ตอนที่ 50 : บทที่ 50 หนุ่มขี้แกล้งกับสาวแสนงอน (100%)
บทที่ 50 หนุ่มขี้แกล้งกับสาวแสนงอน
หลังจากได้นั่งร่วมโต๊ะกับสองหนุ่มสาวคู่รักข้าวใหม่ปลามันได้ไม่นาน มณิการ์ก็เริ่มรู้สึกหวานเลี่ยนกับบรรยากาศรอบตัวของเพื่อนชายและสไตลิสต์สาวที่คอยเอาอกเอาใจผลัดกันป้อนอาหารให้แก่กัน ทำเอาสาวหวานเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนออกมาจนแทบทนไม่ไหวด้วยความหมั่นไส้ อีกทั้งความอิจฉาริษยาที่มีต่อหญิงสาวซึ่งนั่งถัดจากเธอไปทำให้ทายาทสาวร้านทองตัดสินใจลุกขึ้นเดินหนีกับภาพสวีตของคนทั้งสองที่ช่างบาดตาบาดใจเธอนัก
อ้าว จะไปไหนล่ะเมนี่ เพิ่งกินไปนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ
ธามหันมาเห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่กลับถูกเพื่อนสาวสะบัดหน้าใส่อย่างหงุดหงิด แถมยังก้าวฉับๆ เดินออกไปทางหน้างานโดยไม่หันมาตอบคำถามเขาสักคำ ทำเอาประธานหนุ่มถึงกับงุนงงในท่าทีที่แปลกไปของมณิการ์ราวกับว่าไม่พอใจอะไรสักอย่างแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ด้วยเพราะตอนนี้เขาได้ทุ่มเทความสนใจที่มีไปให้แก่คนรักที่นั่งอยู่เคียงข้างไปหมดแล้ว
สงสัยคุณเมนี่เธอคงไม่พอใจที่วิมาร่วมงานนี้พร้อมกับคุณแน่ๆ เลย
รวินันท์มองตามคนที่เพิ่งลุกเดินออกไปจากโต๊ะอาหารพลางเอ่ยขึ้นมาเสียงอ่อย ประธานหนุ่มจึงหันกลับมาหาหญิงสาวคนรัก พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มซึ่งเจือความขบขันเอาไว้น้อยๆ
โธ่ วิอย่าคิดมากสิครับ ผมว่าเมนี่เขาคงจะอยากเข้าห้องน้ำกะทันหันละมั้ง ก็เลยรีบวิ่งออกไปไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยแบบนี้
อยากเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ ใช้สมองส่วนไหนคิดกันคะคุณธาม นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคุณเมนี่เธอ เอ่อ ชอบคุณน่ะ ฉันเดาว่าเพราะคุณทำท่าเอาอกเอาใจฉันมากไปคุณเมนี่เขาก็เลยหึงจนทนไม่ได้มากกว่านะ
เมื่อได้ฟังคำของชายหนุ่มก็ทำเอาสไตลิสต์สาวถึงกับกุมขมับรู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะหลุดปากบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป กว่าจะรู้ว่าเธอได้เผลอคายความลับของทายาทสาวเจ้าของร้านทองไปแล้ว ก็ตอนที่ได้เห็นดวงตารียาวของอีกฝ่ายมองจ้องเธอกลับมาแทบไม่วางตานั่นละ
จ้องหน้าฉันทำไมน่ะ มีอะไรติดหน้าฉันงั้นเหรอ
รวินันท์ทำหน้าสงสัยพลางรีบเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กของตนแล้วหยิบเอาตลับแป้งขึ้นมาเปิดส่องกระจกดู แต่เมื่อสำรวจจนถี่ถ้วนแล้วก็ทำให้เธอแน่ใจว่าบนใบหน้าขาวเนียนเปล่งปลั่งสว่างสดใสนั้น ไม่ได้มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ ติดอยู่เลยแม้แต่น้อย
ไม่เห็นจะมีอะไรติดสักหน่อย ตกลงนี่คุณจะจ้องหน้าฉันอีกนานไหนเนี่ย มีอะไรก็บอกกันมาดีๆ สิคะ มัวทำหน้าอมยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ได้
ธามไม่ตอบอะไรแต่กลับยิ่งเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หญิงสาวคนรัก และทำท่าคล้ายว่าจะจุมพิตเธออย่างไรอย่างนั้น เล่นเอาสไตลิสต์สาวถึงกับตกใจรีบเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับผลักไสใบหน้าของประธานหนุ่มออกไปให้ห่างแทบไม่ทัน แม้ว่าเธอจะเคยจูบกับเขามาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอคงไม่มีวันยอมเล่นบทเลิฟซีนกลางที่สาธารณะแบบนี้เป็นอันขาดแน่
