ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gintama Fiction: Do you... (( Gintoki X Hijikata ))

    ลำดับตอนที่ #10 : X'MAS Special: Wild Faeries in Wonderland ฮิจิกินค่าาา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.21K
      8
      11 ม.ค. 57

    Hijikata x Gintoki X’mas Special Part

    Wild Faeries in Wonderland

     

     

    หิมะแรกโรยตัวลงมาจากเวิ้งฟ้ามัวหม่น  อากาศในโอเอโดะเหมือนอยู่ในช่องแช่แข็ง  ลมเย็นยะเยือกกรูผ่านช่องว่างตรงถนนคดเคี้ยวสายหนึ่งในคาบูกิโจ  สองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีแย่งกันส่องสว่าง  ราวกับแมลงราตรีประชันขันแข่งหาคู่ในฤดูผสมพันธุ์  ร้านรวงมากมายเรียงรายหนาแน่น  แม้อากาศจะเป็นเช่นไร  เมืองๆนี้ก็ยังคงคึกคักตลอดทั้งปี ทั้งวัน และทั้งคืน  ราวกับไม่เคยมีช่วงเวลาหลับใหล

     

    ขึ้นชื่อว่าคาบูกิโจ  ย่อมรู้กันว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งบำบัดกิเลสตัณหาของมนุษย์(และชาวสวรรค์)ในช่วงโตเต็มวัยทุกผู้ทุกนาม  มอบความสำราญใจทุกรูปแบบที่จะทำให้ชีวิตคนหายนะได้ถ้าหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจนเกินพอดี  แต่เจ้าของกิจการกลับรวยเอาๆ  ตัวอย่างเช่น....

     

    หมดตูด!  หมดๆๆๆๆ  หมดสิ้นกันแล้วชีวิตนี้...

     

    ชายหนุ่มวัยเฉียดสามสิบคนหนึ่งแทบจะคลานออกมาจากร้านปาจิงโกะ  ไม่ได้ใส่ใจกับคนเดินผ่านไปผ่านมาที่หันมามองเขาด้วยสายตาอเนจอนาถ  คุณแม่รายหนึ่งถึงขั้นออกปากด้วยเสียงอันดังให้ลูกชายฟังว่า โตขึ้นหนูอย่างเป็นผู้ใหญ่แบบนี้นะลูกนะซึ่งเจ้าลูกชายวัยกระเตาะก็ตอบกลับด้วยเสียงที่ดังพอๆกันว่า ฮับแม่! ผมจะไม่เป็นคนทุเรศแบบนั้นแน่นอน!

     

    ...ไอ้เด็กเวร...       

     

    ผู้ใหญ่น่าทุเรศค่อนข้างมั่นใจว่าเขาสบถอยู่แค่ในใจ  แต่ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงสะดุ้งโหยงแล้วรีบจ้ำอ้าวหนีก็ไม่รู้  หรือจิตสังหารของชิโรยาฉะมันจะออกมาในเวลาแบบนี้กันนะ

     

    แบบที่...ไม่เหลือตังค์กลับบ้านสักกะแดง  ทำนองนั้นแหละ 

     

    ดูดวงเมื่อเช้าก็บอกว่าวันนี้จะโชคดีโคตรๆเลยไม่ใช่เหรอว้า  ไหงแทนที่จะถูกรางวัลใหญ่ กลับกลายเป็นถูกแดรกซะได้

     

    น้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด  แต่ลูกผู้ชายต้องไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมอันโหดร้าย

     

    ...ทั้งที่ก็...ทำตัวเองทั้งนั้นอะนะ...

     

    ...อ๊ากกก  อย่าเซ่  อย่าคิดแบบนั้นนน!!...

     

    ชายหนุ่มนามซากาตะ กินโทกิตัดสินใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้จะรู้สึกตัวซีดเพราะขาดทรัพย์  พาร่างตัวเองเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางที่แสนคุ้นเคย  ไม่รู้สึกรู้สากับเกล็ดหิมะเย็นๆที่ตกกระทบผิวแก้มสักเท่าไร  เขาอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายปี  เห็นภาพเหล่านี้จนชินตา  ความตื่นเต้นกับสถานเริงรมย์ในเมืองนี้หมดสิ้นไปนานแล้ว  แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย  ที่นี่มีคนที่เขารู้จักมากมาย  เขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่  เช่นเดียวกับที่หลายๆคนก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน  พวกเขาเกาะเกี่ยวเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่ายความสัมพันธ์ขนาดมหึมา ที่สัมผัสด้วยตาได้เพียงเล็กน้อย  แต่สัมผัสด้วยใจได้อย่างมหาศาล

     

    บางทีเขาก็รู้สึกกลมกลืนไปกับฉากหลังของคาบูกิโจ  ทว่าบางทีเขาก็รู้สึกแปลกแยก  ในห้วงเวลาที่เตร็ดเตร่อยู่คนเดียวท่ามกลางสถานที่ที่พลุ่กพล่านไปด้วยผู้คน  เสมือนมีเส้นแบ่งขีดคั่นเขาออกจากคนทั้งโลก  เขาทั้งเหงาและอบอุ่นไปพร้อมๆกัน  อาจฟังดูแปลก...แต่เขากลับชื่นชอบความขัดแย้งนั้นของตัวเอง  เพราะมันจะคอยย้ำเตือนให้เขารู้ตัวอยู่เสมอว่า  เขามาจากไหน  อดีตที่หล่อหลอมให้เขาเป็นเขาเช่นทุกวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่  หากแต่อยู่ในวันวานอันห่างไกล

     

      เมื่อผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วง  อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วเข้าสู่ฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเทศกาลรื่นเริง  สมเป็นชาวเอโดะที่เฮฮาปาจิงโกะได้ทุกสถานการณ์จริงๆ  ต่อให้หิมะตกสูงจนมิดหลังคาบ้านก็ยังสนุกไปกับมันได้

     

