ตอนที่ 12 : บทที่ 12 คืนฝนพรำ...
บทที่ 12 คืนฝนพรำ
สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยนั้นทำให้รวินันท์รู้สึกหวามไหวขึ้นมาในชั่ววูบหนึ่ง แรงปรารถนาบางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในกายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากนิทราที่หลับใหลมาช้านาน เริ่มชักจูงเธอให้อยากใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งมากกว่าความคิด แต่แล้วจู่ๆ ความรู้สึกผิดก็เตือนให้เธอหยุดฟุ้งซ่านไปกับการยั่วเย้าเร้าอารมณ์ของชายหนุ่มแปลกหน้า เพราะตลอดเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมาไม่เคยมีชายใดได้แตะต้องสัมผัสเรือนกายเปล่าเปลือยของเธอแบบนี้เลยสักครั้ง ถึงแม้จะเป็นเพื่อนชายคนสนิทที่ขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนใกล้ชิดหัวใจอย่างภวัฐก็ตามที
ผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัวและรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน
คำสอนที่มารดาคอยย้ำและพร่ำบอกกับเธอมาตลอดนับตั้งแต่จำความได้ จวบจนกระทั่งเป็นสาวเต็มกายมาจนถึงบัดนี้ เธอก็ยังคงเชื่อฟังในสิ่งที่บุพการีผู้ให้กำเนิดสั่งสอนเอาไว้เสมอ แต่แล้วสิ่งสำคัญที่เธอเฝ้าทะนุถนอมและรักษามันมาตลอดชีวิตเพื่อรอวันที่จะพร้อมยินยอมมอบมันแต่โดยดีให้แก่ชายผู้เป็นสามีที่รักยิ่งของเธอในวันข้างหน้านั้นกำลังจะพังครืนลงมาแทบไม่เหลือชิ้นดี คุณค่าและศักดิ์ศรีในความเป็นผู้หญิงของเธอคงหมดสิ้นไปนับแต่นี้เมื่อถูกใครบางคนพรากมันไปทั้งที่เธอไม่ได้เต็มใจ ใครบางคนที่ไม่ใช่คนรักและไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเขา
น้ำตาของหญิงสาวที่ถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจนไม่เหลืองสิ่งใดบดบังเรือนร่างที่มีสัดส่วนโค้งเว้างดงามอีกต่อไปค่อยๆไหลซึมลงมาจากดวงตาคู่งามอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ธามกลับไม่ได้สนใจท่าทีของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย อารมณ์ใคร่และความปรารถนาที่อยากจะเอาชนะคนอวดดีนั้นได้บดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในจิตสำนึกของเขาจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มจุมพิตไปทั่วใบหน้างามที่ได้แต่เบิกตาโพลงมองเพดานรถด้วยสายตาเลื่อนลอยอย่างคนไร้สิ้นเรี่ยวแรงต้านทานใดๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสบนเรียวปากที่สั่นระริกของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน แม้จะรับรู้ได้ถึงรสชาติเค็มปร่าจากน้ำตาของหญิงสาว ทว่า ในเวลานี้เขาไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการของตัวเองเอาไว้ได้อีกแล้ว
ในขณะที่ลิ้นร้อนกำลังหยอกเอินอยู่บนยอดอกอวบอิ่มของหญิงสาว มือข้างที่เหลือจากการตรึงข้อมือของเธอเอาไว้ก็กำลังสาละวนอยู่กับการยั่วเย้าอย่างพลิ้วไหวยังจุดไวต่อความรู้สึกของร่างบางนั้นมิได้หยุดหย่อน เมื่อพบว่าตรงพื้นที่เร้นลับของหญิงสาวนั้นชุ่มฉ่ำพอประมาณแล้ว ธามก็ไม่รอช้าเขาปลดพันธนาการเบื้องล่างของตนออกแล้วแทรกกายเข้าไปภายในตัวเธออย่างเร่งร้อนจนคนถูกรุกรานถึงกับสะดุ้ง
ความรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่งทั้งบริเวณที่ถูกอีกฝ่ายยัดเยียดความเป็นชายเข้ามาในร่างกายอย่างไม่ยินดีนั้นทำให้รวินันท์ถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนกำลังถูกทะลุทะลวงด้วยอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย ความเจ็บนั้นเรียกเอาสติสัมปชัญญะของเธอกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้มันลอยละล่องไปนานชั่วครู่
โอ๊ย!...ฉันเจ็บ เอาออกไปนะ ฉันขอร้อง หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้อีกเลย มันเจ็บมากรู้ไหม
หญิงสาวร้องระงมพยายามกระถดตัวหนีแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการยกสะโพกของตนหลบเลี่ยงส่วนหนึ่งในร่างกายของคนตรงหน้า แม้ว่ามันจะเป็นไปด้วยความยากลำบากเต็มทีเพราะบนรถอย่างนี้ไม่ได้มีพื้นที่มากมายนัก พลางร้องขอความเห็นใจจากชายหนุ่ม ส่วนธามนั้นได้แต่รู้สึกแปลกใจเป็นอันมากเมื่อพบว่าเขายังแทรกเข้าไปภายในร่างกายเธอได้เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งทาง
แต่อีกฝ่ายนั้นกลับร่ำไห้ออกมาพร้อมทั้งแสดงท่าทางว่าเจ็บปวดรวดร้าวมากมายนัก ทำอย่างกับว่าเธอเป็นหญิงสาวพรหมจารีย์ที่ไม่เคยมีใครอื่นล่วงล้ำเข้าไปกล้ำกรายภายในอาณาเขตหวงห้ามนั้นนอกเหนือจากเขามาก่อนไปได้ พลัน ชายหนุ่มก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา
อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคย...เอ่อ มีอะไรกับแฟนมาก่อนน่ะ
เขาเอ่ยถามหญิงสาวที่เอาแต่พร่ำบอกให้เขาหยุดการกระทำนั้นซ้ำๆ ด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ทว่า แววตาของรวินันท์ที่มองกลับมาอย่างตัดพ้อต่อว่ารวมถึงอาจจะมีคำด่าสาปแช่งอยู่ในใจมากมายอีกนับไม่ถ้วนนั้นก็สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจนจนไม่เหลือข้อติดใจสงสัยอะไรอีกแล้ว ทำเอาคนที่กำลังอยู่ในขอบข่ายความผิดฐานกระทำชำเราผู้อื่นนั้นถึงกับอึ้งไปด้วยคาดไม่ถึง
จากการพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเธอแล้ว อายุอานามคงผ่านพ้นเลยวัยเยาวชนของชาติมานานหลายปีอยู่ นอกจากนี้เขายังเห็นว่าเธอดูอวดเก่งฝีปากกล้าไม่กลัวใคร แม้ว่าจะต้องอยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์เกือบยี่สิบคนก็ยังดูไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังพยายามปกป้องคนรักของตัวเองถึงเพียงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่มาจนถึงป่านนี้ได้เลย
ขอโทษนะ แต่ตอนนี้ผมหยุดไม่ได้แล้ว
ธามเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ในแววตาคล้ายมีความสำนึกผิดแล่นเข้ามาชั่ววูบหนึ่ง และถึงแม้ว่าความสงสารจะค่อยๆ แผ่ซ่านเข้ามาในใจของชายหนุ่ม ทว่า ในเวลาอย่างนี้ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็รู้ดีว่าหากคิดจะเดินหน้าแล้วย่อมไม่สามารถถอยหลังกลับได้ นอกเสียจากจะก้าวต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางแห่งอารมณ์เท่านั้น ชายหนุ่มพยายามช่วยเหลือหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขาโดยการเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดที่ร่างกายเบื้องล่างของเธอด้วยจุมพิตเร่าร้อน
