ตอนที่ 24 : บทที่ 24 (แค่)เพื่อนร่วมงาน (100%)
บทที่ 24 (แค่)เพื่อนร่วมงาน
ภายในห้องที่รายล้อมไปด้วยกระจกหนาติดฟิล์มสีเข้มรอบด้านแทนการใช้ฝาผนังยิปซัมหรืออิฐบล็อกแบบมวลเบานั้น ธามได้แต่ยืนมองร่างเปลือยของหญิงสาวซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาสีดำสนิทตัดกับสีผิวขาวนวลกระจ่างใสของเธออย่างเห็นได้ชัด ใบหน้างามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาซ่อนอยู่เบื้องหลังเรือนผมลอนยาวสยายลงมาคลุมจนถึงไหล่มน ร่างบางสั่นเทิ้มไหว ด้วยแรงสะอื้น พลันความรู้สึกสงสารและเห็นใจอีกทั้งหลายต่อหลายความรู้สึกที่คล้ายๆ กันนั้น ประดังประเดเข้ามาในใจของชายหนุ่ม และทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นเศร้าซึมลงทันที
ทั้งที่เขาคิดมาตลอดหลังจากได้พบเธอเมื่อวันก่อนว่าหากมีโอกาสได้พบกับหญิงสาวอีกสักครั้ง เขาอยากจะลองทำความรู้จักกับเธอในรูปแบบปกติเหมือนอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงกระทำต่อผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ตนสนใจดูบ้าง เผื่อว่าหญิงสาวอาจจะหันเหและเปลี่ยนใจมาชอบเขาแทนเจ้าหนุ่มผมยาวคนนั้น แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอดธามก็ไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด เมื่อสถานการณ์พาไป และผลักดันให้เขาตกอยู่ภายใต้การครอบงำของของความปรารถนา จนพลั้งเผลอทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยต่อหญิงสาวคนเดิมซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง กว่าจะคิดได้ก็ดูจะสายเกินไปเสียแล้ว
ความรู้สึกผิดทำให้ชายหนุ่มค่อยๆ เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโซฟาซึ่งมีร่างของรวินันท์นอนหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บนนั้น และไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยแม้แต่น้อย เขาย่อตัวลงนั่งบนพื้นพลางเอื้อมมือไปใกล้ หมายจะช่วยเขี่ยปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าของเธอออกด้วยความหวังดี แต่กลับต้องชะงักไปเมื่อเสียงเรียบของคนที่นอนอยู่นั้นดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
อย่า
มายุ่ง
กับฉัน
เสียงแผ่วเบา เอ่ยอย่างกระท่อนกระแท่นและขาดหายไปเป็นช่วงๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงยังไม่สามารถควบคุมจังหวะการหายใจของตนได้ดีเท่าไรนัก
ผม เอ่อ ขอโทษนะที่ทำแบบนี้กับคุณอีกแล้ว
รวินันท์ปรายตามองคนที่ส่งสายตาเว้าวอนมาให้เธอคล้ายจะสำนึกผิด หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อ เมื่อได้เห็นสิ่งที่แฝงมากับนัยน์ตาเศร้าของเขา คนที่เพิ่งใช้กำลังข่มเหงรังแกเธอราวกับว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่ของเครื่องสนองความต้องการมาหมาดๆ แต่กลับมองเธอด้วยสีหน้าของคนที่เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองก่อความผิดร้ายแรงใหญ่หลวงเอาไว้
เป็นไปไม่ได้ เธอไม่เชื่อหรอก คนใจทรามต่ำช้าอย่างเขาน่ะหรือจะรู้สึกสำนึกผิดได้ ก็แค่แกล้งทำเพื่อให้เธอตายใจเท่านั้นล่ะ
หญิงสาวเบะปากอย่างไม่อยากเชื่อถือคนตรงหน้านัก พลันก็ต้องร้องโวยวายออกมาอีกครั้ง ทั้งที่ยังบังคับเสียงตัวเองไม่ค่อยได้ เมื่อชายหนุ่มเปลี่ยนจากที่คิดจะเกลี่ยเส้นผมบนใบหน้าของเธอออกและกลายเป็นช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มแนบอก จนเธอต้องยกมือขึ้นมาเกาะไหล่เขาเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะหล่นลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง
