ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทย์ จอมไตร

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 298
      1
      26 มี.ค. 62

    นานินั่งหาวบนเบาะรถ เมื่อคืนปิดไฟนอนไวก็จริง แต่แอบแซดคุยกับเพื่อนทางไลน์อยู่ใต้ผ้าห่มจนดึกไปหน่อย ข้างทางรถวิ่งผ่านหน้าร้านขายอาหารตามสั่งของคุณยาย เห็นรถเทศบาลกับพวกเจ้าหน้าที่กำลังลอกท่อระบายน้ำ หนึ่งในนั้นคือเวทย์ที่เนื้อตัวกำลังมอมแมมได้ที่ เธอเรียกให้คนขับจอดรถก่อน ดีนะวันนี้คุณแม่ไม่มาด้วย

    “เฮ้! เวทย์”

    เธอลดกระจก ชะโงกหน้าออกมา เขาหันหน้ามาพอดี

    “ขอรับ คุณนานิ”

    “ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”

    “มีเรียนช่วงบ่าย ขอรับ”

     “ไหนบอก เช้านี้มีงานนักสืบไง”

    ห่างไปอีกนิด  เห็นคุณยายคนหนึ่งกำลังยกมือไหว้ปลกๆ กับหม้อดินเผาที่มีรอยชอล์กขีดเขียนยันต์หน้าตาแปลกๆ ดูน่าตลก คงไม่ใช่ฝีมือของเวทย์หรอกนะ นานิเห็นแล้วเอามืออุบปาก อดขำไม่ได้

    เวทย์เลิกคิ้วมองสายยางแรงดันสูง ที่ตนเองกำลังช่วยพวกเจ้าหน้าสอดมันลงไปในท่อ ไม่เห็นต้องถามเลย งานสาธารณะประโยชน์ นานิยิ้มหน้าระรื่นจะพูดคุยด้วยอีก เห็นสีหน้าของเขาเรียบเฉย คงไม่ว่างมาพูดคุยด้วยเสียแล้ว

    “ขอโทษนะ นายคงไม่ว่าง”

    ปล่อยให้รถเบนซ์วิ่งผ่านหน้าไป คำพูดของโปรเฟรสเซอร์เมื่อคืน เตือนสติของเวทย์ให้กลับมามุ่งมั่นกลับมาเรียนอีกครั้ง ในเมื่อสัญญากับตนเองไว้แล้ว จะไม่ข้องแวะกับผู้หญิงให้เสียการเรียน ยิ่งอยู่คนละโลกแล้ว การผูกรักสมัครใคร่คงเป็นไปไม่ได้

    ขออภัยนะขอรับ คุณนานิ...คำพูดในใจของเวทย์

     

    มหาวิทยาลัยใต้ภูเขาทอง

    เวทย์ผูกไทด์เหน็บชายเสื้อเข้ากางเกงเรียบร้อย เดินผ่านห้องอธิการบดี เห็นปู่โสมเปิดประตูออกมา พร้อมกับทนายหน้าหอ ทั้งสองสวมชุดสูทหรู ปู่โสมไว้หนวดเคราขาว รูปร่างสูงใหญ่ ทำอาชีพหลักคือปล่อยกู้กับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์  

    ทนายหน้าหอเป็นผู้ที่มีสีผิวดำคล้ำ สวมแว่นหนา ในมือถือกระเป๋าเจมส์บอนที่นักธุรกิจในโลกชอบถือกัน ทั้งสองคนใบหน้าเครียด บูดบึ้ง มีลักษณะลับลมคมใน แต่เวลาพูดชอบวางท่ายโส พ่อเคยสอนว่าบุคคลประเภทนี้ไม่ควรคบด้วย ครั้นจะหลบไปอีกทาง ดันถูกพบเข้าจนได้ ร้องเรียกมาแต่ไกล                                                                                                                                                                                    

    “นั่น ลูกชาย ส.ส. เมืองหิมพานต์ใช่ไหม” เสียงห้าวถามมา

    “เรียกกระผม..หรือขอรับ”

