ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gintama Fiction: Do you... (( Gintoki X Hijikata ))

    ลำดับตอนที่ #6 : เรื่องที่อยากลืมที่สุด คือเรื่องที่ไม่มีทางลืมได้ตลอดชีวิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      22
      2 ต.ค. 53

     
             “อากินจาง~  เจี๊ยะข้าวต้มน่อ

     

    เสียงใสๆของสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับประตูบานเลื่อนเปิดออก

     

    คางุระที่หายไข้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปสามเท่าเดินเข้ามาในห้องนอนของเขา  ในมือมีถาดใส่อาหารร้อนๆที่หล่อนทำเอง  แม้ว่าจะไม่มีอะไรเลยนอกจากข้าวต้มเละๆ  ไข่ลวกสองลูก  และเกลืออีกหนึ่งกระปุก

     

    พ่อพระ(เอก)ของเรานอนเดี้ยงอยู่บนฟูกมาราวๆสามสี่วันแล้ว  อาการปวดหัวตัวร้อนทุเลาลงไปมาก  แต่เรี่ยวแรงยังไม่ค่อยกลับคืนมาเต็มที่สักเท่าไร  เขาเลยต้องนอนซมทั้งวันอย่างที่เห็น  แม้จะบอกตัวเองให้รีบๆหายได้แล้ว  ก่อนที่หน้าจะกลายเป็นไข่ลวกโรยเกลือ  เพราะคุณลูกสาวเล่นทำกับข้าวเป็นอยู่อย่างเดียวจริงๆ  แต่เจ้าเชื้อไข้หวัดนี่ก็ช่างดื้อด้านเกาะติดร่างกายเขาแน่นหนึบเสียเหลือเกิน

     

    เฮ้...หล่อนน่ะทำเป็นอยู่แค่นี้จริงๆใช่มะ?  ฉันล่ะสงสารสามีในอนาคตหล่อนจริงๆเล้ยให้ตายเถอะ  ไม่มีถั่วแดงเชื่อมเหลือติดบ้านอยู่เลยหรือไง

     

    คุณกินบ่นๆทันทีที่สาวหมวยวางถาดอาหารลงตรงหน้า  แต่ก็ยอมกินเข้าไปโดยดี 

     

    เฮอะ!  ทำยังกะรสนิยมเรื่องกับข้าวของลื้อดูดีตายแหละ  สามีในอนาคตของลื้อต้องกินแต่น้ำตาลยันตายแน่ๆอั๊วะรับรอง

     

    เฮ้ๆๆๆ  หล่อนพูดอะไร  พระเอกสุดหล่อคนนี้เป็นชายทั้งแท่งเฟ้ย  จะไปมีสามีได้ไง...ต้องมีเมียสิ...เมีย......

     

    พูดเองก็อึ้งเอง  ในหัวมันพาลไปคิดถึงเรื่องบ้าๆคืนนั้นอีกแล้ว 

     

    ...เมียงั้นเหรอ  เมียฉันเป็นผู้ชายว่ะ...

     

    ถึงตรงนี้กินโทกิรู้สึกอยากจะเอาหัวโขกคอนกรีตแรงๆสักที    

     

    แค่นอนด้วยกันครั้งเดียวจะเรียกว่าเมียได้ไงวะ  เรานี่ก็บ้า  ทีกับสาวๆไม่เห็นจะคิดมากอย่างนี้เลย   แต่เฮ้ย!  ไอ้นั่นมันเป็นผู้ชายนาเหวย  ผู้ชายมีปิ๊กกาจู๊เหมือนกันน่ะเข้าใจมั้ยกินโทกิ  มันจะเป็นเมียแกได้ไงห๊า  ถึงจะติ๊ดชึ่งกันไปแล้วก็เหอะ  แต่หมอนั่นมันมีมดลูกที่ไหนกัน

     

    ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น  แต่ภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งจ้องมองเขาท่ามกลางความมืดสลัวกลับชัดเจนอยู่ในความคิด  สายตาคมกริบที่มองมาไม่มีแววของความดุดันหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว

     

    ...กินโทกิ...    

     

    เสียงของไอ้บ้ามายองเนสนั่นแว่วขึ้นมาอีกแล้ว  ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี่ในหัวเขาได้ยินเสียงนั่นกี่ร้อยพันครั้งกันนะ  ทั้งๆที่นอนป่วยอยู่คนเดียวในห้องนี่  แต่ในหัวกลับวุ่นวายไปด้วยเสียงเรียกบ้าๆของแกเนี่ย

     

    เปงอะไรไปน่อ  ไข้ขึ้นอีกเลี้ยวเรอะอากินจาง  หน้าแดงแจ๋เลยอ่ะน่อ

     

    ดวงตาแป๋วแหววสีฟ้าใสของสาวน้อยมองคุณพ่อจำเป็นอย่างเป็นห่วง  มือน้อยๆที่ใช้ทลายได้กระทั่งหินผายกขึ้นอังหน้าผากของกินโทกิก่อนพึมพำว่า

     

