คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: จดหมายสู่ดินแดนนรก (2)
พิ ภ พ ร า ชั น ย์ • อ อ น ไ ล น์
ตอนที่ 17 จดหมายสู่ดินแดนนรก (2)
ความจริงแล้วดาบราชายูโรป้าดูเป็นดาบเล่มใหญ่ที่ถือได้ถนัดมือลักษณะเหมือนดาบระดับกลางๆ ที่ผู้เล่นทั่วไปสามารถมีได้ รูปร่างของมันไม่ได้โดดเด่นนัก จะดูโดดเด่นก็เพียงตรงบริเวณด้านจับที่มีพลอยสามเม็ดเรียงเป็นแถวเดียวกัน แต่ดูเหมือนจะเหลืออยู่เพียงทับทิมสีแดงสดเพียงบนสุดเม็ดเดียว เพราะสองเม็ดที่เหลือจะถูกงัดออกไปจนกลายเป็นช่องโหว่ไม่ต่างจากดาบราคาถูกๆ ทั่วไป แต่ทันทีที่พี่หมีรับดาบที่เธอยื่นให้ ดวงตาของเธอก็เบิกค้างอย่างตกตะลึง เพราะพี่หมีของเธอดันส่งมันเข้าปากและเคี้ยวกรอบๆ ไม่ต่างจากเวลาที่เคี้ยวขนมปังกรุบกรอบ
ว๊ากกก!! พี่หมีทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!!
เธอที่อึ้งจนพูดไม่ออก รู้สึกตัวอีกทีก็แทบจะกรีดร้องและยื่นมือไปห้าม แต่ทว่าเหมือนจะไม่ทันเสียแล้วเพราะอีกฝ่ายเคี้ยวมันจนหมดด้ามและกลืนเข้าไปจนไม่เหลือซากแล้วนะสิ
อ๊ากกก!! ดาบนั่นมันแพงนะ!!! เจ้าพี่หมีบ้า ทำอาร๊ายยย!!!
ฮือๆ เธออยากจะบ้าตาย เลือดลมเหมือนจะตีกันจนไหลเวียนย้อนกลับ โอย~ แย่แล้ว ยาดมจ๋าอยู่ไหน~
ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน เรียกใช้ทักษะตุ๊กตายืมอาวุธ ดาบราชายูโรป้า ระดับ S ถูกอาวุธราชันย์ตุ๊กตาหมีระดับ SSS กลืนกิน ทักษะหลอมรวมทำงานสำเร็จ
ท่านได้รับภารกิจทับซ้อน ค้นหาไอเท็มที่สูญหายของดาบ (2/3) อัญมณีดวงตาข้างขวาของจอมมาร
ดาบราชายูโรป้า ระดับS ถูกหลอมรวมสำเร็จเปลี่ยนชื่อเป็นดาบราชันย์ตุ๊กตาหมี ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน สามารถใช้ไอเท็มชิ้นนี้ได้ค่ะ
เอ๋ เมื่อครู่นี้ว่าไงนะ!!
ซีแนลอ้าปากค้างขณะจ้องมองพี่หมีที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้เสียงจากทางระบบที่ดังยาวเหยียดจะเงียบไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่หายตกตะลึงอยู่ดี
เธอจ้องมองพี่หมีที่ส่งเสียงเรอเสียงดังเหมือนคนเพิ่งกินอิ่มออกมาทีหนึ่งด้วยความอึ้งจัด เมื่อครู่นี้ระบบมันบอกว่าดาบถูกหลอมรวมและเปลี่ยนชื่อเป็นดาบราชันย์ตุ๊กตาหมีเสียแล้ว ที่สำคัญเธอยังใช้ดาบเล่มนี้ได้ด้วย
มะ... หมายความว่ายังไงเนี่ย!!!