    เขายกมือไหว้ตามมารยาท ด้วยเป็นผู้เยาว์กว่า ปู่โสมน้อมใบหน้าลงอย่างพอใจ  บนนิ้วมือมีแหวนเพชรหลายวง ยามกระดิกมันดูแพรวพราว “อืม ท่าทางเป็นคนหนุ่มหน่วยก้านดี วันหน้าจะต้องได้เป็นใหญ่เป็นโต เหมือนคนเป็นพ่อแน่ ฉันเองอยากจะพบหน้าหลายเพลาแล้ว เป็นอันคลาดกันตลอด เป็นอันได้เจอเพลานี้เอง” แล้วก็ถือโอกาสวางมือใหญ่หนา บนไหล่ของเวทย์อย่างถือสนิทยิ่ง

    “เรียกฉันว่าอาก็ได้นะพ่อหลานชาย ได้มาร่ำเรียนอยู่โลกมนุษย์ อาเองก็กว้างขวางอยู่ไม่น้อย ในเมื่อลูกชาย ส.ส.คนดังของหิมวัตประเทศ มาเรียนอยู่ที่นี่ทั้งที ฉันเองยินดีจะดูแล ไม่ให้ขาดเหลือเลย”

    ช่างเจรจาพาทีได้ฉะฉาน ฟังดูน่ารื่นหูนัก เวทย์รู้สึกเหนื่อยใจ  ยิ่งทนายหน้าหอที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้ว มีรอยยิ้มเหมือนหมาจิ้งจอก  ในกระเป๋าที่ถือคงมีเอกสารของลูกหนี้อยู่เต็มเอี๊ยด ถ้าจะมาทวงต้นทวงดอกกับทางมหา’วิทยาลัยมาแน่

    ปู่โสมชวนเจรจาความอีกหลายเรื่อง ล้วนเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ ส.ส.ของพ่อ เวทย์รู้สึกเหนื่อยใจ การที่เป็นลูกชาย ทำให้ต้องรับความคาดหวังจากผู้คนอยู่เสมอ

    “อาขอฝากหลานไปถึง ท่าน ส.ส.ด้วย ขอให้ช่วยดันโครงการปล่อยเงินกู้หมู่บ้านละล้าน ให้แก่เหล่าภูตพรายในโลกมนุษย์ ตัวอายินดีจะเป็นที่ปรึกษา เพลานี้พลเมืองของเมืองหิมพานต์  ได้อพยพมาทำมาหากินในโลกมนุษย์ฤาก็มากโขอยู่  รัฐบาลน่าจะหันมาใส่ใจ ทำโครงการออกมาดูแลปากท้องอาณาประชาราษฏร์ก็จักดี ต่อไปเมื่อมีเงินทุน เหล่าภูตพรายก็จะมีกิจการงานของตนเอง  มีเรือนไม้ฝากระดานอยู่ กับเกวียนงามๆ ไม่ต้องเร่ร่อนไปนอนตามบ้านร้าง หรือสถานที่สาธารณะ หากินแต่เครื่องเซ่นไหว้ ให้เป็นที่เดือดร้อนอีก

    ช่างเจรจาความได้น่าฟังดี เขาเกือบคล้อยตาม..

    “แล้วกระผมจะติดต่อคุณพ่อให้ขอรับ แต่ไม่รับปาก คุณพ่อจะเห็นดีงามกับโครงการปล่อยกู้หรือไม่  โครงการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จะต้องนำเข้าหารือในสภาผู้แทนเสียก่อน” นักปล่อยกู้คงไม่ทำอะไรแบบไม่เห็นผลแน่  คุณพ่อเคยเตือนให้ระวังไว้แล้วว่า จะมีคนอย่างปู่โสมมาหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐโดยผ่านทางเขา การรับเบี้ยหรือผลประโยชน์อื่นใดของคนในครอบครัวมันจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของคุณพ่อที่เป็นเจ้าพนักงานได้  เวทย์ได้แต่บอกเตือนตน

    “พูดจาตรงดีพ่อหลานชาย นายทุนบ้านนอกอย่างฉันเอง อยากคบหาคนในเมืองใหญ่อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน  โดยเฉพาะระดับ ส.ส. ด้วยแล้ว วันหน้าจะได้ติดต่อขอความช่วยเหลือเพื่อทำธุรกิจร่วมกันได้” แล้วปู่โสมก็ยื่นนามบัตรให้ เวทย์เพ่งดูข้อความที่ปรึกษาทางด้านการเงิน รับจำนองบ้าน วัด มหาวิทยาลัยของรัฐ อัตราดอกเบี้ย 0.15 % รับแลกเปลี่ยนเงินเบี้ยเป็นเงินบาท เงินดอลล่า ค่าธรรมเนียม 1.5 %

