่สิบเอ็ดเข่งในเวลากระชั้น และท้องที่แน่นขนาดนั้น ดีว่าถอนหายใจ เขาอยากจะตะโกนเชียร์พิชากิให้ฮึดสู้ขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสมาธิหรือทำพิชากิฝืนเกินกำลังเกินไป

    หารู้ไม่ว่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ผู้แข่งขันหลายคนเมื่อได้รับเสียงเชียร์ แม้จะต้องฝืนเกินกำลังขนาดไหนก็สามารถลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งหนึ่ง

    แฮะๆ นายก็เก่งนะที่อุตส่าห์กินมาได้ถึงขนาดนี้ บูรินทำทีเป็นกล่าวปลอบใจ พร้อมหันไปมองยังนาฬิกาทรายที่ค่อยๆไหลลงอย่างช้าๆ เวลาใกล้หมดลงเต็มทีแล้ว

    นายอิ่มแล้วใช่ไหม พิชากิจู่ๆก็หันหน้าไปถามบูริน สีหน้าคล้ายแฝงแววหงุดหงิดอยู่หลายส่วน

    ยะ ยังหรอก บูรินกล่าวกลบเกลื่อน

    ก็ถ้ายังไม่อิ่มละก็…. พิชากินำเข่งที่ทานหมดแล้วลงไปวางไปด้านล่าง จากนั้นแยกเข่งติ่มซำออกไว้ด้านซ้ายและขวา อย่ารบกวนการรับประทานอาหารของคนอื่นสิ !!!

    ทันใดนั้นเองช้อนอีกช้อนหนึ่งก็เพิ่มขึ้นมาในมือซ้ายของพิชากิ พร้อมกับการตักติ่มซำจากด้านซ้าย และขวาใส่ปากอย่างรวดเร็ว

    มะ มาแล้วท่ากินแบบหมูดำ !!! เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้างเวที ซึ่งเมื่อดีว่าหันไปก็พบว่าเป็นซักก้าที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆจ๋อยนั่นเอง

    อะ อะไรนะ ท่ากินแบบหมูดำ ! บูรินถึงกับตะลึงทันที นั่นเพราะพิชากิกินซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็ว ความรวดเร็วในการกินถึงแม้จะไม่เทียบเท่ากับท่ากินแบบปลาวาฬ แต่สม่ำเสมอกว่าและไม่ต้องเสียเวลาในการรวมอาหาร และทำให้อาหารเละ ดังนั้นเมื่อรวมเวลาๆดีๆแล้วถึงกับสูสีหรืออาจจะเร็วกว่าการกินแบบปลาวาฬด้วยซ้ำ

    กะ กินแบบหมูดำอย่างนั้นหรอ มาซาซึมุที่เริ่มได้สติกล่าวอย่างเลื่อนลอย

    โอ้โห ไม่น่าเชื่อว่าพิชากี้จะยังสามักทานเพิ่มได้อีก แถมยังความเร็วขนาดนี้ถ้าแชมป์ของเราไม่รีบเร่งมือทานต่อละก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ก็ได้นะค๊ะ

    คะ ใครจะไปยอมกัน อะ เอามาเพิ่ม ! บูรินเริ่มรนสั่งอาหารอย่างไม่คิดชีวิต แต่กระเพาะของเขาในตอนนี้ก็เริ่มสั่งการสมองแล้วว่า รับอีกไม่ไหวแล้ว

    พิชากิๆ หมูดำๆ

    เสียงเชียร์จากเพื่อนในโรงเรียน และต่างโรงเรียนกำลังเชียร์พิชากิที่กำลังกินอาหารด้วยท่ากินแบบหมูดำที่เรียกอารมณ์ความมันส์ของคนดูได้ไม่แพ้การตีกลองเลยทีเดียว

    กะ กินแบบปลาวาฬ!!! บูรินเทอาหารที่บดจนเละแล้วใส่ปากอย่างรวดเร็ว หากกินหมดจานนี้ได้ก็จะชนะพิชากิได้

    ไม่ทันแล้ว ! ดีว่าถึงกับเกาะเข้ากับข้างเวทีอย่างลืมตัว ก่อนที่จะตะโกนเชียร์พิชากิขึ้น

    สู้เขานะครับ !! พิชากิหันไปสบตาดีว่า ก่อนที่จะขยิบตาให้จากนั้นเร่งความเร็วในการกินขึ้นอีก นาฬิกาทรายกำลังไหลจนหมดแล้ว และ………………..

