คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
สบันงาแทบอยากจะเขวี้ยงหนังสือเล่มหนาลงกับพื้น เมื่อเธอพยายามจะเปิดดูแต่ละ
“ชั้นต้องกลับไปหาเธอแน่ ตามที่เธอบอก ยายเด็กบ้า”
แน่ล่ะ! หนังสือจอมปลอมอย่างนี้ เธอต้องกลับไปเอาเรื่องเด็กหญิงคนขายเสียหน่อย
เมื่อคิดดังนั้น เธอจึงล้มตัวลงนอน
ทันทีที่หลับตา...ในขณะที่จิตใต้สำนึกกำลังจมดิ่งไปสู่ห้วงนิทรารมย์ สบันงารู้สึกเคลิ้มเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น
ในความมืดของดวงความคิดเธอนั้น.....
เปิดเปลือกตามาก็พบว่าตัวเอง กำลังนั่งง่วนอยู่กับการตรวจตรากองเอกสารที่เจ้านาย
เธอกำลังนั่งอ่านรายละเอียดของชิ้นงานที่ชื่อ โครงการเมืองมหานคร เปิดไปอ่านตารางรายชื่อทีมผู้ร่วมงานระดับโลกแต่ละท่าน แล้วตาก็ลุกวาว เพราะรายชื่อเหล่านั้นล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองหลายท่าน เปิดไปยังหน้าถัดไปมีทั้งรูปแบบลักษณะของงาน ที่แจ้งถึง
เมื่ออ่านรายละเอียดข้อมูลจนถึงบรรทัดสุดท้าย สบันงาก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับลายเซ็น
ลายเซ็นตัวขอไข่ขยุกขยุยไม่ได้น่าสนใจเท่ากับ ชื่อตัวบรรจงที่พิมพ์ไว้ในวงเล็บว่า...
...เข้มขาล บันลือรักษ์...
จะไม่ให้สบันงานึกอุทานได้อย่างไร ในเมื่อเจ้านายคนที่เอากองเอกสารนี้มาให้เธอใน
ยังไม่ทันที่สบันงาจะหายสงสัย..เสียงประตูหน้าห้องก็เปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อายุประมาณสามสิบต้นๆ สูงราวร้อยแปดสิบเศษจากการคำนวณทางสายตา กำลังก้าวฉับๆมายืนประจันหน้าโต๊ะทำงานของเธอ
เธอเองก็จ้องตาเขากลับ นัยน์ตามันฟ้องว่ามีเครื่องหมายคำถามซ่อนอยู่
‘คุณคือใคร?’
ในขณะที่เธอกำลังงุนงง ตั้งตัวไม่ติด ก็ได้คำตอบไขกระจ่างจากเสียงเรียกของพรฤดี
ผู้ชายตรงหน้าเธอเป็นใครกัน? ชื่อที่คุณพรฤดีเรียกถึงได้ตรงกับตำแหน่งในแฟ้ม
หญิงสาวขยี้ตาถี่ๆ แล้วหลับตาปี๋ ก่อนจะลืมตาขึ้น...
...ภาพที่เธอเห็นเมื่อสักครู่มันคืออะไรกันนะ...
มันแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน แต่เมื่อลุกขึ้นสำรวจตัวเอง ก็พบว่ายังคงอยู่ในชุดนอนบนเตียงนุ่มอุ่นที่ห้อง เอามือตบไปที่หมอนนอนหนุน มันก็ยังยุบไปตามรอยมือ
.............................................
