ตอนที่ 31 : บทที่ 31 ลืมตัว (100%)
บทที่ 31 ลืมตัว
ในเวลานั้นคล้ายว่าชายหนุ่มกำลังจมจ่ออยู่กับห้วงภวังค์ความคิดของตัวเองจนกระทั่งหลงลืมไปเสียสนิทว่าเขาจะต้องพาเธอกลับไปส่งที่ออฟฟิซของเขา แต่พอมารู้สึกตัวอีกที รถสปอร์ตคันงามก็แล่นมาจอดนิ่งอยู่ที่ริมประตูรั้วสีขาวหน้าบ้านหลังน้อยของเขาแล้วแม้แต่เจ้าตัวเองยังแปลกใจว่าขับมาถึงที่นี่ได้อย่างไร
เมื่อสารถีหนุ่มหันไปมองข้างกายและพบว่าสไตลิสต์สาวยังคงหลับสนิทเหมือนเมื่อครู่ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะกลัวว่าหากเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขาไม่ได้พาเธอกลับไปที่ออฟฟิซของตนแต่กลับขับเลยจนมาถึงที่บ้านอย่างนี้ ไม่แคล้วมีหวังเธอต้องคิดว่าเขาตั้งใจพาเธอมาที่นี่เพื่อทำเรื่องมิดีมิร้ายอีกอย่างแน่นอน
เขาจึงทำท่าจะเลี้ยวกลับรถเพื่อไปส่งเธอตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ธามสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจพลางรีบตะลีตะลานควานมือลงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตน แต่ดันลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขาเอามันใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทตอนที่รับสายจากเลขานุการสาวที่โทรศัพท์เข้ามารายงานความเรียบร้อยประจำวันเมื่อเขาไม่ได้อยู่ทำงานที่ออฟฟิซ เขาจึงปลดเข็ดขัดนิรภัยออกพร้อมทั้งเอี้ยวตัวไปทางด้านข้างหมายจะล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสูทมากดรับสายหรือไม่ก็ปิดเสียงนั้นเพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่นั้นมาตื่นเอาในเวลาแบบนี้
แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างชายหนุ่ม เมื่อเสียงเรียกเข้าเป็นทำนองเพลง Crush ของ Jennifer Paige ซึ่งกลายมาเป็นเพลงโปรดปรานของชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน กำลังทวีความดังขึ้นอย่างยาวนานและต่อเนื่อง จนคนที่เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางมองไปรอบๆ ตัวอย่างมึนงง เธอกะพริบตาถี่ๆ ปรับสายตาให้ชินกับแสงแล้วจึงได้เห็นว่ารถยนต์คันงามมาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นตา
นายพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย แล้วนี่ทำอะไรนะ คิดจะแต๊ะอั๋งฉันเหรอ เอามือออกไปห่างๆ เลยนะ
รวินันท์หันมาตวาดเสียงดังใส่ชายหนุ่มข้างกายที่กำลังทำท่าเอื้อมมือมายังบริเวณหน้าอกของเธอ ทำเอาคนที่ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์ชะงักมือหดกลับแทบไม่ทัน พลางรีบปฏิเสธแก้ตัวเป็นพัลวันแล้วรีบดึงเสื้อที่ถอดมาคลุมให้หญิงสาวกลับคืนไปทันที
ผมไม่ได้ตั้งใจพาคุณมาที่นี่นะ และก็ไม่ได้คิดจะลวนลามคุณด้วย ก็แค่จะหยิบมือถือของผมที่อยู่ในเสื้อสูทเท่านั้นเอง ไหนๆ คุณก็ตื่นแล้วขอเสื้อผมคืนเลยแล้วกันนะครับวิ
ไม่ได้ตั้งใจแล้วมาที่นี่ได้ยังไง ฉันเผลอหลับไปแค่แป๊บเดียวก็คิดจะลักหลับฉันเลยเหรอ นายนี่มันแย่จริงๆ เลย ฉันอุตส่าห์ไว้ใจแล้วเชียวนะ