ปลายลิ้นที่พลิ้วไหวอยู่ภายในเรียวปากอิ่มอย่างเชี่ยวชาญเรียกเสียงครางงึมงำในลำคอขาวเมื่อรวินันท์รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาดภายในกายของเธอ ความรู้สึกที่เหมือนตัวเองค่อยๆ ถูกดูดกลืนหายไปทีละน้อยจนคล้ายร่างกายเบาหวิวแทบลอยละล่องไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น ข้อมือเล็กที่ถูกเขาตรึงเอาไว้เมื่อถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระก็รีบโผคว้าโน้มเอาศีรษะของชายหนุ่มเข้ามาใกล้เพื่อให้ริมฝีปากอุ่นจัดของเขาแนบชิดกับริมฝีปากของเธอมากกว่านี้
หญิงสาวไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเท่าไรนัก เมื่อครู่ยังรู้สึกนึกรังเกียจและกลัวเขาจับใจเสียด้วยซ้ำไป มาบัดนี้เธอกลับเคลิ้มไหวไปกับรสจูบอันแสนลึกล้ำและร้อนเร่าคล้ายดั่งกองไฟที่กำลังแผดเผาไปทั่วร่างอยู่นั้น ทำให้ลืมเลือนทุกอย่างไปโดยง่าย ทั้งกายและใจต่างร่ำร้องและโหยหาอะไรบางอย่างที่จะช่วยนำพาความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ นี้ไปถึงอีกฟากฝั่งของพายุอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากสัมผัสหวิวไหวนั้นเสียที
ท่วงทำนองเพลง Crush ดังแว่วมาจากลำโพงซึ่งต่อเข้ากับเครื่องเสียงชั้นดี ไหนจะเนื้อหาที่วาบหวามชวนฝันผ่านเสียงร้องหวานๆ ปนเซ็กซี่ของนักร้องสาวเสียงดี Jennifer Paige จึงทำให้เพลงเก่าแต่สุดแสนเร้าใจนี้เข้ากันเป็นอย่างดีกับบรรยากาศเร่าร้อนภายในรถสปอร์ตสีแดงเพลิงของธาม ท่ามกลางเสียงซู่ซ่าจากสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมาเป็นระลอกมิหยุดหย่อนที่ด้านนอก
มือใหญ่ที่ลูบไล้ไต่สัมผัสไปทั่วเรือนกายร้อนผ่าวภายใต้ร่างของเขา เลื่อนเข้ามาประคองอยู่ที่สองอกอวบ นิ้วเรียวบีบเคล้นฝ่ามือคลึงเคล้าเพื่อสร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจให้กับผู้เป็นเจ้าของ เขาลองแทรกแก่นกายที่ยังค้างคาเอาไว้และค่อยๆ ดันเข้าไปอีกครั้งจนสุดทาง เสียงร้องครวญครางของหญิงสาวดังออกมา พร้อมๆ กับที่ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงจิกจากเล็บคมที่ฝังลงบนแผ่นหลังของเขาแม้ว่าจะมีเสื้อเชิ้ตบางเบากั้นเอาไว้ก็ตาม ความรู้สึกตึงและคับแน่นแผ่ซ่านไปทั่วกาย
เขาหยุดนิ่งทุกการเคลื่อนไหวกระทั่งสังเกตเห็นท่าทางของหญิงสาวผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจากช้าเนิบนาบแล้วจึงไต่ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่นานนักเธอก็เริ่มขยับสะโพกตามจังหวะที่ชายหนุ่มส่งมาให้ทีละน้อย
แสงจากโคมไฟหน้ารถที่สัญจรฝ่าลมพายุพระพิรุณที่เกรี้ยวกราดแล่นทะยานไปตามเส้นทางบนถนนอย่างไม่เกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ ส่องสว่างวาบผ่านเข้ามาทางกระจกติดฟิล์มกรองแสงแบบใสที่พร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำฝนและละอองฝ้าสีขาวหม่นอันเกิดจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิภายนอกกับภายในรถยนต์คันงาม ประกอบกับบริเวณโดยรอบตัวรถนั้นค่อนข้างมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างจากเสาไฟต้นสูงที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเกาะกลางถนน จึงช่วยบดบังสายตาของคนภายนอกที่อาจบังเอิญมองเข้ามาเห็นภาพฉากเลิฟซีนสดๆ แบบไม่มีการเซ็นเซอร์ของคนทั้งคู่ได้พอดี
อีกทั้งสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนั้นยังช่วยอำพรางมิให้มองเห็นได้ชัดเจนนักว่ารถสปอร์ตคันงามที่จอดเปิดไฟสีเหลืองอำพันกะพริบเอาไว้ตรงข้างทางนั้นกำลังโยกสั่นไหวไปทั้งคันด้วยแรงกระแทกกระทั้นเป็นจังหวะจากสองร่างที่กำลังดำดิ่งอยู่ในวังวนแห่งความปรารถนาที่ก่อตัวขึ้นมาในชั่วข้ามคืน
