ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพราชันย์ออนไลน์ [Online]

    ลำดับตอนที่ #38 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: จดหมายสู่ดินแดนนรก (6)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.28K
      43
      15 พ.ค. 57





    พิ ภ พ ร า ชั น ย์  • อ อ น ไ ล น์






    ตอนที่ 19  จดหมายสู่ดินแดนนรก (6)

     

     

     

     

    ตอนนี้เหมือนเธอจะเริ่มเข้าใจได้ลางๆ แล้ว ว่าถ้าหากสามารถเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ได้และเธอถูกเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายยมทูต เรื่องราวแย่ๆ และความวุ่นวายคงก็เกิดขึ้นตามมาอีกเป็นกระบุง เพราะดูจากสัตว์เทพอสูรในดินแดนนรกที่เจอมาแต่ละตัวก็มีแต่สร้างปัญหาไม่หยุด และพวกทีมงานเองก็คงไม่อยากคอยตามแก้ปัญหานี้มากนัก ที่สำคัญที่แจ้งให้เธอทราบก่อนก็เพราะคงกลัวว่าเธอจะเผลอเปลี่ยนเผ่าไปโดยไม่รู้ไม่ตั้งใจละมั้ง

             

     

     

     

    “ได้ค่ะ”

     

     

     

    ซีแนลตอบตกลงขณะเอามือกุมคางครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย

             

     

     

     

    “อย่างนั้นพี่ก็ค่อยโล่งใจหน่อย ยังไงก็ขอบคุณน้องมากนะครับ ตอนนี้คงหมดปัญหากับฝ่ายโน้นและไม่ต้องตั้งแง่ใส่กันซะที”

     

     

     

     

              ซีแนลเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสร็จเรื่องแล้วและกำลังจะลุกออกไปจากห้อง “พี่ชัยยุทธ์คะซีถามหน่อยสิ ซีสังสัยมานานมากแล้วว่าทำไมซีถึงได้เรียกแต่สัตว์อสูรที่เป็นเผ่าพันธุ์ยมทูตให้เข้ามาพัวพันกับตัวเองไม่หยุดเลย”

     

     

     

     

              “เรื่องนี้...”

     

     

     

     

    พี่ชัยยุทธ์หันมองซ้ายขวาพอสำรวจว่าไม่มีใครแล้วก็เอียงหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ “จริงๆ แล้วเกมนี้เป็นเหมือนโลกเสมือนจริงอีกโลกหนึ่งของตัวละครในเกม สัตว์อสูรระดับสูงทุกตัวเป็นเอไออัจฉริยะที่มีความคิดเป็นของตัวเองทั้งหมด

     

    บางครั้งแม้แต่ทีมงานของบริษัทก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าระบบของมันมีความอัจฉริยะและสามารถคำนวณข้อมูลได้ลึกซึ้งนอกเหนือจากที่เราจะเข้าใจได้ บางทีระบบอัจฉริยะนี้อาจจะรับรู้และเริ่มคำนวณโดยการบันทึกและปรับสถานะตัวละครของน้องให้เกิดความเหมาะสมตั้งแต่ที่ถูกติดตั้งให้การรักษาครั้งแรกแล้วก็ได้ อันนี้พี่คิดเอาเองนะว่าบางทีระบบมันจัดสถานะความเหมาะสมให้กับผู้เล่นโดยอาศัยข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องที่น้องเคยหยุดหายใจไปนานถึงห้านาที”

     

     

     

     

    พอได้ฟังแบบนั้นเธอก็แทบชะงักตัวแข็ง ทั้งๆ ที่เรื่องนี้คุณลุงหมอก็เคยเล่ารายละเอียดให้ฟังมาก่อนแล้วตอนที่ฟื้นตัวใหม่ๆ และอีกทั้งยังเน้นย้ำให้เก็บเป็นความลับ แต่พอได้ฟังจากปากคนอื่นเธอก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้ทุกที

     

     

     

     

    หลังจากออกจากโรงพยาบาลซีแนลก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอขอให้พี่ครีช่วยแวะไปที่ธนาคารประจำสาขาเกมพิภพราชันย์ออนไลน์และแลกเปลี่ยนเป็นเงินในเกมเป็นเงินจริงออกมา

     

     

     

     

