คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Lovely Beast 19 : Chapter 17 พี่น้องพลัดพราก
Chapter 17
พี่น้องพลัดพราก
[Part : Yoseob x Leejun]
“เออ...กูรู้แล้ว...รีบอยู่ เออ...แค่นี้นะกูขับรถอยู่”
โยซอบเหลือบมองลีจุนที่รับโทรศัพท์เป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ เหมือนลีจุนจะไม่รู้ว่าทุกคนนัดกันไปที่บ้านพักต่างอากาศของบยองฮีกัน เรากำลังจะสายเพราะทุกคนไปถึงที่หมายกันหมดแล้ว มีแต่โยซอบกับลีจุนรีบตาเหลือกกันอยู่สองคน
โยซอบน้อยโดนรังแกไม่พอ ยังโดนลากมาอีก...ยังเจ็บสะโพกอยู่เลย ตั้งแต่โยซอบนอนกับลีจุนครั้งแรก ครั้งนั้นก็ไม่ขึ้นเตียงกับใครอีกเลย ถึงจะเกือบๆ กับดูจุน แต่ดูจุนก็ไม่ได้ทำอะไรเขา เขารู้ดูจุนชอบแกล้งเขา....จะกดชาวบ้านเขาแล้วยังจะมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก และเมื่อดูจุนผละออกจากเขาและหัวเราะดังกากที่เขาโวยวายหน้าเหวอ ทำให้เขารู้ว่าโดนแกล้งเข้าแล้วไง ดูจุนชอบแกล้ง กีกวังปกป้องเขา ช่างเป็นครอบครัวที่สร้างความสมดุลได้ดีจริงๆ
ครั้งนี้ลีจุนเล่นไปกี่รอบเขาก็ไม่อาจนับได้ (ไม่สนใจจะนับต่างหาก) เขาแทบจะเดี้ยงแล้วเนี่ย เหนื่อยก็เหนื่อยตาก็จะปิดอยู่แล้ว
“ง่วงก็นอน ถึงแล้วเดี๋ยวฉันปลุก”
“อื้อ ^^ งั้นเค้าขอนอนก่อนนะ”
ไม่นานนักโยซอบก็หลับปุ๋ยทันทีที่หัวพิงกับเบาะรถ ลีจุนที่ขับรถอยู่หันมามองแวบหนึ่งอย่างขบขัน...
.... หน้าคุ้นชะมัด...แต่ทำยังไงก็นึกไม่ออกแหะว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า...
...สัมผัสตอนอยู่บนเตียงก็คุ้นมือคุ้นกับร่างกายเขาอย่างบอกไม่ถูก...
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว...เขาเคยเห็นใบหน้าน่ารักนี่ที่ไหนนะ...
ลีจุนส่ายหัวเบาๆ ไล่ความคิดออกไปก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถก่อนที่รถจะชนคันข้างหน้าซะก่อน เขาเพิ่งจะรู้หลังจากตื่นขึ้นมาประมาณเที่ยงๆ เพราะเขาเพิ่งจะเปิดเมลเปิดมือถือ บยองฮีก็รู้ดีว่ากลางคืนเขาจะปิดมือถือเวลาโทรมาเลยไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เลยส่งอีเมลมาแทน คงคิดว่าเขาจะเปิดตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ แต่เปล่าเลย...เขามัวแต่หลงมัวเมากับร่างกายโยซอบโดยไม่เปิดดูอะไรสักอย่างกว่าจะเสร็จก็เกือบสายแล้วก็หลับไปเพราะความเพลียกว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยงเพราะเสียงโทรศัพท์คอนโดดังขึ้น เลยได้รู้ว่าเขาสายแล้ว โชคดีนะที่ตารางงานของเขาเลื่อนไปอาทิตย์หน้าหมดเลย เลยมีเวลาพาโยซอบไปด้วย
คราวนี้เหมือนว่าจะพาตัวประกันทุกคนมาเจอกัน...รางสังหรณ์แปลกๆ แหะ...ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโยซอบ...ระแวงแปลกๆ เหมือนจะมีอะไรมาทำให้ปวดหัว...
หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ...
[Part : end]
Seungho’s part
ร่างสูงเดินไปมาด้วยอาการกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก...จุดประสงค์การพาทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านพักของบยองฮีครั้งนี้...พ่อของเขาต่างหากที่เป็นคนนัด ตั้งแต่แม่ตายไปเขาไม่เคยรู้เลย...ว่าพ่อคิดอะไรอยู่...เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มแวมไพร์...ใช่...แต่พ่อใหญ่กว่าเขาซึ่งเป็นคนสั่งการทุกอย่างลงมา
“ซึงโฮ...นายช่วยเลิกเดินไปเดินมาสักทีได้ไหม...ปวดหัว”
ซึงโฮเหลือบมองนางอุษาของเขาพลางถอนหายใจก่อนจะนั่งลงข้างๆ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องพักของบ้านบยองฮีแล้ว
“คืนนี้ฉันขอไปนอนกับดงอุนได้ไหมอะ...”
ขวับ...
หันขวับเชียวนะ L
“ไม่ได้...”
“ทำไมอะ...”
“เดี๋ยวถ้าพวกนายวางแผนหักหลังพวกฉันจะทำยังไง”
“ซึงโฮ! นายเห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย”
“...”
“ถามหน่อย...ที่ผ่านมามันไม่ทำให้นายเชื่อเลยเหรอว่าฉันจะไม่หนีไปไหน”
“...”
“เวลานายหลับนายเผลอฉันจะหนีก็ได้”
“หนีไม่ได้...นายเลยไม่หนีต่างหาก”
ก็จริง...แต่ถ้าเขาจะหนีแม้แต่ซึงโฮก็ไม่รู้หรอก
“นายไม่เคยเชื่อใจฉันเลยใช่ไหม...ฉันขอละ...ฉันคิดถึงดงอุน...ฉันอยากนอนกอดน้องชายฉัน”
“นอนกอดฉันมันไม่พอหรือไง...”
“มันไม่เหมือนกัน...เอ๊ะ...หมายความว่ายังไง...นี่อย่าบอกนะว่าหวงอะ”
ตรงไปนะบางที -/////- ซึงโฮหน้าแดงกล่ำอย่างเขินๆ เล่นเอาฮยอนซึงอยากจะกรี๊ด...น่ารักจังเลย...
“อะแฮ่ม บรรยากาศมันออกจะชมพู้ชมพูเนอะว่ามะ...ให้ฉันบอกมัมให้มากำจัดมดให้เปล่า”
ฮยอนซึงหันไปทางต้นเสียงก็เห็นบยองฮียืนพิงประตูห้องส่งสายตาล้อเลียนมายังซึงโฮและฮยอนซึง
“อย่ามาแซวไอ้หนวดมัจจุราช =_=///”
อ่อคนนี้เองหนวกมัจจุราช...กิ๊กของจุนฮยองนั้นเอง เมะของเมะของเขา(?)
“กูจะมาบอกว่าพ่อมึงมาแล้วนะ รออยู่ในห้องทำงานน่ะ...”
ฮยอนซึงเหลือบมองซึงโฮที่จู่ๆ ก็หายใจเฮือกใหญ่
“อื้ม...เดี๋ยวกูลงไป”
ซึงโฮลุกจากโซฟาก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปหาพ่อของเขา เปิดประตูห้องทำงานไปก็สังเกตเห็นชายร่างสูงผอมยืนด้วยท่าทีมีภูมิมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะของลูกชายตนเอง...ใบหน้ามีอายุแต่ก็ยังคงหล่อเหลามีเสน่ห์ของผู้ใหญ่แย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย...
“นั่งสิ...” ซึงโฮนั่งฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของผู้เป็นบิดาก่อนที่ปากหนาจะเอ่ยถาม “พ่อเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ...”
“จำได้ไหม...ที่พ่อเคยบอกแก” ซึงโฮตั้งใจฟัง “ว่าฉันกับแม่แกมีลูกสองคน คือแกและน้องชายของแก”
“!!!”
