ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic : Reborn.} Mix; short fic ll яeborn’

    ลำดับตอนที่ #2 : L 1 1 ll Vacant sky' เมื่อยามท้องฟ้าไร้เมฆ ; lambo x i-pin x hibari

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 837
      2
      8 พ.ค. 56

     

        

    เพราะคืออัสนี ไม่ใช่เมฆา

     



     


    Vacant sky  เมื่อยามท้องฟ้าไร้เมฆ

     

    เมฆาที่มักจะลอยเด่นเป็นสง่าบนฟากฟ้า

    เมฆาที่เคลื่อนตัวช้าๆอย่างอ่อนโยนแต่กลับแข็งแกร่ง

    แล้วใครเล่าจะทัดเทียมได้ ใครเล่าจะอาจหาญสู้….

    เห็นจะมีแต่เมื่อยามที่ฟากฟ้ามืดและหลั่งน้ำตาเท่านั้น

    ที่เมฆาจะหายไป

     


    เหม่ออะไรอี้ผิง?” เสียงนุ่มทุ้มของเด็กหนุ่มที่เหมือนว่าจะดูโตเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าข้างกายเพื่อนสาวคนสนิท


    ท้องฟ้าวันนี้สวยดีนะแรมโบ้ เด็กสาวผิวขาวขยับปากชมพูใสเอื้อนเอ่ยวาจาพร้อมรอยยิ้ม


    ฉันก็เห็นเธอว่าสวยทุกวันชอบท้องฟ้ามากจริงๆสินะแรมโบ้เอื้อนเอ่ยวาจาออกไปอย่างยากลำบาก เขาหันไปมองหน้าเด็กสาวโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว ดวงตาสีดำขลับและแวววาวของเธอยามจ้องไปที่ผืนนภากว้างทำเอาลำคอของเขาแห้งผาก


    เปล่าหรอกที่ฉันชอบน่ะ


    ก้อนเมฆ เด็กหนุ่มพูดขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบทำให้เด็กสาวเผยรอยยิ้มน้อยๆให้เพื่อนที่รู้ใจของเธอ


    ก็เพราะก้อนเมฆทำให้ท้องฟ้าสวยงาม ฉันถึงได้ชอบก้อนเมฆมากที่สุด อี้ผิงยื่นมือออกไปจนสุดแขนแล้วทำท่าคล้ายกับจะหยิบก้อนปุยนุ่นสีขาวที่อยู่บนฟากฟ้า


    ฉันรู้แล้ว เธอเคยบอกฉันแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


    เสียงในใจของแรมโบ้ดังก้องสะท้อนมาในจิตใต้สำนึก ความอัดอั้นตันใจทำให้เขาต้องเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น


    ที่เธอชอบ คือก้อนเมฆหรือเมฆากันแน่ อี้ผิง… ” แรมโบ้พูดเสียงเบาราวกระซิบ แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วเน้นเมื่อรู้ตัวว่าพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป


    อะไรนะแรมโบ้?


    มะ ไม่มีอะไรหรอก แรมโบ้แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกไป


    ปะ กลับฐานทัพกันเถอะแรมโบ้ อี้ผิงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วด้วยความสดชื่น ก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มปอด


    อื้ม


    พรุ่งนี้มากันใหม่นะ เด็กสาวหันมายิ้มให้กับเขาอย่างร่าเริงแล้วรีบวิ่งจูงมือเขาไปตามทางลาด


    อื้ม…” แรมโบ้ตอบรับเบาๆแล้วยิ้มบางๆให้กับแผ่นหลังของเด็กสาว แล้วหันกลับไปมองท้องฟ้ากว้างและเมฆก้อนใหญ่ที่ลอยอยู่ จากนั้นจึงหันกลับมามองตัวเองนิ่ง


    แรมโบ้หยุดวิ่งทำไม?” อี้ผิงหันมาถามเมื่ออีกคนหยุดวิ่งเสียดื้อๆ ฝ่ายคนโดนถามก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหัวเบาๆพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน


    ไว้พรุ่งนี้มากันอีกนะ ชวนฉันด้วยนะ สัญญานะ แรมโบ้เกี่ยวก้อยอี้ผิงแล้วส่ายมือไปมาเพื่อยืนยันคำสัญญา


    นั่นควรจะเป็นฉันที่พูดนะ แต่ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องชวนนายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรารีบกลับฐานทัพกันเถอะ ออกมานานเกินไปแล้ว


    อื้ม!

