ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] WHEN ? (WonHae , BumHan / Ft.KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #10 : WHEN ? .. Chapter.[9]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 841
      5
      23 ธ.ค. 53

    ***ใครที่ตามอ่าน แล้วเจอพาร์ท 5 ถูกแบน ทิ้งเมล์ไว้นะคะ กอนจะส่งให้ค่ะ
    ตอนแรกจะแก้ แต่ว่าแก้แล้วมันไม่ใช่ล่ะ ฉากมันสำคัญ ^^!!!!!!!!

    ส่วนพาร์ทนี้ มีเรทนิดหน่อย ใครอยากได้ทิ้งเมล์ไว้นะคะ จะส่งให้ทั้งพาร์ทเลย


    พาร์ทนี้ภาษาอาจแปลกๆ เนื่องจากว่าเอามาจากไฟล์ที่ยังไม่ได้พรูฟ แต่งไว้ก็นานอ่าค่ะ
    แต่เนื้อเรื่องก็อันเดียวกันแหละ (กอนอยู่นอกสถานที่ค่ะ ไม่ลงเด๋วดองนานอีก ไม่อยากรอเลยอัพดีกว่า)

    --->>http://www.youtube.com/watch?v=iM6VldwNyrI
    โอพีวีที่ใช้โปรโมทเว็นในงานไก่(KFC#4)ที่ผ่านมา เผื่อใครอยากดู โหะๆ^^

    ปล.ช่วงนี้อาจสั้นๆค่ะ รับรองว่าพาร์ทหลังๆได้มันส์(น้ำตา)หยดติ๋งแน่นอน ขอบคุณนะคะ เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------







     







    Chapter 9 


             ยามเย็นวันนี้ช่างแสนสำราญเสียนี่กระไร เกาะที่ทะเลสวยงามแบบนี้ ทำเอาคนที่มาแทบไม่อยากกลับเอาเสียเลย

             “อากาศดีจริงๆเลยคิบอม”

             “ถ้าชอบก็อยู่ๆนานๆก็ได้นี่ครับ”

    เรือยอร์ชลำใหญ่เคลื่อนตัวไปตามคลื่นน้ำ คิบอมอาสาพาฮันคยองออกมานั่งเรือเล่นกับเขา นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้ใช้มัน เวลาที่ไม่อยู่ก็ทิ้งไว้เฉยๆ

             “หิวรึยัง ดินเนอร์คืนนี้รับรองว่าอร่อยกว่าเมื่อวานอีก” 

             “อื้ม งั้นพร้อมรึยังล่ะ พี่ให้เวลานายเตรียมตัวนะ เดี๋ยวจะยืนกินลมอยู่นี่ เสร็จแล้วมาเรียกล่ะ” รอยยิ้มของฮันคยองถูกส่งไปให้อีกฝ่ายที่ยืนอมยิ้มอยู่ ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วเดินเข้าตัวเรือไป คนทั้งสอง คงคิดไม่ต่างกันที่อยากจะหยุดช่วงเวลาแบบนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ฮันคยองยืนมองไปยังท้องน้ำที่เริ่มจะมืดลงตามท้องฟ้า โทรศัพท์มือถือเครื่องบางถูกหยิบขึ้นมาเปิดเครื่องหลังจากที่เขาปิดมันไว้สองวันเต็มๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีใครโทรมาบ้าง ที่บ้านโทรมาแทบจะร้อยสายได้แล้ว คงเป็นห่วงเขามากสินะ 

             “ขอโทษนะครับป้ายุนฮี”

             แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็ไม่ได้โทรกลับไปแต่อย่างใด นิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกดส่งไปตามเบอร์ปลายสายที่เขาหมายจะให้ได้รับ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ส่งไปที่บ้านแน่ๆ เสียงเตือนว่าส่งข้อความสำเร็จดังขึ้น แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือสะท้อนให้เห็นรอยยิ้ม ที่เจือความเศร้าไว้ ก่อนที่มันจะดับลง แล้วถูกปล่อยออกจากมือคู่ที่ถือมันไว้ให้ตกไปสู่ท้องน้ำ ในขณะที่เรือลำนี้เคลื่อนตัวออกไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นอีกแล้วที่เขาจะเป็นคนที่รับผิดชอบคนเดียว


    ฮันคยองยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งแล้วเดินเข้าตัวเรือไป เพราะจากเสียงเรียกที่ได้ยิน นี่คงได้เวลาดินเนอร์ของพวกเขาแล้ว 


             “ว้าว เคยมีใครบอกพี่รึเปล่าเนี่ย ว่านายชอบทำอาหาร”

             “ไม่น่าจะมี เพราะว่าผมไม่ได้ชอบทำ”

             “อ่า หมายความว่าไงเนี่ย” 

             “ก็ไม่รู้สิ ก็แค่ทำตามที่ทำได้ ไม่ได้ชอบทำเท่าไหร่หรอกครับ” คิบอมยักไหล่นิดๆ

             “อื้ม งั้นเหรอ ช่างมันเหอะ งั้นขอทานล่ะนะ” ว่าแล้วก็ลงมือตักอาหารที่เหมือนอยู่ในภัตตาคารหรูเข้าปากเพื่อลิ้มรส

