ตอนที่ 16 : TIME 2 LOVE :: P14** 100%
T I M E 2 L O V E
-14-
10.45 นาฬิกา เวลาโดยประมาณ
วันนี้คีย์ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเนื่องจากรายงานของอาจารย์คังอินที่เพิ่งจะเริ่มทำยังคงไม่เสร็จเรียบร้อยดี มือเรียวบรรจงเขียนข้อความลงในสมุดรายงานเล่มใหญ่ บนโต๊ะมีทั่งหนังสือพิมพ์ที่ใช้อ้างอิง และโน๊ตบุ๊คเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม อีกสองวันก็จะถึงกำหนดส่งแล้วเขาเองยังคงทำได้ไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ~”
ถอนหายใจก่อนจะวางมือจากปากกาเล่มเล็ก บีบไหล่ของตัวเองแล้วหมุนคอเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตั้งแต่เช้ายังคงเอาแต่นั่งเขียนมันอยู่อย่างนั้นจนเวลาก็ล่วงเลยมาช่วงสายของวัน ถ้าใช้คอมทำปานนี้คงเสร็จไปนานแล้ว อาจารย์คังอินจะมานึกคึกอะไรให้นักศึกษาต้องมาปวดเมื่อยกับการเขียนรายงายที่มีกำหนดส่งแค่อาทิตย์เดียวเนี่ย
ตาเรียวสวยหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง อีกไม่กี่นาทีก็จะ 11 โมงแล้ว มินโฮยังคงไม่ออกมาจากห้องของตัวเองแม้แต่น้อย ร่างบางลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของมินโฮที่อยู่ใกล้ๆ
แกรก
คีย์ปิดลูกบิดประตูก่อนที่จะชะโงกหัวของตัวเองเข้าไป มินโฮยังคงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงโดยใส่แค่กางเกงวอร์มขายาวสีเทาแค่ตัวเดียว
“มินโฮ สายแล้วนะ ไม่ไปม. หรือไง” เสียงหวานเอ่ยถามอยู่หน้าประตูห้อง แต่กลับไม่มีท่าทีที่มินโฮจะลุกหรือตอบสนองคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“มินโฮ มินโฮ!” เรียกเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมและก็ได้ผล มินโฮขยับก่อนจะดึงผ้าห่มมาปิดหูของตัวเอง
คีย์เปิดประตูให้กว้างขึ้นพอที่เข้าจะเดินเข้าไปหาร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงได้ ห้องนอนของมินโฮค่อนข้างโล่งมีตุ๊กตาไม่กี่ตัวซึ่งแตกต่างจากห้องของคีย์ที่มันเต็มไปด้วยตุ๊กตาและของฝากจากแฟนคลับ ซึ่งจริงๆ แล้วมินโฮเคยบอกเขาว่ามันคือห้องเก็บของนั้นแหละ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ไหน
คีย์หย่อนก้นตัวเองลงบนเตียงก่อนที่จะเขย่าไหล่หนาเบาๆ เป็นการปลุก พร้อมกับพยายามดึงผ้าห่มที่ปิดหัวคนตัวโตกว่าออกมา
“มินโฮตื่น มันจะเที่ยงแล้วนะ ไม่หิวหรือไง”
“อือ~”
ครางเสียงยานเป็นการตอบแทนจนคีย์นึกหงุดหงิดไปอดหลับอดนอนมาจากไหนงานก็ไม่มี แล้วยังจะตื่นสายอีก ดวงตาเรียวสวยมองสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ของมินโฮขึ้นมาดูก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากโปรแกรมแชทที่เพิ่มขึ้นจากข้อความของสาวๆ ในสต็อกของตัวเอง มือบางทิ้งโทรศัพท์ลงข้างตัวอย่างไม่ใยดีแทบจะเรียกว่าโยนเลยด้วยซ้ำยังดีที่มันอยู่บนเตียงไม่ใช่พื้น
ใบหน้าหวานยังคงมองสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง พลันไปสะดุดกับสมุดรายงานเล่มใหญ่ที่เปิดค้างหน้าเอาไว้อยู่ด้านหลังของร่างสูงซึ่งนอนทับมันอยู่ คีย์ยืดตัวขึ้นเอียวไปด้านหลังของมินโฮพยายามที่จะดึงมันออกมาแต่ก็ติดอยู่ที่ว่าร่างสูงนอนทับมัน
“นี่มินโฮ นายขยับตัวหน่อยได้ไหม” ถึงจะบอกให้ขยับแต่คนที่นอนอยู่ก็นิ่งเหมือนเคย จนยกขาข้างนึงก้าวค่อมร่างสูงเอาไว้และออกแรงดึงเต็มที่จน….
“เฮ้ย!!!”
ตุ๊บ!!
โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ๆ มินโฮก็ลุกพรวดขึ้นมาจนคีย์แทบจะหงายหลังตกเตียง โชคดีที่มินโฮรั่งเอาไว้ทันคีย์โอบรอบคอของมินโฮเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะตกเตียง และตอนนี้ยังอยู่ในท่าล่อแหลมโดยที่มีคีย์นั่งค่อมตัวของมินโฮอยู่บนเตียงอีก
“ทำอะไรของนาย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ทรงผมฟูๆ หลังตื่นนอน แถมกล้ามหน้าท้องที่ชนกันอยู่ตอนนี้
“!!!”