ฮ่าๆ ดูทำท่าเข้าสิอย่างกับว่ากำลังจะถูกผมทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นล่ะ เฮ้อ ที่จริงแล้วเมื่อกี้ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าคุณจะทำหน้ายังไง ถ้าเห็นว่ามีสาวๆ คนอื่นมาเกาะแกะผม จะหึงจนหน้ามืดตามัวเหมือนตอนที่เห็นผมลงมาจากรถของเจนนิเฟอร์รึเปล่านะ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมาโดนเมนี่ขวางไว้เสียก่อน เจ็บใจชะมัดเลย
คนที่แกล้งทำเป็นจะปล้นจุมพิตจากเรียวปากอวบอิ่มตรงหน้า หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดีเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว ก่อนจะเผยความในใจของตนออกมาจนหมดเปลือก ทำเอารวินันท์ถึงกับหน้าร้อนฉ่าที่ถูคนตรงหน้ารู้ทัน จึงพยายามจะกลบเกลื่อนความอายนั้นด้วยการพูดต่อว่าชายหนุ่ม
คุณนี่มัน
อื้อ
ว่าไงนะครับ คุณหิวแล้วอยากให้ผมป้อน โธ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก มาครับอยากทานอะไรเดี๋ยวผมป้อนให้นะ
ในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากจะพูดต่อนั้น ธามก็แกล้งตักอาหารตรงหน้าขึ้นมาก่อนที่จะจับยัดเข้าปากเธอคำโต ส่งผลให้สไตลิสต์สาวจำต้องหุบปากลงเคี้ยวอาหารที่เขาป้อนให้อย่างจำใจ เมื่อเธอกลืนอาหารลงคอเรียบร้อยแล้วและทำท่าว่าจะพูดต่อ แต่ก็ไม่วายโดนแกล้งอีกจนได้
อึก
นี่คุณ
อื้อ
ไม่ต้องพูดอะไรแล้วกินไปๆ เดี๋ยวคืนนี้หิวแล้วจะมาโทษผมไม่ได้นะครับ
ประธานหนุ่มดูจะสนุกสนานกับการแกล้งหญิงสาวคนรักด้วยการหยิบพายหอมกรุ่นชิ้นใหญ่ส่งเข้าปากของเธออย่างต่อเนื่อง เขายิ้มกว้างจนตาหยีพลางมองคนข้างกายเคี้ยวพายคำโตจนแก้มตุ่ยเหมือนเด็กๆ ใบหน้าที่แสดงอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนขี้แกล้งดังลั่นจนแขกเหรื่อคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียว
พอแล้ว! เลิกแกล้งฉันสักทีได้ไหม ฉันอายคนอื่นเขาจะแย่อยู่แล้วนะ
ต่อ
คราวนี้เมื่อรวินันท์เคี้ยวอาหารและกลืนลงคอจนเกลี้ยงแล้ว เธอก็รีบยกมือขึ้นมาขวางมือคนที่ทำท่าจะแกล้งป้อนอาหารเธอต่ออย่างรู้ทัน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอนๆ หลังจากกวาดสายตามองไปรอบกายก็ได้เห็นสายตาหลายสิบคู่มองมายังเธอด้วยใบหน้าที่เจือไว้ด้วยรอยยิ้มขบขัน ทำให้สไตลิสต์สาวรู้สึกอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
แต่แกล้งวิแล้วมันสนุกดีนี่ครับ ผมไม่เคยแกล้งสาวๆ คนไหนแล้วรู้สึกสุขใจแบบนี้มาก่อนเลยนะรู้หรือเปล่า อ้ะ ไหนๆ ผมก็ตักมาแล้ว อีกคำแล้วกันนะครับที่รัก
ธามกล่าวด้วยรอยยิ้มขำ พลางทำท่าจะป้อนขนมปังชิ้นย่อมให้เธออีกครั้ง แต่คราวนี้คนขี้แกล้งกลับกลายเป็นฝ่ายถูกแกล้งเสียเองเมื่อพลาดท่าเสียทีปล่อยให้สไตลิสต์สาวจับมือใหญ่ของเขาให้หันกลับเข้าหาตัวและพยายามยัดขนมปังชิ้นนั้นเข้าปากชายหนุ่มแทน
อ๋อเหรอคะ สนุกมากนักใช่ไหม ดี งั้นลองโดนเองบ้างแล้วกันจะได้รู้ว่ามันสนุกจริงหรือเปล่า
ไม่เอานะคุณ ผม...อุ๊บ...
