ตอนที่ 25 : บทที่ 25 ความผิดติดตัว (100%)
บทที่ 25 ความผิดติดตัว
ทางด้านรวินันท์ เมื่อออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่มเจ้าของบริษัทใหญ่มาได้ ก็รีบกวักมือเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งยังห้องพักของเธอบนคอนโดมิเนี่ยมริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยของตนออกมากดดู เมื่อเห็นว่ามีทั้งสายเรียกเข้าและข้อความจากแฟนหนุ่มมากมาย ธารน้ำตาก็ไหลรินลงมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่ไหว เธอทำให้ภวัฐต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
พลันหลังจากที่กดเปลี่ยนจากระบบสั่นมาเป็นแบบมีเสียง โทรศัพท์เครื่องเล็กจิ๋วของสไตลิสต์สาวก็แผดเสียงร้องดังขึ้นมา เป็นท่วงทำนองเพลงรักหวานซึ้งอย่างที่เธอชอบ แต่ในเวลานี้เธอกลับไม่มีอารมณ์สุนทรีย์พอที่จะฟังมันสักนิด รวินันท์พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วรีบกดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอโทรเข้ามา
วิ อยู่ที่ไหนครับ ผมเป็นห่วงนะ โทร.ไปก็ไม่รับสาย แมสเสจไปก็ไม่เห็นตอบกลับ โทร.ไปที่ออฟฟิศเขาก็บอกว่าคุณยังประชุมกับลูกค้าอยู่เลย
ภวัฐรีบกรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงขานรับจากปลายสาย เขาเป็นห่วงแฟนสาวจนว้าวุ่นใจไปหมดเพราะติดต่อกับเธอไม่ได้เลย ทั้งกลัวว่ารวินันท์จะไปเป็นลมเป็นแล้งหมดสติอยู่ที่ไหน เพราะดูเหมือนว่าอาการป่วยเมื่อเช้ายังไม่ค่อยหายดีเท่าไรนัก แล้วไหนจะคำพูดกำกวมของบรรณาธิการสาวใหญ่ที่ไม่ให้ข้อมูลอะไรกับเขามากนักนอกไปจากว่าเธอยังติดคุยธุระอยู่กับเจ้าของโปรเจ็กต์ใหญ่ ซึ่งอาจจะเคยรู้จักหรือสนิทสนมมาก่อน ทำให้เขาร้อนใจและวิตกกังวลไปสารพัด
วิขอโทษนะคะ เพิ่งคุยธุระกับลูกค้าเสร็จ กำลังคิดว่าจะโทร.หาวัฐอยู่พอดีเลย วัฐก็โทร.เข้ามาเสียก่อน
รวินันท์จับน้ำเสียงขุ่นเคืองระคนตัดพ้อของชายหนุ่มคนรักได้ จึงรีบแก้ตัวไปทันทีอย่างแนบเนียน พร้อมทั้งแกล้งพูดเอาใจด้วยไม่อยากให้เขาสงสัยมากนัก
อ้าว อย่างนั้นเองเหรอครับ ผมขอโทษนะ ก็ผมเป็นห่วงคุณนี่ครับวิ แต่คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ แต่ฟังเสียงคุณดูท่าทางเหนื่อยๆ นะ ไม่สบายขึ้นมาอีกหรือเปล่าครับ
เมื่อได้รู้เรื่องราวจากปากหญิงสาว ภวัฐก็เสียงอ่อนลงพร้อมกับเป็นฝ่ายขอโทษขอโพยเธอก่อน แต่น้ำเสียงเนือยๆ ของฝ่ายนั้นก็ยังทำให้ชายหนุ่มอดห่วงใยคนรักไม่ได้อยู่ดี
ก็ นิดหน่อยค่ะ พอดีว่าเจ้าของโปรเจ็กต์เขาเป็นพวกเรื่องมากแล้วก็เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ พอคุยไปเถียงไปก็เลยนานไปนิดน่ะค่ะ
อ้อ แบบนี้นี่เอง แล้ววิได้ทานอะไรหรือยังครับ ผมไม่รู้ว่าวิจะกลับเมื่อไหร่ แต่ก็ลืมตัวซื้อข้าวต้มปลาเจ้าอร่อยตรงแถวออฟฟิศของลูกค้ามาฝากด้วย จะทานด้วยกันไหมครับ
น้ำเสียงนุ่มจากปลายสายที่ดังตอบกลับมา ทำให้รวินันท์รับรู้ได้ว่าแฟนหนุ่มเป็นห่วงเป็นใยเธอมากแค่ไหน ความรู้สึกผิดต่อเขาแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง ลำคอเริ่มตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้
