ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD+2PM+C.N.Blue]>..!The Magic night..รักต้องสาป!..<

    ลำดับตอนที่ #4 : The Magic Night Chapter 2 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 799
      0
      20 มี.ค. 54


    The Magic NighT Chapter 2

     

    สายเลือดผสม

     

               

    ........ว่างเปล่า.......

                “เมื่อกี้มีใครได้ยินเหมือนยุนไหม”

                ยุนอาหันมาถามพี่น้องและยูริที่ยังคงยืนมองไปทิศทางที่มีเสียงปริศนานั้น ทั้งหมดพยักหน้าขึ้นลง หากแต่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา สายลมที่ไม่น่าจะมีในอาคารปิดแบบนี้ได้เสียดสีดังหวิวไปมาทำให้บรรยากาศรอบข้างดูน่าขนหัวลุก

                คิ้วของสาวน้อยตระกูลคิมิเรสขมวด เสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน แต่คราวนี้ไม่ใช่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน ทั้งอูยอง ยุนอาและแทคยอน ทุกคนล้วนได้ยินเสียงนั้นทั้งสิ้น

                “ข้าว่าเรารีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ”

                “ฉันก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน”

                ทั้งหมดพากันเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ที่กลายเป็นสถานที่ที่ดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกห่างจากแท่นศิลาได้ไกลนัก

                “เจ้าคิดว่า ข้าจะปล่อยโอกาสงามขนาดนี้ไปได้หรือ”

                 คราวนี้เสียงที่ดังนั้นชัดเจนในโสตประสาทของทุกคน ยูริรู้สึกได้ว่าต้นกำเนิดของเสียงมาจากทางศิลานั้น หญิงสาวหยุดก่อนจะหันไปบอกคนทั้งหมดให้รีบออกไปโดยเร็ว เธอสังหรณ์ว่านี่เป็นฝีมือของคนจากโลกเธอ

                “เอาล่ะ ข้าปล่อยพวกเจ้าให้เดินเอ้อระเหยพอควรแล้ว ทีนี้...ได้เวลาเสียที”

                สิ้นเสียงสายลมกรรโชกแรงที่ไม่ควรมีในสถานที่นี้กลับตีซัดเข้ามาจนคนทั้งสี่ต้องยกแขนขึ้นบัง สายลมที่คมดั่งมีดบาดผิวจนแสบร้อนไปหมด ยุนอาถึงกับทรุดลงไปกองที่พื้นเพราะความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง ยูริที่มองคนทั้งหมดอย่างจนใจช่วย หากเธอใช้พลังจิตได้ เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้

                “นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!

                แทคยอนตะโกนฝ่าสายลมที่ยังคงกรรโชกแรง กระจกของตู้โชว์ที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ถูกลมตีจนแตกกระจาย ข้าวของทางประวัติศาสตร์ล้วนพังเสียหายจากพายุขนาดย่อมที่ยังคงหมุนวนในห้องจนสภาพพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี

                คนทั้งสามค่อย ๆ ทรุดลงไปกองที่พื้นในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ผิดกับยูริที่แม้จะใช้พลังจิตไม่ได้แต่ร่างกายที่ถูกฝึกมานั้นทนทานกว่ามนุษย์หลายเท่านัก หญิงสาวค่อย ๆ เอื้อมมีไปหยิบหอกเหล็กที่หล่นลงมาจากตู้โชว์ที่แตกกระจาย ก่อนจะรวบรวมแรงเขวี้ยงไปในใจกลางพายุหรือตรงแท่นศิลา

                ...................พายุลมกรรโชกแรงจึงได้หายไป................

                “พวกท่านเป็นอะไรกันมากไหม”

                ยูริวิ่งเข้ามาดูทั้งสามที่นอนหอบอยู่ที่พื้น แทคยอนที่คุ้นชินกับการวิวาทพยุงตัวขึ้นมามองยูริอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะเปิดปากทันทีเมื่อเริ่มมีแรง

                “มันเรื่องอะไรของเธอ ยัยบ้า”

                “คราวนี้จะเห็นได้รึยังว่า ข้าไม่ได้บ้า”

                “ยูลคิน่า เจ้าไม่น่าไปต่อปากกับมนุษย์แสนโง่งมพวกนั้น”

                เสียงหญิงสาวคนเดิมลอยมาขัดขณะที่ทั้งคู่คุยกัน ทั้งหมดหันไปมองที่แท่นศิลา คราวนี้ไม่ได้มีลมพายุอีกแล้วแต่กลับเป็นร่างบางของหญิงสาวในชุดรุ่มร่ามขาดวิ่นสีดำสนิท ผมยาวรุงรังราวไม้กวาดแห้ง ๆ แต่กลับยาวสยายจนเกือบถึงพื้น ริมฝีปากที่แดงดั่งเลือดเผยรอยยิ้มที่ยูริคิดว่ามันน่ากลัว ใบหน้าที่โดนผมปิดไปกว่าครึ่งนั้นดูลึกลับแต่กลิ่นไอบางอย่างที่ทำให้คิดว่าคนคนนี้ต้องมีใบหน้าที่งดงามแน่นอน

                “เจ้าเป็นคนของโลกคู่ขนานใช่ไหม ทำไมถึงรู้จักชื่อข้า!!!

