ตอนที่ 1 : TIME 2 LOVE :: P1 **
T I M E 2 L O V E
-1-
“คลื่น ซ่าๆๆ”
เสียงฟ้าร้องและฝนห่าที่สาดเทลงมาอย่างไม่สนใจใคร เป็นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายต่อเด็กชายที่เพิ่งก้าวสู่วัยแรกรุ่น เด็กชายวัยเพียง 15 ปี เหตุการณ์ที่ยากจะลืมของเขาเหตุการณ์ที่จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปืนที่ดังมาจากบ้านที่อยู่ลึกลงไปในซอยเปลี่ยว มีเพียงบ้านหลังเดียวที่ตั้งอยู่ เสียงที่ดังออกมาต่างก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปไม่ได้คิดอะไรเพราะมันก็คงเป็นเพียงเสียงฟ้าร้องออกมาเหมือนในคืนฝนตกลงมาทุกครั้ง…
“พ่อฮะแม่ฮะ!”
เสียงของเด็กชายที่เพิ่งแตกหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ภาพที่มันทำให้เขาติดตาไปตลอดชีวิตภาพฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา
“แทมิน หนีไป...”
ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เห็นลูกชายคนเล็กที่ยืนอยู่ขาแข็งไม่ไปไหน ก่อนจะพยายามกัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อบอกให้ลูกชายหนีไป
ไม่มีอีกแล้วพ่อและแม่ครอบครัวที่อบอุ่นได้หายไปแล้ว...
แทมินที่ได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมด เขาอยากจะหนี หนีไปให้ไกลอย่างที่แม่ของเขาบอกแต่ขาของเขากลับไม่ทำตามคำสั่งเพียงเพราะ สายตาที่เข้าไปปะทะกับชายวัยกลางคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา ฆาตกรคนนั้นส่งยิ้มที่ทำเอาเขาเดินหนีไปไหนไม่ได้
รอยยิ้มและสายตาที่เกินความคาดเดาของเขา
ชายฆาตกรยืนขึ้นมองเด็กหนุ่มหน้าประตูตัวแข็งทือไม่ไปไหน รอยยิ้มโรคจิตเผยขึ้นขายาวๆ ก้าวออกมาจากร่างของผู้หญิงที่เพิ่งจะฆ่าไปหมาดๆ ด้วยความสะใจ แทมินถอยหลังตามก้าวของคนที่ก้าวเข้ามา ดวงตาหวานกำลังหวาดกลัวคนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดและมือที่ยังคงถือมีดอยู่ มีดที่เต็มไปด้วยเลือดของคนในครอบครัว
“อย่าเข้ามา” เสียงหวานแผ่วเบาเอ่ยบอกคนตรงหน้าที่เดินเข้าหาตัวไม่หยุด หน้าหวานสายหัวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก่อนจะชนเข้ากับราวระเบียงชั้นบน สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงคนใช้นอนจมกองเลือดอยู่ระหว่างบันไดทางขึ้น กับอีกคนนอนจมอยู่กลางบ้านชั้นล่าง
ตายกันหมด
“เด็กดี มาหาฉันซิ ฉันไม่ทำอะไนหรอกน่า” เสียงแหบพร่าเอ่ยพร้อมมือที่ยืนมาตรงหน้าหวังให้แทมินทำตามที่บอก ร่างบางส่ายหน้าและเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเมื่อชายวัยกลางคนแลบลิ้นเลียใบมีดที่ถืออยู่มองมาทางเขา สายตาของคนจิตไม่ปกติทำให้แทมินนึกหวาดกลัวกับการกระทำที่ไม่รู้จะเกิดอะไรนอกจากนี้
“ฉันบอกให้มาหาฉัน!!” เสียงเข้มตวาดขึ้นทำให้ร่างบางตกใจเข้าไปใหญ่ เท้าหนาก้าวมาด้วยความเร็วพร้อมกับที่แทมินหันหลังวิ่งหนีหวังหวังจะไปยังบันไดอีกด้านของบ้านเพื่อหนี แต่ความเร็วของฆาตรกรนั้นเร็วกว่าเขานัก
“โอ๊ย!!” หัวเล็กถอยหลังไปตามแรงดึงของฝ่ามือที่กระชากจากด้านหลังพร้อมกับการเข้ามาประชิดตัว เกือบจะล้มลงไปกับพื้นถ้าหากไม่มีมือหยาบอีกข้างรั้งคอไว้ด้วยมือที่จ่ออยู่บนต้นคอ ใบหน้าของฆาตรกรก้มลงสูดดมกลิ่นหอมของเด็กหนุ่มก่อนจะส่งลิ้นเลียแก้มเนียนเปื้อนคราบน้ำตา
“ถ้าแกดิ้นอีกครั้ง มีดทะลุหลังคอแกแน่เด็กน้อย” กระซิบข้างใบหูก่อนจะสูดดมความหอมจากกลุ่มผม ร่างบางส่ายหน้าไปมากลั้นเสียงสะอื้นในลำคอเมื่อรู้สึกแสบกับรอยมีดที่จิ้มอยู่บนเนื้อของเขา มือที่ถือมีดไล่ตามเนื้อผ้าชุดนักเรียนขึ้นลงจนแทมินรู้สึกเสียวหวาบข้างใน
“แทงตรงไหนก่อนดีละ ตับ ปอด หรือท้องนิ่มๆของแกดี หืม” สิ่งที่ไม่น่าออกมาจากปากคนปกติทั่วไปเอ่ยถามเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด แทมินส่ายหน้าไปมากัดปากตัวเองแน่นด้วยความกลัวไม่กล้าแม้แต่ขยับไปไหน