             “เป็นไงครับ อร่อยกว่าเมื่อวานใช่ไหมล่ะ” 

             “อื้ม เจ๋งมาก”


             ทั้งสองระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกับเรื่องต่างๆที่คุยกันมากมาย ไวน์แดงชั้นดีถูกรินแล้วรินอีก บรรยากาศที่มีกันสองคนแสนจะเป็นกันเองอย่างมาก ผ่านไปจะสามชั่วโมงได้ กว่าทั้งสองจะหยุดพูด เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกันอีก คิบอมได้แต่มองคนตรงหน้าจากที่พูดมากอยู่ๆก็เงียบไป ใบหน้าแดงก่ำไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าฮันคยองเมาไวน์นี่เอง


              “เจ๋งเลยคิบอม นี่พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย ..อืม...ว่าน้องชายพี่ทำอาหารได้เยี่ยมขนาดนี้”

             “น้องชาย .. ผมเป็นน้องชายพี่เหรอครับ” คนถูกเอ่ยถึงแซวเล่นเบาๆ

             “อื้ม .. โถๆ อย่าคิดอะไรมากเลยคิบอม พี่ไม่กล้าคิดกับนายเป็นอื่นไปหรอกน่า ฮะฮะ .. ไม่มีใครต้องการพี่หรอก คิดดูนะ .. อึก ขนาดน้องชายพี่เองยังรีบความจำเสื่อมหนีพี่ไปเลย เกลียดพี่แล้วด้วย เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็พี่ไปยุ่งกะแฟนเค้านะสิ แย่จริงๆ นายคงเพิ่งเคยเจอแบบนี้ล่ะสิ...” 

             “ผมว่าพี่..”

             “ไม่ๆ คิบอม อึก .. นายก็รู้ดีนี่...”

             “ผมว่าพี่เมาแล้วนะ..” 

             “ไม่หรอก ไม่เมา ...หึหึ แค่ไวน์แดง แค่นี่เอง เออนี่ ว่าแต่ เต้นรำกันมั้ย ย่อยอาหาร..” ยิ้มหวานกับสายตาหวานเยิ้มเชิญชวนกันแบบนั้น เล่นเอาคิบอมได้แต่พูดไม่ออก ตามใจหน่อยละกัน ร่างสูงลุกขึ้นเปิดเพลงบรรเลงจังหวะช้าๆ แล้วเดินเข้ามาโค้งให้อีกคนที่นั่งรออยู่


    จังหวะเนิบๆกับเสียงบรรเลงของเพลงช่างพาให้อยากจะล่องลอยเสียเหลือเกิน ใบหน้าแดงก่ำเริ่มซุกลงไปที่อกกว้างของคิบอม ก่อนจะหลับตาลง แล้วเพ้ออะไรออกมาเบาๆ

              “อืม .. ขอบใจนะ ที่จริงแล้วนายก็แค่สงสารพี่ใช่ไหม..” คิบอมไม่ตอบอะไร ได้แต่เคลื่อนเท้าตามจังหวะเพลงไป
    จนตอนนี้จากที่เต้นรำอยู่กลายเป็นว่าเขากำลังโอบอีกร่างไว้ไม่ให้ล้มลงไปแทน 

             “อืม นายเต้นรำเก่งจัง” ฮันคยองยังคงพูดไม่หยุด ทั้งที่ตาทั้งคู่ปิดลงไปแล้วตอนนี้

    ... พี่ไม่รู้หรอก ที่จริงผมเต้นเก่งกว่านี้อีกนะ ก็แค่เวลาที่ไม่ได้อยู่กับพี่





    ------------------------------------------------------------------------------



             “รออยู่นี่ก่อนนะดงแฮ เดี๋ยวฉันไปซื้อของให้ลูกก่อน” 

             ซีวอนบอกหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วจอดรถลงที่หน้าร้านขนมแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของร้าน ฮยอกแจเป็นเพื่อนของพวกเขาเอง ฮีชอลชอบขนมร้านนี้มาก ซึ่งไม่แปลกเลย เพราะที่นี่ทั้งเหมือนจะเป็นแหล่งรวมขนมหวานและอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ชอบที่นี่ ที่สำคัญร้านนี้ยังได้รับประกันความลอดภัยอีกต่างหาก ทุกคนเลยมักจะมาอุดหนุนกันบ่อยๆ

             “เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมต้องรีบด้วย ยังไม่ค่ำซักหน่อย” ดงแฮถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนเหลือเกิน

             “เอาน่า เดี๋ยวฉันมา” แล้วซีวอนก็ลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่มาด้วยนั่งรออยู่ๆแบบนั้น ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าจะถูกรำคาญรึเปล่า เป็นภาระสินะ คนความจำเสื่อม คิดไปสายตาก็จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้าน ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มวางขนมลงที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะคุยอะไรซักอย่างแล้วหัวเราะอยู่กับ เจ้าของร้านที่กำลังคิดเงิน รอยยิ้มและท่าทางสนิทสนมนั่นเล่นเอาคนมองสุดจะหมั่นไส้

