ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [B2ST,MBLAQ]รักต่างพันธุ์ของอสูรน่ารักกับนายแวมไพร์หน้าหล่อ

    ลำดับตอนที่ #28 : Lovely Beast 24 : Chapter 22 จดจำ ต่อจากนี้และตลอดไป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      0
      13 พ.ย. 58

     

     



     
    FARRY' 25




    Chapter 22

    จดจำ ต่อจากนี้และตลอดไป...

     

     

    [Special Talk :Leejoon]

    “เออเค! งั้นมึงก็เตรียมตัวได้เลยไอ้จุน!!!

    “เห้ย!! พี่ชาย! / เห้ย!! ไอ้ซึงโฮ!!

    ตายห่าแน่ๆ ครับ... ตายชัวร์ๆ ไม่มีวัวผสมเลย(?) ตอนนี้ผมลีจุน... นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโซฟากลางบ้านยัง ที่มีพ่อของซึงโฮ ยังซึงโฮ และ ยังโยซอบน้อยของผม ... (ยังจะเล่น) สายตาทั้งสามมองมาที่ผมด้วยแววตาที่แตกต่างกันออกไป คุณพ่อตา กับ ซึงโฮนี่จ้องผมนิ่งมาก จนเพิ่มเริ่มคิดแล้วว่า กูจะรอดมั้ยเนี่ย T_T ส่วนยังโยน้อยของผมก็มองด้วยสายตาอยากช่วยเต็มที่ แววตาใสประกายเพราะน้ำตาที่คลออย่างน่าสงสาร พลางกอดแขนไอ้ซึงโฮไปด้วย ราวกับว่ากลัวว่าพี่ชายของตัวเองจะพุ่งมาทำอะไรผมอย่างไงอย่างงั้นแหละ

    “มึงจำไม่ได้ เรื่องที่มึงเป็นคนแรกของน้องกูจริงดิ ไอ้จุน” ไอ้ซึงโฮเปิดบทสนทนาก่อนคนแรกด้วยแววตานิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดใด

    “พี่ชาย คือลีจุนเมา...แล้วเค้าก็หนีด้วย ลีจุนจำไม่ได้ เค้าผิดเอง อย่าทำอะไรลีจุนเลยนะ” ยังโยน้อยพูดกับพี่ชายตัวเองเสียงสั่นด้วยความกลัว อ่า...ทำไมถึงปกป้องผมขนาดนี้นะ

    นี่ถ้าเป็นคนอื่น ผมทำเหี้ยๆ ขนาดนั้นคงจะถีบส่งผมไปลงนรกละ

    แต่เพราะเป็นยังโยซอบ เป็นโยซอบถึงได้เป็นแบบนี้

    ห่วงคนอื่นจนไม่ได้สนใจเลย ว่าคนอื่นเคยทำให้ตัวเองเจ็บปวดขนาดไหน

    “เราเงียบไปเลยโยซอบ พี่ต้องการคำตอบจากไอ้จุน ไหนว่ามาสิ จะให้น้องกูปกป้องมึงอีกนานมั้ย”

    น่าน...ซึงโฮก็ยังเป็นซึงโฮ กัดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่คำพูดนี้ อื้อหือ แทบอยากจะกระโดดไปเป็นแมงดาเลยครับ =_=

    “เออ กูยอมรับ กูจำไม่ได้ กูเมาตั้งหลายครั้ง แล้วทุกครั้งที่เมาก็มีหิ้วติดมือมาทุกครั้งแหละ แล้วกูจะจำได้มั้ยละว่าคนไหนน้องมึง”

    พอผมพูดจบร่างเล็กกว่าของโยซอบก็หันใบหน้าหนีไปทางอื่นพลางกัดปากแน่นราวกับกดกลั้นความน้อยใจเอาไว้อยู่เต็มอก

    “มึงมันเหี้ย..” ซึงโฮว่าเสียงนิ่งๆ แต่แววตานี้แอบมีแววโรจน์เล็กน้อย...