ก็ดีค่ะ วิยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน ขอบคุณมากนะคะวัฐที่เป็นห่วง รอแป๊บนึงนะคะอีกไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว
รวินันท์กล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักของเธอเสียงสั่น ก่อนที่จะขอตัววางสายไปเพราะเริ่มจะคุมเสียงตัวเองไม่อยู่แล้ว เธอไม่อยากให้เขาต้องมากังวลกับความทุกข์ความไม่สบายใจของเธอให้มากนัก เพราะเขาเองก็เหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวันแล้ว ในจังหวะที่หญิงสาวเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อเก็บโทรศัพท์มือถือลงไปในนั้น สายตาก็เหลือบไปเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูใบน้อยที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋า เธอล้วงมือลงไปหยิบมันขึ้นมาพลางค่อยๆ เปิดออกดูก็ได้เห็นแหวนทองคำขาวเรือนสวยเงาวับวาวสะท้อนกับแสงไฟบนถนน
ในสมองครุ่นคิดอย่างหนักว่าเธอจะทำอย่างไรกับของในกล่องนี้ดี จะหยิบมันขึ้นมาสวมไว้เหมือนอย่างที่คนรักของเธอวาดหวัง หรือจะส่งคืนมันกลับไปให้เขาเพราะรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะสมคู่ควรกับสิ่งมีค่าและคนดีๆ อย่างเขาเลยแม้แต่น้อย เธอจะทำเช่นไรต่อไปดีนะ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะตัดสินใจปิดกล่องและเก็บมันไว้ในกระเป๋าของตนดังเดิม พลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเลื่อนลอยอย่างไร้จุดหมาย
ไม่นานนักรถแท็กซี่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดมิเนียมของเธอ หญิงสาวจ่ายเงินค่าโดยสารแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างเชื่องช้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นถูกตกแต่งใหม่อีกครั้ง แต่ยังคงมีร่องรอยของความอิดโรยและอ่อนเพลียเหลือไว้อยู่เพียงเล็กน้อย ในที่สุดรวินันท์ก็พาตัวเองขึ้นมาถึงยังหน้าห้องพักได้โดยสวัสดิภาพ พลางยกมือขึ้นทำท่าจะเคาะประตูห้อง 1503 เพื่อบอกกับคนข้างในว่าเธอมาถึงแล้ว แต่ยังไม่ทันที่มือนุ่มจะได้เคาะเรียกอย่างที่ตั้งใจไว้ บานประตูห้องก็ถูกเปิดออกเสียก่อน ราวกับว่าเจ้าของห้องรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว จนคนที่ยืนอยู่หน้าห้องถึงกับชะงักไปด้วยความแปลกใจ
มาแล้วเหรอครับวิ เข้ามาก่อนสิครับผมกำลังอุ่นข้าวต้มในไมโครเวฟให้อยู่เลย
วัฐรู้ได้ไงคะว่าเป็นวิน่ะ
ภวัฐก้าวออกมาต้อนรับแฟนสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางรีบประคองพาเธอเข้าไปในห้องของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วตอบคำถามของหญิงสาวด้วยท่าทางภาคภูมิใจในความสามารถพิเศษของตัวเองเป็นอันมาก จนอีกฝ่ายถึงกับตาโตทันทีเมื่อได้ยิน
ผมจำเสียงเดินของวิได้ครับ แค่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าวิกำลังจะเดินออกมาจากลิฟต์แล้ว...อีกอย่าง มันเป็นสัญชาตญาณของคนที่รักกันไงครับ วิเคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่าบางครั้งคนที่รักและผูกพันกันมากๆ มักจะสื่อถึงกันได้น่ะ
