ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE END l กลเม็ดเด็ดพรายรัก [ สำนักพิมพ์ bemind ]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 594
      0
      10 เม.ย. 53

    ตอนที่ 5

     

                  ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำที่สองสาวเพื่อนสนิทนั่งถกปัญหา  เรื่องการถูกจับคู่ระหว่างปาลิตากับระกากล...คำตอบอันเป็นที่พึงใจที่สุดของปาลิตาก็คือ  ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้  สบันงาจะต้องไปเป็นเพื่อนในการนัดดูตัวของคนทั้งคู่...

                          ในความเป็นเพื่อนสนิท  ที่สบันงาออกตัวว่าจะช่วยเหลือ...ก็เลยกลายเป็นว่า  เธอจำเป็นต้องยอมตกลง  ไม่ว่าจะเต็มใจไปหรือไม่ก็ตาม

                           ชั้นแค่ไปเป็นเพื่อนนะยะ...ส่วนเรื่องการตัดสินใจ  แกต้องเป็นคนพูดคุยกับคุณป้าเองนะ  ชั้นไม่เกี่ยว...ชั้นมันคนนอก...ขี้เกียจโดนหางเลขไปด้วย  สบันงารีบออกตัวทันที

                           เออน่า...เรื่องนั้นชั้นจะลองหาทางหนีทีไล่เอาเอง...ยังไงชั้นก็ไม่ยอมหรอก

                           แต่เที่ยวนี้ชั้นว่าแม่แกเค้าเอาจริง 

                           ปาลิตาหน้ามุ่ยทันที  ที่เพื่อนสาวทำเสียงเครียด  แกอย่ามาขู่แทนแม่ชั้นหน่อยเลย

                           สบันงาลุกขึ้นไปหยิบรีโมตทีวี  ก่อนจะเปิดไปดูรายการต่างๆของแต่ละช่อง

                           แล้วคืนนี้...แกจะนอนนี่รึเปล่า

                           สบันงาจ้องหน้าเพื่อนที่ยังคงหดหู่ มีแววกังวลในดวงตาสีอ่อนคู่นั้น

                            ไม่ล่ะ...เดี๋ยวชั้นกลับดีกว่า...พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า พูดจบเธอก็เหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง

                            แกมายังไง...ขับรถมาเองรึเปล่า

                            ปาลิตาส่ายหน้า ใครจะมีอารมณ์ขับรถยะ...ชั่วโมงนั้นชั้นคิดแค่เพียงอยากออกจากบ้านเท่านั้นล่ะ...ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับ

                         ชั้นไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ  มาเองได้ก็กลับเองได้

                         ปาลิตาลุกขึ้นไปนั่งขอบเตียง...ปากก็สนทนา  มือก็หยิบหนังสือเล่มหนาปกสีน้ำตาล

    ที่วางอยู่บนหัวเตียง  กำลังจะเปิดดูข้างใน...แต่ก็ไม่ทันได้เปิด  เมื่อเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นเสียก่อน

                         เดี๋ยวชั้นไปดูให้  ปาลิตารีบลุกขึ้นไปเปิดประตู

                         ปาลิตาวางหนังสือเล่มนั้นลงบนที่เดิม  โดยไม่ได้นึกสนใจมันแม้แต่น้อย...และมันก็เป็นความรู้สึกของสบันงาเองเหมือนกัน  ที่ขณะนี้เธอไม่อยากจะให้ปาลิตามาเห็นเนื้อหาข้างในหนังสือเล่มนี้เสียแล้ว  ไม่เหมือนเมื่อหลายชั่วโมงก่อน...ที่เธอนึกอยากจะเอาหนังสือเล่มนี้มาเป็นประเด็นในการเมาท์...แต่ตอนนี้ใจของสบันงา  อยากจะเก็บทุกอย่างเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้  เป็นความลับเสียก่อน...จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

                         สบันงารีบลุกไปหยิบหนังสือเล่มนั้นทันที     และฉวยมันลงซ่อนไว้ข้างชั้นวางหนังสืออ่านเล่นที่กองพะเนินเทินทึก  ก่อนจะลงมานั่งเล่นที่โซฟาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ...........................................