                “เด็กน้อย เจ้าควรจะมีมารยาทกับผู้ใหญ่มากกว่านี้นะ”

                “ตอบคำถามข้า!!!!

                “หึหึ ตระกูลคิมิเรสยังหยิ่งถือดีเหมือนเดิม”

                พริบตาเดียว ร่างที่นั่งอยู่บนแท่นศิลากลับมาปรากฏตรงหน้าหญิงสาว มือขาวซีดทว่าเล็บกลับแดงดั่งโลหิตจับใบหน้าของยูริ สาวน้อยขนลุกซู่เมื่อเธอไม่สามารถขยับหนีมือที่แกร่งราวคีมเหล็กนี้ได้

                “ถ้าเจ้าไม่ใช่คิมิเรสที่มีพลังจิตเยอะขนาดนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

                “ข้าไม่กลัวเจ้า”

                “ฮ่ะ ๆ สาวน้อยเจ้าเก่งมากที่ไม่กลัวข้า แต่รู้อะไรไหมที่ข้าเก็บเจ้าไว้...”

                “....................”

                “เพื่อที่จะได้สูบเอาพลังจิตและวิญญาณของเจ้ามาเป็นของข้าอย่างไรล่ะ”

                หญิงสาวในชุดดำใช้ดวงตาสีดั่งเลือดจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลของสาวน้อยสายเลือดคิมิเรส ยูริรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ดวงตาของคนตรงหน้าทั้งเต็มไปด้วยความแค้นและความสะใจ ตอนนี้เธอไม่มีอะไรสู้คนตรงหน้าได้เลยซักอย่าง เหงื่อเริ่มไหลลงมาเมื่อมือของหญิงสาวในชุดดำเปลี่ยนมาใช้นิ้วลูบที่ใบหน้าซีดของเธอ

                “จะ...เจ้าเป็นใครกันแน่”

                “ข้าเป็นใครงั้นเหรอ เจ้ามาถามอะไรตอนนี้ คิมิเรส”

                “โครม!!!!

                แจกันขนาดใหญ่ถูกสายลมตีกลับออกไปก่อนจะถึงตัวหญิงสาวชุดดำ ดวงตาสีแดงจ้องไปทิศทางที่แจกันถูกโยนมา แทคยอนกำลังถืออาวุธในมือชิ้นต่อไป ส่วนอูยองกำลังกันไม่ให้ทำอันตรายยุนอา

                “แรงดีจริง ๆ สายเลือดผสม แต่ยังไม่ดีพอฆ่าข้าได้หรอกนะ”

                “หนีไป ทุกคน หนีไป!!!

                ยูริคว้าข้อมือของคนที่กำลังใช้พลังจิตควบคุมข้าวของให้ลอยขึ้นอยู่ แรงยื้อที่ข้อมือทำให้ทิศทางของสิ่งต่าง ๆ เบนออกไปไม่โดนคนทั้งสาม แทคยอนฉุดมือยุนอาให้ลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกไปพร้อม ๆ กับอูยอง แต่แรงลมกรรโชกแรงทำให้ทั้งสามต้องยกแขนขึ้นมาบังไม่สามารถวิ่งออกไปไหนได้

                พลัน!!! สายลมที่เคยกรรโชกแรงกลับสลายหายไป ดวงตาสีเลือดจับจ้องอย่างโมโหไปที่เงาร่างทั้งสองหลังพายุที่ค่อย ๆ สลายตัว

                “พวกเจ้า!!!!

                “ปล่อยมือของเจ้าออกจากน้องของข้า”

                เสียงกังวานทว่าราบเรียบเอ่ยอย่างเฉยชาก่อนที่พริบตาร่างเล็กจะมาปรากฏอยู่ที่หน้าของหญิงสาวในชุดดำ ชุดสีดำรุ่มร่ามไม่เป็นอุปสรรคของคนที่ถนัดการต่อสู้ด้วยมือเปล่าสักนิด หมัดถูกส่งออกไปสู่เป้าหมายที่กระโดดหลบฉากออกไป แต่ร่างบางกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามติด ลูกเตะถูกส่งออกไปสูงเกินตัวเมื่อศัตรูหลบได้ หญิงสาวรีบตวัดขาอีกข้างเตะร่างในชุดขาดขาดวิ่นกระเด็นออกไปทั้ง ๆ ที่ขาอีกข้างยังลงไม่ถึงพื้น

                “ท่านพี่แทยอน ท่านพี่นิชชา”

                ยูริครางอย่างยินดีเมื่อนิชชาเดินเข้ามาตรวจหาอาการบาดเจ็บที่ร่างของน้องสาว ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อน้องของตนปลอดภัยดี ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบพี่สาวเพื่อจัดการศัตรู

