ตอนที่ 53 : บทที่ 51 คนร้ายลักพาตัว (100%)
บทที่ 51 คนร้ายลักพาตัว
พอได้แล้ว อย่าทำเขาเลย ฮือๆ วัฐ วิขอโทษนะคะ
รวินันท์ได้แต่ร้องห้ามชายหนุ่มร่างกำยำเสียงหลง เมื่อจะเข้าไปขวางก็ถูกผลักออกมาจนร่างบอบบางเซถลาไปปะทะกับกำแพงจนได้แต่ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น มองภาพอดีตคนรักถูกชายแปลกหน้าทั้งต่อยทั้งเตะจนสะบักสะบอมน่วมไปทั้งตัวด้วยความสงสาร น้ำตาไหลพรากลงมาอาบสองแก้ม
เมื่อจัดการกับคนที่เข้ามาขัดขวางการเจรจากับหญิงสาวจนหนำใจแล้ว ชัชรัณจึงตบท้ายด้วยการซัดกำปั้นเข้าที่ท้องน้อยของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงส่งผลให้คนถูกต่อยได้แต่นอนตัวงอกุมท้องของตนเอาไว้อย่างทรมาน เขายืนหายใจหอบด้วยความเหนื่อยพลางมองชายหนุ่มผมยาวร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาทางหญิงสาวที่ถูกเขาเหวี่ยงไปกระแทกกำแพงห้องเมื่อครู่ก่อน
จะทำอะไรน่ะ อย่าเข้ามานะ
รวินันท์พยายามกระถดตัวถอยหนีจากคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหา แต่ยังไม่ทันที่ชายแปลกหน้าจะเดินมาถึงตัวเธอ ร่างกำยำนั้นก็จำต้องชะงักไป เมื่ออยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าขาของเขาก็มีอะไรบางอย่างมาเกาะยึดไว้และตรึงให้เขาต้องหยุดยืนกับที่ไปไหนไม่ได้
วิคุณหนีไป ไม่ต้องเป็นห่วงผม หนีไปเร็วเข้า
ภวัฐที่พยายามใช้ความอดทนเฮือกสุดท้ายพาตัวเองตะกายมาเกาะขาของชัชรัณเอาไว้พร้อมทั้งตะโกนบอกให้สไตลิสต์สาวหนีไป แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ก้มลงมามองหน้าของคนที่นอนเกาะขาของเขาอยู่ด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ก่อนที่จะสะบัดขาให้คนที่เกาะอยู่เบื้องล่างนั้นหลุดออกพร้อมกับยกเท้ากระทืบลงไปซ้ำๆ จนชายหนุ่มผมยาวถึงกับนอนแน่นิ่งไปในทันที
ทางฝ่ายรวินันท์ที่ยืนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ตัวสั่นเทิ้ม ขาแข็งจนวิ่งออกไปไม่ไหวก็พยายามควบคุมสติของตัวเองเอาไว้แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อรองหรือร้องขอให้เขายอมปล่อยเธอไป ชัชรัณเดินตรงมาหาเธอพร้อมกับชกเข้าที่ท้องน้อย จนหญิงสาวถึงกับจุกและหมดสติไปในที่สุด
ฟู้ดสไตลิสต์หนุ่มได้แต่นอนมองภาพหญิงสาวที่เขารักถูกจับอุ้มพาดบ่าไปด้วยสายตาพร่าเลือน ทั้งหยาดเหงื่อที่ชุ่มโชกและหยดเลือดจากบาดแผลแตกตรงเหนือคิ้วที่ไหลผ่านเปลือกตาลงมายังโหนกแก้มสีม่วงช้ำ ทำให้ภาพเบื้องหน้าของเขาเป็นสีแดงฉานและเบลอไปหมด
พลันเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ภวัฐเงี่ยหูฟังจนรู้ว่าที่มาของเสียงนั้นอยู่ในกระเป๋าสะพายใบน้อยของรวินันท์ที่ถูกวางทิ้งไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เขาค่อยๆ ขยับตัวคลานไปจนถึงกระเป๋าแล้วเปิดออกหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าชื่อของคนที่โทร.เข้ามาคือใคร
ในที่สุดก็ยอมพูดกับผมแล้วเหรอครับวิ
คุณธาม อึก...ช่วยวิด้วยครับ
