ตอนที่ 43 : บทที่ 43 ต่างคนต่างหวัง (100%)
บทที่ 43 ต่างคนต่างหวัง
เอ่อ จะให้ผมไปส่งคุณที่ไหนครับ
เสียงของชายวัยกลางคนเจ้าของรถแท็กซี่เอ่ยถามผู้โดยสารสาวที่นั่งอยู่บนเบาะหลังและเอาแต่นั่งร้องไห้ไปพลางกดโทรศัพท์ไปพลางด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
รวินันท์เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองไปยังกระจกมองหลังและตอบคำถามของคนขับด้วยน้ำเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกและหยุดสะอื้นไห้เป็นระยะ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเบาะมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเหม่อลอยเมื่อแฟนหนุ่มของเธอนั้นไม่ยอมรับสายเสียที ใจหนึ่งก็นึกรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรักและหวังดีต่อเธอมาเสมอนั้นต้องพบกับความเจ็บปวดจากการถูกทรยศหักหลังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีมาจนหมดสิ้น แต่อีกใจกลับรู้สึกโล่งราวกับยกภูผาอันแสนหนักอึ้งออกไปจากอกได้ เมื่อไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานหนุ่มรูปหล่อเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่แยกกับมณิการ์แล้ว ธามก็กลับเข้ามาในบ้าน เขาเดินดุ่มๆ ขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วปิดประตูลงกลอนขังตัวเองไว้ด้านใน พยายามทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเส้นทางชีวิตระหว่างเขาและรวินันท์นั้นถึงอย่างไรก็ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ เพราะหญิงสาวนั้นมีคนที่เธอรักและพร้อมที่จะยอมมอบหัวใจถวายชีวิตให้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนตัวเขานั้นก็คงเป็นได้เพียงใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องแยกจากลากันไป และคงไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรต่อความรู้สึกในใจของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
แตกต่างกันกับเขา ที่ไม่ว่าจะเหลียวหันมองไปทางไหน ก็มีแต่ภาพของสไตลิสต์สาวปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะ เพียงเท่านั้นธารน้ำตาของชายหนุ่มก็ไหลรินลงมาเป็นสายอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ฝืนอดทนสะกดกลั้นความเศร้าโศกเสียใจที่เอ่อล้นท่วมท้นอยู่ภายในอกได้อีกต่อไป เขาล้มตัวลงนอนพลางซุกหน้าลงกับเตียงที่ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นกายจางๆ ของหญิงสาว ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาในที่สุด
เพียงไม่นานรถแท็กซี่ที่รวินันท์นั่งมาจากหน้าบ้านของธามก็แล่นมาจอดนิ่งอยู่ที่หน้าคอนโดมิเนียมของเธอ หลังจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าไปภายในตัวอาคารพลางกดปุ่มลิฟต์รัวๆ อย่างร้อนใจ เธออยากจะรีบขึ้นไปหาแฟนหนุ่มที่ห้องเพื่อปรับความเข้าใจกับเขา แต่ดูเหมือนว่าในวันนี้ลิฟต์โดยสารจะเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติ จนหญิงสาวทนรอไม่ไหวและตัดสินใจที่จะใช้บันไดที่อยู่ด้านข้างแทน
สไตลิสต์สาวไม่รู้ตัวว่าเธอสามารถตะกายขึ้นมาถึงยังหน้าห้องพักบนชั้นสิบห้าในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างไร สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเธอตอนนี้ก็คือจะต้องกล่าวขอโทษชายหนุ่มคนรักที่ทำให้เขาต้องเสียใจและขอคืนดีกับเขาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะกดกริ่งหรือแม้กระทั่งเคาะประตูจนมือแทบระบมไปหมดแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะลุกมาเปิดประตูต้อนรับเธอแต่อย่างใด หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดต่อสายไปหาเขา เธอรอจนกระทั่งเสียงสัญญาณรอสายถูกตัดไปเป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง กระทั่งในที่สุดโทรศัพท์ของภวัฐก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกต่อไป
