คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : บทที่ 13 ตะกอนแห่งความสงสัย - "ข้างในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย" [2]
วิลเลียมเปลี่ยนมาอยู่ที่อีกห้อง พระราชา พระราชินี และเจ้าหญิงก็อยู่ ณ ที่นั้นด้วย และก็มีนักบวชชั้นสูงอีกคนที่กำลังทำการตรวจสุขภาพตาของลูเครเซียอยู่
เริ่มแรกก็เป็นการให้อ่านอักขระขนาดต่างๆ บนแผ่นป้ายที่อยู่ไกลออกไประยะหนึ่ง ทดสอบตาซ้าย สลับกับตาข้างขวา จากนั้นก็มีการนำภาพจุดสีต่างๆ ให้เจ้าหญิงบอกว่าเป็นภาพอะไร
วิลเลียมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย ปัญหาในครั้งนี้เกิดจากการที่ลูเครเซียมองไม่เห็นภาพในล็อกเก็ตคนเดียว ลูเธอร์และเฟลิเซียก็ต่างมองเห็น เขามั่นใจว่าพันธะแห่งดาเรนไลน์ที่หามาได้นั้นเป็นของแท้ ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกหลอกด้วยอีกคน แต่ดูเหมือนคนเป็นพ่อแม่จะห่วงบุตรสาวมากเกินไปจนต้องหาทางยืนยันว่าเป็นโรคอะไร
ครั้นจะให้เขาหาข้ออ้างมาหลีกหนีหลบออกไปก็ยากอยู่ เมื่อทั้งพระราชาและพระราชินียอมสละเวลาปฏิบัติราชกิจมาดูแลเจ้าหญิงอย่างใกล้ชิดอยู่เช่นนี้แล้ว จะให้เขาซึ่งจริงๆ ก็ไม่มีงานอะไรปลีกตัวจากไปได้อย่างไร
ตอนนี้เขาควรจะต้องร่วมลุ้นด้วยความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ว่า ลูเธอร์จะโยนเหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาให้เขารับ โดยกล่าวหาว่าพันธะแห่งดาเรนไลน์ที่เขานำมาเป็นของปลอม แทนจะโทษว่าเป็นความผิดของลูเครเซีย หากผลการวินิจฉัยออกมาว่า เจ้าหญิงปรกติดี...
วิลเลียมพยายามใช้เหตุผลเข้ามาอธิบายว่าตอนนี้เขาควรจะนึกคิดหรือทำอย่างไร ทว่าแท้จริงแล้ว เขากลับไม่มีความรู้สึกเดือนร้อนหรือกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ทุกสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าราวกับเป็นเรื่องไกลตัวที่อยู่ห่างไกลออกไป
ข้าคงเหนื่อยเกิน... เขาสรุปกับตัวเอง ...รับข้อมูลและเก็บงำความสงสัยมากเกินไปเลยเป็นเช่นนี้... เห็นทีหลังจบงานนี้คงต้องขอตัวไปพักระยะยาวเสียแล้ว...
ตั้งแต่เดินทางกลับมาที่ลูซแวร์โดยใช้เวทเคลื่อนย้าย เขาก็ยังไม่ได้พักเลย รีบกลับไปจัดการตัวเองให้พอดูได้ เขียนรายงานคร่าวๆ ขึ้นมาฉบับหนึ่ง กลับมาถึงในตอนเย็น กลางคืนก็ไม่ได้นอน ตอนเช้าก็รีบเอาของมาถวายและรายงานทันที เขาอยากรีบสะสางเรื่องนี้ให้จบๆ เสีย แล้วค่อยตื่นมาเริ่มต้นใหม่
นักบวชออกไปเตรียมการอะไรบางอย่างที่นอกห้อง วิลเลียมเหมือนจะได้ยินเสียงเรนนีดังแว่วมา แต่ก็รีบสะบัดศีรษะเรียกสติของตัวเองกลับมา เรนนีจะมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยตรวจสอบอาการของเจ้าหญิงอย่างนั้นหรือ... นางไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยกระมัง
คนในเครื่องแบบอาชีพต่างๆ หลายคนก้าวเข้ามาในห้องหลังจากนั้น ชายหนุ่มเริ่มกลับมาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไปขณะที่เหล่อลอย
“ทำไมเมเดียถึงแต่งชุดแม่ครัวอยู่ล่ะ” เจ้าหญิงชี้ไปที่หญิงในชุดคนครัวที่วิลเลียมมองทีแรกเห็นว่านั่นไม่ใช่เมเดีย แต่เมื่อพยายามมองให้เป็นเมเดียตามที่ลูเครเซียบอกก็ปรากฏว่าเป็นเมเดียอยู่ในชุดคนครัวจริง