รวินันท์สั่นหน้าดิก แทนคำตอบ หลังจากถูกประคองพามานั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารขนาดย่อมและมีเพียงสองที่นั่งภายในห้องของภวัฐ ก่อนที่ใบหน้างามจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่อยากเชื่อว่าพลังที่สื่อถึงกันได้แบบนั้นจะมีอยู่จริง ทำไมเธอถึงได้ไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นกับเขาเลยสักนิด หรือว่าบางทีเธอคงจะรักแฟนหนุ่มน้อยเกินไปจนไม่สามารถรับพลังที่สื่อออกมาจากเขาได้ พลางมองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาไมโครเวฟ โดยไม่รู้เลยว่าคนที่หันหลังให้เธออยู่นั้นกำลังแอบยิ้มกว้างจนดวงตากลมโตของเขาหยีกลายเป็นสระอิไปในบัดดล
ที่จริงแล้วภวัฐไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรทำนองนั้นหรอก เขาก็แค่ขอความร่วมมือจากประชาสัมพันธ์สาวตรงเคาน์เตอร์หน้าล็อบบีที่รู้จักสนิทสนมกันดีเพราะอยู่ที่อาคารชุดแห่งนี้มานานแล้วให้ช่วยโทรศัพท์มาบอกเขาที่ห้องด้วยว่าหากเห็นแฟนสาวของเขาเข้ามาแล้ว
แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ออกไปให้เธอรู้หรอก เขาอยากให้เธอรู้สึกประทับใจในตัวของเขาเหมือนอย่างที่เพียรทำมาตลอดมากกว่าก็เท่านั้น เพียงแต่ว่าสองสามวันมานี้ หลังจากที่หญิงสาวกลับจากการไปเยี่ยมมารดาที่บ้านเกิด ดูเหมือนเธอจะพยายามหลบเลี่ยงที่จะพบหน้าเขาอย่างไรชอบกล ไม่ค่อยพูดจาเล่นหัวหรือทำตัวสนิทสนมกับเขาเช่นที่ผ่านมา กลับเอาแต่ทำท่าเกรงใจและพร่ำพูดคำขอโทษ คำขอบคุณซ้ำๆ จนขาเริ่มนึกหวั่นในใจมิได้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแฟนสาวของเขาหรือเปล่า
มาแล้วครับ ข้าวต้มปลาร้อนๆ อย่าลืมเป่าก่อนนะครับ เดี๋ยวปากพองล่ะแย่เลย
ชายหนุ่มเจ้าของห้อง เดินออกมาจากส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ พร้อมด้วยถาดอาหารที่มีชามข้าวต้มสองใบ และแก้วน้ำสีสันสดใสอีกสองใบวางอยู่ เขาวางชามข้าวและแก้วน้ำดื่มสำหรับทั้งคู่ลงบนโต๊ะอาหารทรงกลมขนาดล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับใช้งานได้เพียงแค่สองคน ก่อนจะส่งยิ้มหวานนัยน์ตาเชื่อมให้คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ วัฐนี่ดีกับวิเสมอเลยนะคะ
เป็นอีกครั้งที่รวินันท์รู้สึกอยากตอบแทนเขาได้มากกว่าเพียงแค่คำพูดขอบคุณ แต่เธอก็มองไม่เห็นวิธีอื่นใดที่จะทำให้เขาเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดในใจของตนได้มากไปกว่าการเอ่ยคำๆ นี้อีกแล้ว หญิงสาวแสร้งฝืนยิ้มตอบกลับไป ทั้งที่ในใจรู้สึกเศร้าและหดหู่ระคนอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อต้องปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์นั้นเอาไว้ไม่ให้คนตรงหน้าได้รับรู้ พลางก้มหลบสายตาเขาแล้วแกล้งทำเป็นให้ความสนใจกับข้าวต้มร้อนๆ ที่มีควันสีขาวลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่เบื้องหน้าแทน
แล้วงานที่ไปคุยวันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ โอเคหรือเปล่า