     

     



    แรมโบ้ อี้ผิง  ไปไหนมาน่ะ!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนผู้มีตำแหน่งเป็นถึงบอสใหญ่ของวองโกเล่ แฟมิลี่ รีบเอ่ยปากถามทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าห้องประชุม


     
    เอ่อ” แรมโบ้เอ่ยค้างพร้อมเกาหัวยุ่งๆของตนด้วยนึกคำแก้ตัวไม่ออก


    ไปเดินเล่นมาคะ!” อี้ผิงตอบเสียงดังฉะฉานพร้อมรอยยิ้มกว้าง


    เฮ้อ พวกเธอนี่ วันหลังจะไปไหนก็บอกกันก่อนสิ ทุกคนเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม สึนะถอนหายใจก่อนจะมองเด็กน้อยทั้งสองในสายตาของเขาด้วยความอ่อนโยน


    พวกเราโตแล้วนะคะคุณซาวะดะ ชอบมองพวกเราเป็นเด็กอยู่เรื่อยอี้ผิงพูดคล้ายตัดพ้อแต่กลับยิ้มเผล่ ดวงตากลมโตของเธอมองไปที่ใครบางคนซึ่งนั่งอยู่อีกฝากของโต๊ะประชุมอย่างมีความหมาย ซึ่งดวงตาดำขลับของอีกฝ่ายก็จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว แม้จะแต่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองมาด้วยสายตาเย็นชาเช่นทุกทีก่อนจะหันกลับไปจิบชาแต่นั่นก็ทำให้ดวงหน้าของเด็กสาวแดงเถือกได้ในพริบตา


    เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว เริ่มประชุมกันเลยก็แล้วกันนะครับ ฟูตะพูดขึ้นพร้อมหยิบกองเอกสารในมือขึ้นมา 
           
             การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ความตึงเครียดบนใบหน้าของเหล่าผู้ร่วมประชุมมีให้ได้เห็นบ้าง ถ้วยน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นถูกยกขึ้นยกลงเป็นพักๆในทุกครั้งที่เจ้าของมีสายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มหัวยุ่งมองการกระทำของคนที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามตนอย่างจับสังเกต จนมีหลายครั้งที่เหมือนคนถูกจ้องจะรู้สึกตัวปรายตามองอีกฝ่าย ซึ่งแรมโบ้เองก็ไม่ได้หลบสายตาเย็นชาที่ใครๆว่าน่ากลัวนั่น แต่กลับจ้องนิ่งไม่ไหวติงราวกับกำลังท้าทาย


    เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนเข้าใจหน้าที่ของตัวเองแล้ว ฉันจะขอปิดการประชุม ณ บัดนี้ สึนะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถือซึ่งนั่นก็ทำให้ฮิบาริรีบผุดลุกออกจาที่นั่งไปโดยไม่บอกกล่าว


    คุณฮิบาริ!..” อี้ผิงเอ่ยเรียกแต่ก็ไม่ทันในเมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้วเธอจึงต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง


    เป็นอะไรอีกล่ะอี้ผิงเมื่อกี้ยังยิ้มแย้มอยู่เลย แรมโบ้เอ่ยปากถามในขณะที่มือก็จับนู่นหยิบนี่ในห้องเด็กสาวไปทั่วตามประสาคนมือซน


    ไม่ได้เป็นอะไรนี่ คิดมากน่าแรมโบ้


    โกหก แรมโบ้วางสิ่งของในมือแล้วเดินมาหยุดจ้องหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนิ่งราวกับกำลังจับผิด


    อะ อะไรเล่าแรมโบ้ มาจ้องกันแบบนี้อี้ผิงเสหันมองไปทางอื่น เด็กสาวทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกจ้องมองระยะประชิด แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ตาม


    ก็อี้ผิงเธอแปลกไปจริงๆนี่นา มีอะไรก็บอกกันสิ แรมโบ้ทำท่าเหมือนน้อยใจ ทำเอาอี้ผิงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็จะเอ่ยปาก


    วันนี้วันวาเลนไทน์ใช่ไหมล่ะ…” เสียงใสของเด็กสาวแผ่วเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แต่เขากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน และตีความมันได้ในทันที


    อ๋อ นั่นสินะ” แรมโบ้พูดคล้ายจะหัวเราะแล้วหันมองไปทางกล่องของขวัญสีชมพูสวยที่อี้ผิงถือไว้ตลอดเวลา


    ขำอะไร


    เปล่า แค่หัวเราะตัวเองมั้ง เด็กหนุ่มเอ่ยประโยคท้ายเบาๆทำให้เด็กสาวต้องถามซ้ำ แต่เขากลับแค่ส่ายหัวให้เท่านั้นแทนคำตอบ