                         เมื่อปาลิตาเปิดประตู  เธอก็โผเข้ากอดเต็มแรง  กับบุคคลที่ยืนเรียกอยู่นอกประตูผู้นั้น...น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่  ก็กลับเหมือนจะรื้นชื้นขอบตาเสียอย่างนั้น

                         ปาลิตากอดชายคนนั้นไว้เสียแน่น  ก่อนที่จะพูดกับเขา

                         พี่ปองรู้ได้ยังไงว่าปุ๊กกี้อยู่ที่นี่

                         เธอคลายกอดจากพี่ชาย  ก่อนจะดึงมือเขาให้เข้ามาในห้อง

                         ปกป้องเดินตามน้องสาวเข้ามา  โปรยยิ้มทักทายสบันงา  ก่อนจะหลุบตามองไปที่อื่น  เมื่อเห็นแววตาของสบันงาที่จ้องกลับ  คล้ายกับตะลึงในตัวเขาที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน

                         สบันงาลุกพรวดจากโซฟา  ขึ้นไปยืนเกาะแขนชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนตัวแข็ง  เพราะความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามา  ในช่วงวันเวลาที่เขาไม่เจอหญิงสาวเสียนาน

                         ปกป้องยืนนิ่ง  ได้แต่ยิ้มรับจนทำตัวไม่ถูก  เมื่อการทักทายของสบันงามีแต่คำถามที่ยาวเหยียดหลายคำถาม  จนเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อน

                         ดีใจจังเลยค่ะ...พี่ปอง...เราไม่ได้เจอกันเสียนาน...จนมิ้นท์แทบจะจำพี่ปองไม่ได้  สบันงายิ้มสวยจนเหมือนจะหยุดเวลาขณะนั้นนิ่งกับที่

                  พี่ดูเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ

                         เปลี่ยนไปมากเลยล่ะค่ะพี่ปอง

                         จะไม่ให้สบันงารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวปกป้องได้อย่างไร  ในเมื่อสองปีก่อนผมที่เคยยาวตรงประบ่าแบบหนุ่มฮิปปี้  บางครั้งก็ม้วนเป็นมวยผมแล้วใช้ตะเกียบเสียบผมไว้  ตอนนี้กลับตัดสั้นไว้ยาวรากไทร  ผมด้านหน้าก็ซอยไล่ตัดแบบเป๋ๆ  หน้าตาที่เคยไว้แต่เคราครึ้มเขียวตอนนี้ก็กลายเป็นพ่อหนุ่มหน้ามนใสสะอาด  ผิวพรรณดูสะอาดสะอ้านแบบคนดูแลตัวเองมากขึ้นนับรวมไปถึงการแต่งกายเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาดๆ  ตอนนี้ก็แต่งกายด้วยเสื้อยืดโปโลสีเข้มอยู่ข้างในกางเกงสแลคที่ยังคงตัดเข้ารูปรับกับสมัยนิยม

                           ทุกอย่างที่เป็นเรื่องภายนอกเปลี่ยนแปลงไปเกือบหมดสิ้น...หากแต่ในดวงตายาวรีที่หรี่มองเธอ  กลับเต็มไปด้วยคนเดิมที่เคยแอบชอบสบันงา 

                           ดวงตาของวันวานที่วันนี้ยังคงเดิม

                           มิ้นท์มองพี่แบบนี้  พี่ก็เขินแย่สิเรา

                           สบันงาชวนถามความเป็นไปเป็นมาของปกป้องเสียนาน  จนคนทั้งคู่ก็ลืมไปว่ายังคงมีปาลิตานั่งอยู่ในห้องนั้นอีกคน...เธอได้แต่มองทั้งคู่สนทนาโดยไม่ได้แทรกกลางเรื่องใดเลย

                   หัวข้อสนทนาที่ควรจะเป็นเรื่องเศร้าใจของปาลิตา  ก็เลยถูกกลบไปด้วยข้อสนทนาตามประสาคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกัน...