    ลมหนาวพัดมาอีกวูบหนึ่ง  เล่นเอาขนลุกส์ไปทั้งตัว  เพราะความเมาของตัวเองเลยลืมคว้าเอาเสื้อกันหนาวออกมาด้วย  แค่ผ้าพันคอผืนเดียวก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก  ถึงจะไม่มีทั้งเงินและเป้าหมายสำหรับคืนนี้  แต่คุณซามูไรผมเงินก็ยังไม่อยากกลับบ้าน  เขาคงเสพติดบรรยากาศคึกคักในเมืองราตรีจนกลายเป็นกิจวัตรเสียแล้ว  ช่วงท้ายปีแบบนี้  ตามสถานที่ต่างๆทั่วเมืองประดับประดาด้วยของตกแต่งหลากหลายรูปแบบปนๆกันไป  ต้นสนใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มถูกนำมาตั้งอยู่ตรงลานกว้างหน้าศูนย์การค้า มีไฟกระพริบกับลูกแก้วกลมๆสะท้อนแสงระยิบระยับพันอยู่รอบต้น  พร้อมตาลุงแก่ๆท่าทางหื่นกามติดหนวดขาวฟูในชุดสีแดง ยืนถือถุงแจกของขวัญใบเท่าบ้าน  อันที่จริงคุณกินเองก็พยายามไปสมัครทำงานนี้เหมือนกัน  แต่ท่าทางผู้ว่าจ้างจะเห็นว่าเขาหล่อเกินไปสำหรับการเป็นซานตาครอส  แม้เขาจะยืนกรานหนักแน่นว่าถ้าจ้างเขาจะไม่ต้องเสียเงินซื้อวิกผมขาวเพิ่มอีกอย่างก็ตาม

     

    คู่รักหนุ่มสาววัยสะรุ่นคู่หนึ่งเดินหนุงหนิงผ่านหน้าเขาไป  สีหน้าทั้งคู่บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังตกอยู่ในโลกสีชมพู๊ชมพูเสียจนน่าหมั่นไส้

     

    มุตจางงงงเราไปกินไอติมกันโน๊ะ! เค้าอยากกินช็อกโกแลตอ๊ะ

     

    จ้าเค้ามีของขวัญให้อั๊ตจังด้วยนะวันนี้  อั๊ตจังต้องชอบแน่ๆเลย

     

    จิงเหยอ!  อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด  ตื่นเต้ลจุงเบยคริสมาสต์นี่โรแมนติกจังเลยโน๊ะ  เค้าช๊อบชอบบบ

     

    ...หนาวจะตายชัก  พวกเอ็งยังจะชวนกันแด๊กไอติมอีกเรอะ!...

     

    ...แล้วถ้าไม่คุยภาษาปัญญาอ่อนแบบนั้น  แฟนเอ็งจะฟังไม่รู้เรื่องหรือไงไม่ทราบ...

     

    ...ตูล่ะไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้เล้ย...

     

    โรแมนติกบ้าบออะไร  มันก็แค่ช่วงสงครามธุรกิจในโลกของผู้ใหญ่เท่านั้นแหละเหวย  ไอ้พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

     

    คุณกินบ่นงึมงำอย่างรำคาญปนอิจฉา  แต่แย่หน่อยที่ช่วงนี้เป็นเวลาทองของพวกคู่เดท  เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเกือบทุกคนควงกันมาเป็นคู่ๆ  ผ่านอีคู่นี้ไป  ก็มีอีคู่นั้นมา  พูดง่ายๆว่ารอบตัวเขาถูกล้อมไปด้วยดงคู่รักจนเขารู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมากะทันหัน  ยิ่งในสภาพหนาวสะท้านเพราะไม่มีทั้งเสื้อกันหนาวและสาวสวยสะบึม(เน้นว่าต้องสะบึม)อยู่เคียงข้างนี่มันช่าง....

     

    ...มะ  ไม่ได้อยากมีแฟนสักหน่อยนะ!  ฉะ  ฉันชอบอยู่คนเดียวแบบนี้แหละ  สบายกว่ากันตั้งเยอะ...

     

    ...อ๊ะ  นี่ตูจะทำซึนเดเระไปทำสากกะเบืออะไรฟะ...

     

    ...เอ๊ะ!  ปะ  เปล่านะ  ไม่ได้ซึนสักหน่อย...

     

    การคุยมุ้งมิ้งกับตัวเองอาจเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่งของคนโสด

     

    เขาเองก็ไม่ได้อยู่ในวัยใสแบบนั้นแล้ว  ต่อให้หาเมียได้สักคนก็คงคบกันแบบผู้ใหญ่  ประมาณว่าเขาอาจโดนด่ารายวันเรื่องขี้เกียจสันหลังยาว แล้วบางที...ก็อาจมีปัญหาเรื่องทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้กันอะไรแบบนั้นด้วยก็ได้

     

    มันคงเป็นหนังชีวิตครอบครัวมากกว่ารักวัยรุ่นแล้วล่ะ  อา...ทำไมช่วงเวลานั้นมันช่างสั้นนักนะ  เพราะทำใจยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองต้องไปเป็นพระเอกหนังชีวิตครอบครัวแทนพระเอกการ์ตูนโชเน็นนี่แหละ กินโทกิเลยไม่ยอมหาแฟนอย่างจริงจังสักที

     

    ไม่อยากแก่เล้ย  พับผ่าสิ

     

    ขณะที่เดินเล่นสบายๆอยู่นั้น  เสียงหนึ่งก็ดังแหวกผ่าอากาศขึ้น

     

    ขโมยยยยยยย!!!!

     

    ห๊ะ!

     

    ก่อนสมองจะทันประมวลผลเหตุการณ์  คุณกินถูกผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งไม่ดูตาม้าตาเรือชนโครมเข้าอย่างจัง 

     

    เฮ้ย!