“ฉันถาม แกต้องตอบ!” มือหนากระชากกลุ่มผมนั้นอีกครั้งด้วยความแรงจนแทมินเสียงหลง แทมินยังคงมีเสียงสะอื้นเล้ดลอดออกมาจนชายร่างสูงอยากจะกรีดปากบางๆนั้นแล้วดึงลิ้นออกมาตัดซะให้ได้ถ้ายังไม่ตอบเขาตอนนี้
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัวแล้ว ฮึก” ตอบออกมาเสียงสั่นหวังว่าคนที่จับไว้จะปล่อยไป แต่มันก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
“จุ๊ๆ กลัวเหรอเด็กน้อย ไม่ต้องกลัวหรอกฉัน” ร่างสูงส่ายหน้าให้กับคำตอบ “เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีกว่าไหม ตัวนายมันหอมขนาดนี้” ยกหลังสันมีดขึ้นมาไล่รอบกรอบใบหน้าของเด็กหนุ่มพร้อมกับกดจมูกลงที่ลาดไหล่บางจนแทมินขนลุกกับการกระทำ
ร่างบางส่ายหน้าไปมาอีกครั้งก่อน ชายวัยกลางคนยังคงคลอเคลียอยู่บนต้นคอของแทมินมือที่ถือมีดก้ลดกำลังในการกดลงบนใบหน้าของเขา ไวกว่าความคิด แทมินดึงมีดที่อยุ่ในมือของฆาตกรออกจับมันไว้แน่นแล้วหันหลังกลับไปแทงเข้าที่หน้าของคนตรงหน้า
“อึก แก”
ฉึบ
ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อดึงมีดออกมาจากหน้าท้องได้ มือไม้สั่นไปกับน้ำเลือดที่ติดมากับมือของตัวเอง ฆาตกรทรุดนั่งลงกับพื้น เท้าเล้กก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวมองการกระทำของตัวเองที่ทำลงไป เข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ แทมินโยนมีดออกไปนอกระเบียงให้ไกลจากตัวเองที่สุด หันกลับมามองคนที่นั่งลงตรงหน้า ชายคนนั้นมองมาทางเขาอย่างกับจะฆ่าเขาให้ตาย
แทมินคงลืมคิดไป ว่าถ้าจะฆ่าคนก็ต้องฆ่าให้ตายไปทีเดียว
“แก ฉันจะฆ่าแก”
พูดจบก็ตรงเข้ามากระชากขาเรียวจนแทมินล้มลงกับพื้นก่อนที่จะนั่งทับร่างกายบอบบางนั้นเอาไว้ แทมินดิ้นไปมาพยายามพลักคนที่อยู่ด้านบน
เพี้ยะ เพี้ยะ
ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนใบหน้าสวยเพราะขัดขืน บวกกับความโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“ฉันจะทำให้แกมีความสุขก่อนตายก็แล้วกัน”
“ปล่อยผมนะ ปล่อย!”
แทมินแผดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเขาถูกฆาตกรนั้นลากขาให้เข้ามาในห้องก่อนจะทำ การปลดเปลืองเสื้อผ้าชุดนักเรียนของเขาออกอย่างไม่มีชิ้นดี ถึงแทมินจะพยามยามปัดป่ายให้ตัวเขาพ้นจากฆาตกรนั้นแต่ก็ต้านทานแรงของคนที่ตัวโตและแข็งแรงกว่าไม่ได้ ร่างกายที่เพิ่งเจริญเติบโตหรือจะสู้แรงของคนที่โตเต็มตัวแล้ว
‘ปัก’
ชายฆาตกรชกเข้าที่หน้าท้องอันบอบบางของร่างเล็กจนรู้สึกจุกและแน่นท้องก่อนจะทำการลิ้มรสหอมของร่างตรงหน้า กลิ่นกายที่ถึงแม้จะมีเพียงเล็กน้อยแต่กับฆาตกรโรคจิตที่อยู่ตรงหน้ากลับชอบและลิ้มรสมันอย่างกระเหือดหาย ซอกคอสีหวานกับเนินหน้าอกเนียนสวยยิ่งทำให้น่าลิ้มลอง
น้ำตาอันบริสุทธิ์มากมายที่ไหลออกมาไม่หยุด น้ำตาแห่งความเศร้าโศกไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกผิดซักนิดตรงกันข้ามกลับเป็นเศษ น้ำตาที่ทำให้รู้สึกสนุกไปพร้อมๆกับการกระทำบนตัวของร่างบาง
ซุกหน้าช่อนไชไปเรื่อยๆเพื่อเสพสุขกามราคะที่ไม่เคยขาดหาย บาดแผลบนหน้าท้องไม่ได้ทำให้ความต้องการของตัวเองลดลงเลยถึงแม้เลือดจะไหลออกมาเยอะแค่ไหนมันก็ไม่ได้มีผลกระทบ มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอคนถูกใจถึงจะเป็นเด็กหนุ่มก็ไม่เว้นแค่เพียงเพราะร่างกายที่อ้อนแอ้น บอบบางคล้ายผู้หญิงบวกกับทรงผมที่มองยังไงก็คือเด็กผู้หญิงธรรมดาๆทั่วไป
“ไม่ ฮึก ไม่ ใครก็ได้ ฮึก ช่วยผมด้วย”เสียงอันแผ่วเบาที่ยังรู้สึกตัวของแทมินคลางออกมา ความหวังที่จะรอดชีวิตของเขากำลังจะหมดไปหรือ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่บนโลกใบนี้ใช่ไหม ความคิดมากมายถาโถมเข้าใส่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อแรงอันน้อยนิดของเขาสู้ไม่ไหว แรงจะกระโกนขอความช่วยเหลือก็ไม่มี บวกเสียงฝนที่ดังอยู่ด้านนอกคงไม่มีใรได้ยินเสียงปืนเมื่อสักครู่แน่ๆ
“ไม่!!”