                           นั่งฟังจนดึก  จนตัวเองก็ลืมเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน

                           อะแฮ่มๆ  ปาลิตากระแอมเบาๆ เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่ใกล้เวลาเที่ยงคืน

                          คุยกันเพลินจนลืมเพื่อนลืมน้องเลยนะ  ปาลิตาทำตาปะหลับปะเหลือกใส่คนทั้งคู่

                          งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ   ปกป้องลุกขึ้นตามน้องสาวที่ตอนนี้ไปยืนรออยู่ที่ประตูเรียบร้อย

                          ปาลิตาดูออกว่าแววตาของพี่ชายอาลัยอาวรณ์เพื่อนของเธอ  จนแทบไม่อยากกลับหลังจากที่ทั้งคู่ไม่เจอกันเลยร่วมสองปี

                   แต่แววตาของเพื่อนเธอนี่สิ  ดูยังไงก็ไม่เห็นประกายแห่งความรู้สึกพิเศษใดกับพี่ชายเธอเลย  แต่ถ้าปกป้องจะชอบกับสบันงา  เธอก็นึกเชียร์เพื่อนรักเต็มที่

                           หรือว่าเธอจะแอบเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่ชายกับเพื่อนรักดีหนอ?

                           เธอคิดอยู่ในใจแค่นั้น  ก่อนจะดึงแขนพี่ชายกลับบ้าน หลังจากล่ำลากันเสร็จสรรพ

    .......................................

                          เมื่อปาลิตามีพี่ชายมารับตัวกลับบ้านไปแล้ว  เรื่องที่คุยกันค้างไว้ถึงวันเสาร์  เธอก็ตอบตกลงไปเรียบร้อย...สารทุกข์สุขดิบก็ไถ่ถามกันเสียจนเรียกว่า  ช่วงสองปีที่ผ่านไป  เรื่องราวต่างๆถูกเล่ารวบรัดฉบับย่อ  จนใช้เวลาคุยกันแค่ชั่วโมงเศษ...เล่ากันสนุกสนาน  รื้อฟื้นความสัมพันธ์ในวันเก่าก่อนที่เป็นแค่พี่ชายของเพื่อน

                          แต่ในวันนี้สิ่งที่ปกป้องเล่าสู่กันฟัง  ก็เป็นเพียงแค่บทเริ่มต้นที่ไม่ได้อยู่ในความรู้สึกของเธอเลย...ต่างกับอีกฝ่าย  ที่ตอนนี้ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้าน  เรื่องราวของสบันงาที่เล่าให้ฟังกลับวนเวียนอยู่ข้างหูชายหนุ่มตลอดเวลา

                          สบันงาไม่รู้สึกตัวเลย  ว่าตอนนี้ปกป้องกำลังรู้สึกอย่างไรกับเธอ

                          เธอนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง  หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในชุดนอนด้วยเสื้อกล้ามรัดรูปกับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋ว

                          ที่นอนไม่หลับ  ไม่ใช่เพราะผู้ชายที่พึ่งขอตัวกลับไปเมื่อสักครู่  หากแต่เป็นเพราะผู้ชายอีกคนที่เข้ามาวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา  เหมือนกำลังฉายหนังซ้ำเรื่องเดิมๆ ฉากเดิมๆที่พระเอกชื่อเข้มขาลนั่นเอง...

                           ในขณะที่สบันงากำลังหลับตาด้วยความอ่อนเพลีย...แต่ชายหนุ่มที่พึ่งแยกตัวจากเธอเมื่อช่วงเที่ยงคืน  กลับกระปี้กระเป่าร่าเริงผิดเวลา...

