ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรหน้ากากสิงห์ ตอน ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!

    ลำดับตอนที่ #14 : หนูน้อยซังไห่ ลูกพ่อซังเต๊ะ กับ แม่กิ่งทิพย์ (ภาคปัจจุบัน) 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 454
      0
      4 ต.ค. 63



    ตอน หนูน้อยซังไห่ ลูกพ่อซังเต๊ะ กับ แม่กิ่งทิพย์

            อำเภอท่าใหม่ จันทบุรี บ้านกิ่งทิพย์ มอเตอร์ไซด์คันสีน้ำเงิน กลางเก่ากลางใหม่ แล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน ผู้ขับขี่เป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสมส่วนล่ำสัน ใบหน้าคร้ามเข้มแบบไทย จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงจัด เขาถอดหมวกกันน็อกออก รีบลงจากรถ ในมือถือถุงพลาสติกสองสามถุงหิ้วติดมาด้วย

            “ไปเปิดประตูรั้วสิ พ่อแกมาละ” เด็กชายวัยห้าขวบ ดวงตากลมโตใสแจ๋ว รูปร่างอวบอ้วนน่ารัก รับคำอย่างว่าง่าย รีบวิ่งแจ้นออกไปนอกบ้านเพื่อเปิดประตู ทันทีที่เด็กน้อยได้เห็นหน้าบุรุษหนุ่มก็อุทานอย่างดีใจ

              “พ่อดรีมครับ พ่อดรีมมาแล้วครับม่าม๊า” เด็กน้อยตะโกนเสียงดัง แต่เสียงนั้นไม่ได้ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไร นอกเสียจากจะบ่นอย่างรำคาญ

              “โอ้ย...เบาๆ หน่อย ฉันหนวกหู ทำยังกะไม่ได้เจอกันเป็นชาติ” แล้วเธอก็ก้มหน้าก้มตาแต่งหน้าทาปากที่โต๊ะเครื่องแป้งต่อไป สองพ่อลูกโผเข้ากอดกันอย่างคิดถึง

              “ป๊าหายไปไหนมาครับ หนูคิดถึง ทำไมป๊าไม่กลับบ้านละครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความเดียงสา

              “ป๊าคิดถึงซังไห่ คิดถึงตลอดเวลา แต่แม่เขาไม่อยากให้ป๊าเข้าบ้าน” ชายหนุ่มตอบไปตามตรง ไม่อยากโกหกลูก เพราะถ้ามารู้ทีหลังจะเสียใจใช่น้อย เด็กชายหมุนตัวกลับไป ตรงเข้าโอบกอดผู้เป็นแม่ น้ำตาคลออยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง

               “ม่าม๊าเกลียดป๊าทำไมครับ ป๊าทำอะไรผิดครับ” เด็กชายเขย่าแขนผู้เป็นแม่ ต้องการคำตอบ ทำให้หญิงสาวเริ่มรำคาญหนักขึ้น ผลักอกคนเป็นลูกออกห่างจากตัว เดินกอดอกเข้ามาหาผู้เป็นสามี เอ่ยเสียงห้วน

              “ยังอยู่เหรอ นึกว่าตายไปแล้ว ไอ้ซังไห่มันก็ร้องหาอยู่ทุกวัน เมื่อไหร่จะรับมันไปไปอยู่ด้วย” ดรีม อลงกตรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็ทำเป็นไม่ถือสา  คว้าตัวซังไห่เข้ามากอดปลอบ พลางเช็ดน้ำตาให้ แล้วส่งอาหารในถุงพลาสติกให้ เป็นหมั่นโถว ฮะเก๋ากุ้ง ที่เด็กน้อยชอบกิน แถมด้วยตุ๊กตาสไปเดอร์แมน ซังไห่รับมาขอบคุณพ่อ ชายหนุ่มลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ แล้วจูบที่แก้ม ถึงแม้จะดีใจที่ได้ของกินของเล่นถูกใจ แต่ก็ยังไม่หยุดร้องไห้

              “อาไห่ อย่าคิดมากนะลูก พ่อกับแม่ยังรักกัน สักวันเราสามคนจะมาอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก ตอนนี้พ่อกำลังสร้างบ้านให้ซังไห่อยู่นะครับ  มีชิงช้า มีของเล่นเยอะแยะ มีหมาตัวขาวๆ อ้วนๆ มาเป็นเพื่อนเล่น มีอ่างอาบน้ำแพงๆ ที่ซังไห่อยากได้ไงครับ”

              “หนูจะรอให้ป๊ามีเงินเยอะๆ แล้วรับหนูกับม่าม๊าไปอยู่ด้วยนะฮะ” เด็กน้อยกล่าว

              “โอย...พ่อกับแม่ยังรักกัน นิทานหลอกเด็กเหรอคะดรีม เด็กสมัยนี้เขาโตพอที่จะรู้อะไรต่อมิอะไรแล้วนะคะ เลิกโกหกลูกเหอะ แล้วก็เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว”

