ตอนที่ 47 : บทที่ 47 ภาพของวันวาน (100%)
บทที่ 47 ภาพของวันวาน
รับทราบครับผม ถ้ามีอะไรก็เรียกวัฐได้ตลอดเวลาเลยนะ ผมพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ขอให้มีความสุขกับวันพักผ่อนนะครับ
ข้อความตอบรับที่ถูกส่งมาจากคนรักเก่า ทำให้รวินันท์รู้สึกผิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าเขาต้องเจ็บปวดและเสียใจแค่ไหนกับความรักที่ไม่สมหวังเช่นนี้ แต่ยังพร้อมยินดีที่จะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษของเธอเฉกเช่นดังวันวาน ก็ทำให้เธอนึกขอบคุณที่เขาไม่ตัดขาดความสัมพันธ์ลงไปเหมือนอย่างที่คู่รักคู่อื่นที่กลายมาเป็นศัตรูกันในภายหลัง เมื่อความรักเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด
นับว่าเธอโชคดีไม่น้อยที่มีโอกาสได้คบกับผู้ชายที่แสนดีอย่างภวัฐ แม้จะรู้สึกเสียดายวันเวลาดีๆ ที่ผ่านมา แต่เธอไม่เคยนึกเสียใจกับทางที่ได้เลือกแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าธามจะคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวัฐที่ได้จบลงด้วยดี แต่เธอก็พร้อมจะยอมรับการตัดสินใจของตัวเอง และเดินหน้าต่อไปตามที่หัวใจต้องการ รวินันท์บอกกับตัวเองเช่นนั้น
เช้าวันนี้หญิงสาวจึงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอล้างหน้าล้างตาแล้วจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน ก่อนจะตรงเข้าไปในครัวเพื่อหาว่ามีสิ่งใดพอจะช่วยประทังความหิวในมื้อแรกของวันได้บ้าง แต่เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาหญิงสาวก็ต้องผงะด้วยความตกใจเมื่อพบว่าภายในตู้นั้นแทบจะว่างเปล่ามีเพียงขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิดเสียบอยู่ที่ช่องตรงผนังข้างตู้ นอกนั้นไม่มีอะไรเลยที่พอจะเรียกว่าเป็นอาหารได้
อะไรกัน ผู้ชายคนนี้ไม่มีของกินติดบ้านเอาไว้บ้างเลยเหรอ แล้วฉันจะกินอะไรดีล่ะเนี่ย
รวินันท์ถึงกับบ่นอุบทันทีและอดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านมีชีวิตรอดมาแต่ละวันได้อย่างไร พลางปิดตู้เย็นแล้วเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปที่ตู้เก็บของแบบแขวนติดผนังด้านบนของอ่างล้างจานแทน ด้วยหวังว่าบางทีอาจจะพบข้าวสาร ปลากระป๋อง หรือแม้แต่ขนมปังให้พอรองท้องได้บ้าง แต่เมื่อเปิดตู้ออกมา สไตลิสต์สาวก็ถึงกับตาโตเมื่อเห็นลังบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากยี่ห้อหลายรสชาติวางเรียงซ้อนต่อกันถึงสองชั้น
โอ้โห ตานั่นกลัวจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมารึไง ถึงได้ตุนบะหมี่เอาไว้เยอะแยะขนาดนี้ ไม่เป็นโรคขาดสารอาหารบ้างหรือไงนะ แต่เอาเถอะมีแค่บะหมี่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน ชิ! คอยดูนะกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะพาไปช็อปปิงจ่ายตลาดซื้อของกินมาเก็บไว้ให้เต็มตู้เย็นเลย
หลังจากที่สไตลิสต์สาวจัดการกับอาหารเช้าของตนเสร็จเรียบร้อย เธอจึงกลับขึ้นไปบนห้องนอนของธามเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น แต่ดันลืมไปว่าเมื่อคืนนี้เธอมาแต่ตัว เสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไม่ได้นำติดตัวมาเลยสักชิ้น หลังจากเดินวนเวียนไปมาภายในห้องนอนของชายหนุ่มด้วยชุดผ้าขนหนูกระโจมอกอยู่นานสองนาน เธอก็ตัดสินใจขอยืมเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งของเขามาใส่แก้ขัดไปก่อน และตั้งใจว่าจะนำเสื้อผ้าของตนไปซักและอบแห้งให้เรียบร้อยค่อยนำเสื้อมาคืนให้ แต่ในระหว่างที่กำลังเดินถือชุดของตัวเองจะออกจากห้องไป ไม้แขวนเสื้อเจ้ากรรมที่แขวนอยู่ตรงราวตากผ้าข้างตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ก็ร่วงลงมาที่พื้นพอดี