เสียงแผดร้องออกมาอีกครั้งเมื่อช่วงล่างถูกสอดใส่ด้วยท่อนเนื้อแข็งใหญ่ ช่องทางที่ไม่มีใครเคยสัมผัสและแตะต้องมัน คนด้านบนจับสะโพกกลมกลึงขยับขึ้นไปตามจังหวะที่ต้องการไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนด้านล่างจะเป็นอย่างไร เลือดที่ไหลออกมาเลอะท่อนเนื้อขาอ่อนอย่างเห็นได้ชัดช่วงล่างที่ไม่เคยมีใครลุกล้ำและไม่ม่การเบิกทาง แต่ตอนนี้กลับถูกคนแปลกหน้าทำย้ำหยีจนไม่มีชิ้นดี
เจ็บปวด...แทมินได้แต่กลั้นเสียงความใคร่ที่คนด้านบนหยิบยื่นให้ด้วยความไม่เต็มใจซักนิด น้ำตาที่ไหลออกมา กลับมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ใบหน้าซุกลงกับพื้นกระเบื้องเผยให้เห็นคราบน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เสียงหัวเราะชอบใจของคนด้านบนถึงกลับทำให้ร่างบางต้องซุกหน้าหนี
พอซักที ปล่อยผมไป
ห้วงความคิดที่ไม่สามารถพูดออกมา ริมฝีปากที่เคยสวยกลับมีแต่รอยเลือดถูกกัดจากไรฟันที่ขบแน่น อยากจะพูดก็พูดไม่ได้พูดออกไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บยิ่งขึ้นแค่นี้ก็ทรมารพอแล้ว
“ฮ่าๆ ฮึ ร้องออกมาซิ ร้องออกมาแกก็ชอบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ”
มือหนาจิกลงที่ผมนุ่มจนคนตัวเล็กรู้สึกเจ็บ เสียงหัวเราะกับคำพูดที่ไม่ได้น่าฟังเลยซักนิดยิ่งทำให้ร่างบางมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ช่วงล่างพยายามจะดิ้นหนีช่วงบนก็จับมือคนที่กระชากผมของตัวเองจนเหมือนหนังหัวจะหลุดอยู่ร่อมล่อ จิตใจทำด้วยอะไรทำไม่ถึงได้ใจร้ายกับครอบครัวของเขาขนาดนี้
ไม่ เขาไม่ได้ต้องการแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
ลิ้นสากเลียลงบนใบหน้าเนียนสวยลิ้มรสคราบน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายก่อนที่ร่างเล็กจะพยายามเบือนหน้าหนี แต่ลิ้นสากก็ยังทำหน้าที่ไล่เลียแผ่นหลัง ถ้าเป็นกระดูกหมูคงเป็นกระดูกอ่อนที่สามารถกินแล้วกลืนมันได้สบายทุกเมื่อ เนื้อเด็กนี้ช่างหน้าลิ้มลองซะจริง...
“ฮึก ไม่ ปล่อยผมไป”เสียงที่เล็ดลอดออกมายิ่งทำให้ฆาตกรโรคจิตยิ่งสนุกมากขึ้น จับสะโพกแล้วขยับเร็วและแรงขึ้นอีกครั้งต่ออีกครั้ง
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น ชายฆาตกรที่ละเลงบทรักที่เด็กหนุ่มไม่ต้องการฟุบหน้าลงข้างๆ ตัวของเขา เลือดที่ไหลเต็มหน้าผากเป็นทางกับดวงตาที่ดูหน้ากลัวนั้นยังลืมตามองเขาอยู่ แทมินมองบุคคลที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ บุรุษในชุดขาวที่สีเสื้อเต็มไปด้วยเลือดที่เพิ่งสาดกระเด็ดใส่ แทมินจำได้ดีบุคคลที่ยืนตรงหน้าเขา
“พี่อนยู…..”
เสียงเฮือกสุดท้ายได้ขาดหายจากไป เรื่องในวันนี้จะเป็นสิ่งที่ตราตรึงเขาตลอดชีวิต ชีวิตข้างหน้าที่จะยังดำเนินไป ความเหนื่อยอ่อนของร่างกายที่เพิ่งผ่านกิจกรรมได้หยุดพัก หยุดพักไปพร้อมกับหลายๆสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รอยยิ้ม ความสุข มันจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีก
T I M E 2 L O V E
5 ปีต่อมา
“เร็วเข้าจงฮยอนสายแล้ว”คิมคิบอมหนุ่มหน้าหวานที่หันไปเรียกเพื่อนสนิททันทีที่ขาก้าวลงจากรถได้