รวินันท์ออกอาการหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าเขาพยายามแกล้งเธอ หลังจัดการแก้เผ็ดคนขี้แกล้งได้ก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมทั้งทำท่าจะเดินหนีออกไปจากงานเลี้ยงทันทีอย่างนึกโกรธ แต่ชายหนุ่มพยายามคว้าข้อมือของเธอเอาไว้พร้อมกับรีบเคี้ยวขนมปังชิ้นใหญ่ที่ถูกป้อนมาจนเต็มปากนั้นกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพูดขอโทษขอโพยหญิงสาวพลางอธิบายเหตุผลที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้สดๆ ร้อนๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อยอย่างคนสำนึกผิด
เดี๋ยวครับวิ จะรีบไปไหนน่ะ ผมแหย่เล่นแค่นี้เอง ขอโทษนะครับอย่าโกรธผมเลยนะ ก็เวลาคุณทำหน้าแบบนั้นมันน่ารักจนผมอดใจไม่แกล้งไม่ไหวนี่ครับ อย่าเพิ่งหนีไปไหนเลยนะ จริงสิ คุณบอกว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าเรารีบกินให้เสร็จเร็วๆ ดีกว่าไม่งั้นเดี๋ยวคุณจะกลับช้านะ
เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ยอมกลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมกับลงมือรับประทานอาหารด้วยตัวเองอย่างเงียบเชียบไม่มีคำพูดใดๆ เอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มน่าจุมพิตนั้นอีกเลย ส่งผลให้ธามจำต้องก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็วเช่นกันเพื่อให้ทันกับอัตราความเร็วของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง
หลังจากอาหารที่บริกรนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะหมดลงแล้ว สไตลิสต์สาวร่างระหงก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเดินออกไปนอกห้องจัดเลี้ยงทันที ปล่อยให้ประธานหนุ่มที่เพิ่งตักอาหารเข้าปากคำสุดท้ายนั้นต้องรีบลุกขึ้นและวิ่งตามหญิงสาวออกไปแทบไม่ทัน อาการรีบร้อนของธามที่วิ่งโกยอ้าวออกจากงานไปนั้นเรียกความสนใจจากสายตาของบรรดาแขกผู้มาร่วมงานให้หันมามองตามกันเป็นตาเดียว
แฮ่กๆ นี่คุณรีบอะไรนักหนาเนี่ย ผมจุกจะแย่อยู่แล้วนะ
คนในชุดทักซิโด้สีดำวิ่งตามคนที่เดินนำออกมาก่อนและมายืนหายใจหอบอยู่ข้างรถสปอร์ตคันหรูพลางเอามือกุมท้องร้องถามหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าอ่อนด้วยใบหน้าเหยเก
ก็คุณบอกฉันเองนี่คะว่าให้รีบทานจะได้รีบกลับ
โธ่! วิ ผมก็แค่ล้อเล่นน่ะครับ ไม่คิดว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้เลย
รวินันท์มองคนที่ร้องโอดครวญด้วยสายตาเคืองขุ่น ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทางทำทีเป็นไม่สนใจอาการเจ็บป่วยอย่างปัจจุบันทันด่วนของเขา อยากแกล้งเธอดีนักแบบนี้ต้องเอาคืนเสียให้เข็ด
ล้อเล่นหรือไม่ ฉันไม่สนหรอกค่ะ นี่ก็เริ่มดึกแล้วพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานต้องทำแต่เช้า ถ้าคุณยังอยากสนุกกับงานเลี้ยงอยู่ล่ะก็ เชิญตามสบายเถอะค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้
อย่างอนเลยนะครับวิ อีกอย่างผมคงไม่ยอมให้คุณขึ้นแท็กซี่กลับคอนโดฯ ไปทั้งชุดนี้แน่ๆ ยังไงงานก็ใกล้จะจบแล้วงั้นผมจะไปส่งคุณเองแล้วกันนะครับ
ธามปาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผากของตนพลางก้มลงมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนสวย เมื่อเห็นเข็มบนหน้าปัดชี้ไปยังตัวเลขเก้าย่างสิบบอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ชายหนุ่มรีบเดินมาโอบไหล่ขาวเนียนเอาไว้ด้วยความหวงแหนก่อนจะกล่าวง้องอนหญิงสาวคนรัก และรีบกุลีกุจอเปิดประตูรถสปอร์ตคู่ใจให้เธอก้าวขึ้นรถไปในที่สุด
รถสปอร์ตสีแดงเพลิงมุ่งทะยานออกไปบนท้องถนนที่เงียบสงัด อาจเพราะว่ายังเป็นวันทำงานกลางสัปดาห์จึงทำให้มีรถราสัญจรไปมาไม่มากนักอย่างตอนหัวค่ำที่ผ่านมา ระหว่างทางธามได้แต่คอยชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของสไตลิสต์สาวที่ยังคงเชิดหน้าทำท่าทางปั้นปึ่งมึนตึงใส่เขา ไม่ว่านักธุรกิจหนุ่มจะพยายามพูดง้องอนขอให้หญิงสาวหายโกรธอย่างไรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมยกโทษให้เขาสักที
ในที่สุดคนอยากง้อก็เริ่มหมดความอดทนเพราะคิดว่าตนไม่ได้ทำผิดในเรื่องร้ายแรงอะไรมากมาย ในขณะที่อีกฝ่ายกลับเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดจา แม้แต่หางตาก็ไม่หันมาแลเขาเช่นนี้ ธามจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะตอแยกับคนที่ทำท่าแง่งอนใส่เขาด้วยเรื่องราวไร้สาระอีกต่อไป แล้วหันไปให้ความสนใจกับท้องถนนเบื้องหน้าแทนและเลือกที่จะปิดปากนั่งเงียบไปตลอดทางโดยไม่เอ่ยคำใดอีก ด้วยอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัวทำให้ชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าบึ้งคิ้วขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิดนั้นไม่ทันสังเกตว่ามีรถยนต์อีกคันขับตามเขามาห่างๆ ตั้งแต่ออกจากโรงแรมแล้ว
ต่อ
ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวินันท์ก็รีบเปิดประตูออกไปทันที โดยไม่รีรอที่จะกล่าวคำลาหรือแม้แต่จะเอ่ยขอบคุณสารถีหนุ่มที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งถึงที่ ความจริงหญิงสาวหายโกรธธามตั้งนานแล้ว แต่เธอก็แค่อยากลองแกล้งทำเป็นงอนต่อไปอีกสักพักเพื่อดูว่าคนรักจะหาวิธีไหนมาทำให้เธอยอมใจอ่อนลงได้ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีความพยายามเพียงเท่านี้ เธอได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างผิดหวังแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปภายในตึกสูงระฟ้านั้น พลันเสียงของคนขับรถหนุ่มรูปหล่อก็ดังขึ้นมาก่อน
เดี๋ยวครับวิ อย่าเพิ่งไป
อะไรของคุณอีกล่ะ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าอ่อนหันมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขา แถมยังตวาดแหวใส่เขาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอีก ธามที่เพิ่งเปิดประตูลงมาจากรถก็ถึงกับหน้าจ๋อยไปถนัดตา เขาเดินอ้อมมายังอีกฝั่งของตัวรถก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออกขยับเข้าไปเอาเสื้อทักซิโด้ตัวยาวสีดำนั้นคลุมไหล่ให้กับคนรัก
ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่ยังไงผมก็รักคุณนะครับ คืนนี้นอนหลับฝันดี ฝันถึงผมบ้างนะครับ
ธามเอ่ยพร้อมกับรวบร่างสไตลิสต์สาวเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะบรรจงจุมพิตอย่างแผ่วเบาตรงหน้าผากของหญิงสาวที่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเบิกตาโพลงทำอะไรไม่ถูกอยู่ในอ้อมแขนนั้น แล้วจึงผละจากร่างบอบบางหันหลังเดินกลับขึ้นรถไป ส่วนคนถูกกอดได้แต่ยืนนิ่งงันมองตามรถสปอร์ตสีแดงเพลิงค่อยๆ เคลื่อนตัวจากไปอย่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