    “กระผมยัง...ไม่คิดกู้ ขอรับ..ปู่โสม”

    “ไม่เรียกอา จะเรียกว่า Mr.Thumb ก็ได้นะ พ่อหลานชาย”

    หางตาปู่โสมกระตุกถี่ นึกรำคาญ คำก็ปู่โสม..สองคำก็ปู่โสม

    ทนายหน้าหอถือโอกาสสอดแทรกเข้ามา ยิ้มเห็นฟันดำ ชูนิ้วโป้งให้ดูเลย “ถูกต้องแล้ว Mr.Thumb ที่แปลว่าหัวนิ้วโป้ง ใครมากู้กับปู่โสม ต้องโป้งแปะทุกราย”

    ผัวะ! อูยย..

    เจอปู่โสมตบกบาลเข้าให้ จ้องตาโตเขม็งด้วยมีโมโหไม่น้อย ทนายหน้าหอมึนตึบมือคลำปอย ปากครางอูย

    “ทีหลังนายว่า ไอ้ไพร่อย่างมึง อย่าพึงเสนอหน้า”

    “ขอรับ Mr. Thumb

    แล้วนักปล่อยกู้ก็กลับตีสีหน้ายิ้มแย้ม “ที่ฉันให้นามบัตร ก็เผือหลานต้องการใช้เงิน รับรองไม่คิดดอกเบี้ย จ่ายเมื่อไหร่ก็ได้เพราะคนกันเอง ในโลกนี้เขาใช้เงินบาทกัน ไม่ได้ใช้เงินเบี้ย ไม่มีใช้จะลำบาก พวกอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกับแม่ค้าแถวนี้ก็กู้กันทั้งนั้น ถ้าหลานชายสนใจละก็ สามารถเอาเงินไปตอนนี้ได้เลยนะ”

    ทนายหน้าหอหัวเราะเสียงแหลมดังฮี้ๆ ฟันในปากเหยินสีดำน่าเกลียดเพราะชอบบริโภคหมากเป็นชีวิตจิตใจ พอเปิดกระเป๋าเจมส์บอนออกมา ที่นอกจากเอกสารเงินกู้ที่ลูกหนี้จะต้องปั๊มนิ้วโป้งติดเลือด พร้อมวันเดือนปีเกิด หากใครคิดเบี้ยวหนี้จะต้องโดนคุณไสยเข้าตัวทุกรายไป  นอกจากนี้ยังมีเงินสด คือธนบัตรสกุลเบี้ยสกุลเงินบาทกับเงินดอลล่าอีกเป็นปึ๊ก

              “หยิบเอาไปเลยพ่อหลานชาย ไม่ต้องทำสัญญงสัญญาให้ยุ่งยาก แค่ 1ล้านโกฏิ (= 1พันล้านบาท) หลานชายใช้จ่ายสบายๆ กินอยู่อย่างราชา”

    เงินมันช่างละลานตาเสียจริง คิดดูในกระเป๋ากางเกง  มีแต่เศษสตางค์เงินบาทเอาไว้จ่ายค่ารถเมล์กับซื้อน้ำกิน  ในโลกนี้เขาเป็นเด็กวัด หลานสัปเหร่อ ฐานะยากจนเหลือประมาณ ไม่ได้มีหน้ามีตาเหมือนในเมืองหิมพานต์ เวทย์ถูกความโลภเข้าครอบงำ กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบธนบัตรเข้าให้แล้ว รักยมในขวดสั่นใหญ่เพื่อเตือนสติผู้เป็นนายที่กำลังจะเสียท่าผู้มีใจอธรรม

    “ยังก่อนขอรับ เพลานี้ กระผมยังไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน” แววตาของเวทย์กลับมามีความแน่วแน่อีกครั้ง นึกขอบคุณรักยมที่ช่วยเตือนสติ