“เออๆเร่งอยู่เนี่ยนึกว่ารีบคนเดียวหรือไงวะ”จงฮยอนตระโกนตอบกลับคนที่วิ่งนำหน้า ซวยจริงไม่น่านอนดึกเพราะเล่นเกมส์กับไอ้คีย์เลยวันนี้เลยทำให้มาสายจนได้ ขายาวพยายามก้าวลงจากรถแต่เพราะกระเป๋าติดเบาะมันเลยกระชากตัวเขากลับเข้าไปชนกับขอบขอบประตูกว่าจะเอาออกได้ก็เสียเวลาไปอีก
ใบหน้าหวานหันกลับมามองเพื่อนตัวดีที่เพิ่งจะปิดประตูรถได้ในขณะที่ตัวเองวิ่งออกมาไกลแล้ว ชะเง้อคอมองหน้าคณะที ก้มดูนาฬิกาบนข้อมือที เหลือเวลาอีกไม่มากที่จะสามารถเข้าไปสอบสายได้เพื่อเขามันก็ช้าเหลือเกิน
“เร็วๆ” ออกวิ่งอีกครั้งเมื่อจงฮยอนวิ่งเข้าใกล้ตัว ต่างคนต่างวิ่งเพื่อให้ทันเวลาเข้าสอบ ลิฟต์อะไรไม่รู้จักแล้วงานนี้วิ่งขึ้นบันไดอย่างเดียวกว่าจะกด กว่าจะลงมาก็คงหมดแวลาเข้าสอบได้พอดี จงฮยอนวิ่งนำหน้าขึ้นเมื่อถึงชั้นที่สอบเข้า คีย์เร่งฝีเท้าให้เร็วแต่เพราะวิ่งขึ้นบันไดมา 5 ชั้นมันก็เหนื่อยเป็นธรรมดา ขาก็แทบจะก้าวไม่ออก วิ่งไปก็สูดอากาศเข้าปอดไป เกือบหายใจไม่ทัน
‘ปัก’
“โอ้ย” โดยไม่ทันระวัง คีย์วิ่งเข้าไปชนกับคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบ
“ขอโทษครับๆ”คีย์พูดอย่างรีบร้อนก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้าต่อ แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยแขนของคนที่เพิ่งวิ่งชนไป
“ เดี๋ยว ขอโทษอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ” คนตรงหน้าลุกก่อนจะก้มลงมองไปที่เสื้อตัวเองที่เลอะคราบกาแฟเต็มไปหมด
เฮ้ยนี่มันชเวมินโฮ นายแบบวัยรุ่นที่กำลังดังอยู่ตอนนี้นี่นา เรียนอยู่มหาลัยนี้หรอทำไมเพิ่งเคยเห็น อย่าบอกนะว่าเข้าวิ่งชนกับคนดังเข้าแล้ว แต่จะว่าไปหมอนี้ก็หล่ออย่างที่เขาพูดกันจริงๆ แฮะ หน้าเนียนยิ่งกว่าผู้ชายทั่วไปในมหาลัยบางคนอีก
“นี้!!”มินโฮเสียงดังเมื่อเห็นคนตรงหน้าพยายามที่เข้ามาใกล้ๆ หน้าของเขา คีย์กลับมายืนเป็นปกติหลังจากที่ขาและคออันสามัคคียื่นหน้าให้ไปสำรวจอีกคนจนลืมตัว
“โทษที”
“เฮ้ยคีย์ทำไรอยู่วะเร็วเข้า” เสียงของจงฮยอนดังมาจากทางเข้าห้องสอบ คีย์หันไปมองเลยเพิ่งนึกได้ว่ามันกำลังจะหมดเวลาเข้าห้องสอบแต่พอจะวิ่งก็ถูกรั้งไว้อีกเช่นเคย
“นี้เสื้อฉันเลอะไม่เห็นหรือไง”มินโฮถามคีย์ที่พยายามจะไม่รับผิดชอบ
“อะไร”
“เสื้อฉัน”มินโฮพูดอีกครั้งมองคนตรงหน้านิ่ง
“เออ รู้แล้วว่าเสื้อนายปล่อยได้หรือยัง” คีย์หันไปพูดเมื่อเห็นเสื้อของมินโฮก่อนที่จะพยายามแกะมือใหญ่ออกจากการเกาะกุม
“คิดจะปัดความรับผิดชอบหรอ เธอเป็นคนทำเสื้อฉันเลอะนะ”มินโฮหน้าแดงจัดเพราะความโกรธ วิ่งมาชนยังไม่พอยังมาทำเสื้อเข้าเลอะกาแฟอีก
“เฮ้ยไม่ทันแล้ว” คีย์ไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่มินโฮพูดเลย ทำเพียงมองไล่เสื้อของร่างสูงก่อนที่เสียงของจงฮยอนจดังขึ้นเพื่อเรียกเขาอีกครั้ง
“ถ้าอยากเข้าไปสอบเธอก็รับผิดชอบมาก่อน”มินโฮยื่นคำขาด คีย์มองมินโฮอย่างเหลืออด
ไม่เห็นเหรอวะ ว่าคนกำลังรีบอยู่
“เร็วเข้า”มินโฮย้ำอีกครั้ง
คีย์สูดหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังจะระเบิด คีย์หยุดเกะมือของร่างสูงก่อนจะแบมือไปตรงหน้ากระดิกนิ้วแทน “ถอดเสื้อนายมา”
“ห๊ะ”มินโฮได้ยินแทบจะไม่เชื่อหู
“ถ้านายอายที่จะใส่เสื้อเลอะคราบกาแฟนี่ก็ถอดเสื้อนายมา”คีย์พูดซ้ำอีกครั้ง ถ้าอยากให้รับผิดชอบก็เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าจะให้ออกไปซื้อให้ไหม่มันก็คงไม่ทันแล้ว
“...”
