ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] You are My Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #13 : [SF-ChulHyuk] ชกไม่ยั้งที่กลางใจ by EHJmylove

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.88K
      6
      22 ต.ค. 53

     

    Title : ชกไม่ยั้งที่กลางใจ

    Author : Lee Seen

    Plot : EHJmylove

    Couple : Heechul x Eunhyuk

     

     

                ไอ้เด็กบ้านี่ เมื่อไรจะเลิกตามฉันห๊ะ!?!!” คิม ฮีชอลเดินก้าวขาฉับๆ ไปตามนัดที่เด็กโรงเรียนเทคนิคฝั่งตรงข้ามส่งคำท้ามาให้เขา ในใจของร่างโปร่งร้อนรุ่มเมื่อนึกถึงอี ทงเฮน้องชายสุดที่รักที่ถูกพวกนั้นจับเป็นตัวประกัน แต่แทนที่เขาจะเครียดอยู่แค่เรื่องเดียว กลับต้องมาเครียดหนักที่มีคนเดินตามอยู่ตลอดเวลา

     

                ผมไม่ได้ตามพี่ฮีชอลสักหน่อย ผมกำลังจะไป...

     

                ไปไหน?เจ้าของดวงตาโตหันมาถลึงตาใส่เด็กหนุ่มมัธยมต้นผิวขาวจั๊วะ มือหนากำหมัดพร้อมกับง้างขึ้นสูงจนอีกฝ่ายต้องยกมือทั้งสองข้างเป็นเกราะกำบัง

     

                ป...ไป...ไปข้างหน้าโอ๊ย!” ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร หมัดๆ หนักก็ฮุกเข้าที่ท้อง

     

                ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงทงเฮ แต่ว่าจะตามฉันไปในที่ที่อันตรายทำไม

     

                แต่ผมเป็นห่วงนี่

     

                เป็นห่วงใคร?คำถามเรียบๆ ทำเอาคนถูกถามได้แต่อึ้ง ฮยอกแจหน้าหงอยลงไปในทันที สายตาที่คาดคั้นแบบนั้น เขาไม่ชอบมันเลยจริงๆ พี่ฮีชอลกับทงเฮเพื่อนของเขาเป็นพี่น้องกันได้ยังไงนะ นิสัยต่างกันสุดขั้วขนาดนี้ น้องชายออกจะบอบบางและอ่อนโยน ส่วนพี่ชายก็ชอบมีเรื่องชกต่อยไปทั่ว แถมยังชอบใช้กำลังกับเขาอีกด้วย

     

                ...พี่ฮีชอลไม่เคยเห็นเขาเป็นเพื่อนของน้องชายตัวเองบ้างเลยหรือไง

     

                ก็ต้องเป็นห่วงทงเฮสิครับ ฮยอกแจตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

     

                ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ฉันเป็นพี่ชายไอ้นีโม่ ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมันอยู่แล้ว นีโม่คือฉายาของอี ทงเฮนั่นเอง

     

                แต่ว่า...

     

                กลับบ้านไปซะไอ้ไก่!” ฮีชอลยื่นคำขาด ก่อนจะหันหลังแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปตามทางที่นัดอย่างร้อนใจ ร้อนใจที่อยากต่อยกับพวกคู่อรินั่น หากแต่ไม่ได้ร้อนใจกับความปลอดภัยของน้องชายเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าพวกนั้นมันไม่กล้าพอหรอก

     

                ฮยอกแจยังคงเดินตามต้อยๆ เช่นเดิม ฮีชอลเองก็รู้ ทว่าทำเป็นไม่รู้ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว

     

                อยากตามนักใช่ไหม งั้นก่อนไปสู้กับพวกมัน ฉันขอซ้อมมือกับแกก่อนแล้วกัน

     

                โอ๊ย!” เสียงร้องดังขึ้นทันทีที่ฮีชอลชกกำปั้นที่เบ้าตาของฮยอกแจ ร่างเล็กหน้าหงายจนล้มไปกองที่พื้น

     

    พลั่ก! ตุ้บ! ตั้บ! ผลัวะ!

     

                เสียงเสียงหมัดและเข่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนฮยอกแจไม่สามารถร้องออกมาได้ มันก็เป็นอย่างนี้เสมอมานั่นแหละ อี ฮยอกแจก็เป็นได้แค่กระสอบทรายของคิม ฮีชอล

     

     

     

                เกือบสี่ทุ่มของคืนนั้น อี ทงเฮประคองร่างที่สะบักสะบอมของพี่ชายเดินไปตามทางกลับบ้าน ดวงตาข้างซ้ายบวมปูดยิ่งกว่าผึ้งต่อย แถมที่ต้นแขนด้านขวาก็มีเลือดไหลออกมาเป็นทางยาว สองพี่น้องประคับประคองจนมาถึงบ้านก็เห็นชายคนหนึ่งยืนเขี่ยเท้าอยู่หน้าบ้านของพวกเขา

     

                นั่นใครอ่ะทงเฮ? ฮีชอลหรี่ตาข้างขวามอง แต่ก็ยังมองไม่ค่อยชัดเจนนัก สงสัยดวงตาที่บวมเป่งของเขาทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นย่ำแย่ลง