    “เช่นนั้นฤา พ่อหลานชาย”

    ปู่โสมเสียงอ่อนลง ทนายหน้าหอรู้สึกเจ็บใจไม่น้อย อีกนิดเดียวที่เด็กหนุ่มจะแตะกระดาษ เมื่อใดที่ใครก็ตามได้สัมผัสเงินตราพวกนี้ จะต้องโดนคุณไสยเข้าควบคุมจิตใจ ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว เกินฐานะและรายได้ แล้วจะต้องกลับมากู้เงินอีก จนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ตกเป็นทาสของพวกตนตลอดไป

    กว่าจะผ่านปู่โสมกับทนายหน้าหอมาได้ เวทย์เดินจ้ำๆ ผ่านประตูห้องเรียน วันนี้บรรยากาศมันอึมครึมพิกล มองดูเพื่อนๆแต่ละคนนั่งจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของมหา’วิทยาลัย ยกเว้นแต่สุริยันที่นอนเอกเขนกกินพื้นที่นั่งคนอื่น โดยมีโข่งคอยบีบนวดแข้งขาให้ หากปู่โสมหาเหตุที่ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว หาทางยึดที่นี่ได้สำเร็จ สุริยันจะสบายกว่านี้อีก พี่น้องกินนรกินรีกวักมือเรียกเวทย์ใหญ่ ข้างๆ ยังมีเพชรกับอรัญญานี สีหน้าแต่ละคนไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

    ในตอนนี้ทางฝ่ายผู้บริหารได้ขอเลื่อนการจ่ายเบี้ยประจำเดือนไปก่อน ไหนจะดอกเบี้ยของอาจารย์ที่เป็นหนี้กันถ้วนหน้า ได้ผัดผ่อนยืดเวลาการถูกยึดทรัพย์ไปก่อน เวลานี้เหล่าอาจารย์จะไม่ใช้จ่ายกันแล้ว เวทย์ได้ยินถึงกับสะเทือนใจ เมื่อครู่ตนเองยังเกือบเป็นลูกค้าปู่โสมเข้าให้แล้ว  แต่ละคนคงลำบากกันมาก

    “จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

    “ฉันจะขอเงินเตี่ย เอามาให้ใช้ก่อน”

     อาคุงเอ่ยขึ้น เหมยลี่สั่นหน้า

    “เงินไม่ใช่น้อยๆ  เตี่ยหมุนมาให้ไม่ไหวหรอก”

    ทุกคนต่างใช้ความคิด กินนรกินรีนั่งเอามือเท้าคางหน้ามุ่ย เพชรพญาธรดีดกีตาร์แช่มช้าในจังหวะเศร้า บ่งบอกอารมณ์ของทุกคน หากเปลี่ยนผู้บริหารมหาวิทยาลัยมาเป็นปู่โสม โฉมหน้าของที่นี่ไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน  เวทย์เหมือนติดหลอดไฟแห่งปัญญา ดีดนิ้วดังแป้กเสนอความคิดของตนเองทันที      

    “ถ้าเช่นนั้นพวกเรา นักศึกษาช่วยกันระดมทุนกันเถอะ”

         ฉันเห็นด้วย! เวทย์ขอบใจเธอมากนะที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้  ถ้าขืนปู่โสมได้มาบริหาร คงขึ้นหน่วยกิต  กับค่าบำรุงการศึกษาแพงๆ แน่ ฉันมาเรียนที่โลกก็เพราะเห็นค่าใช้จ่ายถูกนี่แหละ”  อรัญญานีโพล่งออกมาดังๆ แล้วเก็บสีหน้าให้นิ่ง เมื่อรู้ว่าเผลอความลับออกไป แสร้งมือเสยผมให้เข้ารูป เหมยลี่แอบขำ อรัญญานีขี้งกแต่ชอบใช้แต่ของแบรนด์เนม คงจะมีผู้ชายไม่น้อยคอยเปย์ให้

        โอ๊ส..เยส! ตึงตึงตึงตึง..มือกีตาร์เร่งจังหวะให้เร้าใจขึ้น

          “ฉันออกเบี้ยก่อนเลยนะ”