    เงินทั้งหมดในเกมที่เธอมีอยู่ทั้งหมดก็ราวๆ 735 ล้านZ เธอตัดสินใจแลกเปลี่ยนมันเกือบหมดโดยเหลือติดตัวไว้แค่ห้าล้านกว่าๆ ซึ่งได้เป็นเงินจริงออกมาถึง 730,000 บาท ซึ่งถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินออม นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ครีถึงกับช็อคและสอบถามเธอไม่หยุด ด้วยความขี้เกียจเธอจึงเล่าบ่ายเบี่ยงไปว่ามันเป็นเงินที่ได้จากภารกิจพิเศษ

     

     

     

     

    ตอนนี้เธอไม่สนใจเรื่องเงินเท่าไหร่นัก เพราะดูเหมือนว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าในโลกแห่งความจริง การประมูลไอเท็มหยาดน้ำตาแม่มดโดโรธีก็จะสิ้นสุดลง ถึงตอนนั้นเธอก็คงมีเงินเหลือเยอะจนแทบใช้ไม่หมดเลยทีเดียว

     

     

     

     

    ตอนนี้เธอกังวลแต่เรื่องของซิเรียสเพียงเรื่องเดียว มันเป็นปัญหาที่คิดไม่ตก เพราะเธอเริ่มหวาดระแวงมากขึ้นทุกทีว่าทางทีมงานฝ่ายดูแลทางระบบของเกมจะยื่นมือเข้ามาขัดขวางในการชุบชีวิตให้ซิเรียสหรือเปล่า เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ มีหวังเธอต้องเจองานหนักแน่ 

     

     

     

     

     

    หลังจากกลับมาถึงบ้าน ซีแนลก็จัดการกินอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวและคงอยู่ในเกมได้ถึง 24 ชั่วโมงอย่างเช่นพี่ๆ ของเธอที่เข้าไปเล่นก่อนนานแล้ว เมื่อเข้าสู่เกมอีกครั้งเสียงจากทางระบบก็ดังขึ้นทันที

     

     

     

     

     

    คำสาปชราภาพ หนึ่งในบททดสอบความเจ็บปวดหกประการของสัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีม ถูกยกเลิก เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลา 6 ชั่วโมง

     

     

    คำสาปสะกดผนึกพันธสัญญามิตรแห่งความตายอัญเชิญสัตว์เทพอสูรราลูเลียและสัตว์เลี้ยง หนึ่งในบททดสอบความเจ็บปวดทั้งหกประการของสัตว์เทพอสูรลีมถูกยกเลิก เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลา 7 วัน

     

     

    ประกาศแจ้งจากระบบ  ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ไม่สามารถใช้พันธสัญญามิตรแห่งความตายอัญเชิญสัตว์เทพอสูรราลูเลียในดินแดนนรกได้ค่ะ

     

     

     

     

    ซีแนลทำหน้างุนงงกับเรื่องที่ไม่สามารถเรียกใช้พันธสัญญามิตรแห่งความตายของราลูเลียได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ข้องใจอะไรมากนักเพราะมัวแต่ก้มมองสำรวจร่างกายตัวเองและลองขยับแขนขาด้วยความตื่นเต้นดีใจหลังจากที่กลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง เธอคิดว่าร่างกายเดิมที่ไม่ได้ถูกลดทักษะลงถึงครึ่งหนึ่งสัมผัสได้ถึงความสดชื่นและการมีชีวิตชีวากว่าร่างของหญิงชราเป็นไหนๆ

     

     

     

    สิ่งต่อมาหลังจากนั้นก็คือการปลดผนึกอีดาน สิ้นเสียงคำสั่งปลดผนึกรอยสักบนแขนของเธอก็ส่องประกายวูบวาบราวกับมีไฟลุกขึ้นมาจริงๆ จากรอยสักรูปเปลวไฟที่เป็นสัญลักษณ์ผนึก จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนขยับตัวก่อนจะหยุดนิ่งไปในที่สุด

     

     

     

    เธอเงยหน้าขึ้น รู้สึกตื่นตะลึงขณะจ้องมองกลุ่มควันสีดำที่ล่องลอยเกาะกลุ่มกันออกมาจากรอยสักจนปรากฏเป็นรูปเป็นร่างของคนที่อยากเจอมากที่สุด

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรผู้วิเศษอีดาน สัตว์เลี้ยงระดับราชา เผ่าพันธุ์ยมทูต เลเวล 100 ปรากฏตัว

     

     

     

     

    ซีแนลฉีกยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่กับการปรากฏตัวของโครงกระดูกสีขาวซีดในชุดคลุมยาวสีดำที่มีไฟลุกท่วมอันคุ้นตานั้นดี

     

     

     

    อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะก้มหัวให้เธอด้วยความนอบน้อมและเอามือทาบลงบนตำแหน่งหัวใจด้วยความจงรักภักดี

