ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทเรียนที่ 19 การประลองเริ่มขึ้นแล้ว
                                                        บทเรียนที่ 19  การประลองเริ่มขึ้นแล้ว
            หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ดีว่า และไซโคร แนชต่อสู้กันผ่านพ้นไป      ดีว่าก็ได้ส่งรายชื่อทีมประลองอาวุธทั้งสี่คน อันประกอบด้วย  วา โซเฟีย ดีว่า และ ไซโคร แนช  ให้คณะกรรมการนักเรียนไปเรียบร้อยแล้ว     
            โดยดีว่าได้ตั้งชื่อทีมไว้ว่า      “ มิราเคิล    ( Miracle ปาฎิหารย์ ) ”
            ส่วนวา และโซเฟียนั้นก็ได้ปรึกษาอันว่า น่าจะสละสิทธิ์การแข่งขันตอบปัญหาทางคณิตศาสตร์ระหว่างสถาบัน  เนื่องจากว่า  ไม่มีเวลาพอที่จะซ้อมทำโจทย์เลข  โดยเฉพาะวานั้น  แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลยก็ว่าได้  เพราะเขาต้องซ้อมทั้งการเล่นปิงปอง  การร้องเพลงเพื่อประกวดวงดนตรี  และล่าสุดเพื่อแข่งขันประลองอาวุธ ซึ่งเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องลงแข่งด้วย 
           
            อีกไม่กี่วันก็จะถึงการแข่งขันประลองอาวุธรอบแรกแล้ว  วาจำตอนไปยื่นไปสมัครกับดีว่าได้  ดูแต่ละทีมที่ไปลงสมัครท่าทางน่ากลัวมาก    และดูเหมือนว่าคนจากชมรมจ้าวกระบี่ก็ลงสมัครการประลองนี้ด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว     
              และทีมที่วาจะต้องสู้ด้วยทีมแรกในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้รู้สึกว่าจะชื่อทีม  “ เชน ”  หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ  ถ้าเขาจำไม่ผิด    แต่ที่เขาจำได้แม่นยำก็คือ  หน้าตาของเพื่อนร่วมทีมของมันแต่ละคน  ท่าทางไม่น่าเข้าใกล้ด้วยกันทั้งนั้นเลย      แค่คิดว่าเขาจะต้องเจอกับเจ้าพวกนั้นวาก็ขนลุกขึ้นมาทันทีแล้ว           
              ที่สำคัญวาเองก็รู้สึกว่า  คราวนี้เจ้าพวกแก๊งเอ็ดดี้ (  ที่เคยก่อกวนวาตอนเริ่มๆ เรื่อง ) ก็จะลงแข่งกับเขาด้วจยเหมือนกัน      นี่จะเป็นโอกาสที่เขาจะได้ล้างแค้นเจ้าพวกนั้น  หรือเป็นโอกาสที่เจ้าพวกนั้นจะได้ล้างแค้นเขานะ  ?
             