ดูดีเป็นบ้า
มือบางผละออกจากอ้อมแขนอย่างตกใจแต่มินโฮยังคงไม่ปล่อยเอวบางที่จับอยู่ ตาสวยมองสำรวจรูปหน้าของมินโฮก่อนที่จะไล่ลงเรื่อยลงมา หน้าอกแกร่ง และหน้าท้องที่มีก้อนเนื้อเรียงกันหกลูกสมกับเป็นผู้ชายแข็งแรงอย่างที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง
“เงียบทำไม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงเข้มเข้ามาในโสทประสาทอีกครั้งเรียกสติของคนบนตัก คีย์ละสายตาออกจากซิกแพกขึ้นมามองหน้าคมเข้มของมินโฮแทน
“ปะ เปล่า” อยู่ๆ ไอ้คำที่เคยคิดจะด่ามันก็หายไปเหลือแต่ไอ้อาการคุมคลั่งอยู่ในอกนี้แหละ ใครจะไปรู้ว่าคีย์น่ะแพ้ผู้ชายมีซิกแพกแน่นๆ กล้ามเน้นๆ แถมตอนนี้ยังนั่งค่อมไอ้ผู้ชายที่ไม่คิดว่าจะดูดีนอกจากหน้าตาอย่างมินโฮ
“เป็นอะไร หน้านายแดงๆ นะ” ร่างสูงเอ่ยถามก่อนจะจับเอวคีย์เอาไว้แน่น อีกมือก็เสยผมหน้าม้าที่ปิดลงมาขึ้นไป มือหนาเชิดหน้าคนหน้าหวานมองสำรวจไปมาก่อนที่จะบีบแก้มนิ่มๆ อย่างหมั่นเคียว ซึ่งมันตรงข้ามกับคีย์ที่เอาแต่มองมินโฮนิ่งผิดแปลกไปจากเดิมทั่งที่ควรจะต่อว่าหรือไม่ก็คงตีร่างสูงไปแล้ว
“นี่ ไม่สบายจริงๆ ใช่ไหม” มือหนากุมแก้มทั่งสองข้างเอาไว้ มินโฮขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งตัวก็ไม่ได้ร้อนทำไมหน้าถึงได้แดงขนาดนี้
“ปะ…เปล่า ฉันสบายดี” ตอบเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับปัดมือทั่งสองข้างของมินโฮออก ดันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนแต่มินโฮกลับดึงให้คีย์กลับมานั่งอยู่ในท่าเดิม
“นี่มินโฮ!”
“หืม….” สายตาเจ้าเล่ห์มองคนร่างบางที่นั่งอยู่บนตักอย่างนึกสนุก มือบางยกขึ้นมาจับหน้าตัวเองก่อนจะสำรวจทั่งร่างกายว่ามันมีอะไรผิดปกติมินโฮถึงได้ใช่สายตามองอย่างกับทะลุเสื้อยืดเขาไปไหนต่อไหนแบบนี้
“มะ…มองอะไร”
“ชอบใช่ปะ”
“!!!”
“ชอบอะดิ หน้าแดงขนาดนี้” หยักคิ้วมองร่างบางอย่างรู้ทัน เขาผ่านผู้หญิงมาเยอะแล้ว อาการแบบนี้ดูแปปเดียวก็รู้ว่ามันคืออะไรและมันก็พอจะเดาได้ไม่อยาก คีย์เองก็ไม่เคยมีคนรักเวลามานั่งในท่าแบบที่ไม่สมควรแบบนี้มันก็ดูจะทำให้คนหน้าหวานเกิดอาการเขินอายกันบ้างละ ไหนจะสายตาที่มองกล้ามเนื้อของเขาอย่างเปิดเผยแบบนั้น ดูท่าแล้วคงไม่เคยรู้ตัวเลยซินะว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันดูออกง่ายเกินไป
“ไร้สาระ”
จุ๊ป
“นี่!!!”
พยายามดันร่างของคนตัวใหญ่กว่าออกแต่ก็ถูกจับมือเอาไว้ดึงไปด้านหลังเป็นผลให้หน้าของคีย์เข้าไปโดนคนที่ตั้งใจจะแกล้งอยู่แล้วอย่างมินโฮจุ๊ปเข้าให้ที่มุมปาก
“มอนิ่งคิส”
จุ๊ป
ก่อนจะโดนด่าก็บอกจุดประสงค์ของจูบไปก่อนและจบด้วยการแกล้งกดมุมปากลงไปอีกครั้งของอีกข้าง มอนิ่งคิสตอนจะเที่ยงเนี่ยนะ!!??
“มินโฮ!”