ใช่ เขาลืมมันไปนานแล้ว เพราะตอนนั้นเหมือนพ่อจะบอกว่าน้องชายของเขาตายพร้อมกับแม่ในอุบัติเหตุที่แคนนาดาคราวนั้น...เพราะตอนที่เกิดอุบัติเหตุน้องชายเขาอยู่ในท้องแม่เก้าเดือน...ใกล้จะลืมตาออกมาดูโลกแล้วแท้ๆ ...แต่น่าเสียดาย...
“จำได้ครับ...น้องตายแล้วไม่ใช่เหรอครับ” ชายสูงวัยแย้มหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ซึงโฮจะสังเกตว่านัยน์ตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่าเสียใจหรือดีใจของพ่อเขา
“ฉันก็คิดแบบแก เพราะตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลยเรื่องลูกของฉันคนที่สอง”
“หมายความว่า...”
“น้องแกยังมีชีวิต และปัจจุบันก็มีผู้อุปการะเลี้ยงดูอย่างดี”
.
.
.
“เราควรจบเรื่องบาดหมาดกันได้แล้ว...ก่อนที่มันจะไปกระทบน้องชายของแก...แล้วก็ลูกของฉัน...เคลียร์ด้วยละกันนะ...ฉันจะกลับแล้วละ ปล่อยให้เด็กๆ อยู่กันเอง...อย่าลืมพาน้องชายแกไปให้ฉันกอดที่บ้านด้วยนะ ...พาน้องแกกลับไปด้วย ดูแลเขาดีดีละ...”
พ่อของเขายิ้มมุมปากอีกครั้งก่อนจะคว้าเสื้อสูทแล้วเดินออกไป ซึงโฮลุกขึ้นก้มหัวให้ผู้เป็นบิดาอย่างสุภาพ...
เขาฝันมาตลอด...ว่าน้องของเขายังมีชีวิตอยู่...
พี่คิดถึงนายเหลือเกิน...
.
.
.
“ดูจุน! โยซอบมาแล้ว” เสียงของกีกวังดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากกลุ่มอสูรทุกคนได้ดี และเหมือนจะมีหัวหน้ากลุ่มแวมไพร์อีกหนึ่งที่ดูเหมือนะจะสนใจเป็นพิเศษ...
ยัง โยซอบ เป็นบุคคลที่ทุกคนเป็นห่วงมากที่สุด เพราะเป็นคนเดียวที่ไม่เคยไปไหนมาไหนเองและไม่เคยห่างบ้านยิ่งกว่าฮยอนซึงซะอีก...
“โยซอบ...!!” ดูจุนเป็นคนแรกทีเดินดุ่มๆ ไปที่คนตัวเล็กและดึงมากอดด้วยความคิดถึง...นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว....ยังโยซอบ...เด็กน้อยของฮยอง...
ดูจุนน้ำตาคลอทันทีที่สัมผัสถึงตัวยังโยซอบ เขาเป็นคนดูแลโยซอบมาตลอด ไม่เคยห่างกันเลยยกเว้นตอนไปเรียน เจ้าของร่างสีเข้มกอดรัดเด็กน้อยของเขาแน่นโดยไม่ปล่อยราวกับว่าจะหายไปอีก หารู้ไม่ว่ามีคนหนึ่งคนลอบมองด้วยสายตาเจ็บปวด โดยที่เจ้าของสายตายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มีเพียงกีกวังเท่านั้นที่ดันไปสะดุดสายตาของหญิงสาวร่างเล็กที่ทอดสายตามองดูจุนด้วยสายตาที่เจ็บปวด เจ็บมากแค่ไหนก็ยากจะคาดเดา ใบหน้าหวานของกีกวังขมวดคิ้วแทบจะเป็นปมแก้ไม่ออก แต่แล้วมุมปากสวยก็กระตุกยิ้มละไมที่ใครเห็นเป็นต้องหลง
...แน่ละ...ขนาดชอนดุง...ยังเผลอมองตามด้วยอาการเคลิบเคลิ้มเลย
“เอ่อ...ฮยองเค้าหายใจไม่ออกงะ” เสียงหวานบอกดูจุนที่กอดรัดตัวเองแน่นด้วยเสียงอู้อี้ทำให้ดูจุนคลายกอดเล็กน้อยจากเจ้าแมวน้อย
“โทษที...ได้เห็นว่านายปลอดภัยก็ดีแล้วละ...เพิ่งมาถึงไปพักผ่อนเถอะ”
ดูจุนจูงมือโยซอบลากเดินด้วยความเร็วทำให้คนตัวเล็กร้องโอยด้วยความระบบบริเวณสะโพก เล่นเอาพวกอสูรสะดุ้งกันเป็นแทบ
“โยซอบเป็นอะไร” ดูจุนผละออกมาจากโยซอบพลางมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง...
