ตอนที่ 26 : บทที่ 26 หนึ่งหนุ่มกับสองสาว (100%)
บทที่ 26 หนึ่งหนุ่มกับสองสาว
รถเต่าสีเขียวคันน้อยแล่นเอื่อยๆ มาตามถนนสาทร ก่อนจะมาหยุดนิ่งสนิทที่บริเวณทางเข้าด้านหน้าอาคารสูงเสียดฟ้าหน้าตาประหลาดคล้ายรถผสมกับหุ่นยนต์ในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ก็ไม่ปาน เจ้าของรถหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองการออกแบบตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัยที่ผสมผสานกับแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้ได้อย่างกลมกลืน
โอ้โห คนออกแบบตึกนี้นี่เจ๋งมากเลยนะครับ ผมเห็นทีแรกยังนึกว่าตัวเอกจากหนังเรื่องทรานซ์ฟอเมอร์มายืนเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีของศัตรูเสียอีก วิคิดเหมือนผมหรือเปล่าครับ
ภวัฐละสายตาจากตึกสูงรูปทรงคล้ายกับตัวเอกในภาพยนตร์เรื่องโปรดของตน แล้วหันมาขอความคิดเห็นจากหญิงสาวที่นั่งหาวมาตลอดทางอยู่บนเบาะนั่งด้านข้างคนขับถัดไปจากเขา คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย เมื่อวานเธอนึกไม่ออกว่ารูปทรงของอาคารหลังนี้คล้ายกับอะไร แต่พอได้ฟังที่ชายหนุ่มคนรักเอ่ยขึ้นมาจึงรีบเออออไปด้วยทันที
ดูท่าทางเจ้าของบริษัทนี้คงจะหัวสมัยใหม่ไม่เบาเลย เห็นแบบนี้ผมชักรู้สึกอิจฉาวิขึ้นมาเสียแล้วสิครับ ที่ได้ร่วมงานกับคนที่มีวิสัยทัศน์ไกลขนาดนี้
สารถีหนุ่มยังคงสอดส่ายสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบของอาคารพลางเอ่ยชมประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ออกมาอย่างไม่ขาดปาก จึงไม่ทันสังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ด้านข้างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไร
รวินันท์ทำท่าเบะปากอย่างหมั่นไส้ เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มคนรักของเธอมีท่าทางชื่นชมคนที่ดูดีแต่เปลือกนอกอย่างธาม ทั้งที่เขาไม่ได้รู้เลยว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของบุคคลที่น่าชื่นชมนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนร้ายกาจสักเพียงไหน หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าหากแฟนหนุ่มได้ล่วงรู้ถึงพฤติกรรมต่ำช้าป่าเถื่อนของธามขึ้นมา เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง จะยังคงพูดถึงด้วยท่าทางชื่นชมแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือจะขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยวที่ใครคนนั้นทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปแล้ว
แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นได้เพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว รวินันท์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าบอกความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปให้ชายหนุ่มคนรักของเธอได้รับรู้อย่างแน่นอน เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับไปตลอดกาล หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างพยายามรวบรวมความกล้าพร้อมกับตั้งสติให้มั่น บอกตัวเองซ้ำๆ ว่านี่เป็นงานครั้งสำคัญที่จะเป็นเสมือนบันไดนำพาเธอไปสู่อนาคตที่สดใสในหน้าที่การงาน ดังนั้นต้องไม่มัวแต่มานั่งนึกพะวงอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เพราะไม่มีทางที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ เธอจะต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จให้จงได้