    “เออ! แต่กูยอมรับหน้าด้านๆ เลย กูจำสัมผัสได้ ถึงแม้จะจำเหตุการณ์ไม่ได้”

    “...”

    “กูจะไม่พูดให้ดูดี กูจะพูดความจริงกับมึงเลยนะไอ้ซึงโฮ ตั้งแต่กูมีน้องมึง กูไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นกิ๊กเก่ากู ใครก็ตามที่กูเคยมี กูยอมรับอย่างลูกผู้ชายเหี้ยๆ เนี่ยแหละ กู-รัก-น้อง-มึง มีแค่น้องมึง คิดถึงแต่น้องมึง”

    “แล้วถ้ากูบอกว่ากูไม่ให้มึงคบกับน้องกูละ?”

    มึงห้ามกูไม่ให้คบได้ แต่มึงห้ามกูไม่ให้รักน้องมึงไม่ได้วะ

    “ละ ลีจุน...” โยซอบเรียกชื่อผมเสียงสั่น โอเค...มันอาจจะดูไม่จริง เพราะผมไม่เคยพูดว่าผมรักโยซอบ ผมไม่เคยพูด ทำอย่างเดียว(อ้าวแก พ้นเรื่องใต้สะดื้อนิดนึงนะ :อวคบอ) แต่คุณรู้ใช่มั้ยครับ ผู้ชายเจ้าชู้แม่งมันพูดคำว่ารักง่าย แต่เมื่อไหร่ที่มันไม่พูด นั่นล่ะ ความรู้สึกของจริง

    “หึ...ว่าไงครับพ่อ” ซึงโฮยิ้มมุมปากแล้วก็หันไปมองใบหน้าผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ส่วนผู้เป็นพ่อก็มองกลับด้วยแววตายิ้มได้

    “ขอให้จริงอย่างที่พูดละกัน ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกชายคนเล็กของฉันร้องไห้เข้ามากอดฉันเมื่อไหร่ นายจะไม่ได้เจอหน้าลูกฉันอีกเลย บอกได้แค่นี้แหละ”

    หมายถึงให้คบกันหรอ? ง่ายไปปะวะ

    “กูกับพ่อตกลงกันไว้ ว่าถ้ามึงแสดงความจริงใจออกมาไม่ว่าจะวิธีการไหน กูกับพ่อก็จะให้มึงคบกับน้องได้ แต่เวลาไปไหนมึงต้องบอกก่อนว่าจะพาไป กูจะไม่ให้น้องกูไปนอนคอนโดมึง นอนบ้านนี้แหละ มึงคิดถึงน้องกูมึงก็มาหาน้องกูที่บ้าน ทำให้มันเปิดเผยไปเลยว่ามึงจริงจังกับน้องกู คบน้องกู พาน้องกูเรียนอย่าพาน้องกูไปเสีย”

    ซึงโฮสั่งเสียยืดยาว จนผมนี้มึนตึ้บ แต่ก็พอจะเข้าใจบ้างว่ามันต้องการสื่ออะไร แต่ก็นะ...คุณคงสงสัยว่าทำไมพ่อของไอ้ซึงโฮถึงดูไม่โกรธ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชาย คุณยังน่ะ เขาเป็นคนไม่ซีเรียส เพราะเขาเชื่อมานานแล้วว่าจะเพศไหนแม่งก็รักกันได้ รักมันไม่ได้อยู่ที่เพศแต่อยู่ที่ความรู้สึกของคนสองคนมากกว่า และ ซึงโฮมันจะคบกับฮยอนซึงด้วยแล้ว...แน่นอนคนอย่างมันไม่เคยปิดบังพ่อมันหรอก เพราะตั้งแต่คุณนายยังเสียชีวิต ไอ้ซึงโฮก็เหลือพ่อมันแค่คนเดียว...