หลังจากที่กรอกเสียงลงไปด้วยความดีใจเมื่อพบว่ารวินันท์ไม่ปิดเครื่องไปหรือกดวางหูใส่เขา แต่เมื่อรู้สึกแปร่งหูกับน้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นผิดไปไม่ใช่เสียงหวานของหญิงสาวคนรัก แต่กลับกลายเป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ดังแว่วเข้ามาแทน ธามจึงได้แต่ทำหน้าฉงนพลางขมวดคิ้วย่นเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูนั้นบอกอะไรบางอย่างกับเขา ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยิน
นั่นใครน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับวิงั้นเหรอ
ผมภวัฐไงครับ คุณรีบไปช่วยวิที วิถูกคนจับตัวไป
หืม? ภวัฐเหรอ เจ้าของรถเต่า เอ่อ แฟนเก่าของวิสินะ นี่คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่
ชายหนุ่มที่โทร. เข้ามานั้นเมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่ายก็นึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบถามกลับไปอย่างอดระแวงสงสัยไม่ได้ กลัวว่าจะเป็นแผนการของอีกฝ่ายที่สร้างขึ้นมาเพื่อล่อลวงเขาไปทำร้าย แก้แค้นที่ถูกเขาแย่งหญิงสาวคนรักมาจากอก
ต่อ
คนถูกอัดจนน่วมไปทั้งตัวชักเริ่มฉุนเมื่อคนที่อยู่ปลายสายเอาแต่ถามโน่นถามนี่โดยไม่คิดจะสนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะยันกายขึ้นมานั่งพิงประตูพร้อมกับรีบตอบคำถามของชายหนุ่มซึ่งเป็นคนรักใหม่ของอดีตแฟนสาว และบอกถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่บุกเดี่ยวเข้ามาลักพาตัวรวินันท์ไปต่อหน้าต่อตาเขาโดยละเอียด
คุณคิดว่าผมจะกล้าเอาเรื่องความเป็นความตายของวิมาล้อเล่นได้หรือไงครับ เขาถูกผู้ชายคนหนึ่งอายุราวๆ สามสิบปี ผิวคล้ำ ตาโตๆ หน้าดุๆ ผมรองทรง ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน กางเกงยีนสีเข้ม สวมหมวกแก๊ปสีขาวรูปมังกรดำพาตัวไป ตอนนี้คนร้ายมันจับตัววิขึ้นรถสปอร์ตสีเงินไปแล้ว ไฟหน้าสีฟ้า ประตูเป็นแบบปีกนกด้วย ผมไม่เคยเห็นรถหน้าตาแบบนี้มาก่อนเลย ต้องเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศแน่ๆ
ระหว่างนั้นเองชายหนุ่มผมยาวเกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพยายามลุกขึ้นยืนพาร่างสะบักสะบอมของตัวเองเดินโซซัดเซไปยังริมระเบียงตรงสุดทางเดินด้วยหวังว่าจะพอมองเห็นพาหนะของคนร้ายที่ใช้ลักพาตัวรวินันท์ไป และอาจจะเป็นเบาะแสให้ประธานหนุ่มสามารถแจ้งความกับตำรวจเพื่อสกัดจับหรือติดตามเสาะหาได้ง่ายขึ้น
อะไรนะ หมวกแก๊ปสีขาวลายมังกรดำกับรถสปอร์ตสีเงินประตูปีกนก ไม่น่าเชื่อ คนที่ลักพาตัววิไปคือพี่ชัชงั้นเหรอ
หลังจากได้ฟังจุดเด่นของคนร้ายตามที่อีกฝ่ายบอกมาแล้ว ธามทวนคำบอกเล่าของแฟนเก่าก็ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจเพราะจากข้อมูลที่ได้มานั้น ทำให้เขาสามารถระบุตัวคนร้ายได้ในทันทีแบบแทบไม่ต้องคิด เนื่องด้วยหมวกแก๊ปสีขาวรูปมังกรสีดำสนิทนั้นเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม FF นักแข่งรถยนต์บนท้องถนนยามราตรีที่เขาคลุกคลีด้วยมาตลอดเวลาสี่ปีสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ นอกจากนี้รถสปอร์ตสีเงินที่ว่านั้นคงไม่พ้นเป็นรถของเขาที่ถูก ชัชรัณ ชายหนุ่มรุ่นพี่ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่ม FF นี้ยึดเอาไปจากการเอาชนะเขาในการแข่งขันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั้นไม่ผิดแน่ ความกรุ่นโกรธระคนงุนงงประดังประเดเข้ามาในใจของธามแทบจะพร้อมๆ กัน เขาไม่รู้ว่าชัชรัณจับตัวสไตลิสต์สาวไปทำไม ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนและหาเหตุผลไม่ได้