    เอ๋...ก็ไม่ร้อนเท่าไรเลยนี่  ลื้อเปงไรหรือเปล่าอากินจังคางุระแปลกใจที่พบว่าไข้ของเขาไม่ได้กลับมาอย่างที่เธอคิด

     

    อั๊วะขอโทษน่อที่เอาไข้มาปล่อยลื้ออ่า

     

    รู้ตัวก็ดีแล้วยัยบ้า

     

    กินโทกิดีดนิ้วใส่หน้าผากลูกสาวเบาๆอย่างเอ็นดู  ถึงมันจะบ้าๆบอๆ  ชอบทำเรื่องชวนเวียนหัว  แถมยังทำกับข้าวไม่เป็นก็เถอะ  แต่น่ารักขนาดนี้....ถ้าไม่ใช่คุณกินล่ะก็  คงไม่มีทางปลอดภัยหายห่วงแบบนี้ร้อก  นั่นก็เพราะเขาน่ะไม่ใช่พวกโลลิค่อน  น่ารักแค่ไหนก็รักเหมือนน้องเหมือนนุ่งไม่มีทางคิดพิศวาส...

     

    แล้วทำไม...ทำไม...ทำไมเอ็งถึงไปมีอะไรกับผู้ชายล่ะโว้ย!

     

    นั่นสิ...จะว่าไปเราก็ไม่เคยคิดอกุศลกับคางุระสักครั้ง  แต่ดันไปถลำลึกกับไอ้บ้านั่น 

     

    อ๊ากกกก!!  ไม่นะ!  ไม่ได้เป็นโลลิค่อน  แต่เป็นเกย์เนี่ยนะ!  ไม่ใช่แน่ๆ  ไม่มีทาง  เป็นไปไม่ได้  อิมพอสสิเบิ้ล!!

     

    เปงบ้าอะไรของลื้ออีกเลี้ยวเนี่ยอากินจัง  ทำไมทำหน้าเหมือนผีเข้าอย่างงั้งล่ะน่อ

     

    อาหมวยบ่นอย่างสงสัย  ช่วงหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลมาดูแลกินโทกิเนี่ย  เขาดูเพี้ยนๆยังไงก็ไม่รู้  เอาแต่เหม่อๆแล้วก็บ่นอะไรน่ากลัวๆอยู่คนเดียว  แถมท่าทางเหนื่อยอ่อนเหมือนอยากจะลาโลกนั่นอีก  ไปเจอเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้  เธอเองก็อยากถามแต่พอเห็นสภาพเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากทุกที

     

    ไม่ได้เป็นอะไร เสียงห้าวๆตอบกลับมาสั้นๆ  ก่อนหันไปซัดข้าวต้มอย่างตั้งอกตั้งใจ  แต่ดูเหมือนในหัวเขาคงจะกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่อีกแล้ว

     

    ไอ้อาการไม่ค่อยมีแรงเนี่ย  เขาก็อยากคิดว่ามันเป็นเพราะไข้หวัดเล่นงานอยู่หรอก  แต่ใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุมันมาจากก่อนที่เขาจะอาการทรุดหนักขนาดนี้  เป็นเพราะเขาทำอะไร หนักๆ แบบต่อเนื่องชนิดลืมหายใจแหงๆ

     

    คืนนั้นเขาน่าจะไข้ขึ้นจนสลบไปเลยก็ดี  ไม่ใช่แค่หนาวตัวสั่นจนต้องไปคว้าใครมากอดอย่างไร้หัวคิด

     

    แล้วมันก็ดันไม่จบแค่กอดอีกต่างหาก  เขาเลยต้องมานั่นปวดหัวอยู่เนี่ย  บ้าเอ๊ย! ทั้งที่เป็นคนบอกไอ้บ้านั่นให้ลืมแท้ๆ  แต่ตัวเองกลับประสาทหลอนซะเอง  หลอนจนหนังผีที่สยองขวัญที่สุดในจักรวาลเทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ

     

    หลังจากกินอิ่ม  คุณกินก็ล้มตัวลงนอนต่อ  คางุระยกถาดใส่ข้าวต้มออกไปเก็บ  หล่อนนึกภาวนาให้ชินปาจิกลับมาเร็วๆ  ไหนบอกว่าจะไปแค่อาทิตย์เดียว  นี่เล่นหายไปเกือบสองอาทิตย์  เธอคิดถึงการอยู่ด้วยกันสามคน  ถ้าชินปาจิกลับมา  พวกเขาจะได้เริ่มทำงานรับจ้างสารพัดสักที  ถึงตอนนั้นอากินจังจะได้กลับมาเฮฮาปาจิงโกะเหมือนเดิม  คางุระได้แต่ครุ่นคิดเพียงลำพัง 

     

    และปล่อยให้กินโทกินอนจมอยู่กับความสับสนตัวเองต่อไป

     

    ............................................................................................................................................