รวินันท์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งกับความสะเพร่าของตัวเองที่ทำอะไรไว้ไม่เรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับไปก้มเก็บไม้แขวนเสื้อขึ้นมาแขวนที่เดิม พลันหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นว่าลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้าด้านข้างนั้นเผยอออกมามากกว่าลิ้นชักชั้นอื่นๆ ด้วยความหวังดีเธอจึงย่อตัวลงไปเลื่อนดันลิ้นชักเพื่อให้กลับเข้าไปในที่ของมัน แต่พอดันเข้าไปก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรขัดอยู่ด้านหลังลิ้นชักชั้นนั้น
เธอจึงเปลี่ยนใจพยายามที่จะเปิดลิ้นชักออกมาเพื่อที่จะจัดข้าวของด้านในให้เป็นระเบียบก่อนจะดันมันเลื่อนกลับเข้าไปให้สนิทอีกครั้ง แต่น่าประหลาดที่นอกจากดันเข้าไปไม่ได้แล้ว แม้แต่จะดึงให้เลื่อนออกมาก็ยังทำไม่ได้ สไตลิสต์สาวทดลองดันเข้าดึงออกอยู่เช่นนั้นหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งในที่สุดเธอก็เริ่มหงุดหงิดและโมโหขึ้นมา อารมณ์ชั่ววูบทำให้เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงกระชากลิ้นชักนั้นออกมาได้ในที่สุด เผยให้เห็นสาเหตุที่ทำให้ลิ้นชักชั้นนี้เปิดไม่ออก เมื่อเธอมองเห็นกล่องภายในลิ้นชักที่มีความสูงเหลื่อมจากขอบของลิ้นชักไปเล็กน้อย
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากและอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมชายหนุ่มเจ้าของห้องถึงได้เก็บเอากล่องที่มีความสูงกว่าลิ้นชักนี้ไว้ข้างใน และดูราวกับว่าลิ้นชักชั้นนี้ไม่ได้รับการเปิดออกมานานแล้ว จากทีแรกที่คิดว่าไม่อยากละลาบละล้วงข้าวของส่วนตัวของธาม แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นบวกกับแรงกระตุ้นบางอย่างจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะหยิบของในกล่องนั้นออกมาดูให้รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรซ่อนไว้อยู่กันแน่
กล่องไม้ใบย่อมขนาดกว้างยาวเท่าครึ่ง A4 แต่ความสูงราวคืบกว่าเต็มไปด้วยคราบฝุ่นละอองจับตัวหนา บ่งบอกว่ากล่องใบนี้ไม่ได้ถูกเจ้าของใช้งานมานานแรมปี เมื่อหญิงสาวเปิดฝากล่องออกอย่างเชื่องช้า สิ่งที่ดวงตาคมได้เห็นคือภาพถ่ายใบเล็กใบน้อยซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นภาพของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งเธอเดาว่าคงจะเป็นกล่องรวบภาพสมัยเด็กของธามตั้งแต่ยังแบเบาะ
รวินันท์นั่งปุลงกับพื้นพลางค่อยๆ หยิบเอาภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูทีละใบ อย่างพินิจพิจารณา รอยยิ้มขบขันปรากฎขึ้นมาตรงมุมปากบนใบหน้างาม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เมื่อรูปถ่ายใบแล้วใบเล่าที่ถูกหยิบขึ้นมานั้นแสดงให้เห็นถึงความน่ารักน่าชังของคนในภาพจนหญิงสาวนึกไม่ถึงว่า สมัยที่ธามยังเป็นเด็ก เขาช่างแลดูน่ารักไร้เดียงสาราวเทวดาตัวน้อยได้ขนาดนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าพอโตขึ้นมาแล้วจะกลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อราวกับเทพบุตรหลุดออกมาจากหนังสือเทพนิยายปรัมปราก็ไม่ปาน
จากที่ตั้งใจว่าจะนำเสื้อผ้าของตนไปซักตากให้แห้งเสียก่อน แต่พอได้มาเจอสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าจึงทำให้สไตลิสต์สาวลืมไปเสียสนิทว่าตนกำลังอยู่ในสภาพใด เผลอตัวนั่งจุ้มปุกค้นสิ่งของในกล่องสมบัติของธามขึ้นมาดูด้วยความความเพลิดเพลิน การที่เธอมีโอกาสได้มาเห็นภาพถ่ายวัยเด็กของชายหนุ่มอันเป็นที่รักเหมือนทำให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความเป็นตัวตนของเขาในอดีตที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งของในกล่องนั้นนอกจากจะมีภาพถ่ายในแต่ละช่วงวัยและหลากหลายอิริยาบถของชายหนุ่มแล้ว