คุณรู้จักคนที่ลักพาตัววิไปใช่ไหม ขอร้องล่ะ ช่วยวิด้วยนะครับ
คล้ายภวัฐจะพอคาดเดาได้จากคำพูดของประธานหนุ่มเจ้าของบริษัท เขารีบวิงวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมน้ำตาที่รินไหลลงมาผสมปนเปกับโลหิตหยดหยาดลงมาจนเสื้อผ้ากลายเป็นสีแดงฉานไปแทบทั้งตัว
ผมรับรองว่าจะพาวิกลับมาแบบครบสามสิบสองให้ได้เลย ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อมูลของคุณ แค่นี้ก่อนนะ
ธามเองก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ดี หลังจับน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงของคนที่คุยโทรศัพท์กับเขาอยู่นั้นได้ ชายหนุ่มคาดว่าทางนั้นคงถูกชัชรัณทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแทบปางตายแล้วลักพาตัวสไตลิสต์สาวไปต่อหน้า จึงไม่สามารถติดตามจับตัวคนร้ายได้และต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเขาเช่นนี้ พร้อมกับรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะกดวางสายไป แล้วรีบเลี้ยวรถกลับเพื่อเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังที่ที่คิดว่านักแข่งรุ่นพี่จะพาคนรักของเขาไปซ่อนตัวเอาไว้
เมื่อนักธุรกิจหนุ่มวางสายไปแล้ว ภวัฐจึงค่อยเบาใจลงที่อย่างน้อยก็มีคนมารับช่วงต่อในการให้ความช่วยเหลืออดีตแฟนสาวของเขาแล้ว แม้จะรู้สึกเจ็บใจอยู่ไม่น้อยและนึกโกรธความอ่อนแอของตนที่ไม่สามารถปกป้องรวินันท์ได้ ฟู้ดสไตลิสต์หนุ่มพยายามข่มความเจ็บปวดของตนและพยายามเดินเกาะมาตามผนังจากริมระเบียงมุ่งหน้าไปยังห้องพักของตน แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวความเจ็บปวดรวดร้าวในกายก็ทำให้เขาต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นก่อนที่จะสติสัมปชัญญะจะดับวูบลงลงตรงทางเดินใกล้ๆ ห้องพักของตัวเองซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง รวินันท์สะดุ้งตื่นพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว ภาพที่เธอได้เห็นเป็นห้องนอนของ
ใครบางคนที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งพยายามนึกทบทวนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และจำได้ว่าภวัฐ อดีตคนรักของเธอถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเธอนั้นถูกชายแปลกหน้าที่เรียกตัวเองว่า ชัชรัณ ลักพาตัวมาจากหน้าห้องบนคอนโดมิเนียมหรู
สไตลิสต์สาวงุนงงไม่น้อยว่าผู้ชายคนนั้นจับตัวเธอมาเพื่ออะไร มิหนำซ้ำยังเรียกชื่อเธอเป็นชื่อของผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่เคยแม้แต่ได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต คิดว่าคงเป็นการจับผิดตัวและก็เป็นเธอเองที่ดันซวยต้องมารับเคราะห์โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้ พลางก้มลงสำรวจสภาพร่างกายของตัวเองที่ถูกนำมาวางไว้บนเตียงใหญ่มีผ้าปูที่นอนสีเทาลายฟันเฟืองคลุมเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าเสื้อผ้าทุกอย่างยังอยู่ครบ