ฟุบ
“อาบน้ำดีกว่า”
ยักคิ้วให้อีกรอบเมื่อจับร่างบางกดลงบนเตียงนุ่ม ยกยิ้มเจ้าเล่ห์และจบด้วยการปล่อยให้คีย์นอนมองร่างสูงหยิบผ้าขนหนูเดินผิวปากอารมณ์ดีเดินออกจากห้องไป
หืม ไอ้ก้านยาว อย่าให้ถึงตาเขาบ้างก็แล้วกัน
อย่างคีย์ตอนนี้ก็คงทำได้แต่เหวี่ยงกับที่นอนพร้อมปาหมอนตามหลังร่างสูงที่เดินออกไปแล้ว แล้วทำไมต้องมาใจสั่นหน้าแดงเพราะกล้ามเนื้อของผู้ชายเจ้าเล่ห์กวนประสาทอย่างมินโฮด้วยวะ แล้วก็ดันเผลอรู้สึกดีกับจูบสั้นๆ เมื่อกี้ทั่งที่ไม่เคยเนี่ยนะ
ดูท่าจะบ้าผู้ชายอย่างที่จงฮยอนมันเคยบอกจริงๆ นั้นแหละ
หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับที่นอนเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องนอนของนายแบบเบอร์หนึ่ง เดินตรงไปยังห้องครัวที่มีอาหารที่เขาทำไว้ตั้งแต่เช้าซึ่งตอนนี้มันก็เย็นหมดแล้ว มือเรียวจัดการหยิบกับข้าวที่ทำไว้อุ่นในไมโครเวฟให้เรียบร้อยรอผู้ชายอารมณ์ดีออกมาจากห้องน้ำเพื่อที่จะได้กินและไปเรียนได้เลย ซึ่งมันก็เริ่มเข้าทีเข้าทางมากขึ้นหลังจากที่คีย์เริ่มย้ายเข้ามาอยู่กับมินโฮเกือบสองอาทิตย์แล้ว
“นี่มินโฮ กับข้าวเสร็จแล้วนะ”
เสียงหวานตะโกนเรียกคนในห้องน้ำที่หายเข้าไปนานไม่ยอมออกมาซักที คีย์จัดกับข้าวและถ้วยข้าวทั่งของตัวเองและมินโฮรอ ก่อนจะหันกลับมานั่งลงบนพื้นหน้าโซฟาที่ยังคงทำรายงานค้างไว้อยู่
แกร็ก
เสียงปลดล็อกประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำสายตาที่ตอนแรกจับจ้องอยู่บนสมุดรายงานก็ผลุดมองขึ้นคนที่ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันร่างกายท่อนล่างเอาไว้เช็ดหัวด้วยมือเดียวก่อนที่จะหันกลับมามองคนที่นั่งรอกินข้าวอยู่หน้าโซฟา สายตาที่เคยมองร่างกายล่ำนั้นอยู่ก็แทบจะหาพื้นที่มองด้านหลังไม่ให้จับผิดไม่ทัน
ก็แผงอกเปียกน้ำกับซิกแพคก์สมบูรณ์นั้นมันล่อตาคีย์มากเลยนี่นา
“นะ นี่ มินโฮ ออกมาก็เช็ดเท้าด้วย ฉันขี้เกียจมาตามเช็ดให้นายทีหลังนะ” เสียงตะกุกกะกักบอกคนที่เดินยิ้มมาจนถึงโซฟาที่ตัวเองนั่งอยู่ ร่างสูงหันไปมองตามทางที่ตัวเองเดินมาเห็นแค่หยดน้ำเล็กๆ ที่ถ้าปล่อยมันไว้มันก็คงจะระเหยตามอากาศไปนั้นแหละ สายตาคมก็หันกลับมามองหน้าคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ดูก็รู้ว่าตอนนี้คีย์กำลังเขิน…
ฟุบ
“ทำอะไรอยู่”
มินโฮนั่งลงด้านหลังโซฟาที่คีย์ใช้เป็นที่พิงแทนที่จะขึ้นมานั่งดีๆ แต่กลับนั่งทำงานอยู่กับพื้น ใบหน้าคมเข้มก้มลงมามองรายงานที่คีย์กำลังทำอยู่ น้ำหยดเล็กติดมากับเส้นผมที่ยังแห้งไม่สนิทหยดลงบนไหล่แคบ ตอนนี้คีย์แทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานเลยก็ว่าได้
หัวใจดวงน้อยๆ กำลังจดจ่ออยู่กับคนด้านหลังที่เอาหน้ามาเกยไหล่ของตัวเองไว้ ตาเรียวมองด้านข้างใบหน้าได้รูปจนหัวใจแทบจะตีออกมาเป็นกลองสามช่าก็ว่าได้ ทั่งที่อาการแบบนี้จะเกิดก็แค่ตอนที่ได้เจอพี่จินกิที่มหาลัย แต่วันนี้มันกลับรุนแรงขึ้นมาสามเท่าจากของเดิมทั่งที่คนตรงหน้าก็เป็นแค่มินโฮคนเดิมที่ชอบเอาตัวมาตีเนียนจับโน้นจับนี้ แล้วสุดท้ายเขาก็ลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายไปอย่างปกติ แต่วันนี้กลับทำได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้คนที่เปลี่ยนท่าจากนั่งบนโซฟามานั่งซ้อนด้านหลังตัวเองกอดเอาไว้เฉยๆ แทน
“ทำไมถึงได้เขียนเอาละ อาจารย์ไม่ให้ใช้คอมฯ ทำหรอ?”
“อ…อืม”
โอ๊ย คิบอมใจเย็นๆ ไอ้เสื้อด้านหลังที่มันชื้นอยู่เนี่ยสัมผัสได้ถึงอุณภูมิของมินโฮที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ได้เลยละ ไหนจะกลิ่นตัวของร่างสูงที่ให้ความสดชื่นเมื่อสูดเข้าปอดนี้อีก มันกำลังทำให้คิมคิบอมคนนี้ไม่เป็นตัวเองเอาซะเลย
“นะ…นายออกไปห่างๆ ฉันหน่อยได้ไหม”
“ทำไมอะ รู้นะว่าชอบ” สิ้นเสียงก็ยักคิ้วให้มาหนึ่งทีพร้อมยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน แล้วอาการหน้าแดงที่เห็นไม่ได้บ่อยนักของคีย์ก็ทำให้ตาคมคู่ตรงหน้าพอใจเป็นอย่างมาก
“ปะ เปล่าซักหน่อยออกไปจากตัวฉันนะเว้ย” จากเสียงเบาหวิวเปลี่ยนโทนเป็นขึ้นเสียงสูงทันทีเมื่อโดนจับได้พร้อมกับพยายามผลักร่างของคนที่กอดร่างกายของตัวเองออกแก้เขิน
แล้วทำไมหัวใจดวงน้อยๆ มันถึงได้เต้นแรงขนาดนี้วะคิบอม ไอ้คนลามก
“โอ๊ย ไม่ปล่อย ทำไมชอบใช้กำลังอยู่เลย”
“จะปล่อยไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
ใบหน้าและน้ำเสียงทะเล้นตอบกลับมาอย่างคนที่เหนือกว่า ร่างบางพยายามดันคนที่กอดด้านหลังออกจากตัวของตัวเองก่อนจะใช้ศอกแหลมๆ กระทุ้งเข้าที่หน้าท้องแข็งแกร่งนั้นจนมินโฮถึงกับง้อตัวเป็นกุ้งล้มลงไปนอนกับพื้น
“โอ๊ย~”
“สมน้ำหน้า”
เยาะเย้ยเสร็จก็ลุกขึ้นหนีจากการเกาะกุมของร่างสูงที่นอนกุมท้องตัวเองอยู่กับพื้น มินโฮยังนอนกดมือไปยังแผลที่คีย์เป็นคนสร้างขึ้นมาและคีย์เองก็คิดว่าเขาไม่ได้ออกแรงเยอะซะจนทำให้มินโฮเจ็บหนัก….
