ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทย์ จอมไตร

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 288
      0
      26 มี.ค. 62

              ในเวลาเดียวกัน ทางด้านสุริยันกับโข่ง ในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเสียงล่ำลือปากต่อปากของพวกมนุษย์ ถึงอาถรรพ์บึงแห่งนี้ ว่ากันว่ามีกรุสมบัติมากมายที่พวกภูตผีช่วยกันเฝ้าไว้ ใครก็ตามรุกล้ำเข้ามาหมายปองเอาทรัพย์สมบัติจะต้องมีอันเป็นไป  

    ยักษ์หนุ่มสองตนมะงุมมะงาหราเป็นเงาตะคุ้ม เดินแหวกกอบัว ไม้น้ำสำรวจไปทั่ว ผีที่ว่าพากันมุดน้ำ หลบซ่อนตัว หนีหน้ายักษ์ร้ายกันไปหมด

    “ลูกพี่ แน่ใจนะว่า สมบัติของปู่โสม เอามาซ่อนไว้ที่นี่

          “แน่ใจสิ ฉันเคยเห็น ไฟพะเนียงมันแล่นมาทางนี้ ปู่โสมต้องย้ายสมบัติมาไว้ที่บึงแห่งนี้อย่างแน่นอน ทุกครั้งที่ปู่โสมจะย้ายสมบัติ  จะต้องเกิดไฟพะเนียงปะทุขึ้นมาเหนือพื้นดิน  ฉันแอบตามมาถึงบึงนี่ แสงมันก็หายไป ปกติสมบัติของปู่โสมถูกซุกซ่อนไว้ตามวัดเก่า หนองบึงหรือกลางทุ่งที่ร้างไร้ผู้คน บางครั้งก็แอบเอามาไว้ในที่กันดาร”  หากแต่มันไม่เคยรอดพ้นสายตา  ของหลานชายตัวแสบอย่างสุริยันไปได้

    ข้างหน้าเป็นดงต้นธูปฤาษีหนาแน่น ยิ่งเดินเข้าใกล้ยิ่งขนลุก งูเหลี่ยมตัวใหญ่เลื้อยออกมาจ้องยักษ์ทั้งสองตนด้วยนัยน์ตาร้าย เสียงขู่ฟ่อเยือกเย็น ผีร้ายตนหนึ่งร่างเหมือนริ้วผ้าสีดำ  ได้ขยายร่างมหึมาจนกลายเป็นหมอกดำคลอบคลุม จนโข่งกอดอกห่อตัว รู้สึกหนาวสั่นพิกล

         ลูกพี่ ได้ยินมาว่าปู่โสมสะกดได้ผีร้ายเสียสติเอาไว้   เพื่อเฝ้าสมบัติ  พวกมันรู้จักแต่ทำหน้าที่อย่างเดียว  ไม่รู้จักกลัวอะไรเลย  ถ้างั้นเราก็ต้องได้เจอกับมันนะดิ

    เพี๊ยะ! อูยยย..สุริยันหันตบฉาดบ้องหูเข้าให้  ด้วยตาขุ่นเขียว

          เสียสถาบันยักษ์หมด  ผีมันต้องกลัวเราสิ  ไม่ใช่เราไปกลัวมัน

    บนไหล่โข่งสะพายกระเป๋า  ที่ใส่ของทำลายอาถรรพ์ผีร้ายมาด้วย

    “เอาเลือดหมาดำ  มาด้วยใช่ไหม”

    “มาครับลูกพี่”

    “ดี! งานนี้เราจะรวย”

    สั่งให้โข่งเอาเลือดหมาดำไล่สาดไปทั่ว เพื่อทำลายอาถรรพ์  เงาดำวูบหนึ่ง เฝ้ารอโอกาส มันพุ่งเข้าสิงตัวโข่งถึงกับหัวหมุนติ้ว  คอสั่นปากสั้น

    “ลูกพี่..ผีเข้าผม”

    ผัวะ!...อูยยยย...