                “ทาร์เรลล่า วันนี้วันรวมญาติของคิมิเรสหรือไง”

                ริมฝีปากสีชาดสบถอย่างหงุดหงิด ถึงแม้เธอจะมีพลังจิตมากมายแค่ไหนแต่การที่ให้รับมือคนทั้งสองจากคิมิเรสพร้อม ๆ กัน เป็นเรื่องที่โง่พอควร คนที่นอกจากจะใช้พลังจิตได้อย่างชำนาญแล้วยังถนัดการต่อสู้ทางกายภาพ นางไม่มีวันชนะหากทั้งสามจากตระกูลอันสูงส่งอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้

                “เจ้ากำลังฝ่าฝืนกฎอยู่”

                “เจ้าสนหรือไง สมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ หรือเจ้าจะปฏิเสธ ทาร์เรลล่า ว่าเจ้าไม่รู้ว่าพวกนี้ คือ สายเลือดผสม

                ดวงตาของแทยอนปราดมองมนุษย์ทั้งสามก่อนจะกลับมาจ้องศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ก่อนที่น้องชายจะเดินเข้ามาสมทบพลางชักดาบประจำตัวที่แขวนอยู่ที่เอวออกมา

                “ท่านพี่ เจ้านี่เป็นใคร”

                “นิชชา อย่าละสมาธิจากนาง นางอันตรายเกินไป”

                รอยยิ้มเย้ยหยันจากหญิงสาวในชุดขาดวิ่นเผยบนใบหน้าที่ถูกผมปิดไปมากกว่าครึ่ง มือขาวซีดยื่นมาตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเชื้อเชิญคนทั้งสอง

                “มาร่วมมือกับข้าดีกว่า ข้าชอบเจ้า ทาร์เรลล่า แทยอน คิมิเรส เจ้าเก่ง เยือกเย็น แถมยังฉลาด เจ้าไม่อยากได้อำนาจล้นพ้นและความเป็นอมตะอย่างนั้นหรือ”

                ไร้เสียงตอบรับจากร่างบางมีแต่การชักดาบประจำตัวออกมาเท่านั้น เสียงหัวเราะบาดหูจึงลอยขึ้นมาให้ได้ยินกันทั่ว สายลมเริ่มก่อตัวอย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่คนที่ยืนถือดาบทั้งคู่ แต่เป็นคนทั้งสี่ที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงต่างหาก

                “ยูริ!!!!

                นิชชาร้องอย่างตระหนก หากร่างบางไวกว่านั้น แทยอนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาขวางหน้าคนทั้งหมดนั้น พลังจิตถูกรวบรวมอย่างรวดเร็วแม้การเปิดประตูมิติจะกินพลังจิตในกายจนเกือบหมด แต่การที่เธอสามารถควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญมากกว่ายูรินั้นทำให้พลังจิตเธอยังหลงเหลืออยู่บ้าง พายุสายลมขนาดย่อมค่อย ๆ สลายไปก่อนจะเข้าถึงตัวคนทั้งหมด

                คราวนี้ชายหนุ่มไม่มีการรอให้พายุลูกต่อไปเกิด ดาบถูกเสือกแทงเข้าหาร่างในชุดดำขาดวิ่นที่หมุนตัวหลบได้อย่างสวยงาม แต่อยู่ดี ๆ หญิงสาวก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนข้างขวา ชุดที่ขาดอยู่แล้วกลับขาดเพิ่มเป็นรอยฟันพร้อม ๆ กับเลือดสีแดงสดไหลรินออกมา

                “นี่เจ้า!!!!!!!!!

                “ถ้าเพลงดาบแค่นี้ยังมองไม่ออก ก็ขอชีวิตล่ะนะ”

                นิชชาเอ่ยลอดไรฟันก่อนจะถลาเข้าหาศัตรูอีกครั้ง คราวนี้คนที่เอาแต่เล่นมาตลอดเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างแบบบางหมุนตัวหลบเพลงดาบของชายหนุ่มพลางใช้พลังจิตควบคุมสายลมอีกครั้ง แต่คราวนี้ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา!!!

                “ท่านพี่นิชชาหลบออกมา!!!!!

                ยูริตะโกนอย่างเสียขวัญเมื่อเห็นขนาดของพายุ ชายหนุ่มกัดริมฝีปากร่างอย่างขัดใจ หากเป็นปกติเขาคงใช้พลังจิตสลายมันไปได้ แต่คราวนี้เขาต้องเก็บพลังจิตไว้ใช้ในการเปิดประตูกลับโลกคู่ขนาน

                “ยูริ นิชชา มานี่!!!