“เร็วเข้า” เสียงหวานย้อนคำพูดของร่างสูงเมื่อสักครู่ด้วยความเร่งรีบ
“ถ้าฉันถอดแล้วฉันจะใส่อะไรเธอคิดหรือยัง”
“โถ่โว้ย!”คีย์ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็วก่อนจะถอดเสื้อออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำที่ใส่ทับมาแล้วยัดใส่มือคนตรงหน้า
“ถอดเสื้อนายมา”
“ห๊ะ เธอจะให้ฉันใส่เสื้อมีแต่กลิ่นคราบเหงื่อของเธอเนี่ยนะ”มินโฮหัวเราะกับการกระทำของคีย์
ต้องบ้าไปแล้วแน่ เขาเป็นนายแบบนะ จะใส่อะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะเขาเองก็เป็นพรีเซนเตอร์เสื้อผ้าอยู่หลายยี่ห้อ กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ต้องเลือกแล้วเลือกอีก แล้วอยู่ๆจะมาเอาเสื้อราคาถูกมาให้เขาใส่แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน
“ไอ้คีย์!”เสียงของจงฮยอนเรียกคีย์อีกครั้ง คีย์ไม่สนใจคนตรงหน้าแล้วว่าจะคิดยังไงกับเสื้อผ้าที่เขาส่งไปให้ถึงอยากจะด่ากลับมาก็เถอะ มือบางเข้าไปปลดกระดุมเสื้ออย่างถือวิสาสะอย่างรวดเร็วโดยที่มินโฮไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ยนี้เธอจะทำอะไร” มือหนาพยายามจับเสื้ออผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเองไว้แต่ก็คงมันทันเท่าความเร็วของคนตรงหน้า
“ถอดเสื้อนายมาให้ฉัน”คีย์พูดไปทำไปจนได้เสื้อของมินโฮ คีย์มองเสื้อที่ได้มาสะบัดมันสองสามครั้งก่อนจะใส่มันแทนเสื้อตัวเดิมจัดแจงให้มันเรียบร้อย มองหน้าคนร่างสูงที่ยืนตัวเปล่ามองการกระทำของเขาไม่ว่างตาอย่างนึกฉุนอยู่ๆ ก็ต้องมามีกลิ่นกาแฟเข้าห้องสอบ
“ซวยชิบ” เสร็จเรียบร้อยก็วิ่งเข้าห้องสอบด้วยเสื้อที่เปื้อคราบ
“นี้เธอ!!”มินโฮรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะความโกรธแต่เพราะอยู่ๆ ก็มีคนมายืนแก้ผ้าตรงหน้าแถมยังมาแก้ผ้าเขาเอาเสื้อไปใส่แบบไม่อายใครอีก
ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขามาก่อน ถ้าเป็นคนอื่นคงรับผิดชอบด้วยการจ่ายเงินหรือไม่ก็อาสาเอาไปซักให้ แต่ทอมเมื่อกี้ทำอะไร แก้ผ้าต้อหน้าผู้ชายโดยไม่อายแถมยังยัดเยียดเสื้อตัวเองมาให้เขาใส่อีก มินโฮมองร่างนั้นจนวิ่งเข้าไปในห้องสอบก่อนจะก้มมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนร่างบางที่วิ่งออกไปเมื่อครู่อยู่ๆ ก็ทำเอาเขาใจเต้นผิดปกติขึ้นมา พร้อมกับความคิดของเขา
มินโฮ มึงชอบทอมไม่ได้นะเว้ย นั้นมันทอม นั้นมันทอม ท่องไว้
นักศึกษาหลายชีวิตก้าวออกมาจากตึกคณะหลังจากที่การสอบในช่วงเช้าของตัวเองจบลง ร่าวไปถึงคีย์และจงฮยอนเองก็เช่นกัน สองเพื่อนซี้ก้าวออกมาจากตึกคณะด้วยโล่งใจที่การสอบผ่านไปได้ด้วยดี เทอมนี้ก็คงหนีไม่พ้น A ทุกวิชาเป็นแน่พวกเขามั่นใจ
“ดีนะที่นายเข้าไปทันก่อนที่อาจารย์จะปิดประตูห้องสอบ” จงฮยอนที่เดินคู่มาด้วยพูดขึ้นหลังจากที่ตอนเช้าคีย์ที่วิ่งนำอยู่แท้ๆกลับเข้าห้องช้ากว่าเขา
“ชิส์ อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ฉันโคตรมึนหัวเลย” พูดจบก็ยกมือกุมขมับทั้งสองข้างของตัวเอง
จงฮยอนมองเพื่อนอย่างแปลกใจ แค่เรื่องสอบแค่นี้ทำเอาเด็กที่ได้คะแนนระดับต้นๆของมหาลัยถึงกับปวดหัวเลยหรอ ก่อนจะสังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลที่ละเลงบนเสื้อเชิ้ตของเพื่อนรัก ถึงว่าตอนอยู่ในห้องสอบกลิ่นกาแฟลอยมาเต็มเลยที่แท้ก็มาจากคนข้างๆนี้เองที่ส่งกลิ่นรบกวนการสอบคนอื่น
“เสื้อนาย” จงฮยอนมองเสื้อของคีย์อย่างแปลกใจ
“เออเนี่ยแหละ ทำเอาฉันปวดหัวเสื้อของฉันตัวนั้นเพิ่งซื้อมาใหม่ด้วย”คีย์ทำหน้าเซ็ง
“ก็ตอนเช้าเสื้อที่ฉันเห็นมันก็ดีอยู่นี่หว่า แล้วทำไมตอนนี้มันถึง...”จงฮยอนไม่พูดต่อแต่ใช่สายตามองแทน ตอนเช้าเพิ่งจะได้กลิ่นเหม็นใหม่มาแท้ๆแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเละของกาแฟ
“เออ เนี่ยแหละเซ็งอยู่ ตอนบ่ายฉันต้องไปชมรมด้วย”พูดจบคีย์ก็ทำหน้าเซ็ง
“แล้วไปทำอะไรมา”จงฮยอนยังถามต่อ
“วิ่งชนชาวบ้านเมื่อเช้า” จงฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ คงจะเป็นตอนที่พวกเขาวิ่งมาเข้าสอบตอนเช้าแน่ๆ
สีหน้าของคีย์บ่งบอกอย่างมากว่าเซ็งสุดๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะความไม่ระวังของตัวเองถึงได้เป็นแบบนี้ เหม็นและสกปรก คิดผิดหรือเปล่าที่เปลี่ยนเสื้อกับผู้ชายคนนั้นถ้ารู้ว่าจะต้องทำให้ตัวเองหงุดหงิด เพราะเสื้อตัวเดียว
“ฉันว่าฉันกลับบ้านดีกว่า” คีย์ตัดสินใจที่จะกลับดีกว่ามานั่งดมกลิ่นแถมยังเป็นขี้ปากชาวบ้านมันดูจะเด่นเดินไป
ถึงเขาจะหน้าตาดีแค่ไหนแต่ถ้าสกปรกมอบแมมก็ทำลายชื่อเสียงของเขาได้เหมือนกัน ข่าวเสียๆ มักจะกลบข่าวดีของคนเสมอ แล้วยิ่งเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีอย่างเขาแล้วมันยิ่งทำให้เขาดังมากกว่าคนอื่นซะอีก
“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ ปล่อยพี่จินกิสักวันเหอะเนอะ”รอยยิ้มหยอกล้อหันมามองหน้าคีย์อีกครั้งเมื่อเอ่ยถึงอีกคน
คีย์หันมามองหน้าจงฮยอนอย่างรู้ทัน เพื่อนคนนี้มักจะขอตัวหนีทุกครั้งที่เขาเดินตามรุ่นพี่จินกิ รุ่นพี่จินกิจะไปไหนทำอะไร คิมคิบอมรู้ทุกอย่าง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรคิมคิบอมคนนี้ก็รู้และวันนี้เขาก็รู้ว่าถ้าเขาไม่ไปที่ชมรมคณิตศาสตร์ยัยฮยอนอาคู่แข่งตัวแสบก็คงได้ใจ
“ไม่!!”