สบันงาแอบหาวหวอดๆ เมื่อมือหนึ่งยกถ้วยกาแฟขึ้นซด
วันนี้เธอมาถึงออฟฟิศตั้งแต่ยังไม่ทันเจ็ดโมงเช้า เดินหาวมาตลอดทางตั้งแต่ชั้นล่าง
ตอนเลื่อนประตู เธอเหลือบมองตัวอักษรนูนหนาสีตะกั่วเงิน ที่ติดชิดฝาผนังอยู่เหนือประตูทางเข้า “บันลือรักษ์เหรอเนี่ย”
สบันงาพึ่งจะย้ายเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศแห่งนี้เพียงสามสัปดาห์ มันน่าแปลกที่เธอกลับไม่เคยสังเกตหรือว่าสะดุดหูซักนิดกับชื่อบริษัท เหมือนเธอจะลืมมันง่ายดายว่าเธอทำงานอยู่ที่บริษัทไหน
เธอจะไม่นึกแปลกใจเลย ถ้าบังเอิญชื่อบริษัทที่เธอทำอยู่ มันดันไปตรงกับนามสกุล
สบันงาวางถ้วยกาแฟลง เมื่อดื่มไปจนพร่องถ้วย กาแฟไม่ได้ช่วยให้เธอหายง่วงเลย
บรรยากาศภายในออฟฟิศยังคงเงียบเหงา ไม่มีผู้ร่วมงานคนไหนโผล่มาซักคน เพราะ
เธอจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน กะว่าจะแอบงีบสักประเดี๋ยว
เพียงแค่คิดว่าจะนอน ศีรษะมันก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา คล้ายแรงโน้มถ่วงของโลกมันดึงดูดให้หน้าเธอฟุบลงไปยังท่อนแขนที่วางพาดไว้บนโต๊ะไปก่อนหน้าแล้ว
ความง่วงงุนทำให้เธอหลับสนิท
เธอลืมตาขึ้นมาอีกที เมื่อมีเสียงเคาะโต๊ะเบาๆสองสามที
“นี่คุณ...กี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมมานอนเวลาทำงาน” เสียงคนพูดฟังแล้วน่าเกรงขาม
เมื่อสติยามตื่นกลับเข้าร่าง สบันงาพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ก็ต้องสะดุ้งโหยง สาบานได้
สายตาของผู้ปลุกกำลังดุแกมตำหนิ แต่มันก็ไม่น่าอับอายเท่ากับ สายตาของผู้คนในออฟฟิศที่ต่างจ้องมองเธอเป็นตาเดียว แถมบางคนยังแอบนินทาสนุกปาก
‘ไม่มีใครคิดจะปลุกชั้นเลยรึไงนะ มีแต่เพื่อนร่วมงานดีๆทั้งนั้น’ เธอนึกพาลไปยัง
“มันไม่ใช่เวลาที่คุณจะมามองหาคนผิด ที่ไม่มีใครปลุกคุณ” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย
“ล้างหน้าล้างตา แล้วเข้าไปพบผมในห้องทำงานด้วย” เขาพูดจบแล้วหมุนตัวกลับ
ห้องทำงานที่มีป้ายตำแหน่งติดผนังว่า ‘รองกรรมการผู้จัดการบริษัท’
เอ๊ะ! แล้วชายคนนั้นเดินเข้าห้องเจ้านายของเธอทำไม
เขาเป็นใครกัน...ไม่เห็นคุ้นหน้า...มาถึงก็ยืนปั้นหน้าดุตำหนิเธอ
“ไม่รีบตามเข้าไปในห้องล่ะ...น้องมิ้นท์”
พรฤดี เลขาฯสาวใหญ่ ผู้ที่ชอบทำตัวหวังดีกับผู้อื่น รีบเสนอหน้าบอกเธอ...แต่ก็นึกขอบคุณเธอที่ทำให้รู้ว่า ผู้ชายคนที่เธอกำลังตั้งคำถามว่าเขาเป็นใคร...มันกระจ่างขึ้น
“ทำหน้างงอย่างนี้ แปลว่าน้องมิ้นท์ยังไม่ทราบเรื่อง”
“เรื่องอะไรกันคะ พี่ฤดี” คิ้วเรียวยาวสองข้างหนีบเข้าชิดกัน
“ก็ผู้ชายที่เรียกน้องมิ้นท์เข้าไปพบในห้องน่ะสิคะ เป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัทคนใหม่ ที่มาแทนคุณประสิทธิ์ เจ้านายสายตรงของคุณมิ้นท์น่ะสิคะ”
“มาแทนคุณประสิทธิ์เหรอคะ” สบันงาทวนคำ