ภวัฐมองเห็นอาการกระสับกระส่ายของหญิงสาวคนรัก ที่คล้ายมีเรื่องน่าอึดอัดเก็บอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทที่คิดจะละลาบละล้วงอยากล่วงรู้สิ่งที่อีกฝ่ายไม่ปริปากบอก เข้าใจดีว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขายังเป็นแค่แฟนหรือคนรัก ที่อาจมีม่านบางๆ กั้นขวางไว้อยู่ ไม่สามารถที่จะก้าวข้ามความเป็นส่วนตัวนั้นให้มากเกินไปได้ ตราบใดที่ทั้งคู่ยังไม่ได้สมรสกัน จึงยังไม่สามารถใช้คำเรียกที่ว่าเป็นคนๆ เดียวกันได้ ดังนั้นการที่เขาไม่อาจรู้ความในใจของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไรเลย แม้จะมีความกังวลท่วมท้นล้นเอ่ออยู่เต็มอกก็ตาม
ต่อ
ก็ดีค่ะ ที่จริงแล้วมันเป็นงานใหญ่ที่น่าทำมากเลยนะคะ วิจะมีโอกาสได้แจ้งเกิดกับเขาบ้างก็งานนี้แหละ แต่ก็มีเรื่องน่าหนักใจอยู่หน่อย เพราะเจ้าของบริษัทนั้นเอาแต่ใจตัวเองมากจนน่าเอือมระอาอยู่เหมือนกันค่ะ แต่วัฐไม่ต้องห่วงนะคะ วิจะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยล่ะ ว่าแต่งานของวัฐล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง ไปได้สวยหรือเปล่า
เมื่อถูกถามเรื่องงานที่ไปคุยมาวันนี้ ก็ทำเอารวินันท์ที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปาก ถึงกับวางช้อนลงเมื่อนึกไปถึงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการพูดคุยของเธอกับเจ้าของบริษัทหนุ่มคนนั้นบ้าง แต่เพียงครู่เดียวร่างบางก็จำต้องสลัดภาพต่างๆ นั้นออกไปจากความคิดของตน พลางเอ่ยถึงสิ่งที่เธอได้พูดคุยกับนฤมล บรรณาธิการสาวใหญ่แทน ก่อนจะเลี่ยงไปถามแฟนหนุ่มบ้าง เพื่อไม่ให้เขามุ่งความสนใจมาที่งานของเธอมากเกินไปด้วยไม่อยากเผลอหลุดปากเล่าเรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้นกับตนให้เขารู้
งานของผมนี่โอเคมากๆ เลยครับ เจ้าของร้านเขาชอบมากเลยล่ะ บอกว่าผมออกแบบหน้าตาอาหารและผลิตภัณฑ์ในร้านของเขาได้น่าประทับใจมากเลย...
ภวัฐเอ่ยเล่าเรื่องงานของตน ซึ่งสไตลิสต์ฟู้ดอย่างเขา ได้รับการทาบทามจากห้องอาหารของโรงแรมชื่อดัง ให้ช่วยออกแบบการจัดวางอาหารให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะที่กำลังคุยฟุ้งเรื่องงานของตนอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบเห็นความไม่สบายใจของแฟนสาวที่ส่งผ่านมากับการถอนหายใจยาวเป็นระยะ ภวัฐจึงเอื้อมมือไปกุมมือนุ่มของเธอเอาไว้ พลางมองสบตาลึกลงไปในดวงตาคมของอีกฝ่าย หมายจะค้นหาความผิดปกติบางอย่างในตัวเธอ แต่คนถูกจ้องก็กลับหลบสายตาไปเสียก่อน พลางค่อยๆ ถอนมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ
เอ่อ วิ อิ่มแล้วค่ะ วันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ยังไม่รู้ พรุ่งนี้ก็ต้องไปคุยงานที่บริษัทของเขาตั้งแต่สิบโมงเช้าด้วย ถ้าไงวิขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะวัฐ ขอบคุณสำหรับข้าวต้มที่แสนอร่อยนี้ด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
จะไปแล้วเหรอครับวิ ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปส่งที่ห้องแล้วกันนะ ถ้าขาดเหลืออะไรหรือไม่สบายขึ้นมาอีกก็มาเคาะเรียกผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปส่งคุณที่นั่นให้เองนะ ผมก็อยากไปเห็นเหมือนกันว่าบริษัทจะใหญ่โตขนาดไหน