              ณ ห้องเรียนแซทเทริน์ ( ห้องเรียนของวา )
              ตอนนี้ยังไม่เริ่มเข้าชั่วโมงโฮมรูม  บรรยากาศภายในห้องยังคงเหมือนทุกๆ วัน      นักเรียนทุกคนต่างพากันเข้าห้องมาแต่เช้า  เพื่อเตรียมตัวที่จะเรียน       
            วาค่อยๆ ก้าวตามมิวเข้าไปในห้อง    เช้านี้เขาก็นั่งกินข้าวกับเพื่อนของเขาเหมือนทุกๆเช้า  ทุกๆอย่างดูจะเข้าที่เข้าทางแล้วสำหรับวา    และมีบางสิ่งที่วาเองก็สังเกตุได้ว่าดูเหมือนมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเลย 
          นั่นก็คือ  ความเงียบของเสือใบ้นิค ตั้งแต่เปิดเรียนมาเป็นระยะเวลาเกือบเดือนแล้ว    วายังไม่เคยเห็นเสือใบ้นิคพูดกับใครเลยสักคำ  อย่างดีก็พยักหน้าแล้วยิ้ม และดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปด้วย   
            สิ่งต่อไปที่ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยเช่นกันก็คือ  ความกวนประสาทของโซเฟีย  , ความสามารถในการสอนประวัติศาสตร์ของอาจารย์พิชายะ  ซึ่งนับวันๆดูเหมือนแทบจะพานักเรียนทั้งห้องไปร่วมรบในสมัยสงครามโลกแล้ว    ,    ความร่าเริงของมิว ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีวันไหนที่เขาดูเศร้าลงได้เลย 
            แต่ที่วารู้สึกว่าอยากจะให้เหมือนเดิมมากที่สุดก็คือ จะเป็นเรื่องของ  เจ้าเซต  คนที่แอบชอบโซเฟียนั่นเอง    เพราะหลังจากวันนั้นที่มันมาหาเรื่องเขาที่ลานประลองอาวุธแล้วถูกไซโคร แนชสั่งสอนไป  ก็ไม่ได้โผล่หน้ามาให้เขาเห็นอีกเลย  ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆก็คงจะวิเศษไปเลย 
                วาเข้าห้องมาก็พบกับโซเฟียนั่งอยู่ข้างประจำที่ของเธอแล้ว      โซเฟียเมื่อเห็นว่า วาและคนอื่นๆ  นั่งที่กันค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้ว  เธอก็ก้าวออกไปยืนหน้าห้อง       
                วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีขาวพร้อมกับกระโปรงสีขาว ดูแล้วปลอดโปร่งสบายตาเป็นอย่างมาก      โซเฟียเมื่อขึ้นไปยืนตรงแสตนหน้าห้องแล้วก็ยกมือข้างขวาของเธอขึ้นช้าๆ    ไม่ทันที่เธอจะลดมือลงสภาพของห้องเรียนก็สงบลงในทันที    นักเรียนทุกคนเข้านั่งประจำที่อย่างเรียบร้อย 
                วาเองก็เพิ่งเคยเห็นโซเฟียออกไปยืนหน้าห้องก็คราวนี้เอง  เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนที่กวนประสาทเขาเกือบทุกวันกลับมีอำนาจในการคุมห้องเรียนถึงเพียงนี้   
                  “ ขอบคุณค่ะ ”
                    โซเฟียกล่าวพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อย เป็นเชิงขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ
                  “ ที่จริงวันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก  เราแค่มีเรื่องจะประกาศนิดหน่อย ”
                      กล่าวพร้อมกับมองไปยังเพื่อนๆทุกคนในห้อง
                  “ เรื่องก็คือว่า  พรุ่งนี้จะมีการจัดการแข่งขันประลองอาวุธรอบแรกขึ้นที่ห้องชมรมอัศวิน  หลายๆคนคงจะได้ทราบแล้ว  ซึ่งก็อยากจะขอเชิญชวนเพื่อนๆทุกคนเลยที่ว่าง  ไปชมการแข่งขันประลองอาวุธกัน
                  และรับรองว่าทุกคนจะต้องไม่ผิดหวังแน่    เพราะว่าการประลองครั้งนี้มีอะไรพิเศากว่าทุกครั้งที่เคยจัดมาเลยละ  ”
                    กล่าวถึงตอนนี้ ยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวต่อนักเรียนชายอ้วนแว่นคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นถามในทันที
                  “ ที่ว่าพิเศษกว่าทุกครั้งนี่มันพิเศษกว่าตรงไหนหรอ ”
                    “  ก็ตรงที่ว่าการแข่งคราวนี้  ทีมของเราลงแข่งด้วยน่ะสิ  ชื่อทีมว่า  มิราเคิล ที่แปลว่า ปาฎิหารย์ยังไงกันละ  ”
                    “ หา !!!  จริงหรอเนี่ย ”
                    คนที่ตกใจก็คือวีวี่ เพื่อนสนิทของโซเฟียนั่นเอง 
                  “ อย่างนี้เห็นที่จะพลาดไม่ได้แล้วสิ  หัวหน้าห้องของพวกเราลงแข่งทั้งที    แล้วว่าแต่ทีมของเธอมีใครบ้างละ ”
                  เด็กชายใส่แว่นที่นั่งข้างเด็กชายอ้วนแว่นถาม
                “ หนึ่งในสามคนที่เหลือก็อยู่ในห้องเราเนี่ยแหละ  แต่เราว่าพวกนายเดาไม่ถูกหรอก ”
                  “ เขาเป็นใครหรอ  !! ”
                  เด็กชายอ้วนแว่นแย่งเด็กชายแว่นที่นั่งเขาถามในทันที
                “ ผมรู้ครับ คุณหัวหน้าห้อง !! ”
                    มิวยกมือขึ้นทันที  พร้อมกับกล่าวต่อ
                  “ เพื่อนร่วมทีมอีกคนหนึ่งก็ คือ เพื่อนใหม่ของพวกเรานี่เองแหละ  วาไงล่ะ !!! ”
                    กล่าวจบคนทั้งห้องก็หันหน้าไปมองวาทันที  คงจะอึ้งเล็กน้อยที่คนอย่างวาลงแข่งประลองอาวุธด้วย
                    มีนักเรียนบางคนหันไปซุบซิบกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ เนื่องจากเคยเห็นเขาแข่งประลองอาวุธคราวก่อนแล้ว      โซเฟียเมื่อเห็นสถาการณ์ในห้องเริ่มวุ่นวายแล้ว  เธอก็ยกมือขึ้น  จากนั้นเมื่อห้องเริ่มเงียบลงอีกครั้งเธอก็เริ่มกล่าวต่อ 
                  “ ไม่ต้องแปลกใจหรอก  เพื่อนร่วมทีมของเราอีกคนหนึ่งก็คือ วา นั่นแหละ    แต่ถึงเห็นอย่างนี้ก็เถอะอย่าเพิ่งดูถูกเขาไปนะ  ถึงวันก่อนเขาจะแพ้ไม่เป็นท่า      แต่ว่าพรุ่งนี้ละก็รับรองว่าทุกคนจะต้องไม่ผิดหวังแน่  จริงไหม ? ”
                    โซเฟียหันไปยิ้มให้วาเล็กน้อย      เขากลายเป็นจุดเด่นในห้องอีกครั้งหนึ่งแล้วสินะ 
                  “ เอาละ เรื่องที่เราจะบอกก็มีเท่านี้แหละนะ  ถ้าพรุ่งนี้ใครว่างหลังเลิกเรียนตอนบ่ายสี่โมงครึ่งก็เจอกันที่ห้องชมรมอัศวินได้เลยนะ  แล้วก็ระวังที่จะเต็มด้วยนะทุกคน ”
                    กล่าวจบไม่ทันที่โซเฟียจะก้าวเท้ากลับที่  มิวก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
                  “ ท่านหัวหน้าห้องครับ  ทำไมเราไม่ลองให้วามาโชว์อะไรให้เพื่อนๆดูสักหน่อยละครับ  เพื่อเป็นการจูงใจเพื่อนๆ ”
                    วาฝืนยิ้มเล็กน้อย  เขารู้อยู่แล้วว่า โซเฟียคงไม่ให้เขาออกไปแสดงอะไรหน้าห้องแน่ๆ  แต่เขาก็คิดผิดแล้ว
                “ อืม เป็นความคิดที่ดีมากคุณมิว    ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็ขอเชิญชมการแสดงฝีมือเล็กๆนอยๆ  จากเพื่อนร่วมทีมสุดเก่งของเราได้เลย ณ บัดนี้ค่า !!! ”
                    นักเรียนในห้องปรบมือกันอย่างชอบอกชอบใจ  วาคุมหัวตัวเองอย่าหัวเสีย  ความจริงเขาไม่อยากออกไปเลยจริงๆ  เขาคิดว่าเขาควรจะบอกว่า  ยังไม่พร้อม  แต่เมื่อเห็นสายตาของคนทั้งห้องจับตามองมาที่เขาเป็นจุดเดียว  เขาก็ได้แต่เดินออกนอกห้องแล้ว
                  “ นี่ ทำไมเธอไม่บอกเราก่อนแต่แรก ว่าจะให้เราออกมาโชว์อะไรหน้าห้องเนี่ย  ”
                      วา กระซิบบอกโซเฟีย
                  “ แหะๆ โทษทีนะคุณเด๋อพอดีสถาการณ์มันพาไป  ยังไงก็ช่วยโชว์อะไรให้เพื่อนๆดูหน่อยก็แล้วกันนะ ”     
                  วาเริ่มตั้งสติคิดว่าเขาควรจะแสดงอะไรให้เพื่อนๆดูดี  เขารู้สึกว่าสถาการณ์ของเขาตอนนี้แย่เอามากๆเลย    ห้องทั้งห้องเงียบกว่าตอนที่โซเฟียออกมาพูดเสียอีก  สายตาของคนทั้งห้องจับจ้องมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน
                  วาเริ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง  และสิ่งที่เขาหยิบออกมาก็คือ  สำรับไพ่ ประจำตัวเขานั่นเอง 
                  “ สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน ”
                    วายิ้มอย่างเกร็งพร้อมกับชูสำรับไพ่ในมือขวาของเขาขึ้นช้าๆ
                  “ เราไม่ค่อยมีอะไรจะแสดงให้ดูหรอกนะ    แต่รู้สึกว่าพอมีกลอันหนึ่งที่พอจะใช้ในการต่อสู้ได้    ถ้าหากไม่ถูกใจเพื่อนๆก็ต้องขอโทษด้วยละกัน ”
                    “ เพื่อนๆ ปรบมือในเขาหน่อย  การแสดงจะเริ่มแล้ว เย้ๆๆๆ !!! ”
                    มิวตะโกน  พร้อมกันนั้นเสียงปรบมือของนักเรียนทั้งห้องก็ดังขึ้น
                วาเริ่มตั้งสมาธิกับสำรับไพ่บนมือของเขา    เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ   
                ภายใต้ความเงียบของนักเรียนทั้งห้องนั้นเอง    ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงไพ่หลายใบแหวกอากาศขึ้น
                “ ฟ้าวววว !!! ”
                  ไพ่ในมือของวากระจายออกจากสำรับไปทุกทิศทางด้วยความเร็วสูง  ทิศทางของไพ่แต่ละใบแม้ไม่แน่นอน  แต่การร่อนของไพ่นั้นมั่นคง รุนแรง และรวดเร็วมาก 
                      พริบตากันนั้นเอง  วาก็สะบัดมือข้างขวาของเขาออกไพ่ที่เหลืออยู่ทุกใบก็ร่อนออกจากมือของเขาหมด      แต่ไพ่ทุกใบในตอนนี้นั้นยังไม่ได้ตกถึงพื้นเลยแม้สักใบเดียว     
                      ไพ่หลายใบที่วาเพิ่งสะบัดออกจากมือกลับวนอยู่รอบๆตัวของวา    ถ้าดูจากนักเรียนที่นั่งหลังห้องแล้ว  มันก็คือ มายากลชั้นยอดชนิดหนึ่งเลยทีเดียว   
                        ไพ่หลายใบวนอยู่รอบๆตัววา ราวกับช่วยคุ้มครองในกับเขา  ส่วนไพ่ที่ถูกซัดออกจากกองในตอนแรกนั้นก็เริ่มหมุนตัวกลับเขาหาเขาด้วยความเร็วสูง 
                      วาแบมือขวาออกไปทางด้านข้างทันที  ไพ่ที่ร่อนเข้าหาเขากลับค่อยๆ มารวมอยู่ที่มือขวาของเขาแล้ว        จากนั้นไพ่ที่วนรอบๆตัวเขาก็เริ่มหมุนกลับขึ้นไปที่มือขวาของเขาแล้ว   
                      ไพ่ใบสุดท้ายก็กำลังค่อยๆร่อนกลับไปที่มือขวาของเขาแล้ว    แต่ทว่าขณะที่มันกำลังจะร่อนกลับไปที่มือของเขานั้นมันก็ตกลงที่พื้นเสียก่อน
                     
