ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพราชันย์ออนไลน์ [Online]

    ลำดับตอนที่ #39 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: ดวงตายมทูต (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.6K
      82
      15 พ.ค. 57





    พิ ภ พ ร า ชั น ย์  • อ อ น ไ ล น์






    ตอนที่ 20  ดวงตายมทูต (1)

     

     

     

     

    ซีแนลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจเป็นที่สุด ตอนนี้ในสมองเธอได้แต่คิดใคร่ครวญว่าอีกฝ่ายจะมีแผนอะไรกันแน่

     

     

     

     

    “เมื่อครู่นี้เจ้าก็สัมผัสได้เช่นเดียวกับข้าใช่ไหมทีบีนว่านางคู่ควร”

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรดิราเซียเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะดวงตาทอประกายเจ้าเล่ห์วูบหนึ่งโดยไม่ทันที่ใครจะสังเกตเห็น

     

     

     

     

    “หากสิ่งที่เจ้าปรารถนาตรงกับความคิดตอนนี้ของข้า ข้าคงต้องตอบว่าใช่” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนพยักหน้าเล็กน้อย

     

     

     

     

    ซีแนลเริ่มรู้สึกแปลกใจกับท่าทางเคร่งเครียดของสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

     

     

    “พวกท่านพูดถึงเรื่องอะไรกัน!” เธอถามด้วยความสงสัย

     

     

     

     

    “ดิราเซียเกิดถูกใจท่านขึ้นมา เขาจึงอยากมอบดวงตายมทูตให้ท่านขอรับ” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนกล่าวกับเธอ

     

     

     

     

    ซีแนลหรี่ตามองไปยังสัตว์เทพอสูรอีกตนด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย

     

     

     

     

    เธอไม่เข้าจริงๆ เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเธอตามไม่ทัน คาดว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไรบางอย่างแฝงอยู่อย่างแน่นอน

     

     

     

     

    “มิเคยมีผู้ใดที่ทำให้ข้ารู้สึกถูกอกถูกใจได้เช่นเจ้ามาก่อน บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าทำไมราลูเลียจึงเลือกทำพันธสัญญากับเจ้า นางมิได้โง่เขลาเลือกคนผิดอย่างที่ข้าเข้าใจผิดตั้งแต่แรกเลย” สัตว์เทพอสูรดิราเซียว่าขณะดวงตาพราวระยับจับจ้องมองเธอ

     

     

     

     

    “ท่านซีแนลข้าอยากให้ท่านรับดวงตายมทูตจากเจ้านั่นแล้วเดินทางออกจากดินแดนนรกไปเสีย” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนกล่าวกับเธอคล้ายคำอ้อนวอน

     

     

     

     

    ทำไมล่ะ?

     

     

     

     

    ทำไมภายในจิตใจของเธอถึงได้รู้สึกว้าวุ่นและลังเลใจอย่างบอกไม่ถูก

     

     

     

     

    “ได้โปรดเถอะขอรับ อย่างน้อยท่านก็มิได้ปลดปล่อยเขา มิหนำซ้ำยังได้ครอบครองดวงตายมทูตซึ่งเป็นเสมือนหลักประกันว่าจะควบคุมเขาได้อีก”

     

     

     

     

    “แต่ไม่ใช่ว่านี่เป็นแผนการอย่างหนึ่งของเขาหรอกเหรอ ถ้าหากวันหนึ่งเขาเกิดหักหลังหรือคิดร้ายฉันขึ้นมาล่ะ เขาดูไม่น่าไว้ใจเลย” สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความลังเลใจ

     

     

     

     

    “เขามิได้คิดร้ายกับท่านแน่ๆ ขอรับ เรื่องนั้นข้ารับรองเพราะเขาเพิ่งกล่าวสัตย์สาบานของยมทูตออกไป” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนยืนยัน

     

     

     

     

    ซีแนลที่ได้ฟังแทบผงะ อะไรกัน! ทำไมเรื่องราวมันถึงกลับตาลปัตรง่ายดายอย่างนี้ล่ะ

     

     

     

     

    ง่ายดายเกินไปหรือเปล่า

     

     

     

     

    “อีดานกับพี่หมีล่ะคิดว่ายังไง” เธอหันไปถามสัตว์อสูรในปกครองที่นิ่งเงียบมาตลอด

     

     

     

     

    “ขออภัยนายหญิงที่ข้ามิอาจเสนอความคิดเห็นอันยากเย็นข้อนั้นได้ขอรับ”

     

     

     

     

    หมายความว่ายังไง?