ต่อ
อ้าวตื่นแล้วเหรอฟ้า ไม่คิดว่าเธอจะหลับไปนานขนาดนี้เลยนะเนี่ย
ชัชรัณเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาเอ่ยทักทายหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น นานแล้วที่เขาเฝ้าเสาะหาผู้หญิงคนนี้มาตลอด ทั้งที่เมื่อก่อนเธอกับเขารักกันมากมายขนาดไหนแต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็หายไปจากชีวิตของเขาอย่างไร้ร่องรอย แถมตอนนี้ก็ยังมาเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่อีก คงคิดว่าจะหนีเขาไปได้ตลอดรอดฝั่งสินะ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจพลางมองเรือนร่างเพรียวบางในชุดราตรีสีหวานที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่บนเตียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันชื่อรวินันท์ ไม่ใช่ปลายฟ้าอะไรของคุณสักหน่อย จับฉันมาที่นี่ทำไม แถมยังทำร้ายวัฐจนบาดเจ็บขนาดนั้นอีก บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า คุณต้องการอะไรกันแน่ จะจับฉันมาเรียกเอาเงินค่าไถ่ตัวจากธามหรือไง
รวินันท์มองจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าที่จับตัวเธอมาขังไว้ที่ไหนสักแห่งซึ่งน่าจะเป็นบ้านของเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ พลางเอ่ยถามถึงความต้องการของอีกฝ่ายและคาดเดาไปว่าบางทีคนๆ นี้อาจกำลังต้องการเงิน จึงได้ลักพาตัวเธอมาเพราะมองออกว่าเธอมีความสำคัญต่อประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์มากเพียงไร
ดูท่าทางเธอคงจะหลงเจ้าธามหัวปักหัวปำจนลืมไปหมดแล้วสินะ ว่าเราเคยเป็นอะไรกัน ก็ดี ถ้างั้นฉันจะช่วยเธอรื้อฟื้นความจำเองแล้วกันนะฟ้า
คนที่ถูกกล่าวหาว่าจับตัวหญิงสาวมาเพื่อเรียกค่าไถ่จากหนุ่มรุ่นน้องนั้นได้แต่ยืนเท้าสะเอวมองคนปากกล้า ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนที่ชายหนุ่มร่างกำยำจะกระโจนขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับผลักร่างของคนที่จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นกดแนบลงไปนอนกับเตียงด้วยแรงมหาศาล จนหญิงสาวนั้นไม่สามารถดิ้นรนหนีจากเขาได้เลย
กรี๊ด! จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ฟ้ง ฟ้าอะไรนั่น ได้ยินไหม ฉันบอกให้ปล่อยไง
รวินันท์กรีดร้องลั่นพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่าย ทั้งเตะทั้งถีบมั่วไปหมดแต่ไม่ทำให้คนร่างหนาที่ทาบทับลงมาบนร่างกายเธอนั้นรู้สึกสะทกสะท้านได้เลยแม้แต่น้อย หญิงสาวได้แต่เบิกตาโพลงร้องโวยวายไม่ได้หยุดเมื่อถูกชายแปลกหน้ารวบข้อมือทั้งสองของเธอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ปลดเข็มขัดที่คาดทับอยู่บนกางเกงผ้าของตนออกแล้วนำมามัดข้อมือของเธอไว้ติดกับซี่ลูกกรงไม้ตรงหัวเตียงเพื่อไม่ให้เธอสามารถหนีไปไหนได้
ไอ้บ้ากาม แกจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ อย่าทำแบบนี้เลย