     

    แค่กๆๆ  น่ารำคาญชะมัดเลยว่ะ  ไอ้ไข้หวัดบ้านี่

     

    เสียงห้าวๆบ่นกับตัวเองอย่างขุ่นเคือง  ร้อยวันพันปีไม่มีเสียหรอกที่คนแข็งแรงอย่างฮิจิคาตะ  โทชิโร่จะต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้  แต่เป็นเพราะไปแลกเชื้อโรคกับไอ้บ้าคนหนึ่งมาทั้งคืนเลยรับสภาพไปเต็มๆ  นัวเนียกันขนาดนั้นถ้าไม่ติดก็คงพิลึกเกินไปล่ะ

     

    ร่างสูงโปร่งขยับเสื้อคลุมให้กระชับขึ้นอีกนิด  ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน  แต่ลมตอนดึกนั้นเย็นเยียบ  บวกกับร่างกายที่ไม่ค่อยจะสู้ดีทำให้เขารู้สึกหนาวนิดๆ

     

    ฮิจิคาตะถอนหายใจเฮือกใหญ่  เขานั่งสบายๆอยู่บนระเบียงห้องนอน  เพราะมีลมยุงเลยไม่ค่อยแห่มาตอมเขาสักเท่าไร  ซึ่งนับว่าโชคดีจริงๆ  เพราะตอนนี้เขายังอยากนั่งอยู่ตรงนี้  ไม่อยากเข้านอนเลยสักนิดทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว

     

    ในที่สุดเขาก็ต้องลางานรวดเดียวสองอาทิตย์  อาทิตย์แรกลาพักร้อน  อีกหนึ่งอาทิตย์ลาป่วย  เชื้อไข้หวัดที่ไอ้บ้านั่นแพร่ไว้ก็รุนแรงสมกับที่ทำให้คนบ้าพลังอย่างมันหมดสภาพได้จริงๆ

     

    เวลาแทบทั้งหมดหลังจากวันนั้น  ผ่านไปกับการนอนเดี้ยงอยู่บนฟูก  จนมาถึงวันนี้อาการไข้หวัดค่อยดีขึ้น  แต่เขากลับไม่อยากให้ตัวเองหายไข้เลย

     

    เพราะตอนเป็นไข้  ความเหนื่อยล้าบังคับให้เขาหลับ  แต่พอเขาหาย  การข่มตาลงนอนเป็นเรื่องที่ยากเย็นจนไม่อยากจะเชื่อว่าเขาทำเรื่องยากๆอย่างการนอนหลับมาตลอดชีวิตได้ยังไง

     

    ...ปล่อยให้เรื่องงี่เง่าพวกนี้มันผ่านไป  จากนั้นก็ทำตัวตามปกติ  เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ดีไหม...

     

    ไอ้บ้าน้ำตาลนั่นบอกไว้อย่างนี้  ที่จริงเขาก็น่าจะฝังมันลงหลุมได้แล้ว  ไอ้เรื่องน่าอดสูแบบนั้นจำไปก็รังแต่จะบั่นทอนตัวเอง

     

    แต่คงเพราะยิ่งขยะแขยงมันมากเท่าไร  มันก็ยิ่งฝังใจมากเท่านั้น 

     

    ปัญหาก็คือ...เขาลืมมันไม่ได้

     

    หรือถ้าจะพูดให้ชัดกว่านั้น  เขาลืมมันไม่ลง

     

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันสับสนพร่าเลือนเสียจนเกือบจะกลายเป็นความฝัน  แต่ช่างเป็นฝันที่ติดแน่นเหลือเกิน  เหตุการณ์ที่ไม่ชัดเจน  แต่ความรู้สึกและอารมณ์ในขณะนั้นกลับมีพลังมหาศาล

     

    มันไม่เหมือนเซ็กส์ด้วยซ้ำไป  คลับคล้ายเพียงแค่ภาพฝันเลือนลางในม่านหมอก  ทว่าฝังลึกลงไปจนไม่อาจลบล้าง  ทั้งความอบอุ่น  ทั้งความอ่อนโยน  กระแสปลอบประโลมอันแผ่วเบาแต่เต็มตื้อยามอ้อมกอดนั้นโอบอุ้ม  ยามจูบกับริมฝีปากนุ่มอุ่น  ยามมือคู่นั้นประคองศีรษะ  และเรียวนิ้วที่สอดเสยไปกับเส้นผม

     

    ...ไปกันใหญ่อีกแล้ว...

     

    รอบที่เท่าไรไม่รู้ที่เขาพยายามบอกตัวเองว่า  หยุดคิดถึงเรื่องนั้นสักที  แต่ทำไมกันนะ...มันถึงคอยรังควานเขาอยู่เรื่อย  ทั้งที่เขาต้องการจะลืมมันแท้ๆ

     

    สายลมเอื่อยเฉื่อยโชยผ่านระเบียงห้องนอน  พระจันทร์ฤดูร้อนส่องแสงโดดเดี่ยวบนฟากฟ้า  เป็นอีกคืนหนึ่งที่สงบเงียบเหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา 

     

    ดวงตาสีดำทอดมองดูพระจันทร์บนท้องฟ้าเนิ่นนาน  ไม่รู้เหตุใดคืนนี้มันจึงดูสวยและลึกลับมากกว่าทุกที  แต่ก็เปลี่ยวดายมากกว่าทุกทีเช่นกัน

     

    ...ตอนนี้หมอนั่นจะหายป่วยหรือยังนะ...