นี่ก็เกือบจะสิบโมงอยู่แล้ว วัฐรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเข้างานสายนะ ส่งวิแค่หน้าตึกนี้ก็พอแล้วค่ะ
โอเคครับ ถ้างั้นเลิกงานแล้วโทร.มาละกันนะครับ ผมจะได้ขับรถมารับวิกลับบ้านด้วยกัน อืม จริงสิ พรุ่งนี้วิบอกว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่กับคุณยายของคุณด้วยนี่ครับ ให้ผมไปส่งแล้วกัน เพราะผมเองก็อยากจะไปทำความรู้จักกับท่านทั้งสองคนอยู่พอดี ตกลงตามนี้นะครับ
เสียกของหญิงสาวคนรัก ทำให้ภวัฐหันกลับมาหาเธอพลางส่งยิ้มหวานให้ แล้วรีบวางแผนสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว เขาเอ่ยออกมารวดเดียวพร้อมกับมัดมือชกหญิงสาวทันที ด้วยกลัวว่าเธอจะรีบหาข้ออ้างเหมือนอย่างครั้งที่ผ่านๆ มาอีก
แหม ก็วัฐเล่นตัดสินใจเองเสร็จสรรพแบบนี้แล้วจะให้วิปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะ โอเคค่ะ ตกลงตามนั้น ยังไงถ้าวิเลิกงานแล้วจะโทร.ไปหานะคะ ขับรถดีๆ นะ
คนถูกมัดมือชกส่งยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่ายเมื่อหาทางเลี่ยงไม่ได้ เธอตอบตกลงตามคำขอของเขา พลางกล่าวล่ำลาแล้วเปิดประตูรถลงไป แต่ไม่วายโบกไม้โบกมือให้รถเต่าคันน้อยที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากพื้นที่ด้านหน้าทางเข้าอาคาร กระทั่งรถสีเขียวสะท้อนแสงนั้นหายลับตาไป เรียวขายาวจึงทำท่าจะก้าวเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน เสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้สองเท้าหยุดชะงักพร้อมกับรีบหันไปมองยังต้นเสียงทันทีด้วยความข้องใจ
อรุณสวัสดิ์ครับคุณรวินันท์ แหม วันนี้มีสารถีหนุ่มขับราชรถมาส่งถึงที่เชียวนะครับ
ธามที่เพิ่งเดินลงมาจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิง เอ่ยทักทายหญิงสาวในชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีขาวที่เต็มไปด้วยลวดลายกราฟฟิก เขาทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาราวกับจะโปรยเสน่ห์ให้เธอ แต่คนที่ยืนอยู่กลับสะบัดหน้าไปอีกทางเหมือนไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มหวานชวนฝันของเขาเลยแม้แต่น้อย
มันเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ อีกอย่างฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องงาน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ขอความกรุณาอย่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันเลยนะคะ
รวินันท์เอ่ยเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดและนึกอยากให้มันหายไปจากสมองที่เต็มไปด้วยเรื่องฟุ้งซ่านมากมายนี้เสียที