นี่เธอคงเป็นเลขาฯที่ไม่เอาถ่าน แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงเจ้านายอย่างกะทันหัน เธอกลับตกข่าวไปเสียดื้อๆ มันนับเป็นความบกพร่องในหน้าที่ด้วยรึเปล่า
“พี่ก็ไม่รู้นะว่าเรื่องมันเป็นยังไง” พรฤดีเอามือป้องปากทำเสียงกระซิบกระซาบ
“แต่แหล่งข่าวต้นตอที่น่าเชื่อถือได้ พึ่งส่งข้อมูลลับบอกพี่เมื่อเช้านี้เอง รู้แต่ว่าคุณ
พรฤดีสาธยายอย่างผู้หวังดีต่อ “น้องแก้มป่องคนสวยไงคะ” เธอบอกชื่อเมื่อเห็นหญิง
“แล้วไปเกี่ยวอะไรกับน้องแก้มล่ะพี่ฤดี” สบันงาทำหน้ายื่นเหมือนอยากรู้
“เดี๋ยวว่างตอนเที่ยง เราค่อยมาคุยกัน”
เรื่องของชาวบ้านชาวออฟฟิศ ไม่มีข้อมูลไหนที่เป็นความลับสำหรับพรฤดี จอมกระจายข่าว
“แล้วอีกเรื่องที่พี่ต้องพูด ก็คือ น้องมิ้นท์อย่าคิดว่าไม่มีใครมาปลุกน้องนะคะ...พี่ฤดี
สบันงาทำหน้าแหย ปั้นหน้าไม่ถูก...เธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้สำรวจเสื้อผ้าหน้าผม หยิบ
“เจ้านายชื่ออะไรคะ พี่ฤดี”
พรฤดีเอามือป้องปากก่อนจะเอ่ยชื่อชายคนนั้นเบาๆ
“คุณขาลค่ะ...ชื่อจริงชื่อเข้มขาล”
สบันงาทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินชื่อชายคนนั้น แม้มันจะเบามากเมื่อฟัง แต่มันกลับดังมากเมื่อชื่อนั้นมันไปตรงกับในฝันของเธออีกแล้ว
มันอะไรกันเนี่ย!
สบันงาผลักบานประตูห้องทำงานเข้าไป เดินค้อมศีรษะเข้าไปในห้อง ก็เห็นเขากำลังนั่งจ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว
เข้มขาลเป็นหนุ่มโสด หน้าตาค่อนข้างดี บุคลิกภูมิฐาน กระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อสบันงาค่ะ เรียกสั้นๆว่ามิ้นท์” เธอเริ่มแนะนำตัวก่อน
“เรื่องนั้นผมทราบแล้ว” น้ำเสียงเขายังคงราบเรียบ
“คุณทราบรึยังว่าผมจะมานั่งโต๊ะทำงานแทนคุณประสิทธิ์”
“พึ่งทราบค่ะ”
“พอดี...” สบันงาทำท่าจะพูดต่อ แต่เข้มขาลก็ขัดขึ้น
“พอดีผมมากะทันหันไปหน่อย คุณอาจจะตั้งตัวไม่ทัน...แต่ต่อไปนี้ ผมอาจจะต้องอาศัยการช่วยงานจากคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมิ้นท์มีปัญหาอะไรในการทำงาน หรือมีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับตัวผม ขอให้มาปรึกษาผมโดยตรง...ไม่ต้องไปสอบถามจากคนอื่น” พูดจบสายตาเขา
สบันงายิ้มรับประโยคคล้ายคำเตือนของเขา...แต่ยิ้มไม่ออก
ท้ายประโยคของเขาทำเอาสีหน้าเธอเจื่อนไปนิดหนึ่ง เมื่อเหลือบตามองหน้าตาเขายังคงนิ่งเหมือนเดิม ดังนั้นสบันงาจึงได้แต่พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ
เธอหอบแฟ้มเอกสารการเปิดตัวโครงการ ‘เมืองมหานคร’ โครงการใหม่ของบริษัทหนึ่งกองใหญ่ออกไปด้วย ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายคนใหม่
เมื่อเธอวางเอกสารทั้งกองไว้บนโต๊ะ พรฤดีก็รีบวิ่งปรู๊ด เหมือนมาตามข่าว
“เป็นยังไงบ้างคะน้องมิ้นท์”