     

     

     

    “อีดาน!” เธอร้องออกมาเสียงดังด้วยความยินดีขณะกระโจนเข้าหาอีกฝ่าย

     

     

     

     

    “นายหญิง” อีดานกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเฉกเช่นเคย

     

     

     

     

     “อ๊า!~ เจ้าโครงกระดูกยั่นเอง” พี่หมีที่ไม่รู้ว่าโผล่มาเกาะอยู่บ่าของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่พลอยร้องออกมาด้วยเสียงตื่นๆ

     

     

     

     

    อีดานเงยหน้าขึ้นแล้วมองมายังพี่หมีที่กำลังใช้มือป้อมๆ ป้องปากหาวอย่างน่ารัก “นั่นคงเป็นจิตวิญญาณของอาวุธที่นายหญิงตามหาสินะขอรับ”

     

     

     

     

    เธอพยักหน้า ขณะคิดได้ว่าอีดานถูกผนึกตั้งแต่ก่อนที่เธอจะได้รับจิตวิญญาณของอาวุธ  ดังนั้นทั้งสองจึงไม่เคยพบหน้ากันตรงๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

     

     

     

    “อ่า~ ข้ายู้จักเจ้าดี ข้าสัมผัสถึงเจ้าได้ตลอดเวลานั่นแหยะ” พี่หมีว่าขณะหัวเริ่มโงนเงนคล้ายจะหลับอีกครั้ง

     

     

     

     

    “ข้าเองก็ยินดีมากเช่นกันที่ได้ร่วมรับใช้นายหญิงกับเจ้า...”

     

     

     

     

    “พี่หมีไง! เจ้านี่ชื่อพี่หมี” เธอส่งเสียงขัดจังหวะ แต่เหมือนอีดานจะมีสีหน้าครุ่นคิดและอยากจะแย้งอะไรบางอย่างก่อนจะตัดสินใจเงียบไป

     

     

     

     

    ซีแนลเอียงคอไปมาด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เพราะตอนนี้เหมือนว่าเธอจะมัวแต่หลงระเริงดีใจจนลืมทุกอย่างแม้กระทั่งภารกิจสำคัญไปเสียสนิท

     

     

     

     

    ทันทีที่นึกขึ้นมาได้ ซีแนลก็เริ่มขยับตัวและเหลียวหน้าหันมองรอบๆ อย่างหวาดระแวงก่อนจะพบว่าตัวเองปรากฏตัวอีกครั้งในจุดเดิมล่าสุดก่อนออกจากเกม ที่สำคัญสัตว์เทพอสูรดิราเซียและสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนก็ไม่อยู่ที่เดิมเสียแล้ว

     

     

     

     

    พวกนั้นหายไปไหนกันนะ?

     

     

     

     

    ไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งข้อสงสัยใดๆ มากไปกว่านั้น แรงกดดันมหาศาลก็พลันปรากฏขึ้นพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของสองคนนั้น

     

     

     

     

    เธอหันขวับไปมองสองคนนั้นโดยไม่ได้รู้สึกตื่นตะลึงดังเช่นที่เห็นครั้งแรก

     

     

     

     

    เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมาอย่างเป็นมิตรอีดานจึงหลบไปด้านหลังเธอเล็กน้อย คล้ายกับให้ความยำเกรงกับอีกฝ่ายที่มีลำดับชนชั้นสูงกว่า ซีแนลคิดว่านั่นอาจจะเป็นผลพวงมาจากการอยู่เผ่าพันธุ์เดียวกัน จึงทำให้สัมผัสและสื่อถึงกันได้ง่าย

     

     

     

     

    “เจ้าจากไปเสียนานจนกระทั่งข้าคิดว่าจะไม่กลับมาเสียอีก” สัตว์เทพอสูรดิริเซียเอ่ยอย่างประชดประชัน ใบหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายนั้นดูตลกซะจนเธอต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้

     

     

     

     

    “เจ้าคิดว่าคำพูดของข้ามีอะไรน่าขำ! อ้อ ดูเหมือนรูปลักษณ์ของเจ้าครานี้ดูเปลี่ยนแปลงไปสินะ” ดิราเซียหรี่ตามองเธอด้วยความพินิจพิจารณา

     

     

     

    “นี่ท่านคงหลุดพ้นจากคำสาปแล้วกระมัง จึงได้รูปงามดั่งเจ้าหญิงแดนภูติ” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนเอ่ยขึ้นขณะย่างก้าวมาหาอย่างช้าๆ

     

     

     