“จะไปทั่งอย่างนี้เนี่ยนะ”จงฮยอนมองสำรวจสภาพของร่างตรงหน้า เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำของเพื่อนตัวเอง
“ใครบอกว่าฉันจะไป นายต้องไปแทนฉัน”
“ห๊ะ!” แทบไม่อยากจะเชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน จงฮยอนชี้หน้าตัวเองทันทีที่คีย์พูดจบ ไม่น่าเลย ไม่น่าพูดชื่อพี่จินกิออกมาเลย
เสียงการท่องสูตรของอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ดังมาถึงหลังห้อง สีหน้าและอาการอยากนอนของจงฮยอนก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
อ้าปากหาวไปไม่รู้กี่ร้อยรอบแต่ก็ต้องฝืนใจมองลีจินกิรุ่นพี่ที่คีย์ปลื้มนักปลื้มหนาว่าหล่อแถมฉลาดฐานะทางบ้านก็เพียบพร้อมไปหมด แต่สำหรับจงฮยอนก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มองกี่ครั้งมันก็คนเหมือนกับเรานี้แหละ ถ้าไม่ติดว่าคีย์ให้ถ่ายรูปถ่ายคลิปส่งให้ในแชทปานนี้คงหนีเข้าชมรมตัวเองไปนอนรอคนอื่นอยุ่ในห้องคงดีซะกว่าและถ้าไม่ติดว่าเพื่อนตัวดีเอาพี่สาวของตัวเองมาอ้างก็คงไม่ทำแบบนี้ คิมซูยอน คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ชายปกติอย่างเขาต้องมาถ่ายรูปผู้ชายด้วยกันเอง (_’’_)
“แปลกจังทำไมวันนี้พี่คีย์ถึงไม่มาด้วยนะ”เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าพูดลอยๆ ขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าจงฮยอนมาคนเดียว
อย่าไปใส่ใจ
คำเดียวที่จงฮยอนมักจะใช้กับคนที่พยายามจะหาเรื่องเขาด้วยคำพูด ทั่งที่เป็นรุ่นน้องเขาแท้ๆ แต่กลับไม่มีมารยาทให้การให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างพวกเขาเลย ห่างกันตั้งสองปีรู้อย่างนี้ตอนรับน้องจะเอาให้หนักกว่าโดนปาลูกโป่งใส่น้ำซะอีก
“จะมาหรือไม่มาก็ค่าเท่ากันนั้นแหละ”ฮยอนอายังลอยหย้าลอยตาพูดมันต่อ “พี่จินกินะสนใจเพศตรงข้ามมากกว่า”
“...”
“เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะสวยกว่า บอบบาง น่าทะนุถนอมและก็ที่สำคัญเป็นผู้หญิง”
“...”
“ฮ่าๆ”
“เฮ้อ~” จงฮยอนถอนหายใจ ส่ายหัวไปมาก่อนจะฟุบหน้าลง เขาไม่ได้อยากฟังอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้ในชมรมที่มีแต่คนหัวกระทิ แต่เพราะไม่ได้นั่งห่างกันมากนักคำพูดเปรียบเปรยที่ไม่ได้อยากได้ยินมันก้ดันได้ยินมาด้วย แค่สัมการบ้าๆ บอๆ หน้ากระดาษก็น่าเบื่อจะแย่อยู่แล้วยังต้องมาฟังอะไรไร้สาระแบบนี้อีก อยากจะกลับบ้านไปนอนซะจริง
“แรงละซิ ฮ่าๆ”
“อืม หนักเลยละสมองเธอน่ะ”จงฮยอนที่นั่งฟังอยู่นาน โงหน้าขึ้นมองคนที่มองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ห๊ะ! มะ...เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ!”เสียงสั่นๆ เพราะความโกรธที่จงฮยอนด่ากลับโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ปกติเห็นออกจะเป็นคนนิ่งๆ ไม่คิดว่าจะพูดแบบนี้กับเขาเป็นด้วยทั่งที่ส่วนใหญ่จะเห็นคีย์มากกว่าที่เป็นคนพูดแบบนี้
“ก็จริงอย่างที่พูดอ่ะเนอะ ผู้หญิงสวยกว่า บอบบาง น่าทะนุถนอม แต่ถ้าผู้หญิงจะให้ท่าผู้ชายขนาดนี้มันก็ไม่น่ามีสามอย่างที่พูดออกมาหรอก”
“อะไรนะ”
“เขากำลังว่าเธอให้ท่าพี่จินกินะ”แทมินที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาบอกเสียงเรียบ
“ไอ้!”