    อรัญญานีหยิบเบี้ยจากกระเป๋าถือใบหรู  มารวมไว้ที่เวทย์ก่อนเลย ไม่วายกิ๊กตาข้างซ้ายปล่อยเสน่ห์ใส่หนึ่งทีเป็นแสงวิ้งๆ  เวทย์ขนลุกเกรียวหันข้างให้ เธอสวยจริงๆแต่อย่าหวังทำลายตบะนักศึกษาดีเด่นของเขาได้เลย

    กล่องรับบริจาคถูกนำมาเดินเรี่ยไร เพื่อนักศึกษาต่างช่วยหยอดเบี้ยกันคนละเล็กละน้อย ยังไงก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ต่างคิดเหมือนกัน ถ้าปู่โสมมายึดเอาไปบริหารเอง น่ากลัวจะหาทางถอนทุนคืน โดยการขึ้นค่าหน่วยกิต กับค่าบำรุงมหา’วิทยาลัย

    สุริยันเหล่ตามองอยู่ เริ่มมีเขี้ยวยักษ์งอกออกมา เวทย์เป็นตัวตั้งตัวตีอีกแล้ว คงอยากเอาหน้ากับหญิง และกับพวกอาจารย์  อย่าหวังเลยมหาวิทยาลัยจะรอดจากการถูกยึด  ปู่โสมบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยมากมาย โดยวางเงื่อนไขหากนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะต้องถูกฟ้องเรียกเงินคืนพร้อมทั้งดอกเบี้ย ลูกแกะหลงกลหมาป่าเข้าให้แล้วคงรอดยาก

         “อาจารย์เข้มมาแล้ว!

    นักศึกษาคนหนึ่งตะโกนขึ้น ต่างกรูเข้าไปประจำที่นั่งของตน อาจารย์เดินตรงไปหยิบชอล์กขึ้นหัวข้อบนกระดาน   สุริยันหลับอยู่ถูกโข่งเร่งปลุกถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นมาโวยวาย อาจารย์อยู่ในชุดสีดำทั้งตัว สะพายย่ามมีไม้เรียวติดมาด้วยถึงกับหันมามองตาเขียว หนวดโค้งเว้าแบบคนโบราณกระตุกถี่ๆ

    อาจารย์เข้ม ประจำวิชาภูมิศาสตร์ สอนได้ทั้งเหาะเหินเดินอากาศ มุดน้ำ ดำดิน แยกภูเขา เรียกฝน เรียกพายุ เวทมนต์คาถาขลังยิ่ง เพราะเป็นหมอผีอันดับหนึ่งของประเทศ ที่มหาวิทยา’ลัยเชื้อเชิญให้มาสอนเป็นกรณีพิเศษ ภูมิลำเนาเดิมท่านมาจากทางภาคอีสาน เป็นมนุษย์หน้าดุที่จริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นอาจารย์คนเดียวที่ทำให้ยักษ์อย่างสุริยันกลัวได้

    ชั่วโมงเรียนของอาจารย์คนนี้เป็นที่รู้กันดีว่า เข้ม งวดมาก หนวดทรงรั้งขมวดแบบคนโบราณ อย่าให้ได้กระตุก มันจะเป็นดัชนีชี้วัดระดับความโมโห นักศึกษาได้รู้ฤทธิ์หวายลงอาคมกับข้าวสารเสกแน่ เคยสร้างประวัติจับนักศึกษาที่เกเรียนใส่หม้อถ่วงน้ำมาแล้ว ในชั่วโมงนี้แทบไม่ต้องกระดิกตัวกันเลย

         เอาละวันนี้เราจะมาเรียน และปฏิบัติจริงพิธีแห่นางแมวขอฝน จำเอา ไว้นะนักศึกษา หัวใจสำคัญของการขอฝน คือการอ้อนวอนขอพญาแถนบนฟ้าให้ประทานน้ำฝนลงมา ผู้ประกอบพิธีจะต้องร้อง และร่ายรำจนเป็นที่พอใจของพญาแถนจึงจะได้น้ำฝน อาจารย์ได้เขียนเนื้อร้อง แห่นางแมวบนกระดานแล้ว เอาล่ะนักศึกษาร้องตามอาจารย์นะแล้วตบมือตามด้วย”

    นางแมวเอย   ขอฟ้าขอฝน  ขอน้ำมนต์รดหัวแมวบ้าง...

