ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพราชันย์ออนไลน์ [Online]

    ลำดับตอนที่ #7 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: หนึ่งในสิบสองราชา (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.27K
      57
      14 พ.ค. 57






    พิ ภ พ ร า ชั น ย์ • อ อ น ไ ล น์






     



    ตอนที่ 3 หนึ่งในสิบสองราชา (2)

     

     

     

     

    เธอและคลีเซอร์ยืนชมการทดสอบต่อไปได้สักพัก กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็ส่งเสียงดังและเบียดดันตัวจนชายรูปร่างบึกบึนสูงล่ำใหญ่ยักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ กระแทกเธอเข้าเต็มแรง เนื่องจากร่างกายตัวเล็กที่เป็นเด็กอยู่แล้ว เธอจึงกระเด็นกลิ้งหลุนๆ ไปอยู่ปลายเท้าของคนที่ยืนทดสอบซึ่งใส่ชุดคลุมสีดำปกปิดหน้าตา

     

     

     

     

    ซีแนลส่งยิ้มแหยๆ ให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะถูกคลีเซอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคว้าตัวอุ้มออกมาอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    ข้าขอโทษเจ้าหญิง ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด ทั้งสิ้นเป็นเพราะข้าที่โง่เง่าไม่ระวังคลีเซอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดราวกับหวั่นกลัวอะไรบางอย่าง

     

     

     

     

    ช่างเถอะน่า

     

     

     

     

    เธอโบกมือว่าไม่เป็นไรขณะสายตาสนใจกับการดูผู้เข้าทดสอบคนต่อไป

     

     

     

     

    เอ๊ะ คลีเซอร์แต่เมื่อครู่นี้ฉันไปปรากฏตัวเบื้องหน้าประตูทดสอบโดยไม่มีผู้รับใช้ใช่หรือไม่ คงไม่ได้หมายความว่าฉันเผลอท้าทายมันเข้าหรอกนะ

     

     

     

     

    นะ...นั่นคือสิ่งที่ข้าหวาดกลัว มันเป็นความผิดของข้า เพราะท่านยังเด็กเกินไปบางทีท่านอาจจะไม่มีวันมีผู้รับใช้ได้อีก... หากเป็นเช่นนั้นข้า...

     

     

     

     

    ไม่ทันที่คลีเซอร์ได้เอ่ยจบ ไอมืดสีดำก็จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ก่อนจะขยายบดบังอาณาเขตประตูเลือกสรรและกระเพื่อมไหวรุนแรงจนเสียงดังกึกก้อง

     

     

     

     

    เปรี๊ยะ...

     

     

     

     

    ครืนนน... ครืนนน...

     

     

     

     

    ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมองกับภาพที่เห็นอย่างตกตะลึง และถอยกรูออกห่างออกมาอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    เปรี้ยง!!!

     

     

     

     

    ไม่ทันที่ใครจะทันได้ขยับตัวไปมากกว่านี้สายฟ้าฟาดสีเงินราวกับลูกศรอสนีก็พุ่งผ่านออกมาด้วยรัศมีอันแรงกล้าจนเกิดเสียงดังคำรามสนั่นผืนปฐพี

     

     

     

     

    ทันใด เบื้องหน้าก็ปรากฏกายร่างยมทูตขึ้นตนหนึ่ง

     

     

     

     

    โครงกระดูกสีขาวถือเคียวด้ามยาวคมกริบในชุดคลุมสีรัตติกาลโดยมีปีกขนนกสีดำสยายอยู่ด้านหลังกำลังแผ่พลังอำนาจออกไปรอบทิศทางจนรู้สึกอึดอัด สายโซ่ที่รัดพันธนาการแขนขาลากยาวลอยเหนือพื้นส่งเสียงกระทบกันเสียงดังจนนึกถึงหนังสยองขวัญ ผู้คนที่พบเห็นต่างสั่นสะท้านหวาดหวั่นสั่นสะพรึงไปตามกัน

     

     

     

     

    อะไรน่ะคลีเซอร์

     

     

     

     

    เจ้าหญิง นะ...นั่นมัน...