     

    ผ้าพันคอของเขาเกี่ยวเข้ากับอะไรสักอย่างของชายแปลกหน้าคนนั้น  ซึ่งพอลุกขึ้นมาได้ก็โกยอ้าวต่อทันที โดยไม่สนใจว่ากำลังลากคุณกินไปด้วยเพราะติดผ้าพันคอ

     

    แอ่กกกก  อุ่กกกก!!!  อ่อยอ๊ะโอ้ยยย!!!

     

    คุณพระเอกของเราร้องโวยวายไม่เป็นภาษา  ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็ต้องมาถูกบังคับให้วิ่งผลัดสี่คูณร้อยกับตีนแมวใจกล้ากลางเมืองแบบนี้ด้วย  จะไม่วิ่งตามก็ไม่ได้...เพราะแกะผ้าพันคอไม่ออก!!

     

    ...อย่าบอกนะเฮ้ยว่าชิโรยาฉะผู้รอดชีวิตมาได้พันสนามรบจะต้องมาตายเพราะเรื่องส้นตึกแบบนี้!!  นี่มันไฟน่อนเด๊สสิเนชั่นรึไงงงงง!!!...

     

    เอี๋ยวอิเอ๊ยยย  อุดอ่อนนน   อุดแอ๊บเอียว  อ๋อแอ้แอะอ้าอันออออกแอ๊บเอียว  อั๊บอองอำอะอวดอามไอ้อันออกกก!!!

    Translate Gintoki Say: เดี๋ยวดิเฮ้ย  หยุดก่อนนน  หยุดแป๊ปเดียว  ขอแค่แกะผ้าพันคอออกแป๊บเดียว  รับรองตำมะหนวดตามไม่ทันร้อกกกกก!!

     

    ทันแล้วว้อย!!!

     

    เสียงคุ้นๆเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากด้านข้าง  พอแหงะไปมองหน่อยก็เห็นบุคคลผู้หนึ่งที่มักจะมีอันได้เจอะเจอเสมอในสถานการณ์แบบ...เอ่อ...นั่นแหละ

     

    เป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านรองแห่งกลุ่มตำรวจติดอาวุธพิเศษชินเซ็นงุมิ ฮิจิคาตะ โทชิโร่...

     

    อาอัมอะไอแอ๋วอี้อ๊ะ!

    Translate Gintoki Say: มาทำอะไรแถวนี้วะ!

     

    ตูสิที่ต้องถาม!  นี่ตูทำงานอยู่ดีๆทำไมต้องมาเจอคุณเอ็งอีกแล้วฟะ!

     

    เป็นเรื่องลึกลับอย่างหนึ่งในจักรวาลนี้ที่พวกเขาสามารถคุยกันรู้เรื่องได้

     

    อะไออ๊าน  อันอุดอ๋องเอ็งอ้ออ้องอำอานอ๋อเอี้ย  อ้าอ๋งอ๋านอ๊ะอั๊ด  แอ่กกกกก

    Translate Gintoki Say: อะไรก๊าน  วันหยุดของเอ็งก็ต้องทำงานเหรอเนี่ย  น่าสงสารชะมัด  แอ่กกกก

     

    ว๊ากกกกก!! หยุดคุยกันข้ามหัวตูสักทีเท้อ

     

    คุณโจรตัวประกอบโวยขึ้นเพราะไม่ได้มีบทกับเขาสักที 

     

    หุบปากไปเลยไอ้ตีนแมววอนตาย  เอ็งรู้มั้ยว่าไอ้ที่ถืออยู่นั่นมันอะไร้!

     

    กินโทกิผู้กำลังต่อสู้ไม่ให้ตัวเองถูกแขวนคอกลางอากาศ  แอบเหลือบไปเห็นวัตถุชิ้นน้อยในกำมือของคุณโจรหน้าจืดคนนั้น  แล้วพบว่ามันคือ....

     

    ...ลายสตรอเบอร์รี่....

     

    สอยใครไม่สอย  ทำไมต้องมาสอยกกน.ลูกสาวป๋ามัตซึไดระห๊า!!!  เอ็งอยากชะตาขาดหรือไง  แล้วทำไมตูต้องมาชะตาขาดไปกับเอ็งด้วย  ไม่ตลกเลยนะโว้ย!

     

    ฮิจิคาตะตะโกนบอกอย่างสติแตกสุดๆ  ก็พอเข้าใจอยู่นะ

     

    ...แต่คนที่ไม่ควรมาชะตาขาดกับอีเรื่องนี้ที่สุด  มันคือตูไม่ใช่เร้อออ~... 

     

    กินโทกิดิ้นรนออกจากผ้าพันคอมรณะอย่างบ้าคลั่ง  ทว่าจังหวะที่เขากำลังจะหลุดออกมาได้นั่นเอง  หมัดหนักๆของท่านรองก็ลอยเปรี้ยงเข้าให้ที่ดั้งของคุณโจรจนหน้าหงาย  และแน่นอนว่า...มีเขาพ่วงไปด้วย

     

    อ๊ากกกกก!

     

    สิ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วคือพื้นคอนกรีต  จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    ถ้าเขาตาย  เขาจะได้ไปสวรรค์หรือเปล่านะ?

     

    จะว่าไปแล้ว  สวรรค์เนี่ย...มันเป็นที่แบบไหนกันล่ะ

     

    ว่ากันว่าเป็นที่ที่คนทำดีเท่านั้นที่จะได้ไป  เป็นที่ที่มีแต่ความสุข

     

    ... เอิ่ม  กระผมทำความดีหลายอย่างนะขอรับ  ทั้งเก็บหมายักษ์ไม่มีที่ไปมาเลี้ยง  เก็บเด็กไม่มีบ้านมาดูแล  โชว์ออฟช่วยสาวก็หลายตอนอยู่  ถ้าพระเจ้าข้องใจไปเปิดอ่านเล่มแรกๆได้เลย  กระผมสาบานว่ากระผมทำจริงๆ...