    ตบมือพร้อมกัน

    ขอเบี้ยค่าจ้างหามนางแมวมา...

    ตบมือพร้อมกัน

    ซื้อผักซื้อปลาให้นางแมวกิน ถึงเมืองพระอินทร์ฝนก็เทลงมา...

          “เฮ้ยๆๆๆ เมื่อกี้ใครร้องเพี้ยน!”

    หวายลงอาคมฟาดกับโต๊ะดังเปรี้ยง ถึงจะอยู่ไกล ฤทธิ์ของหวายก็ไปถึง นักศึกษาแต่ละคนถึงกับเหงื่อตก ไม่รู้ว่าใครจะโดนหวายคนแรก

         “ร้องใหม่!

    นางแมวเอย ขอฟ้าขอฝน ขอน้ำมนต์รดหัวแมวบ้าง...

    ตบมือพร้อมกัน

    “หยุดๆๆๆ เพี๊ยะ!”

    สุริยันโดนเป็นคนแรกถึงกับหลังแอ่นร้องเจี๊ยก!..

             “ร.เรือ เป็น ล.ลิง ได้ไง! รดไม่ใช่ลด อักขระใช้ไม่ได้ เอาใหม่!”

    อาจารย์ช่างเข้มงวดสมชื่อเสียจริง นักศึกษาแต่ละคนต้องปาดเหงื่อ พวกแบกเสลียงพากันตัวเกร็งไปหมด  แผ่นหลังโดนหวายไปหลายทีแล้ว  พวกหมอลำสาวพลอยแย่ไปด้วย ไม่รู้จะโดนตอนไหน

    นางแมวเอย   ขอฟ้าขอฝน  ขอน้ำมนต์รดหัวแมวบ้าง...

    ตบมือพร้อมกัน

    ขอเบี้ยค่าจ้างหามนางแมวมา

    ตบมือพร้อมกัน

    ซื้อผักซื้อปลาให้นางแมวกิน ถึงเมืองพระอินทร์ฝนก็เทลงมา...

          “เฮ้ย! เจ้าเพชรพญาธรน่ะ ท้ายเสียงห้วนเกินไป ให้มันมีลูกเอื้อนบ้าง!

    พอถึงเดือนหก  ฝนฟ้าไม่ตก  อกลูกแทบแตก...

    ตบมือพร้อมกัน

    แบกแอกแบกไถ จะไปไถนา  ปั้นเมฆเสียก่อน  มีละครสามวัน...

          เฮ้ย! ให้มันมีลูกคอบ้าง!  ร้องแข็งอย่างกับสาก แล้วเมื่อกี้ใครร้อง เสียเป็นเสือ ภาษาไทยวิบัติผิดเพี้ยนหมด แล้วไอ้ท่อนพอถึงเดือกหก คำว่าหกคำนี่ก็ออกเสียงโตเกินไป ท่อนอกลูกแทบแตก คำว่าแตกมันแผ่วลงคอ” ”อาจารย์เข้มหูไวมาก ไม่มีหลุดสักเม็ด นักศึกษาแต่ละคนโดนหวายร้องเจี๊ยกจ๊าก พลางครางซู้ดปากกันเป็นแถว

              เปลี่ยนจากร้องก็มาล้อมวงแบบหมอลำ สุริยันกับโข่งลำได้ไม่เอาไหนที่สุดต้องแบกคานหามนางแมวอยู่กลางวง ท่าทางเก้กัง อรัญญานีลำได้สวยที่สุดเป็นผู้นำ เวทย์เองต้องกัดฟันเรียนเลย วิชาของอาจารย์เข้มเรียนยากมาก

    นางแมวเอย   ขอฟ้าขอฝน  ขอน้ำมนต์รดหัวแมวบ้าง

    ขอเบี้ยค่าจ้างหามนางแมวมา ซื้อผักซื้อปลาให้นางแมวกิน

    ถึงเมืองพระอินทร์ฝนก็เทลงมา พอถึงเดือนหก  ฝนฟ้าไม่ตก 

    อกลูกแทบแตก แบกแอกแบกไถจะไปไถนา  ปั้นเมฆเสียก่อน 

    มีละครสามวันหัวล้านชนกัน ฝนก็ลั่นลงมา ฝนก็ลั่นลงมา 

    นางแมวเอย ร้องแกวแกวอยู่ข้างถนน ขอน้ำมนต์รดหัวแมวบ้าง

    ขอเบี้ยค่าจ้างรดหัวแมวมา ขอเบี้ยค่าจ้าง.