สายฝนเบาบางลงไปบ้างแล้วแต่พื้นถนนยังคงเปียกลื่นและมีน้ำขังเจิ่งนองตรงที่ผิวขรุขระอยู่บ้างเป็นระยะ เช่นเดียวกับร่างกายของสองหนุ่มสาวภายในรถสปอร์ตสีแดงเพลิงนั้นที่ยังมีหยดเหงื่อเกาะพร่างพราวและเปียกชุ่มไปหมดทั้งตัว แสงรำไรจากโคมไฟสีนวลบนยอดเสาต้นสูงที่ตั้งเรียงรายอยู่ห่างกันเป็นระยะทางไม่มากนัก บอกให้รู้ว่ารถคันงามกำลังแล่นเอื่อยๆ มาตามถนนเส้นเล็กที่รวินันท์ไม่รู้จัก แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก เพราะในสมองของเธอตอนนี้มีเรื่องมากมายให้ต้องขบคิดมากกว่าความสงสัยว่าเขากำลังจะพาเธอไปที่ไหนกัน
หยาดน้ำตาค่อยๆ ซึมลงมาจากดวงตาคู่งามของหญิงสาว เธอเอาแต่นิ่งเงียบพลางชันเข่าขึ้นมาและกอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองที่อยู่ภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของธามเอาไว้ แม้ว่าเสื้อตัวนั้นจะเป็นเสื้อแบรนด์ดังจากเมืองนอกซึ่งมีเนื้อผ้าหนาพอที่จะทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ทว่าในหัวใจกลับรู้สึกเหน็บหนาวราวกับยืนอยู่บนหน้าผาสูงชันที่มีสายลมแรงพัดโหมกระหน่ำราวกับว่าจะหอบเอาร่างเปียกปอนของเธอนั้นพลัดตกลงไปยังหุบเหวลึกได้เกือบทุกขณะ ความเศร้าโศกเสียใจที่ประดังประเดเข้ามามากมายนั้นทำให้เธอได้แต่เพียงนั่งเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยแววตาเลื่อนลอยไร้จุดหมายอย่างคนที่หมดอาลัยตายอยากสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างในชีวิตวัยสาวไปเสียแล้ว
แสงไฟจากอาคารร้านรวงต่างๆ ตามสองข้างทางที่ผ่านมานั้นทยอยกันมืดดับลงไปและนำพาให้บรรยากาศโดยรอบกลับมาสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เมื่อรถคู่ใจของชายหนุ่มที่แล่นทะยานมาด้วยความเร็วสูงนั้นค่อยๆ ลดความเร็วลงเมื่อแล่นผ่านเข้ามาในเขตหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่แยกตัดเข้ามาจากถนนเส้นหลักเมื่อครู่นี้
หลังช่วงเวลาแห่งความหฤหรรษ์ครั้งแรกในชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว หญิงสาวยังคงจดจำถึงความเจ็บปวดที่ทยอยเข้ามาเป็นระลอกทุกครั้งที่ชายหนุ่มเคลื่อนไหว แต่ความเจ็บทางกายนั้นเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับอาการบอบช้ำทางใจอย่างแสนสาหัส เธอทั้งรู้สึกผิดและเสียใจต่อภวัฐ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักตัวจริงของเธอเป็นอันมากที่ปล่อยให้สถานการณ์พาไปจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อถูกรุกเร้าจากสัมผัสอันร้อนเร่าของชายแปลกหน้าคนนี้ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงใจง่ายที่เผลอไผลไปกับตัณหาและแรงราคะทั้งที่พร่ำปฏิบัติตามคำสั่งสอนของมารดาบังเกิดเกล้ามาตลอด
แต่ความรู้สึกของอีกคนที่เพิ่งพ้านพ้นกิจกรรมฆ่าเวลาระหว่างติดฝนมาด้วยกันหมาดๆ นั้นช่างแตกต่างกันจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรงข้ามกับฝ่ายแรกนั้นอย่างสิ้นเชิง