     

     

     

     

    ซีแนลขมวดคิ้วเข้าหากันทันที แม้จะเริ่มชินและทำใจได้ว่าในดินแดนนี้ยังมีอะไรที่ประหลาดและไม่เคยพบเห็นอีกจำนวนมาก แต่ที่น่าสงสัยเป็นที่สุดคือทำไมแม้แต่คลีเซอร์เองก็ยังแสดงท่าหวาดหวั่นเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนั้นปรากฏตัวออกมา

     

     

     

     

    ทำไมกันนะ!

     

     

     

     

    นั่นมัน...เสียงของใครบางคนละล่ำละลักพูดด้วยความตกตะลึง

     

     

     

     

    เหตุใดหนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรกจากอาณาจักรแห่งความตายถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่!” เสียงของผู้อาวุโสท่านหนึ่งร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ

     

     

     

     

    นั่นมัน... ยมทูตผู้ทำหน้าที่กักขังวิญญาณที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายเป็นที่สุดในอาณาจักรแห่งความตายเสียงของคลีเซอร์หลุดออกมาอย่างไม่หลงเหลือมาดความน่าเกรงขามอีกต่อไป คลีเซอร์รีบยื่นแขนรั้งให้ฉันขยับไปอยู่ด้านหลังและถอยห่างออกมาทันที

     

     

     

     

    ตอนนี้เห็นได้ว่าทุกคนต่างมีท่าทีหวาดหวั่นสั่นสะพรึง

     

     

     

     

    สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามันอันตรายขนาดที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้มากขนาดนั้นเชียวเหรอ เธอเอ่ยถามคลีเซอร์ด้วยความแปลกใจ

     

     

     

     

    ท่านไม่รู้สึกถึงความอึดอัดอันมหาศาลนั้นเลยหรือเจ้าหญิง เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง

     

     

     

     

    เธอส่ายหน้าตอบกลับไป

     

     

     

     

    น่าแปลกใจยิ่งนักคลีเซอร์สบถออกมาเบาๆ และมองเธอด้วยใบหน้าครุ่นคิด

     

     

     

     

    ไม่รู้สิเธอยักไหล่เบาๆ

     

     

     

     

    ตามจารึกประวัติศาสตร์เคยจดบันทึกเอาไว้ว่าตั้งแต่ผืนทวีปก่อกำเนิด ยังมีไม่ถึงสิบคนที่สามารถเรียกยมทูตจากอาณาจักรแห่งความตายออกมาเป็นข้ารับใช้ได้ แม้จะมีบางคนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ทว่ายังไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถเรียกผู้กักขังวิญญาณที่อยู่เหนือเหล่าผู้คุมวิญญาณทั้งมวลให้ปรากฏกายขึ้นโดยไม่ผ่านการทำพิธี และด้วยเพราะเหตุนี้ทุกคนจึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีข้อกังขา คลีเซอร์ว่าพลางเหยียดยิ้มออกมา

     

     

     

     

    แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมจอมเวทผู้อาวุโสบางคนในที่นี้ถึงได้พากันทำหน้าหวั่นวิตกมุมปากของคลีเซอร์ยกขึ้นอย่างเหยียดหยันเล็กน้อยก่อนจะอธิบายต่อ

     

     

     

     