ชายหนุ่มเจ้าของบริษัท ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมสูทสีเทาเข้มกับกางเกงแสล็กสีเดียวกัน ยกมือขึ้นดันแว่นไรกรอบให้เลื่อนขึ้นมาอยู่บนดั้งจมูกของเขา พลางแสร้งเก๊กใบหน้าให้แลดูเคร่งขรึม แต่ไม่อาจซ่อนแววตาขบขันไว้ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวที่เพิ่งพูดจาตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยต่อเขานั้นยืนกอดอกเชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งทะนงตนจนน่าหมั่นไส้ เขาจึงรีบสาวเท้าก้าวยาวๆ แล้วเดินตรงเข้าไปหาเธออย่างอารมณ์ดี
จริงสินะ เกือบลืมไป เมื่อวานผมเป็นคนพูดไว้เองนี่ว่าคุณควรจะแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานเสียบ้าง จะได้ร่วมงานกับผมได้อย่างเต็มที่ โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเรารีบขึ้นไปคุยเรื่อง งาน ที่ห้องของผมดีกว่านะครับ
ธามกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ เอ่ยเน้นย้ำที่คำว่า งาน แต่กลับส่งสายตาเป็นนัยหมายจะแกล้งยั่วเย้าอีกฝ่าย เขารู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้แกล้งหญิงสาว เพราะใบหน้างามนั้นจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างหลากหลายปะปนกันจนแทบแยกไม่ออกว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธและโมโหเขาจนหน้าดำหน้าแดง หรือว่ากำลังแดงก่ำด้วยความขวยเขินกับสายตาวาววับของเขาที่ถ่ายทอดเรื่องราวสิ่งที่คิดอยู่ในใจอย่างไม่ปิดบังกันแน่
ธามคะ รอเมนี่ด้วยสิ
ยังไม่ทันที่ธามจะผายมือเป็นสัญญาณเชิญให้หญิงสาวที่ยืนสนทนากันอยู่นั้นเดินขึ้นไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเขา ซึ่งบนชั้นสูงสุดของตึกรูปทรงแปลกตาแห่งนี้ เสียงเรียกขานของใครอีกคนก็ดังขึ้นมา ทำให้เจ้าของบริษัทหนุ่มและสไตลิสต์สาวหันขวับไปมองแทบจะพร้อมกัน แล้วจึงพบว่าหญิงสาวผู้มาใหม่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลโปรเจ็กต์ใหญ่นี้เอง
มณิการ์รีบกระวีกระวาดเปิดประตูลงมาจากรถยนต์คันเล็กขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบตัวถังรถภายนอกในสไตล์ทูโทนสีครีมสลับน้ำตาลไหม้ หรือที่ใครๆ เรียกกันติดปากว่ารถมินิ พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่ง มุ่งหน้ามายังจุดที่คนทั้งสองยืนอยู่ก่อนแล้ว
ชื่อที่ฝ่ายนั้นใช้เอ่ยเรียกแทนตัว ทำให้รวินันท์ได้รู้ว่าที่แท้คนตรงหน้านี้คือ คุณเมนี่ หรือ คุณมณิการ์ ที่บรรณาธิการสาวใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าของเธอพูดถึงนั่นเอง ดวงตาคมจับจ้องมองไปยังร่างอ้อนแอ้นอรชรของหญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าเธอไม่มากนัก แต่ด้วยเพราะเครื่องแต่งกายที่อยู่ในโทนสีสันสดใสอย่างชุดเดรสคอกลมแขนตุ๊กตาสีชมพูหวานสั้นเหนือเข่ารับกับรองเท้าแบบสานส้นเตารีดสีขาว บวกกับใบหน้าที่แต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางค์บางเบา และเรือนผมสีดำยาวที่ถูกรวบขึ้นไว้เป็นทรงหางม้าแบบเอียงไปด้านข้างคล้ายดารานักร้องจากประเทศเกาหลีก็มิปาน จึงทำให้แลดูอ่อนวัยกว่ามากและทำเอาคนมองอดเผลอชื่นชมในความน่ารักสดใสนั้นไม่ได้