                      วาส่ายหน้าอย่างเสียดาย พร้อมกับค่อยๆ ก้มลงเก็บไพ่ใบสุดท้ายที่ตกลงกับพื้น    ไพ่ใบนั้นคือ ไพ่โจ๊กเกอร์ !!
                        เมื่อเก็บไพ่โจ๊กเกอร์ขึ้นมาแล้ว วาก็ยิ้มอย่างไม่มั่นใจสักเท่าไหร่
                        “ ต้องขอโทษด้วยนะ  ที่มันยังไม่สมบรูณ์  ท่าเมื่อสักครู่นี้ก็คือ ท่าป้องกันตัวเวลาที่คู่ต่อสู้เข้ามาในระยะประชิดตัว  เรียกว่า  กลเกราะปักษา !!!   
                        ที่เรียกว่า กลเกราะปักษานั่นก็เพราะว่า ไพ่แต่ละใบที่ซัดออกไปนั้นคล้ายกับนกที่โบยบินออกจากรัง      ซึ่งรังก็เปรียบได้กับสำรับไพ่          ตัวของผู้ใช้กลก็เปรียบเสมือนต้นไม้ที่นกบินวนรอบๆ และเมื่อใกล้เวลาเย็นนกก็จะกลับรังของมัน  เหมือนที่ไพ่ทั้งหมดหมุนกลับมารวมในสำรับเหมือนเดิมยังไงละ
                        ก็มีเท่านี้แหละที่เราพอจะทำได้ในตอนนี้น่ะ ”
                          กล่าวจบวาก็ก้มหัวลง ขอบคุณเพื่อนร่วมห้อง 
                      เสียงปรบมือดังขึ้นเกือบจะพร้อมเพรียงกันในทันที  แสดงว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาให้การตอบรับเป็นอย่างดี    มิวเองก็ถึงกับขนาดร้อง เย้ๆๆ ออกมาเลยทีเดียว      มีบ้างบางคนบอกว่า เอาอีกๆ 
                     
                        โซเฟียยกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
                          “ เอาละ เราเกินเวลาที่ขอกับมาสเตอร์ดับเบิ้ลไปหน่อยแล้ว  วันนี้ก็มีเรื่องที่จะพูดเท่านี้แหละ  ขอบคุณทุกคนมากค่ะ “
                            กล่าวจบโซเฟียก็โค้งลงเล้กน้อย  จากนั้นก็เดินออกไปเรียกอาจารย์ดับเบิ้ลให้เขามาในห้อง
                        วากลับมานั่งที่พร้อมกันกับโซเฟีย  ทันทีที่นั่งลงแล้ว วาก็รีบต่อว่าโซเฟียทันที
                        “ ทำไมไม่บอกเราก่อนหาาา !!! ”
                          “ จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปสิ  ก็อย่างที่บอกไงละว่าสถานการณ์มันพาไป ”
                          “ เรื่องนั้นน่ะไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ให้เราไปโชว์เนี่ย    ถ้ามีคนในห้องเป็นคู่แข่งด้วยเขาก็รู้ไม้ตายเราหมดน่ะสิ ”
                        “ ไม่หรอก  นี่นายไม่รู้หรอว่าห้องเราไม่มีใครสมัครแข่งประลองอาวุธเลยนอกจากเราสองคนน่ะ ”
                          “ จริงหรอเนี่ย  งั้นก็ดีสิ  แข่งกับคนในห้องตัวเองแล้วคงจะรู้สึกแปลกๆ ”
                          “ ถ้าคนในห้องมีคนสมัครแล้ว  เราก็คงไม่ให้นายโชว์อะไรหรอก  และอีกอย่างถึงจะมีคนสมัครจริงๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย  ถือเสียว่าเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ไปในตัวด้วยเลยสิ ”
                          “ เหอๆ  ข่มขวัญตัวเองสิไม่ว่า  เมื่อสักครู่นี้เราเกือบพลาดไปแล้วนะ ”
                          “ แต่ว่าเมื่อสักครู่ขนาดพลาดตอนท้าย  แต่ก็สุดยอดเลยนะ  ไม่นึกเลยว่าคุณเด๋อจะทำได้ถึงขนาดนี้นะเนี่ย  ”
                        “ เฮ้อ  มิวก็ด้วยอีกคน  รู้อย่างนี้ไม่น่าบอกเขาเลย ”
                        “ ไม่เห็นเป็นไรเลย เพื่อนกันยังไง ถึงนายไม่บอก  เช้านี้เขาก็รู้อยู่ดีแหละนะ ”
                        “ อืม จริงด้วยสินะ  ”
                        ขณะที่วากำลังจะพูดต่อนั้น  โซเฟียที่เห็นอาจารย์ดับเบิ้ลเดินเข้ามาในห้องแล้ว  ก็รีบสั่งให้นักเรียนทุกคนทำความเคารพอาจารย์ดับเบิ้ลเสียก่อน 
                    แต่หลังจากที่โซเฟียสั่งทำความเคารพจบ  วาก็ไม่ได้พูดอะไรกับโซเฟียอีก  นั่นเป็นเพราะว่า วาเพิ่งสังเกตว่า วันนี้โซเฟียใส่ชุดสีขาวทั้งชุดเลยทีเดียว
                    ชุดสีขาว .................
                    มันทำให้เขาต้องนึกถึงใครบางคน  คนที่เขาไม่อยากนึกถึงอีกครั้ง
                      ใช่แล้ว  ผู้หญิงที่อยู่ในความฝันของเขานั่นเอง
                      จิตใจของวาคล้ายกับล่องลอยไปเสียแล้ว 
                      บางครั้งความสุขกับความทุกข์คล้ายต่างกันเพียงนิดเดียว  จนแทบจะแยกไม่ออก  แล้วที่วากำลังรู้สึกอยู่นั้นมันเป็นความสุข หรือความทุกข์กันแน่ ?
       
       
 
                    หมดชั่วโมงเรียนที่สี่จนได้  ชั่วโมงที่สี่ของวันนี้ก็เป็นชั่วโมงของอาจารย์พิชายะอีกเช่นเคย    นักเรียนบางคนก็ยังคงหลับขณะที่อาจารย์สอนเหมือนเคย   
                        คราวนี้อาจารย์พิชายะสอนถึงเรื่งราวในสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว    อาจารย์ยังสอนได้ราวกับอยู่ในเหตุการณ์จริงเหมือนเคยเช่นกัน
                      เด็กนักเรียนหลับ  กับการสอนประวัติศาสตร์ของอาจารย์พิชายะ  คล้ายกับเป็นคู่กันไปเสียแล้ว
                      แต่เป็นที่น่าแปลกที่วาเองไม่เคยหลับในชั่วโมงอาจารย์พิชายะเลย  คงเพราะเขาชอบวิชาสังคมอยู่แล้วด้วย  บวกกับโซเฟียคอยกระตุ้นให้เขาตั้งใจเรียนอยู่อย่างสม่ำเสมอ 
                      วาคิดว่า ถ้าการสอบมาถึงเมื่อไหร่แล้วละก็  อย่างน้อยเขาก็น่าจะทำคะแนนอยู่ในเกณท์ที่ค่อนข้างดีได้บ้าง      คิดถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไรกับโซเฟียในชั่วโมงแรก 
                      “ เออนี่ คือว่า  ทีมของเราจะไม่มีการเตรียมความพร้อมกันหน่อยหรอ  เช่นนัดหมายอะไรกันน่ะ ”
                        “ มันก็จริงของคุณเด๋อนะ  แต่เราว่าอย่างน้อยคนที่ไม่น่าจะมาได้คนหนึ่งก็คือ รุ่นพี่ไซโคร แนชนั่นแหละ  เพราะฉะนั้นก็ช่างมันเถอะ  พรุ่งนี้ตอนแข่งเดี๋ยวก็รู้เองแหละว่าจะต้องทำอะไร  แหะๆ ”
                        “ อ่านะ  งั้นเราไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ ”
                         