คนเผลอหลับยังคงโวยวายไม่ได้หยุด เช่นเดียวกับเสียงโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงดังกังวานออกมาจากลำโพงระบบสเตอริโอเซอร์ราวนด์ ทำให้ชายหนุ่มชักเริ่มหนวกหูและรำคาญทั้งคน ทั้งโทรศัพท์ขึ้นมาตะหงิดๆ
นี่คุณหยุดโวยวายสักสองสามนาทีมันจะตายไหม ไอ้โทรศัพท์นี่ก็เหมือนกันทำไมมันหยิบยากหยิบเย็นอะไรอย่างนี้นะ
เสียงตะโกนกร้าวดังลั่นรถของธาม ทำให้สไตลิสต์สาวตกใจรีบหุบปากสนิทและหยุดส่งเสียงโหวกเหวกไปได้ชั่วครู่ ดวงตาคมกรอกลูกตาไปมาพลางมองเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย และกระชากเสียงใส่คนที่อยู่ปลายสายอย่างหงุดหงิด
มีอะไรเมนี่...ว่าไงนะ ไฟล์รายละเอียดของรถ ผมก็ส่งให้ทางนั้นเขาไปแล้วนี่ยังจะมาขออะไรอีก ทำหายเหรอ ให้มันได้อย่างนี้สิน่า โอเคๆ ผมรู้แล้วครับเมนี่เดี๋ยวผมจะรีบส่งไปให้เขา แค่นี้ใช่ไหม อือ บาย
ชายหนุ่มกดวางสายพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากเพื่อนสาวคนสนิท ที่ชวนให้รู้สึกฉุนขึ้นมา ยังไม่ทันที่สไตลิสต์สาวจะเอ่ยถามใดๆ เจ้าตัวก็รีบโพล่งออกมาก่อน
คุณวิ พอดีผมมีงานด่วนต้องทำน่ะ ขอเข้าไปในบ้านแป๊บนึงได้ไหม อ้อ แล้วก็โทร. บอกแฟนคุณไปเลยได้ไหมว่าเดี๋ยวคุณจะกลับเอง ไม่ต้องให้เขาไปรอรับที่ออฟฟิซของผม ผมสัญญาถ้าทำเสร็จแล้วผมจะไปส่งคุณที่คอนโดฯ ทันที จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลาอีก
คำขออนุญาตที่ฟังแล้วเหมือนการออกคำสั่งกลายๆ รวมไปถึงใบหน้าหล่อเหลาที่เปลี่ยนเป็นถมึงทึงแลดูเคร่งเครียดราวกับมีใครเอาไม้มาแหย่รังแตนให้แตกตื่นขึ้นมานั้น ทำให้รวินันท์ไม่กล้าที่จะปฏิเสธได้เพราะกลัวว่าเขาจะเอาความขุ่นเคืองที่มีนั้นมาระบายใส่เธอให้ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอีก หญิงสาวจึงพยักหน้าน้อยๆ ให้เขาแทนคำตอบ และปล่อยให้ชายหนุ่มขับรถพาเธอเข้าไปในบ้านของเขาอย่างจนใจ
ต่อ
ทางด้านของมณิการ์ หลังจากเพื่อนชายของเธอกดวางสายไปแล้วหญิงสาวได้แต่นึกสงสัยอยู่ในใจว่าธามนั้นกำลังทำอะไรอยู่จึงได้พูดจากับเธอด้วยน้ำเสียงห้วนเหมือนไม่พอใจที่เธอโทรศัพท์ไปหาเขาเช่นนี้ คล้ายกับว่าเขากำลังโกรธหรืออารมณ์ไม่ดีที่ถูกรบกวนหรือขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น พลันภาพฉากรักหวือหวาระหว่างธามกับรวินันท์ที่ปรากฏแก่สายตาของเธอในห้องทำงานของเขาเมื่อวานนี้ก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของหญิงสาวอีกครั้ง บางทีเธออาจจะไปขัดจังหวะที่ทั้งสองคนกำลังพลอดรักกันอยู่กระมัง
นึกแล้วก็น่าโมโหยิ่งนักเมื่อมณิการ์รู้สึกว่าเพื่อนชายที่เธอแอบหลงรักนั้นทำท่าเหมือนจะให้ความสนใจกับสไตลิสต์สาวที่เธอพามาแนะนำให้เขารู้จักมากกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถูกมารดาของเธอบังคับให้ต้องมาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในงานการกุศลที่เต็มไปด้วยบรรดาพวกคุณหญิงคุณนายไฮโซไฮซ้อซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของครอบครัวแล้วล่ะก็ เธอคงมีโอกาสได้กีดกันและขัดขวางคนทั้งคู่ไม่ให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้หรอก หญิงสาวได้แต่ทำหน้าตูมเหมือนบอกบุญไม่รับจนช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่สนิทกันเพราะเคยร่วมงานด้วยกันมาหลายครั้งต้องเอ่ยปากอย่างอดตำหนิไม่ได้
