ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรหน้ากากสิงห์ ตอน ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!

    ลำดับตอนที่ #16 : สุภาพบุรุษที่ชื่ออาร์ท พิสุทธิ์ (ภาคอดีต) 100% เพิ่มเนื้อหา-เพิ่มเพลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      0
      17 ต.ค. 63


    ตอน สุภาพบุรุษที่ชื่ออาร์ท พิสุทธิ์

    ภายในห้องเรียนศิลปะของโรงเรียนทวีศิลป์ ถิรญากำลังตั้งอกตั้งใจสาละวนอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง นั่นคือการทำงานศิลปะโครงไม้ส่งอาจารย์นั่นเอง เด็กสาวกำลังเพลิดเพลินอยู่กับมัน จนไม่รู้ว่า มีใครคนหนึ่ง มาแอบยืนมองเธออยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว

              “ขยันจริงนะครับคุณมิ้นท์ ให้พี่ช่วยมั้ย” อาร์ท พิสุทธิ์ รุ่นพี่โรงเรียนทวีศิลป์และอดีตประธานสภานักเรียน ผู้ที่ถิรญาให้ความเคารพรักเสมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง ถึงแม้จะจบการศึกษาไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังแวะเวียนมาที่โรงเรียนเก่าสม่ำเสมอ อาร์ทเคยเป็นดาวเด่นประจำโรงเรียน เขาเรียนหนังสือเก่ง เล่นกีฬาเป็นเลิศ แถมยังเป็นอัจฉริยะในการวาดภาพจนอาจารย์และเพื่อนร่วมรุ่นรู้กันดี รวมทั้งรุ่นน้องต่างพากันโจทจันท์ในฝีมืออันเลื่องลือของเขา

              “อ้าว! พี่อาร์ท แอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ไม่ส่งเสียงทัก มิ้นท์มัวแต่ทำงานเพลิน ไม่ได้ไหว้พี่อาร์ท” เด็กสาวสะดุ้งนิดนึง รีบยกมือไหว้เขาที่อาวุโสกว่า เธอตกใจที่เขาเข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง แต่กระนั้นด้วยความเป็นคนนุ่มนวลอ่อนโยนในนิสัยจึงเชื้อเชิญเขาอย่างมีมรรยาท

              “นั่งพักกินน้ำก่อนค่ะ เหนื่อยรึเปล่า ไปไหนมา ไม่ได้เห็นตั้งหลายวัน” เด็กสาวรีบกุลีกุจอไปกดน้ำเย็นในแท๊งอาคารเรียนมาให้ เด็กหนุ่มรีบรับมาดื่ม รู้สึกชื่นใจ แต่ก็ไม่อิ่มเอมเหมือนได้เห็นหน้าคนตรงหน้า

              “พี่ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก วนๆ เวียนๆ อยู่แถวนี้แหละ แต่ช่วงนี้เพิ่งเข้าปีหนึ่ง ที่ศิลปากร อาจารย์ก็เรียกใช้งานพี่ตลอด เลยไม่ได้แวะมาถิ่นเก่าเลย คิดถึงคุณมิ้นท์คนสวยนะจ๊ะ” เจ้าอาร์ทออดอ้อนเสียงหวาน เด็กหนุ่มมีใจชอบพอถิรญามานานแล้ว ตั้งแต่เธออยู่ชั้นมัธยมปีที่หนึ่ง โดยคำแนะนำจากหทัยภัทร น้องสาว ความเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทระหว่างถิรญาและหทัยภัทร ทำให้เจ้าอาร์ทสามารถเข้ามาตีสนิทกับครอบครัวอัศวชัยบดินทร์ของท่านเจ้าสัวหย่งไท่ และก็ดูเหมือนเจ้าสัวจะชื่นชมในตัวเจ้าอาร์ทเป็นอย่างมาก แต่ติดที่สาวน้อยยังมีความสงวนท่าที จึงทำให้เจ้าอาร์ทนั้นไม่กล้าเปิดเผยความในใจมากนัก