แม้ว่าจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กันอย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมเธอจึงรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงการกระทำของแปลกหน้าคนนี้ยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มือสากและหยาบกร้านลูบไล้ไปมาบนเรือนกายของเธอ อีกทั้งใบหน้าที่มีหนวดเคราขึ้นหร็อมแหร็มจนเห็นเป็นแนวเขียวครึ้มรอบปากและคางนั้นเคลื่อนมาดอมดมซุกไซ้วนเวียนอยู่ตรงซอกคอขาว ยิ่งชวนให้สไตลิสต์สาวรู้สึกคลื่นเหียนพะอืดพะอมจนแทบอยากอาเจียนออกมาเสียให้ได้
เมื่อเทียบกับการการะทำของธามแล้ว ไม่ว่ามือเนียนนุ่มราวกับคนไม่เคยต้องตรากตรำทำงานหนักมาก่อนในชีวิตหรือกลีบปากบางสีแดงอมชมพูของเขาจะเคลื่อนไหวไต่สัมผัสไปตรงไหน ก็มีแต่จะทำให้ร่ายกายของเธอร้อนเร่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คล้ายดั่งว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกเพลิงรักไฟปรารถนาแผดเผาจนแทบจะมอดไหม้ไปด้วยน้ำมือชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น
จะร้องทำไมหนักหนา หา! ของมันเคยๆ กันอยู่แล้ว ทำเหมือนฉันเป็นคนแปลกหน้าไปได้ เจ้าเด็กนั่นมันทำให้เธอลบฉันออกไปจากความทรงจำหมดเลยหรือไง
ชัชรัณเริ่มโกรธขึ้นมาเมื่อคนข้างล่างยังคงส่งเสียงร้องโวยวายไม่ได้หยุด เขาตวาดใส่เธอเสียงดังลั่นก่อนจะกระชากชุดที่หญิงสาวสวมใส่อยู่ออกอย่างรุนแรงจนชุดราตรีแสนสวยนั้นขาดกระจุยกระจายกลายเป็นเศษผ้าหมดราคาในทันที เหลือแต่เพียงอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้เท่านั้น เขามองอย่างโลมเลียไปบนเรือนร่างขาวโพลนนั้นด้วยสายตาจาบจ้วง มองเห็นแต่ความหื่นกระหายใคร่อยู่ในดวงตาดุดันคู่นั้น
รวินันท์เกิดอาการเศร้าสลดหดหู่ขึ้นมาในใจ ได้แต่นอนร้องไห้ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงอาบสองแก้มนวลเมื่อรู้ตัวดีว่าตนไม่อาจขัดขืนคนตรงหน้าได้อีกต่อไป ทั้งที่สมองและหัวใจของเธอบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องเรือนร่างของเธอนอกจากธามเพียงคนเดียวอีกแล้ว แต่มาถึงตอนนี้แค่คิดจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็แทบอยากจะกัดลิ้นกลั้นใจตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ในเวลาเดียวกันนั้นรถสปอร์ตสีแดงเพลิงแล่นทะยานไปบนถนนปู่เจ้าสมิงพรายในเขตติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการด้วยความเร็วสูง แต่หัวใจของสารถีหนุ่มนั้นเหาะเหินลอยล่วงหน้าไปหาหญิงสาวคนรักที่บ้านพักของนักแข่งรถรุ่นพี่ในย่านโรงงานอุตสาหกรรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ก่อนแล้ว ธามได้แต่ภาวนาขอให้คนรักของเขาปลอดภัยจากเงื้อมมือของนักแข่งหนุ่มรุ่นพี่ที่ลักพาตัวเธอไป แม้จะยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าสไตลิสต์สาวถูกจับตัวไปด้วยจุดประสงค์ใดก็ตามที
ไม่กี่นาทีต่อมา รถคู่ใจของประธานหนุ่มก็วิ่งเข้ามาในซอยเล็กๆ ซึ่งอยู่ติดกับโกดังเก็บของขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งรกร้างมานาน กระทั่งมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เขามองไปยังบ้านของชัชรัณ ซึ่งมีลักษณะทาวน์เฮ้าส์ขนาดสองคูหาสูงสองชั้นซึ่งมีสภาพภายนอกแลดูทรุดโทรมจนธามชักไม่แน่ใจว่าเขามาถูกที่หรือเปล่า เพราะไม่ได้มาเที่ยวเล่นที่บ้านของนักแข่งหนุ่มรุ่นพี่เป็นเวลาหลายปีดีดักแล้ว แต่เมื่อมองเข้าไปภายในรั้วบ้านและเห็นรถสปอร์ตสีเงินวาววับคันงามจากฝีมือการออกแบบของเขาเองจอดอยู่ก็รู้ว่าตนมาถูกที่แล้ว เขาดับเครื่องยนต์และจอดรถทิ้งไว้รีบเปิดประตูก้าวลงมาจากรถแล้ววิ่งไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านทันที