หากไม่ใช่ว่าเขากดปิดเครื่องโทรศัพท์เพราะไม่อยากรับสายของเธอ บางทีอาจเนื่องมาจากแบตเตอรี่ของเขาคงจะหมดก็เป็นได้ ก็เธอเล่นกระหน่ำโทร. เข้าไปตั้งแต่ตอนที่เพิ่งออกมาจากบ้านของธามจนมาถึงที่นี่ก็ยังคงกดต่อสายจนมือเป็นระวิงอย่างนี้ หญิงสาวพยายามคิดในแง่ดี ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงที่พื้นหน้าประตูห้องของแฟนหนุ่ม รอจนกว่าเขาจะกลับมา ไม่อย่างนั้นอาจไม่มีโอกาสให้ได้ปรับความเข้าใจกันอีก
ต่อ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างภายในรถเต่าสีเขียวสะท้อนแสง ปลุกให้ชายหนุ่มที่นั่งหลับฟุบคาพวงมาลัยมาตลอดทั้งคืนนั้นตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เขากะพริบตาถี่ปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างจ้าและพบว่าเปลือกตานั้นช่างแสนหนักอึ้งจนแทบลืมตาไม่ไหว ภวัฐมองไปรอบตัวอย่างงุนงงไม่รู้ว่าตนเองขับรถขึ้นมาอยู่บนขอบทางด้านซ้ายกลางสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร พลางค่อยๆ นึกทบทวนสิ่งที่กิดขึ้นเมื่อคืนนี้
หลังจากได้เห็นหญิงสาวคนรักยืนนิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามหรือแม้แต่จะแก้ตัวใดๆ ที่ปิดบังความจริงแก่เขาเรื่องที่เธอต้องมาทำงานร่วมกับชายหนุ่มอีกคนที่บ้านตามลำพัง สร้างความรู้สึกโกรธและไม่พอใจให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก ด้วยอารมณ์ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยนั้นทำให้เขาขับรถลิ่วๆ มาถึงที่นี่อย่างแทบไม่รู้ตัวและเปิดประตูออกไปยืนตะโกนร้องโหวกเหวกโวยวายเพื่อระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจอยู่ตรงราวสะพานจนเหนื่อยและกลับเข้ามานั่งพักในรถ กระทั่งเผลอหลับไปในที่สุด
พลันสายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ อันเป็นที่นั่งประจำของรวินันท์แฟนสาวของเขา จึงหยิบมันขึ้นมากดดูและพบว่าแบตเตอรี่หมดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เขาเปิดลิ้นชักใต้คอนโซลหน้ารถพลางหยิบที่ชาร์จสำหรับใช้กับรถยนต์ขึ้นมาเสียบโทรศัพท์ พลางกดเปิดเครื่องก็ได้พบกับ miss call เป็นจำนวนหลายร้อยสาย และเบอร์ที่โชว์ขึ้นมานั้นล้วนเป็นของคนๆ เดียวก็คือเบอร์ของหญิงสาวคนรักนั่นเอง ยังไม่นับรวมถึงข้อความสั้นๆ ที่มีใจความคล้ายกันอีกราวยี่สิบข้อความ
เมื่อเขากดฟังเสียงที่มีคนฝากข้อความเอาไว้ ภวัฐก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่น้ำตาของความเศร้าโศกเสียใจ หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งที่มาจากความห่วงใยของแฟนสาวที่ทำให้เขาแทบลืมเลือนความผิดของเธอเมื่อวานไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มรีบสตาร์ตรถและเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วโดยมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตนซึ่งมีใครบางคนกำลังรอที่จะสารภาพความผิดแก่เขาอยู่ที่นั่นแล้ว