    หัวเราะเยาะให้กับตัวเอง ...ที่ไม่มีแม้ความกล้าที่จะบอกสิ่งนั้นกับเธอ


    งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้แล้วกัน แรมโบ้ฉวยกล่องของขวัญในมือของอี้ผิงมาก่อนที่เจ้าของจะโวยวาย


    เอาคืนมานะ แรมโบ้!” อี้ผิงรีบลุกขึ้นกระโดดหมายจะคว้าสิ่งที่อยู่ในมือร่างสูงกว่า แต่ด้วยระยะห่างแล้ว เขาซึ่งกำลังจะเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ทำให้เธอเอื้อมไม่ถึง


    ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวเอาไปให้ ไปล่ะ แรมโบ้รีบก้าวยาวๆแล้วปิดประตูห้องเสียงดัง


    แรมโบ้เอาคืนมา! ฉันอุตส่าห์ทำให้” อี้ผิงเปิดประตูห้องวิ่งตามมาแต่เท้าเล็กๆก็หยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อปากบางเผลอเอ่ยถึงบุคคลที่สาม


    คุณฮิบาริใช่ไหมล่ะ เสียงทุ้มของแรมโบ้พูดขึ้นมาหลังจากปล่อยให้บรรยากาศรอบข้างเงียบมานาน ทำเอาเด็กสาวเบิกตากว้าง


    ทำไมนายถึง


    มีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเธอบ้างล่ะ อี้ผิง ฮะฮะฮะ งั้นฉันไปนะ จะไปส่งให้ถึงที่เลยเด็กหนุ่มโบกมือหยอยๆให้เธอแล้วรีบวิ่งออกไป 
          
           อี้ผิงมองตามการกระทำนั้นและร่างของเพื่อนสนิทไปอย่างสุดสายตา เป็นห่วงทั้งของขวัญของเธอ และความรู้สึกของเขาคนนั้นหากได้รับมัน หากแต่อีกสิ่งหนึ่งที่เธอเป็นห่วงยิ่งกว่า คือเพื่อนของเธอทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่อาบความเศร้าไว้ มันคืออะไรกัน?...

     




    มีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเธอบ้างล่ะ?


    หึ มีสิ มีเยอะแยะ เต็มไปหมด…” เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเทา ขายาวๆที่เคยออกวิ่งบัดนี้เปลี่ยนเป็นเดินช้าๆอย่างอ่อนแรง


    เธอรักคุณฮิบาริมากมายแค่ไหน?

    เธอทุ่มเททำทุกอย่างได้เพื่อเขางั้นเหรอ?

    แล้วฉันคนนี้ล่ะเป็นใคร?

    เพื่อนสนิทของเธอใช่ไหม?

    แค่นั้นใช่ไหม ที่เธอรู้สึกกับฉัน?

     

    นี่ไงล่ะ สิ่งที่ฉันไม่เคยรู้เกี่ยวกับเธอ ไม่เคยรู้เลยจริงๆ

     

    แล้วทำไม? เธอถึงไม่รักฉันบ้างรักฉันอย่างที่ฉันรักเธอ

     

    เพราะเมฆาลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ไม่อาจเทียบ

    เพราะอัสนีคือตัวตน ที่ไม่อาจปฏิเสธ

    อัสนีที่ผลาญทำลายทุกสิ่ง มีแต่จะทำให้หวาดผวา และกลัวเกรง

    ไม่ใช่เมฆาที่งามสง่า และมีค่าควรให้เธอรัก

    เพราะคืออัสนี ไม่ใช่เมฆา

     




    มาหาใคร?” ชายหนุ่มร่างใหญ่ ทรงผมแปลกตา ที่คาบกิ่งไม้ไว้เอ่ยถามผู้มาใหม่


    ฝากให้คุณฮิบาริด้วยครับ บอกว่าอี้ผิงฝากมา ดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กหนุ่มที่ยังแดงๆราวกับร้องไห้หนักมองเข้าไปข้างในซึ่งบุรุษในชุดญี่ปุ่นกำลังนั่งจิบชาในถ่วงท่าที่งามสง่าอย่างชื่นชม

     


    เพราะไม่มีอะไรเทียบได้ จึงทำให้เธอได้เพียงเท่านี้….

     

    แค่ความสุขของเธอ เท่านั้นเอง

      




    _________________________________________

    รู้สึกจะจบแบบค้างคา (ไม่รู้ทำไมตัวเองชอบแต่งฟิคให้จบแบบนี้ ฮะฮะฮะ)

    ฝากเม้นกันด้วยนะคะ ต่อไปเอาคู่อะไรดีเอ่ย?




    Yu Ki 25 HOURs.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×