รวินันท์กล่าวขอบคุณพร้อมทั้งรีบขอตัวกลับเข้าห้องของเธอ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินตามมาส่งที่หน้าของหญิงสาว เมื่อรวินันท์หยิบกุญแจและคีย์การ์ดขึ้นมาเปิดประตูห้อง พร้อมทำท่าจะเดินเข้าไปภายใน ก็ถูกวงแขนของแฟนหนุ่มรั้งตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างแนบแน่นและแสนอบอุ่น เธอเองก็กอดตอบเขาเช่นกัน แม้อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกปวดร้าวในใจมากมายสักเพียงไหน แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะบอกเรื่องน่าอายนั้นแก่เขา ได้แต่ฝืนกลืนกล้ำเอาความเจ็บช้ำนั้นไว้กับตัวเองเพราะคิดว่ามันดีที่สุดแล้วสำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พลางเอ่ยขอบคุณแฟนหนุ่มผู้แสนดีของเธอซ้ำอีกครั้ง
ขอบคุณค่ะวัฐ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ ฝันดีค่ะ
ครับ ฝันดีเหมือนกันนะครับวิ...ผมรักคุณ
ภวัฐกระซิบเสียงนุ่มข้างหูหญิงสาว ก่อนจะดันร่างบางออกห่างจากอกกว้างของเขา แล้วโน้มใบหน้าลงจุมพิตยังหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล แล้วจึงปล่อยให้เธอกลับเข้าห้องไปแต่โดยดี ส่วนเขาก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป
เมื่อร่างของรวินันท์ก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามาภายในห้องของตัวเอง ทำนบน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลหลั่งพรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย หญิงสาวทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้นกระเบื้องอันเย็นเยียบราวกับคนไร้สิ้นเรี่ยวแรงเดินต่อไปไม่ไหว สัมผัสอุ่นๆ ของชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักยังคงติดตรึงอยู่ตรงหน้าผากของหญิงสาว แต่น่าแปลกนักที่ใจของเธอกลับนำมันมาเปรียบเทียบกับสัมผัสของผู้ชายอีกคนที่ทำให้เธอรู้สึกรุ่มร้อนหวามไหวไปทั้งร่าง
วัฐ วิขอโทษ วิขอโทษ
เกือบครู่ใหญ่ที่รวินันท์ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายน้ำอุ่นจากฝักบัว ด้วยหวังให้สัมผัสของธามถูกชะล้างไปพร้อมสายน้ำและธารน้ำตาที่ยังคงพร่างพรูลงมาจากดวงตาคู่สวยมิหยุดหย่อน เธอกรีดร้องสลับร้องไห้ออกมาจนตัวโยน สองมือยกขึ้นมาทุบกระเบื้องผนังห้องน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนบ้าคลั่ง เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจที่สะสมมาตลอดนั้นให้มลายหายไปหรือช่วยบรรเทาลงได้บ้างก็ยังดี
เมื่อออกมาจากห้องน้ำได้ เจ้าของร่างบอบบางก็เดินโซซัดโซเซตรงมายังเตียงนอนก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาท่ามกลางความมืดมิดและเงียบงัน จนได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ครางหงึ่งๆคลอเคล้าไปกับเสียงหายใจของตัวเองเท่านั้น รวินันท์พลิกตัวไปมาอยู่หลายตลบพร้อมกับพยายามข่มตาให้หลับเพื่อที่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