    สุริยันตบฉาดเข้าที่ท้าทอยให้  ผีร้ายถึงผละออกมา

          “อย่าทำเป็นเล่น   รีบจัดการเอาเลือดหมาดำ สาดให้ทั่วเร็วเข้า”

    ผู้บุกรุกมีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่า พวกผีร้ายเฝ้าสมบัติต่างระดมกำลังต่อต้านมาจากทุกทิศทาง  ก่อตัวเป็นหมอกสีดำรอบด้านปกคลุมแผ่นฟ้า บางส่วนได้ก่อร่างเป็นฝูงนกอินทรีบินโฉบลงมา ยักษ์ทั้งสองตนกระโดดคว้าจับในอากาศ  พวกมันร่อนโฉบพลาดไป ยังคงบินวนรอจังหวะโจมตีอีก  ทางด้านผิวน้ำงูเหลือมร้ายได้เลื้อยเข้ามาด้านหลัง  โข่งไม่ระวังโดนตวัดรัดร่าง ทางด้านอากาศนกอินทรีเข้ากุ่มรุมใส่สุริยันเป็นพัลวัน

    “ลูกพี่! ผมต้านมันไม่อยู่แล้ว”

    โข่งร้องเสียงหลง ด้วยถูกงูเหลือมพันรัดรอบตัว จะโดนเขมือบอยู่แล้ว

    “อย่าไปกลัว ผีร้ายพวกนี้ มันต้านแรงยักษ์ของเราไม่ได้หรอก”

    สุริยันเขี้ยวงอกออกปาก ร่ายคาถาคงกะพันชาตรี ทำให้ผิวหนังแกร่งดังเหล็กกล้า  พออินทรีสยายกรงเล็บโฉบลงมา ไม่อาจทำอันตรายได้เลย คราวนี้สุริยันคว้าขาข้างหนึ่งได้  จับสองขาฉีกดังแควก! ราวกับฉีกกระดาษ  โข่งร้องโอ้ย! ลั่นก่อนจะเกร็งไปทั้งตัว  รวบรวมพละกำลังกระชากงูร้ายขาดดังแควก  ทั้งซากนก ซากงูลอยฟ่องเหนือน้ำ พวกมันเป็นเพียงหุ่นพยนต์ ที่ปู่โสมปลุกเสกจากฟางข้าว

    “สนุกเหมือนเล่นเกมเลยลูกพี่ พวกนี้ตัวบอสมันใช่ไหม” โขงเป่าปาก

    “อย่าพึ่งประมาท นี่ยังไม่ใช่ตัวบอสของมัน เราต้องเดินหาให้ทั่ว ก่อนที่พวกผีร้ายเสียสติ มันจะขนย้ายสมบัติหนี”

    ลมพายุพัดอู้ แรงมากจนยากจะทรงตัว  มหาคลื่นน้ำได้ก่อตัวสูงขึ้น ถาโถมเข้ามาเป็นระลอก ยักษ์โขงโดนคลื่นซัดตัวปลิวไปก่อน ด้วยตบะอ่อนกว่า สุริยันงึมงำร่ายคาถาขยายร่างให้สูงใหญ่กว่ายอดคลื่นสึนามิ  ริมฝีปากมีเขี้ยวงอกออกมา เดินต่อสู้กับแรงต้านเฮือกสุดท้าย ของพวกผีร้ายเฝ้าสมบัติ ด้านหลังคลื่นสึนามีจะต้องเป็นที่ซ่อนของสมบัติแน่นอน

    “คลื่นสงบลงแล้วลูกพี่!

    โข่งตะโกนลั่น ชูมืออย่างผู้มีชัย ในที่สุดพวกผีร้ายเสียสติก็อ่อนแรงลง ยอมศิโรราบให้แก่ศัตรูผู้มีกำลังกล้าแข็งกว่า  เมื่อมองท้องฟ้า พวกหมอกดำได้สลายตัวไปหมดสิ้นแล้ว ท้องฟ้าแจ่มใส ดวงดาวพราวระยับ 

    “พวกแกเอาสมบัติของปู่โสม ไปซ่อนไว้ที่ไหน”