                นิชชารีบเข้ามาอุ้มน้องสาวเข้ามาอยู่ด้านหลังของพี่สาว พลังจิตถูกรวบรวมอีกครั้งแต่คราวนี้หญิงสาวรีดเร้นจนหมด ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงอย่างเห็นได้ชัด พายุขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาทำให้แทยอนที่ใช้พลังจิตสลายเหงื่อไหลออกตามใบหน้า ในขณะที่มือน้อยสั่นระริก

                สุดท้าย หญิงสาวก็สามารถสลายพายุลูกใหญ่ไปได้ ร่างน้อยล้มลงไปกองกับพื้นทันที แต่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดกลับรับไว้ได้ก่อน

                อูยองมองคนที่ล้มลงในวงแขน เขาไม่ต้องตามหาคำตอบนานเลยว่าเธอเป็นใคร พี่สาวของยูริ ใบหน้าขาวจัดที่ตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับเลือดที่ไหลตามแขนที่ยื่นออกไปใช้พลังจิตสลายพายุ หญิงสาวขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เขาจึงปล่อยออกไปท่ามกลางสายตาไม่พอใจของนิชชา

                “นางหนีไปแล้ว ท่านพี่”

                “เราเอาชนะนางไม่ได้ นิชชา”

                “ทำไม!!

                “นางยังไม่ใช้ฝีมือจริง หากเราทั้งสองช่วยกันแม้นางจะไม่ชนะ หากแต่นางก็ไม่ได้แพ้”

                “นางเป็นใครหรือท่านพี่แทยอน”

                “พี่ไม่แน่ใจ แต่รู้แค่ว่านางต้องการ สายเลือดผสม”

                ……………ทำไมพระเจ้าไม่ฟังคำขอของข้าบ้างเลย................

                ยูรินั่งก้มหน้ามองพี่ทั้งสองที่มองมาอย่างคาดโทษก่อนจะรีบหันไปสนใจคนอื่น ๆ แทนที่จะต้องนั่งรีบสายตาของคนเป็นพี่

                “พวกท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”

                “ไม่เป็นไรจ้ะ”

                ยุนอาตอบสาวรุ่นน้องแต่แทคยอนกลับขัดคนพี่ตัวเอง พลางลุกขึ้นชี้หน้ายูริ

                “ไม่เป็นไรที่ไหนเล่า นี่มีนอะไรกัน ยัยบ้า!!

                “ขะ...ข้าก็ไม่รู้”

                “โถ่เว้ย!!! เกือบจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอไง”

                “พอเถอะ แทคยอน”

                อูยองปรามน้องของตนพลางหันมามองคนสองคนที่มาช่วยพวกเขาไว้ นิชชากำลังพยุงแทยอนที่แทบจะไร้แรงยืน อีกทั้งยังมีเลือดที่ไหลตามแขนลงมาหยดพื้นจนเริ่มเป็นกองเลือด

                “ยูริ สองคนนี้...”

                “ท่านพี่ของข้าเองค่ะ”

                อูยองเดินเข้ามาใกล้คนทั้งคู่ที่พูดคุยกันด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ แทยอนกระซิบบอกให้นิชชาปล่อยเธอแล้วเข้าไปดูยูริและคนอื่น ๆ ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม

                “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย แต่ว่า....”

                “..................”

                “ผมต้องการคำอธิบายจะได้ไหม”

                แทยอนขมวดคิ้วมองอูยองที่พูดภาษามนุษย์และเธอไม่อาจเข้าใจได้ ร่างบางเดินช้า ๆ เข้ามาปะจันหน้าร่างสูงก่อนจะใช้แขนที่ไม่บาดเจ็บดึงคอเสื้อชายหนุ่มเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนปากของอีกฝ่ายเบา ๆ

                อูยองมองร่างบางแสนใกล้ชิดอย่างตกใจ ใบหน้าที่แนบชิดติดกันแทบจะนับขนตาได้ทุกเส้น กลิ่นหอมบางเบาผสมกับกลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาจนเผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด เพียงชั่วครู่ร่างแน่งน้อยก็ถอนริมฝีปากออกไป ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยภาษาเดียวกับเขาว่า

                “ไปจากที่นี่ ถ้าต้องการคำอธิบายทั้งหมด!!!

    --------------------------

                นิชชาพยุงร่างแทยอนเข้ามานั่งลงบนโซฟาในบ้านของอูยอง ยุนอาเดินตามเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล หญิงสาวเอ่ยขออนุญาตทำแผลซึ่งแทยอนก็พยักหน้าให้ ร่างบางจึงลงมือทำแผลให้อย่างชำนาญเพราะแทคยอนนั้นชอบไปมีเรื่องกลับมาให้เธอทำแผลให้บ่อย ๆ เลือดที่เริ่มแห้งกรังตามแขนถูกเช็ดออกอย่างเบามือแล้วตามด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ปิดท้ายด้วยยาใส่แผลแล้วพันด้วยผ้าก็อซขาวสะอาด

                “ขอบคุณ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ”

                ยุนอายิ้มให้หญิงสาวร่างเล็กหากแต่งดงามหมดจด ดวงตาสุกใสเหลือบไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ หญิงสาว ชายหนุ่มผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาติดไปทางสวยเช่นกันแต่ชอบทำหน้าถมึงทึงตลอดเวลา ร่างกายของชายหนุ่มมีเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปล่อยทิ้งไว้ก็คงจะไม่ดี

                “คุณคะ ฉันทำแผลให้นะคะ”

                นิชชามองยุนอาอย่างไม่เข้าใจว่าหญิงสาวพูดอะไร ร่างบางเดินเข้ามาหาก่อนจะนำผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามบาดแผลเล็ก ๆ นั้น เขาจึงได้เข้าใจ ดวงหน้างามที่อยู่ใกล้ชิดจนเห็นผิวขาวนวลและดวงตากลมโตทำให้ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้มที่ริมฝีปาก

                ............เสน่ห์ของสายเลือดผสมอย่างงั้นเหรอ..........