             “มิน่า ถึงบอกให้รอ” คิดแล้วก็หันหน้ากลับมา คนๆนี้จะทำอะไรก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเขาสักหน่อย อยากทำอะไรก็ทำไป อย่างดีก็จีบไปทั่วนั่นแหละ คิดว่าตัวเองหน้าตาดีนักรึไงกัน





    ไม่นานนักซีวอนก็เปิดประตูรถเข้ามาพร้อมกับถุงสีชมพูใบใหญ่ 

             “รอนานไหม”

             “ก็ไม่หรอก จะคุยต่อก็ได้นะ ฉันรอได้” ร่างบางนั่งกอดอกหันข้างให้เขา แค่นี้ซีวอนก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร งอนเขาละสิท่า ดูท่าว่าจะจำฮยอกแจไม่ได้ด้วยล่ะมั้งเนี่ย 

             “เดี๋ยวก็รู้ ว่าทำไมฉันถึงให้รออยู่นี่”

            “ทำไมล่ะ..”

            “ก็เพราะว่าฉันรีบยังไงล่ะ” ว่าแล้วก็ออกรถไปทันที ทำให้คนข้างๆได้แต่ขมวดคิ้ว อะไรของเขานะ จะรีบไปจีบใครที่ไหนต่อรึไงกัน 





             คิบอมอุ้มฮันคยองเข้ามาในห้องนอนชั้นบนของเรือ ที่ต้องพามาเพราะดูเหมือนว่ามันจะเต้นรำ
    กันต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็อีกฝ่ายได้แต่ยืนซบให้เขากอดอยู่แบบนั้น จะเต้นต่อไปได้ยังไงกัน

             “อืม ..” ฮันคยองครางอย่างไม่รู้สึกตัว หลังจากที่ถูกวางลงบนเตียงนุ่ม

            “พี่ฮัน พี่ฮันครับ.. เช็ดตัวก่อนไหมครับ” 

            “งืมมม คิบอม...” แม้ว่าคิบอมจะลองเรียกดูหลายๆครั้ง ฮันคยองก็ไม่รู้สึกตัวเลย เขาเองจะเช็ดตัวให้ก็ไม่กล้า งั้นปล่อยให้นอนแบบนี้แล้วกัน ร่างสูงเดินจะออกจากห้องไป แต่ก็ต้องหยุดลงอีก 

             “อืม คิบอม.. คิบอม” ให้ตายสิ นอนหลับอยู่แล้วเรียกแต่ชื่อเขาแบบนี้เนี่ย จะให้เดินออกไปได้ยังไงกัน

             “คิบอม .. คิบอม” โอ๊ย ชายหนุ่มแทบจะระเบิดอยู่แล้ว นี่เล่นมาให้ท่าโดยไม่รู้ตัวเลยหรือเนี่ย ร่างโปร่งบางที่นอนเพ้ออยู่นั้นทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เลย 

             “ร้อน.. ร้อนจังเลยคิบอม” ฮันคยองหรี่ตาขึ้นมานิดหนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำนั่นมองมาที่เขา สองมือแกะกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ออกสองเม็ดเผยให้เห็นผิวขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ 

             “พี่ฮัน .. พี่ลุกขึ้นมาเช็ดตัวก่อนดีกว่ามัย เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”

             “ไม่ พี่หิวน้ำ .. ขอน้ำหน่อยได้ไหม”

             “คะ ครับ .. งั้นรอเดี๋ยวนะ” คิบอมเดินออกจากห้องไปเอาน้ำมาให้ แต่เมื่อเขากลับมากลับพบเพียงความว่างเปล่า

             “น้ำมาแล้วนะ” ว่าพลางมองไปตามเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ เมาขนาดนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าไปอาบน้ำ คิบอมเดินตรงเข้าไปที่ประตูห้องน้ำ เห็นมันปิดไม่สนิทก็คิดว่าอีกฝ่ายคงแค่ล้างหน้า แต่ที่ไหนได้ พอเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นแผ่นหลังขาวเนียนที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวในสภาพที่ทุลักทุเล เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่มาเปียกชุ่มจนร่นลงไปกองกับพื้น


              “ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่อาบน้ำ” ว่าแล้วก็รีบดึงประตูปิดเข้ามา เป็นจังหวะที่คนข้างในเองก็ตกใจ พอโดนน้ำเข้าไปเขาเองก็เหมือนจะได้สตินิดหน่อย ฮันคยองหันกลับมาอย่างไม่ระวัง ทำให้ลื่นล้มลงที่พื้น เสียงร้องดังขึ้นให้คิบอมรีบเปิดประตูเข้าไปใหม่อีกครั้ง 