หรือเมื่อกี้จะใส่แรงเยอะไป? ไม่นะ เขาไม่ได้ตั้งใจ
“มินโฮ ลุกขึ้นได้แล้วอย่ามาสำออยไปหน่อยเลยน่า” ใบหน้าหวานมองดูคนที่นิ่งไปแล้วแต่ยังคงกุมหน้าท้องของตัวเองอยู่อย่างไม่สบายใจ
ก็ใครใช้ให้มันมากวนตีนเขาก่อนเล่า
“มะ…มินโฮ”
เสียงหวานอ่อนลงก่อนที่จะคุกเข่าลงอยู่ปปลายเท้าของร่างสูง มือบางเอื้อมเข้าไปจับแขนแกร่งออกมาเพื่อที่จะได้ดูรอยช้ำได้ถนัดแต่มินโฮกลับเกร็งไม่ให้เปิดออกมา
“เจ็บมากไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ใบหน้าสวยแสดงออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ใส่แรงเยอะเกินไปหน่อย มือบางแกะมือของมินโฮออกอีกครั้งและครั้งนี้มินโฮก็ผ่อนแรงเผยให้เห็นรอยแดงเล็กอยู่บนซิกแพกของตัวเอง ตาหวานมองรอยนั้นก่อนจะแตะลงไปที่มันอย่างเบามือ
ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของมินโฮ มือเรียวนั้นลูบรอยแดงหวังว่าจะให้ร่างสูงหายเจ็บจากการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของตัวเอง มินโฮชันตัวเองขึ้นพร้อมกับสายตาของคีย์ที่มองมาที่เขา แสดงออกมาว่าขอโทษโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดออกมา มินโฮก็เข้าใจได้ในทันทีเพราะคิ้วของคีย์มันกำลังขมวดเป็นปมอย่างรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง
มือหนาจับมือของอีกคนที่อยู่บนหน้าท้องของตัวเอง ดวงตาคมจับจ้องไปยังดวงตาเรียวสวยสื่อออกไปว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก อันที่จริงมันก็แค่กลอุบายเรียกร้องความสนใจจากคนตรงหน้ามากกว่าจะเป็นเรื่องจริงซะอีก
ลมหายใจของทั่งคู่อยู่ในระยะปะชิดจนรู้สึกถึงกันและกันได้ มือเรียวถูกวางทาบทับกับด้านซ้ายของหน้าอกกำยำของร่างสูงจนสัมผัสได้ถึงการเต้นของของหัวใจที่มันไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย มินโฮเอียงหน้าสี่สิบห้าองศาโน้มลงไปสัมผัสกับริมฝีปากบางของคีย์ที่เม้มเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกเกร็ง
สัมผัสนุ่มๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังทำให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นไม่ผิดไปจากของมินโฮเลยด้วยซ้ำ คีย์กำลังรู้สึกดีกับจูบที่มินโฮกำลังมอบให้ ถึงแม้จะเป็นจูบธรรมดาที่ไม่มีการลุกล้ำเข้ามาเหมือนอย่างที่เคยเป็นและมันก็เป็นครั้งแรกที่คีย์ยอมให้คนตรงหน้าจูบเขาอย่างเต็มใจถึงแม้จะรู้สึกประหม่ากับจูบครั้งนี้ มือที่จับอกด้านซ้ายของมินโฮกำเข้าหนากันแน่น
มินโฮผละออกจากริมฝีปากสีชมพูระเรื่อมองคนหน้าแดงนั่งตัวเกร็ง สายตาก็จับจ้องมาที่เขาอย่างอึ้งๆ กับการกระทำของตัวเอง ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าทะเล้นแทบจะในทันที
“ถ้ารู้ว่าชอบแบบนี้ ถอดเสื้อให้ดูไปตั้งนานและ จุ๊ป!” คำพูดกวนเบื้องล่างพร้อมกับส่งจุ๊ปเบาๆ อีกครั้งให้คนนั่งตัวเกร็งที่ยังไม่ได้สติ ยักคิ้วให้ไปสองทีก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าของตัวเองเดินผิวปากเข้าห้องของตัวเองอย่างสบายใจ
“อะ…ไอ้มินโฮ!!!!!”
ปัง!!!
เสียงกว่าห้าร้อยเดซิเบลตะโกนออกมาเมื่อตั้งสติได้ คีย์พลาดไปแล้ว พลาดไปกับแผงอกล่ำๆ ซิกแพกแน่นๆ ของนายแบบดัง แถมยังจับจุดอ่อนของเขาได้อีกทั่งที่อยู่กันมาตั้งนานแล้วทำไม่มาพลาดท่าเอาตอนอาทิตย์ที่สามแบบนี้ได้?