                            หัวใจของปกป้องเริงร่าลิงโลดไม่เป็นจังหวะ  เมื่อวันนี้เขาตัดสินใจจะไปรับน้องสาวที่คอนโดของสบันงา  เมื่อเขาได้ข้อมูลว่าที่อยู่ของเธออยู่แถวไหนจากปากของปัณนรี

                            เขารับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างมารดากับน้องสาว...แต่เขาก็ได้แต่น้อมรับฟังผู้เป็นมารดาอย่างนิ่งเงียบ...เพราะถ้าเขาออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการดูตัวของปาลิตา  เขามั่นใจตัวเองว่ามารดาจะต้องวกเข้ามาเรื่องการแต่งงานของเขาเหมือนกัน

                         ไม่ใช่ว่าคุณปัณนรีจะไม่เคยไต่ถามเรื่องของการแต่งงานกับเขา  เพียงแต่ข้ออ้างของเขาคือขอเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวสักสองสามปี  รอเวลาของอายุให้ย่างเข้าสามสิบห้าอย่างที่มารดาแนะนำก่อน...วันนั้นเขาคิดว่าคงจะพร้อมแน่นอน

                          แต่ในความเป็นจริง  เป็นเพราะตัวเขายังไม่เคยถูกใจใครต่างหาก...สาวๆที่เคยควงและยังควงอยู่ในขณะนี้  ก็มีแต่หญิงสาวที่รักสนุกไม่คิดผูกพัน  บ้างก็แค่ควงเขาไว้ออกงานสังคมเพราะเห็นว่าเขาพอจะมีเชื้อชาติตระกูลอยู่ในเกณฑ์เข้าขั้นว่าดี  บ้างก็แค่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีหน้าตาดี...ผู้หญิงแต่ละคนไม่เคยออกปากอยากจะคบเขาจนถึงขั้นสร้างครอบครัว

                           เขาเลยกลายเป็นผู้ชายที่รักอิสระ  ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ

                           แต่ในวันนี้  เมื่อคุณปัณนรีออกปากว่าปาลิตาน่าจะไปอยู่ที่คอนโดของสบันงา  เขาจึงรีบอาสาเป็นคนออกมารับน้องสาวเสียเอง  และรับปากกับมารดาว่าจะช่วยกล่อมเธอให้อีกคน

                           ปกป้องหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาดู  หน้าปกสีชมพูหวานแหววลายตุ๊กตาหมี

    เขาอมยิ้มเมื่อเปิดอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ  ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้าน  แล้วบังเอิญค้นเจออยู่ในลังไม้ที่เก็บสิ่งของในอดีตต่างๆไว้มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นของเล่นที่เขาชอบเล่นในวัยเด็ก  ตุ๊กตุ่นยางยืดรูปยอดมนุษย์มีเป็นสิบตัว  กระเป๋าสตางค์ใบแรกที่ตอนนี้สภาพมันยับเยินค่อนข้างมาก ฯลฯ...แต่สิ่งของทุกอย่างล้วนมีความหมาย และความทรงจำซ่อนอยู่ในตัวของมันเอง  เมื่อหยิบขึ้นมาดู ภาพเก่าๆที่คุ้นเคยก็จะปรากฏให้เห็น  เหมือนกับว่าภาพเหตุการณ์เหล่านั้นพึ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน

                         สมุดบันทึกเล่มนี้ก็เช่นกัน  เมื่อเขาหยิบมาอ่านครั้งใด  ก็จะรู้สึกสุขใจทุกครั้ง

                         ถึงแม้ว่าสมุดบันทึกเล่มนี้จะไม่ใช่ของเขา...แต่ข้อความที่เขียนลงไปหลายหน้ากระดาษ  ก็มีการเขียนพาดพิงถึงเขาอยู่ค่อนข้างเยอะ...