     

    แสงสว่างที่แยงตาอยู่ทำให้รู้สึกรำคาญจนต้องตื่นขึ้น  เหตุการณ์ที่หายไปไม่ปะติดปะต่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

     

    ซากาตะ กินโทกิกำลังนอนแผ่อยู่บนโซฟาหนานุ่มตัวมหึมา  ในห้องขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยเครื่องตกแต่งงานฉลองวันคริสมาสต์  กลิ่นหอมของอาหารชั้นดีลอยมาเตะจมูก 

     

    เขาลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆ  มือสัมผัสโดนหน้าผากตัวเองและพบว่ามีผ้าพันแผลพันไว้  ความหรูหราอลังการรอบตัวทำให้เขาคาดเดาเอาเองว่า ที่นี่น่าจะเป็นห้องบอลรูมของโรงแรมสักแห่ง  

     

    เมื่อหันไปสำรวจด้านหลัง  เขาจึงเห็นว่าตรงโซฟาตัวข้างๆมีสาวสวยหุ่นสะบึมนับสิบนางนั่งกันอยู่  แถมยังส่งสายตายั่วเย้ามาให้เขาอีกต่างหาก 

     

    สวรรค์จริงๆรึนี่คุณกินเผลออุทานออกมาเบาๆ

     

    แต่ทันใดนั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นตาแก่หน้าตาคุ้นๆคนหนึ่ง  ซึ่งใจจริงก็ไม่อยากจะคุ้นเอาซะเลย

     

    ขอบใจนะที่ทุ่มเทให้กับการปกป้องอันเดอร์แวร์ของลูกสาวชั้นมากถึงขนาดนี้  ชั้นเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร  ใครทำดีก็อยากจะช่วย  หวังว่าแกคงไม่ปฏิเสธความหวังดีของฉันใช่มั้ย

     

    ประโยคนั้นไม่ได้พูดกับเขา  แต่พูดกับฮิจิคาตะที่นั่งซีดอยู่ท่ามกลางอีหนูของคุณป๋า  โดยพยายามไม่แตะต้อง อะไรๆที่ขยันมาชนตรงนั้นตรงนี้ของเขาอยู่เรื่อย

     

    ...แปลกแฮะ  ทำไมมีแต่มันคนเดียว  แล้วกอริล่ากับไอ้บ้าซาดิสต์อยู่ไหนซะล่ะ...

     

    ลูกสาวชั้นน่ะอยากจะขอบอกขอบใจนายนะ  ก็เลยอยากให้นายอยู่ฉลองด้วยกันป๋ามัตสึไดระส่งสายตาไปทางสาวน้อยคนหนึ่งที่ท่าทางจะเรียบร้อยที่สุดในนั้น  ไม่ต้องสงสัยว่าเธอต้องเป็นคุณลุกสาวแน่นอน  ดูจากสีหน้าเขินอายเวลาหลบสายตาฮิจิคาตะแล้ว  คำขอร้องให้อยู่ฉลองด้วยกันคงจะหนีไม่พ้นมาจากคุณเธอแหงม

     

    แล้วคุณพ่อที่รักลูกยิ่งชีพอย่างป๋า  ก็คงจะขู่กรรโชก  เอ๊ย!  ขอร้องให้ท่านรองอยู่ด้วย  ซึ่งท่านรองก็คงจำใจต้องอยู่ด้วย  โดยไม่มีทางยอมซวยอยู่คนเดียว

     

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไม  กินโทกิถึงมานอนอยู่ที่นี่  หลังจากโดนลูกหลงจากการจับโจรชะตาขาดจนหัวโหม่งพื้นสลบเหมือดไปแล้วรอบหนึ่ง

     

    เอิ่ม...ถ้าไม่ว่าอะไร  กระพ้มจะขอกลับ....

     

    พูดอะไรอย่างนั้นละครับซากาตะซัง!!ท่านรองรีบพูดแทรกทันทีเหมือนรู้แกวว่าจะถูกตัดช่องน้อยแต่พอตัว  แต่ไอ้คำเรียกชวนขนลุกนั่นมันอะไรกัน 

     

    ...ซากาตะซัง?...

     

    แหม่...ฮิจิคาตะซังนี่ล่ะก็  กระพ้มไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักหน่อย  แค่บังเอิญซวยไปอยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้นเอ๊งงงง

     

    ไม่หรอกๆ  นี่เป็นพลเมืองดีจนโดนลูกหลงไปด้วย  จะไม่ให้ตอบแทนเลยได้ยังไงกัน

     

    พูดไปพูดมาชักจะพะอืดพะอมเองซะงั้น

     

    เอาน่า...อย่าคิดอะไรมากเลย  นายเองก็ท่าทางจะไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆบ่อยๆนี่ใช่มั้ยป๋าพูดชัดเจนตรงประเด็นเป๊ะ  พลางบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะอาหารประมาณว่า ได้ไม่อั้น

     

    ชุดอาหารท่าทางน่ากินโคตรๆ  แถมยังกำลังร้อนๆ  ส่งควันหอมกรุ่นยั่วน้ำลายเหมือนกับจะกวักมือเรียก  มากินสิจ๊ะ  ฉันอร่อยน้า  มากินเร้วววว~

     

    เล่นยกประเด็นปากท้องมาล่อแบบนี้  คิดว่าคำตอบของคนที่เพิ่งหมดตูดกับปาจิงโกะมาหมาดๆจะตอบว่าอะไรกันเล่า?

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    เบื้องนอกหน้าต่าง หิมะกำลังโปรยปรายทับถมกันช้าๆ  อีกไม่นานก็คงจะขาวโพลนไปทั้งเมือง  แต่ภายในงานเลี้ยงกลับอบอุ่นรื่นเริง  มีสาวๆสวยๆที่แม้แตะต้องไม่ได้แต่ก็พอเป็นอาหารตาได้รุมล้อม  พระเอกผู้จนแกลบตลอดชีพกล่าวขอโทษลูกน้องสองคนในใจ  ก่อนลงมือสูบอาหารบนโต๊ะอย่างตายอดตายอยาก

     

    ป๋ามัตซึไดระกำลังเอ็นจอยกับอีหนูของตัวเองอย่างน่าอิจฉา  ส่วนไอ้บ้ามายองเนสนั่นก็กำลังคุยอยู่กับคุณลูกสาวที่ทำท่ากระตือรือร้นเต็มที่

     

    ...แหม...