              “พี่ฮัน เป็นอะไรมากรึเปล่า” ร่างสูงถลาเข้าไปประคองคนที่พื้นเอาไว้ สายน้ำที่ไหลจากฝักบัวรดเขาจนเปียกไปทั้งตัว

              “พี่ .. ขอโทษนะ พี่ไม่ระวังเอง”

             “แล้วนี่พี่มาอาบน้ำทำไมกัน เดี๋ยวไม่สบายจะทำยังไง” 

             “ก็มันร้อน .. นายไม่ร้อนรึไง” ฮันคยองว่าพลางก้มหน้า เสียงที่ฟังดูอู้อี้นิดหน่อยทำเอาคิบอมเอะใจ

             “ก็ไม่เห็นจะ... นี่ ร้องไห้ทำไม” เมื่อเขาเชยคางคนตรงหน้าขึ้นมา ก็พบว่าดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำเพราะร้องไห้

             “เปล่าหรอก..ก็แค่” 

             “พี่อย่ามาแก้ตัว มีอะไรก็บอกมาสิ อย่ามาทำอะไรแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยน้ำเสียงหนักๆ ทำเอาคนฟังเถียงไม่ออก รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก กลัวอีกฝ่ายเข้าใจไปว่าเขาเรียกร้องความสนใจ แต่ถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงมันก็เก็บไม่อยู่

              “ฮึก .. ขอโทษนะ มันแย่ พี่หยุดคิดเรื่องเก่าๆไม่ได้เลย เวลาที่สติกลับมาในช่วงที่อยู่คนเดียว มัน..ฮึก ฮือ จะทำยังไงดี .. อุตส่าห์พยามแล้วแท้ๆ พี่พยามแล้วนะคิบอม”


    เรียวแขนของคนในอ้อมกอดโอบรอบคอคิบอมไว้แน่น เหมือนกับว่าเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย ของอีกฝ่ายแล้ว ฮันคยองรู้ดีว่าทำแบบนี้มันไม่ดีเลย แต่เขาคงเก็บต่อไปไม่ไหวแล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรให้เสียอีกต่อไป และแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใยดีเขาอีก เขาก็ไม่สนแล้ว



    คิบอมเองถูกกอดเข้าแบบนั้นก็ตกใจ แขนแกร่งโอบแผ่นหลังบางนั่นอย่างทนุถนอม 

             “อย่าคิดมากนะ พี่ยังมีผม”

             “มีนายงั้นเหรอ .. ฮึก นายก็แค่สงสารฉันก็เท่านั้นเอง ฉันมันไม่มีใครต้องการจริงๆนั่นแหละ”

             “ขอร้องล่ะ พี่อย่าพูดแบบนี้ได้มั้ย รู้ตัวบ้างรึเปล่าว่ามีคนที่เค้าห่วงหา มีคนที่เค้าคอยคิดถึงเรื่องของพี่จนหัวแทบระเบิด .. เวลาที่พี่ร้องไห้ เวลาที่พี่เจ็บ รู้บ้างมั้ย ว่ามีคนที่เจ็บกว่า..” 

             “นาย ... คนไร้ค่าอย่างฉัน จะไปมีอะไรที่ใครจะมาสนใจ ..”

             “ผมไง คิบอมคนนี้ไง”

             “นาย..ฮึก โกหก ไม่จริงใช่มั้ย” 

             “ผมรักพี่นะ” แล้วก็พูดออกมาจนได้ ฮันคยองนิ่งงันไปเมื่อได้ยิน



             “นายล้อเล่น...ฮึก”

             “อย่าคิดแบบนั้น ได้โปรด คนดีของผม”

    สองร่างโอบกอดกันภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ คนหนึ่งร้องไห้ อีกคนปลอบโยน ..








              “คิบอม....”

              “ครับ ..” 

             “หนาว”

             “แหงล่ะ เข้าห้องเถอะ” ว่าแล้วก็อุ้มคนในอ้อมกอดขึ้น ก่อนจะเกินออกมาจากห้องน้ำ เขาเองนี่ก็บ้า
    ตามใจผู้ใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเด็กไปได้ นึกอยากจะอ้อนก็อ้อนโดยไม่เลือกสถานที่เลย ใต้ฝักบัวเนี่ยนะ บ้าชะมัด เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี 

              “ว่าไงล่ะ หายร้อนแล้วเหรอ งั้นเปลี่ยนเสื้อผ้านะ.. เดี๋ยวเอายามาให้ เผื่อเป็นหวัด” คิบอมบอก ชายหนุ่มสายหัวกับภาพตรงหน้าของคนที่ยืนเปียกอยู่โดยที่มีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่คลุมหัวไว้ 

    เขากำลังจะหันตัวกลับแต่ถูกดึงชายเสื้อไว้เสียก่อน

             “ใครบอกว่าหายร้อน” ฮันคยองก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

             “ก็เมื่อกี้บอกหนาว” 

            “ก็มันเปียกน้ำ”

            “ .. พี่คงลืมเปิดแอร์”

             “งั้นเหรอ อืม งั้นไปเหอะ ขอโทษนะที่ทำให้เปียก” ว่าแล้วก็ปล่อยมือออกจากเสื้อที่ดึงไว้ ร่างโปร่งบางหันหลังกลับแล้วยืนนิ่ง 

             “ที่บอกในห้องน้ำเมื่อกี้ .. ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” คิบอมได้ยินก็นิ่งไปบ้าง มันดีแล้วรึเปล่านะที่เขาบอกแบบนั้น

             “..........”