     

    ท่านรองตั้งคำถามเงียบๆกับตัวเอง  แล้วก็มีคำตอบผุดขึ้นมาทันทีว่า

     

    ...เราจะอยากรู้ไปทำไมกัน...

     

    ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของคำถามแรก  กลายเป็นคำถามที่สองอย่างรวดเร็ว

     

    ...แล้วเราจะอยากรู้ไปทำไม...

     

    ทุกครั้งที่หลับตา  ภาพของมันจะแจ่มชัดขึ้นในความคิด  ดวงตาคู่นั้นมองมาด้วยสายตาแปลกๆคล้ายกับเศร้าสร้อย   ทุกครั้งที่หลับตา  เสียงของมันจะดังขึ้นในความคิด  ร้องเรียกเขาซ้ำแล้ว  ซ้ำเล่า  ซ้ำแล้วก็ซ้ำเล่า

     

    เมื่อลืมตาขึ้น  พบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวในห้องปิดทึบ  ไม่มีใครร้องเรียก  ไม่มีใครเคียงข้าง  เมื่อเขาลืมตาขึ้น  แม้จะรู้ว่ามีเพื่อนมากมายที่นี่  แต่เขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมายามมองไปยังความว่างเปล่าที่แฝงอยู่ในทุกสิ่งรอบตัว  ไม่มีใครรู้ทัน  ไม่มีใครพูดสิ่งที่เขาคิดออกมา  เขายังคงนั่งอยู่ตรงนี้  คิดอะไรที่คนอื่นไม่มีวันรับรู้เพียงลำพัง  อีกครั้ง

     

    ...ชีวิตแกทุกวันนี้ไม่มีความสุขเลยรึ... 

     

    ...แกทำดีที่สุดแล้วนี่...

     

    ใครจะคิดว่าคำพูดไม่กี่คำในคืนนั้น  มันจะกลับมาหลอกหลอนเขาไม่จบไม่สิ้นสักที

     

    เพียงแค่ได้กลิ่นตอนกลางคืน  เดี๋ยวนี้เขาขยาดจนแทบหลับไม่ลงเสียแล้ว 

     

    เพราะมันทำให้เขาคิดถึงเรื่องนั้น

     

    ยิ่งคิด  ยิ่งรู้สึกแย่  ความรังเกียจผสมปนเปกับความเหงาออกมาได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ  พยายามที่จะไม่คิดถึง  แต่ทุกอย่างกลับชักนำให้คิดถึง

     

    ผลลัพธ์ระหว่างความรังเกียจกับความเหงา...จึงกลายเป็นความทรมาน

     

    ไม่อยากคิดถึง  แต่ก็ต้องเผลอคิดถึง  พอเผลอคิดถึงแล้วก็กลับไม่สามารถทำอะไรได้  แล้วก็รู้ว่าไม่อยากคิดถึงเลย  วนเวียนกันไปอย่างนี้

     

    สุดท้ายก็มีแต่คำว่าคิดถึงๆๆๆๆผุดขึ้นมาเต็มหัวไปหมด

     

    ตั้งแต่เรื่องโง่ๆสารพัดสารเพที่เขากับมันชอบทำเหมือนกัน  ทุกครั้งที่เจอกัน  ทั้งความซวยที่ต้องมีมันเป็นส่วนประกอบทุกครั้ง  ทั้งตอนที่แทบจะฆ่ากันตาย  หาเรื่องชก  หาเรื่องด่าพ่อล่อแม่  จนไปถึงตอนที่เกือบตายด้วยกัน  ต่อสู้ด้วยกัน  ตอนที่มันเพียงแค่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆในวันที่ร้องไห้โดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ 

     

    และวันที่มันยังคงเชื่อมั่นในตัวเขา  ทั้งที่ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเขาแล้วแม้แต่ตัวเขาเอง

     

    ทุกครั้ง...ไม่ว่าที่ไหน  ไม่ว่าเมื่อไร  ไม่ว่าจะแข็งข้อหรือยอมตาม  ทุกการกระทำของหมอนั่นมาจากความเข้าใจในตัวตนของเขาเสมอ

     

    เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคิดถึงเรื่องของหมอนั่นมากไปอีกแล้ว  สติก็ทำให้เขารู้ตัวว่าตัวเองเผลอยิ้มอยู่ตั้งนาน

     

    เหตุการณ์ในวันนั้นมันทำให้เขาต้องมาหาข้อสรุปให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอนั่นกับตัวเขาเอง  ทำให้เรื่องที่ปกติไม่คิดก็ต้องมาคิดหนัก  จากที่เคยอยู่คนเดียวสบายๆ  ก็ดันเหงาขึ้นมา

     

    ...ตามใจตัวเองซะบ้างเถอะ...