              “หยุดเหอะกิ่ง อย่าพูดอะไรให้ลูกเสียใจเลย” ดรีมพยายามปราม แต่ก็เหมือนจะหยุดเธอไม่ได้

              “ไอ้ซังไห่ แกฟังไว้นะ คนอย่างพ่อแกไม่มีทางจะสร้างบ้านแพงๆ ให้แกหรอก  รับเร่ร่อนวาดภาพตามชายหาดไปวันๆ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย อย่างดีก็ซื้อได้แค่ตุ๊กตาซังกะบ๊วยตัวละไม่กี่บาทเนี่ยแหละ” หญิงสาวว่าพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่ศีรษะเด็กน้อยจนเงนหงาย แล้วกระชากตุ๊กตาจากอกเขวี้ยงทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ดรีมสุดระอากับพฤติกรรมของเมียรัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากห้าม เพราะโดยนิสัยเขาเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ชอบใช้ความรุนแรงกับสตรีเพศ

               “แล้วจะร้องไห้ทำไม ฉันรำคาญ หยุดร้องซะที ถ้าไม่หยุดละก็ ฮึ่ม!” กิ่งทิพย์กระชากเด็กชายมาจากผู้เป็นพ่อ แล้วเงื้อมือตีตีตีไม่ยั้ง ซังไห่ยิ่งร้องไห้หนัก เธอก็ยิ่งตี เด็กน้อยเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจเวลานี้ ดรีมรีบเอาตัวเข้าขวาง จับข้อมือหญิงสาวไว้แน่น เขย่าตัวหล่อนแรงๆ หล่อนตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด นี่เขาเองจะยอมเป็นที่ระบายอารมณ์ให้หล่อน เขายอมได้ แต่อย่าทำลูก

              “จะบ้าไปแล้วเหรอกิ่ง ตีลูกทำไม ลูกยังเล็กอยู่นะ” ดรีมเสียงสั่น สงสารลูกจับใจ

              “ม๊าอย่าตีหนู หนูเจ็บ หนูยอมแล้วฮะ” ถึงจะโดนตี แต่ด้วยความรักแม่ เด็กชายก็วิ่งไปกอดขาแม่ไว้ ยกมือไหว้

              “หนูยอมให้แม่ตีหนูให้ตายไปเลย แต่แม่อย่าทำป๊านะครับ ฮือๆ” เด็กน้อยทรุดเข่าลงร้องไห้ ยกมือไหว้วิงวอน ดรีมรีบอุ้มลูกเข้าห้องนอน เพราะถ้ายังขืนปล่อยอยู่ตรงนี้ เด็กน้อยก็จะเจ็บตัวไม่เลิก เป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก

              “อยู่ในห้องนะอาไห่ พ่อจะคุยส่วนตัวกับแม่แป๊บนึง หยุดร้องไห้ซะ เดี๋ยวเราจะไปบ้านย่ากัน” ดรีมกำชับบอกลูก ซังไห่สะอื้นฮัก แอบแง้มประตูห้องนอนดูพ่อกับแม่ที่กำลังทะเลาะกัน หัวใจของเด็กน้อยรวดร้าวเหลือประมาณ

              “กิ่ง ทำไมคุณถึงดูถูกผมแบบนี้ จริงอยู่ ตอนนี้ผมอาจจะเป็นศิลปินอิสระ ไม่ได้ร่ำได้รวย แต่ผมเป็นคนขยัน ผมจะค่อยๆ เก็บเงินให้ลูกให้คุณได้ ผมรักอาไห่ที่สุด ผมจะให้เขาทุกอย่างที่เขาอยากได้ ส่วนคุณก็ให้โอกาสผมบ้าง สักวันผมจะไม่ให้คุณน้อยหน้าใคร”

             “ดัดจริต! ตั้งชื่อลูกเป็นภาษาจีน คงคิดว่าตัวเองไปจะคบค้าสมาคมกับพวกอาซ้อ อาเสี่ย เจ้าสัวรวยๆ ที่โรงเตี๊ยมล่ะสิ จะบอกให้อย่างคุณเนี่ยนะ ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้หรอก แค่หาข้าวใส่ท้องกินไปวันๆ ยังลำบาก” หญิงสาวยิ้มเยาะ เหยียดริมฝีปากดูถูก แต่ชายหนุ่มกลับคว้าตัวเธอมากอดไว้จนแน่น ทุกพฤติกรรมของพ่อแม่ไม่พ้นสายตาของหนูน้อยซังไห่ไปได้ แต่เด็กน้อยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองตาละห้อย