                มือหนาหยุดการกระทำของร่างบางแล้วเลื่อนมารั้งดวงหน้าขาวนวลให้เชิดขึ้น ก่อนจะประทับริมฝีลงไปอย่างหนักหน่วง ยุนอาเบิกตากว้างอย่างตกใจ ในขณะที่แทยอนนั่งมองการกระทำนั้นเฉย ๆ

                แทคยอนมองคนที่บังอาจจูบพี่สาวเขาแล้วปราดเข้ามากระชากหญิงสาวออก หมัดถูกส่งเข้าหาชายหนุ่มที่กระทำอุกอาจ แต่กลับถูกรับไว้ด้วยมือข้างเดียว นิชชาสะบัดแทคยอนออกไปจนชายหนุ่มกระเด็นออกมาแต่ยุนอารับไว้ได้ทัน

                “ไอ้บัดซบ นายมาจูบพี่ฉันได้ยังไง!!!

                “พอเถอะค่ะ!!

                ยูริเดินเข้ามาขวางพี่ชายของตัวเองและแทคยอนไว้ พลางอธิบายว่าการที่จะเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้นั้นต้องใช้พลังจิตในการดึงเอาข้อมูลความเข้าใจนั้นมา ซึ่งสื่อกลางที่ดีที่สุดและจะได้ผลมากที่สุดคือริมฝีปากนั่นเอง

                อูยองมองไปที่คนที่นั่งเงียบมาตลอด ที่เธอจูบเขาหรือที่ยูริจูบแทคยอนก็เหตุผลเดียวกันสินะ ยุนอายื่นมือมาแตะที่ไหล่แทคยอนให้ใจเย็นลง ส่วนตัวเองก็เดินเข้ามาใกล้นิชชาก่อนจะตบฉาดลงไปที่ใบหน้าหล่อ ๆ นั่น!!

                “เพียะ!!!

                “เจ้า!!!!!

                นิชชาลุกขึ้นพลางสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวยุนอา ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใดกลับยืนประจันหน้ากับชายหนุ่ม ใบหน้างามเหยียดรอยยิ้มก่อนจะแค่นเสียงเอ่ยอย่างเย็นชา

                “ฉันเข้าใจเหตุผลที่คุณทำ แต่ไปทำกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน!!

                “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบหน้าข้า”

                “เรียกคืนค่าจูบของฉันไง”

                “พอเถอะ นิชชา”

                เสียงเรียบจากพี่สาวที่นั่งอยู่ทำให้น้องชายที่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธยอมหันหลังกลับมานั่งแต่สายตาคมก็ยังคาดโทษหญิงสาวที่บังอาจตบหน้าเขาไว้ แทยอนมองยูริที่ยืนก้มหน้าอยู่ก่อนจะเรียกให้มานั่งอีกคน

                “คุณจะช่วยอธิบายได้ไหมครับ”

                อูยองเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อทุกคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา สายตานิ่งเฉยของแทยอนมองขึ้นมาสบกับชายหนุ่มก่อนจะยอมเปิดปากอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

                “พวกข้าเป็นคนจากโลกคู่ขนาน เดิมทีโลกทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น แม้พวกข้าจะรู้ว่ามีโลกมนุษย์แต่กฎของโลกข้าคือห้ามยุ่งเกี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น”

                เสียงกังวานทว่าราบเรียบเอ่ยช้า ๆ หากชัดเจนตอกย้ำในโสตประสาทของทุกคน นี่มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้สัมผัสมากับตัวทำให้ไม่มีใครสามารถเอ่ยแย้งหรือปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง

                “ตำนานที่พี่ยุนอาอ่านนั่นคือเรื่องจริงค่ะ อักษรที่จารึกไว้เป็นอักษรของโลกข้าเอง”

                ยูริเอ่ยสำทับยิ่งทำให้ทั้งสามยิ่งนิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ใจหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ อีกใจหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ลง แต่สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจอูยองจนต้องเอ่ยถามออกมาไม่ใช่เรื่องพวกนี้

                “แล้วที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกเราว่า สายเลือดผสม คืออะไร”

                แทยอนเหยียดรอยยิ้ม นึกสังเวชในโชคชะตาของพวกเธอเหลือเกิน การทำผิดกฎบทลงโทษคือชีวิตนั่นยังไม่พอ ตอนนี้ยังต้องมาข้องเกี่ยวกับ “สายเลือดผสม” อีกต่างหาก

                “พวกเจ้าคือทายาทของสายเลือดผสม ระหว่างคนจากโลกทั้งสอง”

                ดวงตาของทั้งสามเบิกกว้างขึ้นก่อนจะมองสบกันเองอย่างไม่แน่ใจ โดยเฉพาะน้องคนสุดท้องที่มีท่าทีต่อต้านตั้งแต่แรก

                “คุณจะมารู้ได้ไง ไหนหลักฐาน ผมไม่เชื่อหรอก!!!