“โอ้ย! ไอ้พี่หมีบ้าคราวหน้าคราวหลังอย่าทำให้หัวใจวายได้มั้ย!! จะทำอะไรก็บอกกันบ้าง” เธอจับพี่หมีเขย่าด้วยความหมั่นไส้ขณะที่อีกฝ่ายเอามือป้อมๆ ตบพุงป่องๆ ตึงๆ เบาๆ และส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุด
โอ๊ย มันน่าหมั่นเขี้ยวนักเชียว! มีอะไรไม่บอกกันเลย
ไอ้คนที่นั่งอยู่แทบช็อคจนหัวใจจะวายตายไปหลายสิบรอบอยู่แล้ว ตอนแรกเธอแทบเป็นลม เพราะคิดว่าดาบหายากราคาแสนแพงจะกลายเป็นของกินเล่นของเจ้าตุ๊กตาบ้าของเธอไปเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้ดันเอาไปหลอมรวมกับตัวเองซะอย่างนั้น
เฮ้อ รู้แบบนี้มันสั่งสอนซะให้เข็ด ไม่ว่าเปล่าซีแนลยื่นมือไปบิดพุงป่องๆ อีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้แล้วเชิดหน้างอนใส่ทีหนึ่ง
“ข้าทำอะไยผิดเหยอ หยือเรื่องดาบ?? นายฉิงไม่ถามเองนี่นา”
นั่นไงๆ ทำมาเป็นเอียงคอถามด้วยท่าทางน่ารักใสซื่อ โอ้ย ร้ายนักเชียว! เจ้าตุ๊กตาบ้า!!!
“นายฉิงเลิกงอนเถอะ ท่านรีบเรียกใช้จมหมายเยยฉิ ข้าคิดถึงเมืองเซเปียเต็มทีแย้วนะ”
“ก็ได้ๆ” เธอว่าเพราะเห็นด้วยกับอีกฝ่าย
ที่สำคัญเธอเองก็ไม่อยากเสียเวลานัก เพราะเหลือเวลาอีกแค่เพียง 2 ชั่วโมงที่ตั้งเวลาให้ออกจากเกม เช่นนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะรีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จๆ เธอจะได้ไปลัลล้าโลกจริงด้วยเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหากเธอหาเงินเก็บด้วยฝีมือตัวเองได้เยอะๆ พวกพี่ๆ ของเธอจะคิดว่าเธอยังเป็นเด็กอยู่อีกไหม คราวนี้แหละเธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว จะได้เลิกเป็นห่วงกันซะที
ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน เรียกใช้ภารกิจส่งจดหมายให้พี่ชายของเจ้าหญิงซากศพ เนื่องจากเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้ผูกพันธสัญญา ผู้เล่นจึงไม่สามารถอัญเชิญสัตว์เทพอสูรราลูเลียได้ขณะอยู่ในดินแดนนรก
ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ต้องการยืนยันการทำภารกิจนี้หรือไม่
“ยืนยัน”
ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ถูกเชิญเข้าสู่ดินแดนนรก ขอให้ผู้เล่นโชคดีค่ะ
หลังจากสิ้นเสียงของทางระบบร่างของซีแนลก็ถูกเคลื่อนย้ายหายวับไปทันที
หลังจากถูกส่งตัวมายังดินแดนนรกแล้ว สิ่งแรกที่มองเห็นคือหน้าผาสูงชันสีแดงฉานราวกับเลือดซึ่งถูกสลักไว้ด้วยสัญลักษณ์เก่าแก่รูปร่างประหลาด มองออกว่าเค้าลางของมันถูกสลักให้รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนคล้ายภาพวาดโครงกระดูกห้อยหัว
ซีแนลถอนใจยาวและส่ายหน้าไปมาก่อนจะผลักไสความคิดเกี่ยวกับปริศนานั้นออกไป
ตอนนี้เธอไม่ควรสนใจเรื่องใดนอกเหนือจากการส่งจดหมายภารกิจ
ร่างอันเหี่ยวย่นที่ถูกห่อหุ้มด้วยความชราเหยียบย่างลงสู่ถนนขรุขระสายเล็กๆ เส้นเดียวที่ทอดยาวเคี้ยวคดไปที่ไหนสักแห่งอย่างไม่รู้จบ ทัศนียภาพเบื้องหน้าส่วนมากถูกบดบังด้วยแง่หินที่งอกยาวออกมาจากพื้นจนคล้ายหนามแหลม มองไปไกลๆ เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อนและด้านฝั่งซ้ายมือเป็นตำแหน่งเดียวที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเพราะมันคือหุบเหวลึก ซึ่งนั่นต่อให้เป็นตัวเลือกสุดท้ายเธอก็ไม่คิดจะสนใจมัน