ดูเหมือนว่านักธุรกิจหนุ่มนั้นจะเข้าใจว่าเธอยังโกรธเขาไม่หาย จึงไม่กล้าขอตามขึ้นไปส่งบนห้องหรือทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินเธอมากไปกว่าเพียงแค่การจูบแทนคำบอกลาเช่นนี้ รวินันท์ได้แต่ถอนหายใจยาวเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มคนรักไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอสักนิดเลย ทั้งที่เธอคิดว่าเขาจะพยายามง้องอนขอปรับความเข้าใจกับเธอมากกว่านี้ เช่น จูบเธออย่างอ่อนหวานระคนเร่าร้อนเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็ใช้ภาษากายบอกรักเธอแทนคำพูดเพื่อให้เธอใจอ่อนลงและยอมยกโทษให้ แต่นี่เขากลับจากไปอย่างง่ายดายเหมือนกับว่าเบื่อเธอแล้วอย่างนั้น ทำให้หญิงสาวอดรู้สึกใจแป้วมิได้ กลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะเบื่อและทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่เหมือนอย่างที่มณิการ์เคยบอกเธอเอาไว้ ซึ่งเธอไม่อยากให้มันกลายเป็นอย่างนั้นเลยสักนิด
สไตลิสต์สาวก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางเหม่อลอย ในสมองมีเรื่องมากมายให้ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา จึงไม่ทันได้เห็นว่าตรงมุมหลังเสาหน้าทางเข้าอาคารที่พักอาศัยนั้น มีร่างของใครบางคนยืนตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ก่อนแล้ว
หญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าอ่อนซึ่งสวมคลุมทับไว้ด้วยเสื้อทักซิโดสีดำตัวโตเดินผ่านหน้าเขาไปแล้ว ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนแอบอยู่หลังเสาก็ค่อยๆ ขยับกายออกมาจากความมืด แสงสีเหลืองอมส้มจากหลอดไฟดาวน์ไลต์ที่สาดส่องไปยังป้ายชื่อคอนโดมิเนียมบนผนังตรงหน้าทางเข้า เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผมยาวมาดเซอร์ที่แสดงความหดหู่ออกมาอย่างชัดเจน
คุณรักเขาจริงๆ เหรอครับวิ
ภวัฐมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักของเขามาก่อนจนกระทั่งร่างบอบบางนั้นหายลับไปจากสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปทักทาย จึงกะเวลาเว้นระยะรอให้รวินันท์ขึ้นลิฟต์ไปและเข้าห้องของเธอไปก่อน จากนั้นค่อยพาร่างที่อ่อนปวกเปียกแทบไร้เรี่ยวแรงของตัวเองเดินกลับเข้าไปในคอนโดมิเนียมบ้าง โดยไม่ทันมองว่ามีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งแอบเดินสะกดรอยตามคนรักเก่าของเขาไปติดๆ
เมื่อรวินันท์ขึ้นลิฟต์โดยสารและเดินอย่างคนใจลอยมาถึงหน้าห้องของตัวเองและกำลังจะเปิดประตูนั้น อยู่ดีๆ ก็มีมือปริศนากระชากไหล่เธอจากทางด้านหลัง เมื่อหญิงสาวหันไปตามแรงฉุดกระชากจึงพบว่าเจ้าของมือปริศนานั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มและสวมหมวกแก๊ปสีขาวลายมังกรดำ ใบหน้าคุ้นตาเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่นานเธอก็จำได้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นคนเดียวกับชายหนุ่มที่จ้องมองเธอแทบทุกอิริยาบถจนรู้สึกอึดอัดกับสายตาของเขาในงานแถลงข่างเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ทั้งสามรุ่นของบริษัทของธามนั่นเอง
ว้าย! นี่คุณ เอ๊ะ คุณที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อกี้นี่นา ตามฉันมาถึงนี่เลยเหรอ