เสียงหัวใจที่ตูมตามอยู่ในอกราวกับใครเอากลองชุดมาตีระรัวอยู่ข้างๆ นั้นค่อยๆ เริ่มกลับคืนสู่จังหวะการเต้นตามปกติเช่นเดิม แต่ความรู้สึกวูบวาบที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในทุกอณูร่างกายของธาม ทำให้เขาเฝ้าแต่นึกถึงรสสัมผัสแปลกใหม่จากคนอ่อนด้อยประสบการณ์อย่างรวินันท์นั้น ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะทำให้เขารู้สึกสุขสมอารมณ์หมายอิ่มเอมเต็มเปี่ยมไปทั้งกายและใจพร้อมๆ กันเป็นครั้งแรกในชีวิตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยมีอะไรกับหญิงสาวที่ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างเธอคนนี้ แต่คล้ายดั่งมีสัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเขาว่า คนๆ นี้มีบางสิ่งที่พิเศษไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เขาเคยได้สัมผัสและเชยชมมาแล้ว
ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เขาได้ขยับกายเคลื่อนเข้าไปภายในร่ายกายของรวินันท์และดูเหมือนว่าเธอเองนั้นก็ตอบสนองเขากลับมาอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังโหยหาและรอคอยเพียงแต่เขาที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือเข้ามาและปลดปล่อยเธอให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานอันแสนสุขนี้ไปเสียที พฤติกรรมที่หญิงสาวได้แสดงออกมานั้น ทำให้เขารับรู้ได้ว่ามันเป็นความจริงไม่ได้มีการเสแสร้งหรือแกล้งทำแต่อย่างใด
ชายหนุ่มหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน หากเป็นไปได้เขาอยากจะลองสัมผัสเธออย่างใกล้ชิดแบบเมื่อครู่นี้อีกครั้ง ว่าความรู้สึกนั้นจะยังเกิดขึ้นเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า
ประตูรั้วสีขาวค่อยๆ เลื่อนเปิดออกเมื่อชายหนุ่มกดรีโมท จากนั้นจึงเคลื่อนรถยนต์คันงามเข้าไปจอดยังโรงรถที่อยู่ติดกับตัวบ้านอย่างรวดเร็ว เขาดับเครื่องยนต์ก่อนจะหันมาเรียกหญิงสาวที่นั่งขดตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุมของเขาให้เข้าไปในบ้านด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าความอ่อนเพลียจากกิจกรรมท่ามกลางสายฝนนั้นจะทำให้รวินันท์ผล็อยหลับไปเสียแล้ว
ธามอมยิ้มน้อยๆ แล้วจึงลงจากรถ เขาเดินอ้อมไปอีกด้านแล้วรีบมาเปิดประตูรถ พลางย่อตัวลงแล้วใช้ท่อนแขนที่แข็งแกร่งช้อนเข้าไปใต้ร่างของหญิงสาวและอุ้มเธอเข้าไปภายในบ้านอย่างรวดเร็ว ร่างที่ขดกลมเหมือนลูกบอลลูกโตนั้นมีน้ำหนักเบากว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ชายหนุ่มจึงสามารถอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองได้อย่างสบายๆ เขาค่อยๆ วางร่างหญิงสาวที่กำลังสลบไสลไม่ได้สตินั้นลงบนผ้าปูที่นอนสีครีมอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเอะอะโวยวายเสียก่อน จากนั้นจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่ได้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
รวินันท์ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ พลางกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงไฟสว่างจากโคมไฟดวงโตบนเพดาน เธอชันคอขึ้นมาพลางเหลียวมองไปรอบกายและพบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย ภาพถ่ายขนาดใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งที่แขวนติดอยู่บนผนังห้องตรงเบื้องหน้า ทำให้ความทรงจำที่กระจัดกระจายหายไปเมื่อครู่นี้ย้อนกลับเข้ามาสู่สมองของเธออีกครั้ง
เขาพาเรามาที่บ้านตัวเองเหรอเนี่ย