ตายแล้ว คุณน้องเมนี่ขา อย่าทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแบบนี้สิคะ พี่อุตส่าห์แต่งหน้าให้คุณน้องเสียสวยเด้งเช้งวับขนาดนี้ แต่คุณน้องมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนโกรธใครมาร้อยปีแบบนี้ เดี๋ยวหน้าสวยๆ ก็ยับเยินกลายเป็นน้องหมาหน้าย่นกันพอดีสิคะ
เมนี่แค่หงุดหงิดอะไรนิดหน่อยน่ะ ขอโทษด้วยนะคะพี่ซูซี่
เมื่อได้ยินเสียงจีบปากจีบคอดัดเสียงจนแหลมปรี๊ดของ ซูซี่ ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่หากมองเผินๆ แล้วแทบแยกไม่ออกเลยว่าเธอเป็นเพศไหนกันแน่ เพราะรูปร่างหน้าตานั้นดูเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีผิด บางทีอาจจะสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียด้วยซ้ำไป มณิการ์จึงได้แต่ยกมือขึ้นมากระพุ่มไหว้คนตรงหน้าอย่างสำนึกผิดด้วยท่าทางอ่อนช้อยสมกับเป็นกุลสตรีที่ได้รับการปลูกฝังและอบรมสั่งสอนมาดี
เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องทำงานของเขาเลยแม้แต่น้อย รวินันท์ซึ่งนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาตัวยาวภายในห้องนั่งเล่น ได้แต่กดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ คล้ายว่าไม่มีรายการใดน่าสนใจสำหรับเธอเลยสักนิด หญิงสาวเอาแต่ก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือของตนแทบจะทุกๆ ห้านาทีและคอยแต่จะชะเง้อคอมองไปทางประตูบานไม้สีเข้มซึ่งอยู่ถัดไปจากห้องที่เธอนั่งอยู่ด้วยท่าทางกระวนกระวายใจเพื่อคอยดูและเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไรประตูบานนั้นจะเปิดออกมาเมื่อไร ด้วยเกรงว่าชายหนุ่มคนรักของเธอจะเป็นห่วง เพราะเวลาล่วงเลยมาจนมืดค่ำป่านนี้แล้ว แต่เธอยังไม่ได้กลับไปยังห้องพักของตัวเองบนอาคารชุดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเลย
สไตลิสต์สาวลุกขึ้นยืนพลางเดินวนไปเวียนมาอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของธาม เธอทำท่าจะยกมือขึ้นเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่ก็หักใจไม่กล้าทำเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการทำงานของเขา หญิงสาวยังจำได้ว่าเมื่อวานตอนที่เธออยู่ในห้องทำงานของเขาบนตึกออฟฟิซรูปทรงคล้ายรถผสมหุ่นยนต์ ประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทนั้นทำงานด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังแค่ไหน แม้ว่าหากไม่ใช่ในเวลางานแล้วเขาจะกลายเป็นผู้ชายอีกคนที่มีบุคลิกเจ้าชู้ที่ชอบส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้เธอแถมยังเป็นคนปากว่ามือถึง มือเป็นปลาหมึกตัวเป็นปลิงเกาะเธอแจไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจเดินกลับไปนั่งลงที่เดิมอีกครั้งเพื่อรอเวลาที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับงานของเขานั้นจะเปิดประตูออกมาและพาเธอกลับไปยังที่พักตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก
ระหว่างนั้นสายตาของเธอก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้อง ผนังสีครีมนั้นเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้โอ๊กสีเข้มทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น แม้ว่าบ้านหลังนี้จะดูเงียบเหงาไปหน่อยเพราะเจ้าของบ้านนั้นอาศัยอยู่เพียงลำพัง บนฝาผนังมีภาพถ่ายของชายหนุ่มเจ้าของบ้านในอิริยาบถต่างๆ สลับกับภาพรถยนต์รูปทรงสวยงามแปลกตาที่แขวนเรียงรายอยู่เต็มฝาผนัง รวมไปถึงโมเดลรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ถูกทำให้ย่อส่วนลงมาจนอยู่ในขนาดเล็กจิ๋วเพียงไม่ถึงฝ่ามือ วางเรียงอยู่บนชั้นกระจกด้านข้างชั้นวางโทรทัศน์เต็มไปหมด
ถ้าคุณชอบ อยากจะหยิบไปดูเล่นที่ห้องสักคันผมก็ไม่ว่าหรอกนะครับ
เสียงห้าวที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้รวินันท์ถึงกับสะดุ้งหันไปมองก็พบว่าเจ้าของเสียงยืนกอดอกยิ้มเผล่ยืนพิงกรอบประตูห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางอารมณ์ดีผิดกับเมื่อครู่นี้ลิบลับ จนหญิงสาวอดนึกสงสัยอยู่ในใจไม่ได้ว่าเขาหายเข้าไปทำอะไรอยู่ในห้องนั้นเป็นนานสองนาน
ไม่ล่ะ นายเก็บเอาไว้เล่นคนเดียวเถอะ แล้วนี่งานของนายเสร็จแล้วใช่ไหม ถ้างั้นก็รีบไปส่งฉันเสียทีสิ ฉันอยากจะกลับแล้วนะ ป่านนี้วัฐคงเป็นห่วงแย่แล้วล่ะ
พอได้ยินชื่อผู้ชายอีกคน ใบหน้าระรื่นของธามก็หมองลงทันทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขามีเจ้าของหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มพยายามคิดหาวิธีที่จะได้ยื้อเวลาของเขากับเธอออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคราวนี้เหมือนฟ้าจะเข้าข้างเขา เมื่อเสียงสัญญาณว่ามีข้อความใหม่เข้ามาในอีเมลของธามดังขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของเขา
คร้าบคุณผู้หญิง ผมรู้แล้วน่าว่าคุณอยากจะกลับบ้านไปกอดสุดที่รักของคุณใจจะขาดอยู่แล้ว แต่งานของผมยังไม่เสร็จนี่ครับ ให้ทำยังไงได้ เอ๊ะ เมื่อกี้เสียงอีเมลเข้าใหม่นี่ รอก่อนนะครับ ขอผมไปดูหน่อยว่าใครส่งอะไรมาให้
ชายหนุ่มกล่าวแล้วรีบผละออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบของสไตลิสต์สาว ปล่อยให้เธอได้แต่ยืนงงอ้าปากหวอมองตามแผ่นหลังของเขาหายลับเข้าไปหลังประตูห้องทำงานอีกครั้ง
ต่อ
อ้าว อะไรของเขากันนะ เฮ้อ พวกนักธุรกิจนี่ยุ่งชะมัดยาดเลยแฮะ เอาแต่ทำงานงกๆ แบบนี้จะมีเวลาได้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจคลายเครียดเหมือนอย่างคนอื่นเขาบ้างไหมนะ
หญิงสาวที่ถูกปล่อยให้ยืนเอ๋ออยู่กลางห้องมองบานประตูห้องทำงานของชายหนุ่มที่ปิดสนิท แล้วก็บ่นอุบออกมาไม่ได้ เธอชักเริ่มรู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อยที่ภวัฐ คนรักของเธอไม่ใช่นักธุรกิจแต่เป็นเพียงแค่ฟู้ดสไตลิสต์หนุ่มมาดเซอร์ฝีมือดีและมีอนาคตไกลที่ดูเป็นคนดีมีความรับผิดชอบพอที่จะฝากฝังชีวิตทั้งหมดที่เหลือของเธอไว้ในมือเขาได้ และนึกสงสารคนที่จะต้องมาเป็นคนรักของธามไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นคงน่าสงสารมากทีเดียวที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนที่แทบไม่มีเวลาว่างอย่างเขา แถมยังดูท่าทางจะเจ้าชู้ยักษ์เสียด้วย