     

    คำพูดของมันดังแว่วขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง 

     

    ฝ่ามือที่ลูบไล้อย่างนุ่มนวล  และไอร้อนที่โลมเลียร่าง  มันฝังแน่นเสียจน...ทำให้...โหยหา

     

    ...กินโทกิ...

     

    ...เจ็บรึ?...

     

    ...เจ็บ...

     

    ...หยุดไหม?...

     

    ...ไม่ต้อง...อืม...

     

    บ้า...เอ๊ย!”

     

    อยู่ๆกำปั้นหนักๆก็ทุบพื้นดังเปรี้ยง  ไล่ความทรงจำบ้าๆกระเจิดกระเจิง  ท่านรองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า  คนที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างง่ายดายมาตลอดอย่างเขา  กลับต้องมาอับจนหนทางกับความคิดซึ่งดูจะเริ่มรุกรานเข้ามาในหัวของเขาอีกแล้ว

     

    ...เป็นไง?...

     

    ...เจ็บว่ะ  อือ...เจ็บชะมัด...

     

    น้ำตาร่วงเผาะลงบนหมอน  ถึงอย่างนั้นก็ไม่การบอกให้หยุดแม้แต่แอะเดียว

     

    ไอ้ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คงจะเป็นตัวเองนี่แหละ  ฮิจิคาตะคิดอย่างหัวเสีย  ก่อนสะบัดหัวแรงๆ  บอกตัวเองว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วจึงลุกขึ้นและกลับเข้าห้องไป

     

    ร่างสูงเดินผ่านกระจกขนาดย่อมที่แขวนไว้ตรงผนังห้อง  เท้าของเขาหยุดชะงักก่อนหันหน้ากลับมามองเงาสะท้อนของตัวเองช้าๆ

     

    คนที่มองตอบกลับมายังคงเป็นรองปีศาจในชุดสีเข้ม  ดวงตาดุดันคู่นั้นก็ยังคงดุดันเหมือนทุกที  แต่ที่แปลกออกไปจากทุกครั้งก็คงเป็นใบหน้าที่แดงจัดจนไปถึงคอนั่นแหละ  นี่ไม่นับรวมถึงจังหวะสูบฉีดเลือดที่กระชั้นเป็นกลองเพลงร็อกอีกอย่าง

     

    ไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ  แค่คิดถึงเรื่องนั้นเฉยๆ  ก็ต้องมีไอ้อาการน่ารำคาญแบบนี้ทุกทีสิน่า

     

    เพราะแกคนเดียวเลยไอ้บ้าหอกกุดเอ๊ย!!

     

    ............................................................................................................................................

     

    จริงๆเมื่อก่อนผมก็เป็นผู้ชายปกตินั่นแหละครับ  เคยรักผู้หญิงด้วย  แต่พอลองมีอะไรกับผู้ชายครั้งหนึ่งแล้ว  ผมก็กลายเป็นเกย์ไปเลย

     

    ครั้งเดียวเองเหรอครับ!”

     

    ครั้งเดียวครับ

     

    ครั้งเดียวนี่มันเปลี่ยนชีวิตคุณขนาดนั้นเลยเหรอ

     

    ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ  แต่องค์ประกอบที่ทำให้ผมชอบผู้ชายมันไม่ได้อยู่ที่การมีอะไรกันอย่างเดียวหรอกครับ  มันมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่ทำให้ผมชอบเขาน่ะครับ

     

    เขานี่หมายถึง...

     

    ก็แฟนผมนั่นแหละครับ

     

    แล้วองค์ประกอบที่ว่านั่นล่ะครับ

     

    ผมว่าการที่ผมชอบผู้ชาย  ส่วนหนึ่งเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเขาด้วยแหละครับ  คือถ้าเป็นคนอื่นผมอาจจะไม่ก็ได้  คือเขาเป็นเพื่อนผมน่ะครับ  เป็นเพื่อนที่ดีแล้วก็เข้าใจผมมาตลอด  ตรงนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับผู้ชายผู้หญิงครับ

     

    แปลว่าคุณอาจจะกลับไปชอบผู้หญิง

     

    ไม่ล่ะครับ  ก็ตอนนี้คนที่ผมชอบเป็นผู้ชาย

     

    ...ปับ!...

     

    อ๊า! อากินจางปิดทำมายอะน่อ  อั๊วะอยากดูต่ออ่ะน่อ!”

     

    คางุระแว้ดใส่กินโทกิทันทีที่บังอาจไปกดปิดรายการทอล์กโชว์ที่เธอกำลังตั้งอกตั้งใจดูอยู่  แต่กินโทกิกลับชักสีหน้าหงุดหงิดสุดๆ 

     

    รายการบ้าอะไรของเธอห๊ะ  เรื่องพวกนี้จะอยากรู้ไปทำไมกัน

     

    ทำไมอ่ะน่อ!  ก็แค่เรื่องของเกย์อ่ะ  ไม่ได้มีอะไรผิดสักหน่อยนี่

     

    ...ไม่ได้มีอะไรผิดสักหน่อย  งั้นเหรอ?...

