ตอนที่ 42 : บทที่ 42 เรื่องโกหก (100%)
บทที่ 42 เรื่องโกหก
ภวัฐเดินเข้ามาภายในตัวบ้านพลางมองแฟนสาวที่ได้แต่ยืนตะลึงนิ่งงันมองมาที่เขาราวตัวประหลาดก็ไม่ปาน ชายหนุ่มผมยาวพยายามทำใจเย็นเอ่ยถามคนรักของเขาอีกครั้ง
วิ เอ่อ คือ
รวินันท์ได้แต่ทำท่าอึกอักพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างคนน้ำท่วมปาก เธอรู้ดีว่าภวัฐนั้นไม่ชอบคนโกหก ดูจากสายตาและฟังน้ำเสียงของเขาตอนนี้ เธอก็พอจะเดาได้ว่าแฟนหนุ่มกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร เขาคงจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เธอไม่ยอมบอกความจริงแก่เขา แต่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เขาเข้าใจ ในเมื่อเขาดันมาเห็นฉากที่ไม่ควรเห็นเข้าพอดี
พวกเรากำลังทำงานอยู่ไงครับ ผมเป็นคนจ้างคุณวิให้มาออกแบบชุดสำหรับพรีเซ็นเตอร์โฆษณารถของบริษัท แต่พอดีวันนี้ผมป่วยไม่ได้เข้าออฟฟิซก็เลยขอร้องให้คุณวิเธอมาทำงานที่นี่แทนก็เท่านั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะครับ
เมื่อธามสังเกตเห็นอาการอ้ำอึ้งของรวินันท์ก็รีบแก้ตัวแทนหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายเขาทันที พลางก้มลงไปหยิบแผ่นกระดาษที่มีภาพร่างของชุดแบบต่างๆ ที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คบนโต๊ะกระจกเตี้ย ขึ้นมาส่งให้ชายหนุ่มที่ถือวิสาสะบุกรุกเข้ามาในบ้านของเขาพร้อมกับส่งยิ้มละไมด้วยความเป็นมิตรให้ ทั้งที่ในใจนั้นแทบอยากจะตะโกนก้องประกาศออกไปให้คนตรงหน้ารู้กันชัดแจ้งไปเลยว่าเขากำลังพยายามหาทางเพื่อที่จะแย่งแฟนสาวของหนุ่มผมยาวมาครองให้ได้ดังใจหวัง แต่เพราะเห็นแก่สไตลิสต์สาวที่ได้แต่ยืนตัวสั่นหน้าซีดเซียวแทบไร้สีเลือด จึงทำให้เขาต้องยับยั้งชั่งใจไม่กล้าปริปากเผยความต้องการของตัวเองออกไปในเวลานี้
แม้ว่าจะได้เห็นแพทเทิร์นของชุดแบบต่างๆ ที่วาดโดยฝีมือของแฟนสาวถูกยื่นส่งมาให้ตรงหน้าเพื่อเป็นการยืนยันว่าเธอมาที่นี่ด้วยเรื่องงานจริงๆ แต่ภวัฐก็อดระแวงสงสัยขึ้นมาไม่ได้เมื่อภาพที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้มันช่างบาดตาบาดใจราวกับมีใครเอามีดมากรีดลึกลงไปในอกด้านซ้าย ค่อยๆ เฉือนเนื้อหัวใจออกมาทีละน้อยอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มพยายามที่จะมองโลกในแง่ดี แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับในคำโกหกของหญิงสาวคนรักได้ เขาเชื่อแน่ว่าเธอต้องรู้ดีว่าเขาไม่เคยโกหกใครและไม่ชอบให้ใครมาโกหกเขาเช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแค่นี้เธอจึงต้องปิดบังความจริงกับเขาด้วย
ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วยว่าคุณมาค้างที่บ้านคุณเมนี่ แทนที่จะบอกกันดีๆ ว่าต้องมาทำงานที่บ้านของผู้ชายคนนี้ ผมไม่เข้าใจเลยครับวิ คุณกลัวว่าผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณมาทำงานที่นี่อย่างนั้นเหรอครับ หรือที่ไม่ยอมบอกเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่กันแน่
คนที่เกลียดการโกหกเป็นที่สุด ได้แต่ปรายตามองชายหนุ่มรูปหล่อที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์อย่างรู้สึกไม่ถูกชะตานัก พลางเอ่ยตัดพ้อต่อว่าแฟนสาวด้วยใบหน้าเศร้า เมื่อความเชื่อมั่นในตัวหญิงสาวคนรักของเขากำลังถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง จนหนุ่มผมยาวชักเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเขายังเป็นคนที่มีความสำคัญต่อเธออยู่บ้างหรือเปล่า
ต่อ
...
ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากรวินันท์ หญิงสาวยังคงยืนนิ่งเงียบปิดปากสนิทไม่มีแม้แต่ข้อโต้แย้งหรือคำแก้ตัวใดๆ เลยแม้แต่น้อย สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสองหนุ่มเป็นอย่างมาก คนหนึ่งแอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่สไตลิสต์สาวไม่สามารถพูดปฏิเสธอย่างจริงจังได้ ส่วนอีกคนได้แต่ทอดถอนหายใจเมื่อตีความจากการไม่ยอมปฏิเสธนั้นเป็นความหมายว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นตรงกับใจของหญิงสาวเข้าอย่างจัง
ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ผมก็เข้าใจทุกอย่างได้ดีแล้ว ขอโทษด้วยที่ผมมาขัดจังหวะพวกคุณสองคน ขอตัวก่อนนะครับ
ภวัฐกล่าวตัดพ้อก่อนจะเอ่ยคำประชดประชันแฟนสาวด้วยน้ำเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งงันก้มหน้าหลบสายตาเขาโดยไร้ซึ่งคำโต้แย้งหรือแม้แต่จะเอ่ยปฏิเสธเพื่อแก้ตัวแต่อย่างใด เขามองหญิงสาวคนรักอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวเกินจะทนไหว แต่ภาพของคนตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาอยู่รอบดวงตากลมโตที่เริ่มแดงก่ำ ชายหนุ่มผมยาวเชิดหน้าขึ้นพลางแสร้งทำเป็นยิ้มให้ทั้งที่น้ำตาปริ่มแทบจะไหลรินลงมาอยู่รอมร่อ ก่อนจะหมุนตัวกลับหลังแล้วเดินดุ่มๆ ออกจากบ้านน้อยหลังนั้นไปทันทีโดยไม่คิดเหลียวหันกลับมามองคนข้างหลังอีกเลย
เดี๋ยวค่ะวัฐ อย่าเพิ่งไป วิไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณนะคะ วิก็แค่...ก็แค่ไม่กล้าบอกความจริงเท่านั้นเอง
เมื่อรวินันท์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เห็นภวัฐอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอรีบวิ่งตามแฟนหนุ่มออกไปนอกบ้านแต่ก็ได้เห็นเพียงหลังไวๆ ของเขาผลุบหายเข้าไปในรถเต่าสีเขียวคันเก่ง ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งดังกระหึ่มตามมาด้วยเสียงยางล้อรถบดเบียดเสียดสีไปกับพื้นถนนเส้นเล็กที่ตัดผ่านหน้าบ้าน
หญิงสาวพยายามที่จะวิ่งตามไปพร้อมกับร้องตะโกนให้คนขับหยุดรถและจอดลงมาคุยกันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเธอจะไร้ความหมาย เมื่อรถเต่าคันน้อยแล่นทะยานไปบนถนนเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง เพียงไม่นานก็หายลับไปจากสายตา
วัฐคะ วิขอโทษ ฮือๆ วิไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย
สไตลิสต์สาวทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นพลางร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่อายใคร เมื่อเธอทำได้เพียงแต่ยืนมองภาพชายหนุ่มผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรักเดินจากไปทั้งน้ำตา ความรู้สึกตกใจที่ได้เห็นแฟนหนุ่มมายืนอยู่ต่อหน้าพร้อมกับโพล่งออกมาด้วยคำพูดตัดพ้อต่อว่าสารพัดสารพัน ทำให้ลำคอของเธอรู้สึกตีบตันไปหมดจนพูดอะไม่ออกบอกอะไรไม่ถูก เธอรู้ดีว่าภวัฐต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนเพราะตอนนี้หัวใจของเธอเองก็รู้สึกสับสนระคนปวดร้าวแทบไม่ต่างกัน
ต่อ
ลุกขึ้นเถอะครับวิ เข้าไปนั่งพักสงบจิตสงบใจในบ้านผมก่อนดีกว่านะ
ปล่อยนะ เพราะคุณคนเดียวทำให้ฉันกับวัฐต้องเป็นแบบนี้ ยังจะมารั้งฉันเอาไว้อีกทำไม ปล่อยสิ ฉันต้องไปปรับความเข้าใจกับเขา
ธามซึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหญิงสาวออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งร้องไห้ตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้นถนนหน้าบ้านก็อดสงสารไม่ได้ เขารีบตรงเข้ามาช่วยพยุงร่างเธอขึ้นจากพื้นพาประคองให้เดินกลับเข้าไปภายในบ้าน แต่คนที่กำลังสับสนเมื่อมองไปเห็นรถแท็กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสารคันหนึ่งบังเอิญแล่นผ่านมาพอดี ก็รีบสลัดกายให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วจึงโบกมือเรียกให้คนขับหยุดพร้อมกับเปิดประตูก้าวขึ้นรถแท็กซี่คันนั้นไปในที่สุด
คำพูดของรวินันท์เปรียบดังหมุดเล่มโตที่ถูกตอกทิ่มแทงลงไปในอกของชายหนุ่มและตรึงร่างของเขาเอาไว้ให้หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดระคนเศร้าสลดหดหู่ของธาม มองตามร่างบางของสไตลิสต์สาวที่วิ่งหนีขึ้นรถจากไปต่อหน้าต่อตาเขาด้วยความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เป็นเพราะเขาทำให้เกิดเรื่องเธอคงจะไม่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้
ในที่สุดเธอก็ไปได้เสียทีนะ รวินันท์
มณิการ์ที่เพิ่งกลับมาจากทำงานพอดี จอดรถซุ่มอยู่ภายใต้เงาสลัวของรัตติกาลห่างออกไปจากหน้าบ้านของเพื่อนชายคนสนิทเพียงไม่กี่เมตร พลางมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าซึ่งล้วนเกิดจากฝีมือการกำกับบทบาทของเธออย่างพึงพอใจในผลที่ได้รับ เรียกรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนการอันแสนแยบยลที่วางเอาไว้ จนสามารถกำจัดเสี้ยนหนามคู่แข่งคนสำคัญออกไปจากชีวิตของธามได้โดยง่ายและไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงกำลังของตัวเองแต่อย่างใด
ทายาทสาวร้านทองขยับรถเคลื่อนตัวมาจอดนิ่งที่หน้าบ้านของชายหนุ่ม พลางเปิดประตูลงจากรถเดินตรงมายังคนที่ยืนนิ่งงันมองตามรถแท็กซี่แล่นหายวับไปจากสายตาและแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บ้าง
อ้าว ธามมายืนทำอะไรอยู่หน้าบ้านคะ หรือว่าที่อยู่ในรถแท็กซี่คันเมื่อกี้จะเป็นคุณวิ นี่งานเสร็จหมดแล้วหรือคะ ว้า...เมนี่อุตส่าห์รีบกลับมา คิดว่าจะมาช่วยทำสักหน่อย ว่าแต่ธามทานข้าวเย็นหรือยังคะ ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานข้างนอกกับเมนี่ไหม
หญิงสาวเดินเข้าไปหาเพื่อนชายพร้อมกับคล้องแขนเขาเอาไว้หลวมๆ พลางแกล้งเอ่ยทักเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ
ต่อ
ขอโทษทีเมนี่ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวก่อนนะ
ธามแกะมือของเพื่อนสาวคนสนิทออก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างเชื่องช้าด้วยท่าทางหดหู่เซื่องซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสไตลิสต์สาวจากไปแล้ว สมองของชายหนุ่มก็ขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออกมองอะไรไม่เห็น ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวนั้นไม่มีสิ่งใดน่าอภิรมย์อีกต่อไป แม้แต่มณิการ์สาวหวานเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาที่ยืนอยู่ข้างกายในเวลานี้ก็ตาม
อะไรกัน แม่สไตลิสต์คนนั้นทำให้ธามเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ชิ! น่าหมั่นไส้ชะมัดเลย