    “มึงรู้ใช่มั้ยวะ กว่าพวกกูจะได้น้องคืน มันยากแค่ไหน ยอมให้มึงมาเอาไปง่ายๆ มึงก็อย่าเอามาคืนง่ายๆ ละกัน กูรักน้องมากแค่ไหนมึงน่าจะรู้ มึงอยู่กับกูมานานมึงรู้ว่ากูพยายามตามหาน้องแค่ไหน...กูเชื่อว่ามึงจะเข้าใจความรู้สึกกูกับพ่อ”

    “พี่ชาย...พ่อฮะ”

    โยซอบมองหน้าทั้งคู่พลางพึมพำเสียงสั่น น้ำตาที่พยายามกลั้นไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนสิ เป็นใคร ใครก็ร้อง โยซอบห่างครอบครัวมาเป็นสิบยี่สิบปี พอได้เจอครอบครัวจริงๆ แล้วรู้ว่าเขาตามหาตัวเอง รู้ว่าเขารักตัวเองมากแค่ไหน เป็นใคร...ใครก็ต้องดีใจทั้งนั้นแหละ...

    “แล้วก็ถ้าแม่กับพ่อมึงกลับมาจากอังกฤษแล้วอะ มึงบอกด้วย พ่อกูอยากจะนัดดินเนอร์กันสองครอบครัว”

    “เออได้ เดี๋ยวกูบอกแม่ให้”

    พอตกลงกันเสร็จซึงโฮก็ออกไปบริษัทกับคุณยังเพื่อไปทำงาน ปล่อยผมอยู่กับโยซอบและบรรดาแม่บ้านสองคน...พวกผมเลยย้ายเข้ามานั่งที่โซฟาในห้องนอนของโยซอบ เจ้าตัวเล็กก็นั่งข้างๆ ผมด้วยท่าทีเขินๆ ผมยิ้มขำๆ ก่อนจะเขยิบไปใกล้ๆ เขา

    “ละ ลีจุนเขยิบเข้ามาทำไม”

    “ทำไม เข้าใกล้แฟนไม่ได้หรอครับ” ผมพูดพลางมองหน้าอีกคนยิ้มๆ ตอนนี้ผมอยากพูดอะไรผมก็จะพูด มันไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วนี่ครับ

    “...” ฉ่า -///////-

    ผมมองใบหน้าน่ารักอีกคนที่เริ่มขึ้นริ้วแดงๆ ที่แก้มลามไปยันกกหูอย่างยิ้มๆ เขินยังน่ารักจริงๆ เลยน้า แฟนผมครับ แฟนผม (เห่อจริงๆ เลย :อวคบอ) แต่แล้วผมก็ยกมือตัวเอาขึ้นแตะที่ขอบตาอีกคนเบาๆ ด้วยความที่โยซอบเป็นคนผิวขาวและบางมาก ทำให้เวลาร้องไห้ ก็แก้มแดง จมูกแดงไปหมด ไม่พอนะตาบวมๆ นั้น เห็นแล้วสงสารจริงๆ...

    “ตาบวมมากเลย ขอโทษนะทำให้ร้องไห้กี่ครั้งเนี่ย”

    “...”

    “ฉันขอโทษ ที่จำคืนวันนั้นไม่ได้” ผมบอกออกไปอย่างรู้สึกผิด คืนวันนั้นคงเป็นคืนวันที่โยซอบเจ็บปวดที่สุดแน่ๆ เขาถึงพร่ำเพ้อตอนเมามากขนาดนั้น จริงอยู่ที่พอผมได้สัมผัสเขาถึงได้คุ้นมือบ้าง แต่...เหตุการณ์วันนั้นเหมือนถูกลบออกจาสมองไปเฉยๆ ซะแบบนั้น...

    “ไม่เป็นไร อย่างน้อย...ทุกคืนต่อจากนี้ ลีจุนก็จะจำเค้าได้” คำพูดที่พูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย ทำให้ผมหน้าชาทันทีด้วยความอึ้ง...

    นะ น่ารัก...ใครสอนให้พูดจาแบบนี้เนี่ย...