                “ต้องการหลักฐานจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”

                ดวงตาเย็นชาเชยขึ้นมาสบทำเอาแทคยอนหนาวไปถึงสันหลัง แต่หากความสงสัยในใจมีมากกว่าทำให้เขาเอ่ยท้าทายหญิงสาวอย่างไม่เกรงกลัว

                “ใช่!!!!

                “ฉวก!!!

                ดาบประจำตัวที่ร่างบางหยิบออกมาจากฝักเมื่อไหร่ไม่รู้แทงทะลุช่องท้องของชายหนุ่ม ยุนอาและอูยองมองอย่างตกใจ โดยเฉพาะหญิงสาวที่กรีดร้องออกมาแทบสิ้นสติ เลือดสีแดงฉานพุ่งทะลักออกมาเปรอะเปื้อนร่างบางพร้อม ๆ กับร่างสูงที่ทรุดลงลมหายใจหอบรวยริน

                แทยอนกระชากดาบออกอย่างแรงจนเลือดทะลักออกมาอีกรอบ อูยองรีบเข้ามารับร่างแทคยอนไว้ก่อนที่น้องชายจะล้มลงฟาดพื้น ยุนอามองแทยอนอย่างโกรธเกี้ยว

                “คุณทำอะไรน้องชายฉัน!!!

                “พิสูจน์ให้เห็นไงว่าคุณเป็นสายเลือดผสม”

                “ด้วยการแทงน้องชายฉันงั้นเหรอ”

                “ถ้าเขาเป็นสายเลือดผสมจริง เขาจะไม่ตาย”

                สีหน้าเย็นชาของหญิงสาวที่ปกติใครมองต้องเสียวสันหลังกลับไม่มีผลกับยุนอาที่เคียดแค้นร่างบางตอนนี้ มือบางยกขึ้นมาหมายจะทำร้ายหญิงสาวหากคนที่ห้ามเอาไว้คือ ยูริ

                “พี่ยุนอา ใจเย็น ๆ นะคะ ท่านพี่แทยอนพูดจริง ข้าอาจจะไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นสายเลือดผสมจริงหรือไม่ แต่หากเป็นจริง ๆ เจ้าโง่...เอ้ย แทคยอนไม่มีทางตายค่ะ”

                “หมายความว่ายังไง”

                “การที่สายเลือดของสองเผ่าพันธุ์ผสมกันก่อให้เกิดสายเลือดพิเศษ สายเลือดผสมเฉกเช่นเจ้าสามารถใช้พลังจิตได้เช่นกัน หากพวกเจ้าเป็นสายเลือดผสมจริง ๆ บาดแผลแค่นั้นไม่มีทางฆ่าเจ้าได้ พลังจิตคืออำนาจการควบคุมและก่อให้เกิด รักษาบาดแผลด้วยการเร่งให้เซลล์สมานกันซะ แล้วนั่นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าคือสายพันธุ์พิเศษ”

                คำอธิบายยาวเหยียดไหลออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของสาวสวยหมดจดที่เช็ดเลือดออกจากดาบหากแต่ไม่สนใจเลือดที่เปรอะตามกาย มือขาวเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่หายใจรวยรินเชยตามองเธอ

                “แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”

                ยุนอาที่เข้าใจเหตุผลยังไม่ยอมรับอยู่ดีการเอาดาบเข้ามาแทงน้องชายของเธอแบบนี้ จะให้ยอมรับได้อย่างไร หากพวกเธอไม่ใช่สายเลือดที่ว่าเล่าจะทำอย่างไร

                “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้คนที่มีพระคุณกับน้องข้าตายหรอก”

                ดวงตาที่มีแววเฉยชาของคนตรงหน้าสบกับยุนอาอย่างไม่มีการหลบสายตาเพื่อยืนยันว่าหล่อนพูดจริง พี่สาวของคนที่ถูกแทงจึงได้เงียบไป อูยองมองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ แม้ในใจจะแทบเดือดกับการกระทำของร่างบางแต่เขาก็ทำเพียงแค่นิ่งเฉย

                “แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าไม่มีวันเชื่อข้าหากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองหรอก”

                แทยอนเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างนิชชา ถ้อยคำสั้น ๆ ที่แทงใจคนฟังทั้งสาม ใช่ หญิงสาวพูดถูก ไม่มีใครสามารถเชื่อเรื่องพวกนี้ได้หากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มพี่คนโตเจ้าของบ้านมองร่างเล็ก หญิงสาวคนนี้เยือกเย็นและดูเย็นชา หากแต่ทุกการกระทำของเธอล้วนมีเหตุผลเหนืออารมณ์ในการตัดสินใจทั้งสิ้น

                “เจ้าโง่ พยายามนึกว่ามีกระแสอะไรบางอย่างไหลเวียนในกายแล้วพยามเพ่งสมาธิรวบรวมมันไปเร่งการสมานบาดแผล”

                “ละ...แล้วมันทำยังไงล่ะ ยัยบ้า!!