ไม่ๆ คิบอมจะเลิกชอบผู้ชายที่มีบอดี้ฮอตเป็นอาวุธแล้ว >//<
T I M E 2 L O V E
เมื่อวิชาเดียวของวันสิ้นสุดลง สองเท้าหนาก็ย่างก้าวเข้ามาในเทียร์เตอร์ขนาดใหญ่ของมหาลัยที่มีเอาไว้สำหรับใช้ในวันสำคัญต่างๆ มินโฮเดินลงไปยังหน้าเวทีที่มีกลุ่มคนอยู่ปะปลายกำลังซ้อมถึงคิวของตัวละครที่จะซ้อมของวันนี้
มินโฮส่งยิ้มให้กับทุกคนรอบๆ เหมือนปกติทุกครั้งเวลาที่เขาทำงานไม่ว่าจะนอกสถานที่หรือในสตูดิโอก็ตามมันเป็นเอกลักษณ์ของเขาและมันก็เป็นสิ่งนึงที่ดึงดูดคนรอบข้างให้เข้าหาเขาได้อย่างง่ายได้ นิสัยที่เข้ากับคนง่ายและทำงานอย่างไม่ถือตัว ยกเว้นก็แค่งานที่โชว์รูปร่างเท่านั้นที่เขาไม่รับเด็ดขาดเพราะมันเป็นอะไรที่ดูน่าขยะแขยงเวลาที่เห็นกล้ามของตัวเองอยู่บนหน้าปกหนังสือถึงต่อให้เป็นบริษัทนิตยสารดังๆ เขาก็ขอบายแค่เห็นของเพื่อนตัวเองถ่ายแบบโฆษณากางเกงชั้นในดูแล้วเขายังเอียนเลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมทั่งที่เห็นกันตามงานปกติ เปลี่ยนเสื้อผ้ามันก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้นก็ตาม แต่พอมาอยู่บนปกหนังสือแล้วมัน……
ช่างมันเถอะ อาจจะเป็นเพราะช่างภาพคงแต่งรูปเยอะเกินไปซะจนเกินจริงมันถึงทำให้เขารับตัวเองในรูปเปื่อยท่อนบนไม่ค่อยจะได้ แต่มันก็แปลกสำหรับผู้หญิงหลายๆ คน ที่โหวตให้เขาเป็นหนุ่มที่มีบอดี้น่าสัมผัสที่สุดแค่เพราะถ่ายแบบชุดหน้าร้อนแล้วถกเสื้อยืดขึ้นให้เห็นซิกแพกแม้แต่สาวเทียมก็ยังหวั่นไหวแค่นั้น
“อ้าว มาแล้วเหรอ”
“สวัสดีครับอาจารย์”
มินโฮโค้งหัวทักทายเล็กน้อยตามมารยาทให้กับอาจารย์คลาสการแสดง อาจารย์แทกวังคืออาจารย์ที่มาอ้อนวอนของให้เขามาช่วยเล่นเป็นบทพระรองในละครเวทีของมหาลัยที่เป็นส่วนหนึ่งของงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า มันคือซีรีย์เรื่อง THE HEIRS ที่ฮิตมากเมื่อหลายปีก่อนและตอนนี้มันก็ถูกเอามาเล่นเป็นละครเวทีและสำหรับผมมันยากมาก
ละครเวทีมันเป็นความท้าทายสำหรับอาชีพนายแบบอย่างมินโฮ แน่นอนว่าเขาเองชินกับเวทีมาเยอะแต่ครั้งนี้มันต่างกันเวทีที่เคยยืนเขาทำแค่เดินผ่านไปมาเพื่อโชว์เสื้อผ้าหรือสินค้าตามที่แบรนด์ต้องการเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันคือเวทีที่มันจะเข้ามามีบทบาทมากกว่าครั้งไหนๆ มินโฮไม่เคยแสดงละคร เขาไม่เคยร้องเพลง และเขาก็ไม่ถนัดด้านการแสดงซักเท่าไหร่ถึงแม้จะมีโฆษณาหลายตัวแต่กว่ามันจะออกมาดีได้มันก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าครั้งนี้เขาพลาดนั้นก็หมายถึงชื่อเสียงของเขาเองเช่นกัน
“ไม่เปลี่ยนใจอยากเล่นเป็นพระเอกหรอ ครูว่ามันเหมาะกับเธอนะ” อาจารย์สาวสวยยังคงถามถึงความตั้งใจของตัวเอง ครั้งแรกที่เธอเดินเข้าไปขอให้มินโฮช่วยนั้นเพราะนักศึกษาที่เล่นเป็นพระเอกเกิดอุบัติเหตุกระทันหันทำให้ต้องเปลี่ยนตัว แต่ร่างสูงกลับปฏิเสธเสียงแข็งกว่าจะให้มาช่วยได้ก็เสียเหงื่อไปยกใหญ่เลยละ
“ไม่ครับ บทนี้ดีกว่า” มินโฮยังคงยืนยันกับคำตอบเดิม เพราะเขาคงไม่กล้าที่จะรับบทใหญ่ขนาดนั้นและเขาเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองจะเล่นมันออกมาดี เท่าที่อ่านบทของยองโดก็ไม่ต้องจำอะไรมาก บางช่วงก็ไม่ได้ยาวจนเกินไปเมื่อเทียบกับบทของคิมทันแล้ว
“จ๊ะ อ่านบทมาแล้วใช่ไหมครูจะต่อจากเมื่อวานแลยนะ”
“ครับ”
มินโฮวางสัมพาระของตัวเองด้านข้างเวทีและเดินขึ้นไปด้านบนที่มีคนอยู่สองคนกำลังซ้อมบทกันอยู่ ซูจีคือนางเอกของเรื่องส่วนพระเอกได้ยินมาว่าเป็นเดือนคณะปีสองที่เขาเองก็ไม่รู้จักแต่หน้าตาถือว่าดูดีมากๆเหมือนกัน
เมื่อเวลาของการฝึกซ้อมสิ้นสุดลงต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อที่เก็บแรงเอาไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ มินโฮเดินมายังแลมโบกินีของตัวเองโยนกระเป๋าไปยังเบาะอีกฝั่ง และทิ้งตัวเองบนเบาะคนขับนั่งถอนหายใจกับงานของตัวเองในวันนี้มันช่างเหนื่อยยิ่งกว่างานประจำของเขาซะอีก กว่าจะเล่นผ่านได้ไปแต่ละฉากได้เขานี้ไม่เอาด้านนี้จริงๆ
“เฮ้อ~”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกรถเสียงสติให้คนที่นอนเอนตัวอยู่ลืมตามองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก มินโฮลดกระจกลงเมื่อเห็นว่าเป็นซูจี
“มินโฮขอโทษที่รบกวนนายพอจะว่างไหม?”
