ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Painted Boy ฉันจะร้าย..ถ้านายไม่รัก

    ลำดับตอนที่ #25 : หลั่งน้ำตา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 606
      2
      26 ก.ค. 54

     


                  
    “เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ..”

     


                    สิ้นเสียงนั้น ริวทาโร่ก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นนึกเสียใจที่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของยามาดะเลย แต่หนุ่มน้อยก็ไม่อาจพูดอะไรออกไปได้มากกว่านี้เพราะเขารู้ดีว่าต่างคนต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

     

                    “นี่ๆ” ไดกิกระซิบกระซาบ ยูโตะละสายตาจากสองคนนั้นหันมามองไดกิอย่างสงสัย

    “ไม่คิดจะไปเคลียร์กับเจ้าตัวจริงๆ เหรอ?”

     

                    “ทำไมชั้นต้องเคลียร์? ชั้นกับเรียวสุเกะไม่เห็นจะมีอะไรกันซะหน่อย” ยูโตะเมินหน้าหนีพลางทำท่าเย็นชาใส่อาริโอกะที่พูดอะไรไม่เข้าหู

     

                    “เหรออออ?” ทาคากิและเคย์โตะถามออกมาพร้อมกัน ทำเอาคนถูกถามได้แต่แกล้งกลบเกลื่อนโดยการยัดผักเข้าปากตัวเองเพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างทำให้ไม่ต้องตอบคำถามใครอีก

     

                    “ว่าแต่ทำไมวันนี้ดุจังยาบุคุง? แล้วมุขปลาทูอะไรนั่นมันด่าแล้วเจ็บเหรอ? ทำไมชั้นไม่รู้สึกเลยล่ะ?” เคย์โตะหันไปถามพี่ใหญ่ของวงหลังจากที่สงสัยมานาน

     

                    “ก็รำคาญเด็กไม่รู้จักโตอย่างชิเนนน่ะสิ สงสารยามะจังด้วย แล้วไอ้มุขปลาทูนั่นเคยได้ยินฮิคารุมันด่าหมาข้างบ้าน ก็เลยเอามาใช้ซะหน่อย” โคตะพูดอย่างภาคภูมิใจ

     

                    “นี่นายด่าหมาว่าข้างบ้านนายขายปลาทูยังงี้น่ะเหรอ?” เคย์หันไปหาเจ้าของมุข

    “ก็เจ้าของหมาเขาขายปลาทูจริงๆ นี่นา ทั้งคนทั้งหมาพูดมากเหมือนกันเลย ฮิฮิ” ยาโอโตเมะขำคิกคักอยู่คนเดียวหลังจากตอบคำถามของอิโนะไป ด้วยอาการไม่เต็มเต็งทำให้คนอื่นๆ จึงสรรหาเรื่องอื่นมาคุยแทน ปล่อยให้อีกสองคนที่กำลังเคลียร์กันอยู่กอดกันอย่างแนบแน่นอยู่มุมห้อง

     

                    “ไม่เอาไม่ร้องนะ ริวทาโร่ ร้องเป็นเด็กๆ ไปได้” เสียงหวานของเรียวสุเกะเอ่ยปลอบรุ่นน้องที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้กอดเขาอยู่เสียแน่น แต่เมื่อเจ้าตัวยังคงร่ำไห้ คนปลอบจึงได้แต่ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปมองวงอาหารกลางวันของจั๊มพ์ที่กำลังคุยอยู่อย่างออกรส แต่ก็พลันไปสะดุดกับสายตาใครคนนึงที่กำลังจ้องมองตนอยู่เนืองๆ

     

                    หลังจากนั้นการซ้อมก็เริ่มขึ้นต่อ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานของบรรดาสมาชิกจั๊มพ์ที่แหย่เล่นกันระหว่างซ้อม เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทุกๆ คน แต่ทว่าเรียวสุเกะกลับรู้สึกได้ถึงออร่าสีเทาบางๆ จากสายตาของยูโตะที่จ้องตนอยู่ตลอดเวลา

     