นอกเหนือจากบรรยากาศของพื้นดินที่แห้งแล้งซึ่งถูกอาบด้วยแสงแดดสีแดงฉานราวกับเลือดแล้วสถานที่นี้แห่งนี้ไม่มีสิ่งไหนที่ทำให้รู้สึกอภิรมย์ได้เลย
บอกตามตรงว่าตอนนี้เธอรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอีกแล้ว ความจริงแล้วภารกิจที่ราลูเลียให้มาเป็นแค่การส่งจดหมายเพียงอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลายเป็นว่าเธอถึงมาโผล่ในสถานที่เงียบเหงาและไร้ซึ่งเงาของสิ่งมีชีวิตอย่างนี้ล่ะ
เป้าหมายภารกิจของเธอหายไปไหนกันเนี่ย!
แล้วไอ้ที่ราลูเลียคุยโวโอ้อวดไว้ซะดิบดีว่าภารกิจนี้ไม่มีอะไรยากเย็นนอกเหนือจากการส่งจดหมายให้ถึงผู้รับเฉยๆ แบบนี้มันโกหกกันชัดๆ เลยนะสิ!
แม้คำกล่าวอ้างที่ว่าจะไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าทำร้ายเธอก็เถอะ แต่ถ้าให้ต้องเสาะหาที่อยู่ของเป้าหมายภารกิจอย่างไร้เงื่อนงำเช่นนี้ เห็นว่าเธอจะไม่รู้สึกสนุกด้วยจริงๆ
“ขี้โกงชะมัด แม้แต่ราลูเลียเองก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย มิวายหลอกให้ฉันรับภารกิจยากๆ อีกคน นั่นสินะ ไอ้ภารกิจง่ายๆ อัพเลเวลได้ไวๆ แบบสบายๆ มันมีซะที่ไหนกันล่ะ” เธอทำเสียงห้วนขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ
ซีแนลทอดสายตามองไปเบื้องหน้า เท้าทั้งสองข้างขยับออกไปด้วยความงุ่มง่ามตามสภาพแก่ชรา
ทันใดนั้นเองสัญญาณบางอย่างก็เตือนห้ามไม่ให้เธอก้าวขาออกไป ขาทั้งสองข้างพลันหยุดชะงักโดยหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ ผิวหนังของเธอรู้สึกขนลุกกรูขึ้นมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
เธอยืนตัวแข็งไปชั่วขณะและเริ่มมองเห็นความจริงบางอย่างได้รางๆ
เมื่อครู่นี้ราวกับเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายอย่างแรงกล้าแผ่พุ่งตรงดิ่งเข้าตรงสู่สมองและร่างกายของเธอพลันขับเคลื่อนกลไกลการป้องกันตัวที่เรียกว่าความหวาดกลัว ประสาทการรับรู้ทั้งหมดร้องเตือนว่างานนี้เธอมีสิทธิ์เดือดร้อนแน่ถ้าขืนยังก้าวต่อไปมากกว่านี้
น่าตลกเหลือเกินที่เธอแทบจะก้าวขาได้ไม่เกินสามก้าวเสียด้วยซ้ำ
จากประสบการณ์ที่เคยประสบมา ไม่ว่าภารกิจใด ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าจะปลอดภัยไปตลอดรอดฝั่ง ตอนนี้เธอแทบไม่แน่ใจเสียแล้วว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบใดโผล่ขึ้นอีก
ซีแนลสูดลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ ห้ามตัวเองไว้ด้วยความเยือกเย็น
ท่องไว้สิจุดมุ่งหมายประการเดียวของเธอคือการเอาจดหมายไปส่งให้ถึงมือสัตว์เทพอสูรดิราเซีย
ขณะกำหมัดแน่นเพื่อเรียกกำลังใจอันแกร่งกล้าและพยายามจะก้าวขาเดินต่ออีกครั้ง ทันใดนั้นเองเสียงของเจ้าตุ๊กตาหมีสีเทาหม่นอาวุธคู่ใจที่เกาะอยู่บนบ่าก็ร้องทักท้วงขึ้นจนเธอสะดุ้งสุดตัว
“ไม่ได้นะนายฉิง!”