                  เวลาเที่ยงยี่สิบ...

     วันนี้อากาศร้อนมากๆเลย...ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงฉันอยากจะบ้าตาย...แต่แล้วก็เหมือนกับมีฝนตกลงมาห่าใหญ่  ตกลงมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้  ไม่มีวี่แววเลยซักนิด  แต่ที่ฉันยังนึกขำไม่หายก็เพราะวันนี้มีลูกหมาตกน้ำมาที่บ้านฉันคนนึง...นั่นแน่ยายปุ๊ก  แกกำลังสงสัยใช่มะว่าฉันหมายถึงใคร...ฉันขอนินทาเขาหน่อยละกัน  ก็พี่ปองของแกอ่ะดิ  จู่ๆก็โผล่มาหาฉันทั้งๆที่ตัวเปียกแฉะไปหมด...จะไม่ให้ขำยังไงไหว...แต่แกรู้มั้ยว่าทำไมเขาถึงมาหาฉันทั้งที่ตัวเปียกไปหมด...ฉันจะบอกให้เอาบุญล่ะเพื่อน...แต่มีข้อแม้นะ  ว่าแกห้ามไปฟ้องพี่ปองเด็ดขาด  ว่าฉันแอบมาเขียนบอกแกในบันทึก  ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่...อิอิ...ที่ต้องขำเพราะว่าบ้านแกก็อยู่ห่างจากฉันแค่สองรั้วติดกัน  ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดก่อนค่อยมาหาก็ได้...ธุระอะไรก็ไม่มี  แค่อยากจะมาชวนฉันไปดูหนังเป็นเพื่อนแก...ทำไมเขาไม่ให้แกมาชวนชั้นนะ...ฉันล่ะงง...ขำมั้ยเพื่อน5555

                 บันทึกหน้านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมุดเล่มเล็ก  มันเป็นสมุดบันทึกของสบันงาที่แลกกันเขียนกับปาลิตา  เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังเรียนชั้นมัธยมต้น  และตัวเขาก็กำลังจะจบมัธยมปลาย

                           ถ้าสบันงารู้ว่าเขาแอบเก็บและแอบอ่านสมุดบันทึกเล่มนี้มานานหลายปีแล้ว  เธอจะรู้สึกยังไงบ้างนะ?

                           แต่แน่ล่ะ...ที่ครั้งกระโน้นเมื่อตอนเขียนบันทึก  สบันงาคงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย  เพราะการที่เขาตั้งใจมาชวนเธอไปดูหนัง  ก็แค่ใช้ชื่อน้องสาวเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง  โดยที่ปาลิตาเองก็ไม่รู้เรื่องมาก่อน  และที่เขาต้องเปียกฝนอย่างที่เห็น  ก็เพราะจู่ๆก็มีฝนตกเทลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว  เพราะขณะที่เขาก้าวขาออกจากบ้าน  ในตอนนั้นแดดกำลังเปรี้ยงอย่างที่เรียกว่าขั้วโลกร้อนเลยก็เป็นได้

                          ปกป้องอมยิ้มน้อยๆอย่างสุขใจ  เมื่อยังคงอ่านบันทึกอีกหลายหน้า  ก่อนที่จะสอดมันไว้ใต้หมอนหนุน  แล้วขยับตัวเข้านอนด้วยใจอิ่มเอม

                          อย่างน้อยเขาก็รู้ล่ะว่าในตอนนี้...สบันงายังไม่มีใคร...เธอยังเป็นโสด

                          หรือว่าเธอก็กำลังคอยเขาอยู่นะ...เขาเข้าข้างตัวเอง

                          ก่อนจะผล็อยหลับไป  ด้วยอาการยิ้มค้างอย่างคนกำลังมีความรัก...เขาคิดอยู่ในใจว่า

    เขาจะจีบสบันงานี่ล่ะ...เขามั่นใจว่าที่ผ่านมาเขายังไม่อยากรักใครเป็นจริงเป็นจัง  ก็น่าจะเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างที่ฝังจำในวัยเยาว์

                          เขามั่นใจว่าคนนี้ล่ะที่เขาอยากจะใช้ชีวิตร่วมด้วยกัน

    ..................................