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ” เธอยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่...พี่ได้ยินกิตติศัพท์มา ว่าคุณเข้มแกสุดเฮี้ยบเลยนะคะ ก่อนที่แกจะมานั่งคุมในตำแหน่งนี้ แกเป็นคนคุมบริษัท ‘บันลือกิจ’ บริษัทลูกในเครือของบริษัทนี้อีกทีล่ะค่ะ...อยู่ถัดไป
พรฤดีหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ “ที่สำคัญ หล่ออย่างเนี้ย แต่ยังเป็นโสดอยู่เลยนะน้องมิ้นท์...ข่าวนี้พึ่งส่งตรงมาถึงหูพี่เลย”
แล้วจะบอกเธอทำไม...ว่าเขายังเป็นโสด
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตอนพักทานข้าวกลางวันดีกว่าค่ะ พี่ฤดี”
สบันงารีบตัดบท เมื่อเห็นจ้านายหนุ่ม เปิดประตูโผล่หน้าออกมาจากห้อง
พรฤดีรีบเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“เดี๋ยวกลางวันคุณไปทานข้าวกับผมนะ ผมมีธุระจะคุยด้วย”
เข้มขาลมาหยุดยืนข้างโต๊ะทำงานของเธอ แล้วก็พูดคล้ายออกคำสั่ง พอพูดจบเขาก็
เข้มขาลทำตัวลีบเล็ก เพื่อจะหลีกทางให้ กิรดา เขาหันมามองสบันงาอีกครั้ง แล้วจึงย้ำ “คุณอย่าลืมนะ...เที่ยงตรง ผมชอบคนตรงต่อเวลา”
แล้วเขาก็หันไปจ้องหญิงสาวอีกคนที่มาใหม่...ในแวบเดียวของประกายตาชายหนุ่ม
กิรดา เหมือนได้กลิ่นโคโลญจน์ หรือน้ำหอมอะไรบางอย่าง ที่กรุ่นกลิ่นละมุน เย็น
กิรดาเผลอยืนมองตามหลังเขาไปโดยไม่รู้ตัว และก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆสบันงาที่กำลัง
“มีธุระอะไรกับพี่คะ น้องแก้ม”
“คะ...”
กิรดาตื่นจากภวังค์ก่อนจะยิ้มรับ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้สบันงา
“แก้มมีเรื่องจะปรึกษาพี่มิ้นท์ค่ะ”
สบันงายังคงประหลาดใจ ทั้งเรื่องของเข้มขาล ที่จู่ๆก็นึกครึ้มมาชวนเธอไปทานอาหารกลางวันโดยพูดชวนแกมบังคับ...เวลาพักเที่ยงก็น่าจะเป็นเวลาส่วนตัวของเธอไม่ใช่เหรอ...
...สงสัยเรื่องการนินทาชาวออฟฟิศ คงต้องพักไว้ก่อน...
แต่ถึงยังไง แม้พรฤดี จะไม่ได้คุยกับเธอ แต่เธอก็เชื่อว่าพรฤดีก็คงจะหาคนมาสุมหัว
แม้สบันงาจะไม่ใช่คนที่ชอบนินทาคนอื่นเหมือนพรฤดี แต่ชั่วโมงนี้มันมีคำถามซึ่ง
แต่เรื่องนั้นก็ยังไม่ปัจจุบันทันด่วน เท่ากับที่ตอนนี้ กิรดา สาวน้อยร่างเล็ก ไว้ผมยาวตรงประบ่า ตานั้นหยีเล็ก แก้มป่องสมกับชื่อ กำลังยิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน พลางเขย่าแขนเธออย่างเร่ง
“แล้วงานของพี่ล่ะคะน้องแก้ม” สบันงาแอบรั้งตัวไว้กับขอบโต๊ะ ทำท่ากึ่งลำบากใจ เผื่อกิรดาจะรับรู้ได้...แต่เปล่าเลย เธอยังคงกระเง้ากระงอดและทอดสายตาอ้อนวอน จนสบันงา
“แป๊บเดียวนะคะ น้องแก้ม เดี๋ยวพี่จะโดนเจ้านายบ่น”
สบันงาเดินตามกิรดาไปโดยง่าย
พ้นประตูหน้าบริษัท บริเวณมุมอับที่มีชุดโซฟาวางไว้ริมหน้าต่างทางโค้งลงบันได
“มีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่ก็พูดมาเลยค่ะ น้องแก้ม”
จริงๆแล้วตั้งแต่สบันงา เริ่มงานที่นี่ เธอก็ไม่รู้ตัวว่าสนิทสนมกับกิรดาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่คงไม่มีใครล่วงรู้ ว่าวันข้างหน้าเธอสองคนจะไม่มองหน้ากัน...