“เอ่อ...เค้าเจ็บสะโพกน่ะ”
“...?”
“คือ...เค้าลื่นล้มในห้องน้ำน่ะ”
โยซอบบอกดูจุนด้วยใบหน้าซีดเซียว...ดวงตาหวานเหลือบมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาเจ็บขนาดนี้ แต่ต้นเหตุก็ไม่มีท่าทีสำนึกเลย แถมยังยิ้มมุมปากราวกับผู้ชนะอีก หลังจากที่ดูจุนพาโยซอบไปนั่งพักในห้องโถงแล้ว ทุกคนก็ตั้งใจว่าจะย่างบาร์บีคิวกับอาหารทะเลกินกัน ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปซื้อของสดกัน
“ซึงโฮนายไม่ไปเหรอ...”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร...เดี๋ยวฉันอยู่แระ คนอยู่บ้านคนเดียวแถมยังเดี้ยงอีกจะดูแลบ้านได้หรือไง” ซึงโฮเหลือบมองโยซอบอย่างพาดพิง ฮยอนซึงมองตามร่างสูงอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินตามดงอุนไป เพราะตนเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับน้องชายนานๆ เช่นกัน
เมื่อทุกคนในบ้านพากันออกไปแล้ว ซึงโฮลอบมองโยซอบก่อนที่คำพูดของพ่อเขาจะแทรกเข้ามาในโซนประสาทความทรงจำของเขา
“น้องแกยังมีชีวิต และปัจจุบันก็มีผู้อุปการะเลี้ยงดูอย่างดี”
“ยัง...โยซอบ”
“ยังโยซอบ?...”
“ใช่หนึ่งในตัวประกันของพวกเรา...คือน้องชายแท้ๆ ของแก..”
!!! เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน...น้องชาย...น้องชายของเขายังมีชีวิตแล้วใครละเลี้ยงดูน้องไว้ ถ้าไม่ใช่พวกฝั่งอสูร
“เราควรจบเรื่องบาดหมาดกันได้แล้ว...ก่อนที่มันจะไปกระทบน้องชายของแก...แล้วก็ลูกของฉัน...เคลียร์ด้วยละกันนะ...ฉันจะกลับแล้วละ ปล่อยให้เด็กๆ อยู่กันเอง...อย่าลืมพาน้องชายแกไปให้ฉันกอดที่บ้านด้วยนะ ...พาน้องแกกลับไปด้วย ดูแลเขาดีดีละ...”
.....
“โยซอบ...”
“ครับฮยอง ^O^”
ร่าเริงจัง... ซึงโฮยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่แปลกที่เขาจะไม่เอ๊ะใจทำไมพวกเขาถึงหน้าไม่เหมือนกันเพราะโยซอบหน้าเหมือนแม่ขนาดนั้น...จะเหมือนเขาที่หน้าเหมือนพ่อแบบสุดขั้วเลยได้ไงกัน น้องของเขา...โยซอบคือน้องชายเขาจริงใช่ไหม...
“นายมีพี่น้องหรือเปล่า...”