     

                ฮยอกแจน่ะ สงสัยไอ้ไก่ซีดมันจะมารอพี่ฮีชอลมั้ง โอ๊ะ...อย่าคิดกระทุ้งศอกใส่ผมนะ ผมหลบทันหรอกน่า ทงเฮหัวเราะอย่างสะใจที่เขามักจะรู้ทันพี่ชายของตัวเองเสมอ คนที่เป็นกระสอบทรายน่ะมีอยู่คนเดียวเท่านั้น และก็ยืนอยู่นั่นแล้วด้วย

     

                พี่ฮีชอล กลับมาแล้วเหรอครับ ฮยอกแจตะโกนลั่น ก่อนจะรีบวิ่งมาประคองฮีชอลอีกข้าง ทว่าท่อนแขนแกร่งกลับสะบัดออกอย่างรำคาญ

     

                กลับบ้านไปซะฮยอกแจ ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นขายของกับนายตอนนี้

     

                ผมอุตส่าห์เป็นห่วง

     

                ฉันขอร้องนายหรือไง ฮีชอลบอกเสียงแข็ง เขามองฮยอกแจตาขวางจนดวงตาคู่กลมหลุบลงต่ำ

     

                พี่ไม่ได้ขอร้องผม แต่ผมอยากมาเอง

     

                พูดมากจริงๆ ทงเฮ...พาพี่เข้าบ้าน!” ฮีชอลบ่นฮยอกแจที่ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ก่อนจะหันไปบอกคนเป็นน้องให้ประคองตนเองเข้าบ้าน ฮยอกแจยืนตัวแข็งทื่อ ในขณะที่ทงเฮหันกลับมาแล้วโบกมือไล่เพื่อนให้กลับบ้านไวๆ ด้วยความเป็นห่วง

     

                พอฮีชอลและทงเฮหายเข้าไปในบ้านแล้ว ฮยอกแจก็ถอนหายใจยาวอย่างปลงตก แค่จะเป็นห่วงยังเป็นไม่ได้เลยอี ฮยอกแจ แล้วอย่างนี้นายจะกลายเป็นคนรักของพี่ฮีชอลได้อย่างไร แม้แต่หางตาเขาก็ไม่แลนายด้วยซ้ำ จู่ๆ ฮยอกแจก็รู้สึกถึงความแสบร้อนที่โพรงจมูกและดวงตา

     

                ...ฝนตกหรือยังไงกันนะ

     

                ฝ่ามือบางยกขึ้นซับหยดน้ำที่เปรอะเปื้อนใบหน้า เขาร้องไห้หรือนี่ ร้องไห้เพราะพี่ฮีชอลอีกแล้ว ฮยอกแจไม่เคยรู้ตัวเลย

     

     

     

                แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ฮีชอลพลิกขยับตัวอย่างยากลำบาก ร่างกายของเขาปวดเมื่อและเจ็บระบมไปหมด ก็แหงล่ะ พวกนั้นมีกันตั้งแปดคน เขาจะสู้ไหวได้อย่างไร โดนแค่นี้ก็นับว่ายังน้อยไป ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ ปรือขึ้น ก่อนจะกระพริบถี่เพื่อปรับสายตาให้เป็นปกติ

     

                เอ๋?

     

                ฮีชอลสงสัยออกมาด้วยความแปลกใจ ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียงมีชามอะไรวางอยู่ กลิ่นหอมฉุยที่โชยมาตามลมทำให้ฮีชอลพอจะเดาได้ว่ามันคือโจ๊กหมู ทงเฮทำมาให้เขาหรือยังไงนะ ฮีชอลพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่ถูกถ้วยโจ๊กวางทับเอาไว้

     

                หวังว่าพี่จะตื่นขึ้นมาทานก่อนที่โจ๊กมันจะเย็นนะครับ

     

                นี่ไม่ใช่ลายมือของทงเฮนี่นา ฮีชอลได้แต่ครุ่นคิด แต่ก็ไม่ยากสำหรับสมองอันชาญฉลาดอย่างเขาหรอก คงเป็นชองฮยอกแจเพื่อนทงเฮนั่นเอง เด็กที่เขาชอบผลักไสไล่ส่งอยู่เสมอ แต่เจ้าหมอนั่นก็ไม่เคยไปไกลจากสายตาของเขาเสียที

     

                หืม? ฉัน...ทำแผลตั้งแต่เมื่อไรกัน

     

                ฮีชอลแปลกใจที่ต้นแขนด้านขวาของเขาถูกผ้าพันแผลพันไว้อย่างเรียบร้อย ไม่เดาก็พอจะรู้ว่าคนที่ทำโจ๊กมาให้เขานั่นแหละที่เป็นคนพันแผลนี้ให้ ฮีชอลค่อยๆ ยกโจ๊กขึ้นมากินทีละคำ...ทีละคำ จนแทบจะหมดเกลี้ยง ทว่าในบางคนก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน

     

                พี่ฮีชอล ตื่นแล้วเหรอครับ? ฮยอกแจโผล่หน้าเข้ามาถามพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกสีแดงสด

     