              “ผมรักคุณนะกิ่ง คุณเป็นแม่ของลูกผม” หญิงสาวปลดมือเขาออกจากเอว มันคืออาการของคนหมดรักอย่างสิ้นเชิง! เบี่ยงตัวหนี แล้วถอนหายใจก่อนพูด

              “เรื่องหย่าของเรา คุณพร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะไปอำเภอ ส่วนเด็กคนนี้ ถ้าคุณอยากอุปการะ ฉันจะยกให้คุณ” หล่อนพูดเย็นชา ประสานสายตาเขา

              “ไม่! กิ่ง ผมจะไม่ยอมหย่า อาไห่ยังเล็ก เขาต้องการแม่ เขารักคุณมาก อาจจะรักมากกว่าผมด้วยซ้ำ คุณอย่าพูดอะไรให้ลูกเสียใจได้มั้ย” ดรีมวอน

              “แต่ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว คุณควรจะปล่อยฉันให้เป็นอิสระ” หล่อนเสียงแข็งใส่

              “กิ่ง คุณต้องการเงินใช่มั้ย นี่ไง เงินจากการวาดภาพของผม ถึงแม้มันจะไม่มากอะไร แต่ผมก็หามาด้วยสุจริต คุณเก็บไว้ใช้นะ เอาไปซื้อของที่คุณอยากได้ เก็บไว้เป็นค่าขนมซังไห่ด้วย”

              “คุณไปเอาเงินมาจากไหน” หล่อนถาม พลางรีบคว้าเงินในมือเขามาด้วยความโลภ หล่อนนับแบงค์ มันแค่ไม่กี่พัน แต่อย่างน้อยๆ มันก็เป็นค่าซื้ออาหารแพงๆ ค่าแต่งตัวแพงๆ ของหล่อนได้ เมื่อได้ฟรี ใครบ้างจะไม่เอา

            “ก็เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ทั้งงานค่าวาดภาพ งานอดิเรกที่ผมรับทำ ผมรับจ้างขัดรองเท้า ส่งแก๊ส ซ่อมวิทยุ” เขาบอกเธอว่าเขารับจ้างหลายอย่าง เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ก็ต้องทำ เพราะอยากได้เงินมาให้หล่อนกับลูก จริงๆ มันก็แค่เศษเงินสำหรับหล่อน ถ้าเทียบกับเงินค่าไฟท์บินแต่ละเที่ยวที่หล่อนได้มา ใช่ รายได้ของแอร์โฮสเตสมันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับเงินของจิตรกรรับจ้าง

              “ขัดรองเท้าด้วยเหรอ งานชั้นต่ำ!” หล่อนเบะปาก

              “เอาล่ะ ไหนๆ คุณก็ทำหน้าที่พ่อแล้วนะ เงินเนี่ย ฉันจะเอาไปเป็นค่าพี่เลี้ยงเด็กให้ซังไห่ละกันนะ เพราะฉันคงงานยุ่ง จนไม่มีเวลาดูแลแกหรอก” คำว่าเงินทองทำให้หล่อนใจเย็น ลดโมโหร้ายลงได้บ้าง  ตลอดเวลาที่แต่งงานงาน ดรีมทำหน้าทีสามีได้ไม่บกพร่อง แต่ละเดือนเขาจะแบ่งเงินจากการทำงานให้เธอครึ่งหนึ่ง แต่หล่อนกำลังโกหกเขา เงินที่ได้มา หล่อนเอาไปใช้ในทางฟุ่มเฟือย ซื้อข้าวของที่หล่อนอยากได้ จะเจียดมาให้ลูกชายบ้างก็เพียงเล็กน้อย เป็นค่าขนมไปโรงเรียนแค่ไม่กี่บาท บางสิ่งบางอย่างที่ซังไห่อยากได้ หล่อนก็ไม่ซื้อให้ ส่วนค่าเทอมนั้น ดรีมเป็นคนออกคนเดียวทั้งสิ้น

              “ปีหน้า ซังไห่ จะเข้าป.หนึ่งแล้ว ฉันว่า...อืม คุณต้องหาเงินให้ฉันเพิ่มขึ้นนะดรีม”

    หล่อนไม่ยี่หระว่าเขาจะรู้สึกยังไง เหนื่อยแค่ไหน ขอเพียงให้หล่อนได้ทำตามใจปรารถนาเท่านั้น

             “ผมจะทำให้คุณทุกอย่าง แต่มีข้อแม้ คุณต้องเป็นแม่ของอาไห่ต่อไป แล้วก็เลิกพูดเรื่องหย่าได้แล้ว ผมไม่มีทางหย่า กิ่งผมรู้นะ คุณกำลังมีคนใหม่ใช่มั้ย ไอ้กัปตันสายการบินนั่นมันจีบคุณอยู่ใช่ไหม!” ดรีมโพล่งออกไปด้วยความหึงหวง ทำเอาหญิงสาวอดรนทนไม่ได้ เหยียดหยามเขากลับไปอีกรอบ