            “คุณมิ้นท์คิดถึงพี่บ้างหรือเปล่า” อาร์ทเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้ ส่งสายตาเป็นเชิงเว้าวอน ใช่ เขาต้องการคำตอบที่ทำให้เขาพอใจ ถิรญาเขยิบตัวออกห่างเขาให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม ตามประสาเด็กสาวที่เรียบร้อยและไว้ตัว

              “ก็...อืม คิดถึงสิคะ คิดถึงทั้งยัยกวาง คิดถึงทั้งพี่อาร์ท ช่วงนี้มิ้นท์งานวุ่นๆ ไม่ค่อยได้เจอกวางเลย ฝากความคิดถึงไปด้วยนะคะ บอกว่าให้โทรหากันบ้าง” เด็กสาวยิ้มละไมให้เขา แล้วพยายามแสร้งคุยไปเรื่องอื่น แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานศิลปะของเธอต่อไป ส่วนเจ้าอาร์ทก็พยายามชวนคุยไปเรื่อย

              “พี่ชอบรอยยิ้มของคุณมิ้นท์จังเลยครับ ยิ้มอีกสิ เห็นแล้วชื่นใจ หายเหนื่อย เอาเป็นว่าเสาร์นี้ว่างมั้ย พี่จะชวนไปดูหนัง เดินห้าง” เจ้าอาร์ทตัดบทเข้าเรื่อง เรื่องที่เขาตั้งใจจะมาถามเธอในวันนี้ ถิรญาเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ก็ตอบเลี่ยงๆ ไปอย่างฉลาด

              “มิ้นท์งานเยอะค่ะ ทั้งงานของอาจารย์ที่ต้องเร่งส่ง ส่วนวันหยุดก็ต้องไปช่วยงานเตี่ยที่โรงยาอีก ต้องขอโทษพี่อาร์ทด้วยนะคะ ถ้ามิ้นท์ว่างจะโทรไปชวนพี่อาร์ทเองค่ะ”

              “ว้า...เสียดายจัง ไม่เป็นไรนะ พี่รอได้เสมอ เอ่อ! พี่ซื้อของมาฝากมิ้นท์ด้วยล่ะ หลับตาก่อน” เจ้าอาร์ทพูดพลางเชิดปลายคางมนสวยของเด็กสาวขึ้น ถิรญาจำเป็นต้องทำตามคำสั่งนั้นอย่างไร้เดียงสา เจ้าอาร์ทเปิดกระเป๋าเป้ออก นำพาของบางสิ่งออกมา มันคือกล่องดนตรีรูปปั้นเซรามิกตุ๊กตาเด็กหญิงจีน สนนราคาแล้วเดาว่าหลายอัฐอยู่ เมื่อได้ยินเสียงดนตรี ถิรญาจึงลืมตาขึ้น

    “ชอบมั้ยครับ เจ้าตุ๊กตาตัวเนี่ย แก้มยุ้ยเหมือนคุณมิ้นท์เลยนะ” เจ้าอาร์ทว่าพลางจับที่แก้มของคุณมิ้นท์แล้วหยิกมันเบาๆ อย่างเอ็นดู  เธอยิ้มอ่อนให้เขา รู้สึกปลาบปลื้มใจระคนเกรงใจ จึงเอ่ยไปว่า

              “แพงใช่มั้ยคะเนี่ยพี่อาร์ท มิ้นท์เกรงใจจังเลย ไม่รับได้มั้ยคะ” เด็กสาวยื่นกล่องดนตรีคืนให้เขา เจ้าอาร์ทรู้สึกหน้าชา เจ็บแปลบในหัวใจขึ้นมา เขาหน้าเจื่อนลง จนถิรญาสังเกตได้ทันที

              “ไม่ได้! พี่ตั้งใจให้คุณมิ้นท์นะ รับไปเถิด ของแทนใจพี่ ตุ๊กตาตัวนี้ก็เหมือนตัวแทนคุณมิ้นท์” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงนิดหน่อย ทำให้เด็กสาวต้องยอมรับมันมา