ยังไม่ทันที่ฮยอนอาจะพูดอะไรเสียงของคนอยู่ด้านหน้าชั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ แทมินดึงฮยอนอาให้หันมาสนใจด้านหน้าก่อนที่นิ้วเรียวจะชี้หน้าของจงฮยอนเป็นการบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อน’
“พี่จินกิทางนี้ค่ะ”เสียงของยัยฮยอนอาคนเดิมแจ๋นขึ้นเมื่อเห็นว่าจินกิกำลังมองหาใครซักคน ใบหน้าคมหันมาตามเสียงเรียกก่อนที่จะส่งยิ้มมาทางแทมินกับฮยอนอาที่นั่งรออยู่ด้านหลังห้อง
“แทมิน ฮยอนอา รอนานไหม”ร่างสูงเอ่ยทักเมื่อมาถึง
“ไม่หรอกคะ แค่เห็นหน้าพี่จินกิก็หายเหนื่อยแล้วละค่ะ”ฮยอนอาส่งยิ้มหวานที่สุดให้ก่อนจะบิดตัวเอียงอายเพราะความเขิน รู้จักกันมาก็นานแต่เพิ่งจะมีโอกาสได้มาเห็นพี่จินกิในมุมของนักศึกษาหัวกระทิก็ตอนที่เข้ามาเรียนที่นี้ มันยิ่งทำให้เธอชอบพี่ชายตรงหน้าขึ้นไปอีก
“จะเหนื่อยได้ยังไง ไม่เห็นว่าจะทำอะไรซักอย่าง” น้ำเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจออกมาจากปากของจงฮยอน ทำให้ฮยอนอาหันมาทำสายตาค้อนใส่ แต่คนอย่างจงฮยอนเหรอจะกลัวกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ายัยนี้ทำอะไรก็ดูไม่ได้ซักอย่าง
“กลับบ้านกันเถอะ”เสียงของจินกิดึงฮยอนอาให้กลับมาสนใจคนหล่อด้านหน้าอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ตามเดิม
“ผมถือเอง” จินกิยื่นมือไปหมายจะหยิบกระเป๋าให้แทมิน แต่ก็ถูกคว้าไว้ก่อน
“อืม” สีหน้าที่น้อยใจเล็กน้อยของจินกิมองแทมินควงแขนกับฮยอนอา
“เอ่อ พี่จินกิเรียนเหนื่อยแล้วไม่เป็นไรหรอกคะแทมินแค่อยากถือของเอง” ฮยอนอาที่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดีพูดปลอบพี่ชายที่หน้าเสียไปแล้ว บางทีเธอก็แอบน้อยใจแทมินแทนพี่จินกิเองอยู่หลายครั้งที่แทมินเมินพี่ชายตัวเองขนาดนี้ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ แทมินออกแรงดึงให้ฮยอนอาเดินตามออกมาจากห้องโดยที่จินกิเดินตามอยู่ด้านหลัง
สายตาคมมองหลังน้องชายของตัวเองที่เดินควงคู่กับพื่อนสนิท หัวสมองนึกคิดในสิ่งที่อยากให้กลับมาเป็นเหมือนวันวาน ถ้าแทมินกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยยิ้มที่เคยหัวเราะอย่างเมื่อก่อนได้อะไรๆ ตอนนี้คงมีสีสันกว่านี้ ยังดีที่นายไม่ปิดกั้นตัวเองจากใครทั้งหมด อย่างน้อยก็ฮยอนอา หวังว่าซักวันนายจะเปิดใจให้พี่ชายคนเดียวเข้าไปในนั้นบ้าง
T I M E 2 L O V E
เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยความวุ่นวายอีกครั้งกับคนสองคน มือเรียวกำลังค้นหาบางอย่างอยู่ในถังขยะ รวมไปถึงรอบๆ ถังขยะเองก็ด้วยแต่กลับไม่เห็นวี่แววสิ่งที่กำลังมองหาแม้แต่เศษเล็กๆ
“แน่ใจเหรอ ว่าหายอยู่แถวนี้”จงฮยอนที่กำลังหาของในซอกของมุมตึกถามขึ้น
“แน่ใจซิก็เมื่อวานฉันวิ่งล้มตรงนี้ ที่จริงตามที่ฉันคิดไว้มันไม่น่าจะไปไหนไกลมากเลยนะแต่ทำไมไม่เห็นมันเลยละ”
“ความคิดกับความเป็นจริงมันต่างกันนะ” จงฮยอนมองคีย์ที่ค้นถังขยะไม่เลิก “ว่าแต่นายไปชนกับใคร เขาอาจจะเก็บไว้ให้ก็ได้”
“เออ...นั้นซิ”คีย์หันมาตอบก่อนจะทำท่าครุ่นคิด จำได้ว่าดูดีแล้วก็หล่อมากเป็นคนดังแต่ดันจำชื่อไม่ได้ซะงั้น
“คือ...ฉันจำไม่ได้วะ”
“อะไรนะ!”