     

     

     

     

    เธอมองอีดานด้วยใบหน้างุนงง

     

     

     

     

    “ก็อย่างที่เจ้าโครงกระดูกว่านั่นแหยะนายฉิง ความกังวลใจของท่านทำให้ทั้งข้าและเจ้านั่นตอบไม่ถูกนะฉิ”

     

     

     

     

    อ้าววว เป็นงั้นไปซะอีก

     

     

     

     

    ซีแนลนิ่วหน้าใคร่ครวญเรื่องราวจนแทบคิ้วขมวด ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยปากกับอีกฝ่ายว่า

     

     

     

     

    “หากท่านแน่ใจและรับประกันว่าเขาจะไม่คิดร้ายฉันในภายภาคหน้าละก็ฉันก็ยินดีรับดวงตายมทูตแล้วรีบๆ ออกไปจากที่นี่” เธอกล่าวกับสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนขณะที่ดิราเซียยิ้มพราวด้วยดวงตาประกายวับวาว

     

     

     

     

    พอเหลือบเห็นฝ่ายนั้น เธอก็สบถขึ้นในใจทันที

     

     

     

     

    ให้ตายสิ เจ้าบ้านั่นไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ

     

     

     

     

    “มาเถอะมนุษย์น้อย เจ้าอยากเจอกับสัตว์เทพอสูรผู้สูงส่งผู้นั้นไม่ใช่หรือ” ดิราเซียกล่าวขณะย่างก้าวมาด้านหน้า

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนพยักหน้าให้เธอก่อนจะเรียกมีดอันคมกริบเล่มหนึ่งออกมา ซีแนลตกใจหน้าซีดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยอธิบายอย่างปลอบประโลมแล้วค่อยๆ กรีดลงบนฝ่ามือของทั้งสองข้างของเธอ

     

     

     

     

    เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อคมมีดค่อยๆ กรีดลงบนฝ่ามือจนเลือดแดงฉานและไหลหยดลงสู่พื้น

     

     

     

     

    แม้แต่เธอเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าต้องทำถึงขนาดนี้

     

     

     

     

    ซีแนลรีบเอามือทั้งสองวางทาบลงบนกุญแจหินที่ข้อมือของดิราเซียตามที่สัตว์เทพอสูรทีบีนบอกซึ่งไม่ได้ลวกร้อนอย่างที่หวาดกลัว ไม่นานเธอก็เริ่มได้ยินเสียงบทสวดมนต์ที่ค่อยๆ ดังก้องทวีขึ้นเรื่อยๆ จนหัวแทบจะระเบิด

     

     

     

     

    เหงื่อไหลซึมไปตามผิวหน้าในขณะที่ฝ่ามือค่อยๆ รู้สึกร้อนเหมือนถูกเปลวเพลิงมอดไหม้ โดยไม่ทันสังเกตสิ่งรายรอบตัวเลยว่าห้วงเวลากำลังจะหยุดไป และเมื่อเสียงสวดมนต์สิ้นสุดลงในตอนนั้นเองเธอจึงสัมผัสได้ว่าแม้แต่อากาศรอบตัวก็แทบหยุดนิ่ง ไม่นานไอมืดสีดำที่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พลันจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่บดบังอาณาเขตจนหมด

     

     

     

     

    เปรี๊ยะ... ครืนนน... ครืนนน...