              “ได้...ได้ค่ะ พี่อาร์ทอย่าดุสิคะ มิ้นท์ขอโทษค่ะ” สาวน้อยขมวดคิ้ว หน้ามุ่ย ดูท่าเจ้าอาร์ทจะงอนขึ้นจริงๆ แล้ว

              “พี่รู้ คุณมิ้นท์น่ะเป็นคนดี มีมรรยาท แถมขี้เกรงใจ สำหรับพี่แล้ว การได้ทำอะไรเพื่อคุณมิ้นท์ พี่มีความสุข เต็มใจ แม้บางครั้งคุณมิ้นท์อาจจะไม่อยากรับไมตรีจากพี่ พี่ก็ไม่โกรธหรอกครับ” เจ้าอาร์ทโพล่งความนัยที่อัดอั้นออกมา เขาลุกจากเก้าอี้ เตรียมจะกลับ

              “เอาเป็นว่า วันนี้พี่ลาก่อน ไม่อยากรบกวนคุณมิ้นท์ล่ะจ้ะ ตามสบายเถิดน้องสาว”

              “ทำไมรีบกลับจังคะ โกรธมิ้นท์เหรอ” เด็กสาวกระเง้ากระงอด

              “พี่ไม่อยากกวนใจคุณมิ้นท์” เจ้าอาร์ทกล่าว

              “ฮั่นแน่ รู้นะ รีบไป แอบนัดสาวที่ไหนไว้หรือเปล่าคะ”

              “ปะ เปล่า ใครที่ไหนล่ะ สาวในใจพี่มีแต่คุณมิ้นท์”

              “ไม่เอ๊า ไม่เอา ไม่ยอมให้กลับ ไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยงานมิ้นท์ก่อนค่ะ” ถิรญารีบดันหลังเขาให้กลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิม เจ้าอาร์ทใจอ่อนยวบ ยอมทำตามแต่โดยง่าย

              “มานี่ค่ะ ไปเอาคัทเตอร์มา มาช่วยมิ้นท์ตัดสติ๊กเกอร์ไปแปะบอร์ด” ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนขมีขมันช่วยกันทำงานจนเกือบเสร็จ แต่แล้ว....

            “เดี๋ยวมิ้นจะสอนให้นะคะ เวลากรีด ต้องกรีดลงไปแรงๆ แบบนี้” เขาสะดุ้งวาบเมื่อเด็กสาวเหลือบมองมาทางเขา ขณะที่นิ้วชี้งามของเธอเหลื่อมออกไป โดยเจ้าของไม่รู้ตัว นิ้วมือกำลังรับคมมีด

              “คุณมิ้นท์ระวัง!” เจ้าอาร์ทร้องเสียงหลง ความพลั้งเผลอ ทำให้เด็กสาวไม่ทันระวังตัว คัทเตอร์คมๆ ทิ่มลงที่นิ้วชี้ของเธอ เลือดไหลหยดลงโต๊ะเป็นทาง

              “อุ๊ย! นิ้ว” เด็กสาวสะดุ้ง มีดตกจากมือ อุทานด้วยความเจ็บเบาๆ กลางนิ้วชี้ของถิรญาเหวอะด้วยแผลมีด

              “ตายละ บาดเข้าลึกเสียด้วย เจ็บมั้ย พี่จะห้ามเลือดให้นะ” เจ้าอาร์ทหน้าเสีย ห่วงเด็กสาวจับใจ รวบมือเจ็บของเธอมาไว้ในอุ้งมือเขา เขาก้มลงดูดเลือดแดงที่แผลด้วยปาก กลืนกินมันลงคออย่างไม่รังเกียจ พลางจูบที่ปลายนิ้วนั้นอย่างจงใจ! เด็กสาวหน้าซีดและแดงเรื่อ ดวงตาใสวาวจ้องเขาด้วยความตระหนก มือเย็นเฉียบสั่นระริก