“ฉันจำได้ลางๆ ว่าสูงๆ หล่อๆ เออ...เป็นนายแบบด้วยนะ”คีย์เน้นประโยคสุดท้ายหนักแน่นอย่างมั่นใจ
“แล้วใครวะ” นายแบบมหาลัยเรามีตั้งเยอะแล้วแต่ละอย่างที่พูดมานายแบบทุกคนก็มีแบบนั้นกันหมด พูดซะกว้างขนาดนั้นใครมันจะไปรู้ด้วย มหาลัยนี้ไม่ได้มีแต่นายแบบแค่คนเดียวนะเว้ย
“ทำไงดีถ้าพี่ซูยอนรู้เข้าต้องด่าฉันแน่ๆเลย มันเป็นของที่พ่อของฉันเขาให้ก่อนท่านจะเสียด้วย
พูดจบปากก็เริ่มเชิดขึ้นเหมือนกำลังจะร้องไห้มองหน้าเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้งแต่จะทำอะไรได้ล่ะ จงฮยอนได้ส่ายศรีษะถอนหายใจกับการหาของสำคัญชิ้นเล็กที่มันหายไป ปานนี้ไม่รู้ว่าแม้บ้านจะเก็บมันไปทิ้งแล้วหรือเปล่า อาจจะอยู่ในรถขยะคันใหญ่ไปตั้งแต่เช้าแล้วก็ได้ตอนนี้มันก็คงกำลังโดนแปลรูปไปแล้วแน่ๆ
“ใช่อันนี้หรือเปล่า”เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
พวงกุญแจห้อยกระเป๋าสีชมพูรูปผีเสื้อลอยหน้าลอยตาบินไปมาตามแรงลม มือหนาชูมันขึ้นให้อีกคนดู ตาสวยมองตาแรงแกว่งไปมาก่อนที่จะยกยิ้มขึ้นแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
“อ่า ใช่อันนี้แหละ”คีย์วิ่งตรงเข้ามาหมายจะจับของในมือของผู้หวังดีที่เอามาให้แต่นายแบบคนดังก็ริบมันกลับคืนไปก่อน
“เดี๋ยวจะให้กันง่ายๆได้ไง”คีย์มองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ มินโฮจะโยนของบางอย่างมาให้เขามันคือเศษเหล็กสีดำหน้าจอแตกจนใช้ไม่ได้
“ของฉันมันหล่นตอนที่วิ่งชนกับเธอเมื่อวาน”คีย์มองมือถือที่พังอยู่ในมือก่อนจะมองหน้าของมินโฮ นอกจากจะทำกาแฟหกใส่เสื้อไม่พอยังไปทำโทรศัพท์เขาพังอีกเหรอวะ คิมคิบอม
“สองหมื่นถ้วน”
“ห๊ะ!!!”มือถือที่อยู่ในมือล่วงหล่นอย่างไม่ได้ตั้งใจทันทีที่ได้ยินราคาของมัน
“ละ...แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปให้นายละ”
ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่เงินที่พี่เพิ่งให้เป็นค่าขนมประจำอาทิตย์เพิ่งจะหมดไปกับรายงานที่ต้องส่งไปเมื่อเช้า ถามว่าเบิกได้หรือเปล่ามันก็ได้ แต่ใครจะไปขอเบิกตั้งสองหมื่นเพราะค่าโทรศัพท์รุ่นล่าสุดแต่ไม่คงทนกลับการใช้งานแบบนี้
“นั้นมันเรื่องของนาย”มินโฮตอบกลับหน้าตาเฉย จงฮยอนที่ยื่นฟังอยู่นานหยิบมือถือที่คีย์ทำหล่นเพราะได้ยินตัวเลขที่แพงหูฉี่ของมันขึ้นมาตบๆเคาะๆ
“มือถือบ้าอะไรวะแพงแต่ไม่ทนเสียดายเงินชะมัด”จงฮยอนมองหน้ามินโฮอย่างหาเรื่องแต่มินโฮกลับไม่สะทกสะท้านกับสายตาที่ส่งมาเลยด้วยซ้ำ จงฮยอนโยนมันกลับไปหาเจ้าของโดยไม่กลัวเลยว่ามันจะโดนหน้าคนรับหรือเปล่า
“คีย์ไม่ต้องเอาหรอกพวงกุญแจนั้นเดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ก็ได้”จงฮยอนดึงมือคีย์ให้หันกลับไปตามแรง
“น่าเสียดายเนอะ ได้ยินว่าเป็นของสำคัญไม่ใช่เหรอ”
มินโฮควงพวงกุญแจไปมาต่อหน้าร่างบางที่มองมันไม่กระพริบ จะยื่นมือไปหยิบก็คงยากเพราะดูท่าคนที่ถืออยู่คงไม่ปล่อยมันมาให้เขาง่ายๆ
“แต่พอมาอยู่ในมือของฉันมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วละโยนมันทิ้งไปน่าจะดีกว่า”
รอยยิ้มมุมปากเผยขึ้นให้เห็นบนใบหน้าหล่อ ยักคิ้วข้างนึงขึ้นเพื่อลองเชิงว่าคนตรงหน้าจะตอบอะไรกลับมาบ้างแต่กลับยืนเงียบทั่งคู่ ถ้างั้นลาก่อนแล้วกันนะ
มินโฮโยนมันลงไปยังชั้นล่างที่มีบ่อน้ำข้างสวนหย่อม คีย์มองตามของที่ลอยออกไปตามแรงโยนก่อนที่มันเห็นว่ามันตกลงใปในบ่อน้ำข้างล่าง
“นี้ นั้นมันของฉัน”
มินโฮไม่สนใจเสียงของร่างบางเลยซักนิดก่อนจะแสยะยิ้ม หยักไหล่เหือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันหลังเดินออกจากตรงนั้นแต่ก็ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกมือบางดึงให้หันกลับมา
ขายาวของจงฮยอนที่กำลังจะก้าวเข้าไปกระชากนายแบบดังให้หันมาคุยกันหยุดลงทันทีเมื่อคีย์แขนของเขาไว้พร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าเป้ของตัวเองมาให้เขาถือ ร่างบางตรงเข้าไปกระชากแขนของคนที่ทำความผิดเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยหมัดของตัวเองลงบนใบหน้าคมนั้นโดยไม่นึกเสียดายความหล่อที่มีเลยซักนิด
‘ปัก’
“นี้เธอ!” มินโฮร้องขึ้นเมื่อหมัดปล่อยเข้าที่ใบหน้าอันมีค่าของตัวเอง เขาหันกลับมามองหน้าหน้าคนที่กล้าทำลายใบหน้าหล่อๆ ของตัวเอง รู้ไหมว่าหน้าของเขามันสำคัญต่อการทำงานขนาดไหน
“งั้นหน้านายก็ไม่สำคัญกับฉันเหมือนกัน”
หน้าที่ขึ้นสีเพราะความโกรธบวกกับดวงตาแดงก่ำเคล้าไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่นัยน์ตาหวานทำให้มินโฮแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเองก็ลืมนึกไปว่าคนตรงหน้าไม่ใช้ผู้หญิงแค่ร่างกายที่เขาจะแกล้งได้อยู่ฝ่ายเดียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แค่เริ่มเรื่องน่ะเนี่ย
น่าอ่านค่ะ
น่าหนุกนะ
สู้ๆนะงับ ๆ พี่หนิง