                    “วันนี้ทุกคนทำได้ดีมากเลยนะ ขอบคุณมากๆ พรุ่งนี้อย่ามาสายนะ” ยาบุประกาศพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับเหงื่อบนใบหน้า ทุกๆ คนจึงต่างแยกย้ายเก็บข้าวของของตน ไม่ว่าจะเป็นขนม ผ้าเช็ดหน้า น้ำอัดลมและซากข้าวกล่องเมื่อกลางวันใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน

     

                    “พรุ่งนี้มีเดทอ่ะ ไม่มาได้มั้ย?” อิโนะเอ่ยโพล่งขึ้นมาสร้างความประหลาดใจให้ ไดกิเป็นบุคคลแรกที่พุ่งตัวเข้าไปก่อนจะตบไหล่อิโนะเข้าดังป้าบ ก่อนที่คนอื่นๆ จะอ้าปากค้างแล้ววิ่งเข้ามารุมทึ้งคนพูดอย่างสนอกสนใจ

     

                    “อะไรอ่ะ มีแฟนแล้วไม่บอกเหรอ?” “นั่นสิ เพื่อนกันหรือเปล่าเนี่ย” ทุกคนต่างโวยวาย มือไม้ของแต่ละคนต่างตบตีหยอกล้อกับเคย์ที่ยืนอมยิ้มแก้เขินอยู่ตรงกลาง

     

                    “ไว้ว่างๆ จะพามาให้รู้จักนะ ชั้นไปดีกว่า บายยย...” อิโนะรีบปลีกตัวออกจากวงสนทนาแล้วเดินออกจากห้องไป ตามด้วยคนอื่นๆ ที่วิ่งตามไปแซวหยอกล้อเจ้าตัวไม่เลือก  เหลือเพียงแค่เรียวสุเกะที่ได้แต่ยืนมองเหล่าสมาชิกจั๊มพ์พลางหัวเราะเบาๆ กับคนตัวสูงโปร่งอย่างนากาจิม่าที่กำลังเก็บของง่วนอยู่ ร่างเล็กคว้ากระเป๋าของตนขึ้นมาก่อนทำท่าจะเดินตามคนอื่นๆ ออกไปบ้าง แต่ก็มีบางเสียงหยุดชะงักเขาไว้

     

                    “นายกับริวทาโร่เลิกกันแล้วหรือยัง?” ประโยคคำถามที่ถูกถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาคนถูกถามถึงกับมึนงงก่อนจะหันไปมองคนหล่อที่กำลังผูกเชืองรองเท้าอยู่ที่หน้ากระจกด้วยท่าทีเฉยเมยเพิกเฉยต่อสิ่งรอบข้าง เรียวสุเกะจึงเพ่งมองอีกฝ่ายผ่านเงาสะท้อนจากกระจกเพื่อดูว่ายูโตะถามเขาจริงๆ หรือตัวเองนั้นหูแว่วไปเอง แต่เมื่อพบกับแววตาที่ต้องการคำตอบของนากาจิม่า ยามาดะจึงได้แน่ใจแล้วว่าไม่ได้คิดไปเอง

     

                    “ดูเหมือนว่าจะยังสินะ...” ยูโตะเปรยก่อนจะก้มหน้าลง สีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดแต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะพยายามปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงที่แสดงออกอยู่บนใบหน้า  เรียวสุเกะจึงเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังเบนหน้าของตัวเข้าหากระจกเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนอยู่ 

     