ต่อ
เมื่อชายหนุ่มวิ่งมาถึงหน้าบ้านก็พบว่าประตูรั้วเหล็กสีครีมซึ่งมีคราบสนิมเกาะอยู่เกรอะกรังนั้นถูกคล้องโซ่และล็อกกุญแจเอาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งประตูนั้นสูงห่างกับหลังคากันสาดที่ทำยื่นออกมาจากตัวบ้านเพียงแค่ฟุตครึ่ง เขาตัดสินใจกระโดดเกาะประตูรั้วแล้วพยายามปีนป่ายเข้าไปด้านใน ส่งผลให้สุนัขบ้านใกล้เคียงเห่ากันเสียงขรมเมื่อเห็นคนแปลกหน้ามาทำลับๆ ล่อๆ ในบริเวณนั้น
ในที่สุดธามก็ผ่านด่านประตูรั้วด้านหน้าไปได้สำเร็จ เขารีบวิ่งไปที่ประตูชั้นในของบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็พบว่าประตูนั้นถูกล็อกด้วยกุญแจอีกเช่นเดียวกัน เขามองฝ่าความมืดเข้าไปด้านในแต่ก็ไม่พบใคร นักธุรกิจหนุ่มได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าบ้านอย่างหัวเสีย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนนี้ห้องนอนของชัชรัณซึ่งอยู่บนชั้นสองของบ้านนั้นมีหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งอยู่ตรงริมระเบียงและไม่สามารถล็อกกลอนจากข้างในได้ ชายหนุ่มจึงคิดที่จะปีนขึ้นไปบนระเบียงเพื่อเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวคนรักก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ระหว่างที่ชัชรัณกำลังจะถอดปราการชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดส่วนสำคัญของหญิงสาวออกนั้น เสียงกรุ๋งกริ๋งของลูกกุญแจหลายดอกกระทบกันตามมาด้วยเสียงบานประตูไม้ที่ถูกเปิดเข้ามากระแทกผนังห้องเสียงดังปัง ทำให้คนที่กำลังจะทบทวนความทรงจำให้กับผู้หญิงที่เขาเรียกว่า ปลายฟ้า ถึงกับชะงักงันด้วยความตกใจรีบผละจากเรือนร่างขาวนวลเนียนเบื้องหน้า พลางหันขวับไปมองแขกไม่ได้รับเชิญนั้นโดยอัตโนมัติ
ทำไมต้องล็อกประตูด้วย พาใครมากกอยู่ในห้องอีกล่ะ
น้ำเสียงแหลมสูงที่ดังนำมาก่อนตัว ตามมาด้วยร่างของใครบางคนที่ก้าวเข้ามาภายในห้องนั้นพลางทำท่าชะเง้อชะแง้มองข้ามผ่านไหล่ของชายร่างสูงกว่าไปยังเตียงนอนซึ่งอยู่เบื้องหลังด้วยสายตาใคร่รู้
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังแว้ดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวที่ปกคลุมไปทั่วห้อง รวินันท์ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจระคนโล่งใจและนึกอยากจะขอบคุณผู้หญิงคนนี้เหลือเกินที่เข้ามาขัดจังหวะได้ทันเวลาพอดี เป็นโอกาสที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการโดยไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชายผิวสีท่าทางกักขฬะคนนี้อย่างไม่เต็มใจ ยังไม่ทันจะอ้าปากร้องเรียกให้ช่วย เสียงของคนที่เพิ่งลุกจากเตียงไปร้องทักหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยคำพูดห้วนกระชากก็ดังกลบเสียงของเธอเสียสนิท
ช่วยด้วย...