“อื้ม...เห็นคุณม๊าบอกว่าพ่อกับแม่และพี่ชายพลัดพรากกันตั้งแต่ที่ผมเพิ่งเกิดน่ะ...ผมไม่เคยเจอเขาหรอกครับ...ตอนนี้พี่น้องที่ผมนับถือก็มีแค่ดูจุนฮยอง กีกวังอา ฮยอนซึงฮยอง จุนฮยองฮยอง และดงอุนเท่านั้นแระครับ”
โยซอบตอบอย่างไม่จริงจังอะไร...สายตาหวานยังคงจ้องไปที่ทีวีอย่างสนอกสนใจ
“แล้วนายอยากเจอเขาหรือเปล่าละ...”
โยซอบหันมามองหน้าซึงโฮพลางคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “อื้ม...ผมเหรอครับ?”
“อื้ม..นายนั้นละ”
“ถ้าได้เจอ ผมก็อยากเจอสิ...ผมฝันมาตลอดเลยนะว่าผมจะได้เจอพ่อเจอแม่...และเจอพี่ชาย ผมอยากเล่นกับพี่ชาย ผมอยากกอดพี่ชาย...” โยซอบตอบออกมาด้วยสีหน้าเพ้อฝัน
“งั้นมานี่มา...” ซึงโฮอ้าแขนให้อีกคนพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“หืม?”
“อยากกอดพี่ชายไม่ใช่เหรอ...ยินดีต้อนรับกลับบ้านตระกูลยังนะ...ยังโยซอบ...”
ตุ้บ!...
เสียงรีโมตตกกระทบกับพื้นพรมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ดวงตาหวานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นัยน์ตาใสลื่นไปด้วยน้ำ...
ครอบครัว...ครอบครัว...
“ฮยอง...พูดจริงหรือครับ...” เสียงหวานสั่นเอ่ยถามเพื่อต้องการความแน่ใจ...
“อื้อ^^ ทำไมกันไม่อยากกอดพี่ชายเหรอ...หรือว่าไม่เชื่อจะดูผลตรวจเลือดไหมละ..”
หมับ!
“ฮึก...พี่ชาย....ฮึก....ทำไมเพิ่งจะมาหาผม...ทำไม...ผม...ฮึก...ผมตามหาพี่ชาย...แต่....ฮึก...หาไม่เจอ...”
ร่างเล็กกว่ากอดร่างสูงแน่นด้วยความคิดถึง แก้มใสเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นสาย ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ปะปนกันไปหมด ไม่รู้ความรู้สึกปัจจุบันคืออะไรกันแน่
“โอ๋...ไม่ร้องนะคนดี...น้องชายของพี่ไม่ร้องนะครับ...”
ซึงโฮลูบหัวเด็กน้อยของเขาที่แทบจะนั่งตักเขาอย่างทะนุถนอม
“ยะ...โยซอบ...ซึง...โฮ”
ซึงโฮหันไปมองตามเสียงอย่างตกใจ ก็เห็นฮยอนซึงยืนมองด้วยดวงตาเอ่อไปด้วยน้ำตา มือเรียวสองข้างสั่นอย่างเห็นได้ชัด...
“ขะ...ขอโทษ...ฉันมาขัดหรือเปล่า...คือ...ฉัน...ฉันแค่ลืมกระเป๋าตังค์” มือเรียวชี้ไปที่กระเป๋าตังค์ด้วยมือสั่นเทา...ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าและวิ่งออกไปจากบ้านพักทั้งน้ำตา
“ฮยอนซึง! เห้! นายกำลังเข้าใจผิดนะ”
“พี่ชาย...”
“...”
“เค้าว่าฮยอนซึงฮยองกำลังเข้าใจผิด...”
“ใช่ เต็มๆเลยละ...”
“พี่ชายครับ...พี่ชายบอกเค้าได้ไหม...พี่ชายกับฮยอนซึงฮยองของเค้ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน...?”
“...เอ่อ...”
“นะครับ...”