    ยอยักษ์เขี้ยวใหญ่ชี้นิ้วลงไป ด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่กว่า ผีร้ายที่เป็นเพียงร่างในหมอกสีดำ ได้ชี้ไปยังจุดหนึ่ง ทันใดนั้นพรายน้ำผุดขึ้นขยายวงกว้างใหญ่  โคลนทะลักตามจนในที่สุด ‘ตู้เซฟหลังใหญ่ค่อยโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำและโคลน  โข่งตะลุยเข้าไป  ใช้แรงยักษ์ทุบยังไงก็ไม่สะเทือน

          “โอ้ว...บ๊ะเจ้า มันแข็งจริงๆ ตู้เซฟของปู่โสม”

    ลองใช้คาถาสะเดาะกลอนก็ไม่ได้ผล  สุริยันตรงเข้ามาดึงหัวไหล่โข่งก้นจ้ำเบ้า

          “เจ้าโง่ ตู้เซฟของปู่โสม สร้างจากเทคโนโลยีของเมืองหิมพานต์ คาถาธรรมดามันจะใช้ได้ผลยังไง

          “แล้วจะทำไงละลูกพี่   มันไม่เหมือนตู้เซฟเหล็กผุๆ   ของพวกมนุษย์โลกเลยนะ ทุบทีเดียวก็พัง แต่เจ้านี่มันแกร่งจริงๆ”

    จอมเกที่กำลังจะยกเค้าปู่ของตนเอง หัวเราะหึๆ ในลำคอ หยิบเอากุญแจดอกหนึ่งจากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาให้ดู มันคือกุญแจไขตู้เซฟ  โขงเกาหนังหัว ลูกพี่ไปแอบจิ๊กมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

    สุริยันครางฮึ่ม! “ปู่โสมตั่งหนืดเกินไป   ทีใช้งานพวกเรา ไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้   ได้เบี้ยมามากอักโข   แต่ทีจะจ่ายค่าแรงพวกเรา จ่ายเท่าหนวดกุ้ง เรื่องจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์แทบไม่ต้องพูดถึง หลานชายแท้ๆนะยังขนาดนี้”

    ด่านต่อไปคือปลดรหัสตู้เซฟ สุริยันแอบขโมยอ่านรหัสมาเรียบร้อยแล้ว

           “ฉันท่องรหัสมาเป็นร้อยครั้ง   จำจนขึ้นใจ   ปู่โสมใช้รหัสตัวนี้กับตู้เซฟทุกหลังด้วย”คราวนี้ได้เบี้ยมาซื้อรีโมทพันคาถาแน่

          “บอกรหัสมาเลยลูกพี่  โข่งเตรียมหมุนลูกบิด

          12345

              “วะ..ว่าอะไรนะลูกพี่  ลูกน้องฟังแล้วคิ้วเหล่

         12345

         “รหัสตัวนี้แน่ใจนะลูกพี่!?

           “ก็เออใช่สิโว้ย ถามเซ้าซี้อยู่ได้ ขืนชักช้าไม่ทันกาลปู่โสมมาเจอเราจะได้ยาก”

    ทรัพย์สินถูกขนออกมา หนึ่งในนั้นเป็นเอกสารลูกหนี้จำนวนมาก ยักษ์หนุ่มสองตนกวาดมันทิ้งลงน้ำอย่างไม่แยแส คงจะเปื่อยยุ่ยในน้ำในไม่ช้า สองหัวขโมยสีหน้าระรื่น ได้เงินมาแล้วพยักหน้าให้กัน จบภารกิจเสียที.

     

    นานิยืนเดินอย่างพะวักพะวง เธอมาดักรอพบเวทย์ที่หน้าวัดแต่เช้า สวนทางกับพระเณรที่กำลังจะออกไปบิณฑบาต  เวทย์เดินสะพายย่ามหิ้วปิ่นโตเป็นอันต้องหยุด  ได้ความว่าเช้านี้ พ่อกับแม่ของนานิทะเลาะกันอีกแล้ว

    “ผมก็ได้ยิน ที่ทะเลาะกัน..ขอรับ”

    ขอบตาของนานิแดงช้ำ เพราะร้องไห้มาไม่น้อย วิตกกังวลมาก เรื่องที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน มันอาจรุนแรงจนถึงขั้นจะฟ้องหย่า แล้วเธอกับน้องจะอยู่กับใคร