    เหมือนจะกลายเป็นผมที่เริ่มเขินนิดๆ กับท่าทางน่ารักของอีกฝ่าย ผมมองริมฝีปากอีกคนที่เม้มปากเข้าหากันเพราะความเขินอาย อยากสัมผัส...คิดได้ดังนั้นผมก็จับปลายคางอีกคนขึ้นมาก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั้น พลางดูดเม้มเบาๆ อย่างทะนุถนอม คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าหลับตารับสัมผัสจากผมอย่างเต็มใจ เราขยับตัวเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ผมเริ่มเร้าริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ... แต่ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรออกและเป็นฝ่ายผละออกจากผมเบาๆ

    “ดะ เดี๋ยวลีจุน...มะ มันยังกลางวันแสกๆ อยู่เลยนะ” โยซอบก้มหน้าหงุดๆ มุดกับอกของผมอย่างเขินอาย ผมหัวเราะออกเบาๆ กับคำพูดของเขา

    ความจริงก็ไม่ได้จะทำอะไรมากกว่าจูบหรอก...

    ...แต่ถ้าเด็กยอมก็ถือว่าเป็นกำไรละกัน...

    “รู้แล้วครับ ไว้คืนนี้...รอก่อนนะครับ มันจะดีมาก”

    “-///////-“

    “ครั้งแรกหลังจากเป็นแฟนกันน่ะ...”

    “ละ ลีจุนบ้า..”

    โอ้ย น่ารัก ! ผมว่าผมชักจะหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วครับ!

    ก็เด็กมันน่ารัก...ทำไงได้ละจริงมั้ย J

    [Lee joon Talk End]

     

    [Park Yuhwan : TALK]

    (แกรรรรรรร๊ แง้ ดูสิ ดูไอ้มืดมันทำสิ!)

    “ดูจุนทำอะไรเธอก็พูดมาสิฮโยจิน เธอบ่นคำนี้มาเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

    ครับ...ฮโยจินเพื่อนสาวคนสนิทของผม โทรมาหาผมตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว พอผมรับสายปุ๊บเธอก็บ่นเรื่องของดูจุนยาวมาก ยาวสุดๆ ยาวแบบ...มีแต่คำว่า แกรรรรร๊ ดูไอ้มืดมันทำสิ! ที่ผมรู้ว่าเป็นดูจุนทั้งๆ ที่เธอพูดแค่นี้น่ะหรอ ก็เพราะว่าเธอเรียกคนคนหนึ่งว่ามืด หรือ ดำ มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละครับ คือ ดูจุน 

    และก็อย่างที่รู้ๆ กัน นอกจาก พี่บี้ ของเธอแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ทำให้เธอคิดมาก หรือ โมโห หรือน้อยใจได้มากเท่ากับยุนดูจุนอีกแล้วละครับ...ขนาดผมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งเพื่อนและคู่จิ้นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมยังทำให้ยัยนั้นเป็นเดือดเป็นร้อนมากขนาดนี้ไม่ได้เลย แอบอิจฉาเล็กๆ นะ...ไม่สิไม่ใช่อิจฉา แต่รู้สึกเหงามากกว่า ....

    เพื่อนผมเหมือนจะเป็นฝั่งเป็นฝาอีกคนซะละ แต่ผมกลับย้ำอยู่ที่เดิม ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารักมันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ตัดใจสักที ในระหว่างที่ผมถือโทรศัพท์แนบหู สายตาของผมก็ไปสะดุดกับกรอบรูปสีน้ำตาลไม้ ลุคออกเรียบๆ เข้ากับสีห้องสีขาวของผมได้เป็นอย่างดี กรอบรูปที่วางคว่ำหน้าลงอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงของผม มันเป็นกรอบรูปที่ใส่รูปของใครบางคนไว้อยู่ มันวางคว่ำไว้แบบนั้นตั้งแต่ผมไปอเมริกา มันก็วางอยู่แบบเดิม แบบนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดบ้าง แต่เขาคงไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ เขาเลยทำความสะอาดแต่วางกรอบรูปไว้แบบเดิม...