แวบหนึ่งที่เธอนึกไปถึงมณิการ์ หญิงสาวสวยหวานลูกสาวเจ้าของร้านทองที่มีสาขามากที่สุดในประเทศและกำลังขยายกิจการออกไปเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นคนชักนำให้เธอได้มาเจอกับประธานหนุ่มและจำต้องร่วมงานด้วยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนี้ รวินันท์เชื่อแน่ว่านักธุรกิจสาวที่กำลังเจริญรอยตามผู้เป็นมารดานั้นหลงรักธามอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนธามนั้นเล่าจะรักสาวน้อยหน้าหวานเช่นเดียวกันหรือเปล่า เธอไม่อาจรู้ได้
วิครับ คุณวิเข้ามานี่หน่อยสิ
เสียงของชายหนุ่มที่รวินันท์กำลังนึกถึงดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของเธอพอดี หญิงสาวเงี่ยหูฟังอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าเขาเรียก เธอจึงเดินตามไปที่หน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม และพบว่าประตูเปิดแง้มอยู่จึงถือวิสาสะผลักเข้าไปโดยไม่เคาะประตู เพราะถือว่าเจ้าของห้องอนุญาตแล้ว
มีอะไรหรือคะ
คนที่เข้ามาใหม่ทำหน้าฉงนเมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเบื้องหลังจอคอมพิวเตอร์แบบแอลซีดีขนาดใหญ่นั้น มีร่องรอยของความเครียดขึ้งปรากฏอยู่ และอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรที่ทำให้เขาดูเคร่งขรึมผิดไปจากเมื่อครู่ได้ถึงเพียงนี้
สงสัยว่าคืนนี้คุณคงจะต้องอยู่ดึกหน่อยแล้วล่ะครับ ทางเอเจนซี่เขาอยากได้ภาพสเก็ตช์คร่าวๆ ของชุดที่คุณจะออกแบบเพื่อเอาไปเป็นตัวอย่างไว้ทำแบ็กกราวนด์ประกอบฉากให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ คุณคิดว่าวันนี้จะพอทำทันสักชุดสองชุดหรือเปล่าครับ
พอได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มบอก รวินันท์ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของความเครียดบนใบหน้าของเขา หญิงสาวเองก็เริ่มหนักใจเช่นเดียวกัน เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำได้ตามที่ธามบอกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงกว่าเกือบจะทุ่มหนึ่งอยู่แล้ว เธอยังไม่ได้เริ่มแม้แต่จะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ทั้งสามรุ่นของเขาเลย
ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ คุณขอให้เขาเลื่อนเวลาออกไปหน่อยไม่ได้เหรอคะ
คงทำไม่ได้หรอกครับ เรามีเวลาออกแบบชุดทั้งหมดหกชุดรวมทั้งเวลาในการตัดเย็บแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น เอ่อ ที่จริงงานนี้ควรจะต้องเริ่มตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้ว แต่เพราะความผิดผมเองนี่แหละที่ไม่พอใจผลงานของสไตลิสต์คนไหนเลย จนเมนี่เอางานของคุณมาให้ผมดูและติดต่อให้คุณมาร่วมงานได้นี่ล่ะครับ ไทม์ไลน์มันก็เลยกระชั้นเข้ามาอย่างที่เห็น ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกคุณก่อน
ธามส่ายหน้าพลางปฏิเสธเสียงอ่อย ไม่กล้าสบตาหญิงสาวที่ยืนทำหน้าอึ้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา
เฮอะ...นี่คุณ ถึงแม้ว่าฉันจะบอกว่าออกแบบชุดได้ดีไม่แพ้พวกดีไซเนอร์มืออาชีพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันมือโปรถึงขนาดจะเสกชุดให้คุณขึ้นมาภายในพริบตาได้โดยที่ไม่ต้องศึกษาข้อมูลรถของคุณก่อนหรอกนะคะ
รวินันท์มองคนตรงหน้าอย่างนึกฉุนกับความเอาแต่ใจของเขาจนทำให้เกือบจะต้องเสียงานใหญ่อยู่รอมร่อแล้ว แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นสไตลิสต์มืออาชีพก็ทำให้เธอไม่สามารถเอ่ยปากขอยกเลิกงานกลางคันได้ แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มอยู่บ้างก็ตามแต่เพื่อมิให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ศรีของความเป็นมืออาชีพเธอจึงยอมทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือเขา
ต่อ
แต่ฉันอาจจะทำมันได้ก็ได้ถ้าคุณช่วยแนะนำฉันเกี่ยวกับเรื่องจุดเด่นจุดด้อยในรถยนต์ทั้งสามรุ่นของคุณ อย่างน้อยก็น่าจะได้แบบร่างสักชุดสองชุดพอแก้ขัดไปก่อนได้ แต่มีข้อแม้นะว่าถ้าฉันทำงานให้คุณเสร็จเมื่อไหร่ คุณต้องรีบพาฉันไปส่งที่คอนโดฯ ทันที ตกลงหรือเปล่า
ได้ครับวิ ไม่มีปัญหาเลย ผมจะช่วยคุณทุกอย่าง แล้วก็สัญญาว่าจะไปส่งคุณทันทีที่งานของวันนี้เสร็จแน่ๆ ครับ ขอบคุณมากนะที่ช่วยผม
ประธานหนุ่มที่มีสีหน้าลำบากใจเมื่อครู่ เงยหน้าขึ้นมามองสไตลิสต์สาวด้วยสายตาซาบซึ้งใจประหนึ่งว่าเธอคือนางฟ้าผู้แสนดีที่ลงมาช่วยเขาในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขารีบละล่ำละลักตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งพร้อมกับขอบคุณเธอไม่หยุด
พอแล้วน่า เลิกขอบคุณฉันสักที เอาเวลาไปช่วยปริ๊นท์แบบรถทั้งหมดสามรุ่นมาให้ฉันดีกว่า แล้วถ้าเป็นไปได้ขอเป็นภาพทั้งภายในภายนอกรถ โครงสร้างวัสดุและเบอร์สีที่ใช้เคลือบรถด้วยนะคะ แล้วก็อย่าลืมภาพของนายแบบนางแบบที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณด้วยล่ะ อืม ถ้าจะให้ดีช่วยเตรียมกระดาษ ปากกาแล้วก็พวกดินสอสีเท่าที่พอจะหาได้เอาไว้ก็ดีนะคะ แล้วเราจะได้เริ่มทำงานกันเลย อ้อ ระหว่างรอคุณ ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะ
สไตลิสต์สาวได้ทีก็รีบออกคำสั่งกับประธานหนุ่มยาวเหยียด ก่อนจะปล่อยให้เขาได้มีเวลาตระเตรียมสิ่งของต่างๆ ตามความต้องการของเธอเพียงลำพัง เมื่อออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มมาแล้ว รวินันท์จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพลางกดต่อสายไปหาแฟนหนุ่ม เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกดังมาจากปลายสายเธอก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที
วัฐเหรอคะ วิจะบอกว่าคืนนี้วิคงต้องอยู่ทำงานดึกหน่อยน่ะค่ะ เพราะว่าโปรเจ็กต์นี้เป็นงานด่วนมาก คุณทานข้าวแล้วก็เข้านอนไปเลยไม่ต้องรอวินะคะ
หืม แค่ทำงานวันแรกก็เจองานโหดขนาดนี้เลยเหรอครับวิ แล้ววิจะกลับยังไงครับ ให้ผมไปรับก็ได้นะ ดึกแค่ไหนก็โทร.มาได้เลยไม่มีปัญหา
ภวัฐถามหญิงสาวคนรักด้วยท่าทางฉงนระคนแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นฤมลหัวหน้าของเขาและเธอบอกนั้น จะใช้แรงงานแฟนสาวของเขาหนักขนาดนี้ และอดเป็นห่วงไม่ได้ที่เธอจะต้องกลับดึกๆ ดื่นๆ เพียงลำพัง ชายหนุ่มมาดนุ่มจึงขันอาสาว่าจะรับไปหญิงสาวกลับเอง แต่อีกฝ่ายรีบปฏิเสธเสียงลั่น