                            วันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน 
   
                            “ เฮ้อ  รุ่นพี่ไซโคร แนชยังไม่มาอีกหรอเนี่ย  นี่ก็ใกล้จะเริ่มแล้วนะ ”
                          วากล่าวอย่างทอดใจ 
                        “ ไม่เป็นไรหรอกครับ  รออีกสักพักเดี๋ยวเขาก็มาเองแหละ ”
                            ดีว่ายิ้ม  ท่าทางเขาไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย  ทั้งๆ ที่การแข่งขันก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว 
                        วามองลงไปยังบันไดวน  ตอนนี้เขา ดีว่า และโซเฟีย กำลังยืนรอไซโคร แนชอยู่ลานหน้าห้องชมรมอัศวิน    มองจากตรงนี้ลงไปความสวยงามก็ยังคงเหมือนกับวันที่เขามองลงมาครั้งแรกไม่เปลี่ยนไปเลย 
                        “ เฮ้ !! ”
                            เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังของวา  ตอนแรกวานึกว่าไซโคร แนชเสียอีก  แต่เมื่อหันกลับไปก็ปรากฎว่าเป็นมิวนั่นเองที่เรียกเขา    มิวมาพร้อมกับนีโอ เบต้า เสือใบ้นิค และก็วีวี่
                        วาลืมคิดไปว่า  ไซโคร แนชถึงจะมาถึงก็คงไม่ตะโกนว่า เฮ้ ให้เขาแน่
                        “ นายยังไม่เข้าไปในห้องอีกหรอเนี่ย ”
                            “ ยังละ “
                            “ ยังไงก็สู้ให้เต็มที่นะเพื่อน  พวกเราจะได้ตามไปดูตอนแข่งระหว่างสถาบันต่อไงละ ”   
                          “ ได้เลย  คอยดูก็แล้วกัน ”
                          เห็นมิวพูดคุยกับวา  วีวี่ก็เลยถือโอกาสเข้าไปคุยกับโซเฟียด้วย
                        “ นี่ ถ้าเมื่อวานไม่บอก เราก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเธอลงแข่งกับเขาด้วย เพื่อนกันรึเปล่าเนี่ย หาา !!! ”
                          “ ขอโทษจ้า  พอดีอยากให้แปลกใจก็เท่านั้นเอง ”
                          “ อืม แล้วนี่เออ........... ”
                          วีวี่พูดพร้อมกับหันหน้าไปมองที่ดีว่า  ปรากฎว่าดีว่าก็มองมาที่วีวี่เช่นกัน      วีวี่รีบหลบสายตาพร้อมกับลากโซเฟียห่างออกไปกระซิบ
                      “ ทำไมเธอไม่บอกด้วยละว่า ท่านดีว่าก็อยู่ทีมเธอด้วยน่ะ ”
                          “ แหะๆ  นี่ก็กะว่าจะทำให้แปลกใจอีกเช่นกัน ”
                          “ แล้วอย่างนี้นี่เธอรออะไรอยู่ละ ทำไมไม่รีบเข้าไปเตรียมตัว ”
                          “ อ๋อ ก็กำลังรอเพื่อนร่วมทีมอีกคนหนึ่งอยู่น่ะสิ ”
                          “ แล้วอีกคนที่ว่า นี่ใครอีกละ ”
                          “ เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ  ส่วนตอนนี้พวกเธอน่ะเข้าไปหาที่นั่งได้แล้ว เดี๋ยวก็เต็มหมดหรอก ”
                          “ จ้า ไม่ต้องห่วงหรอก  เรื่องที่น่ะมิวบอกว่าเขาฝากเพื่อนจองไว้ให้แล้วละ      แล้ววันนี้รู้สึกว่าเพื่อนๆห้องเรามาดูกันเยอะด้วยนะ ”
                          “ หรอ ดีใจจัง  เอ๊ะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมทีมอีกคนของเรากำลังจะมาถึงแล้วละ ”
                          ไซโคร แนชค่อยๆ เดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ    วีวี่สงสัยว่าเพื่อนร่วมทีมอีกคนหนึ่งเป็นใคร  เลยแอบก้มมองตามโซเฟียไปดูก็พบกับไซโคร แนช
                      “ นี่เธอ อย่าบอกนะว่า........... ”
                          โซเฟียไม่ตอบ แต่พยักหน้าแล้วหัวเราะ แหะๆ 
                      วีวี่ทำหน้าแหยะๆ จากนั้นก็รีบกระซิบบอกโซเฟีย
                      “ ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวไปก่อนนะ  เดี๋ยวพอดีที่มันอาจจะเต็มที่ได้น่ะ ”
                          วีวี่ความจริงแอบกลัวไซโคร แนชเล็กน้อย    ซึ่งถ้าเป็นเมื่อปีที่แล้วละก็เธอเองไม่เคยกลัวไซโคร แนชเลยแม้แต่น้อย  เธอเคยแอบชื่นชมไซโคร แนชด้วยซ้ำ   
                      วีวี่ก้าวเท้าไปไม่กี่ก้าวก็เหมือนกับนึกขึ้นได้รีบลากโซเฟียมากระซิบอีกครั้ง
                      “ เกือบลืมไปแน่ะ  ก่อนแข่งอย่าลืมฝากบอกท่านดีว่าด้วยนะว่า  อย่าประมาทคู่ต่อสู้ และก็ขอให้เขาโชคดีด้วย ”
                      วีวี่กระซิบไปด้วย แอบชำเลืองมองไปที่ดีว่าด้วย  ซึ่งดีว่าก็หันกลับมายิ้มให้กับวีวี่ด้วย  ทำให้วีวี่ถึงกับเกือบหน้าแดงต้องรีบหันหลบมาอีกครั้ง
                      โซเฟียที่เห็นอาการอายๆ ของวีวี่ก็แกล้งในทันที
                      “ ทำไมต้องฝากเราบอกด้วยละ  เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ  เราเรียกให้นะ  ”
                        โซเฟียแกล้งทำท่าจะโบกมือ อย่างไม่รู้เรื่อง ก็ถูกวีวี่กระชากแขนอย่างแรง
                    “ นี่ อย่าแกล้งกันสิ ”
                      “ โอ๊ย  แขนเกือบจะหลุดแน่ะ  โถ่ แค่แกล้งเล่นแค่นี้เอง  นี่ถ้าเราแพ้เพราะเธอขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย ”
                      “  ขอโทษจ้าๆ  ”
                      วีวี่เมื่อเห็นไซโคร แนชมาถึงแล้วก็เตรียมตัวไปในทันที
                    “ อย่าลืมไปที่บอกนะ  บอกว่าจากคนๆหนึ่ง  นี่ห้ามให้เขารู้นะ ”
                      “ โอเคจ๊ะ แล้วเจอกันนะ ”
                      พูดจบวีวี่ก็รีบดึงตัวมิวซึ่งกำลังคุยกับวาอยู่ไปในทันที    วางงเล็กน้อยที่ทำไมวีวี่ดูรีบร้อนขนาดนั้น  เห็นมิวโวยวายเป็นการใหญ่เช่นกัน
                   
                   
                  ตอนนี้บริเวณหน้าประตูทางเข้าห้องชมรมอัศวินเหลือคนไม่มากแล้ว  ไซโคร แนชเมื่อมาถึงไม่กล่าวอะไรมากความนอกจากพูดว่า
                  “ ขอโทษทีที่มาช้า ไปกันเถอะ ”
                      เมื่อไซโคร แนชบอกว่าให้ไปแล้ว  ยังมีใครไม่ไปได้    ทั้งหมดค่อยๆเดินตามไซโคร แนชไป    ผ่านประตูบานใหญ่ของห้องชมรมอัศวินวาก็ต้องถึงกับตะลึงอีกครั้ง 
                  คราวนี้คนที่มาดูการประลองมากกว่าคราวที่แล้วเสียอีก  แถมไฟในห้องชมรมอัศวินยังเปิดออกอย่างตระการตา  การตกแต่งสถานที่ก็เป็นไปได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว        ดูๆ แล้วไม่น่าจะเป็นห้องที่จะใช้ดูการต่อสู้เลย    มันคล้ายกับห้องที่ใช้ดูพวกละครเวทีเสียมากกว่า         
                  วาก็ยังคงเดินตามไซโคร แนชไปเรื่อยๆ  เขาสังเกตเห็นนักเรียนมากมายบริเวณที่ลงทะเบียน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า  หนึ่งในพวกนี้จะต้องมีทีม เชน ที่จะแข่งกับเขาอยู่ด้วยแน่ๆ 
                   