              “อย่าค่ะ พี่อาร์ท สกปรกเปล่าๆ” เด็กสาวรีบชักมือกลับ ทำให้อีกฝ่ายออกอาการเก้อ

              “ทำไมล่ะ รังเกียจพี่เหรอ พี่มั่นใจว่าเลือดคุณมิ้นท์สะอาด บริสุทธิ์” เจ้าอาร์ทพูดหน้าตาย พลางจะคว้านิ้วมือนั้นมาจูบอีกรอบ เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เมื่อจ้องหน้าเด็กสาวใกล้ๆ เช่นนี้ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าทำไปได้ไง

              “ไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หากจะห้ามเลือดด้วยวิธีนี้ ยังไงเลือดมิ้นท์ก็ไม่หยุดไหลค่ะ” ถิรญาเอาตัวรอดอย่างฉลาด ว่าแต่สิ่งที่เธอพูดมันก็เป็นเรื่องจริง เจ้าอาร์ทหลุดภวังค์ได้สติ จึงรีบขอโทษ

              “อย่าโกรธพี่นะ เวลาอยู่ใกล้คุณมิ้นท์ พี่มักจะเคลิ้ม จนห้ามใจไม่ได้แบบนี้แหละ ว่าแต่...คุณมิ้นท์เป็นอะไร บอกพี่ได้ไหม พี่อยากรู้ พี่เป็นห่วง” เจ้าอาร์ทสารภาพตามตรง ถิรญาส่ายหน้า

              “ไม่ค่ะ ไม่โกรธ ขอบคุณพี่อาร์ทที่เป็นห่วง แต่นับจากนี้ไปเลือดมิ้นท์จะไหลไม่หยุด จนกว่า...”

              “คุณมิ้นท์เป็นโรคอะไรครับ” สายตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย

              “มิ้นเป็นโรคโลหิตอ่อนแอค่ะ ทุกครั้งที่มีแผลเกิดขึ้น เลือดจะไม่หยุดไหลง่ายๆ จนกว่าจะผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง!” เด็กสาวเอ่ยเสียงเครือ รู้สึกทดท้อใจ

              “ห๊ะ! ครึ่งชั่วโมงเชียวเหรอ พี่ไม่เคยเจอโรคประหลาดแบบนี้เลย ปกติคนเราถ้าโดนมีดบาด กดแผลไว้ห้านาทีเลือดก็หยุดแล้วนะ แต่นี่ไหลเป็นน้ำพุ แล้วถ้ามีบาดแผลใหญ่ๆ คุณมิ้นท์ไม่เลือดออกหมดตัวตายเลยเหรอ” เจ้าอาร์ทมองดูเลือดที่นิ้วเธอที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อห้ามเลือด

            “ผ้าก็อตไง เอาผ้าก็อตอุดไว้ เดี๋ยวก็หยุดละนะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างมีความหวัง เขารีบเดินไปที่ตู้ยาปฐมพยาบาล หยิบทั้งผ้าก็อตมาพันแผลให้เธอ  ปิดทั้งพลาสเตอร์ยาอย่างเหนียวแน่น แต่ไม่นานเลือดเธอก็ไหลชุ่มโชกมือเหมือนเดิม

              “ตายจริง แล้วคุณมิ้นท์จะทำยังไง ท่านเจ้าสัวรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

              “รู้ค่ะ เตี่ยพยายามทำทุกทางเพื่อพามิ้นท์ไปรักษาโรคนี้กับทั้งหมอไทย หมอจีน แต่ก็ไม่เป็นผล เตี่ยจึงใช้วิธีรักษาด้วยสมุนไพรวิเศษที่ได้มาจากหางโจว คือให้มิ้นท์ลงไปอาบสมุนไพรในบ่อน้ำที่เตี่ยสร้างขึ้น ตอนนี้ลมปราณของมิ้นท์ดีขึ้นมาก แต่มิ้นท์ก็ต้องระมัดระวังตัวเองไม่ให้มีบาดแผลค่ะ” เด็กสาวอธิบายเพื่อให้เขาเข้าใจ