ไม่เป็นไรค่ะวัฐ บางทีถ้ามันดึกมากวิอาจจะค้างที่นี่ เอ่อ บ้านของคุณเมนี่น่ะค่ะ วัฐไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
รวินันท์จำใจต้องพูดโกหกคำโตว่าเธอกำลังทำงานร่วมกับมณิการ์ โดยไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านรวมทั้งเจ้าของโปรเจ็กต์ที่แท้จริงให้เขารู้สักนิด เพราะคิดว่าภวัฐคงจะเป็นห่วงที่เธอต้องมาทำงานอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าเพียงลำพังสองต่อสองในบ้าน อีกทั้งหากเขารู้ว่าเจ้าของบ้านหนุ่มคนนี้เป็นตัวอันตรายที่แสนร้ายกาจสำหรับตัวเธอด้วยล่ะก็แฟนหนุ่มของเธอคงไม่พอใจเป็นอันมากและต้องรีบมาอาละวาดถึงที่นี่เป็นแน่ ดีไม่ดีความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมายาวนานกว่าสองปีนั้นก็อาจจะพบกับจุดจบที่ไม่สวยงามเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นเพื่อความสบายใจของภวัฐให้ตายยังไงเธอก็บอกเรื่องนี้แก่เขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เอาอย่างนั้นเหรอครับ แบบนี้ชักน่าเป็นห่วงแล้วสิครับ วิแน่ใจนะว่าจะไม่ให้ผมไปรับจริงๆ น่ะ หรือว่าถ้างานมันหนักมากจะให้ผมไปช่วยอีกแรงก็ได้นะ บอกคุณเมนี่ว่าผมยินดีไปช่วยเขาฟรีๆ ไม่คิดค่าแรงก็ได้นะครับ
เพราะความเป็นห่วงในความปลอดภัยของหญิงสาวคนรัก ภวัฐถึงกับออกปากว่าจะช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำเอาสไตลิสต์สาวแอบน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจของเขา ชายหนุ่มผู้เป็นคนรักของเธอช่างเป็นคนดีที่หาตัวจับได้ยากยิ่งนักในสังคมที่เริ่มฟอนเฟะและเต็มไปด้วยความโลภ ความหลงและความเห็นแก่ตัวเช่นนี้
ติดตามตอนต่อได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่าสงสารวัฎจัง
นายธามนี่มารยาจริง
สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้นะ
ความเป็นมืออาชีพของรวินันท์ กำลังทำให้เธอหลงเล่ห์กลใครบ้างคนหรือปล่าว
รอไรเตอร์มา up ต่อค่ะ
เฮ่อ สงสารนายวัฐจัง
นายธามผิดก็จริง
แต่หนูวิเองก็กำลังทำร้ายนายวัฐทางอ้อมนะเนี่ย
เข้าใจนะว่า
พูดไปนายวัฐคงเสียใจ
แต่ว่า...
ยิ่งทำแบบนี้
เรื่องราวมันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ หรือเปล่าน้า
กรรม
หมั่นไส้จริงจริ๊งงงงงงงงงงงงง
5555555
คุณธามขา...
งานนี้คนลืมตัวน่าจะเป็น รวินันท์ เป็นแน่ ก็เล่นโดนเล่ห์เหลี่ยมของนายธาม จนอยู่หมัด
รอไรเตอร์ up ครบ 100 ค่ะ
นายธามจ๋า
เอาลูกตุ้มใหญ่ ๆ หนัก ๆ ไหม
เอาไว้ถ่วงเวลา
ว่าแต่ว่า
หนูวิอะ ไม่สงสารนายวัฐเหรอ
เฮ่อ
น้องวิ จะรู้ไหมนิว่ากำลังอยู่ในถ้ำเสือ ซึ่ง
สู้ สู้ ครับ
โฮะ ๆ ๆ
ลุ้น ๆ
ไยช่างมีเหตุประจวบเหมาะเยี่ยงนี้
นายธามเคลียร์ใจตัวเองได้ยังจ๊ะ
ถ้าได้แล้ว
จะได้เปิดอกกะหนูวิ
เขี่ยหนุ่มแสนดีไปไกลๆ ได้เสียที
พี่ธามลืมตัวแบบนี้ก็มีแผนซิ จะเกิดอะไรกับทั้งคู่หรือปล่าว.....งานนี้มีลุ้น
รอไรเตอร์มา up ต่อ
นายธาม นายจะโกรธตัวเองไปถึงไหน ที่เผลอใจไปกับวิแล้วแน่ๆ เลย