“แก้มไม่รู้จะไปปรึกษาใคร...มองเห็นแต่พี่มิ้นท์คนเดียว”
สบันงากำลังคิดว่าปัญหาของเด็กสาววัยรุ่น ที่พึ่งจบปริญญาตรีหมาดๆ หน้าตาจิ้มลิ้มอย่างกิรดา จะมีอะไรมากไปกว่าเรื่องของแฟน
แล้วมันก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเรื่องที่เธอมาขอคำปรึกษา เป็นเรื่องของผู้ชาย...ผู้ชาย
...คุณประสิทธิ์ ที่พึ่งถูกเชิญออก...
สบันงาไม่อยากจะเชื่อว่าข่าวจากสายตรงที่พรฤดี หมายมั่นข้อมูลมานั้นมันจะเป็นเรื่องจริง...ฉะนั้นปัญหาคาใจในเรื่องที่เธอต้องการถามจากพรฤดี ก็เป็นอันว่า เธอได้รับคำตอบจากปากของผู้ถูกนินทาแล้วหนึ่งข้อ
แต่ก็ยังเหลือคำถามอีกหลายข้อรอไขความกระจ่าง...
“แล้วแก้มจะให้พี่ช่วยยังไงล่ะ” สบันงาพลอยมีสีหน้าวิตกกังวลใจไปด้วย เมื่อได้รู้ความเป็นไปเป็นมาในการออกกะทันหันของเจ้านายเก่า
แล้วเธอก็ต้องถลึงตาใส่สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มทันที ที่ได้ยินสิ่งที่กิรดากำลังขอร้อง
“แก้มไม่อยากให้คุณประสิทธิ์เข้ามาวอแวกับแก้มอีก” เธอนิ่งและก้มหน้าอย่างขวยเขิน ก่อนจะพูดต่อ “แก้มคิดว่า...แก้มจะต้องมีใครซักคน มาเป็นแฟนแก้ม...คุณประสิทธิ์เค้าจะได้
เธอนิ่งฟังแล้วก็แอบลุ้นว่าสิ่งที่กิรดาคิดนั้นก็เข้าท่าดี ถ้าไม่บังเอิญได้ยินชื่อของผู้ชาย
“แก้มคิดว่าคงไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นผู้ชายคนนั้นเท่ากับ...”
แล้วกิรดาก็ยิ้มหวาน มันหวานซะจนสบันงาเริ่มหวั่นหวาด
“แก้มชอบคุณเข้มขาลค่ะ...อยากให้พี่มิ้นท์ช่วยเป็นแม่สื่อให้หน่อย”
นั่นไง...ชื่อที่เธอไม่อยากได้ยิน
ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ที่ได้หนังสือกลเม็ดบ้าบอคอแตก มาจากตลาดนัดจตุจักร ชื่อของเข้มขาลก็มาปรากฏทั้งในมโนภาพ ทั้งในฝัน ทั้งในความเป็นจริง เหมือนมันคอยวนเวียนตามหลอกหลอนเธอทั้งวัน
แล้วไหนจะมื้อเที่ยงนี้อีกล่ะ...
เธอนึกรำคาญชื่อของนายเข้มขาลนี้จับใจ
...........................................
ความคิดเห็น