ภายในกล่องใบนั้นยังมีของเล่นชิ้นเล็กๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นพวกรถยนต์จำลอง ตุ๊กตาหุ่นทหารและเหล่าฮีโร่สายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งจดหมายสีหวานมากมายหลากหลายฉบับที่เจ้าของคงได้รับมาจากบรรดาเด็กสาวที่ต้องการสารภาพรักกับเขาเหมือนอย่างในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เธอเคยอ่านสมัยเด็กๆ แม้ความเก่าและสีของกระดาษที่เริ่มซีดจางจะบ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านมานานหลายปีดีดักแล้ว ทว่าธามยังคงเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดีจนรวินันท์อดรู้สึกอิจฉาเจ้าของจดหมายแต่ละฉบับนั้นไม่ได้
กระทั่งมาถึงสิ่งของอย่างสุดท้ายที่อยู่ด้านล่างสุดของกล่อง มันเป็นภาพถ่ายของธามซึ่งหากดูจากชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ใส่อยู่ทำให้รู้ว่าเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อตอนที่เขาอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว หากมองเผินๆ ก็คงเหมือนภาพถ่ายคู่กับเพื่อนทั่วไป แต่สิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวเข้าอย่างจังนั้นกลับเป็นรอยไหม้เหมือนถูกเผาลนด้วยเปลวไฟเฉพาะส่วนใบหน้าจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเด็กสาวอีกคนที่นั่งอยู่เคียงข้างเขาได้ชัดเจนนัก
ทำไมรูปของธามใบนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ ว่าแต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างธามคือใครกัน จะใช่คุณเมนี่หรือเปล่า แต่เล่นจุดไฟเผาจนหน้าเละไปหมดอย่างนี้ คงจะต้องโกรธแค้นกันขนาดที่ว่ามองหน้ากันไม่ติดแล้วล่ะมั้ง ไม่น่าเป็นคุณเมนี่ไปได้หรอก
รวินันท์เอ่ยพึมพำกับตัวเองและยังคงพินิจพิจารณาภาพนั้นต่อไป เธอคาดเดาว่ารอยไหม้บนใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นคงจะเป็นฝีมือของธามไม่ผิดแน่ เขาคงจะมีเรื่องผิดใจอะไรสักอย่างกับหญิงสาวในภาพนี้กระมัง ท้ายที่สุดสไตลิสต์สาวก็ได้แต่เก็บข้าวของของชายหนุ่มใส่เอาไว้ในกล่องไม้ใบย่อมนั้นเช่นเดิม เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับอดีตที่อาจเป็นความหลังฝังใจของชายหนุ่มมากเกินไป ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่คนที่เธอรักคือธามในปัจจุบันนี้หาใช่คนที่อยู่ในอดีตไม่
หญิงสาวจึงนำกล่องสมบัติล้ำค่าของเขาเก็บไว้เช่นเดิมเหมือนกับว่าไม่ได้มีใครมาแตะต้องสัมผัสใดๆ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมจะไปทำตามความประสงค์เดิมของตนอย่างที่คิดไว้แต่ทีแรก
พลันเสียงรถยนต์คันหนึ่งที่แล่นมาจอดตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ก็ทำให้สไตลิสต์สาวถึงกับชะงักไป พลางรีบเดินไปใกล้หน้าต่างและแอบแง้มผ้าม่านมองออกไปภายนอก จึงได้เห็นว่าคนที่เธอนอนรอมาตลอดทั้งคืน เพิ่งก้าวลงมาจากรถยนต์สีดำทะมึนคันใหญ่แลดูน่าเกรงขามนั้น หัวใจของรวินันท์พองโตขึ้นมาจนแทบคับอกเมื่อได้เห็นคนที่เฝ้ารอมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าแล้ว เธอจึงตัดสินใจจะวิ่งลงไปหาเขา