                เข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตู ไม่มีมารยาทฮีชอลด่าทันทีที่เห็นฮยอกแจ สมองของเขานึกออกแต่คำด่าเท่านั้นเมื่อเจอหน้าเด็กคนนี้ ไม่เคยพูดดีๆ ด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

                ก็ผมคิดว่าพี่ฮีชอลยังไม่ตื่นนี่นา ฮยอกแจบอกพลางเบ้ปาก ก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง พี่ฮีชอลทานโจ๊กใกล้หมดแล้วนี่นา

     

                หึ โจ๊กจืดชืดอย่างกับน้ำเปล่า ใครจะไปกินลง ฮีชอลวางถ้วยโจ๊กอย่างไม่พอใจมากนัก เขาชักสีหน้าจนฮยอกแจทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว แล้วนี่ทงเฮไปไหนล่ะ?

     

                วันนี้ทงเฮออกไปเดทกับคยูฮยอนน่ะครับ

                นายก็เลยเข้ามาในบ้านฉันอย่างสบายใจงั้นสิ!”

     

                ก็เพราะว่าพี่ฮีชอลไม่มีคนดูแลนี่นา

     

                ก็บอกแล้วไงว่าไม่เคยขอร้อง ฮีชอลโปรยคำพูดเชือดเฉือนหัวใจของฮยอกแจครั้งสุดท้าย ก่อนจะพยุงตัวเองเดินออกไปด้านนอก ฮยอกแจมองแผ่นหลังที่ลับตาเขาไป ก่อนจะเดินไปเก็บถ้วยโจ๊กไปล้าง ทว่าคนตัวเล็กก็ยังไม่เข้าใจกับคำพูดของฮีชอลอยู่ดี สรุปแล้วโจ๊กที่เขาทำมันไม่อร่อยจริงๆ น่ะเหรอ

     

                หลังจากล้างจานเสร็จแล้ว ฮยอกแจก็เดินออกมายังส่วนห้องนั่งเล่น ฮีชอลหัวเราะร่าอย่างสะใจเมื่อเขาดูรายการตลกในโทรทัศน์ ฮยอกแจได้แต่แอบมองท่าทางนั้น คงจะดีไม่น้อยถ้าพี่ฮีชอลหัวเราะแบบนั้นกับเขาบ้าง

     

                ผมกลับก่อนนะครับพี่ฮีชอล

     

                ฮ่าๆๆๆ

     

                พี่ฮีชอล ผมไปนะครับ ฮยอกแจลองพูดซ้ำอีกรอบ

     

                ฮ่าๆๆๆ สิ่งที่ได้กลับมีแต่เสียงหัวเราะเท่านั้น คำขอบคุณสักคำก็ยังไม่มีเลย ร่างบางเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ ฮยอกแจไม่อยากให้พี่ฮีชอลป่วยเลยสักนิด ถ้าพี่ฮีชอลไม่เจ็บ เขาก็อยากจะยอมเป็นกระสอบทรายของพี่ฮีชอลตามเดิม

     

     

     

                สัปดาห์ต่อมา ฮีชอลแต่งตัวสบายๆ เพื่อออกไปเที่ยวด้านนอก ทว่ายังไม่ทันจะก้าวขาพ้นออกจากประตูบ้าน ดวงตาข้างซ้ายก็กระตุกถี่ มือหนายกขึ้นจับดวงตาของตัวเอง

     

                ...จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นงั้นเหรอ?

     

                พี่ฮีชอล ฮยอกแจเอ่ยเรียกอยู่หน้าบ้านจนฮีชอลผงะอย่างตกใจ

     

                นายมาทำไม?

     

                อ้อ...พี่ฮีชอลหายดีแล้วนี่ครับ

     

                ฉันถามว่านายมาทำไม? ฮีชอลทำเสียงแข็งอย่างที่เคยทำ แต่ฮยอกแจกลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้แล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป จะพาฉันไปไหนฮยอกแจ?

     

                อย่าถามเลยครับ พี่ฮีชอลแค่ตามผมมาก็พอ

     

     

     

                หลังจากที่ปล่อยให้ร่างเล็กจูงเขาเดินไปเรื่อยๆ ในที่สุดทั้งฮยอกแจและฮีชอลก็เดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง แม้ฮีชอลจะรู้ว่ามันเป็นที่ไหน แต่เขาก็อดไม่ได้จะถามออกไปทันทีที่มาถึง

     

                นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?

     

                ต่อยมวยไงครับ ฮยอกแจบอกด้วยรอยยิ้ม แต่ฮีชอลกลับเดินหันหลังออกไป ฮยอกแจพาเขามาค่ายมวยเพื่อต่อยมวยเนี่ยนะ เด็กนั่นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หากแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออกไปด้านนอก ฮยอกแจก็ดึงเขากลับเข้ามาอีกครั้ง พี่ฮีชอลไม่ลองดูก่อนล่ะครับ

     

                อย่ามาทำไร้สาระน่าฮยอกแจ

     

                ผมไม่ได้ไร้สาระสักหน่อย ถ้าพี่ฮีชอลชอบชกต่อยกับคนอื่น ก็ต้องที่นี่แหละครับ ถ้าพี่ฮีชอลได้ลงแข่ง อาจจะได้เงินกลับมาใช้เล่นฟรีๆ ก็ได้นะ"