“แล้วนี่ใครกันอยู่ในชุดของเมเดีย ไม่ใช่เมเดียเสียหน่อยนี่” ลูเครเซียบอกต่อ
ชายหนุ่มขยี้ตามองให้ชัดๆ สงสัยเขาจะทำตาปรือมากเกินไปแล้ว ทว่าคนที่สวมชุดนางกำนัลก็คือเมเดียนี่ แต่จะมีเมเดียสองคนได้อย่างไร ครั้นพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกทีจึงเห็นว่า หญิงที่สวมชุดนางกำนัลนั้นหาได้มีใบหน้าเหมือนเมเดียอย่างที่คิด
เจ้าหญิงยังบอกต่อไปว่าใครที่อยู่ตรงนั้นเล่นแต่งตัวสลับชุดกันบ้าง ส่วนวิลเลียมก็พยายามทำความเข้าใจอย่างงงๆ สังเกตจากสีหน้าของพระราชินีที่ประทับอยู่ด้วยก็ดูเหมือนจะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน แสดงว่าเขาก็ไม่ผิดที่เผลอไปชั่วขณะ
ว่าแต่ลูเธอร์หายไปไหนแล้วล่ะ
“ลูเครเซีย ลูกมองเห็นพ่อไหม” ทันทีที่กวาดตามองหาทั่วห้องแล้วไม่พบ เสียงลูเธอร์ก็ดังขึ้นมาจากตำแหน่งเดิมที่เคยยืนอยู่ ทว่ากลับไม่ปรากฏแม้แต่เงาของเจ้าตัว
“เสด็จพ่อก็อยู่ตรงนั้นอย่างไร” เจ้าหญิงชี้ดรรชนีไปในความว่างเปล่า นางกล่าวเหมือนคำถามนั้นฟังดูไร้สาระ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทุกคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่
เสียงสรวลของพระราชาดังกึกก้อง ก่อนที่พระวรกายจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา ณ จุดที่ปลายนิ้วของเจ้าหญิงชี้ไป
ลูเธอร์สามารถหายตัวได้อย่างนั้นหรือ...
วิลเลียมไม่เคยรู้มาก่อนว่าอาของตนมีโซอะไร ว่ากันตามความเชื่อ เชื้อพระวงศ์ที่สืบทอดทางสายเลือดทุกคนจะมีโซเป็นของตนเอง และถ้าการหายตัวเป็นโซของลูเธอร์ การที่ลูเครเซียสามารถมองเห็นพระองค์ได้ด้วยสายตาปรกตินั้นก็หมายความว่า...
“ฝ่าบาท กระหม่อมคาดว่าเจ้าหญิงทรงมีโซในการสลายภาพมายาลวงตาพะย่ะค่ะ” นักบวชรายงาน
“จริงหรือท่านนักบวช” พระราชินีตรัสถาม ทรงพอเข้าใจแล้วว่าการทดสอบที่ผ่านมาคืออะไร
“พะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้กระหม่อมให้คนใช้ ‘หน้ากากพันหน้า’ ลวงตาให้ใบหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไป โดยบริบทประกอบรอบข้างจะแต่งเติมให้ผู้มองคิดไปเองว่า แต่ละคนควรมีใบหน้าอย่างไร แต่เจ้าหญิงก็ทรงสามารถระบุได้ทันทีว่าใครเป็นใคร อีกทั้งยังทรงมองเห็นฝ่าบาทที่ใช้โซล่องหนอยู่ได้ด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น ที่ลูเครเซียมองไม่เห็นภาพในล็อกเก็ตก็เพราะ...” เฟลิเซียถามสืบต่อ
“เวทแสงเป็นหนึ่งในเวทที่ใช้การสร้างภาพและสีสันต่างๆ การที่เจ้าหญิงทรงทอดพระเนตรไม่เห็นภาพในนั้นก็เพราะเป็นนั่นคือฤทธิ์ของเวทแสง” นักบวชรายงานให้จบความ
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมาก บาทหลวงโจเซฟ” ลูเธอร์กล่าวสรุป
จากนั้นพระราชา พระราชินี และบาทหลวงโจเซฟก็สนทนากันอีกหลายประโยค ส่วนใหญ่ฝ่ายกษัตริย์ก็ชมเชยนักบวช พูดกันทำนองว่า การที่ลูเครเซียยังไม่มีโซของตัวเองทำให้กังวลกันอยู่นานแล้ว การณ์นี้ได้ท่านบาทหลวงมาช่วยแถลงไขพร้อมได้พันธะแห่งดาเรนไลน์กลับมาย่อมถือเป็นวโรกาสที่ดี ทางด้านผู้ตรวจสอบก็มีแซวพระราชาว่า ในสมัยก่อนที่ใช้โซหายตัวไปนั้นทำให้ทั่วทั้งพระราชวังวุ่นวายใหญ่หลวงเหมือนกัน