“อื้อก็ได้...” ซึงโฮมองตาโยซอบอย่างลังเล โยซอบยิ้มก่อนจะนั่งตั้งใจฟัง
ซึงโฮเล่าทุกอย่างตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มมีความสัมพันธ์กันแปลกๆ เล่นเอาโยซอบฟังอย่างอึ้งๆ นี่เขาจะได้นางฟ้าเป็นพี่สะไภ้เหรอเนี่ยยยยย คริคริ
“เค้าว่า...พี่จะต้องทำให้ฮยอนซึงฮยองเข้าใจถูกแล้วละฮะ...”
ซึงโฮมองหน้าโยซอบอย่างไม่แน่ใจนักแต่ก็พยักหน้ารับ อย่างช่วยไม่ได้ ปัญหาคือตอนนี้เขาต้องเจอหน้าฮยอนซึงให้ได้ก่อน
...เห้อ..
,อัพแล้ววววว เป็นไงบ้างคะกับตอนนี้ คริคริ
แอบเฟลๆ ฮ่าๆ ความจริงแล้วการที่มีนักอ่านเงาเยอะก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร
เพราะไรต์เต็มใจจะแต่งให้คนอ่านได้อ่านกัน
แต่อย่าว่าไรต์เลยนะ บางทีเหนื่อยๆ มาสมองตันคิดไม่ออก
แต่ได้เห็นสักคอมเม้นต์เดียว มันก็ทำให้หัวใจพองโตได้แล้วน้า
ใครที่เคยเป็นนักเขียนก็จะรู้ถึงความสุขนั้นเองคะ
ส่วนคนที่ไม่เคยเป็นคุณมาว่าคนแต่งมาเอาแต่สนใจแต่เม้นต์หรืออะไรก็ไม่ได้หรอกนะคะ
เพราะว่าถ้าคุณไม่มาลองยืน ณ จุดจุดนี้คุณไม่มีทางรู้หรอกคะว่าความรู้สึกผู้แต่งเป็นเช่นไร
หนึ่งคอมเมนต์สามารถช่วยในการพัฒนการของผู้แต่งได้อีกเยอะ
ที่พูดไม่ได้ทวงหรืออะไรนะคะ แค่ไปเจอบางคนที่ด่าว่าคนเขียนเสียเสียหายหาย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเลยทำให้สงสารผู้แต่งคนอื่นที่เขาตั้งใจที่จะเขียน
ไรเตอร์ขาดนักอ่านไม่ได้...ส่วนนักอ่านหากไม่มีไรเตอร์ก็ไม่มีคนเขียนให้อ่าน
ต่างคนต่างได้รับ...แม้จะไม่มากหรือไม่น้อยหรือจะได้แค่ไหน
แต่ไรต์เชื่อนะคะว่ามีไรต์หลายคนท้อถอยแค่ไหน แต่แค่เห็นสักกำลังใจก็สามารถแต่งได้เรื่อยๆ
ขอโทษที่ต้องพูดนะคะ ถ้ามันกระทบใครหรือยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะคะ
และขอบคุณนักอ่านหลายๆ คน ถึงแม้ว่าไรเตอร์คนนี้จะดองฟิคบ่อยๆ
นานๆ ทีจะอัพแต่ก็ยังติดตามกันมาเสมอ และให้กำลังใจ
ทั้งที่ตามไปให้กำลังใจในทวิตด้วย ทำให้ไรเตอร์มีกำลังใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
ถึงแม้ว่าไรเตอร์คนนี้ จะแต่งไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ก็ยังคงติดตาม
ขอบคุณ ขอบคุณจากใจจริงๆ นะคะ :)
1 เม้นต์ = 1กำลังใจนะค่ะ
นักอ่านคนไหนเห็นว่าอีไรเตอร์คนนี้หายไปนาน ตามได้ค่ะ
ในทวิต (ไรเตอร์สิงบ่อย -..-) หรือจะในฟิคก็ได้ค่ะ 5555
ทวิตของไรเตอร์ @THENELLYB2UTY ค่ะ
อย่าลืมนะค่ะ ทุกหนึ่งเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ได้ค่ะ!
รักคนอ่านทุกคนนะค่ะ ขอให้สนุกกับเนื้อเรื่องด้วยนะค่ะ
ความคิดเห็น