อ้าวเมนี่ มาพอดีเลย นี่คุณรวินันท์ สไตลิสต์คนเก่งที่เธอทาบทามมาจากนิตยสารของคุณนฤมลไง
เมื่อผู้มาใหม่เดินมาถึงบริเวณที่สองหนุ่มสาวยืนอยู่ ธามจึงรีบเอ่ยแนะนำหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายให้เพื่อนสาวคนสนิทของตนได้รู้จักทันที
อ้อ คุณรวินันท์นี่เอง สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อมณิการ์ เรียกสั้นๆ ว่า เมนี่ ก็ได้ค่ะ เมนี่เห็นผลงานของคุณในนิตยสารพีชแล้วชอบมากเลยค่ะ ก็เลยขอร้องให้คุณนฤมลอนุญาตให้คุณมารับงานในครั้งนี้ หวังว่าเราคงจะร่วมงานกันได้ด้วยดีนะคะ
ทีแรกมณิการ์รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวลวดลายแปลกตาว่าเหมือนเคยรู้จักที่ไหนมาก่อน แต่พอได้รับการแนะนำจากเพื่อนชายของตนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เธอก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า ที่แท้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายธามนั้นก็คือผู้หญิงคนเดียวกับที่นางเอกเจ้าของบทเลิฟซีนเร่าร้อนที่เธอได้เห็นเต็มสองตาในห้องทำงานของชายหนุ่มเจ้าของบริษัทนั้นเอง
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมนี่ ฉัน เอ่อ วิได้ฟังเรื่องของคุณจากคุณมลมาตั้งหลายอย่าง พอได้มาเจอตัวจริงแล้วต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆ นะคะ ที่ให้โอกาสวิ สำหรับงานครั้งนี้วิจะตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุด ไม่ทำให้คุณเมนี่ต้องรู้สึกเสียดายที่เลือกคนผิดแน่นอนค่ะ
รวินันท์โค้งศีรษะน้อยๆ พลางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแทนการทักทายด้วยการไหว้ เพราะดูท่าทางแล้วเธอคงอายุมากกว่าหญิงสาวในชุดสีชมพูเช่นเดียวกับที่อายุมากกว่าชายหนุ่มอีกคนถึงสองปีเป็นแน่ พลางเอ่ยขอบคุณที่มณิการ์เลือกให้เธอเข้ามารับผิดชอบโครงการใหญ่นี้ด้วยตัวเอง
เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาครบองค์ประชุมแล้ว ถ้างั้นเราขึ้นไปคุยรายละเอียดของโปรเจ็กต์นี้กันเลยดีไหมครับสองสาว
ธามรอจังหวะที่หญิงสาวทั้งคู่แนะนำตัวและทำความกันเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยชักชวนให้พวกเธอขึ้นไปยังห้องทำงานของเขาพร้อมกัน แต่แล้วทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเดินออกนำไปก่อน ก็ได้ยินเพื่อนสาวคนสนิทของตนร้องอุทานเสียงหลงขึ้นมา จึงรีบหันไปถามด้วยความเป็นห่วง
ว้าย!...
ต่อ
เกิดอะไรขึ้นครับเมนี่
เจ็บข้อเท้าน่ะค่ะ สงสัยเมื่อกี้ตอนที่เมนี่รีบวิ่งมาหาธาม ข้อเท้าคงจะแพลงน่ะ
มณิการ์ยืนโงนเงนทำท่าคล้ายกับจะล้มเมื่อเธอก้มลงไปมองยังข้อเท้าข้างซ้ายของตัวเอง พลางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นต้องรีบหันมาประคองร่างเล็กของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหนขอผมดูหน่อยสิ อืม ดูเหมือนมันจะบวมหน่อยๆ นะเมนี่ ไปหาหมอก่อนดีไหมครับ