     

     

     

     

    มันกระเพื่อมไหวรุนแรงจนเสียงดังกึกก้องไปหมด

     

     

     

    ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมองกับภาพที่เห็นอย่างตกตะลึง แม้แต่พี่หมีกับอีดานเองก็ถอยกรูห่างออกอย่างรวดเร็วด้วยความพรั่นพรึง

     

     

     

    เปรี้ยง!!!

     

     

     

     

    ไม่ทันที่ใครจะทันได้คาดคิดสายฟ้าฟาดสีเงินราวกับลูกศรอสนีก็พุ่งผ่านออกมาด้วยรัศมีอันแรงกล้าจนเกิดเสียงดังคำรามสนั่นผืนปฐพี

     

     

     

     

    เธอจำได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     

     

     

     

    ซีแนลหลับตานิ่งลงอย่างสงบราวกับจะซึมซับเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ในความทรงจำเสียให้ได้

     

     

     

     

    ทันใด เบื้องหน้าก็ปรากฏกายร่างยมทูตขึ้นตนหนึ่ง

     

     

     

     

    โครงกระดูกสีขาวถือเคียวด้ามยาวคมกริบในชุดคลุมสีรัตติกาลโดยมีปีกขนนกสีดำสยายอยู่ด้านหลังกำลังแผ่พลังอำนาจออกไปรอบทิศทางจนรู้สึกอึดอัด สายโซ่ที่รัดพันธนาการแขนขาลากยาวลอยเหนือพื้นส่งเสียงกระทบกันเสียงดังจนสั่นขวัญผู้คนที่พบเห็นให้สั่นสะท้านไปตามกัน

     

     

     

     

    “มาแล้วสินะ”

     

     

     

     

    ซีแนลที่ยังหลับตานิ่งกล่าวขณะริมฝีปากคลี่รอยยิ้มกว้างอย่างยินดี ทันใดนั้นเธอก็พลันลืมตาขึ้น ดวงตาสีแดงฉานราวกับเลือดส่องประกายระยับวับวาวราวกับตื่นเต้นเป็นที่สุด

     

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรดึกดำบรรพ์ หนึ่งในสิบสองราชาผู้เฝ้าประตูนรก ซิเรียส ผู้รับใช้ระดับชนชั้นไร้ระดับ เลเวลขั้นไร้ระดับ ปรากฏตัว

     

     

    เนื่องจากผู้รับใช้ซิเรียสของผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน อยู่ในระหว่างการทำภารกิจชุบชีวิตขั้นที่ 1/7 และได้ถูกอัญเชิญผ่านทักษะห้วงเวลาแห่งการเรียกคืนของสัตว์เทพอสูรดิราเซีย ระดับชั้นจักรพรรดิ เลเวล 1000 โดยมีผู้เล่นร่วมพันธสัญญา ผู้รับใช้ซิเรียสจึงปรากฏตัวได้นานเป็นเวลา 5 นาทีค่ะ

     

     

     

     

    ห้านาทีเองอย่างนั้นเหรอ! ไม่เป็นไร... แค่ห้านาทีก็ไม่เป็นไร ซีแนลกล่าวปลอบประโลมตัวเองในใจ

     

     

     

     

    เด็กน้อยเอ๋ยยินดีที่ได้พบกันอีก มิได้เจอกันเสียนานดูเหมือนว่าเจ้าเติบโตขึ้นมามิน้อยกระมัง” น้ำเสียงทรงอำนาจเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกับแรงอึดอัดอันมหาศาลทำให้สัตว์เทพอสูรทุกตัวถอยกรูไปด้านหลังจนหมดไม่เว้นแม้แต่อีดานและพี่หมีที่ถอยกรูไปมากกว่าเดิม

     

     

     

    นั่นมัน...เสียงของสัตว์เทพอสูรระดับจักรพรรดิทั้งสองละล่ำละลักพูดด้วยความตกตะลึงและพลันคุกเข่าลงด้วยความเคารพยำเกรง

     

     

     