แต่แล้วประตูรถอีกด้านหนึ่งก็ถูกเปิดออก พร้อมกับที่ร่างของหญิงสาวผมลอนยาวสีบลอนด์ทองในชุดเดรสสั้นแบบสายเดี่ยวสีแดงสดที่คว้านคอลึกจนแทบมองเห็นร่องอกได้โดยไม่ต้องก้มกับเนื้อผ้าแบบรัดรูปประดับด้วยเลื่อมพรายสะท้อนกับแสงแดดจ้าจนมันวาวแลดูโดดเด่นสะดุดตาเกินใคร เรือนร่างอวบอัดอีกทั้งใบหน้าขาวผุดผ่องดุจดั่งคนที่ไม่เคยต้องแสงแดดแม้เพียงรำไร ถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางสีสันฉูดฉาดบ่งบอกถึงความมั่นใจที่เปี่ยมล้นและไม่คิดสนสายตาใคร พลางก้าวลงมาหาชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วบ้านและพูดคุยกันสองสามประโยค ก่อนจะล่ำลาจากกันด้วยการแนบใบหน้าจุมพิตชายหนุ่มทั้งแก้มขวาแก้มซ้าย ก่อนที่หญิงสาวชุดแดงนั้นจะเดินกลับขึ้นรถไป ทิ้งให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนมองส่งตามไปด้วยสายตาคล้ายคนอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก
ภาพที่ได้เห็นทำให้คนที่เพิ่งตื่นเต้นกับการกลับมาของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักรู้สึกว่าจิตใจของตนห่อเหี่ยวลงทันใด รวินันท์ได้แต่คิดวนเวียนไปมาอยู่ในใจด้วยความงุนงงระคนอดสงสัยไม่ได้ว่า หญิงสาวชาวต่างชาติที่มาส่งเขานั้นเป็นใคร บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขาก็เป็นได้ ทั้งสองคนคงจะได้พบเจอกันที่ต่างประเทศและถูกอกถูกใจกัน แม้กลับมาถึงเมืองไทยก็ยังมิวายขอติดตามกลับมาด้วยอย่างนั้น
คิดแล้วก็นึกรู้สึกสมเพชเวทนาตัวเองเหลือเกิน ก็ในเมื่อวันก่อนเธอเป็นคนออกปากไล่บอกให้เขาไปให้พ้นๆ จากสายตาของเธอเองมิใช่หรือ แต่พอได้มาเห็นภาพนั้นเข้า ทำไมหนอหัวใจของเธอจึงได้เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก หญิงสาวได้แต่ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น รู้สึกเจ็บในอกจนจุกแทบพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
ข้างฝ่ายธามนั้น เมื่อไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาในบ้านได้ ก็รู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็นรองเท้าของสตรีคู่หนึ่งวางอยู่ตรงข้างประตูทางเข้าหน้าบ้าน เมื่อฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นกระเบื้องเย็นเยียบก็ยิ่งแปลกใจเมื่อไม่รู้สึกถึงอาการระคายเคืองจากฝุ่นผง ราวกับว่าเพิ่งมีคนทำความสะอาดบ้านให้เขาไปหมาดๆ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจว่าบางทีอาจเป็นมณิการ์ที่ถือวิสาสะให้คนเข้ามาจัดการทำความสะอาดบ้านของเขาตอนที่เขาไม่อยู่เป็นแน่
ธามส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเอือมระอากับพฤติกรรมเจ้ากี้เจ้าการเสียจนวุ่นวายของเพื่อนสาวคนสนิทเมื่อคิดไปว่ามณิการ์คงจะขนแม่บ้านจากคฤหาสน์ของเธอมาช่วยดูแลบ้านให้เขา ทั้งที่ชายหนุ่มเคยบอกไปหลายครั้งหลายหนแล้วว่าเขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาวุ่นวายในบ้านของเขาแบบนี้ นอกเสียจากจะเป็นคนที่เขาไว้วางใจแล้วจริงๆ เท่านั้นเช่นลูกน้องคนสนิททั้งสองของเขา
เจ้าของบ้านหนุ่มทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทั้งที่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องที่น่าปวดหัวตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าบ้านด้วยซ้ำไป เขายกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปบนห้องนอนและคิดจะไปเคาะประตูห้องของเพื่อนสาวเพื่อตำหนิติเตียนเสียหน่อยว่าทำไมถึงได้ชอบทำอะไรตามแต่ใจนัก แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเท่านั้น ธามก็ถึงกับชะงักงันแน่นิ่งไป เมื่อได้เห็นใครบางคนกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในห้องส่วนตัวของเขา
วิ นี่คุณ ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ
นานทีเดียวกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างที่ประดังประเดเข้ามาในใจของเขา ทั้งตกใจ แปลกใจ ระคนดีใจ สับสนปะปนกันให้ยุ่งวุ่นวายไปหมด จนแทบแยกไม่ออกว่าความรู้สึกใดมีมากมายกว่ากันแน่
คุณหายไปไหนมาคะ ทั้งที่ฉันอุตส่าห์มารอคุณที่นี่เพื่อคุยเรื่องของเรา แต่ดูเหมือนว่าคุณจะเจอของเล่นชิ้นใหม่แล้วสินะ
น้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่ากับวาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างตัดพ้อ ทำให้คนที่ได้แต่ยืนตะลึงงันมองการมาเยือนอย่างไม่คาดฝันของคนที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะลืมให้ได้แล้ว ต้องถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมนะ ผู้หญิงคนนี้ถึงชอบมาปรากฎตัวต่อหน้าเขาในแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อนทุกครั้ง และอดแปลกใจไม่ได้ว่าเมื่อคืนก่อนเธอเป็นคนบอกเขาเองว่าอยากจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดและกลับไปหาชายหนุ่มคนที่เธอรัก แล้วไยจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่บ้านของเขา ซ้ำยังอยู่ในห้องนอนและในสภาพร่างเกือบเปลือยภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางของเขาเช่นนี้ได้
พูดอะไรน่ะวิ ผมก็แค่ไปพบหุ้นส่วนตามคำสั่งของคุณพ่อที่อเมริกาเท่านั้นเอง อย่าบอกนะว่าของเล่นชิ้นใหม่ที่คุณว่าหมายถึงผู้หญิงชุดแดงคนเมื่อกี้น่ะ
คงจะจริงอย่างที่คุณเมนี่เธอบอกสินะคะ สำหรับคุณแล้ว คนอย่างฉันมันก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ที่พอเล่นนานๆ เบื่อเข้าก็ถูกโยนทิ้งไปไม่สนใจไยดีแบบนี้
ชายหนุ่มยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไร แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ก็พอจะเดาได้เลาๆ ว่าเธออาจจะเห็นภาพเมื่อครู่ที่หญิงสาวชาวต่างชาติจุมพิตที่แก้มของเขาแทนคำกล่าวอำลา คำพูดประชดประชันกับแววตาเศร้าอย่างตัดพ้อที่มองมานั้น ทำให้ธามพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง นี่เธอคงจะหึงเขากับแม่สาวชุดแดงคนเมื่อกี้สินะ สีหน้าพิศวงงงงวยของชายหนุ่มแลดูสดใสขึ้นทันตา เขาอดดีใจไม่ได้พลางรีบชี้แจงแก่หญิงสาวทันทีว่าผู้หญิงเมื่อครู่ที่มาพร้อมกับเขานั้นเป็นใคร เพราะไม่อยากให้เธอต้องเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
ผู้หญิงชุดแดงเมื่อกี้ ชื่อเจนนิเฟอร์ครับ เธอเป็นหุ้นส่วนรายใหม่ของบริษัทที่คุณพ่อของผมแนะนำมาเท่านั้นเอง ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดเลยนะครับวิ
หุ้นส่วนเขาต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ด้วยเหรอคะ
รวินันท์ย้อนถามกลับอีกฝ่ายด้วยสีหน้างอง้ำอย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดของเขาเลยสักนิด น้ำเสียงห้วนสั้นกับท่าทีกระฟัดกระเฟียดคล้ายไม่พอใจของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาเบาๆ ในลำคอมิได้ ก่อนจะตอบกลับไปเสียงนุ่ม
เจนนิเฟอร์เขาเป็นคนต่างชาตินะครับ แล้วเมื่อกี้ก็แค่การจูบแก้มล่ำลาตามธรรมเนียมเท่านั้นเอง ที่จริงคุณหึงผมใช่ไหมล่ะครับ วิ บอกมาตามตรงเถอะน่า
ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ถึงฉันจะเลิกกับวัฐแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องมาคบกับคุณหรอกนะ ที่ฉันมานี่ก็แค่จะบอกเท่านี้แหละ หมดเรื่องแล้วฉันกลับล่ะ
สไตลิสต์สาวสะบัดเสียงใส่ พลางเดินไปหอบเสื้อผ้าของตนที่วางกองอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่กลับถูกร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเจ้าของห้องยืนจังก้าขวางประตูกันเอาไว้ไม่ให้เธอออกไปได้ หญิงสาวจึงส่งเสียงแหวใส่พยายามผลักไสชายหนุ่มให้พ้นไปจากหน้าประตู แต่เขากลับเอื้อมมือมาคว้าไหล่มนของเธอไว้ พลางเอ่ยถามย้ำเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปเท่าไรนัก