                      เมื่อถึงที่ลงทะเบียนคนที่ไปลงทะเบียนกลับเป็นดีว่า  ดูเหมือนว่าคิวที่ทีมของวาจะต้องลงแข่งก็คือ  ต่อจากทีมอื่นๆ ประมาณสองถึงสามทีมเลยทีเดียว        ซึ่งถ้าดูจากความเยอะแล้ว  ถือว่าทีมของเขาได้ลงแข่งค่อนข้างที่จะเร็วเหมือนกัน   
                        นักเรียนแต่ละคนที่ลงสมัครแข่งนั้นดูมีฝีมือไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียว    นี่ขนาดเป็นแค่การแข่งเฉพาะในโรงเรียนของเขาเท่านั้นยังดูยากลำบากขนาดนี้    ถ้าถึงการแข่งระหว่างสถาบันจริงๆ ผู้เข้าแข่งขันก็พอจะคาดคำนวณฝีมือออกได้เลยว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ 
                            ไซโคร แนชเดินนำพวกวาไปนั่งยังที่นั่งผู้เข้าแข่งขัน    วามองไปรอบๆ อีกครั้งหนึ่งก็ต้องเจอกับสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเจอเข้าอย่างจัง 
                            สิ่งที่เขาไม่อยากที่จะเจอก็คือ พวกแก๊งเอ็ดดี้นั่นเอง !!!
                        อย่างที่วาคิดไว้ไม่มีผิด  พวกนั้นก็ลงแข่งขันคราวนี้ด้วยเช่นกัน    และดูเหมือนว่า หนึ่งในนั้นก็เห็นวาแล้วด้วยเช่นกัน    และคนที่มองกลับมายังวาก็คือ ก็อบ นั่นเอง  !!!
                              วาไม่อยากนึกสภาพตัวเองเลยว่า  ถ้าต้องมาเจอกับทีมแก๊งเอ็ดดี้  เขาจะทำยังไง  ยิ่งต้องมาเจอกับเจ้าก็อบ คนที่ใช้วิชานินจาทำร้ายเขาในครั้งแรกที่เจออีก
                          แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดีใจที่  รู้สึกว่าตัวเองยังพอมีทางที่จะสู้เจ้าพวกนั้นได้บ้างแล้ว  ใช่แล้วละ ไพ่สำรับนี้ของเราจะต้องช่วยเราได้แน่  วาคิดอย่างนั้น   
         
                                นั่งได้ไม่นานนัก  เสียงของผู้ประกาศก็ดังขึ้น  เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน 
                            ใช่แล้วละ เจ้าของเสียงที่ประกาศก็คือ เด็กชายคนเดียวกันกับคราวที่แล้วนั่นเอง  แถมสไตล์การขึ้นต้น และการพูดก็ยังคงเหมือนเดิมอีกเช่นกัน
                            “ สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกรียติ และท่านผู้ถูกเกลียดทุกท่าน  ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันประลองอาวุธรอบแรกของโรงเรียนเรานะครับ  !!!  ”
                                  เสียงปรบมือของนักเรียนในห้องดังขึ้น  เด็กชายนักประกาศยิ้มพอเป็นพิธีจากนั้นกล่าวต่อ
                            “  ปีนี้ได้มีการเปลี่ยนกติกาหลายอย่างเลยทีเดียวละครับ  อย่างแรกเลยก็คือ  เราได้เปลี่ยนจากการประลองแบบเดี่ยวมาเป็นแบบทีมแทน
                          อย่างที่สองก็คือ  ปีนี้เราได้มีการตัดสินแพ้ชนะจากการนับไลท์พอต์ย ( แต้มชีวิต )  ของผู้เล่นแทนนะครับ  โดยฝ่ายไหนไลท์พอต์ยหมดฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้  หรือฝ่ายไหนประกาศยอมแพ้ก่อนก็จะเป็นฝ่ายที่แพ้เช่นกันนะครับ 
                            อย่างที่สามก็คือ  สืบเนื่องจากประลองที่เป็นแบบทีมนะครับ ทีมละสี่คน โดยมีตัวสำรองหนึ่งคน    การจะส่งสมาชิกในทีมลงแข่งนั้น      ลำดับก่อนหลังการลงแข่งของสมาชิกในทีมจะถูกกำหนดโดยการเลือกจากเหรียญ  ถ้าฝ่ายไหนเดาถูก  ฝ่ายตรงข้ามจะต้องกำหนดการลงแข่งของสมาชิกภายในทีมของฝ่ายนั้นก่อน   
                            นี่ก็เป็นการอธิบายคร่าวๆ นะครับ  เชื่อว่าทุกๆคนในที่นี้น่าจะทราบกติกากันมาก่อนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว  แต่ถ้าใครยังสงสัยสามารถสอบถามคณะกรรมการนักเรียนได้เลยนะครับ  หรือเข้าไปที่เวปของทางโรงเรียนแล้วเปิดอ่านดูได้เลยครับ    “
                                กล่าวจบ  เด็กหญิงคนหนึ่งที่ท่าทางจะเป็นหนึ่งในทีมงานครั้งนี้วิ่งขึ้นไปหาเด็กชายนักประกาศพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่าง     
                            “ เอาละครับ  ทางทีมงานของเราได้บอกมาแล้วนะครับว่า  ทุกอย่างพร้อมแล้ว  ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ขอเชิญพบกับการประลองคู่ที่หนึ่งได้เลยคร๊าบบบบ !!!!  ”
                              เสียงปรบมือดังกระหึมขึ้นมาอีกครั้ง  พร้อมกันนั้นเด็กชายสองคนค่อยๆ ก้าวขึ้นมาบนเวที  ท่าทางดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีม   
                          “ เอาละครับ  หัวหน้าทีมของทั้งสองทีมได้ตกลงเลือกหัว ก้อยกันได้แล้วละครับ  และผลที่ออกก็คือ ............”
                              ผลที่ออกก็คือ ก้อย  อีกทีมหนึ่งที่เดาไม่ถูกก็ต้องเป็นฝ่ายกำหนดลำดับรายชื่อสมาชิกที่จะลงทั้งหมดสามคนก่อน   
           
                         
                          “ อย่างนี้ถ้าเราเป็นฝ่ายเดาถูกก็มีสิทธิได้เปรียบนิดหน่อยใช่ไหมละ ”
                              วาเอียงคอถามโซเฟีย
                          “ ใช่แล้วละ  ยิ่งถ้าเราศึกษาคู่ต่อสู้มาเป็นอย่างดีแล้วละก็  เราก็จะสามารถกำหนดคนที่ชนะทางคู่ต่อสู้ได้ด้วย  ซึ่งถือว่าได้เปรียบมากเลยทีเดียว  ”
                              “ อืม  แต่ถ้าในกรณีที่เจอกับพวกโหดทั้งทีมแบบนั้นก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เหมือนกันละนะ ”
                            “ แหะๆ  กลัวอะไรกันเรามีคุณเด๋ออยู่ทั้งคนไม่ใช่หรอ ”
                              จากนั้นวาก็ตั้งใจดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ  แต่เขาเองก็จ้องรู้สึกว่า เขาไม่ใช่คนเดียวหรอกที่จ้องดูอย่างตั้งใจ  ผู้เข้าแข่งขันที่นั่งใกล้ๆกันนั้นก็ตั้งใจดูด้วยเช่นกัน  คงจะตั้งใจเก็บข้อมูลของคู่ต่อสู้อยู่แน่นอน
                        เหลือบมาที่ดีว่านั้น  วาแทบจะพูดได้ว่าดีว่าคล้ายไม่สนใจสิ่งรอบตัวแล้วนอกจากการประลองเท่านั้น  ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจมากเลยทีเดียว  แต่ก็สมแล้วที่เป็นดีว่าไม่ประมาทคู่ต่อสู้เสมอ     
                        เอ๊ะ !  หรือว่าเป็นเพราะใครบางคนที่ฝากโซเฟียมาบอกดีว่า ไม่ให้ประมาท      ทำให้ดีว่าตั้งใจไม่ประมาทขนาดนี้นะ ?
                     