ในระหว่างที่หลับไปนั้น ธามฝันว่าได้เจอกับรวินันท์ที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เมื่อเขาจะเข้าไปทักทาย เธอก็กลับวิ่งหนีเขาไม่ยอมหันมาพูดจาดีๆ ด้วย เขาพยายามวิ่งตามเธอไปเรื่อยๆ ภาพทิวทัศน์สองข้างทางก็เปลี่ยนไปเป็นถนนสายหนึ่งที่แลดูคุ้นตา เขาไม่สนใจว่าตัวเองมายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พลางหันซ้ายแลขวามองหาหญิงสาวที่วิ่งจากเขามาและก็พบว่าเธอกำลังนั่งอยู่ในรถเต่าสีเขียวสะท้อนแสง ข้างๆ กันนั้นมีแฟนหนุ่มของรวินันท์นั่งอยู่ด้วย ทั้งคู่กำลังสวมกอดกันด้วยความรัก โดยที่ตัวเขาพยายามวิ่งเข้าไปหาแต่ก็ไปไม่ถึงสักทีเพราะรถคันนั้นเคลื่อนตัวออกห่างจากเขาไปเรื่อยๆ
ธามพยายามตะโกนร้องเรียกสไตลิสต์สาว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยิน เขาจึงออกวิ่งตามไปอย่างสุดแรงแต่กลับพลาดสะดุดก้อนหินล้มกลิ้งลงไปกระแทกพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นทรายบนถนนเปรอะเปื้อนเป็นหย่อมๆ ไปทั้งตัว เขาถลกขากางเกงขึ้นมามองดูบาดแผลที่หัวเข่าทั้งสองข้างที่อาบไว้ด้วยเลือดจนท่อนขาของเขากลายเป็นสีแดงฉานไปหมด แต่อยู่ๆ ก็มีเงาดำทะมึนมาบดบังแสงสว่างเบื้องหน้าเอาไว้ ชายหนุ่มจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และได้พบกับภวัฐที่กำลังยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าของเขา ใบหน้าสีน้ำผึ้งนั้นมีแววอาฆาตมาดร้ายปรากฏอยู่ ก่อนที่คนตรงหน้าจะใช้กำลังทั้งเตะและต่อยเขาจนน่วมไปหมดทั้งตัว โดยมีรวินันท์ยืนกอดอกมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ด้านหลังของแฟนหนุ่ม
ประธานหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้ายด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ หยาดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ เขาชันตัวลุกขึ้นมานั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียง พลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงบนโต๊ะข้างเตียงพยายามกดต่อสายไปหารวินันท์หลายต่อหลายครั้งด้วยมืออันสั่นเทาและท่าทีตื่นกลัวราวกับว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริง เขาได้แต่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าเมื่อไรอีกฝ่ายนั้นจะกดรับสายของเขาเสียที
ต่อ
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังยาวนานปลุกให้คนที่นั่งกอดเข่าหลับอยู่หน้าประตูห้องของแฟนหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความดีใจเพราะคิดไปว่าเป็นสายเข้าจากภวัฐ แต่พอเห็นชื่อและเบอร์ของผู้ที่โทร. เข้ามาว่าเป็นใคร เธอก็ถึงกับหน้าม่อยลงไปทันทีด้วยความผิดหวัง แม้ว่าในใจลึกๆ จะอยากรับสายของประธานหนุ่มเจ้าของโปรเจ็กต์สักเพียงไหน แต่รวินันท์ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องจบเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ลงไปเสียที พลางนึกไปถึงคำพูดของมณิการ์ เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงแพศยาที่มีคนรักของตัวเองอยู่แล้วแต่ยังหน้ามืดตามัวไปหลงรักผู้ชายอีกคนและแย่งเขามาเป็นของตัวเองทั้งที่รู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นก็มีเจ้าของหัวใจอยู่ทนโท่แล้วก็ตาม
ในขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะรับสายดีหรือไม่ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง เมื่อสไตลิสต์สาวหันไปมองทางต้นเสียง ใบหน้าเคร่งเครียดที่เอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์นั้นก็เปลี่ยนสีไปในทันที เธอไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรเมื่อทั้งความเศร้าโศกที่รู้สึกนึกผิดปะปนอยู่กับความโล่งใจที่ได้เห็นชายหนุ่มเจ้าของห้องกลับมาด้วยอาการครบสามสิบสองไม่มีแม้แต่ริ้วรอยขีดข่วนใดๆ พลางรีบกดตัดสายและปิดเครื่องในทันที
กลับมาแล้วเหรอคะวัฐ คือว่าวิ...