     

    ว้าวว~ ผู้รับใช้ของนายฉิงสุดยอดเยย” พี่หมีว่าขณะเกาะแอบอยู่ข้างหลังเสื้อคลุมอีดานกระซิบด้วยตัวสั่นๆ

     

     

     

    ตอนนี้เห็นชัดได้ว่าสัตว์อสูรทุกตัวต่างมีท่าทีหวาดหวั่นสั่นสะพรึงเหมือนกันหมด เธอส่ายหน้าและยิ้มอย่างระอาใจ เหตุการณ์นี้เหมือนกันกับที่เคยเกิดขึ้นในตอนนั้นไม่มีผิด

     

     

     

    “ฉันคิดถึง... คิดถึงท่านมากซิเรียส”

     

     

     

     

    เธอว่าด้วยน้ำเสียงแห่งความคนึงหาขณะเงยหน้ามองสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้า เมื่อกล่าวจบอีกฝ่ายพลันค่อยๆ ยื่นมือโครงกระดูกงุ้มงอสีขาวซีดมาหาเธออย่างช้าๆ

     

     

     

    ทันทีที่ปลายนิ้วสองฝ่ายสัมผัสกัน เธอก็รู้สึกเย็นวาบยะเยือกแล่นผ่านไขสันหลังราวตัวเองกำลังจับต้องเกาะกุมอยู่กับงุ้มมือของปีศาจร้าย แม้จะรู้สึกตกใจและหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่ได้สะบัดมือออกไป

     

     

     

    ไม่นานซีแนลก็ต้องเอียงคอด้วยความประหลาดใจว่าอุณหภูมิที่เย็นยะเยือกเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่ไม่น่าจะมีได้ในสัตว์เทพอสูรผู้น่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงตนนี้เลย

     

     

     

    ในขณะที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบโดยไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่ปลายเข็ม ซีแนลที่เงยหน้าจ้องสบตากับดวงตากลวงโบ๋ดำมืดสนิทจนยากจะหยั่งถึงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกล้ำบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ทันใดนั้นคล้ายกับความอาลัยอาวรณ์และความอบอุ่นอย่างที่หามิได้ก็พรั่งพรูทับถมลงบนร่างของเธอจนรู้สึกสั่นสะท้านไปหมด น้ำตาหลั่งไหลอาบเต็มใบหน้าและสะอื้นร่ำไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

     

     

     

    บัดนี้เธอรับรู้ได้แล้วว่ามีสายใยผูกพันบางอย่างอันล้ำลึกที่ผูกมัดเธอกับซิเรียสไว้เป็นแน่ หรืออีกประการหนึ่งทางระบบอาจจะกำหนดระดับความผูกพันของเจ้านายและผู้รับใช้ไว้สูง

     

     

     

    ซีแนลยกมือขย้ำเสื้อตรงหน้าอกที่จุกแน่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ เธอจำความอาลัยอาวรณ์เหล่านั้นได้ดี มันเคยเกิดขึ้นกับเธอจนนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงเวลาแห่งความมืดมิดที่ไม่เคยมีใครแม้แต่คนเดียวโผล่เข้ามาช่วยเหลือ

     

     

     

    เสมือนเป็นความอาลัยอาวรณ์แห่งชีวิตที่ได้แต่เย้ยหยันและคับแค้นใจในโชคชะตา

     

     

     

    ตอนนี้เธอทรุดเข่านั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อรับรู้ถึงกระแสความปวดร้าวที่แล่นผ่านอยู่ในอกขณะยังเกาะกุมปลายนิ้วงุ้มงอของอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแล้วร้องไห้โฮ ซีแนลสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนทำให้แม้แต่อีดานกับพี่หมีเองก็ยังต้องแอบดึงเสื้อคลุมของตัวเองขึ้นมาซับน้ำตาที่หลั่งไหลตามเจ้านายไปด้วย

     

     

     