                            ในที่สุดการประลองคู่แรกก็จบลงแล้ว  สำหรับวาเองนั้นถือว่าเป็นการประลองที่ดุเดือดมากเลยทีเดียว  แต่เมื่อเขาลองเอาไปเปรียบกับการต่อสู้ระหว่างดีว่า และไซโคร แนชในวันนั้นแล้วละก็  การประลองของทีมที่มาผ่านแทบจะไม่ต่างกับการ เป่า ยิง ฉุบ แข่งกันเลย 
                          และแล้ววาก็ต้องใจเต้นขึ้นมาทันที  เมื่อได้ยินเสียงประกาศของเด็กชายนักประกาศที่ว่า
                        “ เอาละครับ ต่อไปก็เป็นการประลองคู่ที่สองนะครับ  ระหว่างทีมเวรูด บอดี้กับทีมเอ็ดดี้ครับ !!! ”
                            เด็กชายสองคนเดินขึ้นมาบนเวทีลานประลองเหมือนคู่ที่แล้ว  เพียงแต่ว่าเด็กชายอีกคนหนึ่งนั้นเป็นคนที่วารู้จักดีเลยทีเดียว  นั่นก็คือ  ก็อบ ชมรมนินจาแห่งแก๊งเอ็ดดี้นั่นเอง !
                            และดูเหมือนว่า ทีมที่เป็นฝ่ายเดาหัวเหรียญถูกจะเป็นอีกทีมหนึ่งที่ไม่ใช่ทีมของก็อบ    ก็อบทำท่าหัวเสียพร้อมกับเดินกลับไปที่ทีมเพื่อจัดลำดับผู้เข้าแข่ง          จากนั้นไม่นานนักลำดับคู่ประลองของทีมเอ็ดดี้ก็จัดขึ้นหน้าจอให้ทุกคนได้เห็นกัน 
                           
                              คู่ที่หนึ่ง  โกจิ                                  VS                              ??????
                          คู่ที่สอง  ก็อบ                                Vs                                ?????
                          คู่ที่สาม แซเฟเบริน์                        Vs                                ?????
                              วาเมื่อเห็นรายชื่อของทีมเอ็ดดี้แล้วก็ต้องถึงกับอึ้ง  นั่นก็เพราะว่าไอ้ที่เห็นอยู่บนหน้าจอนั้นเขารู้จักถึงสองคนเลยทีเดียว คือ โกจิ ชมนมนักกล้ามผู้ดูไร้สมอง และก็อบ  ส่วนอีกคนหนึ่งเขาเองก็เคยได้ยินชื่อในตอนแรกที่เพิ่งย้ายเข้ามา      ซึ่งก็คือแซฟเบริน์  คนที่อยู่ชมรมแฮคเกอร์  ที่เบต้าไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่นัก 
                                ทีมเวรูด บอดี้ดูเหมือนจะคิดวางแผนกันเล็กน้อย  ก่อนที่จะจัดลำดับคู่ประลองของทีมตัวเอง  และไม่นานนักการจัดทีมก็ได้ผลสรุปแล้ว 
                            “ เอาละครับ  ในเมื่อได้ผลสรุปแล้วละก็ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันคู่ที่หนึ่งขึ้นบนเวทีเลยครับ ! ”
                                โกจิก้าวขึ้นสนามอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเด็กชายจากอีกทีมหนึ่ง  อาวุธที่เด็กชายจากทีมเวรูด บอดี้ใช้นั้นคือ ดาบธรรมดาๆ เล่มหนึ่ง  แต่โกจิกลับไม่มีอาวุธเลย
                            วาไม่แปลกใจเลยที่ไม่เห็นโกจิใช้อาวุธ  เพราะเรื่องนี้เขารู้ดีทีเดียว  ว่าคนอย่างโกจิน่าจะมีกล้ามเนื้อตามร่างกายมากกว่าสมองถึงหลายเท่านัก  เพราะฉะนั้นการใช้อาวุธจึงดูไม่จำเป็นสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย    พูดง่ายๆ ก็คือ  ใช้กล้ามเนื้อ และสัญชาตญาณในการต่อสู้อย่างเดียวก็พอ
                          เมื่อเห็นทั้งสองคนก้าวขึ้นมาบนเวที และเตรียมตัวแล้วเด็กชายนักประกาศก็ประกาศเริ่มการแข่งขันในทันที           
                          ทันทีที่เด็กชายนักประกาศบอกเริ่มการแข่งขันเด็กชายจากทีมเวรูด บอดี้ก็เป็นฝ่ายชิงโจมตีทันที            การใช้ออกของดาบแม้ไม่รวดเร็วเท่าไซโคร แนช และดีว่าแต่ก็ถือว่าความเร็วอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว   
                            โกจิแทนที่จะหลบกลับยืนประจันหน้า    ดาบพุ่งตรงใส่เขาด้วยความเร็ว   
                            “ โอ้ววววว  ผู้เข้าแข่งขันโกจิดูท่าจะแย่เสียแล้วครับ      เจอการชิงโจมตีอย่างรวดเร็วของทีมเวรูด บอดี้เข้าให้แล้ว  แย่แน่ๆ ครับงานนี้ ! ”
                                ตอนนี้หากโกจิคิดจะหลบก็สายไปเสียแล้ว  หรือโกจิไม่มีสมองจริงๆ เลยไม่คิดที่จะหลบ  แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะมีสัญชาตญาณว่าควรจะหลบอยู่บ้าง  แต่เขากลับไม่หลบ
                            “ หึ หึ อย่าดูถูกเจ้าโกจิเกินไปสิ ”
                                  คนที่พูดก็คือ จินเจ ชมรมขุนศึก ผู้มีไอคิวถึงร้อยแปดสิบ และเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในแก๊งเสียด้วย  แต่คราวนี้เขาอยู่ในฐานะตัวสำรอง        ที่เขาอยู่ในฐานะตัวสำรองก็คงเพราะว่าเขาไม่ค่อยอยากที่จะใช้กำลังสักเท่าไหร่  แต่ต้องการที่จะช่วยวางแผน และเก็บข้อมูลคู่ต่อสู้ให้ทีมแทนมากกว่า
                            ดูๆ แล้วจินเจต่างกับโกจิอย่างมากเลยทีเดียว  คนหนึ่งใช้สมองอีกคนหนึ่งใช้กำลัง  แต่จะเกิดอะไรขึ้นละถ้าทั้งสองมาร่วมมือกัน ?!
                                “ เอียงตัวทางซ้ายเดี๋ยวนี้ !!! ”
                                จินเจตะโกนสั่งโกจิจากทางด้านข้างเวที      โกจิเอียงตัวหลบดาบในทันที  ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วดาบในระดับนี้ยีงมีคนที่หาช่องโหว่ออกได้ 
                          จินเจดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่า  การจู่โจมของดาบต้องมีช่องโหว่  ยิ่งเป็นการโจมตีที่เกิดจากการชิงโจมตีอย่างรวดเร็วมักต้องใช้เวลาในการตัดสินใจในทันที  จึงมีช่องโหว่มากกว่าการโจมตีแบบตั้งสมาธิก่อน 
                          โกจิเมื่อเอียงตัวหลบไปทางซ้ายได้แล้ว  ดูเหมือนว่าไม่รู้จะทำยังไงต่อเช่นกัน  แต่จินเจก็พูดต่อทันที                   
                          “ หมุนตัวครึ่งรอบ และเตะใส่ทางข้างซ้าย !! ”
                              โกจิไม่รอหมุนหมุนตัวครึ่งรอบในทันที  ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กชายทีมเวรูด บอดี้ฟันพลาดไปอีกดาบ  คราวนี้การทรงตัวของเขาเสียเอียงไปทางเท้าซ้ายพอดี  ซึ่งก็ตรงตามที่จินเจคาดคำนวณไว้แต่แรกแล้วจริงๆ
                          โกจิก้มตัวลงพร้อมตวัดเท้าขวาใส่เท้าซ้ายของเด็กชายทีมเวรูด บอดี้ในทันที     
                          “ โครม !!! ”
                            เด็กชายทีมเวรูด บอดี้ลงล้มอย่างไม่เป็นท่าในทันที  ไลท์พอต์ยที่แขนลดลงจาก 3000 หน่วย  เหลือ  2800 หน่วยในทันที 
                        “ เอาละ ต่อไปที่เหลือนายจะทำยังไงก็แล้วแต่นายก็แล้วกัน ”
                            จินเจยิ้มอย่างมีชัย 
                        โกจิตั้งท่าจะจับตัวเด็กชายทีมเวรูด บอดี้ยกขึ้น  แต่ก่อนที่เขาจะทำนั้นจินเจก็พูดขึ้นว่า
                        “ แต่ถ้านายอยากจะลองใช้ท่าที่ฝึกมาดูก็ได้นะ  ถือว่าเป็นการซ้อมมือเล่นๆ ยังไงละ ”
                            โกจิยิ้มอย่างไร้สมอง  พร้อมกับกำมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันชูขึ้นสูงเหนือหัว  เด็กชายทีมเวรูด บอดี้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็พยายามที่จะลุกหนีแล้ว  แต่ก็คิดได้ว่าไม่น่าจะหลบทันจึงลองเสี่ยงกำดาบแน่นพร้อมกับเสือกแทงออกไปในทันที
                          “ เพ้ง !!! ”
                              ดาบในมือของเด็กชายทีมเวรูด บอดี้หักเป็นสองท่อนในทันที  ไม่น่าเชื่อว่าดาบที่หลอมจากเหล็กกล้าไม่สามารถทนทานการโจมตีจากกำปั้นคู่ของโกจิได้     
                          ในเมื่อขนาดดาบยังไม่สามารถทนได้ แล้วคนจะทนได้หรือ ?
                              คนย่อมทนไม่ได้เช่นกัน  กำปั้นพุ่งเข้าใส่ท้องของเด็กชายทีมเวรูด บอดี้  ซึ่งล้มอยู่กับพื้นเข้าอย่างจัง
                          ไลท์พอต์ยของเด็กชายทีมเวรูด บอดี้เหลือ 0 หน่วยในทันที      ไม่ว่าใครก็อดตะลึงไม่ได้กับกำปั้นคู่ของโกจิ    พลังอะไรจะร้ายแรงปานนี้ 
                        แม้แต่ดีว่ายังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ายอมรับ  ส่วนไซโคร แนชกลับแย้มยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยราวกับไม่กลัวเกรงกำปั้นนั้นเลยแม้แต่น้อย
                        “ โอ้วววว ไม่น่าเชื่อเลยครับ  ผู้เข้าแข่งขันโกจิสามารถจบการแข่งได้อย่างรวดเร็วมากครับ  พลังกำปั้นของเขานั้นช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมากเลยทีเดียว  นี่ถ้าไม่ได้ใส่ชุดเกราะป้องกันไว้แล้วละก็คงจะนึกสภาพไม่ออกเลยทีเดียวละครับ ”
                              เด็กชายนักประกาศเหลียวดูเด็กชายทีมเวรูด บอดี้ที่ยังคงนอนอยู่บนเวที สงสัยจะจุกเหมือนกันถึงแม้ใส่ชุดเกราะป้องกันแล้วก็ตาม    คิดแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ถ้าตัวเองต้องโดนเข้า
                        เด็กชายนักประกาศตั้งสติได้แล้วก็รีบประกาศต่อในทันที
                          “ และผู้ชนะการประลองคู่แรกก็ได้แก่ทีมเอ็ดดี้ครับ  ถ้าครั้งต่อไปทีมเอ็ดดี้ยังชนะอีกละก็  เขาก็จะเป็นฝ่ายชนะในทันทีคร๊าบบบบบบ ”
                          ก็อบหัวเราะ เฮอะ ก่อนที่จะเตรียมตัวก้าวขึ้นบนเวที 
                      “ การแข่งครั้งนี้นายไม่จำเป็นต้องช่วยเราหรอกนะ  แค่ทีมกระจอกๆ พรรคนั้นสบายมาก  ”
                          จินเจไม่ตอบ  จินเจคล้ายไม่ได้ยินที่ก็อบพูดด้วย  เขาเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย  แต่รอยยิ้มนั้นคล้ายกับพูดว่า    “ แล้วอย่าแพ้ขึ้นมาก็แล้วกันละ “ 
                         