    เห็นนักศึกษาลำแล้ว อาจารย์เข้มมีสีหน้าบิดเบี้ยว เอามือกุมท้องเหมือนกำลัง ปวดตับอย่างแรง ทำไมสอนถึงขนาดนี้ยังร้องลำกันไม่ได้อีก แล้วท่านพญาแถนจะประทานน้ำฝนลงมาได้ไง

    “เอาล่ะ อาจารย์จะลำขอฝน ให้ดูเป็นตัวอย่าง”

    เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้า อาจารย์หนวดโค้งเอียงหัวไปทางด้านขวาอย่างอ่อนช้อยราวกับหุ้น พร้อมกับวาดมือเป็นกลมๆและสลับเอียงหัว  จากช้าเป็นเร็ว  ไปทางซ้ายและกลับมาขวาตามจังหวะเวทย์มองอย่างเลื่อมใสอาจารย์เข้มร่ายรำได้อย่างเทวดา

    ท่าฟ้อนแคบ มือทั้งสองข้างอยู่ระดับเอว ส่ายมือไปมาทางด้านซ้ายและขวาลอยหน้าเชิดโดยเฉพาะช่วงเอวช่างพลิ้วไหวได้ราวกับสายลม

    นักศึกษาแต่ละคนถึงกับอ้าปากค้าง โดยเฉพาะกับอรัญญานีที่ตบมือให้เลย

          “อาจารย์ลำได้สวยจริงๆ ค่ะ อ่อนช้อยอย่างกับหมอลำมืออาชีพ

           จำเอาไว้นะนักศึกษา การร่ายรำจะต้องอ่อนช้อยงดงาม พอถึงจังหวะฮุกจะต้องลำอย่างสนุกสนานด้วย พญาแถนท่านถึงจะพอใจ แล้วประทานน้ำฝนมาให้” ”อาจารย์เข้มถึงกับเอาผ้ามาซับเหงื่อ รู้สึกภูมิใจไม่น้อย ต่อให้ราชาหมอลำอย่างเฉลิมพล มาลาคำ มาท้าแข่งกันได้เลย

         “เอาละนักศึกษาหมดเวลาเรียนแล้ว   ชั่วโมงหน้าให้ไปอ่านตำรา เลือกนางแมวที่จะใช้ในพิธีแห่ไว้ด้วย   เราจะศึกษาคุณลักษณะ แมวที่เป็นมงคลเป็นยังไง

     สุริยันกับโข่งถึงกับครางเฮ้อ...เข่าอ่อน ทรุดลงฮวบ รอดตายจากอาจารย์จอมเฮี้ยบไปอีกครั้ง

    คล้อยหลังอาจารย์เข้ม สุริยันเจ็บแค้นที่โดนหัวเราะเยาะ ทิ่มหมัดใส่หน้าเพชรพญาธรคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดทันที  เจ้ามือกีตาร์ทรงผมแอฟโฟรแสยะฟันยิ้ม ด้วยคอยท่าอยู่แล้ว เบี่ยงตัวหลับวิถีหมัดได้ทัน ก่อนดีดสายคีย์แหลมสูงโจมตีใส่ สุริยันถึงกับเอามืออุดหูร้องว๊าก!