     

                ฉันไม่ชอบต่อยกับใครมั่วซั่วหรอกนะ มันไม่สนุก ฮีชอลเบ้ปากใส่คนตัวเล็กกว่า ซึ่งฮยอกแจเองก็รู้ดีว่าความหมายของคำพูดนั้นคืออะไร คิม ฮีชอลจะต่อยกับคนอื่นด้วยอารมณ์เสมอ เหมือนที่ต่อยเขา ฮีชอลก็ต้องรู้สึกรำคาญถึงจะต่อย หรือแม้แต่ต่อยกับคู่อริ ฮีชอลก็จะต้องต่อยด้วยความโมโหสุดขีด แม้ว่าผลที่ได้รับกลับมาจะมีแค่รอยแผลก็ตาม

     

                งั้นผมจะหาคู่ต่อสู้มาให้พี่ฮีชอลเอง

     

                ไม่ต้อง ฉันหาเองได้ ฮีชอลเดินออกไปอย่างรำคาญแต่ฮยอกแจก็ยังดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ ฮีชอลจึงหันมาชกหมัดใส่เข้าเต็มหน้าของฮยอกแจจนอีกฝ่ายล้มลง

     

                โอ๊ย!!!”

     

    ฮยอกแจกุมมือที่หน้าของตัวเอง เขาร้องโอดครวญจนฮีชอลเบิกตาด้วยความตกใจ ฮีชอลทำรุนแรงไปหรือเปล่านะ ทว่าแทนที่จะยื่นมือไปดึงฮยอกแจให้ลุกขึ้น เขากลับเดินจากไปด้วยความรู้สึกผิด ซ้ำยังไม่ลืมฝากคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้

     

    ฉันคิดว่านายจะหลบทันซะอีก

     

    เฮ้ย! หมอนั่นน่ะ!” เสียงเข้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นก้องไปทั่วค่ายมวย ฮีชอลอ้าปากค้างทันทีเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่เดินมาทางเขา ขาเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

     

                ที่นี่ไม่มีมวยนอกสังเวียนหรอกนะ ถ้าอยากใช้กำลังก็ขึ้นไปต่อยบนนั้น

     

    ท่อนแขนที่มีแต่กล้ามเนื้อกวาดไปทางสังเวียนมวยที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางค่าย ฮยอกแจค่อยๆ ยืนขึ้น ก่อนจะเอาตัวมาขวางทั้งสองคนไว้

     

                คุณคิมครับ นี่คือพี่ฮีชอลที่ผมบอกว่าจะพามาสมัครเรียนมวย

     

                หมอนี่นะเหรอ จะซักแค่ไหนเชียวคิม ยองอุนหรือเจ้าของค่ายมวยแกล้งชกไปที่หน้าของฮีชอล ทว่าดวงตาคมกริบกลับแค่มองเท่านั้น ไม่มีการเอี้ยวตัวหลบ และไม่มีการกระพริบตาใดๆ สายตาใช้ได้เลย แต่หุ่นแกร็นๆ แบบนี้จะไหวเรอะ

     

                ไหวไม่ไหวก็ลองดูแล้วกัน ฮีชอลทนไม่ได้ที่มีคนมาทำเสียงสูงใส่เขา เจ้าตัวจึงโพล่งออกไปเช่นนั้นแม้ว่าในใจจะแอบหวั่นๆ อยู่ก็ตาม ฮยอกแจได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่รู้เลยว่าพี่ฮีชอลของเขาจะโดนคุณคิมสั่งสอนรุนแรงแค่ไหน

     

                ก็ได้ งั้นก็มาแข่งกันเลย ถ้านายชนะฉันจะยอมคำนับนายเลย

     

                แต่ว่า...คุณคิม!” ฮยอกแจทักท้วง เขารู้ว่ายังไงพี่ฮีชอลก็ไม่มีทางชนะเจ้าของค่ายมวยได้อย่างแน่นอน นึกโกรธตัวเองที่หวังดีกับฮีชอลจนได้เรื่องเช่นนี้ คิม ยองอุนยิ้มบางๆ ให้กับคนอวดดี แต่ฮีชอลกลับโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

     

                ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็ขึ้นไปยืนอยู่บนสังเวียน ฮยอกแจประสานมือกันที่หน้าอกของตัวเองด้วยความตื่นเต้น ถ้าเทียบกับหุ่นแล้ว พี่ฮีชอลไม่มีทางสู้คุณคิมได้เลยสักนิด แต่ถ้านับแค่ใจของพี่ฮีชอลแล้ว ก็คงเกินร้อยแน่ๆ

     

                พี่ฮีชอล กลับบ้านเถอะครับ

     

                นายเป็นคนพาฉันมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ แล้วทีนี้จะมาบอกให้ฉันกลับบ้านได้ยังไง

     

                พร้อมหรือยังล่ะ? เสียงเข้มของยองอุนดังขึ้น ทำให้ฮีชอลรีบหันกลับไปมอง มือทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งการ์ดก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าใส่ร่างหนา

     

    พลั่ก! ผัวะ!       