                       เช้าวันใหม่ที่เข้าสู่การทำงานกับเจ้านายคนใหม่เป็นวันที่สอง  สบันงาอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องพักตั้งแต่เช้าตรู่  และมั่นอกมั่นใจในตัวเองว่า วันนี้จะไม่มีการหลับคาโต๊ะทำงานโดยเด็ดขาด...ไม่เช่นนั้นนายเสือยิ้มยากอาจจะตำหนิเธอได้

                          และคนแรกที่ตามหลังเธอเข้ามาในออฟฟิศ  ก็ไม่ใช่ใคร...พรฤดีนั่นเอง

                          แต่ท่าทางรีบร้อน หน้าตาตื่นนั่นปะไร  ที่ทำให้สบันงาต้องเอ่ยถาม

                          เป็นอะไรคะพี่ฤดี...มีอะไรคะ...วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว

                          พรฤดียืนหายใจหอบ  ก่อนจะสาธยายความ  น้องมิ้นท์เห็นหรือยังคะ

                          เห็นอะไรคะพี่ฤดี...นั่งก่อนค่อยพูดก็ได้

                         สบันงาขยับเก้าอี้ด้านข้างให้พรฤดี...และหน้าตาของเธอก็แสดงความใคร่รู้จริงจัง

                         ตอนที่พี่เดินผ่านด้านล่างตึกน่ะค่ะ  มีรูปน้องมิ้นท์ติดอยู่ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ชั้นล่าง...น้องมิ้นท์ไม่ทันเห็นเหรอคะ 

                          รูปของมิ้นท์  เธอชี้นิ้วไปที่ตัวเอง  เป็นรูปเกี่ยวกับอะไรคะ

                          เป็นรูปน้องมิ้นท์กับเจ้านายน้องมิ้นท์สิคะ...พี่ว่าน้องมิ้นท์ลงไปดูเองดีกว่า

                          ไม่ทันสิ้นคำ สบันงาก็ลุกพรวดคว้าข้อมือรุ่นพี่สาวทันที

                          เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง  ก็เห็นกลุ่มคนกำลังยืนจับกลุ่มนินทา  อยู่ด้านหน้าบอร์ดประชาสัมพันธ์  เมื่อคนเหล่านั้นเห็นเธอต่างก็หันกลับมามองเธอเป็นตาเดียว

                          สบันงาแหวกกลุ่มคนเข้าไป  ยืนจ้องหน้าบอร์ดมองไปยังรูปถ่ายที่ติดอยู่บนนั้น

                          นี่มันอะไรกันเนี่ย...ใครเป็นคนทำ 

                          จะไม่ให้เธอเสียงแหวใส่คนรอบข้างได้อย่างไร  เมื่อหนึ่งในภาพถ่ายของเธอนั้นเป็นภาพอันน่าเกลียด  เป็นภาพที่เธอกับเข้มขาลกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน  ถึงแม้คนทั้งสองจะสวมเสื้อผ้ามิดชิด  แต่สำหรับเธอ...มันไม่ใช่เรื่องจริง...