จอมวางแผนทำท่าเบะปากยืนมองผลงานจากฝีมือของตนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทั้งที่เธอคิดว่าการทำให้รวินันท์ออกไปจากชีวิตของเพื่อนชายคนสนิทได้จะทำให้เขาหันกลับมาให้ความสนใจกับเพื่อนรักอย่างเธอมากขึ้น แต่มันกลับผิดคาดอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากธามจะไม่ใส่ใจในตัวเธอมากขึ้นกว่าเดิมอย่างที่หวังเอาไว้แต่แรกแล้ว มิหนำซ้ำเธอยังทำให้เขาผิดหวังและเสียใจจนมีสภาพไม่ต่างไปจากคนอกหักรักคุดอย่างนี้อีก คงไม่ใช่ว่าแผนการของเธอเป็นตัวเร่งปฏิกิริยากระตุ้นให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกในใจที่มีต่อสไตลิสต์สาวคนนั้นขึ้นมาหรอกนะ มณิการ์ได้แต่ทำท่าขบเคี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บใจพลางมองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องนอนของธามด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับกลับบ้านไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมายาวนานอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของนั้นไม่มีทีท่าจะหยิบมันขึ้นมากดรับสายเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มผมยาวเพียงปรายตาไปมองภาพและชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเบาะด้านข้าง เมื่อได้เห็นว่าผู้โทร.เข้ามานั้นเป็นใคร พลันหยดน้ำใสๆ ก็หลั่งรินลงมาจากดวงตากลมโตของชายหนุ่มอีกครั้ง
ขอโทษครับวิ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะรับสายของคุณหรอกนะ
ภวัฐยกหลังมือขึ้นปาดมันทิ้งไปอย่างลวกๆ ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับหนทางข้างหน้าอีกครั้ง พลางกดเท้าหนักขึ้นเหยียบแป้นคันเร่งจนแทบจมมิดลงไปกับพื้นตามแรงอารมณ์กรุ่นโกรธระคนผิดหวังที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ พาให้รถเต่าสีเขียวคันน้อยแล่นทะยานไปบนถนนด้วยความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และปล่อยให้เสียงเพลงรักซึ่งมีท่วงทำนองหวานซึ้งดังคลอเคล้าผสานไปกับเสียงเครื่องยนต์ต่อไป
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหอๆ สมน้ำหน้าเมนี่อุตส่าว่าแผนแต่ธามก็ไม่สนใจ
สะใจเจ๊จิงๆ แต่สงสารวัฐมากมาย
น่าสงสารนายวัฐจังเลย
มามะ อกรีดเดอร์ว่าง ๆ
ให้ยืมซบซับน้ำตาชั่วคราว
สงสารทั้ง 3คนเลย เกียจนักยายเมนี่ บุคคลมือที่ 3 พยายามแยกคู่ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ผลนายธามไม่ลงด้วยจ๊ะ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
อ๊ะจ๊ากกกกกก หล่อนมิใช่วินะจ๊ะป้าจ๋า
แต่เมนี่ เริ่มร้ายมาเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย มีซุ่มดูผลงานนะจ๊ะ
ทำกันได้น่ะ ยายเมนี่ สำเร็จแล้วคิดว่านายธาม...เขาจะสนใจเธอหรือ
เป็นกำลังใจให้นายธาม อย่ายอมแพ้ขอให้สู้ และได้ปรับความเข้าใจกับรวินันท์
รอไรเตอร์มา up ต่อ
วัฐน่าสงสารเน๊อะ....ไม่กล้าเชียร์ใครเลยอ่ะ
แบบว่าสงสารทั้ง 3 คน เหลืออยุ่คนเดียวที่ไม่คิดจะสงสาร
ทั้งที่ตอนแรกใจอ่อนแล้วเชียว คือ แม่เมนี่ศรีสวาท
รอไรท์เตอร์มาอัพเพิ่มค่ะ สู้ๆนะคะ^^
คิดถึงไรเตอร์ มาแอบดูทุกวันเหมือนกันค่ะ ^^
รอไรเตอร์มา up ต่อ
ธาม ห้ามใจไม่อยู่ ไม่คิดจะห้าม
วิ โดนขโมยหัวใจ ร่างกาย และทำผิดต่อคนรักโดยรู้สึกเจ็บปวดตลอดเวลา
วัฐ โดนแย่งคนรัก โดนหลอกโดยคนรักเพราะความดี
งานนี้ขอให้วัฐรู้เรื่องเร็วนะ
จะได้ไม่เจ็บหนักยิ่งนานไปจะยิ่งช้ำ
ดีจังไม่ชอบการโกหกหายากนะในสมัยนี้
มาเร็วๆนะคะไรท์เตอร์รอทุกลมหายใจ55+
เข้ามาแอบดูทุกวันเลย(ทุกวันจิงๆ)ว่าจะมาอัพตอนไหน
อาการหนักเน๊อะแต่ทำงัยได้ติดซะหล่ะ
เหอ ๆ
ผลของการโกหก
นายธามก็ดันพาซื่อตอบไปตามความจริง
ยิ่งทำให้หนูวิดูแย่ในสายตานายวัฐ
งานนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี
เฮ่อ
รอไรเตอร์มา up ต่อ