             “นาย พูดแล้วจะคืนคำงั้นเหรอ”

             “เปล่า .. ก็เพราะผมพูดไปแล้วไง ไม่ได้คืนคำ”

            “งั้นเหรอ ทำยังไงถึงจะเชื่อนายได้ล่ะ”

             “ก็แล้วแต่นะ ผมไม่ว่าหรอก”

             “งั้นเหรอ งั้นก็ขอโทษที .. พี่คงคิดไปเอง” น้ำเสียงที่พูดออกมาเหมือนกับว่านึกขันตัวเองอยู่ในใจ
    แค่นี้ยังไม่พอใช่ไหม ยังจะให้เขามายืนยันอะไร ไม่เจียมตัวอีกแล้ว

            “... แล้วจะให้ทำยังไง.. ถึงจะเชื่อ” อีกครั้งแล้วที่คิบอมหลุดปากบอกความในใจออกไป


    ทั้งสองนิ่ง กันไปอีก คนฟังเองจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะดีใจก็ไม่เชิง
    ฮันคยองหันกลับมาใกล้ๆเขากว่าเดิม แทบไม่ได้คิดอะไรก็พูดไปแล้ว










    “ก็พิสูจน์สิ”





    -- ฉากต่อไปนี้เหมาะสำหรับส่วนบุคคลค่ะ จริงๆไม่มีไรมากหรอก ทิ้งเมล์ไว้นะคะ กอนจะส่งแบบเต็มพาร์ทไปให้ ^^ --




    +++++++++++++++++++++++++




             ไม่นานนักรถสีดำคันหรูก็เคลื่อนตัวเข้าไปหยุดลงที่ลานจอดรถของภัตตาคารแห่งหนึ่ง แต่แทนที่จะเป็นการแถลงไขข้อข้องใจของคนที่นั่งมาด้วย กลับทำให้ดงแฮเข้าใจผิดไปอีกอย่าง ริมฝีปากบางเอ่ยถามออกไปทันทีอย่างไม่พอใจ

             “แล้วนี่ก็จะให้นั่งรออีกใช่ไหม จะมากไปแล้วนะ นายจะมาจีบใครฉันไม่ว่า แต่ไปส่งที่บ้านก่อนได้รึเปล่า”
    ดงแฮพูดน้ำเสียงติดจะโวยวายนิดๆ ทำเอาคนฟังได้แต่กลั้นหัวเราะ สงสัยว่าตลอดทางที่นั่งมานี่ เจ้าตัวคงจะคิดแต่เรื่องเขากับฮยอกแจอยู่แน่ๆถึงได้พาลคิดว่าเขาจะมาหาใครอีก 


              “เดี๋ยวก่อนสิ ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้มาหาใครทั้งนั้นแหละ”

              “แล้วไง” ดงแฮกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปทางประตูรถ ซีวอนอมยิ้มกับท่าทางแบบนั้น นี่หมายความว่าไม่พอใจที่เขาไปยุ่งกับคนอื่นสินะ 


              “หึงเหรอ” แค่เพียงคำเดียวกลับได้ผล คนฟังหันกลับมาทันที

             “บ้า...หลงตัว..” พูดไม่ทันจบใบหน้าที่หันมาก็ชิดเข้ากับปลายจมูกของอีกคนที่ยื่นมารออยู่แล้ว ดวงตากลมสบเข้ากับสายตาคมอย่างไม่ทันตั้งตัว ซีวอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนอีกคนเริ่มถอยร่นจนชิดประตู แต่ยังคงเชิดหน้าเอาไว้อย่างไม่กลัวเกรง 

             “ก็ไม่นี่ ..ไม่ได้หลงตัวเองหรอก” ซีวอนบอก

             “ก็ดี......”

             “แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าทำไม” 

             “..ทำไม”

            “ก็คนบางคน น่าหลงกว่าเยอะ” ดงแฮหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันที ริมฝีปากบางเม้มเข้ากันแน่พลางจ้องมองซีวอนตาถลึง คนถูกจ้องก็ได้แต่ยิ้มกว้าง นี่เขาชักจะหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆแล้วนะ


    แล้วมือบางก็ผลักอีกฝ่ายออก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด


             “ปล่อย..” 

             “ไม่”

             “นี่นาย อย่ามาทำอะไรแบบนี้นะ”

             “ก็ไม่ได้ทำนี่” 

             “..................”

             “ขอหอมหน่อยนะ”

             “ไม่.. อยากได้ก็ไปซื้อที่ตลาดสิ” นั่นไง คนน่ารักเล่นเขาแล้ว ซีวอนหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ แต่ยังคงกักร่างนั้นไว้อย่างเดิม ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้อีก

             “ไม่ได้อยากได้หัวหอม แต่อยากหอมแก้มเธอ”

             “................”