หลบไปสิ ฉันบอกว่าจะกลับแล้ว ไม่ได้ยินรึไง
เมื่อกี้คุณว่าคุณเลิกกับหมอนั่น เอ่อ แฟนของคุณแล้ว จริงหรือครับวิ ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
ใช่ ที่ฉันต้องเลิกกับเขาก็เพราะคุณนั่นแหละ พอใจรึยังล่ะ ทีนี้ก็ปล่อยฉันไปเสียที ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่เพื่อเป็นของเล่นให้คุณอีกแล้ว
รวินันท์พยายามปัดมือของชายหนุ่มออกไป แต่ความพยายามของเธอดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อคนตรงหน้ายังคงเกาะกุมหัวไหล่ของเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สไตลิสต์สาวจึงได้แต่เมินหน้าไปอีกทางและปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นหยาดหยดลงมาเป็นสาย รู้สึกเหมือนตนเองได้คิดผิดที่ยอมทิ้งความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่มีต่ออดีตแฟนหนุ่มไป และปล่อยให้หัวใจนำพามาถึงที่นี่เพื่อหวังว่าจะได้พบกับความรักอย่างที่เฝ้าถวิลหา แต่กลับต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างเขากับหญิงสาวชาวต่างชาติคนนั้น
แม้ว่าอีกฝ่ายจะยืนกรานปฏิเสธอย่างไร แต่สไตลิสต์สาวก็ยังคงปักใจเชื่อว่าชายหนุ่มมองเห็นเธอเป็นเพียงแค่เครื่องบำบัดทางอารมณ์ให้แก่เขาเท่านั้น อีกไม่กี่วันเขาก็คงจะเบื่อแล้วก็ทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดีเหมือนที่มณิการ์เคยบอกไว้
ข้างฝ่ายธามนั้นแม้ว่าจะยังงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินอยู่บ้าง แต่หัวใจของนักธุรกิจหนุ่มก็เริ่มออกอาการตีปีกสั่นระริกด้วยความดีใจ เมื่อในที่สุดคนที่เขาตกหลุมรักก็กลายเป็นอิสระแล้ว คราวนี้คงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยหัวใจอย่างที่ใฝ่ฝันมาตลอดเสียที ดวงตารียาวมองสบตาหญิงสาวด้วยสายตามุ่งมั่นก่อนจะรวบร่างบอบบางนั้นเข้ามาโอบกอดเอาไว้เมื่อได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้ง
ผมขอโทษครับวิ ที่ทำให้คุณกับเขาต้องเลิกกัน แต่ผมดีใจนะที่คุณบอกว่าผมเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้คุณเลิกกับเขาได้ เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าคุณรักผมถึงขนาดยอมจบความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้นแล้วกลับมาหาผมที่นี่
ธามสวมกอดหญิงสาวแน่นพลางซบหน้าลงบนไหล่ของเธอ เพื่อถ่ายทอดทุกคำพูดที่อัดแน่นอยู่ในใจผ่านทางภาษากาย หวังจะให้เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเขาที่เฝ้าแต่ถวิลหาเธอมาตลอดจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขณะที่อีกฝ่ายกลับพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดที่แข็งแกร่งประดุจดั่งรั้วคอนกรีตเสริมใยเหล็กของเขา เธอกัดฟันฝืนพูดโกหกคำโตออกไป ทั้งที่ในใจเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานจนแทบจะยืนไม่ไหว
ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันรักคุณน่ะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยน่า
ไม่ ผมไม่ปล่อย ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะไม่ยอมให้คุณจากไปไหนอีกแล้ว ผมรักคุณมากนะวิ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันแต่ผมมั่นใจว่าผมรักและพร้อมจะอยู่ดูแลคุณตลอดไป ให้โอกาสผมได้ทำตามที่หัวใจเรียกร้องเถอะนะครับ