ธามเอ่ยถามเสียงนุ่ม พลางย่อตัวลงไปนั่งยองๆ เพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บของหญิงสาว ก่อนจะพบว่าที่ข้อเท้าข้างซ้ายนั้นเริ่มมีสีแดงอมม่วงตรงบริเวณตาตุ่มด้านนอก เขาแตะมือสัมผัสเพียงแผ่วเบา แต่กลับทำให้คนเจ็บถึงกับสะดุ้งเผลอขยุ้มไปบนบ่ากว้างของชายหนุ่มซึ่งอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวและทับไว้ด้วยเสื้อสูทสีเทาแบรนด์ดังอย่างลืมตัว
ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง นั่งพักสักเดี๋ยวก็คงหาย เมนี่ไม่อยากให้งานของธามต้องล่าช้าออกไปอีกเพราะความสะเพร่าของตัวเองอย่างนี้เลย อีกอย่างวันนี้คุณรวินันท์เธอก็มาถึงแล้ว ถ้ายังไงเมนี่ว่าเรารีบประชุมเรื่องเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่จะต้องใช้ในโปรเจ็กต์กันเลยดีกว่านะคะ จะได้ไม่เสียเวลาไปเปล่าๆ เอ่อ ธามช่วยพยุงเมนี่ขึ้นไปได้ไหมคะ
คนเจ็บรีบตอบ พลางฝืนยิ้มให้เพื่อนชายของตน และไม่วายเผื่อแผ่ไปถึงหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
แน่ใจเหรอเมนี่ว่าเดินไหว รองเท้าก็สูงออกขนาดนี้ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมอุ้มขึ้นไปก็แล้วกัน ไปถึงห้องแล้วค่อยถอดรองเท้าโอเคไหม เฮ้อ ทำไมผู้หญิงนี่ชอบทำอะไรให้ตัวเองลำบากลำบนอยู่เรื่อยเลยนะ
เจ้าของบริษัทหนุ่มแย้งออกมา พลางส่ายศีรษะเล็กน้อยให้กับความดื้อรั้นของเพื่อนสาวของเขา ซึ่งได้แต่ยืนทำหน้าเอียงอายพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ และกล่าวขอบคุณ ก่อนธามจะย่อตัวลงช้อนร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก แต่ไม่วายบ่นอุบอิบเล็กน้อย
ธามเดินนำหน้าไปก่อน และหันมาบอกให้สไตลิสต์สาวตามเขาไปยังห้องทำงาน ดวงตาคมจับจ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของคนที่อยู่เบื้องหน้า เสียงพูดคุยกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวในอ้อมแขนของเขา ทำให้รวินันท์รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นอยู่ในรูปแบบไหน เป็นคู่รัก หรือเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น แต่ดูจากท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมแบบนั้นแล้ว ก็อดคิดไปไม่ได้ว่าบางทีธามกับมณิการ์อาจจะเป็นแฟนกันก็ได้
จู่ๆ หัวใจของสไตลิสต์สาวก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมา จนต้องยกมือทาบหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเอาไว้ จังหวะการเต้นของหัวใจดูจะผิดปกติไป ประเดี๋ยวก็เต้นรัวเร็วจนสั่นไหวไปทั้งอก ประเดี๋ยวก็เต้นช้าเนิบนาบลงจนเหมือนจะหยุดนิ่งงันไปเสียอย่างนั้น เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ทำไมจึงได้รู้สึกแปลกๆ เพียงแค่มองภาพของคนสองคนที่พูดคุยกันประหนึ่งว่าอยู่ในโลกส่วนตัว และลืมคนนอกอย่างเธอไปเสียสนิท
มิ้งเปิดประตูห้องให้ผมที คุณเมนี่ข้อเท้าแพลง ผมอยากได้อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เอ่อ แล้วคุณช่วยหาผ้าขนหนูกับอ่างน้ำมาให้ผมที อ้อ ใส่น้ำแข็งมาเยอะๆ ด้วยนะ