    เพราะหลายคนในที่นี้ยังไม่ลืมเรื่องเล่าอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อสามพันปีก่อนนะสิ ครั้งนั้นจอมเวทนับร้อยคนแห่งทวีปราชันย์ได้ร่วมกันทำพิธีเปิดประตูสู่อาณาจักรแห่งความตายขึ้นที่นี่ เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งในสิบของทวีปราชันย์กลับคืน แต่ทว่าเพียงแค่ท้าทายกับหนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรกคนแรกเข้าก็ทำเอาพิธีล่มไม่มีดี เวลาไม่กี่นาทีจอมเวททั้งร้อยคนก็พากันบาดเจ็บและล้มตาย จากบรรดาจอมเวททั้งหมดที่เหลือรอดมาถึงตอนนี้นับว่ามีไม่ถึงยี่สิบคนเสียด้วยซ้ำ และข้าเดาว่าบางทีคนพวกนั้นอาจจะผันตัวกลายเป็นหนึ่งในมหาจอมเวทที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้อนรับตอนนี้ซะด้วย

     

     

     

     

    ขณะที่เธอกำลังฟังคำบอกเล่าจากปากคลีเซอร์อยู่เพลินๆ ร่างของพวกเราทั้งคู่ก็ชะงักนิ่ง เพราะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอัดอึดมากมายบางอย่างที่แผ่ออกมารบกวนอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

     

     

     

    สายตาของทุกคนพากันจดจ้องร่างยมทูตผู้กังขังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นไอแห่งความมืด หวาดกลัว ความสิ้นหวัง และความตาย บางคนรับพลังกดดันนั้นไม่ไหวจนต้องกุมหน้าอกตัวเองก่อนจะทรุดลงกับพื้น

     

     

     

     

    ทันทีที่มันล่องลอยมาหยุดเบื้องหน้าเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นก็เรียกเสียงหวีดร้องตกใจของผู้คนออกมาได้อย่างคาดไม่ถึง เดาได้ไม่ยากว่าเด็กคนนั้นต้องโชคร้ายมีอันเป็นไปเป็นแน่

     

     

     

     

    เพียงแค่หนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรกเหลือบมองข่มขู่ด้วยหางตาก็ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่นิดเดียว

     

     

     

     

    แม้แต่คลีเซอร์เองก็เถอะที่พยายามยืนขวางเพื่อปกป้องเธอก็มีอันถูกเจ้านั่นสะบัดมือขึ้นกลางอากาศกระแทกออกไปด้วยพลังอันรุนแรง

     

     

     

     

    เกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะว่าเด็กนั่นเรียกยมทูตในอาณาจักรแห่งความตายออกมาเป็นผู้รับใช้ได้ แถมยังไม่ใช่แค่ยมทูตธรรมดา แต่เป็นถึงหนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรก

     

     

     

     

    “ไม่มีทางหรอก ขนาดฝีมือระดับจอมเวทยังไม่สามารถทำได้นับประสาอะไรกับเด็ก มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ”

     

     

     

     

    “นั่นสิๆ”

     

     

     

     

    เสียงของผู้คนเริ่มดังอื้ออึงส่งเสียงซุบซิบกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน แต่นั่นก็ไม่สามารถเรียกความสนใจของฉันได้เท่ากับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

     

     

     

     

    เจ้าเองหรือที่เรียกหาข้าเด็กน้อย เช่นนั้นจงเอ่ยนามของเจ้ามา!’  น้ำเสียงทรงอำนาจเอื้อนเอ่ยออกมาในตอนแรกก่อนจะประกาศกร้าว

     

     

     

     

    ซะ... ซีแนล ซีแนล เฟลคอนเธอเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึงกับร่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าห่างไปไม่ถึงเมตร

     

     

     

     

    นามของข้าคือซิเรียส หนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรก แค่เพียงมันโค้งตัวให้เธอเบาๆ ก็เรียกเสียงฮือฮารอบทิศทาง

     

     

     

     

    ตอนนี้ซีแนลสัมผัสได้ว่าความอึดอัดเมื่อครู่นี้หายไปหมดแล้ว นายมีจุดประสงค์อะไร ก้มหัวให้ฉันทำไมเนี่ย ฉันไม่ต้องการเป็นจุดสนใจจากสายตาคนอื่นนะเธอกระซิบออกมาเบาๆ