    “คุณพ่อกลับเอาสว่างเลย พอมาถึงบ้าน คุณแม่โวยวายใหญ่เลย  จะต้องไปนอนกกเมียน้อยมาทั้งคืนแน่  แต่ไหนแต่ไรคุณพ่อไม่เคยทำตัวเหลวไหลแบบนี้เลย เวทย์เชื่อฉันสิ คุณพ่อจะต้องโดนคุณไสยแน่ๆ นายจะต้องช่วยฉันแล้วนะ”

     “อาการหนักเลย..ขอรับ”

    “นายจะบอกว่า พ่อของฉันโดนคุณไสย หนักเลยใช่ไหม”

    “ท่านเมาหนัก จนครองสติไม่อยู่..ขอรับ ตอนทะเลาะกัน กระผมอยู่ฝั่งนี้ยังจับใจความได้ว่า ท่านโดนกรมเมืองกักตัวไว้ พึ่งโดนปล่อยตัวเมื่อเช้า”

    “แต่แม่ไม่เชื่อ..”

    พระอุ้มบาตรไปไกลแล้ว เวทย์เห็นต้องตามให้ทัน

    “เอาไว้หลังเลิกเรียน เราค่อยมาพบกันนะ..ขอรับ”

    นานิตาโตลุกวาว  “นายไม่ได้รับสืบคดี แบบฟูลไทม์หรือไง”

    “กระผม  นักสืบพาร์ทไทม์..ขอรับ”

    ดูท่าเธอจะเป็นคนคิดมาก ตีตนไปก่อนไข้ เหมือนคนเป็นแม่ พูดด้วยตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ เอาไว้ให้สงบสติอารมณ์ค่อยมาพูดจากัน เวทย์นึกในใจ ก่อนเดินจ้ำอ้าวไปต่อท้ายแถวพระบิณฑบาต

    ที่ปากทางเข้าวัดภูเขาทอง  ยังคงมีลูกค้าเข้าคิวรอซื้อกล้วยแขกเจ้าประจำยาวเหยียด  เวทย์โดดลงจากรถเมล์ ซอยเท้าวิ่งเยาะๆ มาถึง  เห็นนางตานีแม่ค้าคนสวยนั่งเติมแป้งอยู่ข้างกระทะน้ำมันเดือด  พอเห็นเวทย์ก็หน้าบานรีบปรีเข้ามาควงแขน

    “เวทย์จ๋า..พ่อเทพบุตรเมืองกรุงของฉัน”

    ปล่อยแขนผมเถิดขอรับ เดี๋ยวใครอื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดนะ..ขอรับ

    ไม่รู้จะรีบไปทำไมนัก หล่อนชังเขาที่ไม่สนใจ  คนสวยอย่างหล่อน

    จะขยันเรียนไปถึงไหนกัน  อีกหน่อยมหา’ลัยก็ต้องเป็นของปู่โสมแล้ว  มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนอยู่ได้” คนทึ่ม หล่อนหมิ่นจมูกใส่

    เอาที่ไหนมาพูด..ขอรับ”

    คำพูดประโยคนี่ของน้ำตาล  เขาไม่ชอบเลย

    “ก็..."  หล่อนเริ่มเล่นลิ้น  เขาลือกันให้แซดว่าทางมหา’ลัยกู้เงินจากปู่โสมมาเป็นเงินหลายโกฏิเบี้ยแล้ว   ตอนนี้ปู่โสมกับทนายหน้าหอ  มาทวงทั้งดอกทั้งต้นทุกวันถ้าไม่มีจ่ายปู่โสมจะยึดเอามหาวิทยา’ลัยใต้ภูเขาทองมาบริหารเอง  ได้ยินมาว่าจะเปิดให้มนุษย์มาเรียนด้วย ว้าว..ตอนนั้น  คงมีนักศึกษาหนุ่มหล่อมาเรียนที่นี่อีกเยอะเลย”

    คุณพ่อเคยบอกว่าพวกแม่ค้าปากหอยปากปู พูดจาเชื่อถือไม่ได้ เขาคงไม่เชื่อพวกมนุษย์ยึดถือวิทยาศาสตร์เป็นหลัก  แล้วจะมาเรียนไสยศาสตร์รู้เรื่องได้ยังไง