     

    ก็ผิดธรรมชาติไงเล่า  ผู้ชายน่ะต้องคู่กับผู้หญิงสิเฟ้ย  ไอ้คนพวกนี้มันบ้าจะตายไป  ชอบผู้ชายด้วยกันลงไปได้ยังไงกัน  เฮอะ!”

     

    คางุระแปลกใจเล็กๆกับท่าทีโมโหร้ายอย่างที่หาได้ยากนักจากคนตรงหน้า  ปกติต่อให้โกรธแค่ไหนเขาก็จะโวยวายตรงๆ  แต่นี่...ถ้าหล่อนไม่ได้คิดไปเอง  ดูเหมือนคำพูดของเขาจะดูมีอะไรแอบแฝงยังไงก็ไม่รู้  เหมือนคนที่ไม่ค่อยมีสติ  ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมาก

     

    ลื้อเปงอะไรของลื้อ!  อั๊วะจำไม่ล่ายว่าเคยสั่งสอนลื้อให้ดูถูกชาวบ้านอย่างนี้น่อ!”

     

    เจ้าเด็กแก่แดดชักเสียงกระด้างโต้กลับ  แต่ก็กลับทำให้กินโทกิฉุกคิดขึ้นมาได้

     

    ...จริงสิ...มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นสักหน่อย...

     

    อันที่จริงถ้าเขามั่นใจว่าเขาไม่หวั่นไหวแน่ๆ  เขาก็น่าจะไม่รู้สึกต่อต้านอะไรอยู่แล้วนี่

     

    เออ...โทษที  ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ

     

    ลื้อนี่ยังไง...ปุเหลียวให้อาไซโกะอีจับไปเป็นกะเทยอักซักรอบซะเลย

     

    คางุระไม่วายบ่น  ก่อนหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดูรายการโปรดอีกครั้ง

     

    พอพูดถึงไซโกะ...กินโทกิพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  ใช่สิ...บางทีเขาอาจจะอยากได้คำยืนยันจากผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนว่าการกลายพันธุ์จากผู้ชายทั้งแท่งไปเป็นเกย์มันเป็นยังไงแน่

     

    แต่ว่าเจ๊แกเป็นกะเทยนี่หว่า  เฮ้อ! แต่ก็สปีชีส์ใกล้เคียงกันล่ะวะ

     

    แล้วสำหรับคุณ  คิดว่าผู้ชายที่มีแนวโน้มจะเป็นเกย์จะเป็นแบบไหนเหรอครับ

     

    อืม...เท่าที่สังเกตมานะครับ  ผู้ชายที่มีแนวโน้มจะอ่อนไหวกับผู้ชายด้วยกันมักจะแสดงออกว่าเกลียดรักร่วมเพศน่ะครับ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่ผมเห็นหลายคนแล้วที่....

     

    ...ปับ!...

     

    อากินจัง!  ลื้อเป็นบ้าอะไรของลื้ออีกเลี้ยวเนี่ย!!”

     

    คางุระโวยวายไล่หลังกินโทกิที่ปิดโทรทัศน์กลางคันอีกครั้ง  ก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

     

    ............................................................................................................................................

     

    อืม...เท่าที่สังเกตมานะครับ  ผู้ชายที่มีแนวโน้มจะอ่อนไหวกับผู้ชายด้วยกันมักจะแสดงออกว่าเกลียดรักร่วมเพศน่ะครับ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่ผมเห็นหลายคนแล้วที่เหมือนจะรังเกียจพวกเรามากๆ  นั่นคงเพราะอยู่ในช่วงสับสนน่ะครับ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายทุกคนที่มีท่าทางรังเกียจรักร่วมเพศจะมีแนวโน้มเป็นเกย์ไปซะหมดนะครับ...

     

    ...ปับ!...

     

    อ้าว!  กำลังดูอยู่ดีๆ  ปิดทำไมกันครับไอ้งั่งฮิจิคาตะ

     

    น้ำเสียงราบเรียบถามผู้เป็นหัวหน้าอย่างสุภาพเหมือนทุกครั้ง  สายตาของโอคิตะ  โซโกะเบนไปยังฮิจิคาตะ  โทชิโร่ที่ถือรีโมทค้างไว้ในมือ  และมีสีหน้าเหมือนพร้อมจะฆ่าคนในวินาทีใดวินาทีหนึ่งนับจากนี้

     

    รำคาญว่ะ  แกนี่ช่างเลือกรายการได้น่าดูจริงๆเลยนะโซโกะ  กับไอ้เรื่องตุ๊ดๆแต๋วๆเนี่ย  น่ารำคาญจะตายชัก

     

    เสียงโหดๆตอบกลับมาพร้อมกับรีโมทในมือร้าวเปรี๊ยะเพราะคนถือดันใส่อารมณ์ตอนพูดมากเกินไปหน่อย 

     