    จู่ๆ เธอก็ต้องชะงัก เมื่อสัตว์เทพอสูรดิราเซียเป็นฝ่ายที่ตะโกนกร้าวออกมาเสียงดังราวกับฟ้าผ่า “ช่างน่าขำนัก! เจ้าพูดอะไรออกมาทีบีน!! เจ้ากล้าเอ่ยถึงเผ่าพันธุ์อันน่าเกลียดชังพวกนั้นในดินแดนนรกเช่นนั้นหรือ แล้วไหนจะเอานางไปเปรียบเทียบกับพวกนั้นอีก!” ดิราเซียที่ได้ฟังประโยคเมื่อครู่ถึงกับจ้องมองสัตว์เทพอสูรอีกตนอย่างเกรี้ยวกราด

     

     

     

    “เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่ความจริงก็คือความจริงดิราเซีย เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าความงดงามของเผ่าภูตินั่นล้วนเต็มไปด้วยมายาอันน่าลุ่มหลงกว่าเผ่าเทพสวรรค์เสียอีก”

     

     

     

    “ฮึ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียข้าก็รู้สึกชังน้ำหน้าพวกมันอยู่ดี” ดิราเซียว่าขณะแค่นน้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์

     

     

     

    “เป็นข้าต่างหากที่อยากหัวเราะนัก มิใช่ว่าเจ้าเองหรอกหรือที่คบคิดมีมิตรสหายเป็นพวกภูติเสียเอง เจ้าลืมสัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมไปแล้วหรืออย่างไร นั่นก็เป็นมิตรหนึ่งอันดีที่มีนิสัยใคร่รู้เช่นเดียวกับเจ้าที่เที่ยวก่อเรื่องให้ผู้อื่นมิหยุดหย่อนมิใช่หรือ” สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

     

     

     

    ซีแนลหน้าซีดเผือดทันทีที่ได้ฟังว่าสัตว์เทพอสูรสองตนนั้นเป็นเพื่อนกัน

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีม! ต่อให้ตายสักกี่รอบเธอก็ไม่มีวันลืมชื่อนี้แน่ ซีแนลตัดสินใจตะโกนโพล่งออกไปอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลาทันที

     

     

     

    “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว! ฉันจะไม่ปลดปล่อยท่านดิราเซีย!” ถึงยังไม่ได้คิดทบทวนแต่เธอก็เชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

     

     

     

    “เจ้าว่าอย่างไรนะ!” อีกฝ่ายหันมาตวาดเสียงดัง

     

     

     

    “ฉันบอกว่าฉันจะไม่ปลดปล่อยท่านแล้ว ข้อเสนอทั้งหมดในตอนแรกเป็นอันยกเลิก ในเมื่อท่านรู้จักและยังสนิทสนมถึงขั้นเป็นสหายผู้สนิทกับสัตว์เทพอสูรลีม ฉันเชื่อว่าพวกท่านก็คงร้ายกาจไม่ต่างกัน!” เธอบอกกับอีกฝ่ายด้วยดวงตาตื่นตระหนก

     

     

     

    เธอจดจำนิสัยเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายของสัตว์เทพอสูรลีมได้ดี

     

     

     

    “นี่เจ้ารู้จักเจ้านั่นด้วยอย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของสัตว์เทพอสูรดิราเซียดูตกตะลึงงุนงงไม่น้อย

     

     

     

    “รู้จักสิ รู้จักดีพอขนาดที่ว่าเขาเป็นคนที่แย่งชิงทุกสิ่งที่ฉันมีไปจนหมดสิ้นเชียวล่ะ มิหนำซ้ำยังฝากฝังคำสาปที่คาดไม่ถึงอีกจำนวนมากเตรียมรอฉันไว้ด้วย” เธอว่าขณะเม้มริมฝีปากแน่น

     

     

     

    “ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าจะเจอผู้ที่ไม่ต้องการปลดปล่อยเจ้าและรู้สันดานเจ้าดีเช่นเดียวกับข้าเสียแล้ว ดิราเซียเอ๋ยเจ้าจงรู้ไว้เสีย นี่คือผลของการทรยศหักหลังผู้อื่นอย่างไรเล่า เพราะแม้แต่สัตว์เทพอสูรที่ทรยศได้แม้แต่กระทั่งเผ่าพันธุ์ตนเองไม่มีผู้ใดคิดจะไว้ใจเจ้าหรอก”

     

     

     

    “แม้แต่แลกกับดวงตายมทูตของข้าเจ้าก็มิต้องการหรือ” สัตว์เทพอสูรดิราเซียหรี่ตาแคบมองเธออย่างหยั่งเชิง