     

     

     

     

    จิตวิญญาณของเจ้าเรียกร้องให้ข้ามาที่นี่

     

     

     

     

    หา! เธอเรียกตอนไหน! เธอยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเสียด้วยซ้ำ

     

     

     

     

    มีเพียงผู้เรียกร้องความตายด้วยดวงใจที่บริสุทธิ์เท่านั้นจึงสามารถเรียกผู้จงรักภักดีอย่างข้าออกมาได้ ผู้ผ่านพ้นความตายมาแล้วเท่านั้นจึงมีคุณสมบัติที่ข้าจะศิโรราบให้ อย่างเช่าเจ้าอย่างไรล่ะ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าเคยเรียกร้องหาความตายมาแล้วไม่ใช่หรือ

     

     

     

     

    จะบ้าเหรอ! เธอเคยเรียกร้องความตายซะที่ไหน ดูอย่างตอนนี้เธอก็กลัวตายเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย

     

     

     

     

    แต่ในจิตวิญญาณของเจ้าไร้แม้แต่ความหวาดกลัวข้า

     

     

     

     

    เอ๊ะ เมื่อครู่นี้ฉันแค่คิดเองนะ

     

     

     

     

    ต่อให้เจ้าพูดหรือคิด ข้าก็ได้ยินทั้งนั้น ในเมื่อข้ากลายเป็นผู้รับใช้ของเจ้าแล้ว

     

     

     

     

    เฮ้ย จะบ้าเหรอ ฉันไปตอบตกลงตั้งแต่เมื่อไหร่

     

     

     

     

    เจ้าเรียกข้าผ่านทางประตูแห่งสัจจะและอำนาจนี่อย่างไรเล่า ดังนั้นต่อให้เจ้าตอบว่าไม่ก็มิอาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้

     

     

     

     

    ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกตะลึง แบบนี้มันเรียกว่ายัดเยียดแกมบังคับไม่ใช่เหรอ

     

     

     

     

    ท่านพูดอะไรกับหนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรกหรือเจ้าหญิงคลีเซอร์ขยับตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อยด้วยความอึดอัดขณะพยามยามเอ่ยปากถามฉัน

     

     

     

     

    ฉันคุยกับเขานายไม่ได้ยินเหรอ

     

     

     

     

    ไม่ขอรับ! ถ้อยคำที่ท่านเอื้อนเอ่ยออกมาเมื่อครู่ล้วนแต่เป็นภาษาโบราณที่ข้าล้วนไม่เข้าใจ มันพบได้เพียงบางที่ในทวีปราชันย์เท่านั้น

     

     

     

     

    ภาษาโบราณ นายหมายความว่าคนอื่นฟังสิ่งที่ฉันพูดกับซิเรียสไม่ออกเหรอ

     

     

     

     

    คลีเซอร์พยักหน้าให้เบาๆ

     

     

     

     

    เธอหันมองรอบตัวก่อนจะชะงักเล็กน้อย ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องเป็นตาเดียว ซีแนลเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากพลางกวาดหางตาชำเลืองมองทุกสายตาที่จับจ้องมา ก่อนจะทำตัวเป็นปกติและเอ่ยขึ้นในใจ

     

     

     

     

    ซิเรียสนายบอกว่าเป็นผู้รับใช้ของฉัน นั่นหมายความว่านายจะเชื่อฟังทุกอย่างที่ฉันสั่งสินะ ถ้าอย่างนั้นนายช่วยหายตัวไปก่อนอย่างผู้รับใช้ตนอื่นได้หรือไม่ เหมือนตอนที่ฉันเห็นคลีเซอร์ทำน่ะ ฉันไม่อยากกลายเป็นจุดเด่นมากไปกว่านี้ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายเมื่อไหร่จะรีบเรียกออกมาทันที ซิเรียสโค้งตัวทำความเคารพน้อยๆ ก่อนจะหายไปในพริบตา

     

     

     

     

    กรี๊ดดดดด!!!”