    ต้องไม่ปล่อยให้ปู่โสม มายึดที่นี่นะเวทย์ รวมทั้งฉันด้วย”” หล่อนแบมือออกมา ทำหน้าทำตาปริบๆ เหมือนจะร้องไห้ เวทย์งงเป็นไก่ตาแตก หล่อนเปลี่ยนอารมณ์ไวเหลือเกิน

    “อะไรอีก..ขอรับ”

    “ฉันก็เป็นหนี้ปู่โสมด้วย ช่วยฉันด้วยนะ”

    มีคนมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินกับเขาอีกแล้ว เวทย์ยืนปลง สูดหายใจลึก

    “แล้วเป็นหนี้เท่าไหร่..ขอรับ” บางทีเขาอาจช่วยได้

    “ฉันกู้มาแสนเบี้ย”

    เวทย์ถอนหายใจ หนึ่งแสนเบี้ย เขาพอมีเงินเก็บจะให้ได้อยู่

    น้ำตาลยิ้มเขินกัดเล็บกับสิ่งที่ยังสารภาพออกมาไม่หมด

    “เดี๋ยวก่อน ตอนหลังฉัน ไปกู้กับปู่โสมมาอีก..”

    “เท่าไหร่..ขอรับ”

    “ไม่เยอะหรอก รวมๆ แค่ 1.1 โกฏิเบี้ย”

    เวทย์อ้าปากเหวอ นี่แค่ขนาดแม่ค้ากล้วยทอด ยังกู้ขนาดนี้

    “จะเอาเงินมาทำอะไรครับ มากขนาดนั้น”

    หล่อนตีหน้าเศร้าทันที ทำตาปริบๆ วอนให้เห็นใจ “ฉันเอาเงินไปดาวน์บ้าน      ที่เหลือเอามาซื้อเสื้อผ้ากับเครื่องสำอางนิดหน่อย ทั้งหมดทั้งมวล ต้องโทษเจ้าทนายหน้าหอ  ไหนมันบอกดอกเบี้ยแค่ 0.25% จ่ายจิ๊บๆ ต่อเดือน ฉันเลยกู้มาซะเลย  พอตอนบิลเรียกเก็บมาไหงยอดมันพุ่งจัง  จนฉันจ่ายดอกไม่ไหว”

    เวทย์อยากหายามาดม หล่อนใช้จ่ายเกินรายได้ไปมาก  “นั่นมันกลยุทธของพวกปล่อยกู้ ดอกเบี้ยถูก แต่ค่าธรรมเนียมแพง ถ้าตอนเซ็นคนกู้ไม่ดูเงื่อนไขให้ดีก่อน  ไอค่าธรรมเนียมนั่นแหละ คือดอกเบี้ยที่แท้จริง ยิ่งจ่ายล่าช้า แค่ค่าใช้จ่ายในการทวงถามของพวกเจ้าหน้าที่ ทั้งจากทางโทรศัพท์กับเอกสารส่งถึงบ้าน พวกนี้บวกไปอีกหลายร้อยต่อเดือน ได้จ่ายกันอาน”

    “ใช่ ฉันจ่ายมไหวจริงๆ เวทย์ต้องช่วยฉันนะ นะน๊า”

    น้ำเสียงหล่อนช่างออดอ้อนมาก เวทย์จะขาอ่อนล้มพับ นี่เขาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือไง ใครๆ ก็มาขอความช่วยเหลือ

    “เงินเยอะขนาดนั้น ผมหาจ่ายให้ไม่ไหวหรอก..ขอรับ”

    “ถ้าไม่ช่วยจ่ายหนี้ ฉันจะประกาศกับทุกคน ว่าเราได้เสียกันแล้ว”

    หล่อนเข้ามาสวมกอดรัดเอวแน่น ทั้งต่อหน้าธารกำนัล เวทย์อายมาก

    “ปล่อยขอรับ! บัดเดี๋ยวคนอื่นเขามองนะ..ขอรับ”

    “ไม่ปล่อย!