รวินันท์เอ่ยทักคนรักพร้อมกับพยายามทรงตัวลุกขึ้นยืนแต่คงเพราะว่านั่งอยู่ในท่านี้มานานเกินไปจึงทำให้ขาของเธอเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมาจนลำตัวโงนเงนแทบจะล้ม เป็นจังหวะเดียวกับที่ภวัฐก้าวมาถึงตัวพอดี เขาช่วยประคองร่างหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มจนคนฟังแทบไม่รู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวในใจของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับวิ ทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ
ภวัฐถามแฟนสาวด้วยสีหน้าแปลกใจแกมเป็นห่วง เมื่อดูจากอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอีกทั้งเสื้อผ้าที่ยังคงอยู่ในชุดเดิมนั้นทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ทันทีว่าเธอนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เมื่อคืน
วิขอโทษที่โกหกนะคะ วิไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังวัฐเลย แต่วิกลัวว่าวัฐจะเป็นห่วงก็เลยไม่กล้าบอก วิผิดไปแล้วจริงๆ ยกโทษให้วิด้วยนะคะ
สไตลิสต์สาวรีบละล่ำละลั่กกล่าวขอโทษขอโพยแฟนหนุ่มทันที เธอกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับฟังคำแก้ตัวของเธอเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนคงทำให้เขาเจ็บปวดมากกับการกระทำของเธอ น้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาคู่งามอีกครั้ง แต่มันก็ถูกเช็ดออกไปโดยมือสากของชายหนุ่มตรงหน้า เขามองมายังเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พลางเอ่ยวาจาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
อย่าร้องไห้เลยนะครับ ดูสิตาแดงเป็นกระต่ายหมดแล้ว เมื่อคืนผมเองก็ใจร้อนเกินไปหน่อย แค่เห็นว่าวิไม่ยอมพูดอะไรสักคำก็พานคิดไปต่างๆ นานา รู้ก็รู้ว่าพวกคุณกำลังทำงานกันอยู่ ทั้งที่ผมควรจะเชื่อใจคุณให้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของผมมันถึงปิดกั้นไม่ยอมรับความจริงเลยสักนิด ผมขอโทษนะครับ
ประโยคที่ออกมาจากปากของแฟนหนุ่มทำให้ธารน้ำตาของรวินันท์ไหลรินลงมาเป็นสายราวทำนบกั้นเขื่อนแตก พลางสะอื้นไห้จนตัวโยน โผเข้าไปกอดภวัฐเอาไว้แน่นทั้งรู้สึกปลื้มปีติกับความใจกว้างของเขาทั้งรู้สึกปวดร้าวทรมานในใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า เธอทำอะไรลงไปกับผู้ชายที่แสนดีอย่างเขา หรือเธอจะเป็นคนอย่างที่มณิการ์ว่าเอาไว้จริงๆ ที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสอันน่าลุ่มหลงของผู้ชายอีกคน จนกระทั่งทำร้ายคนดีๆ เฉกเช่นคนอย่างเขาได้ลงคอ
สไตลิสต์สาวนึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ พลางให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ไปพบกับธามอีกไม่ว่าเขาจะร้องขออย่างไรก็ตาม เธอจะต้องหยุดความสัมพันธ์อันจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดของคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกสองคนลงเสียที จากนี้เธอจะรักผู้ชายตรงหน้าให้มากขึ้นกว่าเก่า อยากจะรักเขาให้มากเท่าๆ กับที่เขารักเธอจนสามารถจะยอมรับและยอมเชื่อใจในคำพูดทุกอย่างของเธอเช่นนี้ เธอจะต้องทำให้ได้แม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงไรก็ตาม หญิงสาวตอกย้ำกับตัวเองในใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงานดังเช่นปกติ
ต่อ
เช้าวันนี้ภายในรถเต่าสีเขียวถูกปกคลุมไว้ด้วยบรรยากาศอันแสนเงียบงันแลดูอึมครึมไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้าสีหม่นด้านนอกรถที่ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีเทาเข้มที่ค่อยๆ ลอยตัวลดระดับต่ำลงมาทีละน้อยพร้อมที่จะโปรยปรายสายพิรุณเย็นฉ่ำลงมาได้ทุกเมื่อ
ระหว่างทางจากคอนโดมิเนียมไปยังออฟฟิซของทั้งคู่ ภวัฐลอบมองใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวคนรักอยู่เป็นระยะ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเฝ้าแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย เมื่อเขาเริ่มที่จะเป็นฝ่ายชวนพูดคุยเผื่อว่าบรรยากาศที่น่าอึดอัดคล้ายผืนทะเลที่เงียบสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะพัดโหมกระหน่ำเข้าสู่ชายฝั่งนั้นจะจางหายลงไปบ้าง แต่ดูเหมือนว่าอาการถามคำตอบคำ รวมทั้งสีหน้าเรียบเฉยราวกับไร้อารมณ์ใดๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างกายจะยิ่งทวีความประหลาดใจให้แก่ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก จนเขาอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
วิไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมดูท่าทางซึมๆ แบบนั้นล่ะ วิครับ วิ...