หญิงสาวเปรยกับตัวเองในใจ พลางมองไปรอบๆ ห้องนอนสีขาวสะอาดตา มีเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น แต่ทุกสิ่งอย่างนั้นบ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรูของผู้เป็นเจ้าของมันได้เป็นอย่างดี แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมานั่งสำรวจข้าวของพวกนี้ หญิงสาวคิดหาวิธีที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ไปจากคนใจร้ายที่พรากเอาพรหมจรรย์ของเธอไปทั้งที่เธอไม่ได้ยินยอมเลยสักนิด พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าประตูห้องนอนเปิดแง้มเอาไว้
สายลมแผ่วผิวจากเครื่องปรับอากาศพัดพาไอเย็นมาสัมผัสร่างของเธอจนรู้สึกหนาวสั่น จึงรับรู้ได้ว่าเรือนกายของเธอกำลังเปลือยเปล่า หญิงสาวกวาดตาไปรอบห้องนั้นอีกครั้ง พยายามมองหาเสื้อผ้าของตนที่ถูกถอดออกไป แต่เมื่อไม่พบเธอก็ตัดสินใจคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมาพันกายก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทว่าเพียงแค่ก้าวขาออกไปยังไม่ทันที่จะได้เริ่มเดิน ความรู้สึกปวดแปลบร้าวระบมตรงบริเวณที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองนั้นก็ทำให้ร่างบางถึงกับซวนเซไปทางด้านข้างก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นตรงข้างเตียงนั้นเอง
รวินันท์อุทานออกมาเบาๆ พลางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ น้ำใสๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่งามอีกครั้ง เธอยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตานั้นทิ้งไปอย่างลวกๆ แต่เจ็บกายไหนเลยจะเท่าความรู้สึกเจ็บใจที่ทำให้ตัวเองต้องมาทุกข์ทนกับความทรมานเช่นนี้ ความรู้สึกที่เหมือนร่างกายถูกแยกฉีกออกจากกันเป็นอย่างไร ในวันนี้เธอพอจะเข้าใจแล้ว
หญิงสาวกำมือแน่นพยายามกัดฟันทนข่มความเจ็บปวดแล้วลองยืนขึ้นดูอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายจะต้องทนรับสภาพความเจ็บปวดขนาดไหน แต่เธอก็ไม่มีเวลาจะมัวมาอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เธอต้องกลับไปที่คอนโดฯให้ทันก่อนรุ่งเช้า เพื่อที่ภวัฐ ชายหนุ่มคนรักของเธอซึ่งเป็นผู้ที่จะคอยมาเคาะประตูปลุกเรียกทุกเช้านั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างน้อยเธอก็เพียงแค่บอกเขาว่าไม่สบายและขอลางานสักวันเท่านั้น
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สู้ สู้ ฮับ พี่สาว คนสวย
ธามร้ายได้จัยเลยค่ะ
มาแต่งต่อเร็วนะค่ะ
รออ่านอยู่นะค่ะ
มีกำลังใจ มาให้ คนเก่ง
สงสารวิเช่นกันค่ะ
แบบว่า บรรยากาศพาไป
โรแมนติกมากๆๆ แต่ว่า....ไม่อยากให้แฟนนางเอกรุ้เลยอะ อยากให้นางเอกรับปากแต่งงานกับภวัฏอะ อิอิ
ชอบให้พระเอกโดนเอาขึ้นมั้ง ซาดิสไ ปไหมเรา555555
นายธามหื่นที่สุด
แล้วจะทำยังไงต่อไปกันล่ะทีนี้
สงสารวิสุดๆ
นายธาม~~~
นายทำเกินไปแล้ว
ลากเค้ามาก็แย่พอแล้ว
ข่มเหงเค้านี่ก็เข้าข่ายเลวเต็มที
แต่ในรถที่จอดบนถนนท่ามกลางสายฝนเลยเนี่ยนะ
โห รับไม่ได้ง่ะ
หนูวิน่าสงสารจังเลย
แล้วจะทำไงต่อไปกันล่ะนี่
แอบเคลิ้มตามนางเอก เอ๊ย แอบสงสารหนูวิ นายธามทำอะไรลงไปเนี่ย
แถมยังพาเค้ากลับบ้านอีก คิดอะไรกันแน่นะ
รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ รีบๆ มาอัพนะคะไรท์เตอร์