    แฟนคลับหนุ่มแก่ของหล่อนเข้ามารุมชี้หน้า บ้างถลกแขนเสื้อจะเข้ามาเอาเรื่อง เจ้าหนุ่มคนนี้อีกแล้ว มาทำบาดตา เห็นทีต้องสั่งสอน เวทย์เห็นทีไม่ดี เหลียวซ้ายขวาหน้าหลังมันมืดไปหมด จำใจต้องยอมศิโรราบกับมารยาของน้ำตาล

    “ยอมๆ แล้วขอรับ!

     

    ชั่วโมงเรียนกายบริหารอิ่มทิพย์

    อาจารย์ผู้สอน ชื่อปราสาททอง เป็นเทวดาร่างอวบขาว สวมแว่น สวมชุดเหมือนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทางโลก ต่างกันอย่างเดียวที่สวมชฏาทองตามยศ สมัยมีชีวิตก็เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ทำงานหนักจนเส้นเลือดในสมองแตกแตก ด้วยอุปนิสัยชอบทำบุญทำทาน รักษาศีล วันหยุดเข้าวัดฟังธรรมไม่เคยขาด เป็นแรงส่งผลให้ได้เปลี่ยนภพภูมิไปเกิดเป็นเทวดา แต่ด้วยจิตวิญญาณแรงกล้าจึงมาทำหน้าที่สอนอีกครั้ง

    นักศึกษาทุกคนจะต้องสวมชุดรัดกุมสำหรับเล่นโยคะ  ปูผ้ารองนั่งนอนสำหรับฝึกท่วงท่าต่างๆ เวทย์สนิทกับอาจารย์คนนี้มาก มักถูกเรียกออกมาเป็นผู้ช่วยสาธิต โดยที่อาจารย์เป็นผู้บรรยาย พวกนักศึกษาสาวจะชอบชั่วโมงนี้กันมาก เพราะสามารถควบคุมอาการหยาบ ลดน้ำหนัก กระชับรูปร่างให้สมสัดส่วน  ต่างกับพวกนักศึกษาชายที่มองว่ามันเป็นวิชาของผู้หญิง แต่ต้องลงไว้เพื่อให้ได้หน่วยกิตจนครบ

    “เอาล่ะนักศึกษาทุกคน ท่าโยคะแรก ให้นักศึกษานั่งขัดสมาธิ แล้วบิดลำตัวไปด้านขวา มองไปด้านหลัง ใช้มือซ้ายจับเข่าขวา มือขวาแตะพื้นด้านหลัง ค้างไว้ แล้วห่อปากสูดเอาลมเข้าปอดให้เต็มที่ จากนั้นสลับข้าง บิดลำตัวไปด้านซ้าย มือขวาจับเข่าซ้าย มือซ้ายแตะพื้นด้านหลัง ค้างไว้ แล้วสูดลมหายใจ”

    เวทย์สาธิตนำอย่างตั้งใจ นักศึกษาสาวขยับกายตามพร้อมเพรียง พลันรู้สึกอิ่มเอมซาบซ่านไปทั่วสรรพางกาย 

    อาจารย์ยังบรรยายสรรพคุณอีกว่า อาหารทิพย์ช่วยทำให้จิตใจผ่องใส บังเกิดรัศมีเปล่งปลั่งขึ้นรอบตัว อันเป็นหัวใจสำคัญของวิชาโยคะอิ่มทิพย์ของเทวดา สำหรับเวทย์แล้ว วิชานี้ช่วยเขาได้ ทำให้ลดค่าอาหารในแต่ละวันไปได้มากโข

    ต่างกับกลุ่มของสุริยันที่จับกลุ่มกันหัวเราะคิกคัก ชี้นิ้วมาทีอาจารย์ที่มักพูดจาจีบปากจีบคอ ดูตุ้งติ้งชอบกล

    “จะเรียนทำมาย.. วิชาอิ่มทิพย์ อิ่มลมล่ะไม่ว่า ท้องไส้ยังแห้งเหมือนเดิม” โขงได้ทีแซวขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงโห่หิ้วของพรรคพวก ทำเอาอาจารย์มือเท้าสะเอว กรีดนิ้วชี้หน้า

    “นี่! อีเดียทพวกนี้ ถ้าพวกเธอไม่ตั้งใจเรียน ก็ออกไปเลยนะ  ยกเว้นเวทย์คนเดียว นอกนั้นพวกผู้ชายทุกคนติด F

    บู๊วๆๆ...