หลังจากอีกฝ่ายเอ่ยปากเรียกเธอเสียงดังแล้วก็ทำท่าเอียงคอครุ่นคิดด้วยสีหน้าหนักใจคล้ายจะพูดหรือไม่พูดออกมาดี
“พี่หมี! ให้ตายสิ ตกใจหมดเลย มีอะไรอย่างนั้น”
เธอถามด้วยความสงสัยขณะยกมือลูบอกเพื่อปลอบขวัญตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทว่าผ่านไปสักพักก็ดูเหมือนอีกฝ่ายยังไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา
เชื่อเถอะว่าถ้าขืนรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูด เธอคงต้องยืนยิ้มค้างอยู่อย่างนี้ไปอีกพักใหญ่
“ว่ายังไงล่ะ พี่หมีมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลคล้ายจะกล่อมอีกฝ่ายไปในตัว
“คือว่า...เรามาผิดทางแย้วอ่ะ” คิ้วทั้งคู่ของเธอเมื่อครู่ที่ขมวดแน่นอยู่แล้ว บัดนี้แทบจะเป็นปมมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“ทำไมไม่รีบบอก! ว่าแต่ที่ว่าผิดทางหมายความว่ายังไง? พี่หมีเห็นไหมว่าจุดที่เราอยู่มีเพียงถนนสายเดียวให้เราเลือก” เธอว่าด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
อีกอย่างเธอตัดสินใจแล้วว่าจะรีบทำภารกิจนี้ให้จบอย่างเร็วที่สุด
“แต่ทางนั้นเป็นกลลวงที่ซ่อนไว้ด้วยภาพลวงตาอ่ะ”
“ภาพลวงตาเหรอ! พี่หมีรู้ได้ยังไงเนี่ย” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่ค่อยอยากเชื่อนัก แต่เพราะสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองเธอถึงได้มั่นใจ
“รู้ฉิ ก็เจ้าโครงกระดูกบอกมานิ” ซีแนลเบิกตาโตกับสิ่งที่ได้ฟัง
“โครงกระดูกอะไร! คงไม่ได้หมายถึงอีดานหรอกนะ! ไหน!? หมอนั่นอยู่ที่ไหน?”
เธอรีบเหลียวหน้ามองซ้ายแลขวาทันที ก่อนจะหยุดชะงักค้างเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หมอนั่นยังถูกผนึกอยู่ไม่ใช่เหรอพี่หมี”
คราวนี้กลายเป็นว่าเธอเบือนหน้าหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ อย่าบอกนะว่าล้อกันเล่น ขืนทำจริงในสถานการณ์แบบนี้ละก็เธอโมโหจริงๆ ด้วย คนยิ่งรีบๆ อยู่
“ไม่ยู้สิ ข้าสัมผัสความรู้สึกของเจ้านั่นได้ย่ะมั้ง”
พี่หมีเอียงคอครุ่นคิดด้วยท่าทางคิดหนักอีกครั้ง
“สัมผัส? สัมผัสอะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“ข้าเป็นจิตวิญญาณผู้สูงส่งนะนายฉิง แล้วข้าก็เก่งมากด้วย ไม่ว่าอะไยที่เกี่ยวข้องกับนายฉิง ข้าสัมผัสมันได้ทั้งหมดนั่นแหยะ” ซีแนลกรอกตาขึ้นลงรอบหนึ่งเมื่อได้ฟังน้ำเสียงโอ้อวดอย่างไม่เจียมกับรูปร่างของอีกฝ่าย
นี่มันใช่เวลาอวดที่ไหนกันเล่า!