                “หึ พูดได้แบบนี้ไม่มีทางตายแน่นอน”

                ยูริที่นั่งอยู่ข้างคนปางตายอธิบายการควบคุมพลังจิตเบื้องต้น ซึ่งร่างสูงที่เลือดยังคงไม่หยุดไหลก็มีหน้ามาต่อปากต่อคำกับร่างบางทำให้สาวน้อยเผยรอยยิ้มออกมา

                แทคยอนนึกถึงคำพูดของยูริก่อนจะค่อย ๆ จินตนาการตาม บางสิ่งที่ไหลเวียนในกายทำให้ร่างสูงรู้สึกสัมผัสถึงมันได้ ร่างกายพลันรุ่มร้อนแปลกประหลาดราวกับเขาค้นพบสิ่งที่หลับไหลในตัวมานาน ชายหนุ่มค่อย ๆ รวบรวมกระแสพลังนั้นไปรวมที่บาดแผลที่ช่องท้อง ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบ เลือดค่อย ๆ หยุดไหลก่อนที่แผลจะค่อย  ๆ สมานกันทีละน้อย

                ยุนอาและอูยองเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของบาดแผลน้องชาย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาเฉยชาของหญิงสาวอีกคนที่มองมาอยู่แล้ว ก่อนจะเม้มริมฝีปากเมื่อที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหกแม้แต่น้อย อูยองมองน้องสาวตัวเองแล้วแตะที่ไหล่บางเบา ๆ แม้ตอนแรกจะไม่อยากเชื่อ แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงอีกแล้ว

                “แล้วตอนแรกคุณรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็น สายเลือดที่ว่านั่น”

                อูยองที่ปล่อยให้ยุนอาและยูริดูแทคยอนเดินเข้ามาหาร่างบางแต่ทิ้งระยะห่างไว้อย่างเหมาะสม แทยอนเงยหน้าขึ้นมาสบคนที่ยืนจ้องเธออยู่ก่อนจะยอมเอ่ยตอบ

                “กลิ่นไอพลังจิตที่ไม่มีในมนุษย์ ยูริใช้พลังจิตจนหมดเลยไม่สามารถสัมผัสได้”

                “งั้นคุณก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกว่าพวกเรา คือ สายเลือดผสม”

                “อาจใช่ แต่ข้าก็ไม่อาจเชื่อเรื่องที่อาจเป็นแค่ตำนานได้ จนได้เห็นจริง”

                “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกเราจริง ๆ”

                แทยอนเปรยตามองชายหนุ่มก่อนจะเหยียดรอยยิ้มเยือกเย็นให้ฉายบนดวงหน้า หญิงสาวลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาประชิดชายหนุ่ม อูยองรู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนตรงหน้า มือขาวดึงคอเสื้อของชายหนุ่มก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “พวกเจ้าไม่มีวันหนีความจริงได้หรอก สายเลือด เป็นสิ่งที่ไหลเวียนในกายไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้”

                อูยองเหมือนจะเห็นแววตานิ่งงันนั้นไหววูบแปลกประหลาดชั่วแวบ คำพูดที่ราวกับจะตอกย้ำตนเองมากกว่าชายหนุ่ม ก่อนที่ร่างบางจะยอมปล่อยคอเสื้อชายหนุ่มโดยดี

                “แต่พวกเจ้ามีพลังจิตก็พิสูจน์เพียงพอแล้ว หากยังไม่พอยังมีผู้หญิงที่ตามล่าเจ้าพิสูจน์ได้อีกอย่างหนึ่ง”

                “หมายความว่ายังไง”

                “มนุษย์ไม่เคยรู้สิ่งใดเลย”

                นิชชาเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาดึงพี่สาวตัวเองให้กลับมานั่ง เขาไม่อยากให้ครอบครัวเขาต้องมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะมนุษย์ที่ว่านั่นคือ สายเลือดผสม

                “หัวใจของพวกเจ้าคือพลังมหาศาลและความเป็นอมตะ

                คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้สายเลือดผสมทั้งสามนิ่งงัน ความเงียบเข้าปกคลุมห้องจนได้ยินเพียงเสียงหายใจของแต่ละคนเท่านั้น เนิ่นนานกว่าที่คนถามคำถามจะเอ่ยคำพูดออกมาต่อได้

                “ที่ผู้หญิงคนนั้นเล่นงานพวกเราก็เพราะ...ต้องการหัวใจของพวกผมงั้นเหรอ”