     

                พี่ฮีชอล!” ฮยอกแจตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อแค่เริ่มต้น คิม ฮีชอลก็โดนต่อยจนหงายท้องเสียแล้ว ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะปาดนวมไปที่จมูกที่รู้สึกแสบๆ แผลเก่าเพิ่งหาย แผลใหม่ก็ได้มาอีกแล้ว เลือดกำเดาของฮีชอลที่ไหลออกมาทำให้ฮยอกแจใจเสีย

     

                เข้ามาสิ!”

     

                ย้าก!!!!!!!!!! โอ๊ย!”

     

                พี่ฮีชอล พอเถอะครับ กลับบ้านกันนะ ฮยอกแจวิ่งขึ้นไปข้างบนสังเวียนแล้วประคองฮีชอลเอาไว้ แต่ฮีชอลกลับผลักเขากระเด็นออกมา ดวงตาดุดันจ้องมองไปที่ยองอุนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปแล้วต่อยมั่วๆ ยองอุนทำได้แค่ยกมือขึ้นป้องกันก่อนจะอาศัยจังหวะชกฮีชอลเข้าที่โหนกแก้มจนฮีชอลสลบเหมือดไปกองกับพื้น

     

     

     

                ฮีชอลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความมึนหัว เขารู้สึกถึงการหมุนที่รุนแรงของแกนโลก แผ่นดินไหวหรือยังไงกันนะ หรือว่าตอนนี้เขากำลังเล่นเครื่องเล่นอยู่ในสวนสนุก ทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

     

                ว่าไง ได้สติแล้วเหรอ?

     

                ฮีชอลค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่ง เขามองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนแคบๆ ที่ตกแต่งไปด้วยโปสเตอร์รูปภาพนักมวยดังๆ ระดับโลก ที่โต๊ะยาวมีถ้วยรางวัลมากมายตั้งเรียงรายอยู่ ฮีชอลหันมามองคนที่นั่งข้างเตียงที่เขานอน ก่อนจะย่นคิ้วเป็นเชิงถาม

     

                ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันชกแรงไปหน่อย

     

                ช่างเหอะ ผมจะกลับบ้านล่ะ ฮีชอลบอก ก่อนจะลุกขึ้นใส่รองเท้าแล้วเดินออกไปด้านนอก หากแต่เสียงของคิม ยองอุนก็ยังตามไล่หลังมา

     

                นาย...ฮยอกแจน่ะหวังดีกับนายมากนะ เขาขอร้องให้ฉันสอนเชิงมวยให้นายเพราะนายจะได้สู้กับคู่อริได้ นายจะไม่ไปขอบคุณเขาหน่อยเหรอ

     

                มันเรื่องของผม!” ฮีชอลบอกด้วยท่าทางหยิ่งยโส เขาเดินออกมาจากค่ายมวยโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีก แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปด้านนอก ฮยอกแจก็เดินสวนกลับเข้ามา ในมือบางถือขวดน้ำเย็นๆ เข้ามาด้วย

     

                พี่ฮีชอลจะไปไหนเหรอครับ

     

                จะกลับบ้าน

     

                แต่ว่าพี่...

     

                เลิกตามฉันสักทีเถอะฮยอกแจ ฉันเบื่อนายจะแย่อยู่แล้ว นายจะทำดีกับฉันไปถึงไหน ชอบทำตัวเหมือนคนโง่แบบนี้ มันน่าสมเพชจนฉันอยากจะอ้วก ไปให้พ้นฉันสักที!”

     

                ฮีชอลร่ายยาวก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจฮยอกแจเลยสักนิด ฮยอกแจมองคนที่ตัวเองแอบชอบก่อนจะหันไปส่ายหน้าเพื่อบอกคิม ยองอุนว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร ร่างเล็กยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาของเขาเองไหลรินออกมาจนเต็มใบหน้าเสียแล้ว มือบางปล่อยให้ขวดน้ำที่ซื้อมาร่วงหล่นลงพื้น ก่อนจะเดินคอตกออกไปราวกับคนที่ไร้ซึ่งวิญญาณ

     

     

     

                หลายวันมาแล้วที่ฮยอกแจไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้ จากที่เคยมีเสียงต่อเถียงกันตลอดเวลากลับเงียบเชียบเสียจนทำให้รู้สึกถึงความเหงา ทงเฮเองก็รู้ว่าพี่ชายของเขากับฮยอกแจมีปัญหาอะไร หากแต่ร่างบางก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม ฮีชอลเดินออกมาจากห้องนอนแล้วเห็นทงเฮนั่งเล่นกับคยูฮยอนอยู่ที่โซฟา เขาเลยคิดว่าตัวเองควรจะออกไปข้างนอก หากแต่ใครบางคนกลับเดินเข้ามาข้างในบ้านเสียก่อน

     

                ฮยอกแจ ฮีชอลเอ่ยชื่อของคนที่เดินเข้ามาใหม่อย่างตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาที่ที่ทำไม

     