รวินันท์พยายามจะร้องห้ามการกระทำของชายหนุ่มที่กำลังพาร่างของเธอเดินดุ่มๆ เข้าไปหลังบานประตูห้องเล็กๆ อีกห้องหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้นแบบไม้ระแนงสีโอ๊กที่ช่วยอำพรางสายตาได้เป็นอย่างดี ซึ่งภายหลังจึงพบว่าที่แท้แล้วมันคือประตูห้องน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นั่นเอง
จะทำอะไรน่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกยุ่งกับฉันเสียที
หญิงสาวพยายามเค้นเสียงของตนออกมา แต่กลับรู้สึกว่าแสบในลำคอไปหมด คงเพราะเมื่อครู่เธอเอาแต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานมากเกินไปจนคล้ายลำคอยาวระหงของเธอคงแห้งผากเนื่องจากขาดน้ำมานานหลายชั่วโมง แต่จะว่าไปแล้วรวินันท์ก็อดแปลกใจอยู่หน่อยๆ ไม่ได้ว่าทำไม ในความเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบเหมือนร่างกายจะถูกแยกออกจากกันนั้น กลับมีความวาบหวิวระคนเสียวซ่านปะปนกันอยู่
อีกทั้งภายหลังเมื่อชายหนุ่มผ่อนความเร็วและความแรงลงมาให้สามารถขยับเรือนกายผอมเพรียวทว่าแข็งแกร่งนั้นเป็นจังหวะสอดประสานรับกับจังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายของเธอแล้ว และยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเขาได้เติมเต็มความปรารถนาบางอย่างในตัวเธอและนำพาไปสู่ความสุขสมที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อนเช่นนี้
ผมรู้ครับว่าตอนนี้คุณคงจะรังเกียจคนอย่างผมเอามากๆ แต่ผมคงไม่กล้าปล่อยให้คุณกลับออกไปในสภาพอย่างนี้หรอกครับ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาก็เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนมาสคาร่าไหลเยิ้มขนาดนี้แล้ว มันคงทำให้คุณดูไม่ดีในสายตาของลูกน้องผมแน่ๆ เลย อย่างน้อยได้อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย น่าจะดีกว่าไหมครับ
ธามเอ่ยพลางค่อยๆ วางร่างหญิงสาวลงในอ่างอาบน้ำกระเบื้องสีขาวอย่างเบามือ พลางเอ่ยขึ้นอย่างคนหวังดีทั้งที่เป็นตัวการที่ทำให้เธอต้องมีสภาพอย่างที่เขากล่าวมาทั้งหมดนั้นเอง แล้วทำท่าจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้าง แต่เสียงตวาดแหวของคนที่ถูกวางเอาไว้ในอ่างก็ดังขึ้นมาก่อน
เดี๋ยว! หยุดเลยนะ ขอบคุณที่ยังเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน แต่ถ้าจะให้ดีคุณออกไปก่อนดีกว่า ฉันอาบน้ำเองได้
แต่ผมว่าอาบพร้อมกันสองคนเร็วกว่านะ นั่งเฉยๆ เถอะครับคุณผู้หญิง เดี๋ยวผมจัดการให้ ถือว่าเป็นบริการพิเศษจากว่าที่เพื่อนร่วมงานในอนาคตของคุณก็แล้วกันนะครับ
ชายหนุ่มหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อได้เห็นพวงแก้มขาวเนียนนั้นเริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่เพียงไม่หยุดถอดเสื้อผ้าของตนออก แต่ยังได้ก้าวเท้าลงมาในอ่างเดียวกันกับหญิงสาวคล้ายกับจะแกล้งยั่วเย้าคนตรงหน้า ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีแววตาเศร้าสลดที่ถ่ายทอดความรู้สึกของตนออกมาอยู่เลย แต่บัดนี้ความเศร้าเลือนหายไปจากดวงตายาวรีคู่นั้น เหลือทิ้งไว้เพียงประกายวิบวับยามเมื่อได้เพ่งพิศใบหน้างามของคนที่กำลังร่วมใช้พื้นที่คับแคบภายในอ่างน้ำเดียวกันกับเขาอยู่