    (ริคกี้! ฟังอยู่มั้ยเนี่ย) เสียงหวานพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์

    “เออฟังอยู่ จะขึ้นเสียงทำไมเนี่ย บอกกี่ครั้งละว่าอย่าเรียกริคกี้”

    ผมบ่นอย่างไม่จริงจังอะไร แต่ผมก็ได้ยินเสียงหายใจฮึดฮัดอย่างขัดใจดังมาจากปลายสาย ยัยเพื่อนคนนี้ของผมเกลียดการโดนเมินมากที่สุด ใครไม่ฟังเธอนี่มีเหวี่ยง

    (ช่างมันเหอะ ปวดหัวจะคิดละ เดี๋ยวพรุ่งนี้อะ ฉันไม่ว่างนะอาจจะไม่ได้ซื้อของไปให้ที่คอนโด ฉันจะฝากเพื่อนไปให้ละกันนะ)

    “อืม ความจริงเธอไม่ต้องมาดูแลฉันก็ได้นะ มีของพวกนี้ไปฉันก็ไม่ค่อยได้ทำอยู่แล้ว ฉันเป็นหมออย่างลืมสิ ไม่ค่อยมีเวลามาทำอะไรแบบนี้หรอก”

    (ค่ะ! คุณหมอ เป็นคุณหมอก็ต้องรักษาสุขภาพนะคะ ไม่ใช่กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรละ แค่นี้ก็ผอมจะแย่แล้วค่ะ!)

    ยัยนั้นประชดผมเสียงแหลม ทำเอาผมแทบจะหลุดขำออกมาเช่นกัน ครับ ตั้งแต่ที่ยัยนั้นกลับมาจากบ้านพักต่างอากาศของเพื่อน ก็ติดต่อหาผมทันที ผมไม่ค่อยว่างเลยบอกให้เธอมารอที่คอนโดและให้พนักงานต้อนรับเอาคีย์การ์ดสำรองมาให้เธอ เพื่อที่จะได้มานั่งรอผมบนห้อง แต่ผมกลับมาคอนโดถึงกับต้องผงะ คอนโดผมทุกอย่างถูกจัดเข้าที่อย่างเป็นระเบียบมาก ในตู้เย็นก็เต็มไปด้วยของสด แทนที่จะเป็นอาหารสำเร็จรูป

    เป็นหมอภาษาอะไร ไม่ดูแลสภาพแวดล้อม และสุขภาพการกินสักนิด ขอโทษนะที่ก้าวก่ายทำให้โดยพละการ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ กลัวเพื่อนจะเป็นมะเร็งตายเพราะรามยอนซะก่อน!’

    เพื่อนผมน่ารักใช่มั้ยละ J

    ยัยนั้นถึงแม้จะชอบทำอะไรโผงผาง ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับคนรอบข้างอยู่ดี ตั้งแต่นั้นมายัยนั้นเลยมาห้องผมจัดการนัดนี้ให้ตลอด รวมถึงทำกับข้าวไว้ให้ตอนผมอยู่ด้วย ตอนผมไม่อยู่ยัยนั้นก็ทำเสร็จก็ซีนพาสติกไว้ให้ผมมาอุ่นกินเอาเอง จนลุงยามข้างล่างคอนโดผมคิดว่าเธอเป็นแฟนผมกันหมดแล้วละ

    “รู้แล้วหน่า พรุ่งนี้วันหยุดฉัน! ฉันจะนอน บอกให้เพื่อนเธอมาไม่ต้องเช้ามากก็ได้นะ เธอให้คีย์การ์ดเพื่อนเธอไปเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องลงไปรับ”