    ปลายนิ้วงุ้มงอยาวเฟื้อยของโครงกระดูกสีขาวค่อยๆ ผละออกจากอุ้งมือของเธอและยื่นไปบรรจงเช็ดหยดน้ำตาเม็ดหนึ่งที่กำลังร่วงหล่นจากใบหน้า ซิเรียสกอบกำมันไว้แน่นในกำมือจนสั่นเทาราวกับตัวเองได้กุมเพชรพลอยอันสูงส่งเลอค่า การกระทำของอีกฝ่ายทำให้ซีแนลสะอื้นร่ำไห้หนักมากกว่าเดิม

     

     

     

    “ข้ารู้ถึงความรู้สึกของเจ้าดีเด็กน้อยเอ๋ย และนี่คงหมดเวลาสำหรับพวกเราแล้ว ข้าจะรอ... รอวันเวลาแห่งการหวนคืนสู่เจ้าอีกคราหนึ่ง...”

     

     

     

    สิ้นเสียงซิเรียสทุกอย่างก็พลันหายวับไปและกลับเข้าสู่ภาวะปกติราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นมาก่อน

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรทั้งหมดมองเธอด้วยดวงตาประกายหวั่นเกรงครั่นคร้ามอย่างแสดงความเคารพนับถือ

     

     

     

    ซีแนลรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถรั้งซิเรียสไว้ได้ แม้ใจจริงแล้วเธอไม่ปรารถนาให้ซิเรียสหายไปมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

     

    อีดานและพี่หมีรีบเข้ามาช่วยพยุงตัวเธอที่สั่นสะท้านและส่งเสียงสะอื้นร่ำไห้ในการจากลาครั้งนี้ไม่หยุด

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรดิราเซีย ระดับชั้นจักรพรรดิ เลเวล 1000 ส่งมอบดวงตายมทูตให้กับผู้เล่นค่ะ

     

     

    ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ได้รับดวงตายมทูต ท่านต้องการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นเผ่ายมทูตหรือไม่

     

     

     

     

    ดวงตาของซีแนลลืมตาโพลงขึ้นพร้อมกับรีบปาดน้ำตาทิ้งด้วยความตกใจทันทีที่อยู่ๆ เสียงระบบก็ดังขึ้น

     

     

     

    เธอรีบส่งเสียงปฏิเสธดังลั่นทันที

     

     

     

    “ไม่!! ขอปฏิเสธ! ไม่เปลี่ยน! ไม่เอาเผ่าพันธุ์ยมทูต!

     

     

     

    เธอตะโกนโบกมือห้ามปรามพัลวันขณะที่ยังสะอึกสะอื้น ทันทีที่เสียงทางระบบรายงานยืนยันว่าเธอได้รับดวงตายมทูตและได้ทำการปฏิเสธการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์  ซีแนลก็หันขวับไปยังสัตว์อสูรที่จ้องมองมายังเธอทั้งสองตนแล้วตวาดเสียงดังลั่นทันที

     

     

     

    “นี่คือแผนของพวกท่านอย่างนั้นหรือ!

     

     

     

     

    เธอถามกลับและจ้องพวกเขาแน่วนิ่งด้วยดวงตาที่แดงก่ำบวมช้ำ

     

     

     

    ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคร่ำครวญเสียใจอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เธออยากยืดเวลาให้ตัวเองอยู่กับโลกส่วนตัวมากแค่ไหนก็เถอะ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

     

     

     

    ซีแนลสูดน้ำมูกปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ ขณะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์และโยนความเศร้าทั้งหมดทิ้งไปเสีย

     

     

     

    “น่าชิงชังนัก! นี่ข้าถึงขั้นลงทุนยกดวงตายมทูตให้เจ้าโดยไร้ซึ่งสิ่งตอบแทน แต่เจ้ากลับปฏิเสธเผ่าพันธุ์ยมทูตอันทรงเกียรติของพวกเราได้อย่างไร!” ดิราเซียแค่นน้ำเสียงขึ้นจมูกเหมือนกับว่ามันได้ตัดสินใจทำเรื่องผิดพลาดและน่าชิงชังที่สุดที่เขาเคยพบมา

     

     

     

    “ทำไม! ทำไมต้องหลอกกันด้วย!

