ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องทดลองของดอกเตอร์

    ลำดับตอนที่ #1 : [ตัวอย่าง] หน้านิยายที่ก็อปมาลงจาก MS Word โดยตรง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.4K
      4
      26 พ.ค. 53

    โลกบิดเบี้ยวอันแสนสวยงาม

                โลกนี้เพี้ยนไปแล้ว และทุกคนก็ช่างบ้าสิ้นดี

                โลกนี้เพี้ยนไปอย่างไรน่ะหรือ พวกคุณที่อยู่ในอีกยุคหนึ่งอาจจะไม่เข้าใจ จะให้อธิบายให้ฟังก็ยากอยู่ เพราะผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันดีนักเลย พวกนักวิชาการทั้งหลายก็กำลังหาทางอธิบายความเป็นระเบียบอันซับซ้อนยุ่งเหยิงของโลกนี้ แต่ก็ยังไม่มีคำจำกัดความที่ครอบคลุมความพิลึกพิสดารได้ทั้งหมด คำพูดที่ว่าโลกนี้บ้าหรือเพี้ยนไปแล้วน่ะแหละฟังดูดีที่สุดแล้ว เอาเป็นว่าผมจะค่อยๆ เล่ารายละเอียดที่ควรรู้ให้พวกคุณฟังตามเรื่องไปล่ะกัน

                เริ่มจากการที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปถึงขีดสุด ทุกวันนี้พวกเราเหล่ามนุษย์ไม่ต้องทำงานการอะไร กินนอนไปวันๆ ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งกว่ากษัตริย์ในยุคก่อนเสียอีก อาหารมีพอเลี้ยงประชากรโลกทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกเผ่าพันธุ์อื่น ไม่มีคนยากจนคนหิวโหยอีกต่อไป ความรู้ทางด้านมิติและเวลาก็ทำให้ที่อยู่อาศัยก็มีไม่จำกัด คุณอยากจะอยู่ในป่าท่ามกลางธรรมชาติ อยู่สูงเสียดฟ้าขึ้นไป ล่องลอยในอวกาศนอกโลก อยู่ในบ้านใต้ทะเลลึก ดื่มด่ำกับกำมะถันและเพลิงร้อนของลาวาที่ใต้พื้นพิภพ หรืออยากอยู่ที่ไหนตามแต่จะฝันก็เลือกเอาได้เลย

                พวกยารักษาโรคนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวนี้ไม่มีโรคร้ายแรงอันใดที่มนุษย์เอาชนะไม่ได้อีกแล้ว จะเป็นมะเร็ง หลังหัก สมองเสื่อม ใกล้ตายเพียงใดเราก็รักษาได้หมด ต่อให้ตายไปจริงๆ แล้วคุณเกิดเขียนบันทึกเอาไว้ว่ายังไม่อยากตาย และพวกหมอหรือทนายไปเจอเข้า พวกนั้นก็หาทางฟื้นคืนชีพคุณขึ้นมาได้อยู่ดี

                สำหรับปัจจัยสี่ตัวสุดท้ายที่ปัจจุบันถูกตัดออกไปแล้วก็คือเสื้อผ้า มันก็กลายเป็นแฟชั่นและสิ่งฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่งไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้คุณเดินแก้ผ้าตามที่สาธารณะก็ไม่มีใครจับคุณมาลงโทษหรอก กฎหมายสากลเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในปัจจุบันก็คือห้ามทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เพราะถึงแม้จะมีทางฟื้นคืนชีพได้จริง แต่ก็เหมือนจะยุ่งยากอยู่ทีเดียว รายละเอียดส่วนนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้นัก ขอข้ามๆ ไปก่อน

                ฟังดูแล้วโลกนี้คงเหมือนสวรรค์ที่หลายคนปรารถนาใช่ไหมล่ะ

                แต่ผมยังยืนยันคำเดิม “โลกนี้มันบ้าไปแล้ว”

                ลองคิดถึงผลกระทบที่ตามมาจากสิ่งเหล่านี้ดูสิ...

                เมื่อไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ผู้คนก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ นั่นคือทุกคนสามารถปลดปล่อยความบ้าของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ทั้งวัน ใช้ชีวิตเหมือนเล่นสนุกไปวันๆ และก็บ้าบอไปวันๆ

                พวกที่บ้างาน บ้าเรียนรู้ บ้าวิจัย ก็ยังคงทำงานด้วยความบ้าและเสพติดงานต่อไป พวกที่บ้าวัฒนธรรมของยุคต่างๆ ก็รวมมือกันสร้างสังคมเสมือนขึ้นมา ทำเหมือนว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคนั้น บางคนชอบอยู่เพียงลำพังในความฝันของตน ก็สามารถนอนหลับฝันหวานตลอดได้ และก็มีหลายคนที่รู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร ก็พากันไปเข้าลัทธิทางศาสนาและความเชื่อต่างๆ แสวงหาสัจธรรมกันไป

                สรุปแล้วโลกนี้ก็ได้หลอมรวมแทบทุกสิ่งที่เคยมีมาเข้าด้วยกัน ผู้คนดำรงอยู่เพื่อสนองความบ้าของตัวเอง ว่าง่ายๆ ก็คล้ายโลกของพวกคุณที่เพิ่มดีกรีความบ้าขึ้นอีกหลายขั้น

                ผมยังคงยืนยันว่าโลกนี้นั้นบ้าและผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไร ในความหลุดโลกนั้นก็ยังมีสิ่งสวยงามอยู่ดี และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องบ้าๆ ของผมทั้งหมด และรู้ไว้ซะว่าถึงคุณอ่านไปแล้วจะไม่พอใจจนอยากเอาไปเขวี้ยงทิ้งอย่างไรก็ไม่กระเทือนผมหรอก เพราะการทำให้คุณบ้าตามไปด้วยคือจุดประสงค์ของผมอยู่แล้ว

                ยินดีต้อนรับสู่เรื่องบ้าๆ ของผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×