    พรวด !’

    อาหารที่กลืนไปเกือบทั้งหมดพุ่งออกมาจากปากของบูริน ทำเอาคนดูที่อยู่แถวๆหน้าบูรินเกือบจะหลบแทบไม่ทัน

    ผ่าง !

    เสียงระฆังเตือนหมดเวลา จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ก่อนที่จะขั้นด้วยการนับจำนวนเข่ง แต่เมื่อกะด้วยสายตาแล้วก็ต้องพบว่าไม่จำเป็นต้องนับอีกต่อไป

    เอาละคะ ดูเหมือนเราจาได้ผู้ชานะในปีนี้แล้วนะครับ ตามกฎหากมีการอ๊วกออกมาจะถือว่าปรับแพ้ทันที ซึ่งเมื่อดูจากจำนวนเข่งแล้ว ก็พบว่าพิชากี้ชนะขาดลอย !! ” ชายนักประกาศชูมือไปยังพิชากิ ซึ่งดูเหมือนว่ายังไม่ยอมหยุดกิน แต่เมื่อถูกเรียกชื่อก็ลุกขึ้นยืนคำรามให้ความสะใจแก่คนดูทันที

    ส่วนที่สองได้แก่นินจากระเพาะเหล็กของเรา มาซาซึมุ !!

    มาซาซึมุถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหวร้องไห้ออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ถึงผมจะทำไม่สำเร็จ ตะ แต่ผมก็ไม่ได้ที่โหล อย่างน้อยครั้งนี้ฮิงะก็ไม่เสียชื่อแล้ว ฮือๆๆ

    หลังจากมอบรางวัลเสร็จเป็นที่เรียบร้อย บูรินที่นั่งอยู่ด้วยความแน่นก็ถามพิชากิขึ้น

    โทษนะ ขอถามหน่อยเถอะ กระเพาะนายทำด้วยอะไรกันแน่

    ไม่ใช่กระเพาะหรอกที่ทำให้เราชนะ แต่เป็นเพราะจิตใจที่ใส่ใจกับอาหารต่างหากละ นายน่ะดูถูกอาหารเกินไป การกินแบบหมูดำไม่ใช่การกินแบบตะกละแต่เป็นการกินเพื่อมีชีวิตรอด กินเพราะชอบแบบหมูที่กินได้เรื่อยๆไม่ว่าอาหารจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่มันก็มีความสุขกับการกินได้ทุกวัน นี่แหละถึงเรียกว่าแก่นแท้ของการกินอาหารละ !!! พิชากิพูดอย่างมาดเข้ม ดวงตาของบูรินถึงกับเป็นประกายขึ้นมา ที่แท้ที่ผ่านมาพิชากิกินเพราะความอร่อยของอาหาร ไม่ใช่แบบบูรินที่สักแต่จะกินเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียว

    ขอบใจมากนะ หวังว่าคงจะมีโอกาสได้ประมือกันใหม่ บูรินโค้งคำนับพิชากิทีนึง

    ผมจะกลับไปบอกฮิงะว่าการกินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การกินแบบหมูดำขอรับ มาซาซึมุคาราวะพิชากิด้วยความตื้นตัน พิชากิเพียงหัวเราะเล็กน้อย เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าฮิงะนี่มันเป็นโรงเรียน หรือหมู่บ้านนินจากันแน่

    อ่อ เกือบลืมไป พิชากิปลีกตัวเดินมายังดีว่า คือ ไม่รู้จะพูดยังไงนะ แต่ก็ขอบใจนะพวก

    ดีว่าแย้มยิ้มออกมา เขาเพิ่งคิดได้ว่าลืมตัวตะโกนเชียร์พิชากิออกไป

    ไม่เป็นไรครับ เก่งมากเลยนะครับ

    เราก็แค่สนุกกับการกินเท่านั้นแหละ นายเองก็เก่งกระบี่ใช่ย่อยไม่ใช่เรอะ แล้วเราจะคอยเชียร์นะ

    คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่พิชากิจะเดินไปหาซักก้ากับจ๋อยทำให้ดีว่ารู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง   เขาเองไม่คิดว่า

    พิชากิจะคอยดูการแข่งของเขาด้วย เลยอดที่จะปลื้มใจไม่ได้

    สนุกอย่างนั้นหรอ……………. ’  

    พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนจะหายไปตั้งแต่พ่ายแพ้ให้แก่จี ดาบคลั่งที่ดังขึ้นมาในจิตใจของดีว่า  แต่เพียงเท่านี้จะทำให้ดีว่าสามารถเอาชนะจี ดาบคลั่ง และซากุระได้หรือไม่นะ ?