สไตลิสต์สาวร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร พลางถามอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้ว่าเขาแอบสะกดรอยตามเธอมาแบบนี้ด้วยเหตุผลอันใดกันแน่
ฟ้า เธอคือ ปลายฟ้าใช่ไหม อย่าบอกนะว่าเธอจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้แล้วน่ะ ฉันเอง ชัช...ชัชรัณไง
รวินันท์ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหูออกมาจากปากของคนที่บอกว่าตัวเองชื่อ ชัชรัณ พลางรีบบอกปฏิเสธทันทีด้วยคิดว่าชายแปลกหน้าคงจะทักคนผิดเป็นแน่ และพยายามเอี้ยวตัวหลบจากการเกาะกุมของเขา
ขอโทษค่ะ ฉันไม่ใช่ปลายฟ้าของคุณหรอกนะ สงสัยจะมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ
ต่อ
ไม่มีทาง เธอคือปลายฟ้านั่นแหละ ฉันไม่มีวันจำผิดแน่นอน ฉันคิดถึงแต่เธอคนเดียวมาตลอดสิบกว่าปี ไม่เคยลืมเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว นี่เธอจำเรื่องของเราตอนม.ปลาย ไม่ได้แล้วเหรอ เธอลืมฉันไปแล้วใช่ไหม
เหมือนความพยายามของสไตลิสต์สาวจะไร้ผล ยิ่งเธอกล่าวปฏิเสธพร้อมทั้งพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากชายแปลกหน้าที่กำลังล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา เมื่อถูกดันร่างเข้าไปจนชิดติดกำแพงไม่อาจหนีไปไหนได้
ฉันบอกแล้วไงว่าคุณจำคนผิด ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อนเลยนอกจากที่งานเลี้ยงเมื่อกี้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ
ไม่ปล่อย ฉันต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องก่อน นอกจากเธอจะจำเรื่องของเราไม่ได้แล้ว เธอยังไปอยู่กับเจ้าธามอีก
สีหน้าและแววตาดุดันภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวใบนั้น ทำให้รวินันท์เริ่มออกอาการกลัวจนลนลาน เธอยังคงดีดดิ้นจากพันธนาการที่ตรึงเธออยู่กับที่นั้นให้หลุดออกไปเสียและพยายามร้องเรียกให้คนช่วย พลันร่างของชัชรัณที่กำลังพูดอยู่นั้นก็กระเด็นไปด้านข้างอย่างแรง ส่งผลให้หญิงสาวหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขาในที่สุด
แกเป็นใครน่ะ คิดจะทำมิดีมิร้ายวิงั้นเหรอ
ภวัฐที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์พอดี ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของอดีตคนรักก็รีบวิ่งเข้ามาทันที ก่อนจะใช้เท้ายันชายแปลกหน้าที่กำลังทำท่าเหมือนกำลังจะลวนลามหญิงสาวให้เสียหลักล้มไปนอนกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
วัฐ ช่วยวิด้วย ผู้ชายคนนี้อยู่ดีๆ ก็มาหาว่าวิชื่อปลายฟ้า สงสัยจะเป็นบ้าแน่ๆ ค่ะ
รวินันท์พอหันมาเห็นว่าใครที่ช่วยให้เธอรอดจากเงื้อมมือของชายแปลกหน้ามาได้ ก็ถึงกับน้ำตารื้นด้วยความดีใจ พลางวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มอดีตคนรักราวกับหาที่พึ่ง
ไม่ต้องกลัวนะครับวิ คุณรีบเข้าห้องไปก่อนเลย เดี๋ยวผมจัดการมันเอง
ระหว่างที่หนุ่มผมยาวหันหน้าไปคุยกับหญิงสาวคนรักเก่าอยู่นั้น ชัชรัณที่ถูกถีบล้มลงไปนอนคลุกฝุ่นก็ลุกขึ้นยืนพลางสะบัดหน้าไปมาอย่างงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหลักยืนให้มั่นแล้วก้าวเข้ามาหาคนที่มาขัดจังหวะของเขา
แส่หาเรื่องดีนักใช่ไหมไอ้หน้าอ่อน จะทำตัวเป็นฮีโร่รึไง