    ครับ คอนโดผมเป็นอะไรที่รักษาความปลอดภัยแน่นมาก ถ้าคนมาเยี่ยมเจ้าของห้องไม่ลงไปรับเอง ก็ไม่ได้ขึ้นมาครับ เขาจะติดต่อเจ้าของห้องก่อนทุกครั้งที่มีคนอ้างว่ามาหา เขาจะให้ขึ้นห้องมาได้ก็ได้เมื่อเจ้าของห้องบอกเองว่าให้พาขึ้นมาได้เลย กับต้องลงไปรับเองครับ ซึ่งถ้าวันหยุดแล้วผมจะพักผ่อน ก็ไม่แปลกใช่มั้ย ถ้าไม่อยากลงไปรับใคร เพราะยัยฮโยจินทำเป็นเรื่องปกติเกี่ยวกับเรื่องคอนโดผมอยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ถ้าเพื่อนของเธอจะมาทำหน้าที่แทน

    (ได้ ฉันจะให้คีย์การ์ดเพื่อนฉันไป แกอย่าหัวใจวายก่อนละกัน บรั้ย)

    ติ๊ด!

    “อ้าวเห้ย ฮัลโหล! ฮโยจิน! ยัยทอม!

    วางไปซะละ อะไรคือหัวใจวาย เพื่อนยัยนั้นแค่เอาของมาให้ไม่ใช่หรอ ทำไม...ผมต้องขนาดหัวใจวายด้วย เออ ช่างเถอะไปนอนดีกว่า...วันหยุดทั้งทีจะนอนให้เต็มอิ่มเลย ทั้งอาทิตย์มานี้ผมเข้าเวรดึกตลอด แถมแลกเวรกับเพื่อนบ่อยด้วย เลยเหนื่อยเป็นพิเศษ....นอนดีกว่า

    คิดดังนั้นผมก็วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วเอื้อมมือไปปิดโคมไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที โดยไม่ได้คิดอะไรเลยอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยด้วยแหละมั้งที่ทำให้ผมหลับทันทีที่หัวถึงหมอน...

     

     

    วันต่อมา 11.45 AM.

    นั้นกลิ่นอะไรน่ะ....

    หอมชะมัด...

    ผมทำจมูกฟุดฟิดราวกับว่าพยายามจะค้นหากลิ่นหอมๆ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะค่อยๆ ลืมตาเล็กน้อย พลางขยี้ผมเบาๆ เหมือนคนเพิ่งตื่น มองภาพตรงหน้าเบลอๆ ด้วยความที่เพิ่งตื่น ก่อนผมจะสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไปให้พ้น

    ไหน ฮโยจินบอกว่าไม่ว่าง...

    ผมลุกเดินจากเตียง ผมเปิดประตูออกพลางเดินโซซัดโซเซไปเกาะขอบประตูครัวไว้ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงง่วงๆ จากบุคคลตัวเล็กๆ ที่ยืนหันหลังทำกับข้าวอยู่ในครัว

    “หาว...ยัยทอม ไหนบอกไม่ว่างวะ” ผมหลับตาลงเดินเข้าไปยืนข้างๆ ร่างบางก่อนจะใช้แขนเท้าเคาเตอร์อีกฝั่งทำให้อกผมไปชิดกับแผ่นหลังเธอเล็กน้อย ผมกับเธอสนิทกันมากจนเรียกได้ว่าถึงใกล้ชิดแบบนี้ก็แทบจะไม่หวั่นไหวต่อกันด้วยซ้ำ

    “ทำอะไรกินวะ โอ้ยง่วง” ผมเอ่ยถามเธอพร้อมกับบ่นๆ เล็กน้อยพลางสะบัดหัวอย่างง่วงๆ

    “แกงกิมจิ หอมใช่มั้ย ^_^

    เอ๊ะ ไม่ใช่เสียงฮโยจินนี่ คิดได้ดังนั้นผมก็ลืมตาขึ้นมามองคนที่อยู่ข้างๆ ผมทันที...

     

    ปัง! โอ้ย!