     

     

     

    “ต่อให้เป็นดวงตายมทูตอะไรนั่นฉันก็ไม่เอา!” ซีแนลตอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจ

     

     

     

    แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายและเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้พบกับซิเรียสอีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอก็ตาม แต่เธอก็คิดว่าซิเรียสน่าจะเข้าใจดี

     

     

     

    “อย่ามาโกหกให้เสียเวลา! สิ่งนั้นเปรียบเสมือนชีวิตของข้า การได้ครอบครองมันก็เหมือนดังได้กุมชีวิตข้าไว้ในกำมือ มนุษย์เช่นเจ้านะหรือจะไม่ต้องการ!

     

     

     

    “ไม่ต้องการ!

     

     

     

    เธอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำขณะดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องมองเขาด้วยความแน่วแน่ยืนยัน

     

     

     

     

    ท่าทางของเธอทำให้อีกฝ่ายถึงกับเบิกตากว้างตกตะลึงออกมาทันที

     

     

     

    “อย่าบอกนะว่าเจ้าคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าสักวันหนึ่งข้าจะทรยศหักหลังเจ้าใช่ไหม หรือเพราะเจ้าเคยรู้จักสัตว์เทพอสูรลีมมาก่อนมันจึงพูดอะไรเกี่ยวกับข้า เจ้าเกิดหวาดกลัวขึ้นมาว่าตัวเองจะพลาดท่าเสียทีและกลับกลายเป็นผู้ที่ถูกข้าแย่งชิงดวงตายมทูตคืนและรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าเสียเองอย่างนั้นสิ เช่นนี้เจ้าจึงไม่อยากจะเสี่ยงใช่ไหม หรือเพราะความใจอ่อนของเจ้าที่ไม่ปรารถนาจะสังหารข้าเมื่อถึงเวลานั้น” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอ้อวดอย่างมิได้ประมาณตน

     

     

     

    ซีแนลหลับตาแล้วถอนหายใจ “ท่านคิดมาตั้งแต่แรกแล้วหรือว่าสักวันหนึ่งจะหักหลังทรยศฉัน” เธอลืมตาขึ้นและมองอีกฝ่ายด้วยแววตามุ่งมั่นแล้วเอ่ยต่อ

     

     

     

    “เช่นนั้นฉันก็แทบอยากฆ่าท่านให้ตายคามือตอนนี้เสียเลย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ท่านพยายามพรากอะไรไปจากฉัน อย่าได้บังอาจคิดเชียวนะ! ถ้านั่นหมายถึงสิ่งสำคัญของฉันละก็ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยอย่างเด็ดขาด ดิราเซียท่านรู้ไหมความรู้สึกของฉันตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับที่ท่านกำลังรู้สึกว่าตัวเองจะถูกแย่งชิงดวงตายมทูตไป!” น้ำเสียงที่มั่นคงดุจหินผาและแววตาหนักแน่นอย่างเกรี้ยวกราดที่ไม่เคยสัมผัสได้จากมนุษย์คนไหนถึงกับทำให้ดิราเซียและสัตว์เทพอสูรอีกตนรู้สึกสะท้านอย่างไม่รู้ตัว

     

     

     

    “ฉันไม่ได้ต้องการชีวิตท่านรู้ไหม! แต่เมื่อไหร่ที่ท่านล้ำเส้นเข้ามาในชีวิตฉันก่อนละก็ ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เมื่อนั้นความสงบสุขในชีวิตท่านจะสูญสลายไปทันที!” แรงกดดันที่แผ่ออกมาและดวงตาสีแดงก่ำที่เปล่งแสงวาวโรจน์อย่างไม่รู้ตัวของเธอทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพรั่นพรึงไม่น้อย

     

     

     

    โดยไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้ดวงตาของสัตว์เทพอสูรทั้งสองส่องประกายวับวาวราวกับสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง

     

     

     

    “ข้าตัดสินใจแล้ว! ข้าจะยกดวงตายมทูตให้เจ้าโดยไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยข้าออกไปจากที่แห่งนี้ก็ได้ ที่สำคัญข้าจะมิคิดทรยศเจ้าอย่างเด็ดขาด นี่คือสัตย์สาบานของยมทูตที่มิมีวันเปลี่ยนคำ” สัตว์เทพอสูรดิราเซียเอ่ยขณะรอยยิ้มประดับริมฝีปากแพรวพราว

     

     

     

    ว่ายังไงนะ!

     

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×