คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ★BlackMail Top Secret : Breathless !? [Bank*Mu] [100%]
BlackMail ★
S PECAIL CHAPTER : Breathless !? [ BANK*MUNICH ]
“ ไหนวะไอ้อิทอ่ะ? กูยังไม่เห็นมันเลยเนี่ย!! ”
ผมสะบัดมือเรียวของไอ้คนที่ลากผมแวะดูร้านนู่นนี่นั่นในห้างก่อนจะมาจบด้วยการยืนอยู่หน้าเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ไอ้คนโดนถามมันทำหน้านิ่งๆก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งเหมือนมันพึ่งนึกออกว่ามันบอกผมว่าให้เข้ามาสะกดรอยตามไอ้น้องรหัสตัวดีของผมด้วยกัน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็เห็นมันทำแค่ลากผมเดินดูของทั่วห้างก่อนจะมายืนต่อคิวซื้อตั๋วอยู่หน้าโรงหนังเอาเสียดื้อๆ แล้วไหนว๊า ไอ้อิทอ่า มึงมั่วรึเปล่าเนี่ยไอ้ล็อตไวเลอร์!!! -*-
“ น้องอิทคลาดสายตาไปแล้ว
แต่ช่างเหอะ ดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยสิมิวนิก ”
มันพูดหน้าตาเฉยก่อนจะหันไปบอกพี่พนักงานขายตั๋วคนสวยว่าขอซื้อตั๋วสองที่พร้อมกับชี้เลือกที่นั่งเสร็จสรรพ O[]O!! ผมที่ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ด้วยความอึ้งปนงงที่จู่ๆไอ้บ้าแบงค์มันก็บอกว่าไม่สนใจจะตามล่าน้องรหัสของผมเสียอย่างนั้น อะไรของมึงเนี่ย? มึงเห็นน้องรหัสกูสำคัญน้อยกว่าหนังหรือไงวะเนี่ย? หรือว่ามึงแค่อยากดูหนังเลยอ้างเรื่องไอ้อิทเพื่อลากกูมาเป็นเพื่อน ?? -_- หรือกูคิดมากไปเอง?
. ว่าแต่ไอ้เหี้ยแบงค์ ใครเค้าจะดูหนังกับมึงวะ!!
“ เชิญดูไปคนเดียวเลยไอ้หอกหัก!! กูจะกลับบ้านแล้ว ”
ผมว่าก่อนจะอาศัยโอกาสเดินหนีช่วงที่มันหันไปจ่ายเงินให้พี่คนขายตั๋ว อะไรของมึงวะ? ให้กูคนที่เกลียดขี้หน้ามึงฉิบหายวายป่วงมานั่งดูหนังเป็นเพื่อน ใช้สมองส่วนไหนคิดหรอครับไอ้ถั่วงอก?? ให้กูดูหนังกับมึง กูขอผูกคอตายใต้ต้นผักชียังรู้สึกดีกว่าอีก(?) =_= พอผมพูดจบก็เดินลิ่วออกมาโดยไม่สนใจไอ้คนที่ยื่นแบงค์ห้าร้อยให้พนักขายตั๋วแล้วรีบวิ่งตามผมออกมาพร้อมตั๋วหนังสองใบในมือโดยไม่รอแม้แต่เงินทอนที่กำลังจะถูกยื่นให้
“ มิวนิก!... เดี๋ยวดิ่! ”
ไอ้ประธานฝ่ายปกครองปีสามที่วิ่งตามผมมาจนถึงบันไดชั้นล่างถัดลงมาหนึ่งชั้น พร้อมตะโกนเรียกขึ้นเสียงดังโดยไม่แคร์สายตาหลายๆคู่ที่หันมามองการไล่ล่า(?)ของเราสองคนอย่างสนอกสนใจ ผมวิ่งไปพลางเหลียวหลังมองไอ้แบงค์ที่แหกปากแล้ววิ่งตามลงมาติดๆ มันตะโกนเรียกชื่อผมดังมากจนคนโดนเรียกอย่างผมต้องรู้สึกอายแทน เหี้ย!! มึงไม่อายก็ช่วยคิดบ้างว่ากูอาย >O< ถ้าจะแหกปากแล้ววิ่งตามกูขนาดนะ กูว่ามึงไปเรียกยามมาช่วยไล่จับกูด้วยเลยดีกว่าแสส!! -0-
“ มิวนิก!! รู้ไหมว่าแบล็กเบอร์รี่มันอัพโหลดรูปลงเฟสบุคใช้เวลากี่วินาที!!? ”
มันขู่ผมเสียงเข้มก่อนที่มือเรียวนั่นจะคว้าเข้าที่ข้อมือของผมแล้วกระชากจนผมเซเข้าชนราวบันได ผมจำได้ว่าตัวเองนิ่วหน้านิดหนึ่งและรู้สึกเจ็บบริเวณต้นขาที่ชนเข้ากับราวบันไดเหล็กเย็นๆนั่นอย่างจัง หากแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกโกรธมากกว่าที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนปั่นหัวเล่นอยู่เต็มๆ ไหนจะเรื่องไอ้อิท ไหนจะเรื่องรูปงี่เง่า แล้วไหนจะเรื่องที่อยู่ไม่อยู่ก็พูดเชิงว่าอยากดูหนังกับผม มึงจะเอาอะไรกับกูวะครับ? เมื่อก่อนมึงเป็นคนแบบนี้หรือไงวะแบงค์ เฮ้ยกูสับสนนะเว้ย!! แล้วคนอย่างกูก็โมโหเป็นนะ ลากกูไป ลากกูมาแถมขู่อย่างนี้ เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ?