                “ใช่”

                “เรื่องแบบนี้...จะเป็นไปได้ยังไง”

                ยุนอากุมหัวพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สามารถกรับความจริงได้ ชีวิตที่อยู่อย่างสงบสุขมาตลอดยี่สิบกว่าปีแต่กลับพลิกผันในชั่วข้ามคืน แล้วยิ่งเรื่องหัวใจของเธออีกจะให้ทำใจเชื่อได้อย่างไร

                 “สิ่งที่จะทำให้เจ้าเชื่อไม่ใช่คำพูดของข้า แต่เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าเจอมาแล้วต่างหาก”

                ยูริฟังคำพูดพี่สาวตนแล้วยิ่งรู้สึกผิด โลกทั้งสองไม่เคยเกี่ยวข้องใด ๆ กันมากว่าร้อยปีแล้วจนมาถึงวันที่เธอเพียงแค่นึกสนุกเท่านั้น การกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอและคนทั้งหมดในห้องนี้

                “แล้วเราจะทำยังไงต่อไป ผู้หญิงคนนั้นต้องตามล่าเราแน่ ๆ”

                “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยแทค พักผ่อนก่อนเถอะ”

                ยุนอาปรามน้องที่บาดแผลเกือบสมานกันดีแล้ว หากแต่เขายังไม่สามารถใช้พลังจิตได้คล่องแคล่วขนาดนั้น ถึงแม้จะบาดเจ็บแต่ร่างสูงกลับฟังบทสนทนาทั้งหมดนั่นโดยตลอด

                แทยอนนิ่งไป น้องสาวของเธอจึงรีบลุกขึ้นมาหาคนเป็นพี่ทั้งสองแล้วเอ่ยอย่างรวดเร็วด้วยใจที่ร้อนรน

                “ท่านพี่ เราต้องช่วยพวกเขานะคะ”

                “ทำไมเราต้องช่วยพวกนี้ด้วยแหละ ยูริ”

                “ท่านพี่นิชชา!!!!!!

                “พอทั้งคู่ พวกเจ้าต้องไปโลกคู่ขนานกับพวกข้า”

                แทยอนตัดบททะเลาะของน้องทั้งสองก่อนจะหันมาพูดกับอูยองที่รับเรื่องพวกนี้ได้อย่างสงบจนน่าตกใจ

                “ทำไมเราต้องไปกับพวกคุณ เราไม่อยากไป”

                “งั้นก็เลือกเอาจะตายอยู่ที่นี่หรือจะไปกับเราแล้วมีทางรอด”

                “คุณ!!!!!!

                “พอก่อนยุนอา”

                อูยองหันมาหยุดน้องสาวที่เตรียมจะลุกขึ้นเอาเรื่องร่างเล็กบางตรงหน้าที่เท่าที่ดูแล้วยุนอาไม่สามารถเอาชนะได้เลย ก่อนจะหันมาเป็นคนเปิดเจรจากับร่างเล็กแทน

                “พวกคุณรับรองความปลอดภัยของพวกเราได้เหรอครับ”

                “ไม่ใช่แค่พวกข้า แต่เป็นโลกของข้าต่างหาก ที่พวกข้าต้องพาเจ้าไปด้วยเพราะหากปล่อยให้หัวใจของพวกเจ้าอยู่ในมือนาง เท่ากับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างชัด ๆ”

                คำอธิบายทำให้ทุกคนกระจ่าง หญิงสาวทำเพื่อโลกของตน หากพวกเขายังดึงดันที่จะอยู่ที่นี่ อาจจะตายด้วยน้ำมือผู้ที่ต้องการแย่งชิงหัวใจของพวกเขาและคนผู้นั้นก็จะกลายเป็นอมตะ โลกคู่ขนาน ไม่สิ โลกทั้งสองใบต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

                “งั้นพวกผมตกลงครับ เข้าใจไหมยุนอา”

                “ค่ะ พี่อูยอง”

                “ดี เราจะไปโลกคู่ขนานกัน”

                แทยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะปรายตามองทุกคนในห้องที่จมอยู่กับความคิดตนเอง

                ไม่ว่าชะตาข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เธอได้แต่ทำใจยอมรับสินะ

                ร่างแน่งน้อยหลับตาลง อย่างน้อยถึงแม้พวกเธอจะเป็นต้นเรื่องแต่สภาคงยังไม่สามารถฆ่าพวกเธอได้ก่อนจะหาผู้ที่คิดจะชิงหัวใจของสายเลือดผสมได้ล่ะมั้ง




    100% ค่ะ ฟู่ว์~

    ครึ่งหลังไม่มีอะไรมาก อธิบายอย่างเดียว

    แทยอนดูป่าเถื่อนและเลือดเย็นไปหน่อย แต่ก็มีเหตุผลน้า

    ตอนหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ แล้วค่ะ ทุกคนไปโลกคู่ขนานแล้ว

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ อยากให้มีเม้นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จัง

    แล้วจะรีบมาต่อเน้อ~



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×