คนที่พยายามดิ้นรนหลุดให้พ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งถึงกับยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้เมื่อได้ฟังความในใจของอีกฝ่ายอย่างไม่คาดฝัน มือคู่น้อยที่กำเอาไว้แน่นทั้งทุบทั้งผลักลงไปบนอกกว้างหวังจะให้เขาปล่อยเธอไป ค่อยๆ หยุดลงอย่างเชื่องช้าราวกับว่าสมองกำลังประมวลผลเรียบเรียงข้อความคำพูดของเขาออกมาเป็นความเข้าใจ
รวินันท์แทบไม่อยากเชื่อหูตนเองกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกรักเธอมาครั้งหนึ่งแล้วก็จริง แต่ครั้งนี้คำพูดของเขากำลังทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว แม้จะรู้สึกดีใจและปลาบปลื้มกับคำบอกรักของเขา แต่หญิงสาวก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าเธอจะเชื่อถือในคำพูดของเขาได้สักเท่าไรกัน ดีไม่ดีมันอาจเป็นเพียงแค่ลมปากหวานหูที่เขาใช้พูดพร่ำบอกกับผู้หญิงคนอื่นๆ แบบนี้เช่นเดียวกันเพื่อให้พวกเธอเหล่านั้นหลงเชื่อและยอมพลีกายมอบใจให้แก่เขาก็เป็นได้
เหมือนธามจะรู้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาคิดเช่นไร ชายหนุ่มดันร่างของเธอออกห่างเล็กน้อยก่อนที่มือใหญ่จะเชยคางคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นให้เงยขึ้นมาสบตาเขา พลางกล่าวย้ำซ้ำอีกครั้ง หวังให้เธอได้มั่นใจว่าคำบอกรักที่เขาเพิ่งกล่าวออกไปนั้นเป็นถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากหัวใจมิใช่เสแสร้งแกล้งทำแต่ประการใด
ผมรู้ว่าคุณกำลังสับสนและไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมพูดมันเป็นความจริงหรือเปล่า แต่ถ้าคุณมองตาผมคุณก็จะรู้ว่าผมจริงใจกับคุณแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะเคยมีผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมมากเท่าไร แต่ไม่มีใครที่ทำให้ผมหลงรักและรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอมเอาไว้เหมือนอย่างคุณอีกแล้ว ลองสัมผัสหัวใจของผมดูสิครับ รู้ไหมว่ามันเต้นแรงมากแค่ไหนเมื่อผมได้อยู่ใกล้ชิดคุณ ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่ออีกเหรอครับว่าผมรักคุณจริงๆ หรือแค่พูดพล่อยๆ ออกไปกันแน่
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับดึงมือนุ่มมาวางทาบลงไปบนหน้าอกด้านซ้ายของตนและกอบกุมเอาไว้เพื่อให้หญิงสาวได้รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของเขาที่เต้นระส่ำราวกับมีกลองนับร้อยนับพันใบมาตีกระหน่ำอยู่ในอก
ละ...แล้วคุณเมนี่ล่ะคะ สำหรับคุณแล้วเธออยู่ในฐานะอะไรกันแน่
แม้จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านมาจากสายตาวับวาวของชายหนุ่ม แต่สไตลิสต์สาวยังอดข้องใจมิได้เมื่อนึกไปถึงใครบางคนที่เคยออกปากบอกว่าเป็นเจ้าของหัวใจที่แท้จริงของผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ พลางเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เมนี่เป็นแค่เพื่อนสนิทของผม ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นหรอกครับ เชื่อเถอะนะวิว่าผมรักคุณจริงๆ ไม่มีใครที่ทำให้ผมต้องวุ่นวายใจจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงขนาดยอมลงทุนไปยืนตากฝนเหมือนคนบ้าอย่างนั้นนอกจากคุณอีกแล้วล่ะครับ
ธามยิ้มกว้างก่อนจะรีบอธิบายไขความกระจ่างเพื่อทำลายความคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมณิการ์ทันทีเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนระคนว้าวุ่นใจของหญิงสาวที่เขารัก และนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน คืนนั้นเขาอุตส่าห์ยืนรอท่ามกลางสายฝนทั้งคืนเพื่อขอความเห็นใจจากเธอแต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง ถึงอยากโอบกอดเธอแทบขาดใจแต่ทำได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ
หรือแม้แต่ตอนที่มีการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณารถทั้งสามรุ่นในสตูดิโอนั้น ตอนที่นายแบบหนุ่มมาดเพลย์บอยมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้สไตลิสต์สาว แม้ว่าเขาจะอยากแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจทำได้ดังใจหมาย เมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอเป็นคนรักของชายอื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่มาวันนี้เมื่อรู้ว่าเธอได้รับอิสระจากอดีตแฟนหนุ่มนามว่า ภวัฐ แล้ว เขาจึงตั้งใจว่าจะต้องคว้าหัวใจของเธอมาครองให้จงได้ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้อย่างติดตลก ทำเอาคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมายืนตากฝนหนาวจนตัวสั่นถึงกับส่งสายตาเขียวปั้ดไปให้พลางพูดแขวะอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้
ไม่ต้องคิดจะโยนความผิดให้ฉันเลยนะ ทำตัวเองแท้ๆ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นเขาอีก นายนี่มันนิสัยแย่จริงๆ เลย ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว ออกไปห่างๆ เลยไป
โอเค ถึงผมจะเป็นคนไม่ดีในสายตาคุณ แต่คงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าคุณน่ะตกหลุมรักคนนิสัยแย่อย่างผมเข้าให้แล้ว
ธามยิ้มมุมปากพลางมองคนในอ้อมแขนด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างท้าทาย เขาค่อยๆ เชยคางของหญิงสาวขึ้นมาก่อนจะจุมพิตลงบนเรียวปากนุ่มอันน่าหลงใหล และเริ่มยั่วเย้าอีกฝ่ายด้วยการประกบริมฝีปากของตนทาบทับลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นจูบที่หนักหน่วงและรุกเร้ากว่าเมื่อครู่
ฉันไม่ อุ๊บ...อื้อ...
คนตัวเล็กกว่าอ้าปากจะปฏิเสธแต่กลับถูกรุกรานด้วยเรียวปากอุ่นนุ่มจึงรีบเบือนหน้าไปอีกทางคล้ายจะหลบการกระทำของเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วร่างกายของหญิงสาวกลับต้องพ่ายแพ้ยอมจำนนให้แก่แรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจและตอบรับจุมพิตแสนเร่าร้อนของเขาอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สองมือของรวินันท์ที่ตั้งท่าจะทุบตีชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ในตอนแรกจึงกลับกลายเป็นโอบรอบต้นคอของเขาเอาไว้อย่างหลวมๆ
รสจูบหวานนุ่มละมุนละไมปลุกอารมณ์หวามไหวเต้นเร่าอยู่ในกายของคนทั้งสอง ความรู้สึกโหยหาอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นดึงดูดให้สองร่างกระโจนเข้าหากันอย่างมิอาจต้านทานได้ ต่างฝ่ายต่างพร่ำบอกคำรักแก่กันและกันสอดประสานผ่านทางภาษากายอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร จวบจนกระทั่งไฟปรารถนาซึ่งถูกจุดให้ลุกโชติช่วงขึ้นมานั้นได้หลอมละลายหัวใจสองดวงของคนสองคนรวมเข้าด้วยกันไว้เป็นดวงเดียว
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คนนิสัยเสีย เเต่รักนะ 55555
หลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว นายธาม และ สาววิ .....รอไรเตอร์มา up ต่อ
ในที่สุดก็เข้าใจกันได้
ว้าว ๆ ๆ
เฮ่อ
กว่าจะหลุดปากออกมาได้
นายธามเขาเคลียร์แระ
หนูวิล่ะ จะว่าไง
ดีกันแล้ว
นายธามสำหรับคราวนี้ .........ห้ามปล่อยมือจากไปน่ะจ๊ะ จะบอกให้
รอนานมากเลยอ่ะ
รอ ๆๆๆ ให้วิเข้าใจธามซะทีจะได้หวาน ๆๆๆ
รอที่เหลือค่ะ อิอิ
วันนี้นายไปเจอพี่ธามมาด้วยค่ะ น่าร๊ากกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกกก
พรุ่งนี้จะไปดูคอนเสิดพี่ธามนะ ไรเตอร์ไปป่าวๆๆๆๆๆ
อิอิอิอิอิ