เกวลิน เธอมาทำอะไรที่นี่
แหม คุณชัชรัณคะ แค่ไม่เจอกันสองสามเดือนเนี่ย ทำเป็นเรียกซะห่างเหินเชียวนะ ทีเมื่อก่อนล่ะก็ ลินจ๊ะลินจ๋าอย่างนั้นอย่างนี้ สงสัยคงจะผู้หญิงมีคนใหม่อีกแล้วสิท่า
หญิงสาวนามว่า เกวลิน ตอบกลับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เธอกอดอกพลางจิกตามองอีกฝ่ายด้วยอารมณ์เคืองขุ่นเมื่อถูกทักทายราวกับว่าตนเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับเขาเท่านั้น
เฮอะ ไม่ต้องมาทำเป็นยอกย้อนเลยน่า เธอมีอะไรก็รีบๆ พูดมาเลยดีกว่า ชิ! ดันมาขัดจังหวะคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเสียได้
ชัชรัณกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมทั้งบ่นพึมพำกับตัวเองในประโยคหลังอย่างหัวเสียที่ถูกขัดขวางความสำราญที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นพอดี
ที่จริงฉันมาวันนี้ก็เพื่อจะมาบอกลาคุณแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เดี๋ยวก็จะไปแล้ว ไม่อยู่เป็นมารคอหอยขัดขวางความสุขของคุณนานหรอกน่า
คนที่บอกว่าจะมาลาชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ปรายตามามองหญิงสาวอีกคนที่ถูกมัดด้วยเข็มขัดติดอยู่กับลูกกรงไม้แกะสลักตรงหัวเตียงแวบหนึ่งเช่นเดียวกันกับที่ฝ่ายนั้นมองมายังเธอด้วยแววตาตื่นตระหนก ก่อนเกวลินจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแกมประชดประชันใส่ คำพูดของเธอทำให้ชัชรัณหันขวับมาทันที
มาลา
คุณจะไปไหนเหรอ?
ชัชรัณทวนคำพูดของอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงเอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ ขณะที่หญิงสาวตรงหน้านั้นกลับมีท่าทีโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินว่าเขาลืมเรื่องที่เธอเคยบอกกับเขาโดยสิ้นเชิง
เอ๊ะ! ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าถ้าเราเลิกกันแล้ว ฉันก็จะขอไปใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งให้ไกลห่างจากคุณ หรืออาจจะไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกตลอดไปเลยก็ได้
คุณบอกผมตอนไหน ผมไม่เห็นเคยได้ยินเลย
ฉันบอกคุณตั้งแต่วันที่เราเริ่มทะเลาะกันวันแรกไง คุณเคยจำอะไรได้บ้างไหมชัช! พอกันทีเรื่องของเรามันจบแล้ว ฉันเหนื่อยเต็มทนกับการที่ต้องมานั่งทนมองเห็นคุณไปมีอะไรกับใครๆ ไปทั่วอย่างนี้ ขอร้องล่ะนะ ปล่อยฉันไปตามทางของฉันเถอะ
ชายหนุ่มหน้าคมเข้มมีท่าทางพิศวงงงงวยยิ่งนัก เขาแทบจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเธอเคยพูดเรื่องทำนองนั้นกับเขาด้วย พลางมองหน้าหญิงสาวที่เป็นคนรักของเขาอย่างไม่เข้าใจ
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
ทิวากุลมีเรื่องจะมาแจ้งให้แฟนๆ ของนิยายเรื่อง ลิขิตพิษสวาท ทราบว่า นิยายเรื่องนี้ได้รับการติดต่อจากทางสำนักพิมพ์ Sugarbeat (สำนักพิมพ์ในเครือสถาพรบุ๊คส์) ให้จัดพิมพ์ในรูปแบบพ็อกเกตบุ๊ค ซึ่งจะวางแผงทั้งทางเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ฯ และตามร้านหนังสือ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2554 เป็นต้นไปค่ะ และทางสำนักพิมพ์ขอให้ลงนิยายเรื่อง ลิขิตพิษสวาท ที่หน้าเว็บไซต์ไว้เพียงเท่านี้ ทิวากุล จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ เตรียมพบกับเรื่องใหม่ของทิวากุลเร็วๆ นี้นะคะ
ทิวากุล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มีนิยายเรื่องใหม่แวะบอกด้วยค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
คุณเกวลิน จะมาลา หรือ มาช่วยขัดจังหวะ เร็วเข้าธามต้องรีบเข้ามาช่วยสาววิโดยด่วน
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แต่อ้ายนี่มันบ้าจริงๆ มาทำอย่างนี้กับวิได้ไง
หนุ่มน้อย คอยให้ กำลังใจฮับ
นายธามจะมาช่วยแฟนสาวให้พ้นอันตรายทันหรือปล่าว ... รอไรเตอร์มา up ต่อ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
ยังไงก็ปลื้มวัฐ