                          สบันงาเข้าไปกระชากรูปถ่ายทั้งหมดแล้วขยำจนไม่เหลือชิ้นดี  ก่อนจะหมุนตัวกลับรีบขึ้นไปยังออฟฟิศของตนเอง

                          เธอบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น  ทำไมถึงถูกใส่ร้ายป้ายสี...และใครกันที่เป็นคนทำ...ที่แน่ๆคนทำต้องไม่หวังดีกับเธอ

                          บุคคลนิรนามคนนั้นจงเกลียดจงชังเธอด้วยเหตุใด

                          อารมณ์ของเธอเดือดปุดๆ  จนแทบอยากจะไปฉีกอกใครสักคนให้มารับผิดชอบ

                          มันเป็นรูปตัดต่อแน่ๆค่ะ พี่ฤดี  เธอระบายกับเพื่อนรุ่นพี่

                         แล้วมิ้นท์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะคะ เธอกุมขมับสองข้าง เอามือเท้าคางอย่างจนปัญญา  มิ้นท์ต้องรู้ให้ได้ว่าใครทำ

                          ใจเย็นๆค่ะน้องมิ้นท์  พี่ฤดีจะให้สายข่าวของพี่ช่วยอีกแรง

                          สงสัยชีวิตของเธอคงต้องผูกขาดอยู่กับเข้มขาลแน่แท้  เพราะวันนี้ก็มีเรื่องปวดหัวมาอีกจนได้...ใครกันนะที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้...ใครคนนั้นต้องเป็นคนที่ชอบเข้มขาล

                          เธอตั้งข้อสมมติ แบบนักวิเคราะห์...หรือว่าจะเป็นกิรดา?

                          สวัสดีค่ะพี่มิ้นท์  เสียงทักทายสดใสเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล

                          กิรดาเดินสวนกับพรฤดี  ก่อนที่จะเข้ามายืนอยู่ข้างๆเธอ  แล้วก็ถอยเก้าอี้ตัวที่พรฤดีพึ่งลุกไปลงนั่งแทน  แก้มนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ

                          สบันงาพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ  ไม่วีน ไม่โวยวาย เมื่อเธอยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนทำ...แล้วเธอก็ยิ้มหวานทักทายสาวนักประชาสัมพันธ์รุ่นน้อง

                          เป็นอะไรคะ  ถึงนอนไม่หลับ

                          สบันงาปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แม้มันจะยากเย็นเพื่อจะดับอารมณ์ฉุนกึกเมื่อสักครู่

                         ยิ่งเมื่อสงสัยว่าจะเป็นฝีมือสาวตรงหน้าหรือเปล่า ก็ยิ่งทำให้การฝืนเป็นไปอย่างยากเย็น.. แต่ก็ต้องทำ...

                         พี่มิ้นท์ละก็...แก้มแค่จะมาตามข่าวเรื่องที่เราคุยกันไว้  มีความคืบหน้าหรือยังคะ

                         สบันงาป้องปาก  เมื่อถูกทวงถามถึงของในกล่องที่เป็นแผนการของตัวเอง

                         น้องแก้มใจเย็นๆสิคะ  ถ้ามีความคืบหน้าพี่จะบอกอีกที

                   อะไรกันนะ  ผู้หญิงคนนี้...แค่ผ่านไปคืนเดียว ก็มาเร่งยิกๆให้เธอจีบผู้ชายให้

                           สบันงานึกรำคาญอยู่ในใจ  ไม่รู้ตัวว่าที่รู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะ ในใจคิดเรื่องรูปถ่ายเมื่อสักครู่ซึ่งคาดว่าจะเป็นฝีมือของกิรดาหรือเปล่า...หรืออาจจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อยากจะช่วยจีบเจ้านายหนุ่มให้กิรดาเสียแล้ว

                            แต่เมื่อสบันงาสบตาเพียงแวบเดียวกับกิรดา  คนชอบวางแผนการอย่างเธอก็นึกอะไรดีดีขึ้นมาทันที

                            แต่ถ้าพี่ช่วยน้องแก้มแล้วไม่สำเร็จ ห้ามมาต่อว่ากันนะคะ สบันงาลอยหน้าลอยตา

                            เธอจงใจพูดออกตัวไว้ก่อน  เพื่อจะดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าจะเป็นเช่นไร