     

    คุณฮิจิคาตะชอบเพลงนี้มั้ยคะ  น่ารักมากเลยนะคะ  เป็นเพลงเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่หลงเข้าไปอยู่ในป่ากับพวกแฟร์รี่ค่ะ  แล้วก็ได้เต้นรำกับเหล่าแฟร์รี่อย่างมีความสุขไปตลอดกาลเลย...

     

    เจ้าหล่อนคุยเสียงหงุงหงิง  แต่อีกฝ่ายดูจะไม่รับมุขเท่าไร

     

    ...น่ารักบ้าอะไร  นั่นมันผีลักซ่อนแล้วเฟ้ย...

     

    ...เหมือนหล่อนนั่นแหละ  เอาอาหารดีๆมาล่อ  กะจะขังให้มันหนีไปไหนไม่ได้ล่ะสิ...

     

    คุณกินใช้ฟันฉีกไก่กร้วมๆอย่างหงุดหงิด

     

    ...จะว่าไป  ทำไมต้องหงุดหงิดฟะ...

     

    อีกฝ่ายเหมือนจะจับสายตาอาฆาตของเขาได้หรืออย่างไรไม่ทราบ  ฮิจิคาตะหันกลับมาสบตาเขาแวบหนึ่ง  คุณกินเบือนหนีทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    ...ต้องการจะสื่ออะไรของแก...

     

    เขาจับอะไรจากสายตานั้นไม่ได้  ทั้งที่ปกติแล้วเขากับมันมักจะรู้ทันกันเสมอๆ  อาจเพราะมีความคิดคล้ายกันหลายอย่าง 

     

    แต่ทว่าตอนนี้...เขากลับไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร  น่าแปลกเหมือนกันที่คนเราต้องทำความเข้าใจใครสักคน ผ่านทางการค้นหาตัวเอง

     

    กินโทกิกระดกเบียร์เป็นขวดที่สิบ  เลือดในกายเร่งจังหวะสูบฉีดไปทั่วร่างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์  ในสมองบรรเจิดไปด้วยจินตนาการมากมายพรั่งพรูไม่หยุดยั้งดุจทำนบแตก  เมื่อมึนเมาเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  ควบคุมไม่ได้แม้แต่ในความคิด

     

    ไม่มีใครในงานเลี้ยงสนใจเขาเท่าไรนัก  ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำ  มีคนที่ตัวเองต้องการจะพูดคุย  เขาก็มีเหมือนกันนะ...มีอาหารที่ต้องการจะกินไง

     

    คุณกินบอกตัวเองให้จดจ่อกับอาหารราคาแพงชนิดที่ชาติหนึ่งอาจมีโอกาสได้กินไม่ถึงครึ่งครั้ง  แต่สายตาเขากลับกวาดมองไปรอบตัว  ก่อนหยุดค้างอยู่ที่ไอ้บ้ามายองเนสที่ตามปกติต้องเดินมาหาเรื่องกวนตีนสักสิบยกแล้ว  ถ้าหากไม่ติดว่าโดนผู้หญิงตามจีบอยู่....

     

    ...ป็อปจังนะแก...

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    งานเลี้ยงผ่านพ้นไป  ฮิจิคาตะ โทชิโร่บอกลาคุณหนูมัตสึไดระอย่างยากเย็นกว่าเธอจะยอมกลับ  ส่วนป๋าก็หายไปกับอีหนูตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  ในห้องงานเลี้ยงนั้นเหลือแต่กินโทกินอนเมาแอ๋กองอยู่กับพื้น  ขาข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบนเก้าอี้

     

    เฮ้

     

    ฮิจิคาตะลองเอาเท้าเขี่ยๆซากของคุณลุงหัวเงินดู  อีกฝ่ายส่งเสียงในลำคออย่างหงุดหงิดก่อนปรือตามองหน้าเขา

     

    รู้แล้วๆกินโทกิบอกปัดรำคาญ 

     

    จะกลับบ้านถูกไหมล่ะเนี่ย

     

    ไม่ถูกคุณกินตอบ  ไม่รู้ว่าตั้งใจกวนตีน หรือหมายความอย่างนั้นจริงๆกันแน่

     

    ฉันต้องหลงทางไปอยู่กับแฟร์รี่แหงๆ

     

    หืม...แค่นี้ก็คงเหมือนอยู่ในสวรรค์แล้วมั้ง  เห็นแกจ้องอีหนูของป๋าตาเป็นมันเชียว

     

    เฮอะคุณกินแค่นเสียงหัวเราะแห้งๆ ฉันก็ว่างั้นแหละ  มีแต่นางฟ้าทั้งนั้น

     

    “.......................”

     

    มีอะไร

     

    เปล่าท่านรองปฏิเสธ

     

    แล้วทำหน้าแบบนั้นทำไม

     

    หน้าแบบไหน?”

     

    แบบนั้น...กินโทกิชี้นิ้วมาที่หน้าผากของเขาเบาๆ

     

    แกน่ะ...เป็นคนให้คุณค่ากับผู้หญิง  แต่บางทีมันก็ทำให้แกต้องเสียสละมากเกินไปรู้มั้ย  ฉันว่าแกหาความสุขใส่ตัวบ้างเถอะ

     

    อยู่ๆคุณกินก็เปลี่ยนประเด็นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย   

     

    แกเมาแล้วพูดมากทุกทีฮิจิคาตะเมินหน้าหนีไปอีกทาง กลับบ้านไป

     

    อย่าปิดใจนักเลยน่า  อีหนูนั่นก็ออกจะชัดเจนว่าชอบแก  ไม่เห็นต้องเกรงใจเขาขนาดนั้นเลย  เดี๋ยวได้กินแห้วรอบสองหรอก

     

    ไม่รู้ทำไม  แต่ฮิจิคาตะรู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆ

     

    ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน  แกไม่ใช่เพื่อนฉันด้วยซ้ำ

     

    ปกติคำพูดแค่นี้ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้าน  และอาจตอกกลับมาว่าก็แค่สงสารเลยสั่งสอน  หากแต่วันนี้  ตอนนี้  อีกฝ่ายนิ่งชะงัก  มีเพียงแววตาที่เริ่มสั่นไหว

     

    ฮิจิคาตะเพิ่งรู้สึกตัวว่า  เขาไม่ได้อยากพูดประโยคเมื่อครู่นี้ออกไปเลยสักนิด

     

    คุณกินหลบสายตาลงต่ำ  พยุงร่างง่อนแง่นของตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล  ก่อนกล่าวลาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ   

     

    กลับล่ะนะ…”

     

    ไม่มีคำตอบใดจากท่านรองปีศาจ  เขายืนเฉยอยู่ตรงนั้น  ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินโซเซผ่านหลังไป  พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหนึ่งมวน  เปลวไฟเล็กๆค่อยๆหลอมละลายปลายบุหรี่ให้กลายเป็นผงขี้เถ้าช้าๆ 

     

    ฮิจิคาตะมองผ่านกระจกหน้าต่าง  หิมะขาวสะท้อนแสงไฟหลากสีเกิดเป็นเงาตกกระทบอ่อนจาง  ไอเย็นจากเกล็ดน้ำแข็งสีเงินแวววาวจับวัตถุต่างๆไปทั่วทุกหกทุกแห่ง

     

    ...งดงาม...             

     

    สำหรับบุรุษเพศ ไม่มีสิ่งใดนุ่มนวลอ่อนหวานมากไปกว่าอิสตรี 

     

    โลกนี้หมุนเวียนไปอย่างเงียบงัน  หนึ่งปีกำลังจะผ่านพ้น  ความรัก  ความเศร้า  ความทรงจำ  ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  มันยังคงฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเขา  หากกาลเวลาไม่เคยหยุดยั้ง  ท่ามกลางความวุ่นวายปลายปีสู่ศักราชใหม่  ทุกชีวิตในเอโดะเต็มไปด้วยประกายแห่งความสดใสเป็นสุข

     

    ทว่า มันกลับดูหงอยเหงา

     

    ควันบุหรี่ลอยเคว้งในอากาศเย็นเยียบ  ฮิจิคาตะครุ่นคิดถึงคนที่เพิ่งจากไป

     

    เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนที่รักเขา ชายคนนั้นจะยิ้มและหัวเราะอย่างเต็มที่  แต่ทุกครั้งที่ต้องอยู่คนเดียว ต่อให้ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนในเมืองอันแสนวุ่นวาย เขาก็มักจะเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อยอยู่เสมอ  ราวกับถูกดึงดูดให้กลับคืนสู่อดีตอันห่างไกล

     

    อดีต...ที่เขาไม่รู้จัก

     

    เขารู้จักแค่ มันในปัจจุบันนี้  เขาไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของความอ้างว้างและเป็นสุขในหัวใจของมัน  เหมือนที่มันเองก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของความอ้างว้างและเป็นสุขในหัวใจของเขา

     

    ...ใช่มั้ย?...

     

    บ้าเอ๊ย!

     

    ฮิจิคาตะสบถกับตัวเองเบาๆ  ก่อนหันหลังกลับ เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    I wandered alone to the forest one night

    คืนหนึ่ง ฉันเตร็ดเตร่อยู่ในป่า

    Led by a music strange to hear

    ถูกดึงดูดด้วยเสียงดนตรีอันแสนประหลาด

    And followed the glow of a shimmering light

    ฉันเดินตามแสงสว่างพร่างพราย

    That seemed to grow distant as I grew near

    ที่โชติช่วงมาจากที่ห่างไกล  ราวกับจะแผ่ขยายออกมาหาฉัน

     

    ยามดึก  ผู้คนยังเดินกันขวักไขว่  เสียงเพลงหวานหูกังวานไปทั่วเมือง  สายตาพร่ามัว  ร่างกายไม่รู้สึกถึงความหนาว  สมองสั่งการให้กลับบ้าน  แต่ขากลับพาเขาเดินวนเวียนไปมาในเมืองราตรีไม่จบสิ้น  เขาไม่ได้หลงทาง  เขาแค่...

     

    เดี๋ยว

     

    มือหนึ่งฉุดเขาจากด้านหลัง  กินโทกิหันกลับไปมอง  เห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น  เส้นผมสีดำ  ดวงตาสีดำ  ตัดกับบรรยากาศรอบด้านชัดเจน

     

    อะไรล่ะคุณเอ็งคุณกินถามอย่างเมาๆ ฉันว่าฉันไม่ได้จิ๊กอะไรมาจากโรงแรมนาเหวย  แกคิดไปเองแล้วล่ะ

     

    ทว่าท่านรองยังคงนิ่ง  บีบมือเขาแน่นขึ้น

     

    เอ่อ...คุณกินอึกอัก  ก่อนหยิบแก้วคริสตัลใบเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กะ  ก็แค่แก้วใบเดียวเองเนอะ  โรงแรมไม่เจ๊งหรอก

     

    นี่เอ็งฉกมาเรอะ!!” 

     

    ไม่ได้ตั้งใจนา  มันก็ติดมือมาเอง

     

    งั้นฉันเอาแกติดมือไปซังเตสักคืนดีมะ!

     

    หืม?” อีกฝ่ายแคะหูอย่างไม่ยี่หระ แกจะนอนซังเตเป็นเพื่อนฉันหรือไง  ถ้างั้นก็โอเคนะ

     

    ใช้ส่วนไหนคิดว่าตำรวจต้องเข้าไปนอนคุกกับคุณเอ็งวะไอ้หัวลูกโป่ง!

     

    อ้าว!คุณกินทำท่าตกใจ ถ้างั้นมันก็ไม่หายคิดถึงอ่ะดิ...

     

    ห๊ะ!?...