     

     

    ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศภายในโรงเรียนไอแซกเงียบเหงาลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะด้านนอก มีโคมไฟที่ส่องแสงสีนวล ซึ่งยิ่งเพิ่มความคึกคักให้แก่เหล่านักเรียนที่เดินอยู่บริเวณด้านนอกเป็นอย่างยิ่ง หลายโรงเรียนเริ่มทยอยกลับกันแล้ว บางคนที่ไม่ได้นักเรียนตัวแทนถึงกับอดอิจฉาพวกนักเรียนตัวแทนไม่ได้ บางคนถึงกับสัญญากับตัวเองว่าปีหน้าจะมาเป็นตัวแทนให้ได้ เพราะบรรยากาศยามค่ำคืนของโรงเรียนไอแซกนั้นสวยงามเสียจริงๆ เพียงแต่ว่าปีหน้างานประลองระหว่างสถาบันจะจัดขึ้นที่โรงเรียนใดก็ยังไม่มีใครทราบได้

    วาเดินมานั่งลงยังเก้าอี้ข้างสวนดอกไม้ หลังจากที่รับประทานอาหารคนเดียวเสร็จเขาก็ยังไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องแต่อย่างใด เขาใช้เวลาหลังจากนั้นไปกับการเดินรอบๆโรงเรียนไอแซกอย่างไร้จุดหมายแทนที่จะเอาเวลาไปซ้อมปิงปอง หรือซ้อมการประลองอาวุธที่จะถึงในวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้เดินไปเดินมาได้เรื่อยเปื่อยถึงขนาดนี้

    ความจริงเขาเองก็รู้สึกผิด และรู้สึกว่าไร้สาระอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ถึงคิดได้เช่นนี้เขาก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเท่านั้น

    วาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลงทุกทีๆ หิมะก็ดูเหมือนจะตกลงมาเรื่อยๆ เขาแบมือช้าๆออกไปสัมผัสกับหิมะที่ตกลงมาใส่มือที่เย็นเฉียบของเขาอยู่แล้ว

    หิมะ……….. ’ และมันก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงความทรงจำเก่าๆ มันทำให้เขานึกถึงชื่อของคนๆหนึ่ง เธอคนที่เพิ่งเจอเมื่อตอนเช้านี้ ไม่สิคนที่เคยเจอทุกๆวันทั้งตอนเรียน และหลังเลิกเรียน

    วายังคิดว่าหากไม่ใช่เพราะเขาเห็นสโนว์คุยกับครอสในวันนี้ เขาใช่จะรู้สึกดีกว่านี้หรือไม่กันแน่ ?

    ขณะที่กำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่นั้นความเย็นก็เข้ามาเยือนเขาอีกครั้งหนึ่ง

    มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวจ๊ะ

    วารีบหันขวับไปยังต้นเสียงทันที และแม้จะผิดหวังอยู่บ้างที่เจ้าของเสียงไม่ใช่คนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ในตอนนี้ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกดีที่ไม่ใช่หล่อน

    คนที่เรียกเขาคือไลร่านั่นเอง วันนี้หล่อนอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินแบบตอนที่เขาเจอกับเธอครั้งแรก

    อ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเบื่อๆน่ะ วายิ้ม หากไม่ใช่เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว หล่อนอาจจะสังเกตเห็นแววตาเศร้าสอยที่แฝงอยู่ของวาแล้วก็ได้

    นั่งอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ไลร่าสอน แต่ก็เอาเถอะ ว่าแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องแข่งหรอ