         “ไม่พอใจแล้วจะทำมายเจ้ายักษ์ แกร้องเพลงเพี้ยน ลำก็ไม่ได้เรื่องทำให้พวกเราพลอยโดนหวายของอาจารย์เข้มไปด้วย

    เปิดศึกคู่แรกยักษ์กับคนธรรพ์  อรัญญานีกำลังอารมณ์ไม่ดี  รี่เข้ามาตบเพชรพญาธรที่สีข้างดัง พัวะ! ทีเดียวตัวลอยลิ่วไปชนฝาห้อง  ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลผิดรูปร่างบอบบาง กินนรกินรีเข้าสกรัมคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

    ที่ทนๆ กันอยู่ในชั่วโมงเรียน มันต้องระบายกันบ้าง ตะลุมบอนกันอย่างไม่สนว่าใครจะเป็นใครแล้ว เวทย์ก้มหัวหลบเก้าอี้ลอยได้ทันอย่างฉิวเฉียด

            “พอๆ เถอะขอรับ! เราเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน อย่าตีกันเลยขอรับ”

    ไม่รู้ว่านี่เป็นการตีกันครั้งที่เท่าไรในห้องเรียน บางครั้งเกิดขึ้นเพราะร้อนวิชา

    ตูม! ตูม! โครม! โครม!

    เปล่าประโยชน์ ห้องเรียนกลายเป็นสนามรบไปแล้ว พื้นห้องถึงกับไหวยวบเมื่อสุริยันขยายร่างให้ใหญ่ยักษ์กวาดต้อนคู่อริ ภูตผีปีศาจในห้องล้วนแล้วแต่อิทธิฤทธิ์ร้ายกาจกันทั้งนั้น รบกันเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครยอมใครเลย

         “ถ้าไม่หยุด   กระผมจะใช้   มาตรการขั้นเด็ดขาดนะขอรับ! 

           “แล้วจะทำไมข้า!“”

    ยิ่งสู้ยิ่งคึกเพราะเรียนเอกคงกะพันชาตรี  ยักษ์สุริยันกับยักษ์โข่งหันมาจะบดขยี้เวทย์ให้แหลกคามือ  รีโมทพันคาถาชูขึ้นมากดปุ่ม Stop ด้วยคาถานะจังงัง ทั่วทั้งห้องหยุดชะงัก มีแต่คนอ้าปากค้าง ลูกตากรอกไปมาขยับกันไม่ได้เลย เวทย์ครางฮึ่ม ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องใช้ไม้แข็ง  กดปุ่มอัสนีบาตร ฟาดเปรี้ยง! เดียว ทุกคนตัวดำเกรียมเหมือนถูกฟ้าผ่า ยุติศึกได้อย่างเด็ดขาด เวทย์กลับไปนั่งเก้าอี้เตรียมเรียนวิชาต่อไป อรัญญานีหัวฟูหน้าดำถึงกับยืนกุมมือกับอกรู้สึกเป็นปลื้มมาก  ช่างเก่งกาจมาก คนเดียวสามารถสยบภูตผี เทวดา นางฟ้าในห้องนี้ซะอยู่หมัด

    สุริยันพ่นควันออกจมูก มองเวทย์แทบจะพ่นไฟออกจากตา ไม่เห็นจะเก่งตรงไหนเลยก็ดีแค่ใช้เครื่องทุนแรง นึกขึ้นมาได้ว่า ตนเองไม่เคยมีของแบบรีโมทพันคาถาเอาไว้ใช้งานเลย ใช้ศอกสะกิดสีข้างโข่งกระซิบกระซาบ

    “เห็นทีจะต้องมี รีโมทพันคาถามาใช้บ้างแล้ว

            “ห๊า! อะไรนะลูกพี่” โข่งตาแทบถลน

          รีโมทพันคาถาอันหนึ่ง มันราคาแพงมากนะ ลูกพี่มีเบี้ยพอจะซื้อเหรอ

    ตบป๊าบที่ท้ายทอยลูกน้อง  ไม่รู้จะเสียงดังทำไม

          มีดิ ก็ขอเบี้ยจากปู่โสมไง”

    ลิ่วล้อคิ้วเหล่ทันที แอบส่ายหน้า ปู่โสมตั่งหนืดจะตาย ถึงจะเป็นหลานก็ไม่ใช่จะขอเบี้ยได้ง่ายๆ ความสุขของปู่โสมคือการได้เงิน และจะสุขบรมมากกว่า ถ้าวันๆ ไม่ต้องใช้เงินเลย วันไหนหลานชายขอเงิน วันนั้นฝาเรือนจะพัง  ยักษ์สุริยันเลียปากหัวเราะแฮะอย่างเจ้าเล่ห์

    ขอมาได้แล้วกัน เงินของปู่โสม..



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×