     

     

     

     

     

    ทันทีที่ซิเรียสหายวับไปเธอก็หวีดร้องออกมาทันที พร้อมกับทรุดตัวลงพื้นด้วยตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว

     

     

     

     

    ทะ...ท่านเป็นอะไร คลีเซอร์เอ่ยถามด้วยความตกใจ

     

     

     

     

    ฮือๆ ช่วยด้วย ไอ้โครงกระดูกนั่นมันจะฆ่าฉัน ฮือ น่ากลัวจังเลย ช่วยด้วย กลัวแล้ว! ไม่เอานะ อย่าฆ่าฉันเลย! ได้โปรดอย่าใช้พลังสะกดให้ฉันทำตาม ฉันกลัวแล้วอย่าทำอะไรเลย เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหูและหลับตาทรุดตัวลงกับพื้นเกลือกกลิ้งถีบเท้าด้วยความหวาดกลัวอย่างน่าสงสารที่สุดในชีวิต

     

     

     

     

    ขณะหางตาเหลือบไปมองคนอื่น ซึ่งไม่เว้นแม้แต่คลีเซอร์เองก็แสดงสีหน้าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกออกมาด้วยเช่นกัน รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปากโดยไม่มีใครสังเกตเห็นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของผู้คน

     

     

     

     

    ไม้นี้เบี่ยงเบนความสนใจได้ผลแฮะ

     

     

     

     

    เจ้าหญิง…” คลีเซอร์รีบยกตัวเธออุ้มขึ้นแล้วลูบหัวลูบหลังปลอบเธอด้วยอาการร้อนรน

     

     

     

     

    ฉันแสดงได้สมบทบาทเลยมั้ยคลีเซอร์เธอกระซิบเบาๆ ขณะที่ซบหน้าลงบนบ่า คลีเซอร์ชะงักตัวแข็งทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ

     

     

     

     

    ท่านนี่ช่างเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจนักเจ้าหญิง ขนาดแม้แต่ข้าก็มิวายหลงกลไปด้วย

     

     

     

     

    คิกๆ สุดยอดเลยใช่มั้ย

     

     

     

     

    เธอยกมือข้างหนึ่งที่ไม่ได้โอบคอคลีเซอร์ขึ้นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ ในขณะที่สายตาคนอื่นมองว่ากำลังร้องไห้อย่างหนัก

     

     

     

     

    ตอนนี้ดูเหมือนท่าทางของคนอื่นจะเลิกสงสัยและหมดข้อกังขาเกี่ยวกับซิเรียสว่ามีความเกี่ยวข้องกับเธอไปบ้างแล้ว พวกเขาคงเข้าใจว่าหนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรกต้องการจะทำร้ายเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งตามที่เธอแสดงออกไปได้สมบทบาทเท่านั้น ถึงแม้หลายคนจะยังติดใจเรื่องที่ซิเรียสปรากฎตัวขึ้นที่นี่ได้ยังไงอยู่ก็ตามเถอะ

     

     

     

     

    ฉับพลัน ลูกแก้วสีฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเธอ

     

     

     

     

    แย่แล้วคลีเซอร์นี่มันกุญแจใช่ไหม

     

     

     

     

    ทันทีที่เธอยื่นมือไปตรงหน้าคลีเซอร์หลุดเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ

     

     

     

     

    เกิดอะไรทำไมกุญแจถึงปรากฏขึ้นในมือของเธอได้ล่ะ!?