เสียงของธามที่ออกคำสั่งกับเลขานุการสาวหน้าห้องดังขึ้นมา ปลุกให้รวินันท์ตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เธอมองพนักงานสาวที่รีบวิ่งกุลีกุจอมาเปิดประตูห้องตามคำสั่งของเจ้านาย แล้วรีบรุดไปหยิบข้าวของที่ชายหนุ่มต้องการ หญิงสาวยืนนิ่งรออยู่ที่หน้าประตูไม่กล้าตามเข้าไปเพราะเจ้าของห้องยังไม่ได้เอ่ยปากเชิญ สายตาจับจ้องไปยังคนสองคนบนโซฟาหนังสีดำด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับคำถามที่ยังค้างคาในใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ชายหนุ่มวางร่างของมณิการ์ไว้บนโซฟาตัวยาว พลางค่อยๆ ถอดรองเท้าให้คนเจ็บ และรีบนำผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นที่เลขาฯนำมาให้นั้นประคบรอบข้อเท้าของเพื่อนสนิทอย่างไม่ถือตัว สร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวในชุดสีชมพูหวานมากไปกว่าเดิม เธอทำหน้าขัดเขินเมื่อเขาเอ่ยเสียงนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในอาการบาดเจ็บของเธออย่างเห็นได้ชัด หัวใจดวงน้อยค่อยๆ พองโตจนรู้สึกคับแน่นอยู่ในอก ทั้งเต้นแรงและสั่นไหวจนแทบจะโบยบินไปมาในอากาศได้อยู่แล้ว
เธอไม่คิดเลยว่าคนอย่างเขาจะอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสาวๆ มากหน้าหลายตาจึงได้หลงเสน่ห์ชายหนุ่มอย่างเขาเข้าอย่างจังจนถึงกับยอมก้าวขึ้นเตียงด้วยแทบทุกราย แม้แต่ตอนนี้เธอเองยังรู้สึกหัวใจอ่อนระทวยแทบละลายไปกับสัมผัสแผ่วเบาของเขา และนึกอยากให้เวลาหยุดลงที่ตรงนี้ตลอดไป เธอจะได้มีเขาอยู่เคียงข้างเหมือนอย่างที่เฝ้าฝันมานาน
เดิมทีมณิการ์ชื่นชอบเพียงบุคลิกท่าทางอันสง่าผ่าเผย อีกทั้งชื่นชมในความเก่งฉกาจระดับหัวกะทิของคณะเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน แต่มาตอนนี้เธอชักเริ่มหวั่นไหวไปกับท่าทางสุภาพอ่อนโยนของเขาจนแทบอดใจไม่ไหวกลัวว่าจะเผลอบอกคำว่า รัก ออกไปเข้าสักวัน
ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาหญิงสาวเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน ไม่ว่าจะจับจูงมือหรือควงแขนเวลาออกงานสังคมต่างๆ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะเป็นฝ่ายยื่นมือมาให้เธอเหมือนอย่างวันนี้ มิหนำซ้ำยังช่วยปฐมพยาบาลอาการบาดเจ็บของเธอด้วยตัวเอง ทำให้มณิการ์รู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก แต่แล้วเวลาแห่งความสุขของเธอก็หมดลงไป เมื่อเพื่อนชายหันไปเรียกคนที่ยินจดๆจ้องๆ อยู่หน้าประตูให้เข้ามาในห้อง บรรยากาศหวานๆ รอบกายเธอเมื่อครู่นี้ จึงมลายหายไปในทันที
อ้าวคุณวิ ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่เข้ามาในห้องล่ะครับ
หลังจากที่ง่วนอยู่กับการปฐมพยาบาลให้กับเพื่อนสาว ธามจึงนึกขึ้นมาได้ว่าด้านนอกยังมีผู้หญิงอีกคนที่เดิมตามมาด้วยกันเมื่อครู่นี้ แต่เมื่อมองไปทั่วห้องแล้วไม่พบ จึงหันกลับไปยังหน้าประตู และเอ่ยเรียกรวินันท์เข้ามาด้วยสีหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าเธอยืนรีรออยู่เหมือนไม่กล้าเข้ามา
ค่ะ