คะ? เปล่าค่ะ วิสบายดี แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะ เอ่อ ขอวิเปิดเพลงฟังได้ไหมคะ
คนที่ทำตัวราวกับไม่สบาย หันกลับมาตอบคำถามของแฟนหนุ่มพลางส่งยิ้มแห้งๆ ให้เขา แล้วจึงเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเครื่องเสียง เมื่อเจ้าของรถพยักหน้าให้แทนคำอนุญาต
บทเพลงต่างๆ ได้ถูกดีเจสาวเสียงหวานคัดสรรมาเป็นอย่างดี ฟังแล้วช่างเข้ากันได้กับบรรยากาศอันน่าขมุกขมัวของท้องฟ้าเมืองกรุงท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัดหนาแน่นจนมองเห็นแต่เพียงไฟท้ายรถสีแดงเป็นทิวแถวยาวเหยียดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งมาถึงช่วงสุดท้ายของรายการก่อนได้เวลาเคารพธงชาติ บทเพลงที่เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองเร่งเร้าคลอเคล้าไปกับเสียงหวานปนเซ็กซี่ของนักร้องสาวชาวต่างชาติเพลงหนึ่งก็ดังขึ้นมา จังหวะและเนื้อร้องที่แสนคุ้นหูนั้นทำให้รวินันท์ถึงกับออกอาการกระสับกระส่ายขึ้นมาจนแทบนั่งไม่ติด ทั้งที่พยายามจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างเธอกับประธานหนุ่มเจ้าเสน่ห์ให้เลือนหายไปจากใจและกลับมาเป็นรวินันท์คนเดิม แต่กลับเหมือนถูกตอกย้ำเรื่องราวให้แจ่มชัดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้งเมื่อเสียงเพลงนั้นดังแว่วเข้ามาในหู
It's raising my adrenaline
You're bangin' on a heart of tin
Please don't make too much of it baby
Say the word forevermore
That's not what I'm looking for
All I can commit to is maybe
So let it be what it'll be
Don't make a fuss and get crazy over you and me
Here's what I do, I play it loose
Not like we have a date with destiny
ขอบตาของรวินันท์เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากแน่นพยายามสะกดอารมณ์ข่มความเศร้าหมองของตัวเองไว้ไม่ให้ธารน้ำใสไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย เธอปิดเปลือกตาลงแสร้งทำเป็นหลับซบหน้าลงกับสายคาดนิรภัยเพราะกลัวว่าชายหนุ่มข้างกายจะสังเกตเห็นอาการที่แปลกไปหลังจากได้ฟังบทเพลงที่ช่วยเตือนย้ำความทรงจำอันน่าเจ็บปวดรวดร้าวในใจกลับคืนมาอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้น หาได้รอดพ้นจากสายตาอันแหลมคมของสารถีหนุ่มที่คอยชำเลืองมองแฟนสาวอย่างงุนงงระคนสับสนมิได้
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวบ้างหลังจากที่เธอต้องไปร่วมงานกับประธานหนุ่มรูปหล่อเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของประเทศคนนั้น แต่สิ่งที่ภวัฐรับรู้ได้ก็คือท่าทางของเธอที่ดูแปลกไปไม่เหมือนรวินันท์คนเก่าที่มักจะเป็นฝ่ายชวนเขาพูดคุยพลางยิ้มหัวเราะด้วยความร่าเริงสดใส ไม่ใช่คนที่เอาแต่นั่งเงียบขรึมไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนมีเรื่องราวในใจให้ต้องขบคิดมากมายเช่นนี้