“ต่อให้อีดานถูกระบบผนึกอยู่ พี่หมีก็สัมผัสได้งั้นเหรอ” เธอถามต่อ
“ไม่หยอก ข้าแค่ยู้สึกได้ว่าเจ้าโครงกระดูกเป็นห่วงนายฉิงมาก เจ้านั่นไม่อยากให้นายฉิงไปทางนั้น เพราะมันมีอันตรายบางอย่างซ่อนอยู่”
“อันตราย?? หมายถึงอะไรพี่หมีรู้หรือเปล่า”
“ไม่ยู้สิ ข้าสัมผัสอย่างอื่นไม่ได้แย้ว”
“ช่างเถอะ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าอีดานรู้ได้ยังไงว่าฉันตกอยู่ในอันตรายทั้งที่ถูกผนึกไว้แท้ๆ”
เพราะก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยอ่านข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับเกมนี้มาก่อน ในคู่มือไม่มีหน้าไหนระบุไว้เลยว่าสัตว์เทพอสูรสามารถรับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ได้หลังจากถูกผนึก หรือมันเป็นข้อยกเว้นของสัตว์เทพอสูรระดับสูงที่พิเศษกว่าตัวอื่นๆ หรือเปล่านะ
“ความจริงแย้ว ความรู้สึกที่เป็นห่วงนายฉิงของหมอนั่นถูกส่งออกมาอย่างแรงกล้าจนทำให้ข้าสัมผัสได้ จริงฉิ นายฉิงอย่ายืมฉิว่าเจ้านั่นเป็นเผ่าพันธุ์ยมทูตนะ แย้วดินแดนที่เราอยู่ก็เป็นต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์นั้น ความรู้สึกเล็กน้อยสามารถเล็ดลอดออกมาจากผนึกปิดกั้นก็ไม่แปลกหยอก”
อย่างนั้นหรอกเหรอเนี่ย
ยังไงก็ช่างเถอะ เพราะคำเตือนของอีดานพวกเราจึงสามารถรอดพ้นจากหลุมพรางด่านแรกไปแล้ว
แล้วต่อจากนี้เธอควรทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมกับเธอเลย หน้าผาสูงชันทอดตัวอยู่ด้านขวามือและยาวอ้อมไปด้านหลังจนชนกับหุบเหว พูดง่ายๆ คือการมุ่งไปด้านหน้าเป็นทางเดียวที่บังคับให้เธอต้องก้าวต่อไปชัดๆ
“นายฉิงไปทางนั้นฉิ” เธอมองตามที่มือเล็กๆ ชี้ออกไปแล้วพลันเปลี่ยนเป็นหน้าซีด
“ทางนั้นมันหุบเหวนะ!” เธอทักท้วงด้วยความตกใจ
“เชื่อข้าฉิ เจ้าโครงกระดูกยั่นบอกมาเองนะ” ทันทีที่สบตากับดวงตากลมแป๋วเธอก็ต้องอ่อนใจ
เฮ้อ เอายังไงก็เอากัน ถ้าตายก็ตายกันหมดนี่แหละ
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เช่นนั้นเธอจึงมุ่งตรงไปยังทิศทางที่ว่าทันที
ตลอดระยะเส้นทางล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคขวางกั้นต่างๆ รวมถึงต้องพบเจอแง่หินน้อยใหญ่ ยิ่งเดินลุยบุกฝ่าเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ก็เหมือนกับตัวเองตกลงไปอยู่ในดงหนาม
ซีแนลสะดุดขาตัวเองเซถลาหรือไม่ก็เซไปปะทะกับแง่หินแหลมขรุขระหลายครั้งหลายครา ไม่เว้นแม้แต่เส้นผมและเสื้อผ้าก็โดนเกี่ยวไปด้วย