                            แต่แววตาของหญิงสาวแก้มป่อง  ก็ช่างดูใสซื่อและอ้อนวอนเหมือนกับน้ำเสียงที่ฉอเลาะอยู่ในขณะนี้  แหม...พี่มิ้นท์อย่าตัดรอนอย่างนั้นสิคะ  ยังไม่ทันจะช่วยแก้มเลย  ยังไงแก้มก็มั่นใจว่าพี่มิ้นท์จะช่วยแก้มได้สำเร็จ...เพราะไม่งั้นแก้มก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร

                          แค่จีบผู้ชายเนี่ยเหรอ  ถึงกับต้องลงทุนอ้อนวอนเธอขนาดนี้  นึกแล้วสบันงาก็แอบหมั่นไส้กิรดาขึ้นมาตะหงิดๆ

                          อีกอย่าง...แก้มไม่ต้องการให้คุณประสิทธิ์เข้ามาวอแวกับแก้มอีก

                          พูดถึงคุณประสิทธิ์ เจ้านายเก่าเธอ  แววตาของกิรดาก็ดูหม่นหมองไปถนัดตา

                          ค่ะ...พี่จะลองดู  ว่าแล้วเธอก็รับปากกิรดาอีกครั้ง

                          แล้วเธอก็ต้องถามตัวเองว่าแผนการช่วยจีบเข้มขาลให้กิรดา  กับแผนการที่จะสืบหาต้นตอของมือดีที่เอารูปเธอไปตัดต่อแล้วนำไปประจาน  เธอควรจะเริ่มแผนไหนก่อนกัน

                          วิธีที่จะลากเอาคนที่ทำเรื่องสกปรกแบบนี้ออกมา  ก็คือเธอจะลงมือจีบนายเข้มขาลเสียเอง เพื่อจะลองจับพฤติกรรมดูสาวๆรอบข้างว่าใครเป็นคนที่น่าจะไม่พอใจเธอ

                          แต่สบันงาเองแทบจะไม่รู้ตัวเลย  ว่าในแผนการนั้นมันซ่อนความรู้สึกของตัวเองผสมผเสลงไปด้วย

                   สบันงาส่ายหน้าและเผลอเบะปากอย่างที่ชอบทำ  เมื่อคล้อยหลังกิรดาเพียงเดี๋ยวเดียวโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าได้มีสายตาของใครบางคนกำลังจับจ้องเธออยู่

                           และเมื่อนึกถึงหนังสือกลเม็ดเล่มนั้น  เธอก็เตรียมตัวจับแต่งเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดี  ก่อนที่จะตั้งท่าเข้าไปในห้องของเจ้านายหนุ่ม  เพื่อไปเรียนรู้ตามคำแนะนำในหนังสือว่าตอนนี้เข้มขาลอยู่ในสถานะใด...ซึ่งในใจเธอก็แอบหวังเล็กๆว่าเขาคงจะเป็นโสด  กับผู้หญิงที่ชื่อไคริกานั่นก็คงเป็นแค่คู่ควง

                            โอม เพี้ยง... สบันงายกมือท่วมหัวคล้ายท่องคาถา

                 วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่า เข้มขาลเจ้านายเธอเป็นคนยังไง  จะเพื่อกิรดาหรือตัวเธอเอง...เธอชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วสิ...

                        ว่าแล้วเธอก็ฟอร์มหยิบเอกสารบางเล่มเข้าไปเพื่อเป็นข้ออ้าง

                  ทำไมมันถึงตื่นเต้นขนาดนี้นะ  หัวใจที่อยู่ข้างในมันเหมือนจะเต้นโครมครามออกมานอกทรวงอกซะอย่างนั้น

                          แล้วสบันงาก็ข่มตา สะกดใจตัวเอง  แล้วถอนหายใจยาวๆเพื่อผ่อนคลาย  ก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเจ้านาย

                           เข้าไปได้มั้ยคะ

    ...................................

                          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×