     

     

     

    เธอไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร!

     

     

     

    เธอมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาผิดหวัง

     

     

     

    “หึๆ เจ้านี่โง่เสียจริง ข้าเปลี่ยนแผนตั้งแต่ที่สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างในตัวเจ้าแล้ว เรื่องที่ข้าจะบอกเจ้าคือ เจ้าไม่เหมาะกับเผ่าพันธุ์ใดๆ นอกจากเผ่าพันธุ์ยมทูตหรอกนะ เจ้าไม่รู้ตัวเองเลยหรือว่ายิ่งอยู่ในแดนแห่งนี้นานเท่าไหร่ พลังดำมืดบางอย่างที่มาจากสัตว์เลี้ยงและผู้รับใช้ของเจ้าจะเข้มข้นขึ้น และมันจะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถ้าเจ้ารู้จักใช้มันให้เป็น” อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบอีดานก็แทรกขึ้นมา

     

     

     

    “ข้าเดาว่าพวกเขาทั้งสองจะลากท่านเข้าไปร่วมในสงครามของเผ่าพันธุ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าขอรับนายหญิง”

     

     

     

    อ้อ ที่แท้สันดานเดิมของดิราเซียที่ชอบสร้างเรื่องวุ่นวายและเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกก็สนใจเธอเพราะเรื่องนี้นะเอง แล้วสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนล่ะ เขาก็คิดเช่นเดียวกันเหรอ

     

     

     

    เธอหันไปหาสัตว์อสูรอีกตนที่ยืนนิ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ซีแนลถอนหายใจหนักๆ อย่างหงุดหงิดเสียมิได้

     

     

     

    โอ้ย! อยากจะบ้าตาย ที่เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วสัตว์เทพอสูรสองตนนี้รุมหัวกันเพื่อพยายามให้เธอเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ด้วยการยกดวงตายมทูตให้ทางอ้อม

     

     

     

    นั่นสิ เธอเองก็แปลกใจตั้งแต่ที่พวกเขาเหมือนจะปรองดองกันง่ายๆ ตอนนั้นแล้ว

     

     

     

    นี่ดีนะที่ระบบมันอนุญาตให้เธอปฏิเสธได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังเธอได้งานเข้าอีกหลายกระบุงแน่

     

     

     

     

    “มาเถอะขอรับ ข้าจะส่งท่านกลับไปยังผืนพิภพข้างบน” สัตว์เทพอสูรกะโหลกทีบีนกล่าวด้วยท่าทีอ่อนน้อมขณะผายมือให้เธอเดินออกไปยังตามทางอีกด้านที่ปรากฏขึ้นช้าๆ

     

     

     

    ซีแนลคิดในใจว่ายังดีที่สัตว์เทพอสูรตนนี้ยังมีความเป็นคนดีอยู่บ้าง เพราะถึงแม้ว่าเขาอยากให้เธอเปลี่ยนมาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับตนเองสักเท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้บีบบังคับและยังยอมรับในตัวเธอที่ครอบครองในพลังของซิเรียสอีกด้วย เชื่อเถอะว่านี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

     

     

     

    “เจ้ามันโง่งมนัก! เชื่อเถอะว่าสักวันหนึ่งดินแดนนรกต้องแย่งชิงตัวเจ้ากับเผ่าจอมมารแน่ๆ!!!

     

     

     

    ซีแนลไม่ฟังเสียงดิราเซียที่ตะโกนไล่หลังออกมา เธอหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีกฝ่ายที่สบถเสียงกร้าวกัดฟันกรอดเมื่อเธอทำหน้าล้อเลียนเขาว่าเป็นยมทูตหน้าโง่ที่เสียดวงตายมทูตให้เธอฟรีๆ

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×