มือใหญ่เอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำจากฝักบัว และปล่อยให้ละอองน้ำอุ่นๆ พร่างพรมลงมาบนร่างของทั้งคู่แล้วจึงช่วยล้างเนื้อล้างตัวที่ชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อและรอยคราบน้ำรักที่ชายหนุ่มปลดปล่อยมันออกมาบนร่างของหญิงสาว สายตาพราวระยิบระยับของเขา ทำให้คนที่กำลังได้รับบริการพิเศษ ถึงกับหน้าร้อนฉ่าไปหมด ยิ่งเมื่อเขาสัมผัสลูบไล้ไปบนร่างกายของเธอแผ่วเบา ก็เหมือนถูกสั่งให้นิ่งงันไปด้วยมนต์สะกดของคนตรงหน้า ร่างกายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหวามไหวที่ทำให้ผิวกายของเธอเต้นเร่าๆ เริ่มระอุร้อนราวถูกเปลวเพลิงแผดเผาขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
รวินันท์ไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ หญิงสาวเริ่มควบคุมตัวเองให้นั่งอยู่นิ่งๆ เหมือนอย่างที่อีกคนบอกไม่ได้ คล้ายกับว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นสะท้านและมีอาการวูบไหวไปกับสัมผัสของเขา เหมือนอีกฝ่ายนั้นจะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเธอเห็นเขามองสบตาเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันแรงกล้าพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาตรงมุมปาก ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์เต็มไปด้วยเสน่ห์น่ารัญจวนนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าของตนเข้ามาใกล้ และประทับจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวลละมุนละไม ผิดกับครั้งที่ผ่านมาอย่างลิบลับ
เธอไม่ได้ปฏิเสธหรือแม้กระทั่งขัดขืนการกระทำของเขาด้วยการผลักไสร่างใหญ่ให้ออกห่างดังเช่นที่เคยทำ ตรงกันข้ามเธอกลับตอบรับสัมผัสล้ำลึกจากริมฝีปากของอีกคนอย่างโหยหา มือเล็กยื่นออกไปโน้มใบหน้าชายหนุ่มให้เข้ามาชิดใกล้มากขึ้นและเริ่มที่จะเป็นฝ่ายรุกไล่เขาเสียเองอย่างห้ามใจไม่ไหว หญิงสาวหลับตาพริ้มอย่างเพลิดเพลินไปกับจุมพิตแสนหวานระคนเร่าร้อนนั้นโดยหารู้ไม่ว่าคนที่ถูกโน้มใบหน้าลงมาได้แต่เบิกตาโพลงมองคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะคล้อยตามการกระทำของหญิงสาวด้วยความรู้สึกโหยหาเฉกเช่นเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันภายในห้องน้ำอันแสนคับแคบนั้น ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอมอบความสุขที่วิเศษสุดให้แก่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ต่อ
ดวงอาทิตย์ที่แผดแสงแดดแรงกล้ามาทั้งวัน เริ่มเคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงแตะระดับขอบฟ้า ทอแสงสีส้มปนแดงจางๆ แต้มอยู่บนผืนนภาที่สีน้ำเงินปนเทาเข้มแลดูมืดสลัวราง ดวงไฟหลากหลายสีค่อยๆ ทยอยสว่างขึ้นมาจากตึกรามบ้านเรือนรอบข้างตัวอาคาร บ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำเต็มที
ดวงตาคมเหม่อมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังเรือนใหญ่ แลเห็นเข็มสั้นบนหน้าปัดทรงกลมใสชี้ไปหยุดใกล้เลขหก ซึ่งเลยเวลาเลิกงานของเธอมานานมากแล้ว ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดวุ่นวายอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะด้วยมาดของนักบริหารหนุ่มไฟแรงผิดกับตอนที่ทำท่าทางเหมือนเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ลิบลับ
ทำไมนายถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ รู้ก็รู้อยู่ว่าฉันมีแฟนแล้ว
รวินันท์เอ่ยถามเสียงเรียบท่ามกลางความเงียบงัน สรรพนามที่เคยใช้เรียกอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเมื่อได้รับรู้อายุจริงของเขาว่าอ่อนวัยกว่าเธอถึงสองปีเต็ม อีกทั้งชายหนุ่มยังเป็นคนที่ข่มเหงจิตใจเธอด้วยการใช้กำลังจนไม่อยากแม้แต่จะเรียกเขาด้วยคำที่ดูเหมือนยกย่องหรือให้เกียรติมากเกินไป ในเวลาที่อยู่เพียงสองต่อสองเช่นนี้ เกือบชั่วครู่คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวเขื่องซึ่งทำจากไม้สักแท้เนื้อดี จะวางมือจากงานแล้วหันมาตอบคำถามของเธอด้วยประโยคที่หญิงสาวรู้สึกว่ากวนประสาทที่สุดในชีวิต
คุณไม่เคยได้ยินหรือครับที่เขาพูดกันว่า คนมีเจ้าของแล้วมันน่าเร้าใจกว่าคนที่ยังโสดสนิทเป็นไหนๆ
นายนี่มันแย่ยิ่งกว่าที่ฉันคิดอีกนะ
คนมีเจ้าของแล้ว ได้แต่ทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่รู้จะตอบโต้เขาอย่างไร โกรธก็โกรธที่เขาจาบจ้วงล่วงเกินเธอมาแล้วถึงสองครั้งสองครา แต่อายก็อายที่เธอกลับตอบสนองต่อเขาอย่างผิดคาด จนไม่รู้ตัวเลยว่าปล่อยเวลาผ่านล่วงเลยมานานจนเกือบเย็นย่ำเพียงนี้
ตกลงว่าพรุ่งนี้เรามาเริ่มคุยงานกันที่นี่ตั้งแต่เช้าเลยดีไหมครับ
ธามอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหญิงสาวที่ขาวนวลเนียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดฝาดขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะดูไม่ออกว่าแดงเพราะโกรธเคืองหรือเพราะขัดเขินเขาอยู่กันแน่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ไถ่ถามอีกฝ่ายให้เสียเวลา เพราะคิดเข้าข้างตัวเองไปก่อนแล้วว่าหญิงสาวนั้นคงจะเขินอายต่อคำพูดและการกระทำของเขาเสียมากกว่ากระมัง
ใครเขาไปตกลงทำโปรเจ็กต์กับนายกัน หา!
รวินันท์ทะลึ่งพรวดจากโซฟาลุกขึ้นมายืนที่หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่มที่พูดไปยิ้มไป พลางกล่าวปฏิเสธเสียงดัง ด้วยยังพิศวงงงงวยอยู่ว่าเธอไปตกปากรับคำว่าจะร่วมงานกับคนที่ขืนใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ได้อย่างไร หญิงสาวยืนหันรีหันขวางพลางมองไปรอบๆ ก่อนสายตาคมจะไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะของเขา
ธามรีบห้ามเมื่อเห็นว่าเธอจะพยายามหยิบสิ่งของในห้องขึ้นมาปาใส่เขา ชายหนุ่มเจ้าของห้องจึงลุกขึ้นยืนประจันหน้าพลางคว้าข้อมือน้อยที่กำลังจะเอื้อมหยิบที่ทับกระดาษซึ่งทำจากกระจกแกะสลักเป็นรูปรถสปอร์ตบนโต๊ะเขาขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเหมือนจะเอาเรื่องทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความขบขันเมื่อคนปากเก่งเริ่มจะต่อปากต่อคำกับเขาไม่เลิก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของเธอในประโยคหลัง
เอ๊ะ คุณนี่ยังไง ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าบริษัทของคุณน่ะรับเงินจากบริษัทของผมไปเรียบร้อยแล้ว จะมาเบี้ยวกันอย่างนี้ผมก็เสียหายแย่สิครับ อืม เอาอย่างนี้แล้วกันเผื่อว่าคุณจะตัดสินใจง่ายขึ้น...จะให้ผมบอกแฟนของคุณดีไหมว่าคุณน่ะเร่าร้อนขนาดไหน
นาย ฮึ้ย! นี่มัน
เป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย
ขอบคุณที่ชมครับ แต่ยังไงผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะว่าพรุ่งนี้คุณต้องมาทำงานร่วมกับผมที่นี่อยู่ดี
หญิงสาวแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างหัวเสีย ถึงไม่พอใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะนอกจากชายหนุ่มจะไม่เหลือทางเลือกให้เธอแล้ว เขายังคิดจะทำให้แฟนหนุ่มของเธอเสียใจกับการกระทำของเธออีกด้วย เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นนี้มันจะต้องถูกเก็บเป็นความลับไม่ให้รั่วไหลรู้ไปถึงหูของภวัฐ แฟนหนุ่มผู้แสนดีอย่างเด็ดขาด
ก็ได้ๆ ฉันยอมแล้ว แต่นายต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้แฟนของฉันรู้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปแจ้งความว่าถูกผู้บริหารอย่างนายคุกคามทางเพศในที่ทำงาน
ไม่มีปัญหา แค่คุณทำตามความ พอใจ ของผมเท่านั้นก็พอแล้วครับ
ธามยิ้มยั่วเย้า ก่อนจะกล่าวอีกประโยคขึ้นมา และเน้นหนักในคำบางคำ ที่เคยทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วทำท่ารูดซิปปิดปากทันทีด้วยใบหน้าล้อเลียน
งั้นก็เปิดประตูห้องแล้วเอาโทรศัพท์ฉันคืนมาเสียที ฉันจะได้รีบกลับบ้านพักผ่อนแล้วมาผจญอยู่ในนรกกับคุณพรุ่งนี้ตามที่บอกไง
รวินันท์กระแทกเสียงพลางถลึงตาใส่อีกฝ่าย พร้อมกับแบมือขอรับอุปกรณ์สื่อสารเครื่องน้อยของเธอคืน คนตรงหน้าล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตนก่อนจะหยิบสิ่งที่หญิงสาวต้องการมาวางลงบนมืออย่างง่ายดาย เขาปล่อยมือที่คว้าข้อมือเธอไว้ แล้วเดินดุ่มๆ ไปยังประตูห้องเพื่อไขกุญแจตามคำเรียกร้องของหญิงสาว
เชิญครับคุณผู้หญิง นี่ก็เย็นแล้วแต่เราสองคนยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่กลางวันนี่นา เอาอย่างนี้เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันก่อนแล้วผมค่อยไปส่งคุณถึงห้องให้เองดีไหมครับ
ฉันไม่หิว ถ้านายอยากกินก็เชิญกินไปคนเดียวเถอะ ฉันจะกลับแล้ว
รวินันท์ปฏิเสธคำเชิญนั้นทันที โดยไม่หยุดคิดให้เสียเวลา ตอนนี้เธออยากกลับไปที่ห้องพักใจจะขาดอยู่แล้ว ทั้งกังวลกลัวว่าแฟนหนุ่มจะเป็นห่วงที่เห็นเธอหายเงียบไปทั้งวัน มิหนำซ้ำยังกลับผิดเวลาอีก ธารน้ำตาเริ่มไหลรินลงมาอาบแก้มนวลอีกครั้ง หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดปาดมันทิ้งไปอย่างลวกๆ แล้วรีบกระแทกส้นเท้าเดินฉับๆ ออกไปจากห้องทำงานของประธานหนุ่มโดยไวอย่างไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีก โดยมีสายตาของชายหนุ่มเจ้าของห้องยืนมองส่งเธอจนกระทั่งร่างบางนั้นหายลับไปจากสายตา
ธามปิดประตูลง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินหายเข้าไปในลิฟต์แล้ว ร่างสูงเพรียวเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาวตัวโปรดของตนซึ่งยังมีไออุ่นจากกายของคนที่เพิ่งออกจากห้องไปเมื่อครู่นี้ เขาพึมพำกับตัวเองแผ่วเบาเมื่อเหลือบไปเห็นรอยคราบสีขาวจางๆ บนเบาะหนังสีดำสนิทถัดไปจากตรงที่เขานั่งอยู่เล็กน้อย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันแสนเย้ายวนของรวินันท์ ดูเหมือนเธอจะชอบทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เขานึกถึงอยู่เรื่อย ไม่เว้นแม้แต่ร่องรอยของความอิ่มเอมปนความสุขที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของเขา
ตั้งแต่เกิดและเติบโตมาจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ธามรู้สึกถึงความต้องการเบื้องลึกในจิตใจได้มากไปกว่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว เจ้าของบริษัทหนุ่มยังไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าทำไม เขาจึงรู้สึกหลงใหลในตัวของรวินันท์ได้มากมายถึงเพียงนี้ทั้งที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งที่สองนับจากคืนก่อนหน้านั้น
ธามตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกแล้วที่เธอไม่ได้ทำท่าสนอกสนใจในรูปกายภายนอกอันแสนหล่อเหลาอันเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวน้อยสาวใหญ่หลายต่อหลายคนจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียความมั่นใจไปไม่น้อย
แม้ภายหลังจะได้รู้แล้วว่าเขามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติไทยรายแรกและรายเดียวในขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวตาลุกวาวไปกับชื่อเสียงหรือทรัพย์สินเงินทองอันมีค่ามากมายมหาศาลของบิดามารดาของเขาเหมือนเช่นที่ผู้หญิงคนอื่นๆ นึกถึงเป็นสิ่งแรก ทั้งยังรีบตัดรอนและปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยที่จะร่วมงานกับเขาอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาติดใจในท่าทางดื้อรั้น หยิ่งทะนงและอวดดี จนทำให้นิสัยชอบเอาชนะของเขากำเริบขึ้นมาเมื่อเธอไม่ได้คิดยินยอมที่จะพลีกายให้เขาเชยชมสมใจได้ง่ายๆ แต่กลับต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งมิรู้เท่าไรกว่าจะได้ครอบครองร่างกายของเธอ
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินกลับมานั่งยังเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานของเขา ในมือมีแฟ้มเอกสารบางๆ ที่นฤมลฝากสองเลขานุการสาวเอาไว้ให้กับเขา มือเรียวเปิดแฟ้มแล้วพลิกหน้ากระดาษแต่ละแผ่นอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ข้อมูลสามสี่แผ่นสุดท้ายที่อยู่ด้านหลัง เมื่อได้เห็นรูปภาพของหญิงสาวนามว่า รวินันท์ ซึ่งเป็นสไตลิสต์สาวที่รับผิดชอบการออกแบบชุดแต่งกายให้กับสาวพริตตี้ที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นแรกของบริษัทของเขา ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดดูประวัติข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวเกี่ยวกับสไตลิสต์สาวอยู่นิดหน่อย รอยยิ้มบางๆ จึงปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าผมจะติดใจคุณเข้าจริงๆ เสียแล้วสิครับ...คุณรวินันท์
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะสงสารใครดี พี่ธาม หรือ พี่สาว ดีล่ะเนี่ยยย
อ่อนกว่า2ปีแล้วไงจ๊ะวิจ๋า ชั้นเชิงต่างกันเยอะ สุดท้ายก็ยอมทั้งเรื่องนั้น
เพราะอะไรลองถามใจตัวดีๆนะวิจ๋า หุ หุ
รอไรเตอร์มา up ต่อค่ะ
นายธาม....เล่ห์เหลี่ยมสุดๆๆ หลอกล่อให้ตายใจ ปากหวานก็ปานนั้น ".... ถือว่าเป็นบริการพิเศษ จากเพื่ออนร่วมงานในอนาคต " อย่างนี้ใครจะใจแข็งอยู่ได้ แต่ก็สงสัยอยู่ทั้งคู่จะแก้ไขปัญหาอย่างไรซึ่งกำลีงรออยู่ข้างหน้าแล้ว
รอไรเตอร์ up ครบ 100 จ๊ะ
แล้วจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานได้เหรอจ๊ะขนาดนี้ เพราะวิเองก็ปฏิเสธไม่ได้ ธามไม่ต้องพูดถึงร้อนซะขนาดนั้น
งานการไม่ต้องคิดแล้วคร้า อิอิ
งุงิ
คู่นี้ท่าทางจะฉุดไม่อยู่เสียแล้ว รวินันท์ร้องอย่ายุ่ง แต่ไม่รอดสักครั้ง ฮิ ฮิ
รอไรเตอร์มา up ครบ 100