                    นิ้วเรียวลูบไล้บนแก้มของร่างสูงอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าผิวหน้าของอีกฝ่ายจะบอบช้ำหากว่าเขาสัมผัสแรงเกินไป ดวงตาของเรียวสุเกะเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเมื่อเห็นยูโตะมีอาการผิดปกติอยู่ตรงหน้า เสียงหัวใจเต้นรัวดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความตื่นเต้นและสับสน ภาพของยูโตะตรงหน้าเขามันคล้ายกับภาพของยูโตะคนที่เคยรักเขากำลังเสียใจตอนที่รู้ว่าตัวเขานั้นต้องรวมยูนิตเป็นเอ็นวายซีกับนากายามะ ยูมะ คนที่ชอบเขามากในตอนนั้น เรียวสุเกะจำได้ดีเลยว่ายูโตะทั้งห่วง ทั้งเสียใจ ทั้งเศร้า ทั้งผิดหวังมากๆ แต่ว่าเพื่องานและเพื่อตัวเขาเอง มันจึงคอยกลบเกลื่อนความรู้สึกสีหน้าแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของยามาดะ เรียวสุเกะคนนี้ไปได้ เพียงแต่วันนี้เขาสงสัยว่า สภาพท่าทางของนากาจิม่าในวันนั้นทำไมมันช่างคล้ายคลึงกับนากาจิม่าคนที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ทั้งๆ ที่เจ้าตัวคงไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

     


                    “ยูโตะ......”


     

                    ร่างอวบทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วทำเอาร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่แทบจะเอื้อมแขนไปรับไม่ทัน สองร่างล้มลงไปนั่งที่พื้นโดยที่แขนแกร่งของยูโตะโอบกอดอีกฝ่ายที่ไร้เรี่ยวแรงไว้แน่น ด้วยความตกใจของยูโตะที่เห็นเรียวสุเกะล้มลงไปเร็วมากทำให้นากาจิม่าเขย่าร่างของอีกฝ่ายอย่างโมโห

     

                    “เป็นบ้าอะไรเนี่ย!! อยู่ๆ ก็ล้มลงไป ถ้ารับไม่ทันจะทำไงห๊ะ!!!!

     

                    ดวงตาเรียวพยายามจ้องเข้าไปสบตาคนที่เพิ่งจะล้มลงไปเมื่อครู่เพื่อหาคำตอบที่เพิ่งถามออกไป ร่างอวบทำหน้านิ่วราวกับเจ็บปวดที่ใดที่หนึ่ง มือแกร่งของยูโตะบีบไหล่อีกฝ่ายแน่นระหว่างที่สายตาพยายามมองไปทั่วกายของเรียวสุเกะเพื่อดูว่าร่างอวบบาดเจ็บหรือเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่

     

                    “ยูโตะ...ฮึก....ชั้น..ไม่เป็นไร นายรีบไปเถอะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเหนื่อยหอบราวกับจะขาดใจ มือนิ่มกำเสื้อยืดบริเวณหน้าอกของตนไว้แน่นอย่างทรมาน

     

                    “จะบ้าเหรอไง? ถ้านายตายไปตรงหน้าจะทำยังไงล่ะ? ชั้นไม่อยากโดนว่าที่ปล่อยให้นายไปต่อหน้าต่อตาหรอกนะ” นากาจิม่าโวยด้วยน้ำเสียงกังวลปนหงุดหงิด

     

                    มือบางปัดมือแกร่งทั้งสองออกอย่างรวดเร็วพลางดันตัวอีกฝ่ายให้ออกห่างตนจนนากาจิม่าเกือบล้มลง ดวงตาเรียวจึงหันไปมองคนที่ผลักเขาจนเสียหลักอย่างไม่พอใจ

     

                    “ถ้านายกลัวว่าคนอื่นจะว่าก็ไปซะให้พ้น!!! ให้ชั้นตายๆ มันไปซะตรงนี้เนี่ยแหละ!!!” ยามาดะตวาดกลับทั้งน้ำตาทั้งๆ ที่ยังมีอาการหายใจติดขัดให้เห็นอยู่ หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนหยดลงบนพื้นทำให้ยูโตะยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

     

                    “อย่ามางี่เง่าสิ!! เป็นอะไรก็บอกมา...หรือว่าอยากตายนักห๊ะ!!! ก็เห็นว่าหายใจไม่ออก ก็จะช่วยนี่ไง!! อยากทรมานจนตายนักเหรอไง?” นากาจิม่าขึ้นเสียงใส่ร่างอวบที่นั่งหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นอย่างไม่สนใจว่าคนตรงหน้ากำลังจะขาดใจตายตรงหน้า เพราะตัวเขานั้นเป็นคนใจร้อนอยู่แล้วโดยเฉพาะกับเรียวสุเกะ ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเป็นคนเฮฮาร่าเริง แต่ดูเหมือนจะมีเพียงเรียวสุเกะนี่แหละที่รู้นิสัยที่แท้จริงนี้