                        “ เอาละครับ คู่ต่อไปเมื่อพร้อมแล้วละก็ขอให้ผู้เข้าแข่งขันขึ้นบนเวทีได้เลยครับ ”
                          เด็กชายนักประกาศกล่าว  พร้อมกันนั้นเด็กชายร่างใหญ่จากทีมเวรูด บอดี้ก็ก้าวขึ้นบนเวทีพร้อมกับขวานคู่ในมือ    ในขณะที่ก็อบยังคงยืนกอดอกอยู่ตรงข้างเวที         
                      เด็กชายร่างใหญ่รู้ว่า  เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด  เพราะถ้าเขาแพ้ครั้งนี้ก็หมายถึงว่า ทีมเขาจะต้องแพ้แน่นอน  เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เตือนว่าอย่าประมาทคู่ต่อสู้เด็ดขาด  แต่เมื่อมาเห็นท่าทางของก็อบแล้วเด็กชายร่างใหญ่ก็ถึงกับยิ้มขึ้นมาในทันทีพร้อมกับกล่าว
                      “ ฮ่าๆๆๆ  ที่แท้ก็กลัวจนไม่กล้าที่จะก้าวขึ้นมาเลยหรอไง    ถ้ากลัวมากก็สละสิทธิก่อนก็ได้นะ ”
                          ก็อบได้ยินดังนั้นก็เกิดน้ำโหขึ้นมาในทันที    ก็อบประสานมือสองข้างของเขา  ซึ่งเป็นท่าที่นินจาส่วนใหญ่ใช้เวลาที่จะใช้วิชา หรือคาถาต่างๆ
                      พริบตานั้นบังเกิดควันกลุ่มใหญ่ขึ้นร่างของก็อบก็หายไปเสียแล้ว     
                      เด็กชายร่างใหญ่ถึงกับตะลึงตะลานไปแล้ว  ก็อบไม่ได้อยู่บนเวที  งั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วละ ?
                          “ พึ่บ !!!”
                          “ ไม่ต้องห่วง แกไม่รอดแน่  ไอ้พวกสวะ ”
                          ที่แท้ก็อบกลับยืนอยู่ด้านหลังของเด็กชายร่างใหญ่ นานแล้ว    เด็กชายร่างใหญ่เมื่อได้ยินก็อบพูดเช่นนี้ถึงกับขนลุกทั้งกายในทันที  แต่ก็ยังพยายามกลั้นอารมณ์ไว้ได้
                      “ เหอๆ ใครกันแน่ที่ไม่รอด  คิดว่าเล่นกลเด็กๆ แค่นี้แล้วเราจะกลัวเรอะยังไง ”
                          ก็อบไม่ตอบ แต่ในพริบตานั้นเขาก็หายตัวไปแล้ว        ตอนนี้ก็อบยืนอยู่ตรงข้ามกับเด็กชายร่างใหญ่แล้ว         
                   
                        เด็กชายนักประกาศเมื่อเห็นท่าทีว่า  ทั้งสองคนนี้อยากจะสู้กันเต็มที่แล้วจึงรีบประกาศเริ่มการแข่งขันขึ้นในทันที 
                            “ เจ้าตัวใหญ่นั่นไม่น่าไปยั่วโมโหมันเลยให้ตายสิ  งานนี้ท่าทางศพจะไม่สวยเสียแล้ว  เฮ้อ อดแสดงฝีมือกันพอดีเรา ”
                            แซฟเบริน์ถอนหายใจพูด พร้อมกับส่ายหน้า  ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงทีมตรงข้ามมากว่าเพื่อนของตัวเองเสียอีก
                           