    “ไม่กลัวหรอก ไหนๆ ปู่โสมจะยึดเอามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว พี่สุริยันเคลียร์ให้ได้”

    เจอนักศึกษาเกเรตอกกลับเข้าให้ ทำเอาอาจารย์ปราสาททองยืนไม่ติด จริงอยู่สถานการณ์มหาวิทยาลัยกำลังเข้าตาจน ผู้บริหารทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้สุริยันกับโขงได้ใจถึงเพียงนี้

    โขง พญารากสก วิชาเอกคงกะพันชาตรี นึกสนุกไปยกกล่องใบใหญ่ ที่ข้างในมีนารีผล ผลไม้สุดวิเศษจากเมืองหิมพานต์ หมายทำลายตบะความเพียรของพวกที่กำลังฝึกโยคะอิ่มทิพย์ 

    “ถ้าใครสนใจละก็ มาหมำกับพวกเราได้เลย  มื้อนี้พี่สุริยันเลี้ยงเอง มันดีกว่าวิชากินลมของอาจารย์ตุ๊ดเป็นไหนๆ” พอเปิดกล่องเท่านั้น โขงอ้าปากเหวอ ในเมื่อนารีผลถูกเด็ดมาหลายวัน จากสาวสวยกลายเป็นยายแก่ ส่งกลิ่นตุ๊ๆ แถมเนื้อร่วนหมดแล้ว ทำเอาพรรคพวกหัวเราะโห่ฮาใส่  โขงหยิบขึ้นมาได้ ไล่ปาใส่พรรคพวก

    ห้องเรียนถูกป่วนไปหมดแล้ว ไม่มีครั้งไหนเลย นักศึกษาจะก้าวร้าวถึงเพียงนี้  อาจารย์ปราสาททองปากคอสั่น  แข้งขาหมดเรี่ยวแรง ด้วยสมัยยังเป็นคนก็เจอนักศึกษาเกเร ทำเอาเส้นเลือดในสมองแตกจนตายมาแล้ว

    “ทำไมสุริยันกับโขงถึงไม่ตั้งใจเรียนอย่างนี้ สมัยปีหนึ่งยังเป็นเด็กดีอยู่เลย หรือว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะฉันสอนไม่ดีเอง  ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันคนเดียว” ฟูมฟายอยู่คนเดียว เวทย์เห็นแล้วเหนื่อยหน่ายใจ  เห็นทีต้องงัดไม้เด็ดออกมา มือค่อยล้วงเอารีโมตพันคาถาออกมา เข้าคำสั่ง นะจังงัง แล้วยื่นส่งให้อาจารย์ปราสาททองมือสั่น ด้วยไม่เคยลงโทษศิษย์รุนแรง  พอมีปัญหาก็เอาแต่เก็บมาคิดมากอยู่คนเดียว ไม่เคยปรึกษาเพื่อนร่วมงานกับผู้บังคับบัญชา สะสมมากเข้าจนเป็นพิษภัยกับตัวเอง

    “ถึงเวลาที่พวกเรา ต้องปฏิวัติกันแล้วโว้ย ฮ่าฮ่า

    “ใช่ พวกเราจะคืนความสุขให้นักศึกษาทุกคน ทุกตน”

    “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน...”

    จะปล่อยให้พวกนั้น กำเริบเสิบสานอีกไม่ได้แล้ว เวทย์เตือนอาจารย์ “ถึงเพลา ต้องลงโทษแล้ว..ขอรับ”

    พอส่องรีโมตไปที่ตัวการก่อหวอดทั้งสอง อาจารย์กลั้นใจกดปุ่มดังปี๊บ..ได้ผล สุริยันกับโขงยืนชูมือกับอ้าปากค้าง ที่ขยับได้แค่ลูกตา พวกที่เหลือรู้ว่าอาจารย์เอาจริงรีบสลายหวอด  กลับมานั่งประจำที่เพื่อเรียนโยคะอิ่มทิพย์ให้จบคาบเรียน  เวทย์พยักหน้าพอใจ ในที่สุดก็ควบคุมสถานการณ์ได้ อาจารย์ปราสาททองถึงกับหลั่งน้ำตา ด้วยเป็นปลื้มปีติ  ตอนมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่มีลูกศิษย์อย่างเวทย์ จอมไตร