     

                    “การที่นายมาทำตัวเป็นห่วงเป็นใยชั้นเพราะแค่กลัวขี้ปากคนอื่นมันทรมานมากกว่าอีก!!! แค่นี้ชั้นไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า..หรือว่านายอยากเห็นชั้นตายไปต่อหน้า...ฮึก...” เรียวสุเกะย้อนก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นเทา มือเรียวกำเสื้อบริเวณหน้าอกไว้แน่นกว่าเดิม น้ำตาไหลพรากไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

     

                    “ชั้นตายไปต่อหน้านายแล้วครั้งนึง..ยังจำได้มั้ย?” ยามาดะกล่าวทั้งน้ำตาพลางเมินหน้าหนีไปทางอื่น “ชั้นตายไปแล้ว..ในวันที่นายและจั๊มพ์พากันทอดทิ้งชั้น ยามาดะที่แสนอ่อนโยนที่เชื่อคนง่าย คนที่รักนายหมดหัวใจ..มันตายไปแล้ว!!!


     

                    แหมะ...

     


                    หยาดน้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่มีใครเคยเห็นของยูโตะไหลอาบแก้มก่อนจะหยดลงที่พื้น เสียงของหยดน้ำตานั้นดังกลบความเงียบงันภายในห้องที่มีเพียงร่างสองร่างที่กำลังร่ำไห้ เรียวสุเกะที่ได้ยินเสียงนั้นรีบหันขวับมามองคนเข้มแข็งที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ

     

                    “จะร้องไห้ทำไม? ไม่ต้องมาทำสงสารหรอกนะ ชั้นรู้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่กระเทือนนายหรอก!! ชั้นมันก็แค่คนโง่!! โง่และดีเกินไปจนนายไม่รัก...จะต้องให้ชั้นร้ายกว่าชิเนนมั้ยนายถึงจะรักน่ะ?” ร่าวอวบได้ทีตอกกลับร่างสูงโดยที่ตนเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แววตาเจ็บปวดของยูโตะที่จ้องมองมาทางเขานั้นทำให้เรียวสุเกะก็หยุดนิ่งไม่กล้าพูดอะไรต่อ ทั้งสองคนก็ได้แต่สบตากันท่ามกลางความเงียบโดยมีเพียงหยาดน้ำตาของทั้งคู่ไหลรินออกมาแทนคำพูดระหว่างกัน

     


                    “นายเจ็บมาก..ขนาดนั้นเลยเหรอ?” นากาจิม่าถามเสียงสั่นพลางจ้องใบหน้าหวานอย่างเค้นเอาคำตอบ คนถูกถามได้แต่เมินหน้าหนีไม่ก็ก้มหน้าหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
     

    “ยามะจัง...”

     

                    เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจในสรรพนามที่ยูโตะเรียกแทนตนเองเมื่อครู่ ดวงตากลมจ้องอีกฝ่ายถามเป็นนัยๆ ว่าตนเองไม่ได้หูแว่วไป แต่ลำแขนแกร่งคว้าร่างอวบเข้ามากอดแน่นพร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกเข้ามาที่ซอกคอของยามาดะ คนถูกจู่โจมได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายคว้าร่างตนเองไปไว้ในอ้อมกอดเพราะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านใดๆ อีกแล้ว

     

                    “ยามะจัง...ชั้นรักนายมาก คิดถึง...มาตลอดเลยนะ” เสียงยูโตะพร่ำบอกพลางสะอึกสะอื้นอยู่ข้างหูทำให้คนในอ้อมกอดถึงกับตื้นตัน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดตอบและร้องไห้โฮซบไหล่อีกฝ่าย

     

                    “ฮึกกก...ยูโตะ” เสียงหวานคร่ำครวญระหว่างที่กำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายโดยมีนากาจิม่า ยูโตะคอยปลอบประโลมทั้งๆ ที่ตัวยูโตะเองก็กำลังร้องไห้เสียใจไม่แพ้กัน


     

                    “ขอโทษนะที่ทิ้งยามะจังไว้ในวังวนแห่งความโศกเศร้า ความเจ็บปวดไว้ตั้งสองปี...ต่อไปนี้ชั้นจะกลับมาเป็นแสงสว่างให้ยามะจังเอง”

    ...........................................