     

    คำตอบที่ได้รับเล่นเอาท่านรองใบ้รับประทานไปเลยทีเดียว  คู่ปรับที่พร้อมจะกัดเขาอย่างเจ็บแสบทุกครั้งที่สบโอกาส  ทำไมมันถึงพูดอะไรชวนแหวะแบบนี้ออกมาได้(ฟะ) 

     

    ฮิจิคาตะสะบัดหัวเรียกสติตัวเองเบาๆ  ก่อนตั้งสมมติฐานที่น่าจะใกล้ความเป็นจริงที่สุด

     

    นี่เอ็งเมาสินะ

     

    คุณกินหัวเราะคิก คิดว่าไงล่ะ?”

     

    ชายผมเงินโบกแก้วคริสตัลในมือไปมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน  ส่งยิ้มบางให้เขา  ก่อนสูดอากาศเย็นจัดเข้าไปจนเต็มปอด 

     

    แกไม่คิดว่ามันสวยเหรอ?”  กินโทกิผายมือไปทางต้นคริสมาสต์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง  ไฟประดับสีทองทอแสงอร่ามท่ามกลางท้องฟ้าสีดำและหิมะสีขาว

     

    พระจันทร์ส่องสว่าง!

     

    พระจันทร์บ้านป้าแกเซ่!  นั่นมันไฟประดับว้อย!!  แล้วก็พูดเบาๆหน่อย  ขายขี้หน้าชาวบ้านเขา!

     

    เอ๊ะ!  เอ็งนี่ไม่รู้จักสุนทรียะในการกินเหล้าใต้แสงจันทร์เลยหรือไงฟะ!  ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องชมจันทร์ใต้ต้นซากุระ...

     

    หุบปากไปเลยไอ้เบื้อก!

     

    ฮิจิคาตะกัดฟันกระซิบบอก  ผู้คนแถวนั้นเริ่มหันมามองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ  แต่ไอ้บ้าน้ำตาลนี่ก็ไม่ได้สำเหนียกอะไรเล้ย 

     

    ณ วินาทีนั้น  เขาตัดสินใจลากคอมันไปส่งร้านรับจ้างสารพัดด้วยตัวเอง  ไม่งั้นคืนนี้ทั้งคืนมันก็คงเอาแต่เดินวนอยู่รอบต้นคริสมาสต์จนแข็งตายนั่นแหละ!!

     

    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    เสียงหัวเราะร่าดังลั่นขึ้นจากคนที่โดนบังคับให้เดินตาม  ดูเหมือนบ้ามากกว่าเมา  เออ...หรือว่าเพราะเมาเลยบ้า 

     

    อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

    เขาไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน  ค่า Default ของกินโทกิคือหน้าตาเบื่อโลกเหมือนปลาตาย  ปกติทุกคนจะเห็นมันเป็นแบบนั้น  ตาลุงแก่กว่าวัย  เอาแต่บ่นด่าทุกอย่างบนโลกนี้  แถมขี้เกียจตัวเป็นขน  ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก 

     

    ถึงจะเป็นผู้ชายไร้สาระ  แต่รอยยิ้มของกินโทกิก็ไม่ใช่สิ่งที่หาดูได้ง่ายนัก  โดยเฉพาะกับคู่อาฆาตอย่างเขา

     

    รอยยิ้มที่มาจากความสุขจริงๆ  เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  ไม่ใช่รอยยิ้มแบบเก๊กหล่อหรือเยาะเย้ย

     

    แล้วคืนนี้...รอยยิ้มร่าเริงเหมือนเด็กตัวกระเปี๊ยกของ มันก็ทำให้คาบูกิโจดูสว่างไสวมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

     

    The woods were alive with the fragrance of spring

    ทั้งป่าอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งฤดูใบไม้ผลิ

    But winter was everywhere clear to see

    แม้ว่าภาพฤดูหนาวยังปรากฎชัดเจนในสายตา

    The moon shone bright and a bat on the wing

    ดวงจันทร์สาดแสงเรืองรอง  ค้างคาวสยายปีก

    Beckoned me closer and said to me:

    เชิญชวนเรียกร้องให้ฉันยิ่งเข้าใกล้  ก่อนกระซิบบอก

     

    ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่ค่อยสลักสำคัญนักในคืนฤดูร้อน  พวกเขาก็เจอกันบ่อยขึ้นเพื่อทำตามข้อตกลงบางอย่าง  ข้อตกลงนั้นเป็นความลับ  ความลับที่ถูกเก็บซ่อนอย่างมิดชิด ราวกับอยู่ในแดนสนธยา

     

    พายุโหมกระหน่ำ  เส้นแบ่งระหว่างภาพฝันกับความจริงเบาบางลงจนแทบขาดสะบั้น  พวกเขาก้าวล้ำเข้าไปในเขตแดนที่ไม่ควรข้ามผ่าน  ด้วยความกระหายใคร่รู้ สัมผัสต้องห้ามช่างสวยสดงดงามและน่าหลงใหลเกินต้านทาน 

     

    เมื่อทั้งโลกตกอยู่ในความมืด  กลับมีแสงสว่างส่องประกายอย่างเดียวดายจากนัยน์ตาของเขา...จากวิญญาณของเขา 

     

    มนุษย์ย่อมตามหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มกันและกัน  มิใช่สิ่งที่เหมือนกัน

     

    ธรรมชาติและความจริง คือครรลองที่ควรจะเป็น  ชายหนุ่มย่อมปกป้องดูแลหญิงสาว  ความถวิลหาในรักเกิดขึ้นเพื่อการสร้างครอบครัว  ครอบครัวเกิดขึ้นเพื่อสานต่อชีวิต  ชีวิตจะเดินทางผ่านกาลเวลา  จากวันสู่เดือน  จากเดือนสู่ปี  จากปีสู่ประวัติศาสตร์  ประวัติศาสตร์ก่อกำเนิดจักรวาล  และสุดท้ายเส้นทางของจักรวาลก็จะนำพาวิญญาณของคนสองคนมาบรรจบกัน  อีกครั้ง