แม้ว่าจะสงสัยในพฤติกรรมที่แสนแปลกตาของแฟนสาวอยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากมานั่งคอยถามซักไซร้ไล่เรียงอันใดในเวลานี้ เขาอยากให้เธอเป็นฝ่ายพูดมันออกมาก่อนด้วยความเต็มใจไม่ใช่มาบังคับขู่เข็ญให้เธอต้องรู้สึกลำบากใจเหมือนอย่างที่ผู้ชายคนอื่นๆ ชอบทำกับคนรักของพวกเขา เขาจะรอต่อไปแบบนี้ รอจนกว่าเธอจะพร้อมยอมเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างกับเขาโดยไม่มีสิ่งใดที่เป็นความลับให้ต้องปิดบังอีกต่อไป
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วิสู้ๆ
และเมื่อวัฐรู้ที่หลังจะเสียใจและเสียความรู้สึก
เพราะฉนั้นวิต้องคิดให้ดีเลือกให้ถูกจะได้ไม่เก็บกดหลายฝ่าย
นี่คือการทรมารใครกันแน่ ปวดใจจริงๆคร้า
รวินันท์ ....เธอจะยอมรักสภาพเช่นว่านี้ไปได้นานเท่าใด

รอไรเตอร์มา up ต่อ
รวินันท์ ......คุณแน่ใจในสิ่งที่พูดและคิด ที่จะไม่สายนายธาม และตัดความสัมพันธ์ต่างๆๆ ให้ได้ แม้ใจอยากจะรับก็ตาม
รอไรเตอร์มา up ต่อ
ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็ยังดีกว่าอยู่แบบไม่ได้รักจะทรมารทุกฝ่าย
อย่ายอมแพ้นะธามแย่งเอามาเลยยังงัยหนูวิก็มีใจให้เรา
เพียงแค่ยังรู้สึกผิดกับนายวัฐแค่นั้นเอง
ไม่งั้นเราสามคนแหง่ๆ ถ้าตัดใจไม่ได้
อย่างนี้ต้องลาออก
ตัดสินใจแล้วน่ะ รวินันท์ ขอให้ทำให้ได้แบบที่ตนเองตัดสินใจไว้ด้วยน่ะ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
ยายวิ~~~
หล่อนทำไมทำตัวน่ารังเกียจเยี่ยงนี้
คิดจะกลับมาหานายวัฐงั้นเหรอ?
ด้ายยยยยยย
แต่หล่อนต้องซื่อสัตย์ สารภาพความจริงทั้งหมดให้นายวัฐฟัง
เป็นการแสดงความจริงใจของหล่อน
กล้าไหม?
ถ้าหล่อนไม่กล้าก็ถอยไป
อย่าเอาความรักของนายวัฐมาเป็นเครื่องมือหนีนายธามอย่างนี้
มันไม่แฟร์ย่ะ
แล้วถ้าหล่อนทำแบบนั้น
หล่อนก็ร้ายกว่ายายเมนี่เยอะ
เชอะ
สรุปวิจะคืนดีกับวัฐใช่มั้ยเนี๊ยะ เห้ออออออออออออออ
สงสารพี่ธาม T^T
คิดถึงทุกเวลา ได้แต่มา เม้นทักทาย
รีดเดอร์ลุ้นจนกระเพาะปัสสวะอักเสบแล้วเนี่ย
55+ เชียร์นายธานนะ
ยื้อหยุดฉุกกระชาก ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าใครควรเป็นตัวจริง ดูท่าเรื่องชักจะบานปลาย ถึงเวลาที่รวินันท์ต้องตัดสินใจเสียที
ใครคนไหนเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
แล้วเรื่องจะเริ่มต้นใหม่กับธามหรือไปค่อยว่ากัน
ตัวเองก็ไม่ได้รักเค้าอยู่แล้ว
มันจะทำร้ายกันไปทุกคนป่าวๆ
ตัวแปรที่สำคัญก็คือวิ
หรือว่าไรเตอร์
จะทำร้ายนายวัฐไปถึงไหน
ไปขอคืนดีกับเขาเนี่ย
สำรวจใจตัวเองดีหรือยังว่า
"รัก" นายวัฐจริง ๆ หรือเปล่า
ถ้ายังไม่ชัวร์ ก็อย่ามามั่วโมเมคืนดีกับเขา
เพราะท้ายที่สุด เมื่อหล่อนนึกได้ว่า
"รัก" ใคร
มิแคล้วนายวัฐคงเจ็บอีกเช่นเคย
ทำผิดซ้ำผิดซากเนี่ย
ไม่ไหวจะเคลียร์นะยะ