            “อ่ะๆ โอเคๆ ไม่ก็ไม่” ซีวอนรีบบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะร้องไห้เข้าจริงๆทั้งที่ยังคงเชิดหน้าอยู่แบบนั้น ร่างสูงยกมือที่กลายเป็นโอบไปแล้วตอนไหนก็ไม่รู้ขึ้น พลางถอยมานั่งตรงๆที่เบาะตัวเองก่อนจะดับเครื่องยนต์ลง เสียงทุ้มบ่นเบาๆกับตัวเอง

             “หอมหน่อยก็ไม่ได้..เมียตัวเองแท้ๆ”

             “บ่นอะไรน่ะ” 

             “เปล่า..”

             “.......” ดงแฮไม่ว่าอะไร ได้แต่ชักสีหน้ากับตัวเอง แล้วสรุป เขาต้องทำไงต่อ นี่จะดับเครื่องให้เขานั่งอยู่ในรถแบบนี้เนี่ยนะ


    ซีวอนไม่รอช้ารีบลงมาจากรถแล้วเดินอ้อมไปอีกทาง ประตูที่ดงแฮนั่งอยู่ถูกเปิดออก ร่างสูงยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายที่นั่งมองเขาอย่างนั้น

             “ขอดินเนอร์ซักมื้อ ได้รึเปล่าครับ” ดงแฮได้แต่เพียงมองใบหน้านั้นด้วยความอึ้ง ไม่นึกว่าจะกลายเป็นตัวเองที่ซีวอนจะพามา อึดใจใหญ่ก็ยังไม่ตอบว่าอะไร จนกระทั่งเริ่มจะหวั่นไหวไปกับสายตาของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะเศร้าเข้าจริงๆถ้าเกิดว่าเขาไม่ตอบตกลง



    แล้วมือบางก็ค่อยๆวางลงบนมือของคนตรงหน้าที่ยังยื่นค้างอยู่แบบนั้น เรียกรอยยิ้มจากซีวอนได้ทันที



             “เชิญครับเจ้าหญิง” มือที่แสนอบอุ่นค่อยๆบีบกระชับมือบางเบาๆ แต่แนบแน่น


    ...ให้ความหวังมากไปรึเปล่านะ ก็บอกแล้วไงว่าจำไม่ได้



    ใจดวงน้อยเหมือนจะร่ำร้องอย่างรู้สึกผิด ทั้งที่เขาไม่ได้รู้สึกอย่างที่ผู้ชายคนนั้นอยากให้รู้สึกเลยสักนิด
    แต่อะไรล่ะที่ดลใจให้คอยหวั่นไหวไปกับท่าทีที่มีให้กัน ทุกสิ่งที่ซีวอนมอบให้ดงแฮ มันคืออะไรกัน



    ..ในเวลาที่ฉันสับสน เคว้งคว้าง เหมือนเป็นคนที่ไม่รู้ทิศทาง เธอที่เข้ามา เชื่อได้แน่หรือ ซีวอน 




             ในมุมหนึ่งของภัตตาคารหรู โต๊ะกว้างถูกวางเต็มไปด้วยอาหารชั้นดีมากมาย แสงไฟจากตึกสูงในยามค่ำคืนส่องสะท้อนเข้ามาทางกระจกใสที่สามารถมองออกไปเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งเมืองได้

             “โห นี่นาย..เราไม่ได้จะไปรบนะ จะสั่งอะไรมานักหนาฮะ” ดงแฮอุทานออกมากับคนตรงหน้าที่ดูจะไม่เดือดร้อนอะไรเลยกับเรื่องที่ได้ยิน ก็อาหารแต่ละอย่างจานใหญ่ๆทั้งนั้น แถมมีมาเป็นคู่อีก ใครจะกินหมด 


             “แค่นี้เอง เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ต้องกินเยอะๆรู้รึเปล่า”

             “ฉันไม่ใช่เด็ก”

             “ก็ไม่ได้ว่านี่” 

             “นี่นาย..”

             “เอาน่า อย่าทำตัวน่ารักนักเลย ฉันหลงจะตายอยู่แล้วรู้ไหม” ซีวอนว่าพลางก้มหน้าลงจิบไวน์แดงชั้นนำของภัตตาคารที่เพิ่งถูกรินไปในแก้วทรงสูงโดยบริกรหนุ่ม ในขณะที่อีกคนได้แต่ทำหน้าหมั่นไส้จนจะทนไม่ไหว


    แล้วน้ำส้มคั้นสีสดเย็นฉ่ำก็ถูกรินลงไปในแก้วตรงหน้า 


             “อะไรเนี่ย .. ฉันไม่ชอบน้ำส้ม” ดงแฮร้องออกมาอย่างไม่พอใจ แต่อีกคนกลับจ้องอยู่อย่างนั้น นี่เขายังมีความหวังใช่ไหม แน่นอน ซีวอนจำได้ดี ดงแฮไม่ชอบน้ำส้ม ซึ่งเขาเองก็ชอบสั่งน้ำส้มให้อีกฝ่ายเสียหลายครั้ง แล้วครั้งนี้..