    วันนี้ขอกลับมาอัพยาวๆ หน่อยเนอะ เผอิญหายไปน้านนน นาน
    (จริงๆ ตอนแรกอัพไปแล้ว เด็กดีอัพไม่ติด เซงมาก ต้องมาอัพใหม่)
    ครบรอบหนึ่งปีของเพ้นท์บอยไปเมื่อเดือนพฤษภา ยังไม่ได้ทำให้พิเศษๆ ให้คนอ่านเลย
    ขอโทษนะคะ ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนหน้าฟิค แต่มีคนบอกว่ามันสวยอยุ่แล้ว (เรอะ?) ก็เลยไม่ได้เปลี่ยน

    ตอนนี้ไรท์เตอร์อยู่ไทยแล้วค่ะ (จริงๆ ก็มาตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้เปิดเผย)
    ตั้งแต่กลับมายุ่งมากๆ ไม่มีเวลาพักเลย ทำงานตลอด เลยไม่ได้มีเวลาปั่นฟิคมากนัก
    มุขก็จะคิดไม่ออก แต่ตอนนี้นั้นแต่งเสริมพิเศษเพื่อเป็นการฉลองครบรอบหนึ่งปีไปด้วยในตัว
    โตะรินกับยามะเลยได้ปรับความเข้าใจกันแบบนี้ไง ^_^
    (ถ้าไม่ครบรอบโตะกับยามะคงยังไม่ได้เข้าใจกันแบบนี้ใช่มั้ย?)

    เข้าเรื่องฟิคหน่อย
    ตอนนี้ช่วงต้นๆ ดูดราม่าเนอะ แต่จบก็น่ากรี๊ดกร๊าดมากสำหรับสาวกนากายามะ
    เสียน้ำตาไปสามปี๊บกว่าจะได้ฉากนี้ แต่ด้วยความที่งานเยอะเลยไม่รุ้ว่าที่แต่งออกไป
    มันเข้าถึงอารมณ์มากน้อยแค่ไหน ยังไงขออภัยไว้ก่อนนะคะ
    ปล.ขอถามความเห็นหน่อยว่า ไรท์เตอร์ควรเปิดแฟนเพจเพ้นท์บอยในเฟซบุ๊ก
    เพื่อให้คนอ่านทุกคนไปทวงฟิคได้สะดวกหรือไม่ (ใครจะมาทวงฟิคเราฟะ? ทำเหมือนฟิคดังมากนะเนี่ย อิอิ)
    เพราะว่าไรท์เตอร์นี่ไม่เข้าเด็กดีเลย ยกเว้นจะเข้ามาอัพเท่านั้น
    แล้วไรท์เตอร์เป็นโรคจิตอย่างนึงคือถ้ามีคนทวงฟิค ถึงจะยอมแต่งกะอัพ ก็เลยมาถามๆ ดูว่า
    มีแฟนเพจดีมั้ย? หรือว่าทวงๆ มันตรงในหน้าฟิคนี่ล่ะ ไรท์เตอร์เข้ามาอัพ พอเห็นข้อความทวงจะได้กระวีกระวาดรีบอัพเร็วเป็นสามเท่า อิอิ

    ปล.สอง อยากมีทติ้งกับทุกคนบ้าง เพราะเดือนหน้าจะกลับแคนาดาแล้วนะจ้ะ
    มีใครอยากเจอไรท์เตอร์บ้างมั้ย? T^T


    ... N eL’ L

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×