                ทงเฮ คยูฮยอน ฉันซื้อผลไม้มาฝากล่ะ เดี๋ยวเอาไปใส่จานให้นะ ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถาม และแม้แต่สายตาก็ยังไม่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ ฮยอกแจหายเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมผลไม้ที่จัดอยู่ในจานอย่างสวยงาม ร่างบางหัวเราะคิกคักกับคู่รักคยูเฮ ทำราวกับว่าฮีชอลไม่มีตัวตนเลยสักนิด

     

                ฮยอกแจ...ออกมาคุยกันหน่อย เสียงเข้มออกคำสั่งเหมือนทุกครั้ง แต่ฮยอกแจก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ฮีชอลจึงเดินเข้าไปกระชากข้อมือบางออกท่ามกลางความตกใจของคยูฮยอนและทงเฮ

     

                พี่ฮีชอลทำอะไรน่ะครับ ทงเฮถามคนเป็นพี่ชายพลางดึงมือของฮยอกแจให้นั่งลงตามเดิม

     

                อย่ามายุ่งไอ้นีโม่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนแก

     

                แต่ฮยอกแจไม่อยากคุยกับคนแบบพี่หรอก พี่จะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปซะล่ะ

     

                แกไล่ฉันเหรอ?

     

                แล้วทำไมผมจะไล่ไม่ได้ล่ะครับ พี่สร้างเรื่องบ้าๆ นี้มาได้ยังไง พี่ทำให้เพื่อนผมต้องร้อง...

     

                พอเถอะทงเฮ ฉันจะออกไปคุยกับพี่ฮีชอลเอง ฮยอกแจรีบพูดขึ้นก่อนที่ทงเฮจะพูดจบประโยค ร่างบางลุกขึ้นยืนไปคุยกับฮีชอลไม่ไกลจากบริเวณโซฟามากนัก อย่างน้อยมันก็ใกล้พอที่คู่รักคยูเฮจะได้ยินบทสนทนานั่น พี่ฮีชอลจะคุยอะไรกับผมเหรอครับ

     

                ทำหมางเมินใส่ฉันแบบนี้ คิดจะเรียกร้องความสนใจหรือไง

     

                ผมเปล่า แต่พี่ฮีชอลไล่ผมเองนี่นา พี่บอกไม่ให้ผมตามพี่อีกแล้ว

     

                ถ้านายไม่อยากเห็นหน้าฉัน นายก็อย่ามาที่บ้านหลังนี้ ฮีชอลชี้ที่พื้น เขาถลึงตาใส่จนฮยอกแจกลัว แม้ฮีชอลจะชอบต่อยเขาแกล้งเขา แต่ฮยอกแจก็ไม่เคยทะเลาะกับฮีชอลรุนแรงเท่าวันนี้มาก่อน

     

                ผมแค่มาหาทงเฮเพื่อนของผม ถ้าพี่ฮีชอลไม่พอใจ ผมก็จะไม่มาที่นี่อีก

     

                ฮยอกแจ!” ทงเฮเรียกชื่อเพื่อนรักด้วยความตกใจ ส่วนฮีชอลได้แต่ยืนอึ้งที่ฮยอกแจเดินผ่านหน้าของเขาออกไปด้านนอก กี่ครั้งกันนะที่ฮีชอลต้องปฏิเสธหัวใจของตัวเองแบบนี้ นานแค่ไหนกันที่ฮีชอลเอาแต่ทำร้ายหัวใจของฮยอกแจ และหัวใจของเขาเอง

     

                พี่ฮีชอล ทำให้ฮยอกแจร้องไห้อีกแล้วนะ พี่ใจร้ายที่สุดเลย ทงเฮบอกพี่ชายอย่างตัดพ้อ

     

                เด็กนั่นมาชอบฉันเองต่างหากล่ะ ชอบตามตื๊อฉัน น่ารำคาญจะตาย ฮีชอลพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้ในหัวใจของเขาจะเจ็บ แต่ฮีชอลก็มีความจะเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้

     

                พี่ฮีชอลไม่อยากให้ฮยอกแจตาม เพราะว่าพี่ฮีชอลก็ชอบฮยอกแจเหมือนกันใช่ไหม

     

                พูดอะไรของนาย

     

                พูดความจริงยังไงล่ะ ที่พี่ฮีชอลไม่ยอมรับว่าชอบฮยอกแจก็เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของผมใช่ไหม ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นผมอาจจะตะขิดตะขวงใจ แต่เพราะเป็นฮยอกแจ ฮยอกแจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จักมา ผมไม่เคยห้ามเรื่องนี้เลยถ้าพี่ฮีชอลจะให้ฮยอกแจมาเป็นพี่สะไภ้ของผม

     

                ทงเฮหายใจหอบทันทีที่พูดจบ คนเป็นพี่ได้แต่เม้มปากแน่น ทงเฮพูดถูกต้องทุกอย่าง เขารักฮยอกแจ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่ทงเฮพาฮยอกแจมาที่บ้านหลังนี้ รักตั้งแต่ท่าทางโค้งตัวอย่างสุภาพที่ฮยอกแจทักทายเขา รักตั้งแต่ฮยอกแจทักทายเขาด้วยคำว่า อันนยองครับพี่ชายทงเฮรักตั้งแต่...เห็นรอยยิ้มของฮยอกแจในครั้งแรกที่เจอ