    แข่งครับ แต่เป็นแข่งประลองอาวุธนะครับ วาอธิบาย

    ก็หมายถึงแข่งประลองอาวุธแหละค่ะ แต่วันนี้เก่งมากเลยนะ เอาชนะโรงเรียนตัวเต็งได้ แบบนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หล่อนยิ้มให้เขา  ทำเอาวาเขินอายเลยทีเดียว

    ไม่หรอกครับ ฮ่าๆ วาหัวเราะกลบเกลื่อน

    ว่าแต่ตอนนี้เจ้าชาย เอ่อไม่ใช่สิ ไซโคร แนชเป็นอย่างไรบ้างค่ะ หล่อนถามอย่างใส่ใจราวกับที่ชวนคุยมาทั้งหมดเพียงเพื่อจะถามประโยคนี้เท่านั้น

    ยังไม่ได้ไปดูอาการเลยครับ แต่วาไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ คงเพราะมีเรื่องอื่นให้คิดอยู่กระมัง เดี๋ยวก็ว่าจะแวะไปดูสักหน่อยละครับ

    อย่างนั้นหรอค่ะ อ่อ….. ขอโทษด้วยนะค่ะที่ต้องรบกวน หล่อนผงกหัวให้เขา

    ความจริงวาอยากจะถามกลับไปเหมือนกันว่า ทำไมไม่ไปพบไซโคร แนชโดยตรงเลย หรือว่าที่ถามถึง และจะให้ส่งอะไรให้นั่นเป็นเพราะอะไรกันแน่ 

    พรุ่งนี้เราเองก็แข่งเหมือนกัน ไลร่ามองไปยังเบื้องหน้า แววตาคล้ายเปลี่ยนไปเป็นเยือกเย็นอีกครึ่งหนึ่ง

    แข่งกับโรงเรียนอะไรหรอครับ วารีบถามขึ้นมาทันที เขาลืมสนใจตารางการแข่งไปเสียสนิท

    ไลร่าหันมายิ้มให้แก่วา แววตาคล้ายแฝงความรู้สึกที่บ่งบอกไม่ถูกประการหนึ่ง

    โรงเรียนบริงเกอร์ค่ะ เป็นเพียงคำตอบสั้นๆเรียบๆ แต่ทำเอาวาที่กำลังซึมเศร้าอยู่ถึงกับไฟลุกโชนขึ้นมาทันที  ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพรุ่งนี้ไลร่าจะต้องแข่งกับวิสด้อมแล้วอย่างนั้นหรอ ?

    โล่แห่งแสงที่ป้องกันได้ทุกสิ่ง กับดาบอัคคีทมิฬที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง วันพรุ่งนี้แล้วที่ผลตัดสินจะออกมา วาเองแทบนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ วิสด้อมแม้จะเอาชนะลมดำได้ก็จริง แต่ไลร่าที่มาเป็นคู่ซ่อมให้เขาก็รับลูกของเขาได้ทุกลูก จนถึงขั้นเรียกได้ว่า เอาชนะในการซ้อมได้แบบขาดลอยเลยทีเดียว

    ตื่นเต้นไหมครับเนี่ย วาถามอย่างตื่นเต้นแทน

    ก็นิดหน่อยละค่ะ ไลร่ายิ้ม   อ่อ อย่าลืมมาเชียร์ด้วยนะค่ะ

    นะ แน่นอนครับ สู้ๆนะครับ แล้วจะไปเชียร์นะครับ วายิ้มแฉ่ง หรือถ้าจะให้ช่วยเป็นคู่ซ่อมให้ก็บอกได้เลยนะครับ

    ขอบใจมากนะ แต่เราว่าตอนนี้เราจะไปพักผ่อนแล้วละ ซ้อมมาทั้งวันแล้ว  ไลร่าเอามือไขว้หลังไว้ มองไปยังเบื้องหน้า คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่

    เธอก็รีบกลับเข้าไปเตรียมตัว ไม่ก็พักผ่อนได้แล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอา แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที   ก่อนที่หล่อนจะเดินจากไป ก็หันกลับมากล่าวกับวาอีกรอบหนึ่ง ลมหนาวที่พัดโชยมา ทำให้ผมประบ่าสีขาวของหล่อนพลิ้วไหวไปตามสายลม วาที่เห็นรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็อย่าลืมนะค่ะที่เคยสัญญาไว้