วิลเลียมคลับคล้ายคลับคลาว่า บาทหลวงที่ชื่อโจเซฟนั้นเป็นนักบวชชั้นสูงที่เชี่ยวชาญการตรวจโรคและตรวจสอบหาโซ กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโซของบุคคลต่างๆ มากที่สุดก็ว่าได้ ตอนเด็กเขาเคยนึกแค้นที่ท่านพ่อไม่พาไปหาบาทหลวงคนนี้เพื่อให้ช่วยตรวจตามกระบวนวิธี แต่กลับจับให้ไปเผชิญหน้ากับวิงด์ไลออนเสียอย่างนั้น แต่เป็นเช่นนี้แล้วก็ดีเหมือนกัน เรื่องโซของเขาจะยังคงเป็นความลับอยู่ต่อไป
“พี่วิลเลียม” ลูเครเซียกระตุกชายแขนเสื้อของญาติผู้พี่
“มีอะไรหรือ ลูซ”
ดูท่าทางเจ้าหญิงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็คงจะเบื่อที่พวกผู้ใหญ่เอาแต่คุยกันเอง
“ท่านให้ข้ารวบรวมของทั้งหลายเพื่อไปปรุงยาฟื้นคืนความทรงจำใช่ไหม”
ชายหนุ่มพูดออกไม่บอกไม่ถูก
เจ้าหญิงกล่าวต่อไป
“แล้วหลังจากนั้นเสด็จพ่อก็ให้ท่านไปตามหาล็อกเก็ตตามคำทำนายใช่ไหม”
คนฟังยิ่งนิ่งอึ้งไปอีกขั้น
“นี่...พี่วิลเลียม เข้าไปในน้ำยานั่นแล้วท่านเห็นอะไรหรือ แม่มดที่ชื่อว่าเอริกานั่นเป็นคนร้ายเอาล็อกเก็ตไปจริงๆ หรือ”
วิลเลียมไม่ตอบ กลับถามเสียงเคร่งเครียดแทน
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร มีใครมาบอกเจ้า”
“ข้าได้ยินมาจากเสด็จพ่อ เสด็จแม่ เมเดีย พวกนางกำนัล ขุนนาง คนเฝ้าห้องเก็บเอกสาร แล้วก็ไปหามาจากหนังสือด้วยส่วนหนึ่ง จึงรู้ว่าพี่วิลเลียมต้องการจะรวบรวมของไปใช้ปรุงยานี่เอง...ใช่ไหม”
“เจ้าเพียงได้ยิน แล้วมาปะติดปะต่อกันเอง เท่านั้นหรือ” วิลเลียมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ถามไปอีกเรื่องแทน
“อื้อ ก็ข้าสงสัยนี่นา เมเดียบอกว่า เกมล่าสมบัติจริงๆ สำคัญที่ของ ไม่ใช่ที่เจ้าของของนั้น แล้วเสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ชอบพูดถึงคำทำนายบางอย่างและท่านพี่วิลเลียมด้วยสีหน้าเป็นกังวล...”
“เจ้าแอบฟังพวกเขาคุยกันหรือ”
ลูเครเซียสะบัดผมสีทองยาวหยักศกไปมา
“ข้าแค่บังเอิญได้ยินเท่านั้นเอง แต่พอเสด็จพ่อหันมาเห็นข้าก็เลิกคุยเรื่องนั้นทันที ข้ายังจับใจความได้ไม่เท่าไหร่เลย”
นั่นแหละเขาเรียกว่าแอบฟัง...
จังหวะนั้นพระราชาและพระราชินีก็คุยกับบาทหลวงเสร็จพอดีจึงหันมามองพวกเขาสองคนที่คุยกันอยู่บ้าง
“เอาไว้ข้าจะไปคุยกับเจ้าทีหลังนะลูซ” วิลเลียมกระซิบ “ตอนนี้ต้องขอแยกจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเจ้าก่อน”
ชายหนุ่มหันไปคลี่ยิ้มกล่าวกับคนทั้งหลายว่า
“เรื่องจบลงด้วยดีแล้ว ข้าขอตัวลาก่อนละพะย่ะค่ะ”
เมื่อแน่ใจแล้วว่า พันธะแห่งดาเรนไลน์ที่นำมาเป็นของจริง ก็ไม่มีใครคิดรั้งเขาได้อีก
“เชิญเจ้าตามสบาย” พระราชาอนุญาต
“ขอบใจเจ้ามากนะ” พระราชินียิ้มให้
วิลเลียมถวายบังคับแล้วรีบก้าวเท้าออกไป นี่ก็ยืนขาแข็งมานานเกินควรแล้ว ขืนมีใครเรียกให้เขาอยู่ต่ออีกคงแย่กันพอดี เขานี่ไม่เหมาะกับระเบียบปฏิบัติทั้งหลายในวังจริงๆ มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ กลับต้องยืนถวายรายงาน แล้วถ้าไม่มีคนเชิญให้นั่งก็นั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตั้งมากมายไม่ได้อีก
วิลเลียมว่าจะหนีกลับไปพักผ่อนเสียวันหนึ่ง แล้ววันต่อไปค่อนสะสางเรื่องกับลูเครเซีย
ดูท่าจะมีเรื่องน่าปวดหัวมาให้เขาคิดอีกมากมายทีเดียว...
ความคิดเห็น