ตอนนี้เธอรู้สึกเกลียดชังสภาพของตัวเองซะเหลือเกิน นอกจากจะแก่แล้วยังเป็นการเพิ่มภาระในการเดินทางอีกด้วย
“ถึงแย้ว ยั่นไง!” พี่หมีใช้มือเล็กๆ ชี้ให้เธอดู
เหมือนว่าคำเตือนของอีดานเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อเธอเดินผ่านพ้นออกจากดงแง่หินอันแหลมคมเหล่านั้น สายตาของเธอก็พบกับบันไดชิดหน้าผาที่ถูกซ่อนไว้ซึ่งมีแท่นหินที่ผุดขึ้นมาบดบังเล็กน้อย ถ้ามองเพียงแค่ผิวเผินก็คงไม่อาจมองเห็นได้
เมื่อเดินเข้าไปใกล้กว่านั้นเล็กน้อย เธอจึงเห็นบันไดที่ไต่ระดับลงสู่หุบเหวด้านล่าง
คราวนี้กลายเป็นเธอที่เบนสายตากลับไปมองพี่หมีอีกครั้ง บทเรียนครั้งนี้สอนเธอได้มาก ‘สิ่งที่มองด้วยตาเปล่า ไม่อาจพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าทั้งหมดคือความจริง’
บางครั้งเราก็ไม่ควรมั่นใจในความคิดตัวเองมากเกินไปและต้องใช้ความรอบคอบที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดอีกด้วย อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ถ้าเธอดันทุรังโดยไม่ยอมเชื่อฟังคำเตือนของใครเลย เธอเองก็คาดเดาไม่ออกว่าจะมีสิ่งใดรออยู่
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับความคิดตัวเอง เท้าข้างหนึ่งของเธอก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างคล้ายลูกบอลสีขาวกลมๆ มันกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้นจนกระทบเข้ากับแผ่นหินก้อนหนึ่ง
ในตอนนั้นเองเธอจึงได้เห็นว่ามันเป็นหัวกะโหลกสีขาวดวงตากลวงโบ๋ที่กำลังแสยะยิ้มยิงฟันอย่างน่าสะพรึงกลัว
ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบแล่นพล่านผ่านไขสันหลังราวกับเจอรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมของปีศาจแห่งความตายที่หมายคร่าเอาชีวิตเธอเพียงเสี้ยววินาที
สัตว์เทพอสูรผู้กุมกุญแจคุก หัวกะโหลกทีบีน ระดับราชา เลเวล 1000 ปรากฏตัว ผู้เล่นที่ถูกสัตว์เทพอสูรผู้กุมกุญแจคุก หัวกะโหลกทีบีน สังหาร เลเวลลดลง 100 ระดับ รอเวลาในการเกิดใหม่ 7 ชั่วโมง
เนื่องจากผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ถือครองจดหมายภารกิจ สัตว์เทพอสูรทุกตัวที่อยู่ในเขตพื้นที่คุกของดินแดนนรกจึงไม่ทำการจู่โจมค่ะ
เดี๋ยวนะ! เมื่อครู่นี้ถ้าฟังไม่ผิด เธอได้ยินว่าคุกใช่ไหม!
กะ... เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับภารกิจของเธอเนี่ย!!!
ทำไมเธอสถานที่ที่เธอมาโผล่ถึงกลายเป็นคุกได้ล่ะ
To be continue…
ความคิดเห็น