แต่เมื่อดวงตาคู่งามปิดสนิทลงครั้งใด ภาพใบหน้าของธามก็ปรากฏขึ้นมาวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของหญิงสาวแทบทุกครั้ง ทำไมเธอถึงลืมภาพคนฉวยโอกาสอย่างเขาไม่ได้เสียที ยิ่งอยากลืมกลับเหมือนยิ่งจดจำ ดวงตาคู่งามจึงได้แต่นอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดมิดภายในห้อง ปล่อยให้ความคิดของตนล่องลอยไปตามแต่ใจปรารถนา
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานโตที่อยู่ตรงหัวเตียงอย่างเต็มที่ ด้วยเพราะเมื่อคืนนี้เจ้าของห้องไม่มีกะจิตกะใจจะลุกขึ้นรูดผ้าม่านผืนหนาปิดมันไว้เช่นเดิมที่เคยทำทุกครั้งก่อนเข้านอน ลำแสงอบอุ่นสีขาวนวลจึงสาดส่องลงมาบนใบหน้าของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมลอนยาวดำขลับเป็นมันเงาคนหนึ่งที่กำลังพยายามยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงไว้ทั้งตัวเพื่อหลบเลี่ยงจากแสงแดดที่คอยแยงตานั้น
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมที่ตั้งอยู่บนข้างเตียงก็เริ่มแผดเสียงร้องดังเหง่งหง่างก้องกังวานไปทั้งห้อง ทำเอาคนที่เพิ่งข่มตานอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ต้องสะลึมสะลือปรือตาขึ้นมาพร้อมกับครางในลำคอเบาๆ อย่างขัดใจ พลางเอื้อมไปควานมือสะเปะสะปะหาต้นตอของเสียงอันน่ารำคาญนั้น เมื่อกดปุ่มหยุดการทำงานให้เสียงที่ดังหนวกหูเงียบลงได้แล้ว หญิงสาวจึงฟุบหน้าลงกับหมอนนุ่มอีกครั้งเพราะยังไม่อยากตื่นดี แต่ไม่ทันไรร่างของคนที่นอนขดกายอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อถูกปลุกด้วยเสียงกริ่งสลับกับเสียงเคาะประตูที่ดังมาจากทางหน้าห้อง เธอกระชากผ้าห่มออกอย่างหงุดหงิด แล้วผินหน้าไปมองนาฬิกาแขวนผนังซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเตียง
รวินันท์เพ่งสายตามองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก่อนที่จะถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อรู้ดีว่าถึงเวลาที่เธอต้องตื่นเพื่อไปทำงานแล้ว หญิงสาวได้แต่ตัดพ้อต่อว่าตัวเอง ที่เอาแต่คิดคำนึงถึงแต่ใครบางคนจนไม่ยอมหลับยอมนอน และเพิ่งได้พักผ่อนจริงๆ ก็เมื่อตอนเกือบรุ่งสางแล้ว เวลาช่างหมุนผ่านไปรวดเร็วนัก อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ถึงเวลาที่จะต้องออกไปผจญชะตาชีวิตอันน่าเหนื่อยหน่ายกับจอมวายร้ายที่ขโมยความบริสุทธิ์ของเธอไปอีกระลอกแล้ว
ขาเรียวยาวก้าวลงจากเตียงอย่างรีบร้อน จนเกือบสะดุดล้มลงไปกองกับพื้นเพราะยังงัวเงียแทบไม่ตื่นดี เมื่อเสียงกริ่งหน้าห้องยังดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวินันท์แทบถลาไปถึงหน้าประตูโดยเร็ว เพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงกริ่งที่ดังยาวในเวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ภวัฐ แฟนหนุ่มผู้แสนดีของเธอนั่นเอง และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อได้เห็นใบหน้าสดชื่นของชายหนุ่มผ่านทางจอมอนิเตอร์บนเครื่องอินเตอร์คอมที่ติดอยู่ข้างผนัง หญิงสาวรีบปลดล็อกกลอนแล้วเปิดประตูพร้อมกับยื่นหน้าส่งยิ้มแหยๆ ไปทักทายชายหนุ่มหน้าห้องทันที
อรุณสวัสดิ์ค่ะวัฐ