“ทำไมเหรอ”
“พอดีฉันไม่ได้เอารถมาขอติดรถนายไปด้วยได้ไหม?” คำถามมาพร้อมกับมือเรียวสวยลูบไปตามต้นแขนที่โผล่ออกมานอกกระจก สายตาหวานเหยิ้มมองร่างสูงอย่างคาดหวังกับคำตอบและมันก็ใช่ได้ผล
“ได้ซิ”
เมื่อคำตอบเป็นไปตามที่หวัง ร่างของหญิงสาวก็เดินอ้อมมาขึ้นรถโดยที่มินโฮเปิดประตูให้ มินโฮไม่ได้ปฎิเสธคำพูดนั้นเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าระหว่างเขากับซูจีมันเป็นเพียงแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นและดูท่าคืนนี้มันคงจะอีกยาวไกล
“ช่วงนี้นายไม่ติดต่อมาหากันเลยนะ” เมื่อรถออกตัวหญิงสาวก็เปลี่ยนท่านั่งเป็นหันมามองคนขับรถพร้อมกับแขนเล็กเอื้อมมาลูบใบหน้าคมเข้มของคนขับ
“เซ็นสัญญาใหม่น่ะ ก็เลยยุ่งๆนิดหน่อย”
“ได้ข่าวมาว่าเป็นบริษัทเล็กๆ เองนี่ น่าแปลกนะที่นายแบบดังแบบนายจะย้ายไปอยู่ค่ายเล็กๆ แบบนั้น” ปากกก็เอ่ยพูดไปตามเรื่องแต่มือเรียวก็ยังคงทำหน้าทีลูบไล้ไปตามร่างกายของร่าสูงไม่หยุด
“ก็แค่ข้อเสนอน่าสนใจอีกอย่างจะค่ายเล็กค่ายใหญ่มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่” พูดไปขับรถไปอีกมือนึงจับมือของหญิงสาวที่เลือนลงมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองให้หยุดลง
“สนใจข้อเสนอ หรือว่า….สนใจอย่างอื่นกันแน่”
“ฮึ ถึงคอนโดแล้วคนสวย” เมื่อถึงที่หมายมินโฮเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะจับมือเรียวขึ้นมากดจูบบนหลังมือนุ่มพร้อมกับสายตาที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็แพ้ทั่งนั้น
“ไม่สนใจขึ้นไปหน่อยเหรอ? ฉันคิดถึงนายมากนะ” สายตาเว้าวอนมองชายหนุ่มพร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปใกล้ประทับริมฝีปากลงข้างแก้มจนเกิดเป็นรอยลิปติกสีแดง สายตาคมมองการกระทำทุกอย่างของหญิงสาวก่อนที่มุมปากจะยกขึ้น พร้อมกับที่แรงดึงดูดจะดึงให้ทั่งคู่เข้าหากันด้วยการนัวเนียอยู่บนรถแคบๆ ลิ้นแลกลิ้นกันไม่หยุดเหมือนเป็นการโหยหาที่ต่างคนต่างก็ห่างหายกันไปนานทั่งคู่ เรื่องที่มันมักจะเกิดขึ้นบ่อยจนแทบจะเป็นกิจกรรมหนึ่งในชีวิต ก่อนที่สาวร่างบางจะย้ายตัวเองขึ้นมานั่งทับคนขับโดยที่ปากยังไม่ละออกจากกันไปไหน
กิจกรรมยังคงดำเนินต่อไปบนที่แคบ ลุ่มหลงกับอารมณ์ร้อนที่แผดเผาร่างกายไม่ขาดหาย มินโฮคงจะลืมคิดไปว่ายังมีคนรอเขาอยู่คอนโดหรูอีกแห่งใกล้ๆ คนที่กำลังนับเวลารอคอยให้กลับบ้านอย่างเป็นห่วงเผื่อว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงอะไรแต่กลับไม่มีวี่แววว่าคนที่รอจะกลับมาหรือโทรศัพท์มาบอกแม้แต่นิดเดียว
นาฬิกาบ่งบอกเวลาเที่ยงคืน มินโฮเปิดประตูคอนโดเข้ามาในห้องเหมือนอย่างเคย ไฟยังคงสว่างอยู่ร่วมไปถึงทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้ ขายาวเดินเข้าใกล้อีกนิดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่มีร่างบางอีกคนนอนอยู่ในชุดนอนสีฟ้าลายก้อนเมฆ มือบางที่ยังคงจับเครื่องมือสือสารเอาไว้อยู่เห็นได้ชัดว่าคงโทรหาเขาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว
“ขอโทษที่กลับดึกนะ” คำแรกที่เอ่ยออกมาแม้ว่าคนที่นอนอยู่จะไม่ได้ยิน มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่บังหน้าหวานออกก่อนจะถอนหายใจกับเรื่องไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อารมณ์ตอนนั้นมันพาไปล้วนๆ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับดึกแล้วปล่อยให้คีย์รออยู่แบบนี้เลย