              “โถ น่าสงสารจริงสาวน้อย เวรกรรมอะไร เธอเกิดมาสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตา สติปัญญา ฐานะ แต่กลับเป็นโรคที่รักษาไม่หาย” เจ้าอาร์ทเอ่ยด้วยเสียงเศร้าสร้อย รู้สึกเวทนาเด็กสาวเป็นกำลัง

              “ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์ทุกอย่างหรอกค่ะพี่อาร์ท มิ้นท์ก็ทำใจแล้วนะคะ มิ้นต้องต่อสู้กับมัน ถึงมันจะไม่หาย แต่มิ้นท์จะไม่ยอมแพ้ค่ะ” แววตานั้นเด็ดเดี่ยว ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวให้เห็นเลยแม้แต่นิด เจ้าอาร์ทบอกเธอว่าเขาจะใส่แอลกอฮอล์ที่แผลเพื่อฆ่าเชื้อป้องกันบาดทะยักจากมีดที่อาจขึ้นสนิมให้ มันจะแสบมาก ถิรญายินยอมให้เขาทำ แต่สีหน้าของเธอไม่มีริ้วรอยความเจ็บเลยแม้แต่นิด จนเขาต้องเอ่ยปากถาม ซึ่งตอนนี้ทั้งเสื้อเขาและเสื้อเธอต่างชุ่มไปด้วยเลือดจากนิ้วที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง

              “ไม่แสบเลยเหรอ คนอะไรอดทนจริงๆ ไม่ร้องสักแอะ” ในใจนึกทึ่งและชื่นชม เขาบรรจงเช็ดแผลให้อย่างเบามือ ถิรญาก็ยังสีหน้านิ่งเฉยราวรูปปั้น

              “ไป๊! กลับบ้านกันเหอะ ไม่ต้องทำมันแล้วงาน ฤกษ์ไม่ดีแล้ว ให้แผลหายก่อนค่อยทำก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกอาจารย์ให้นะครับ”

              “อย่าเลยค่ะพี่อาร์ท อย่าให้อาจารย์หรือใครต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับมิ้นท์เลยค่ะ เรื่องนี้ก็มีแต่...เตี่ยและคนในบ้านที่รู้ แล้วก็พี่อาร์ทรู้เป็นคนล่าสุด”

              “โอเค พี่จะไม่บอกใคร เรากลับกันเหอะ พี่จะไปส่งคุณมิ้นท์เอง พอถึงบ้านคุณมิ้นท์ลงไปชุบตัวในบ่อน้ำทิพย์เลยนะ อาการจะได้ดีขึ้น” เจ้าอาร์ทค่อยๆ ประคองร่างผอมบางนั้นเดินไปที่รถอย่างระมัดระวังในขณะที่เลือดเธอก็ยังคงไหลหยดไปตามทางตั้งแต่ห้องศิลปะจนถึงถนน รถยนต์ของเจ้าอาร์ทแล่นลับตาไปไกลแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้ของทั้งคู่อยู่ในสายตาของดรีม อลงกต ทั้งสิ้น เขาที่มายืนแอบมองเธออยู่ใต้อาคารเรียนศิลปะเป็นชั่วโมงแล้ว ใจเจ้าดรีมได้แต่นึกสงสารเด็กสาว แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยเธอได้ยังไง จึงได้แต่ภาวนาในใจขอให้พระเจ้าคุ้มครองเธอ

              “โธ่ คุณมิ้นท์ ไม่น่าเลย เธอคงเจ็บมากสินะ” เจ้าดรีมบ่นลอยๆ ใจวูบไหวโหวงเหวง ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องศิลปะนั้น หยิบไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดเลือดของเธอที่เปรอะเปื้อนพื้นกระดานไม้ แล้วใช้ฟองน้ำชุบเช็ดเลือดที่ตกบนโต๊ะทำงานนั่นอีก ด้วยใจคอหดหู่อย่างที่สุด....

    เพลงประกอบนิยายในตอนนี้ค่ะ (ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านนิยายค่ะ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×