คนที่ถูกทักอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนที่มาเปิดประตูต้อนรับเขานั้นยังดูงัวเงียคล้ายยังไม่ตื่นดีมิหนำซ้ำเธอยังอยู่ในชุดนอนตัวยาวลายดอกไม้แสนหวาน ผิดกับทุกครั้งที่เขาจะได้เห็นเธอตื่นมาอาบน้ำอาบท่าแต่งหน้าแต่งตัวสวยพริ้งเตรียมที่จะไปทำงานพร้อมกับเขาแล้ว แต่ภวัฐไม่ได้นึกรังเกียจอะไรเลยที่หญิงสาวกล้าเปิดประตูออกมาทักทายเขาด้วยสภาพเช่นนี้ เขากลับรู้สึกว่าใบหน้ายามเพิ่งตื่นของเธอนั้นน่ารักน่ามองยิ่งกว่าตอนที่ถูกประทินโฉมเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางค์หลากสีสันเป็นไหนๆ
จะเป็นอย่างไรนะหากเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าของทุกวัน แล้วได้เห็นคนที่รักนอนเบียดกายซุกเข้าหาไออุ่นจากอ้อมกอดของเขาพร้อมทั้งหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อใดเขาคงรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขล้นใจจนแทบไม่อยากเคลื่อนกายห่างหายไปไหนเลยทีเดียว
วัฐ...วัฐ เป็นอะไรหรือเปล่าคะวัฐ อยู่ดีๆ มายืนจ้องหน้าวิทำไมเนี่ย
เสียงเรียกของรวินันท์ ปลุกให้คนที่มัวแต่ละเมอเพ้อจินตนาการไปไกลถึงกับสะดุ้ง คล้ายจะรู้ตัวว่าเผลอมองใบหน้าของเธอนานเกินไปจนเริ่มผิดสังเกต เจ้าของใบหน้าสีน้ำผึ้งรู้สึกถึงไอร้อนที่แล่นวูบวาบไปทั่วทั้งหน้า ราวกับเลือดทุกหยาดหยดในตัวเขาวิ่งห้อตะบึงมารวมตัวกันเป็นกระจุกอยู่ตรงแก้มทั้งสองข้างของตนและค่อยๆ เริ่มลามไปจนถึงใบหูที่โผล่พ้นมาจากเรือนผมยาวประบ่าซึ่งถูกรวบมัดไว้เป็นหางม้าหลวมๆ ชายหนุ่มรีบหลบตาอีกฝ่ายด้วยท่าทางมีพิรุธพลางแสร้งทำเป็นก้มลงมองถุงโจ๊กที่อยู่ในมือ พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
เปล่าครับ ไม่มีอะไร คือ เอ่อ นี่ครับ เมื่อกี้วัฐลงไปจ็อกกิ้งก็เลยซื้อโจ๊กมาฝากวิด้วยน่ะ ยังร้อนๆ อยู่เลย ไม่ต้องอุ่นนะครับ แล้วเดี๋ยวถ้าวิแต่งตัวเสร็จแล้วก็กดกริ่งเรียกผมได้เลยนะครับ เราจะได้ออกไปทำงานพร้อมกัน ขอตัวก่อนนะครับ
ภวัฐยัดถุงพลาสติกบรรจุโจ๊กสีขาวขุ่นที่ส่งกลิ่นหอมหวนยั่วน้ำลายใส่มือของคนตรงหน้าด้วยท่าทางรีบร้อน ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องของตนไปอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวเรียกเอาไว้ไม่ทัน ทิ้งให้คนที่ยืนถือถุงโจ๊กค้างไว้มองตามร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มหายเข้าไปหลังบานประตูห้องฝั่งตรงข้ามพลางยกมือขึ้นมาเกาศีรษะอย่างงุนงงกับท่าทางที่ดูแปลกไปของเขา ราวกับว่าไม่อยากจะเสวนากับเธออีกต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
การกระทำของแฟนหนุ่ม ทำให้รวินันท์รีบก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเปิดประตูมาพูดคุยกับเขา ทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำล้างหน้าหรือแม้แต่จะแปรงฟันเลยด้วยซ้ำ มือเรียวยกขึ้นมาครอบจมูกและปากเอาไว้พลางพ่นลมหายใจแรง แต่ก็ต้องทำหน้าเหยเกเมื่อผลการทดสอบกลิ่นปากของตนไม่เป็นที่น่าพอใจ และคิดไปเองว่านี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มรีบผลุนผลันกลับเข้าห้องไปเช่นนี้
หญิงสาวตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่ที่เผลอทำเรื่องน่าอายต่อหน้าชายหนุ่มคนรักแต่เช้า ดูเหมือนว่าคราวหน้าเธอต้องไม่ลืมที่จะล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาดก่อนที่จะออกมาพบเขา หรือไม่อย่างนั้นก็คงต้องพึ่งเจ้ายาสีฟันยี่ห้อดังที่โฆษณาอวดสรรพคุณนักหนาว่าช่วยลดกลิ่นปากในตอนเช้าได้เสียแล้วกระมัง ว่าแล้วร่างบอบบางก็รีบปิดประตูกลับเข้ามาในห้องแล้วเดินไปวางถุงอาหารเช้าที่ได้รับอภินันทการมาจากภวัฐและตรงดิ่งวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
ส่วนคนที่แอบหนีเข้ามาหลบอยู่ในห้องก่อนหน้านั้น ได้แต่ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่กลางห้อง มือใหญ่ยกขึ้นมาอังบนใบหน้าของตนที่กำลังร้อนจัดจนรู้สึกเหมือนกับว่าจะสามารถปล่อยพลังออกมาจากสองแก้มของตนราวตัวการ์ตูนมอนสเตอร์สีเหลืองอ๋อยได้อยู่รอมร่อแล้ว วูบหนึ่งที่ความรู้สึกขัดเขินปะปนมากับความรู้สึกหวามไหว เมื่อสมองของภวัฐนึกจินตนาการไปถึงภาพของหญิงสาวคนรักกำลังสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งของเขาแทนที่จะเป็นชุดนอนบางเบาของเธอ พลางส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มและรอยยิ้มยั่วเย้ามาให้ จนก้อนเนื้อที่ฝังอยู่ภายในอกด้านซ้ายของชายหนุ่มเต้นโครมครามไปกับภาพฝันอันแสนน่ารัญจวนใจเช่นนี้
ก่อนที่สัญชาตญาณความต้องการทางกายของชายหนุ่มจะถูกปลุกให้ตื่นตัวขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่จนเกือบยับยั้งชั่งใจไม่อยู่เพราะดันไปนึกถึงเรื่องทะลึ่งที่มีต่อหญิงสาวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดูเหมือนว่าคงต้องหาวิธีทำให้หัวของเขาเย็นลงบ้าง จะได้ไม่ละเมอเพ้อพกไปกับเรื่องลามกใต้สะดือจนเกือบจะกู่ไม่กลับอย่างนี้ ภวัฐรีบกระโจนเข้าไปในห้องน้ำทันที พลางเปิดก๊อกฝักบัวสแตนเลสเนื้อดีให้สุดแรงอย่างเต็มที่ หวังให้สายน้ำเย็นฉ่ำชุ่มชื่นนั้นช่วยดับความรุ่มร้อนในกายให้ไหลหายลงท่อระบายน้ำไปอย่างรวดเร็ว ด้วยรู้สึกผิดต่อเธอยิ่งนัก
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอย...
ทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย
นายธามคงไม่ยอมวางมือแล้วคราวนี้
หนูวิก็อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก น้ำท่วมปากที่สุด
นายวัฐเอ๋ย อย่าดีเวอร์นักจิ
เค้าสงสารตัวง่ะ
งานนี้ดูท่ารวินันท์จะถอนตัวจากนายธามได้ลำบากเป็นแน่ ขนาดจะหลับตาลงยังคิดถึงนายธามวนเวียนอย่แทนที่จะเป็นหน้าของนายวัฐ......คู่รักตัวจริงขณะนี้
รอไรเตอร์มา up ต่อค่ะ
เพราะตาอยู่เค้าอิ่มไปแล้วแถมยังจะเดดินหน้ากินต่อด้วยอ่ะ
เอาใจช่วยแฟนหนุ่มผู้แสนดี ขอให้วิยอมรับหมั้นกับวัฐทีเถอะ เพี้ยง!! >_
ปั๊ดโธ่ววว สงสารวัฐด้วย เเต่เทหน้าใจให้ธามหมดไปแล้วง่า
เชอะ หมั่นไส้หมี!!!!
แสนดีจังวัฐ ตรงข้าม กับธามเลย
แก้ไขอย่างไร แต่ดูเหมือนว่ารวินันท์จะไม่ได้รักวัฐอย่างจริงใจ น่าจะเกิดขึ้นจากความสนิทสนม และความดีของวัฐหรือปล่าว แต่อย่างไรก็ต้องแพ้ต่อพรหมลิขิตกับโชคชะตาน่ะ
รอไรเตอร์มา up ต่อ
กลุ้มแทนหนูวิ
นายวัฐก็ดีเวอร์เชียว
แต่ก็นะ ถ้ารับหมั้นไป มันจะกลายเป็นการทำร้ายนายวัฐในวันข้างหน้ารึเปล่าเนี่ย
อึดอัดแทนวิจริงๆ วัฐ ก็ไม่รู้ว่าจะดีไปถึงไหนกัน นายธามหนะปล่อยไปเลย