    ทว่าเด็กหนุ่มคู่อาฆาตกลับบ่ยั่นเพราะเคยชินกับความบ้าของเขาดี  หรืออันที่จริงมันอาจจะบ้ามากกว่าเขาก็ได้  โอคิตะหยิบขนมบนโต๊ะญี่ปุ่นใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆอย่างสบายอารมณ์  พลางทำหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

     

    คุณฮิจิคาตะรำคาญพวกเกย์มากขนาดนี้เลยเหรอครับเนี่ย

     

    คำถามเรียบๆเหมือนไม่ใส่ใจ  แต่ทำเอาคนถูกถามสะอึก

     

    ...เหอะ...แกลองเผลอทำกับผู้ชายสักสองสามรอบสิโว้ย  เดี๋ยวก็รู้เองแหละว่ามันน่ารำคาญแค่ไหนที่ต้องตั้งคำถามตุ๊ดๆกับตัวเองตลอดเวลา...

     

    รำคาญ...มาก

     

    ฮิจิคาตะตอบอย่างสะกดอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเหวี่ยงชินเซ็นงุมิระเบิดอย่างไร้สาเหตุ

     

    ...ไอ้บ้าพวกนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย  เราต้องเย็นไว้  เย็นไว้โยม...

     

    อ้อ...อย่างนี้นี่เอง!”

     

    ไอ้เด็กแสบทุบกำปั้นลงบนมือเหมือนเพิ่งได้รับความกระจ่างในบางเรื่อง  ด้วยหน้าตาใสซื่อแบบนั้นคงจะดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกถ้าเขาไม่รู้ซึ้งถึงสันดานมันขนาดนี้  ทำให้แทนที่จะมองหน้าตาใสๆนั่นว่าน่ารัก  เขากลับเห็นมันเป็นอะไรที่กวนส้นอย่างถึงที่สุดเลยจริงๆ

     

    เข้าใจบ้าอะไรของแกห๊ะ!” 

     

    ก็แหม...เขาเพิ่งบอกนี่ครับว่าพวกมีแนวโน้มเป็นเกย์  มักจะแสดงออกว่ารังเกียจเกย์  งั้นก็แสดงว่าคุณฮิจิคาตะก็มีโอกาสเบี่ยงเบนนะครับเนี่ย

     

    นัยน์ตาสีแดงของเจ้าชายซาดิสติกตวัดมองฮิจิคาตะในแบบที่ชวนให้ขนลุกพร้อมกันทั้งร่างอย่างไม่มีเหตุผล  รอยยิ้มบางๆผลิออกน้อยๆอย่างเย้ยหยัน  เจ้าเด็กหนุ่มใสซื่อกลับกลายเป็นพญามารในชั่วพริบตานั้นเอง

     

    ใครเบี่ยงเบนกันวะ!!”

     

    รองปีศาจทุบโต๊ะปังก่อนลุกพรวดขึ้นชี้หน้าประกาศศึกกับพญามารทันที

     

    อะไรกันคร้าบ  ผมล้อเล่นเฉยๆ  ไม่เห็นต้องร้อนตัวขนาดนั้นเลยนี่นา

     

    ทว่าพญามารยังใจเย็น  หัวเราะหึแผ่วเบา  พลางขยับยูคาตะบางๆสำหรับหน้าร้อนให้ลมมันผ่านเข้าไปใต้ร่มผ้าเพื่อระบายความอึดอัด  เขาจำไม่ได้แล้วว่ามีใครเคยบอกไว้ว่าเจ้าโอคิตะมันเชี่ยวสมฉายาจอมซาดิสม์จริงๆ  พอมันเปลี่ยนโหมดเป็นพญามารทีไร  เขาอ่านสายตามันไม่ออกเลย 

     

    โดยเฉพาะไอ้การกระพือคอเสื้อกว้างๆให้แหวกออกจนเกือบเปิดถึงไหล่  เห็นผิวขาวข้างในเหมือนกับท่ายั่วของพวกโฮสต์ตามผับเนี่ย  มันไม่ทันระวังตัวหรือแค่อยากจะเนียนจับผิดอะไรเขาหรือเปล่า

     

    เพราะถ้ามันกะยั่วเขาจริงๆ  ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาเผลอกลืนน้ำลายเฝื่อนๆลงคอไปอึกหนึ่งแล้ว

     

    ...บ้าเอ๊ย...