                              เมื่อได้ยินประกาศเริ่มการแข่งก็อบก็ไม่รอช้าแล้ว    เขาพุ่งตัวตรงไปยังเด็กชายร่างใหญ่ในทันที          ความเร็วของการพุ่งตัวนั้นเรียกได้ว่า  พัฒนามากกว่าครั้งแรกที่วาเห็นเสียอีก      เรียกได้ว่า  แทบจะเร็วกว่าดีว่าเสียอีก       
                          นี่หรือความสามารถที่แท้จริงของคนที่เรียกตัวเองว่า นินจา !!!
                              “ ปัก !! ”
                              เด็กชายร่างใหญ่ถูกหมัดของก็อบซัดเข้าใส่ท้องอย่างจัง  ถึงกับต้องกระเด็นลอยหมุนไปข้างหลังเลยทีเดียว  ขวานคู่ในมือทั้งสองข้างหลุดออกจากมือของเขาแล้ว
                      แต่ไม่ทันที่เท้าของเด็กชยร่างใหญ่จะสัมผัสพื้น    เขาก็ถูกซัดศอกใส่ก้านคอจากทางด้านหลังในทันที    ความเร็วในการลงมือของก็อบเรียกได้ว่า  รวดเร็วจนแทบจะมองไม่ทันจริงๆ
                      “ กระบวนท่าหมื่นเงาสังหาร !!!! ”
                    ร่างของเด็กชายร่างใหญ่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง    ร่างของก็อบคล้ายดังเงา  โผ่ลไปโผ่ลมาทางซ้ายทีขวาที บ้างก็โผ่ลมาจากด้านหลังโจมตีอัดใส่เด็กชายร่างใหญ่อย่างต่อเนื่อง   
                      วาเมื่อเห็นการโจมตีของก็อบในครั้งนี้  ก็เริ่มหมดความมั่นใจที่จะเอาชนะก็อบให้ได้แล้ว    เขาคิดว่าถ้าโดนอย่างนี้เขาคงจะไม่มีเวลาใช้กล หรือซัดไพ่ออกไปได้แน่นอน
                      “ โครม !! ”
                          เด็กชายร่างใหญ่ล้มลงกับพื้นแล้ว  แสดงว่ากระบวนท่าหมื่นเงาสังหารของก็อบใช้ออกจนครบกระบวนท่าแล้ว 
                      เด็กชยร่างใหญ่พยายามจะยันตัวลุกขึ้น  แต่แล้ว.........
                      “ ปัก !!! ”
                          เด้กชายร่าใหญ่ถูกเท้าข้างขวาของก็อบกดทับเอาไว้แล้ว    ไลท์พอต์ยของเด็กชายร่างใหญ่ในตอนนี้เหลือเพียงแค่  500 หน่วยเท่านั้น 
                      ก็อบจ้องมองมายังวา ซึ่งนั่งอยู่  พร้อมกันนั้นบนมือของเขาก็เพิ่มมีดสั้นนินจาขึ้นมาสามเล่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ 
                      สายตาของก็อบที่จ้องมองมายังวา  ราวกับต้องการจะพูดกับวาว่า  “ ดูไว้ซะ  ถ้าแกโชคร้ายมาเจอกับข้าเข้าละก็  สภาพของแกก็จะไม่ต่างกับเจ้านี่ ”
                            มีดนินจาถูกซัดออกแล้ว
                        มีดทั้งสามปักใส่บริเวณคอหอยของเด็กชายร่างใหญ่  ทำให้ไลท์พอต์ยของเด็กชายร่างใหญ่เป็น 0 หน่วยในทันที !
                            เด็กชายร่างใหญ่แม้ใส่ชุดเกราะอยู่ก็ตะลึงตะลานแทบจะเป็นลมพับไปแล้ว    การโจมตีของก็อบสมกับเป็นนินจาเสียจริงๆ  รวดเร็ว ไร้เงา และรวบรัด  แต่สำหรับว่าแล้ว ดูออกจะอำมหิตไปด้วยซ้ำ
                         
                              “ โอ้วววว  เป็นการลงมือที่รวดเร็วมากครับ  ไม่น่าเชื่อว่าผู้เข้าแข่งขันทีมเวรูด บอดี้ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็แพ้เสียแล้ว  และจากผลการแข่งขันคู่นี้สรุปได้ว่า  ทีมเอ็ดดี้ เป็นฝ่ายชนะคร๊าบบบบบบบบ ”
                              เสียงปรบมือดูเหมือนจะมากกว่าคู่แรกที่ประลองเสียอีก  ถึงแม้พวกแก๊งเอ็ดดี้จะไม่ใช่คนดี  แต่หลายคนก็อดทึ่งกับฝีมือของพวกเขาไม่ได้เช่นกัน
                           
                          “ เขาเก่งเหมือนกันนะครับเนี่ย  ถ้าต้องมาเจอกับทีมเราก็ท่าทางจะลำบากเหมือนกัน ”
                                ดีว่าหันมายิ้มให้กับวา  ท่าทีของดีว่าดูสงบมากถึงแม้จะพูดว่าจะลำบากถ้าต้องเจอกับทีมเอ็ดดี้ก็ตามที 
                          “ หวังว่าพวกเราคงไม่ต้องเจอกับทีมนั้นนะ  ยิ่งกับเจ้าก็อบด้วยเนี่ย ท่าจะต้องแย่แน่ๆ เลย ”
                              “ นี่เพิ่งจะการประลองคู่ที่สองเองนะ  ก็ไม่อยากจะสู้แล้วหรอ  อีกหน่อยนายต้องเจอพวกที่โหดกว่านี้อีกเยอะนะ  เข้มแข็งหน่อยสิ ”
                                โซเฟียพูดกับวา  ดูท่าทางคราวนี้เธอดูจริงจังมาก
                            “ ไม่หรอกครับ  คุณวาไม่ใช่คนที่จะท้อแท้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอกครับ    ผมรู้ว่าเขาเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเองจริงไหมครับ ”
                                  ดีว่าช่วยพูดแทนวาให้  ส่วนวานั้นได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มเท่านั้น        “ ดีว่านี่ช่างเป็นคนดีจริงๆนะ ”  วาคิดเช่นนั้น    แต่ก่อนที่วาจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น  เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ยินเด็กชายนักประกาศกล่าว 
                            “ ต่อไปเป็นการประลองคู่ที่สามระหว่างทีมเชน และทีมมิราเคิลคร๊าบบบบบบบบบบ !!!! ”
                                หา นี่เป็นตาที่เขาจะต้องประลองจริงๆ แล้วหรอเนี่ย    เขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะเนี่ย 
                                “ นี่ ทำไมไม่มีใครบอกเราเลยว่า เราจะประลองเป็นคู่ที่สามน่ะ ”
                                “ ก็เพราะไม่อยากให้คุรเด๋อตื่นเต้นยังไงละ ”
                                โซเฟียยิ้ม พร้อมกับแลบลิ้นแกล้งวา        จากนั้นเธอก็หยิบด้ามเพลิงอัคคีก็ถูกห่อด้วยผ้าอย่างมิดชิด พร้อมกับลุกขึ้น
                            ส่วนทางด้านดีว่า และไซโร แนชนั้นดูเหมือนกับว่าพร้อมตั้งแต่แรกแล้ว
                                “ ถ้าทั้งสองทีมพร้อมแล้ว ขอเชิญส่งตัวแทนมาทายหัวเรียญข้างบนเวทีได้เลยครับ ”
                                เด็กชายนักประกาศกล่าวอย่างรวบรัด 
                            วาเองก็ลุกขึ้นแล้วเช่นกัน  อาวุธของเขานั้นพร้อมอยู่แล้ว  ไพ่ทั้งสำรับของเขานั่นเอง  นั่นคืออาวุธเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้         
                            ดูๆ ไปแล้ววาเป็นคนที่ใช้อาวุธ และรูปแบบการโจมตีที่น่าจะแปลกประหลาดสุดในกลุ่มของเขาก็ว่าได้      ไซโคร แนช และโซเฟียต่างก็ใช้ดาบเป็นอาวุธ ซ้ำดาบของทั้งสองคนยังมีพลังพิเศษแอบแฝงอยู่ด้วย        ส่วนดีว่านั้นก็ใช้กระบี่ที่ดูธรรมดาเล่มหนึ่ง  แต่กระบี่เมื่ออยู่ในมือดีว่าก็ไม่ใช่กระบี่ธรรมดาแล้ว
                              แล้วอาวุธของวาจะมีอะไรที่พิเศษเหมือนของเพื่อนร่วมทีมของเข้าบ้างไหม ?
 
                                วาสลัดความตื่นเต้นออกไปจากตัว  พร้อมกับค่อยๆลุกขึ้น  ตาของเขามองตรงไปงยังข้างหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น  พร้อมกับกำสำรับไพ่ของเขาไว้แน่น   
                                ไซโคร แนชมองดีว่า โซเฟีย และวา  เมื่อเห็นว่าทั้งหมดพร้อมแล้วก็เอ่ยคำ
                                “ เอาละในเมื่อพร้อมแล้วละก็.......... ”
                                  พร้อมกับชีนิ้วไปข้างหน้า
                                “ ไปลุยกับมันได้เลย !!!”
                                   
                                                      _____________________________________________
                           
                                 
                             
             
                               
                                                       
                 
                       
 
                           
                           
                           
                         
                         
                       
                       
                         
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น