    กริ้งๆๆๆๆ

    สัญญาณหมดชั่วโมงเรียนดังขึ้น สุริยันกับโขงทรุดฮวบ หงายหลังลงไปนอนแผ่หลา  หลังได้รับการคลายมนต์สะกด เวทย์เดินไปส่งอาจารย์ โดยมีอรัญญานีกับเหมยลี่ตามส่งไปด้วย วิชาของอาจารย์ทำให้สาวๆ หุ่นดี ต่างขอตามไปเรียนพิเศษเพิ่ม

    “ดูมันลูกพี่  มันกำลังเอาหน้ากับอาจารย์อีกแล้ว”

    “หญิงก็หลงมันด้วย”

    “จะทำยังไงดี ถึงจะกำจัดมันได้ลูกพี่”

    “ไม่นานหรอก เพราะฉันสั่งของดีมาแล้ว”

    “มีพัสดุมาส่งถึงคุณสุริยันครับ!

    “นั่นไงของที่สั่งไป มาถึงแล้ว”

    ทั้งสองรีบพรวดพราดออกไป  สวนทางกับพวกนักศึกษาที่ต่างหน้าตื่นเหมือนวิ่งหนีอันตรายบางอย่างในทางเลี้ยวข้างหน้า ทันทีที่ลับมุมตึก โขงแทบหงายหลัง

    กรรจ์...กรรจ์...แฮ่...แฮ่...กรรจ์...กรรจ์...

    “ลูกพี่ หมาป่า..”

    “เออ..รู้แล้ว!

    หมาป่าตระกูลไดร์วูล์ฟ ตัวสูงใหญ่กว่าสุริยันอีก มันยืนจังก้าพองขนขวางทางเดินในตึกไว้ อ้าปากแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่คำราม ยิ่งน้ำลายในปากไหลหยดแมะ เหมือนกำลังกระหายอยากจะกินทั้งสอง โขงแข้งขาอ่อน จะวิ่งก็วิ่งไม่ออก ข้างๆ หมาป่ายังมีกล่องพัสดุวางอยู่ทำให้สุริยันมั่นใจ

    “มันไม่ทำอะไรเราหรอก”

    “ลูกพี่มั่นใจได้ไง หน้าตามันไม่เหมือนหมาวัดเลยนะ”

    “แกมีเนื้อสัตว์ ให้มันกินไหม”

    “ผมมีน่องไก่ทอด เหลืออยู่ชิ้นหนึ่ง”

    “นั่นแหละ โยนให้มันไป”

    จะเอาพัสดุไปได้ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม พอโยนน่องไก่ออกไป หมาปางับอย่างแม่นยำ ดวงตากราดเกรี้ยวของมันยังมองสุริยันกับโขง จากนั้นจึงกลืนอาหารลงคอ พอส่งของสำเร็จ เจ้าหมาป่าตระกูลไดร์วูล์ฟโก่งคอหอนเสียงยาว ดังก้องไปทั้งตึก ก่อนจะควบกระโจนเข้าใส่กำแพงตึก เป็นอันอันตธานไปอีกมิติหนึ่ง

    สุริยันรีบไปเปิดพัสดุทันที แสงเรืองรองจากของวิเศษฉายออกมา ด้วยอิทธิฤทธิ์แก้กล้า

    “กุมารเพชรลูกพ่อ!

    “ลูกพี่ ไม่ได้สั่งซื้อ รีโมทพันคาถาหรอกเหรอ”

    โขงมองตุ๊กตาเด็กหัวจุกปากแดงแก้มแดง อย่างไม่ค่อยศรัทรา

    “อย่าประมาทกุมารเพชร มันคือนักฆ่ามือหนึ่งของโลกวิญญาณ ที่ฉันสั่งซื้อมาด้วยราคา 20 โกฏิเบี้ย”

    “ถ้าเช่นนั้น ไอ้เจ้าสิ่งนี้ จะกำจัดศัตรูของพวกเราได้”

    “แน่นอน ฮ่าฮ่า

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×