     

    คะ  ใครร้อนตัวกัน

     

    เสียงที่ควรจะตวาดกลับอย่างโกรธจัด  กลับผ่อนลงเหลือเพียงแค่ความหงุดหงิดน้อยๆเท่านั้น

     

    ถ้าแกไม่รำคาญพวกไม้ป่าเดียวกัน  แล้วแกชอบมันหรือไง

     

    ดวงตาคมเข้มกลับมาจ้องหน้าโอคิตะโดยไม่พยายามมองต่ำกว่านั้น  แต่ไอ้เด็กบ้านั่น...ไอ้เด็กบ้านั่น!  มันกลับขยับตัวของมันเข้าหาเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

     

     อ๊าก!! ออกไปห่างๆนะโว้ย  ทำบ้าอะไรของแก๊!  แล้วก็ช่วยหุบรอยยิ้มวิปริตของแกสักทีเถอะ  แกจะเข้ามาชิด...ชิดขนาดนี้-ทำไม-วะ

     

    หึ...สำหรับผมน่ะ  ขอแค่เอามาเป็นขี้ข้าได้  จะชายจะหญิงผมก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นแหละครับ

     

    เรียวนิ้วของเจ้าชายแห่งดาวซาดิสติคยกขึ้นไล้ปลายคางของอีกฝ่ายช้าๆ  แม้ปากจะยิ้มหวาน  แต่สายตาของมันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอำมหิตลอยคลุ้ง

     

    อะ...ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!  แกไปฝึกทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร!!

     

    สรุปว่าคุณเป็นสินะ...รุกหรือรับล่ะครับ  อ่า...แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับผมอีกเหมือนกัน  เพราะผมน่ะได้หมด  แต่ยังไงผมก็ชอบเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า  คุณฮิจิคาตะก็รู้ใช่ไหม...ผมน่ะมันพวกหน้าเคะแต่ใจเสะน่ะครับ  หึ  หึ

     

    อะ  ออกไปนะโว้ย!!  ไอ้บ้าซาดิสม์นี่!”

     

    เสียงตะโกนลั่นชินเซ็นงุมิในยามค่ำคืน  ตามมาด้วยเสียงเอะอะโครมครามประหนึ่งสงครามกลางเมืองในห้องพักผ่อนแคบๆ  เรียกเอาคนแทบทั้งหน่วยหนึ่งตาเหลือกแห่กันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ต่างคนต่างคิดกันว่าคงมีใครมาวางระเบิดพลีชีพแหงๆ  แต่พอประตูเปิดปังพร้อมกับสมาชิกชินเซ็นงุมิอีกหลายสิบชีวิตโดยมีคอนโด้ยืนนำอยู่หน้าสุด  สิ่งที่ทุกคนเห็นมีเพียงแค่สภาพห้องเละเทะ  และโอคิตะ  โซโกะที่ตาข้างหนึ่งม่วงเป็นวง  เลือดกบปากแตกๆ  กำลังนั่งดูรายการทีวีต่อแบบไม่แยแสต่อสภาพของตัวเองและสิ่งรอบตัวสักนิด

     

    ส่วนท่านรองที่เคารพรักนั้นสะบัดตูดกลับห้องด้วยอารมณ์บ่จอยอย่างยิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สังเกตได้จากเสียงกระแทกเท้าตลอดทางไปจนถึงห้องนอน

     

    เกิดอะไรขึ้นเรอะโซโกะ!” คุณคอนโด้ถามขึ้นเป็นคนแรก  หลังจากอึ้งๆไปเกือบนาที

     

    ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  ผมแค่หยอกคุณฮิจิคาตะเล่นหน่อยเดียวเอง

     

    หน่อยเดียวเอง...?

     

    ทุกสายตาหันไปมองโต๊ะญี่ปุ่นที่หักครึ่งท่อนอยู่ตรงมุมห้อง  จานใส่ขนมกระจัดกระจาย  สภาพของหัวหน้าหน่วยหนึ่งที่เหมือนไปฟัดกับจิ๊กโก๋มาทั้งแก๊ง  แล้วพยายามจูนให้มันเข้ากับคำว่า หน่อยเดียวเองให้มากที่สุด  แต่ไม่มีใครทำได้

     

    สีหน้าของคอนโด้บ่งบอกถึงความเอือมปนสยอง  ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องที่แห่กันมาว่า

     

    เออ...คู่นี้เขาทะเลาะกันประจำ  พวกเอ็งกลับไปได้แล้วไป

     

    เมื่อลูกน้องหายไปจากตรงนั้นแบบงงๆ  คอนโด้จึงหันมาถามโอคิตะอย่างระมัดระวัง

     

    ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอโซโกะ

     

    เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆ  ก่อนหันมาพูดเนิบๆว่า

     

    คือผมแค่ล้อเขานิดหน่อยเองอะครับ  จริงๆนะ  ทุกครั้งผมว่าผมล้อเล่นแรงกว่านี้อีก  แต่วันนี้ไม่รู้แกของขึ้นอะไร  อยู่ๆก็ฉุนขาด  ไอ้ผมก็นึกว่าคุณฮิจิคาตะแค่รำคาญเหมือนทุกที  ผมก็แกล้งยั่วไปเรื่อยๆ  กลับกลายเป็นโกรธจริงๆซะงั้น  แล้วผมจะไปรู้เรอะว่าทำไมอยู่ดีๆถึงเกิดเหี้ยนขึ้นมาได้ขนาดนี้

     

    โอคิตะอธิบายเนือยๆ  ก่อนประโยคผูกพยาบาท

     

    สักวันต้องฆ่าให้ได้  ไอ้ตัวซวยฮิจิคาตะเอ๊ย!”

     

    ............................................................................................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×