    ผมถอยหลังอัตโนมัติเมื่อเห็นคนตรงหน้า ถอยไม่ได้ระวังจนหัวไปโขกเข้ากับตู้ชั้นบนในครัวทำให้ผมเสียหลักหงายหลังลงนั่งอยู่กับพื้นทันที ดวงตาผมมองคนตรงหน้าอย่างอึ้ง โดยที่ ณ เวลานั้น ผมไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลย...

    (ได้ ฉันจะให้คีย์การ์ดเพื่อนฉันไป แกอย่าหัวใจวายก่อนละกัน บรั้ย)

    เสียงดังมาตามสายโทรศัพท์ ของยัยฮโยจินเมื่อวานนี้แทรกเข้ามาในหัวผมทันที แม่ง...ทำไมไม่คิดวะ! ยัยตัวแสบ!

    “จะ เจ็บมั้ย” ร่างบางตรงหน้าผมด้วยแววตาตกใจ เธอก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ พลางแปะมือลงบนหัวผมบริเวณที่โขกกับตู้ชั้นบนเมื่อกี้ พลางเบ้หน้าแสดงอาการเหมือนเจ็บแทนผม

    “มะ ไม่...ฉันไม่เป็นไร”

    “อะไร ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย จำฉันไม่ได้หรอริคกี้...ดาร่าไง^^

    ก็เพราะว่าเป็นเธอไง ถึงต้องตกใจน่ะ...

    ยัยฮโยจินเล่นผมแล้วละ เพราะเพื่อนเธอที่ว่าคือดาร่า...

    ทำไมผมไม่คิดนะว่ายัยนั้นมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว

    โง่แบบนี้เป็นหมอได้ไงวะยูฮวาน! T_T

    “...” เมื่อผมมองหน้าเธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ทำให้หน้าใสของคนตรงหน้าเริ่มแสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมาทันที เธอชักมือเธอกลับไปพลางหลุบตาลงต่ำและกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างเป็นกังวล ผมมองเธอที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างเลิกลั่ก คนบ้าอะไร ทำหน้าแบบนั้นยังสวยเลย...

    ไม่คาดฝันจริงๆ ว่าผมจะได้เจอกับเธอ...หลายปีที่ผ่านมาที่ผมพยายามตัดใจจากคนตรงหน้า...มัน...มัน...

     

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

     

    มันพังลงไปแล้วละครับ...

     

    [Park Yuhwan Talk : End]

     
    122.gif Evil Quartz (Brow eye)122.gif


    มาแล้วววว ฮ่าๆ พยายามแบ่งเวลาอัพทุกเรื่องพร้อมๆ กัน
    ฮ่าาา มีตัวละครมาอีกละ ทำไมมันเยอะจัง ฮ่าๆๆๆ
    แต่สัญญาคู่สุดท้ายแล้วค่ะ ไม่อยากให้เจ๊ดาร่าไร้คู่ ก๊ากกก
    ฝากด้วยน้าาา เอ็นจอยรีดดิ้งนะคะ <3

    รักคนอ่าน รักคนเม้นต์ รักคนโหวต รักคนติดตามมากเลยน้า <3

    1 เม้นต์ = 1กำลังใจนะคะ
    อย่าอ่านแล้วไม่เม้นกันเลยนะ ขอกำลังใจด้วยน้า อิอิ

    นักอ่านคนไหนเห็นว่าอีไรเตอร์คนนี้หายไปนาน ตามได้ค่ะ
    ในทวิต (ไรเตอร์สิงบ่อย -..-) หรือจะในฟิคก็ได้ค่ะ 5555
    ทวิตของไรเตอร์ @Qmimiz_
     ค่ะ

    เรื่องนี้แต่งสมัยนานมาก ฮ่าๆๆๆ
    ถ้าอยากจะเม้าท์กันก็แท็ก #อสูรน่ารักแวมไพร์หน้าหล่อ
    ได้เลยนะค่าาาาาา


    อย่าลืมนะค่ะ ทุกหนึ่งเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ได้ค่ะ!
    รักคนอ่านทุกคนนะค่ะ ขอให้สนุกกับเนื้อเรื่องด้วยนะค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×