             “จะเปลี่ยนไหมล่ะ”

             “ช่างเหอะ กินได้ อันที่จริงมันก็รสชาดไม่เลวไม่ใช่เหรอ” นั่นไงล่ะ ทุกครั้งเลย บอกไม่ชอบ แต่ก็จะเอา ไม่ต่างจากคาร์เนชันที่ซีวอนชอบให้สมัยที่เพิ่งคบกัน ทั้งที่ความจริงแล้วดงแฮไม่ชอบเหมือนกันกับน้ำส้มในตอนนี้ แต่สุดท้ายหลังจากที่คบกันได้ไม่นาน ทั้งสองอย่างก็กลายเป็นสิ่งที่เขาชอบไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ....หรือที่เป็นอย่างนั้นเพราะคนที่ให้กันนะ



    สิ่งที่กำลังเกิดทำให้ซีวอนคิดว่าเขาควรจะทำให้ดงแฮจำเขาได้เพราะตัวเขาเอง นั่นสินะ เหตุการณ์ที่เคยเกิด สถานที่ที่เคยไป



    ทั้งที่มั่นใจ แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มกำลังคิดถึงเหลือเกิน คิดถึงคนรักที่รักเขามากเช่นกัน
    คนเดิมคนนั้นอยู่ที่ไหน แล้วคนตรงหน้านี้ล่ะ ... แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ยังรักหมดใจเช่นเดิม


             “นี่ นายจะมองอีกนานมั้ยฮะ ไม่กินรึไง เดี๋ยวลูกนายก็รอนานหรอก ซื้อของมาเยอะไม่ใช่เหรอ” ดงแฮว่าพลางก้มหน้าตักนู่นจิ้มนี่เข้าปาก

              “หมายถึงลูกเรางั้นเหรอ ฮะฮะ” 

             “หัวเราะอะไร”

             “ก็แหงล่ะ เธอพูดยังกับว่าเป็นลูกฉันคนเดียวงั้นแหละ”

             “ก็....” เขาเองก็ลืมไป ว่าไม่น่าพูดแบบนั้น แล้วก็วกกลับเข้ามาหาตัวเองจนได้ แต่แปลก ตอนนี้กลับไม่รู้สึกแย่อย่างตอนแรกที่ได้รู้เลย ก็ไม่รู้สิ ตอนนี้ดงแฮเองเริ่มจะกล้าวางหัวใจลงไปเกินครึ่งแล้วล่ะมั้ง 


             “นั่นแหละ กินเยอะๆ เธอน่ะผอมจะตาย”

             “ฉันเนี่ยนะผอม..รู้ดีจริงเชียว” ดงแฮประชด มือก็จับส้อมม้วนเส้นสปาร์เกตตี้น้ำแดงเข้าปากอย่างไม่ระวัง เป็นเหตุให้ซอสเลอะเข้าที่มุมปากข้างแก้ม ซีวอนได้โอกาสก็หยิบเอาผ้าเช็ดปากเอื้อมออกมาข้างหน้า เช็ดแก้มให้ดงแฮเบาๆ ซึ่งแค่เช็ดก็คงไม่เป็นไร แต่นี่เล่นเอาหน้ายื่นเข้ามาด้วยนี่สิ 


              “ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ทุกส่วนของเธอน่ะ ฉันจำได้หมดแหละ” ซีวอนกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะดึงตัวกลับลงบนเก้าอี้ที่เดิม ไม่อย่างนั้นอาจมีจานหรือแก้วแถวนี้แตกเอาได้


              และก่อนที่อีกฝ่ายจะได้โวยวายอะไร เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงที่วางอยู่ข้างๆก็ดังขึ้น ซีวอนหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามีหนึ่งข้อความใหม่จากคนที่เขาเฝ้าอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนกัน ข้อความถูกเปิดอ่านโดยมีดวงตากลมๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรมองอยู่ จากที่ดงแฮจะโวยวายตอนนี้ ก็แค่อยากรู้ว่ามีอะไรรึเปล่า เมื่อเห็นสีหน้าติดจะเครียดๆของซีวอน

             “เป็นอะไรเหรอ มีอะไรรึเปล่า”

             “อ๋อ..เปล่าหรอก แค่ข้อความที่บริษัทน่ะ” 

             “งานคงเครียดน่าดูนะ”

             “ก็ไม่หรอก..ไม่มีอะไร กินต่อเถอะ” ซีวอนยิ้มให้ก่อนจะขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ


    แม้ว่าที่ดงแฮถามเหมือนจะห่วงใยเมื่อกี้ เขาเองจะดีใจ แต่บางอย่างมันยังค้ำคอให้แย่อยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ซีวอนก็โทรคุยกับที่บ้าน ป้ายุนฮีบอกว่าฮันคยองติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ไปไหน เขาเองก็รู้สึกใจไม่ดี ก็เพราะเรื่องทั้งหมดน่ะ มันเพราะเขาเองทั้งนั้น 