    ครับ วารับคำ  การได้พบกับไลร่าทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง ก่อนที่คำพูดบางคำจะทำให้เขานึกถึงคำพูดของสโนว์ที่เคยพูดไว้กับเขา

    เดี๋ยวไม่สบายแล้วจะหาว่าไม่เตือนนะ

    อย่าลืมนะที่เคยสัญญากันเอาไว้

    แต่ปริศนาที่โล่น้ำแข็งแห่งแสงทิ้งเอาไว้ทำให้เขาหยุดคิดถึงเรื่องนี้ไปได้ชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการแข่งในวันพรุ่งนี้ที่แค่คิดก็ลุ้นจนตัวโก่งแล้ว ทั้งยังเรื่องของของหล่อนกับไซโคร แนช ว่าที่แท้หล่อนต้องการจะส่งอะไรให้ไซโคร แนช และเพื่ออะไรกันแน่

    ดังนั้นวาจึงลุกขึ้นยืน และเดินกลับไปยังปราสาทเพื่อดูอาการของไซโคร แนชว่าเป็นเช่นไรบ้าง

     

     

    เมื่อวาเข้าไปด้านในห้องพยาบาลก็ต้องพบว่า ไซโคร แนชกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีดีว่านั่งดูอาการอยู่ด้านข้าง ส่วนโซเฟียนั้นไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน เมื่อวาเข้าไปก็รีบถามอาการทันที

    เป็นอย่างไรบ้างครับ วาพยายามถามเบาๆ เพื่อไม่ให้ไซโคร แนชตื่น

    ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เลยครับ ดีว่าหน้ากลุ้ม เมื่อสักครู่บาทหลวงเพิ่งมาดูอาการให้ บอกว่าเป็นผลจากการใช้รีเฟรกโหมดมากเกินไป แถมตอนนี้สมองยังได้รับการกระทบกระเทือนมากด้วยครับ เพราะตอนสุดท้ายที่ใช้ ‘GOD SPEED ’จำเป็นต้องอัดลมปราณสายฟ้าเข้าไปในสมองเป็นจำนวนมากนะครับ

    ถ้าอย่างนั้นจะเป็นอันตรายมากรึเปล่า วาใจหาย

    ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่บาทหลวงบอกว่า ใช้รีเจเนเรเตอร์ช่วยไปบ้างแล้ว สักพักก็จะดีขึ้น แต่ก็ห้ามสู้อีกสามสี่วันละครับ หรือไม่ถ้าพักไปได้เลยก็จะดีครับ พูดถึงตอนนี้สีหน้าดีว่าเริ่มมีแววหนักใจขึ้นมา นี่ถ้าผมสามารถใช้ลมปราณช่วยได้บ้างก็คงจะดีหรอกครับ แต่ตอนนี้พวกเราคงไม่มีทางเลือกแล้วละครับ

    ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า………. ”

    ใช่แล้วละครับ ดีว่าพยักหน้า การแข่งต่อจากนี้พวกเราจะต้องสู้โดยไม่มีรุ่นพี่

    วาพยายามฝืนยิ้มเมื่อเห็นว่า สีหน้าของดีว่าไม่สู้ดีกว่าตนสักเท่าไหร่

    ไม่เป็นไร นายเก่งอยู่แล้วไม่แพ้ใครง่ายๆหรอก แต่เรานี่สิ วาก้มหน้า

    เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ดีว่าก็ยิ้มขึ้นมาทันที

    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องนั้นน่ะ อาจารย์ที่มาคุมด้านการประลองอาวุธจะช่วยคุณเองครับ ดีว่ากล่าวพร้อมหันไปมองยังอีกด้านหลังของวา ซึ่งเมื่อวาหันตามไปก็ต้องตกใจทันที

    ถอดใจง่ายๆแบบนี้ไม่สมกับเป็นตัวแทนโรงเรียนเลยนะครับ แบบนี้สงสัยคงต้องติวเข้มกันสักหน่อยแล้วนะครับ อาจารย์ที่มาคุมด้านการประลองอาวุธ ซึ่งไม่ทราบว่าโผล่มานั่งที่ข้างประตูตั้งเมื่อไหร่กล่าวขึ้น พร้อมรอยยิ้มมุมปาก

     

     

     

                       _______________________________________________

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×