ร่างกำยำยื่นแขนออกไปกระชากเสื้อของชายหนุ่มผมยาวให้หันกลับมาทางเขาพร้อมกับกำมือเงื้อหมัดขึ้นมาแล้วกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง
กำปั้นลุ่นๆ ที่เคลื่อนเข้ามากระทบแก้มทำให้ภวัฐถึงกับหน้าหันเซถลาถอยหลังไปสองสามก้าว รู้สึกชาวาบไปทั้งซีกหน้าด้านซ้ายและรับรู้ได้ถึงรสชาติเค็มปร่าของโลหิตที่ไหลรินออกมาจากแผลตรงกระพุ้งแก้ม ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของสไตลิสต์สาวเมื่อเห็นว่าตรงมุมปากของหนุ่มผมยาวนั้นมีเลือดสีแดงข้นซึมออกมา พลางถลันเข้ามาใกล้เพื่อดูอาการบาดเจ็บของเขา
กรี๊ด! วัฐเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เดี๋ยววิรีบโทร. ลงไปหารปภ. ข้างล่างก่อนดีกว่า
ปลายฟ้า นี่เธอเกลียดฉันมากถึงขนาดต้องให้รปภ. มาจับตัวฉันไปเลยใช่ไหม
ชัชรัณตะะโกนกร้าวพร้อมกับตรงเข้าไปฉุดข้อมือหญิงสาวที่กำลังเปิดกระเป๋าสะพายทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับเขา แต่ภวัฐรีบลุกขึ้นมาขวางเอาไว้ พร้อมกับผลักร่างหนาของคนที่มาหาเรื่องคนอื่นถึงห้องพักออกไปให้ไกลห่าง และตวาดไล่แบบไม่เกรงกลัวคนตรงหน้าเลยสักนิด
ปล่อยวิเดี๋ยวนี้นะ เขาบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ปลายฟ้าอะไรของแก พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ
เธอนี่ร้ายจริงๆ นะปลายฟ้า นอกจากเจ้าธามนั่นแล้ว ยังมีไอ้หนุ่มนี่ด้วยอีกคนงั้นเหรอ คิดจะทำตัวเป็นพระเอกปกป้องสาวนัก มันต้องเจออย่างนี้
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มแค่นยิ้มออกมาเขากำหมัดพลางทำท่าบริหารมือและคอจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบราวกับพวกนักเลงอันธพาลอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะประเคนหมัดซัดใส่ใบหน้าของคนที่เข้ามาขัดขวางระหว่างเขากับหญิงสาวรัวแบบไม่ยั้งมือ ทำให้คนที่ไม่ถนัดในการต่อสู้อย่างภวัฐได้แต่ใช้แขนปัดป้องร่างกายไม่ให้โดยอีกฝ่ายต่อยโดนจุดสำคัญและไม่มีโอกาสสวนหมัดกลับไปหาอีกฝ่ายได้เลย
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ผู้ช่วยพระเอกขี่ม้าขาวอย่างนายวัฐเข้ามาช่วยสาว วิ แล้ว แต่พระเอกตัวจริงหายไปไหน รีบมาด่วน ........
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 20 มิถุนายน 2554 / 12:15
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554 / 19:44
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554 / 23:43
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 17 มิถุนายน 2554 / 00:43
แกล้งได้แกล้งไปน่ะ ....นายธาม พอหญิงวิ ไม่ค่อยพอใจ ไม่สนใจให้บ้าง ก็บอกเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้ระวังก่อน อย่าพึงงอนกันมีรถตามหลังมา ใครเอย ????? รอไรเตอร์มา up ต่อ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 มิถุนายน 2554 / 00:22
คนเราเมื่อสมหวัง สมปรารถนา ตามที่ใจคิดไว้ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุข สดชื่น เช่นธามกับสาว แต่อย่าพึงนิ่งนอนใจ ยายเมนี่น่ะ
คิดว่าเดินออกไปไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำหรอก แต่เพราะทนเห็นภาพบาดตาคนที่ she กลับไม่สนใจเธอ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
โฮะ ๆ ๆ
พ่อแง่แม่งอน
น่ารักให้ได้ตลอดน้า
ว่าแต่ว่า
ไม่ค่อยไว้ใจยายเมนี่เลยแฮะ
น่ารักดีนะ