     

    ทว่ามีครรลองที่ถูกต้อง  ก็ต้องมีครรลองที่ผิดพลั้ง  หากความถูกต้องคือแสงสว่าง  ความผิดพลั้งก็คือความมืด  ความมืดที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังของผู้หันหน้าเข้าหาแสงสว่าง  มีสิ่งหนึ่งตามติดเขาไปทุกที่ดั่งเงาตามตัว 

     

    สิ่งใดที่แปลกแยกแตกต่าง  สิ่งใดที่ผิดไปจากหนทางของโลกใบนี้  ความรักที่บิดเบี้ยว  ความถวิลหาที่บิดเบี้ยว  สิ่งนั้นเกิดจากอะไรโลกที่ไร้เหตุผล  ไร้กาลเวลา  ไร้ความถูกต้อง  มีแค่ความอ่อนแอ  ความหลังอันเจ็บช้ำ  ความปรารถนาอันหยาบช้า  ตกตะกอนลงสู่ก้นบึ้งในจิตใจ  คนเราไม่อาจจมจ่อมอยู่กับสิ่งเหล่านั้น  แต่ก็ไม่อาจละทิ้งสิ่งเหล่านั้น

     

    เมื่อความอ่อนแอสำแดงอำนาจ  หัวใจด้านมืดของเขาโหยหาใครบางคนอย่างแรงกล้า

     

    ใครบางคน...ที่ไม่ใช่คนที่ ถูกต้องและไม่ใช่คนที่ สมควรจะปลอบใจเขา

     

    ใครบางคนที่ไม่ได้เติมเต็ม  แต่เป็นใครบางคนที่เหมือนกัน  มองโลกด้วยสายตาคู่เดียวกัน  ใครบางคนที่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดอย่างที่เขามี

     

    ธรรมชาติและความจริง  ครรลองที่ควรจะเป็นคือชายหนุ่มย่อมถวิลหารักจากหญิงสาว 

     

    ทว่าที่นี่มิใช่ความจริง  ที่นี่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ 

     

    ...ที่นี่คืออาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ...

     

    ภายใต้เงามืดของซอกอาคารแห่งหนึ่งในคาบูกิโจ  สองร่างโอบกอดกันแนบแน่น  ส่งผ่านไออุ่นจากร่างหนึ่งสู่อีกร่างหนึ่ง  ภายในเวลาไม่นาน...อากาศหนาวจัดก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป

     

    คนตรงหน้าไม่ใช่คู่อาฆาตที่เขาเคยรู้จัก  และไม่ใช่ใครก็ตามที่เขาเคยรู้จัก

     

    เส้นผมสีเงินเหลือบแสงไฟราตรี  ผิวกายของมันแห้งผาก  แต่ริมฝีปากยังคงนุ่มละมุน  ดวงตาสีดำจับจ้องใบหน้าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์เหล้า  หัวใจเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล 

     

    ฮิจิคาตะบอกตัวเองว่า  นั่นคือใบหน้าของปีศาจร้าย  ปีศาจร้ายที่คอยยั่วยุให้เขาเดินออกจากเส้นทางแห่งความจริง  สะกดให้เขาหลงลืมว่าตัวเองเป็นใคร และกำลังจะทำอะไร

     

    ปีศาจร้าย...ที่งดงามยิ่งกว่าทูตสวรรค์

     

    ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา  พวกเขาเจอกันนับครั้งไม่ถ้วน  ความสัมพันธ์ที่แสดงออกต่อสายตาคนรอบข้างอาจดูไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว  ข้อตกลงนั้นถูกเก็บเป็นความลับอย่างยิ่งยวด  โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก  พวกเขาร่วมมือกันกั้นเขตแดนระหว่างพวกเขาสองคนออกจากคนทั้งโลก

     

    ทั้งคู่เฝ้าถามตัวเองว่าเมื่อไรมันจะจบลง  แต่ไม่ว่าเมื่อใดที่พวกเขาได้พบกัน ทุกอย่างก็จะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง  อีกครั้ง  และอีกครั้ง  

     

    รู้มั้ย...แกน่ะมันปีศาจชัดๆ

     

    กินโทกิกระซิบบอก  สายตาที่มองมาตีความหมายไม่ได้  มือเอื้อมมาสัมผัสเส้นผมสีดำสนิท และไล้โครงหน้าคมคายนั้นช้าๆ

     

    ที่เป็นปีศาจน่ะ  แกต่างหาก

     

    เขาถูกล่อหลอก  เขาถูกกักขัง  เขาถูกความมืดครอบงำ  สิ่งเหล่านั้นทำให้เขาเลื่อนใบหน้าเข้าหามัน  ปลายจมูกสัมผัสลมหายใจแผ่วเบาชั่วขณะ  ก่อนประกบริมฝีปากลงไปอย่างนุ่มนวล

     

    ไม่เกี่ยวกับเป็นเพศชายหรือเพศหญิง  ริมฝีปากมนุษย์คือส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดเหมือนกันหมดทุกคน

     

    ปลายลิ้นรับรสชาติหวานปนขม  พวกเขาจูบกันอยู่นานเกือบนาที  เส้นประสาทที่อ่อนไหวถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรู้สึกอึดอัดทรมานแม้อยู่ท่ามกลางฤดูหนาว

     

    แกบอกจะหิ้วฉันไปส่งบ้าน...?” อีกฝ่ายผลักเขาออก เพื่อถามคำถามโง่ๆ

     

    รองปีศาจขมวดคิ้ว  ตอบกลับไปชัดเจน

     

    ไม่ต้องกลับแล้ว


    ===========================================================================

    ที่ลงในนี้เป็นแค่ SAMPLE นะคะ  ถ้าสนใจดาวน์โหลด+อ่านตัวเต็ม  ตามลิ้งค์นี้ไปได้เลยค่ะ

    https://docs.google.com/file/d/0B0oPrOixhWFJZ2pRN2Y0V01wQjg/edit


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×