            “ตามใจ! อยากจะหน้าด้านอยู่กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก ฉันก็ห้ามคุณไม่ได้ ส่วนฉันจะไปมีใครใหม่มันก็เรื่องของฉัน คุณอย่ามายุ่งเลย ฉันไม่ยอมอยู่กับผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างคุณหรอก”

     ดรีมไม่ยอมหย่าง่ายๆ เขาดื้อดึง ดันทุรัง ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเธอไม่ได้รักเขาแล้ว

            “แล้วนี่แต่งตัว จะออกไปไหน อย่าให้รู้นะ ว่าคุณมีชู้ ผมไม่ปล่อยผู้ชายคนนั้นไว้แน่ คุณก็รู้ว่าคนอย่างผมทำได้ทุกอย่าง” ดรีมไม่คิดจะทำร้ายกิ่งทิพย์ไม่ว่าจะทางใจหรือทางกาย เพราะเขารักเธอมาก แต่กับคนที่เป็นมือที่สาม เขาจะทำลายมัน เขายอมไม่ได้  เพราะถือว่าเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เขาจะไม่ยอมสูญเสียครอบครัวไป เขาจะประคับประคองมันให้ถึงที่สุด น้ำเสียงของดรีมดูจริงจังดุดันจนหล่อนนึกเกรงอยู่บ้างเหมือนกัน ดวงตาสีเหล็กนิลที่เขามองหล่อนดุจสายตาของพญาราชสีห์ ดูมีอำนาจและน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างประหลาด กิ่งทิพย์ไม่สนใจเขาอีกต่อไป หล่อนรีบคว้ากระเป๋าสะพายยี่ห้อแบรนด์เนมราคาหมื่นกว่าบาท เตรียมสตาร์ทรถยนต์ออกจากบ้านไป แต่ก่อนไปก็ไม่วายสั่งอย่างเสียไม่ได้

              “คืนนี้คุณเอาซังไห่ไปนอนด้วยนะ เพราะฉันไม่กลับบ้าน” หล่อนบอกเพียงเท่านั้น แล้วก็รีบบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว ดรีมจำเป็นต้องหอบลูกขึ้นรถ แล้วขี่ฝ่าความมืดไปตามถนนเส้นทางจากท่าใหม่กว่าจะถึงคลองนารายณ์บ้านเขาก็หลายชั่วโมงอยู่ บ้านที่เขาอาศัยอยู่กับป้าฉัตร ป้าแท้ๆ ของเขาที่เลี้ยงดูเขามาแต่แบเบาะ ซึ่งเป็นครูเกษียณ ข้าราชการบำนาญ

              “ป๊าจะพาหนูไปไหนครับ หนูไม่อยากไป หนูอยากอยู่กับแม่” เด็กน้อยเริ่มงอแงเมื่อรู้ตัวว่าต้องห่างจากอกแม่บังเกิดเกล้า ดรีมจึงพยายามอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ เขารู้ดีว่าซังไห่ติดแม่

              “ไปอยู่กับป้าฉัตรนะลูก แม่เขาไม่ยอมอยู่บ้าน ลูกจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ใครจะหาข้าวหาปลาให้กิน ไปแค่ชั่วคราวนะอาไห่ ถ้าป๊าหาพี่เลี้ยงเด็กได้แล้ว ป๊าจะส่งหนูกลับมาหาแม่ทันที ไม่ต้องห่วง” เด็กน้อยมีอาการเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ดรีมกลัวลูกจะเป็นโรคซึมเศร้า เขาต้องหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาทดแทนความรักที่ขาดหายไปของซังไห่ และทุกอย่างที่เด็กน้อยต้องการ เขาจะเป็นคนเติมเต็มให้เอง

              “ที่นั่นจะไม่มีใครดุหนู ป้าฉัตรใจดี รักเด็ก ป๊าจะซื้อของกินอร่อยๆ ของเล่นดีดีให้ ไปกันนะลูก ตอนเช้าป๊าจะไปส่งหนูไปโรงเรียนอนุบาลเอง ส่วนตอนเย็นก็ไปรับกลับ อย่าดื้อล่ะ” เด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจทั้งน้ำตา ดรีมขับรถอย่างช้าที่สุด เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยได้รับอันตราย เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงสละหมวกกันน็อกให้ลูกชายใส่ แล้วสองพ่อลูกก็ไปถึงยังจุดหมาย.....

             

      เพลงประกอบนิยายในตอนนี้ค่ะ (ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านนิยาย)


           

     

     

     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×