     

                แต่ฮยอกแจไม่ได้ชอบฉัน

     

                อืม ฮยอกแจไม่ได้ชอบพี่หรอก ทงเฮพูดประชดประชัน เขารู้เรื่องของพี่ชายและฮยอกแจทั้งหมด หากแต่คิดว่าทั้งสองคนจะจูนหัวใจตรงกันได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่พี่ชายของเขากลับเป็นคนทำให้เรื่องราวทุกอย่างมันยุ่งยากขึ้น เพราะอาการปากไม่ตรงกับใจของคิม ฮีชอล ฮยอกแจไม่ได้ชอบพี่ แต่เจ้าไก่ต้มซีดมันรักพี่มากๆ เลยต่างหาก มันไปขอร้องไม่ให้พวกนั้นทำอะไรพี่ฮีชอลโดยแลกกับการยอมไปเดทกับคิบอมหนึ่งวัน มันพาพี่ไปฝึกเชิงมวยเพื่อที่จะได้ต่อยมวยเก่งๆ เพราะมันรู้ว่าพี่ชอบมีเรื่องกับคนอื่นบ่อยแค่ไหน

     

                หยุดพูดได้แล้วทงเฮ!”

     

                ผมไม่หยุด ผมจะพูดให้หมดเลย ฮยอกแจน่ะนะตื่นตั้งแต่ตีสามแล้วมาที่บ้านของเราเพื่อดูว่าพี่ฮีชอลเจ็บมากไหม ทำโจ๊กให้อย่างสุดฝีมือแม้ว่าจะไม่เคยทำอาหารมาก่อนด้วยซ้ำ ทำแผลให้พี่ฮีชอลทั้งๆ ที่เป็นคนกลัวเลือด แล้วเวลาที่พี่ฮีชอลต่อยมัน เคยสักครั้งไหมที่ฮยอกแจมันจะหลบ เพราะอะไรล่ะ เพราะฮยอกแจกลัวว่าพี่ฮีชอลจะต่อยไม่โดนมันยังไงล่ะ มันกลัวว่าพี่ฮีชอลจะเสียความรู้สึก แต่พี่ฮีชอลกลับไม่เคยสนใจเพื่อนของผมเลย

     

                ฉันบอกให้หยุดไงอี ทงเฮ!” ฮีชอลตะโกนลั่นอย่างทนไม่ไหวพอๆ กับจังหวะที่ทงเฮหยุดพูดพอดีทำให้เสียงของฮีชอลดังลั่นไปทั่วบ้าน ทงเฮไม่พูดต่ออีกแล้วเพราะเขาพูดออกไปจนหมดแล้ว ฉันบอกให้นายหยุดพูดเพราะฉันจะให้นายไปตามฮยอกแจกลับมาให้ฉันที ไปตามเพื่อให้ฉันได้บอกเขาว่า...

     

                ผมไม่ไปหรอก เพราะพวกคิบอมมันคงจับฮยอกแจไปแล้ว ทงเฮบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยทำเอาฮีชอลเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ คู่อริของเขาจับตัวคนที่เขารักไปได้ยังไงกัน แล้วทงเฮรู้ได้อย่างไร

     

                หมายความว่าไง

     

                เมื่อวานมันก็จับตัวฮยอกแจไปไว้ทั้งคืน มันไม่ได้นัดพี่ไปหรือไง ฮยอกแจน่ะรอพี่ฮีชอลให้ไปช่วย แต่สุดท้ายแล้วพี่ก็ไม่ได้ไป

     

                แล้ว?

     

                วันนี้มันก็คงดักรอฮยอกแจแล้วจับไปทรมานเล่นอีกล่ะมั้ง

     

                ไอ้น้องบ้าเอ๊ย!” ฮีชอลด่าน้องชายของตัวเองแต่คำด่านั้นกลับแฝงไปด้วยคำพูดขอบคุณ เขาวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อไปตามหาฮยอกแจ รออีกนิดนะฮยอกแจของพี่ พี่ยังไม่ได้บอกคำๆ นั้นกับนายเลย

     

                หลังจากฮีชอลวิ่งออกไปแล้ว ทงเฮก็นั่งลงอย่างสบายใจทำเอาคนรักที่อยู่ข้างๆ กันมองด้วยความสงสัย คยูฮยอนเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมนของทงเฮ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

                นายไม่เป็นห่วงฮยอกแจเหรอทงเฮ

     

                หืม? เป็นห่วงทำไมอ่ะ ฮยอกแจไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ทงเฮบอกพลางยักไหล่

     

                แต่ว่าฮยอกแจโดนพวกนั้นจับตัวไปไม่ใช่เหรอ?

     

                โธ่! คยูฮยอน พวกซีวอน ฮันกยองอ่ะนะ ที่จริงทงเฮยังไม่ได้พูดถึงห้าคนที่เหลือซึ่งก็คือ คิบอม ซองมิน จองซู จงอุนรวมทั้งรยออุคด้วย พวกนั้นมันชอบฮยอกแจจะตาย มันก็แค่ชวนฮยอกแจไปเล่นวินนิ่งเท่านั้นแหละ ตอนที่ฉันโดนพวกมันจับไปน่ะ มันก็แค่ล่อให้ฮยอกแจไปหาพวกมันเท่านั้น มันไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับพี่ฮีชอลหรอก

     

                นายก็ถูกจับตัวไปด้วยเหรอ? ทำไมไม่บอกฉัน!?!!”