     


    ร่างบางนั่งงงกับท่าทางของอีกฝ่าย แปลกๆยังไงไม่รู้ 

              “อะไรของเขานะ..” ว่าแล้วก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์เครื่องสีเงินที่วางไว้ริมโต๊ะ ที่ซีวอนไม่ได้เอาไปด้วย


              “ดูหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” ดงแฮหยิบมันขึ้นมากด จะว่าไป โทรศัพท์ของตัวเองยังจำไม่ได้เลยว่าเป็นแบบไหน แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ นิ้วเรียวกดลงไปตามใจสั่ง ตอนแรกกะจะโทรหาที่บ้านแต่ก็เปลี่ยนใจ อันที่จริงเขาแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าซีวอนเป็นอะไรกับข้อความบริษัทนักหนา


    ข้อความถาดรับถูกเปิดออกโชว์รายชื่อผู้ส่ง โดยไม่ต้องสงสัย รายชื่อล่าสุด “ฮันคยอง” 

             “พี่ฮัน..” เสียงแผ่วเบาอ่านตามหน้าจอปรากฏ ก็ไหนซีวอนบอกว่าติดต่อไม่ได้ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันแน่น ใจหนึ่งก็แอบดีใจ แต่อีกใจก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไม ทำไมซีวอนไม่บอกอะไรเขาเลย


    ดงแฮนึกไม่พอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่รอช้า เปิดข้อความอ่านทันที


    -- ฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันทำร้ายดงแฮ
    น้องต้องความจำเสื่อมก็เพราะเรา ลืมฉันซะ แล้วดูแลดงแฮดีๆ ไถ่โทษที่เราทำลงไป --



    ดวงตาที่จดจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือได้แต่นิ่งค้าง ก่อนจะเอามันวางไว้ที่เดิม ความรู้สึกในตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าแย่ ใจที่กำลังจะหวั่นไหวไปกับคนๆนั้นแล้วกลับหยุดชะงัก เขาไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะไม่รู้


    แบบนี้นี่เอง คนเป็นพี่หายไปไม่ทันเจอ กับคนที่ไม่รู้จักมาบอกว่าเป็นคนรัก ที่แท้แล้วเพราะสองคนนี้งั้นสินะที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ .. พี่กับเค้ารักกัน แล้วทำให้ผมเจ็บ แล้วที่ผมความจำเสื่อมก็เพราะพี่กับเค้า สุดท้ายที่เค้าต้องมาดูแลผมก็เพราะต้องการไถ่โทษ


    .. น่าสมเพชชะมัด นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย พี่รักเค้าก็มาเอาไปเลย จะมาห่วงกันทำไม ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้แล้วนี่ อยากรักกันก็เชิญเลยสิ



    แล้วความปวดร้าวที่ศีรษะก็แล่นเข้ามาอีกจนได้ ดงแฮยกมือขึ้นกุมหัวไว้อย่างเคย ก่อนที่สายตาจะรับรู้ได้ว่าใครคนนั้น เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้กำลังเดินกลับมา มือสองข้างค่อยๆจับส้อมขึ้นมาแล้วทานอาหารตามเดิม แต่อาการที่ปิดไม่มิดก็ไม่รอดพ้นสายตาของซีวอนไปได้ 


             “เป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่า” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยอาหารในจานโดยไม่พูดไม่จา

              “ไม่หรอก กลับเถอะ” ดงแฮเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด ซีวอนพยักหน้าแบบงงๆ เมื่อกี้ก็ยังเห็นร่างเริงต่อปากต่อคำกันได้อยู่เลย ตอนนี้เป็นอะไรไป 








              ช่อคาร์เนชันสีขาวที่วางอยู่บนเบาะหลังของรถ จากที่เคยรู้สึกดีในตอนแรกที่ได้รับ ตอนนี้กลับยิ่งมองก็ยิ่งเศร้า เหมือนคำหลอกลวงช่อใหญ่ที่คนให้ตั้งใจจะปิดมัน


    ซีวอนมองดูคนรักตลอดทางกลับบ้าน คำเป็นห่วงหลายครั้งที่ถามออกไป หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไรให้เขาได้รู้ ดงแฮนั่งเงียบ ดวงตาทั้งคู่มองออกไปอีกทางตามแสงไฟสีส้มที่สว่างอยู่ท่ามกลางความมืดในตัวเมืองใหญ่


    .. ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอที่ควรจะถาม อะไรบ้างล่ะที่ยังไม่รู้


    น้ำใสไหลรินลงมาตามแก้มเนียนอย่างเงียบๆ ความเหนื่อยที่รับรู้ได้ทำให้ใจอ่อนล้าเหลือเกิน




    ...แล้วนาย ก็เชื่อไม่ได้






    .
    .
    .
    TBC. Chapter 10
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×