“ จะกี่ร้อยกี่พันวินาทีก็ช่างหัวแม่งมันดิ่!! มึงต้องการอะไรกันแน่วะ!!? ปั่นหัวกูสนุกมากเลยใช่ไหม!!? ”
ผมสะบัดข้อมือสุดแรงก่อนจะหันมาตวาดใส่ใบหน้าหล่อที่ตีหน้าขรึมดูหงุดหงิดไม่แพ้กัน คิ้วเรียวนั่นขมวดมุ่นพร้อมกับนัยน์ตาคมที่จ้องมายังผมไม่ห่าง ทันทีที่พูดจบ ผมรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่หอบหายใจถี่พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวเพราะความเหนื่อยจากการวิ่งหนี
หรือไม่ก็ที่หัวใจมันเต้นถี่รัวเพราะความรู้สึกแปลกปลอมบางอย่างที่จู่โจมเข้ามา
ผมเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อที่ผมสุดแสนจะเกลียดนั่นหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับกำลังสงบสติอารมณ์หงุดหงิดของมันเช่นกัน ผมกับมันยืนนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ จนผมไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใกล้ๆกับบริเวณบันไดเล็กลงไปชั้นจอดรถใต้ดินใกล้ๆกับสถานที่ซึ่งผมนัดให้ที่บ้านมารับ
“ โอเค ฉันผิดเอง นายบอกแล้วว่าไม่อยากดู
นายนัดกับที่บ้านไว้ตรงไหน เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง ”
“ เรื่องของกู!! เชิญมึงไปตามหาไอ้อิทมาดูหนังเป็นเพื่อนเอาตามสบายเลย!! ”
“ มิวนิก!! ”
มันเอ่ยถามขึ้นนิ่งๆหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง หากแต่ผมที่กำลังโกรธจัดเรื่องที่มันใช้รูปงี่เง่านั่นขู่ผมครั้งแล้วครั้งเล่านั่นกลับเป็นคนตวาดใส่มันก่อนเสียเอง มันที่ดูจะหมดความอดทนคว้าเข้าที่ต้นแขนของผมอีกครั้งก่อนจะกระชากไม่แรงนักหากแต่ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เซเข้าปะทะกับอกแกร่งๆของไอ้บ้านั่น
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมใจหายวาบเมื่อรับรู้ว่าจมูกของตัวเองสัมผัสกับจมูกโด่งสันภายใต้โครงหน้าหล่อเหลานั่นอย่างจัง ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะเข้าบริเวณผิวปากพาเอาทุกสติสัมปชัญญะและความสามารถการคิดคำนวณให้หายไปราวกับเล่นมายากลล้างสมอง ใบหน้าหล่อนั่นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบ พอๆกับนัยน์ตาคมกริบที่สบประสานลงมาราวกับจงใจ
“ พูดกันดีๆไม่ได้หรือไง? ”
คนที่ยืนเบียดกับผมอยู่บนทางแคบๆของบันไดทางลงชั้นใต้ดินซึ่งไม่บ่อยนักจะมีคนเดินผ่านมันถามขึ้นเบาๆ ใบหน้าหล่อกับสายตาจริงจังนั่นจับจ้องมายังผมไม่วางตาพร้อมกับมือเรียวที่ฉุดผมไว้ข้างกายแน่นไม่ยอมให้ขยับเขยื้อนทั้งๆที่ใบหน้าของเรานั่นชิดกันจนแทบจะเรียกได้ว่าใช้ลมหายใจร่วมกัน
“ แล้วกูมีเหตุผลอะไรที่จะต้องพูดดีกับคนที่ตัวเองเกลียดด้วยวะ?? ”
“
”
แล้วปากก็เร็วกว่าความคิดดังเช่นทุกครั้งที่ผมเคยเป็น
ผมได้ยินเสียงประโยคที่ตัวเองพึ่งเอ่ยออกไปดังก้องแจ่มชัดอยู่ในหัวพร้อมๆกับที่อีกฝ่ายก็นิ่งงันไปราวกับเจอเรื่องไม่คาดฝัน ใบหน้าหล่อนั่นผละห่างออกไปจากใบหน้าของผมช้าๆ ก่อนที่มือเรียวนั่นจะค่อยๆเบาแรงบีบที่เคยกำแน่นที่ต้นแขนของผมจนเหลือไว้เพียงมืออุ่นๆที่จับไว้แผ่วเบา
ริมฝีปากบางของคนตรงหน้ายกยิ้มที่ดูฝืนๆมาให้ ก่อนที่น้ำเสียงเบาหวิวนั่นจะเอ่ยประโยคที่ผมเองก็ไม่เคยหาคำตอบจริงจังให้ตัวเองสักที
.