สไตลิสต์สาวรับคำสั้นๆ ก่อนจะรีบก้าวเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มเจ้าของบริษัทเมื่อได้รับคำเชิญ เธอเอ่ยถามอาการของคนเจ็บพลางส่งยิ้มให้ตามมารยาท แล้วจึงได้รับรอยยิ้มจืดเจื่อนกลับมาเช่นกัน
คุยกันไปก่อนนะครับ ผมจะขอเคลียร์งานสักหน่อย
ธามบอกกับสองสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาคนละตัว ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วเริ่มก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มต่างๆ มือเรียวขยับขีดเขียนไปเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ราวกับไว้วางใจในตัวเพื่อนสาวว่าจะสามารถจัดการงานทุกอย่างให้เขาได้เป็นอย่างดี
คุณวิ ฟังที่เมนี่พูดอยู่หรือเปล่าคะ
มณิการ์เอ่ยถามคนตรงหน้า น้ำเสียงเข้มของเธอบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์นิดๆ หลังจากที่ได้อธิบายรูปแบบและสโคปของงานแถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกของบริษัท ทีเอเอส มอเตอร์ส อย่างคร่าวๆ ให้กับสไตลิสต์สาวฟัง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าความสนใจของหญิงสาวในชุดเดรสลายกราฟฟิกบนพื้นขาวนั้นกำลังพุ่งไปอยู่ที่เพื่อนชายคนสนิทของเธอซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงาน พลางกางหนังสือพิมพ์อ่านด้วยท่าทางสบายใจเฉิบ
ค่ะ ฟังอยู่ค่ะคุณเมนี่ สรุปว่ารถยนต์ที่บริษัทฯ จะเปิดตัวในล็อตแรกนี้มีทั้งสามรุ่นตามแบบนี้เลยใช่ไหมคะ
เสียงของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้รวินันท์หลุดจากห้วงความคิดของตัวเองในทันที สไตลิสต์สาวหน้าเจื่อนลงไปแต่ยังแสร้งทำเป็นว่าเข้าใจสิ่งที่อีกคนพูดมาทั้งหมด แม้จะจับได้ถึงความไม่พอใจในกระแสเสียงของมณิการ์อยู่บ้างก็ตาม เธอสลับกระดาษในมือเลื่อนลงไปด้านหลังไปเรื่อยๆ ดวงตาคมพินิจพิจารณาภาพถ่ายของรถยนต์ต้นแบบสามคันที่กำลังจะออกมาอวดโฉมสู่สายตาประชาชนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เมนี่เริ่มออกอาการแล้วอย่างนี้หนูวิจะรู้ใจตัวเองเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย
เเล้วยัยวิขิงช้านจะทำยังไง
โถถถ ก้ออิตาหื่นธามดั๊นมาทำเป็นดีเอาป่านนี้ โห้ยยยยยยยย
หมั่นไส้ 555555
เมนี่เริ่มแผลงฤทธิ์แร้ว
หนูวิ รู้ใจตัวเองยังน้า แต่ต่อให้รู้ก็เหอะ
หนูวิจะทำยังไง
ในเมื่อนายวัฐก็ยังค้างคา
เลยอิจฉาตาร้อน หัวใจเต้นผิดจังหวะเลยหรือ อย่างนี้เขาเรียกว่า ชอบหรือเกียจกันแน่....
รอไรเตอร์มา up ต่อค่ะ
แต่ที่แน่ๆ ได้ทำให้วิอ่ะ เจ้บนิดๆได้ด้วยนะจ๊ะ
คุณเมนี่่ จะถอยมะเนี่ยยย
อย่มาทามให้พี่วิ เป็นกังวลจิ
ใช่เกิดอะไรขึ้น มาต่ออย่างไวเลยนะ
แอร๊สสส ไรเตอร์คะ หายไปหลายวันเเหะๆๆ ไปเพ้อเจวายเจอยุ่คร่า
เเต่รักธามทุกวันนะคะ
แต่รู้สึกว่าเมนี่จะเริ่มปฏิบัติการแย่งชิงธามแล้วนะ
แล้ววิหล่ะจะสู้หรือไม่สนจ๊ะ อิอิ
เกิดอะไรขึ้นกับเมนี่ ดูท่าโชคเข้าข้างนายธามเป็นแน่ ให้ได้อู่ สองต่อสอง กับหนูวิ เป็นแน่ ฮิ ฮิ
เกิดรัยขึ้นเนี่ย
ว่าแต่เมนี่จะแอบร้ายมั้ยนะ
อย่าร้ายเลยเนอะ
เพราะแค่นี้หนูวิก็ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงแล้วเนี่ย