     

     

     

     

    ฉันถูกเลือกด้วยอย่างนั้นเหรอคลีเซอร์ ทำไมล่ะในเมื่อคาเธอร์บอกว่าต้องมีอายุครบสามร้อยปีถึงสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะยื่นลูกแก้วที่มีลักษณ์เดียวกับผู้ถูกเลือกคนก่อน

     

     

     

     

    คลีเซอร์วางตัวเธอลงยืนกับพื้นและย่อตัวเองนั่งลงโดยคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นขณะจ้องมองเธออย่างไม่วางตา

     

     

     

     

    เจ้าหญิงท่านได้รับเลือกจริงๆ แล้วข้าจะรายงานกับนายท่านอย่างไรดี ข้าว่าพวกเราควรรีบกลับไปปรึกษาหารือกับนายท่านที่จุดนัดพบเถิดคลีเซอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวั่นวิตกราวกับเกรงกลัวว่าเธอจะตัดสินใจเข้าไปในพิภพราชันย์อย่างไรอย่างนั้น

     

     

     

     

    เฮ้ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ช่างมันปะไร หลังจากฉันเข้าไปแล้วก็บอกคาเธอร์ไปตามที่นายเห็นก็แล้วกัน

     

     

     

     

    ทันทีที่ได้ฟังคลีเซอร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงหมายความว่าท่านจะเข้าไปในทวีปราชันย์อย่างนั้นหรือ

     

     

     

     

    ใช่

     

     

     

     

    ไม่ได้นะขอรับ ท่านรู้หรือไม่ในทวีปนั้นแตกต่างกับผืนแผ่นดินที่อยู่ข้างนอกนัก ภายใต้ดินแดนนั้นล้วนเต็มไปด้วยอันตรายและการแข่งขันแย่งชิง ผู้มีเวทมนตร์ทุกคนต่างฟาดฟันเข่นฆ่ากันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ อีกทั้งก่อนหน้านี้นายท่านก็กำชับนักหนาว่าอย่าปล่อยให้ท่านได้รับภัยอันตรายใดๆ อย่างเด็ดขาด

     

     

     

     

    แล้วฉันสมควรทำยังไงดีล่ะ ฉันปฏิเสธไม่เข้าไปสู่ทวีปราชันย์ได้ด้วยเหรอเธอเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

     

     

     

     

    เรื่องนั้นข้าไม่ทราบ... คลีเซอร์มีท่าทางอึกอัก เหงื่อซึมผุดตามใบหน้าทันที

     

     

     

     

    มีอะไรไม่ดีอย่างนั้นเหรอ

     

     

     

     

    กุญแจจะคงอยู่ได้ไม่กี่ชั่วยาม หากท่านปฏิเสธเข้าสู่ทวีปราชันย์ในครั้งนี้ ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าต่อไปภายภาคหน้าท่านจะสามารถเข้าสู่ทวีปราชันย์ได้อีกหรือไม่ แต่เรื่องที่เราต้องไปพบกับนายท่านเพื่อนำท่านกลับก็สำคัญยิ่งนัก ข้าว่า...

     

     

     

     

    “แต่ฉันก็ไม่สมควรปล่อยโอกาสหลุดมือ” เธอเอ่ยด้วยใบหน้าขบคิด

     

     

     

     

    “นายท่านคงไม่ยอมแน่ เพราะแท้จริงแล้วท่านควรฝึกฝนตัวเองให้พร้อมก่อนถึงเวลาอันควรถึงจะถูก”

     

     

     

     

    “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คิดไปก็ยุ่งยากเสียเวลาเปล่า อย่างนั้นก็ฝากนายบอกกับคาเธอร์ด้วยว่าไว้เจอกัน”

     

     

     

     

    เธอยิ้มกว้างออกมาอย่างมิได้เสแร้ง เพราะสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะกับท่าทางที่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงของคลีเซอร์ไว้แทบไม่อยู่

     

     

     

     

    เพล้ง!

     

     

     

     

     

    สิ้นเสียงลูกแก้วที่แตกกระจายภายใต้กำมือ ร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็หายวับไป สิ่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่คือความเงียบงันของผู้รับใช้ที่มีใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด

     

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×