     

                ก็ฉันกลัวนายเป็นห่วงนี่นา ทงเฮหงอยลงไปในทันที ทั้งคู่เถียงกันไปเถียงกันมาด้วยความรัก ก่อนจะจบลงที่คยูฮยอนลวนลามทงเฮอีกตามเคย แต่ดูเหมือนว่าจะชอบถูกลวนลามจากร่างสูงไม่น้อยเช่นกัน

     

     

     

                ฮยอกแจ!”

     

                ฮีชอลตะโกนเรียกฮยอกแจเข้าไปในที่ซ่องสุมของพวกคู่อริ และทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง ทั้งแปดคนรวมกับฮยอกแจอีกเป็นเก้าก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเดินออกมา

     

                ฉันมีเรื่องจะบอกนาย ฮีชอลพูด

     

                แต่ฮยอกแจของพวกเราไม่ต้องการคุยกับคนใจร้าย รยออุคตะโกนขึ้นให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาทั้งแปดเป็นคนแคระที่คอยดูแลฮยอกแจเรลล่าผู้น่าสงสาร ฮีชอลจะเดินเข้าไปหาร่างบางใกล้ๆ แต่ซีวอนกลับมายืนขวางทางเอาไว้

     

                ไอ้บ้านี่!” ฮีชอลซัดหมัดเข้าไปเต็มหน้าของซีวอน เหมือนที่เจ้าของค่ายคิม จงอุนทำกับเขาในวันนั้น และก็ได้ผลเมื่อมีเลือดกำเดาค่อยๆ ไหลออกมาจากโพรงจมูกของซีวอน จะออกมาหรือเปล่าฮยอกแจ?

     

                พี่ฮีชอลจะมาหาผมทำไมล่ะครับ พี่ฮีชอลเกลียดผมไม่ใช่เหรอ?

     

                ฉันไม่เคยพูดว่าฉันเกลียดนาย

     

                แต่วันนั้นพี่ฮีชอลบอกว่าผมน่าสมเพช ผมทำตัวเหมือนเป็นคนโง่ที่เอาแต่วิ่งตามพี่ฮีชอล ผม...

     

                ฮีชอลไม่เปิดโอกาสให้ฮยอกแจได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขาเดินเข้าไปโอบกอดฮยอกแจไว้แนบแน่น ทำเอาฮยอกแจน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คนแคระทั้งหกถอยร่นไปดูอาการของซีวอนที่ดูเหมือนยังตกใจไม่หายกับการถูกชกเมื่อครู่ ส่วนคนแคระคิบอมได้แต่มองฮยอกแจเรลล่าของเขากำลังยืนกอดกับเจ้าชายที่ขี้โมโห

     

                ...ทว่าคิบอมก็ยังรู้สึกว่าภาพที่เกิดขึ้นมันเป็นภาพที่สวยงามเหมือนภาพวาด

     

                ฉันขอโทษที่ไล่นายไปตลอด แต่ฉันไม่อยากให้คนที่ตามฉันเป็นนาย ฉันจะเป็นคนที่วิ่งตามความรักของนายเองนะฮยอกแจ ต่อไปนี้ฉันจะทำทุกๆ อย่างเพื่อนายเอง

     

                พี่ฮีชอลพูดเหมือนกำลังบอกรักผมเลยนะครับ ฮยอกแจพูดเสียงอู้อี้ ฮีชอลจึงตีเข้าที่ไหล่บางเบาๆ อย่างโมโห

     

                ฉันก็กำลังบอกรักนายอยู่น่ะสิเด็กโง่!”

     

                รักผม!?!!” ฮยอกแจผละออกพลางเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ฮีชอลยิ้มกว้างก่อนจะพูดอย่างล้อเลียน

     

                ของดีมีครั้งเดียว ย้าก!!!” ฮีชอลพุ่งหมัดเข้าตรงสันจมูกโด่งของฮยอกแจ แต่ร่างบางกลับยืนนิ่ง โชคดีที่ครั้งนี้ฮีชอลยังยั้งมือไว้ได้ทัน ฮยอกแจจึงไม่ได้ล้มลงไปนอนกองกับพื้น ทำไมนายไม่หลบล่ะห๊ะ?

     

                ก็ผมอยากให้พี่ฮีชอลชกผมตลอดไปเลยนี่ครับ ชกตรงนี้เลยยิ่งดี ฮยอกแจจับกำปั้นของฮีชอลมาทาบไว้ที่หน้าอกของเขาท่ามกลางสายตาขี้อิจฉาของคนแคระทั้งแปดที่กำลังส่งตัวเจ้าหญิงไปสู่อ้อมกอดของเจ้าชาย ฮีชอลคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างแนบแน่น

     

                ฉันรักนายมากนะกระสอบทรายของฉัน

     

                ผมก็รักพี่ฮีชอลเหมือนกันครับ

     

    END

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×