มือหนาช้อนร่างกายหลับสนิทเข้ามาในห้องอีกห้องที่เมื่อก่อนเคยเป็นห้องเก็บของของตัวเองก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นห้องนอนของผู้จัดการจำเป็นอย่างคีย์ เขาวางร่างที่นอนไม่รู้เรื่องลงบนเตียงนุ่ม จัดท่าทางให้สบายที่สุดและปิดท้ายด้วยการดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
“ฝันดีครับ” จบลงด้วยการจุมพิตเบาลงบนหน้าผากเนียนแล้วเดินออกไปจากห้อง
ถ้าเป็นผู้หญิงคนก่อนๆ มันคงจะไม่จบลงแค่ปิดไฟแล้วเดินออกมาแน่ๆ มือหนายกขึ้นมาจับรอยแผลที่พึ่งได้มาสดๆ บนต้นคอ โชคดีแค่ไหนที่มันยังหลบอยู่ในร่มผ้ารอยข่วนจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดาวของคณะมันยังคงแสบอยู่บนผิวของเขาอยู่เลย
“ฟูว~” พ่นลมหายใจออกมาเมื่อรู้สึกโล่งอก นึกว่ากลับมาจะโดนวีนตั้งแต่หน้าประตู แต่เปล่าเลยคนที่บ้านกลับนอนหลับไม่รู้เรื่องถึงแม้จะรู้สึกผิดก็ตามที่ไปไหนไม่ได้บอกแต่ขอโทษทีนะคีย์ นี้มันวิถีการมีอยู่อย่างผู้ชายแบบเขาละ จะให้ทำยังไงละเขาก็ผู้ชายนะ
“ย้ากกกกกกก~~”
“อึก!!”
“ไอ้มินโฮ ตื่นเดี๋ยวนี้นะเว้ย ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะโว๊ย”
เสียงดังอึก ออกมาจากร่างสูงของมินโฮที่นอนอยู่บนเตียงทันทีที่คีย์กระโดดขึ้นไปนั่งทับบนร่างอย่างแรง ความจุกบนหน้าท้องที่แล่นขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้มินโฮขมวดคิ้วเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นกระทันหัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีดูก็รู้ว่าคงจะเจ็บมาก
“ตื่นขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงแหลมยังคงไม่หยุดเรียกพร้อมกับมือบางที่ฉุดลำแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อให้ลุกขึ้นมานั่งคุยด้วยท่าทางครึ่งหลับครึ่งตื่น มินโฮลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมองผู้ชายที่รูปร่างเพียวกว่าเขาก่อนที่จะพยายามเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล
“ตื่นซิวะ ห้ามนอน ตื่นมาคุยกันก่อน”และก็เป็นอีกครั้งที่คีย์ดึงมินโฮให้นั่งอยู่บนเตียงนุ่มๆนั้น
“อะไรขนองนาย ฉันเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองนะ” มินโฮเอ่ยอย่างหัวเสียพร้อมกับขมวดคิ้วเพราะถูกรบกวนการนอนของเขาทั่งที่เพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมง
“ใช่ไง ฉันถึงอยากรู้ว่านายหายไปไหนมาเมื่อคืน” เสียงหวานคาดคั้นจากร่างสูงที่ถึงแม้จะยังไม่ตื่นดีแต่ก็รู้ว่ามินโฮต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่ๆ ไหนจะโทรไปไม่รับอีก รอจนจะเที่ยงคืนก็ยังไม่มา ไม่น่าสงสัยหรือไง
“ก็ซ้อมละครไง”
“ทำไมซ้อมดึกขนาดนั้น ปกตินายกลับมา 4 ทุ่ม”
“ก็เดี๋ยวไม่นานจะถึงวันจริงแล้ว ก็เลยต้องอยู่ซ้อมดึกกันหน่อย”
“อาทิตย์หน้าก็สอบแล้วนะ นายไม่เอาเวลามาอ่านหนังสือหรือไง” คีย์กอดอกมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างจับผิด
“ทำไม เป็นห่วงหรือไง” ถึงแม้เสียงจะยังคงไม่ปกติสำหรับคนที่เพิ่งตื่นนอนดี แต่สีหน้าทะเล้นที่ส่งออกมาทำให้คีย์ที่ยืนกอดอกมองร่างสูงอยู่ถึงกับเบือนหน้าหนีพร้อมกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“เปล๊า ใครจะไปเป็นห่วงนายกัน คิดไปเอง”
“เหรอ แน่ใจเหรอที่พูดออกมาอะ” น้ำเสียงกวนประสาทกลับมาอีกครั้ง คีย์ได้แต่มองไปมารอบตัวอย่างประหม่าพร้อมกับมินโฮที่ลุกออกจากเตียงไล่ต้อนคนตรงหน้าจนสะโพกมนถอยหลังไปติดกับโต๊ะหนังสือด้านหลัง แขนใหญ่ทั่งสองข้างกั้นปิดหนีทางรอดของคีย์ให้หมดจนมือบางต้องยกมือขึ้นมาดันแผงหน้าอกมินโฮเอาไว้
“จะ…จะทำอะไร ถอยออกไป”
“เปล๊า ใครจะทำอะไรนายกัน คิดไปเอง”
“นี้”
“นี้”
“ย้อนเหรอ”
“ย้อนหรอ”
เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเถียงร่างสูงได้ ก็ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปแทนแต่มินโฮกลับเอาแต่ส่งยิ้มหล่อมาให้แต่เช้านี้ซิ
“เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วงไม่ต้องทำฟอร์ม”
“ใครมันจะไปห่วง”
“เหรอ โทรมาเป็นร้อยสายนี้ไม่ห่วงเลย” จากมือที่กั้นปิดหนีทางรอกกลับขึ้นมาทับซ้อนบนแผงอกล่ำอีกครั้ง โดนมินโฮไล่ต้อนแทนแล้วละคุณหนู
“ก็แค่ทำหน้าที่ผู้จัดดการ อย่าลืมว่าฉันต้องรายงานพี่นายทุกวัน”
“แหม ดีจังเดี๋ยวต้องได้เป็นผู้จัดการดีเด่นแห่งปีแน่ๆ” มินโฮล้อเลียนคนตรงหน้าจนคีย์ได้แต่ทำเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้จังทำไมต้องมาจนมุมอยู่เรื่อยเลย
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยวเสาร์นี้ก็เลิกซ้อมวันสุดท้ายแล้ว” มินโฮบอกคีย์ที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ยไม่หายซักที จนมินโฮต้องยกมือขึ้นมาหยิกแก้มที่มีแต่รอยย่นเต็มไปหน้า ไม่รู้จะสงสัยอะไรหนักหนา
“อื้อ พอแล้วๆ เข้าใจแล้ว”คียปัดมือของมินโฮออก
“ถ้าไม่เป็นอะไร นายก็ควรจะโทรกลับมาบางไม่ใช่ปล่อยให้ฉันโทรหานายแล้วก็รอนายคนเดียวอย่างนี้” แววตาอ่อนลงแต่ยังคงรู้ว่าคีย์นั้นยังไม่หายโกรธเท่าไหร่ มินโฮระบายยิ้มของตัวเองออกมาไม่รู้ว่ามันรู้สึกดีใจอะไรหนักหนา ก้อนเนื้อในอกของเขารู้สึกพองโตขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเขามากกว่าที่เคยเป็น
“โอเค ต่อไปจะรายงาน ทุกชั่วโมงเลยดีไหม จะไม่กลับดึกแบบนี้อีก”
“ไม่ซิๆ ถ้ากลับดึกกว่าปกติจะโทรมาบอกก่อน”
“สัญญา”
“อือ สัญญา”มินโฮยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้า เผยให้เห็นยิ้มที่คีย์เองก็ไม่ค่อยได้เห็นมันเท่าไหร่ น่าจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่มินโฮยิ้มออกมาซะหวานมากกว่าจะเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์หรือยิ้มทะเล้นแบบปกติของเขา คีย์มองนิ้วก้อยของร่างสูงก่อนที่จะยิ้มบางๆ ออกมาช้อนสายตามองคนที่สูงกว่า สายตาที่ทำให้มินโฮนั้นรู้สึกว่าคีย์น่ารักกว่าวันไหนๆ ซะอีก นิ้วมือบางยกขึ้นมาหมายจะเกี่ยวก้อยกับอีกคนแต่ก็ชะงักค้างเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นตบหัวโตๆ ของมินโฮซะเสียงดัง
‘ป้าบ’
“สัญญาแล้วคืนคำเมื่อไหร่ นายตายแน่ ชเวมินโฮ”
“อ้า!!!”
ฝ่ามือเล็กแต่ถึงเวลาออกแรงแล้วเจ็บไปน้อยของคีย์ฟาดลงไปเต็มๆ จนมินโฮหน้าหันอีกข้างร้องออกมาซะเสียงดังลั่น ไม่รู้ว่าห้องข้างๆนั้นจะได้ยินเสียงตบหรือเสียงร้องของคนในห้องกันแน่ แต่ที่รู้ๆ มินโฮคงได้เห็นดาวลอยขึ้นมาซักพักเลยละ
ขอคืนสำหรับเมื่อคืนที่ปล่อยให้รอนานแล้วกันนะมินโฮ ฮึ!
สวัสดีปีใหม่คะ หายไปหลายเดือนเลย เพิ่งจะว่างหลังจากที่สอบและไปอิ่มหน่ำกับการนอนอืดอยู่บ้าน = = ไม่มีอะไรมาก มินคีย์ล้วนๆ พูดถึงความเพย์บอยของมินโฮทั้งเรื่อง แฮะๆ อยากให้เข้าใจว่ามินโฮถึงจะชอบคีย์แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดอยู่คนเดียวได้นะค่ะ ยังไม่ถึงโหมดดร่าม่าคู่นี้แต่รอไว้ก่อนก็ดี คาดว่าจะยาว แฮะๆ
ไปแล้วจ้า เอามาส่งดึกตามเคย ขอบคุณที่ยังมีคนเข้ามาอ่านอยู่บ้างปะปลาย เขียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่หรอกคะ กำลังพยายามทำให้มันน่าสนใจไม่น่าเบื่อเกินไป ไม่รู้เบื่อกันไหม
สวัสดีปีใหม่อีกครั้ง มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงมากๆ นะค่ะทุกๆ คน รักนะค่ะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คู่มินคีย์นี่หวานใช่เล่น น่ารักกกก -/////-
มิโฮ ไฟท์ติ้ง เดี๋ยวคีย์ก็ใจอ่อน
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะ สู้ๆ^^