“ เกลียดฉันมากเลยหรอมิวนิก? ”
“
. ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ น้องมิว เป็นอะไร? ”
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อเสียงทุ้มของพี่ชายที่ทำหน้าที่มารับเอ่ยทักขึ้น ผมหันไปยิ้มแหยๆให้เจ้าของใบหน้าหล่อคมกว่าผมมากโขที่นั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ อีกฝ่ายซึ่งเป็นพี่ชายของผมถามย้ำมาอีกครั้งก่อนที่ผมจะส่ายหน้าแทนคำตอบกลับไปเช่นเคย
จำได้ว่าตัวเองครุ่นคิดเรื่องราวแค่ไม่กี่ชั่วโมงมานี่อยู่หลายรอบพร้อมกับพยายามตอบคำถามที่ใครบางคนทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะเดินหนีไปเสียดื้อๆ...
‘ เกลียดฉันมากเลยหรอมิวนิก? ’
เสียงของไอ้ปอปกนั่นดังขึ้นอีกครั้งในห้วงความคิดสั้นๆที่ผมเผลอใจลอย ผมที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ศีรษะตัวเองไล่ทุกความคิดบ้าบอนั่นออกจากสมอง
.
“ พี่มิว โอเคไหนเนี่ย?? หรือว่าแม็กมันขับรถงี่เง่าเกินไปจนพี่มิวเครียด -0- ”
น้ำเสียงทุ้มแตกพล่ากวนๆแบบเด็กมอปลายดังขึ้นจากเบาะหลังพร้อมๆกับที่ผมรู้สึกถึงใบหน้าหล่อของน้องชายคนเล็กที่ยื่นเข้ามาพาดบ่า มืออุ่นของคนที่อยู่ด้านหลังเบาะเอื้อมมาบีบที่แก้มผมเล่นเบาๆก่อนจะหันไปหาเรื่องพี่แม็กอันเป็นพี่ชายคนโตของบ้านที่กำลังขับรถอยู่
“ น้อยๆหน่อยมินิท อย่าลามปากให้มันมาก ฉันเป็นพี่ชายแกนะ -O- ”
“ อ๋อหรอแม็กคานิก ถามรึยังว่าฉันนับนายเป็นพี่ชายไหม?? -_- ”
ผมฟังเสียงพี่ชายคนโตทุ่มเถียงกับน้องคนเล็กแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างทุกที เสียงทุ้มสองเสียงที่ต่อล้อต่อเถียงกันเสมอเหมือนปรกติเวลาที่เราสามคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน ผมมองตามใบหน้าหล่อของ ’ มินิท ’ น้องชายคนเล็กที่ทำหน้าที่ก่อกวนพี่คนโตของบ้านที่ชื่อพี่ ‘ แม็กคานิก ’ อยู่ไม่ขาด
ถึงใบหน้าผมในตอนนี้อาจจะยิ้มแย้มร่าเริงดังเช่นที่ปรกติเคยทำและเคยเป็น หากแต่เรื่องราวที่วนเวียนคุ่นคิดอยู่ในหัวของผมในตอนนี้กลับมีเพียงคำถามที่ฟังดูงี่เง่าไม่น่าเก็บเอามาใส่ใจของไอ้ปอปกที่ดังก้องกลับไปกลับมาไม่หยุด
.
.
.
.
.
.
.
.
‘ เกลียดฉันมากเลยหรอมิวนิก? ’
Talk Talk Talk : ขอลงปอปกปอเชียร์อีกสักตอน อิอิ และเนื่องจากหมั่นไส้พี่แบงค์และพี่มิวขึ้นมาเสียดื้อๆ(?)เลยจับสองคนนี้ดราม่ากันซึ่งๆหน้าเลยทีเดียว กร๊ากกกกก (โดนคนอ่านรุมตบ >O<) ตอนหน้ายังไม่แน่ว่าคู่ไหนจ้า ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ^O^
Ps. เอาเป็นว่าสารภาพบาปค่ะ T^T ความจริงไม่ได้กะให้ดราม่าเลย แต่อารมณ์พาไปจริงๆ คือแบบว่า แก้แล้วแก้อีกยังไงคู่นี้ก็ดราม่าอยู่ดี เลยตัดสินใจว่า เออหน่ะ ดราม่าก็ดราม่าวะ!! เดี๋ยวไม่งั้นมันจะร่าเริงเกินไปแล้วนิยายเรื่องนี้ แต่คงไม่ดราม่าน้ำตาท่วมจอหรอกค่ะ จีกะดราม่าแบบฮาๆ
Ps. ลูกชายหม่อมแม่โผล่แว่บๆมาอีกสองคนแว้ว พี่แม็ก(Mechanic)กับน้องมินิท(Minute) แหมชอบชื่อลูกชายบ้านนี้จัง เอิ๊กๆ
beyo ng
ความคิดเห็น