ตอนที่ 46 : บทที่ 46 ประจันหน้า (100%)
ตอนที่ 46
วีรภัฏขับไล่ตามรถตู้สีดำคันใหญ่ที่ลักพาตัวกานต์รวีไปอย่างกระชั้นชิด แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อพวกคนร้ายเกิดไหวตัวทัน เมื่อรู้ว่ามีรถยนต์คันงามของผู้กองกำลังไล่ตามมาติดๆ พวกมันเร่งเครื่องเร็วขึ้นพลางขับปาดซ้ายปาดขวาพาให้รถคันอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงนั้นทั้งเบี่ยงรถหักหลบกันให้จ้าละหวั่นไปหมด เสียงไซเรนของรถตำรวจที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้พวกมันเปลี่ยนแผนและเลี่ยงไปใช้เส้นทางลัดซึ่งเป็นซอยแยกจากถนนใหญ่เข้าไป
ในขณะที่รถของผู้กองหนุ่มกวดไล่มาจนเกือบจะตามทันนั้น ก็บังเอิญมีรถโฟร์วีลสีควันบุหรี่คันหนึ่งเลี้ยวตัดหน้าออกมาจากซอยเล็กๆ อย่างกะทันหัน
เอี๊ยด...ด!!!
วีรภัฏเหยียบเบรกห้ามล้อจนตัวโก่ง ก่อนที่กันชนหน้าของรถตัวเองเกือบจะไปเสยเข้ากับท้ายรถคันข้างหน้าที่เลี้ยวออกมาอย่างไม่ได้ดูตามาตาเรือเข้า เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ทำให้เขาคลาดกับรถตู้ของกลุ่มคนร้ายที่หายพ้นไปจากสายตาอย่างน่าเสียดาย
โธ่เว้ย! อีกนิดเดียวก็จะทันแล้วแท้ๆ รถบ้านี่ดันมาขวางเสียได้
ผู้กองหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัยเต็มแรงพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อจู่ๆ ก็ถูกรถเลี้ยวตัดหน้าออกมาขวางไว้ มิหนำซ้ำเจ้าของรถยังค่อยๆ ขับอย่างเชื่องช้าจนเหมือนเต่าคลาน ทำเอาคนที่กำลังรีบร้อนตามหารถที่ลักพาตัวหญิงสาวคนรักไปนั้น ถึงกับโมโหขึ้นมา เขาบีบแตรรัวใส่รถคันหน้าที่วิ่งกั๊กเลนอยู่กลางซอย ไม่หลบไปชิดข้างใดข้างหนึ่งเสียทีทั้งที่ถนนในซอยนี้ มีที่กว้างพอจะให้รถสองคันวิ่งสวนกันได้อย่างสบาย
เจ้าของรถเลื่อนเปิดกระจกลงมา พลางยื่นแขนออกมาโบกไม้โบกมือเป็นเชิงขอโทษขอโพย เงาที่สะท้อนมาจากกระจกมองข้างนั้น ทำให้เห็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดคอโปโลสีดำ ตัดผมสั้นแบบรองทรง ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นแบบหรอมแหรม ดวงตาทั้งคู่ถูกอำพรางไว้ด้วยแว่นกันแดดสีชาอันใหญ่ จนทำให้คนที่มองแบบผ่านๆ ไม่อาจรู้ได้ว่า ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นนั้นคือใคร ก่อนที่เจ้าของรถจะขับเลี้ยวหายไปตรงซอยเปลี่ยวซึ่งแยกออกมาจากถนนใหญ่ในซอยที่ถัดมาจากแยกนั้นอีกไม่กี่เมตรราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้กองหนุ่มจึงขับเลยผ่านซอยนั้นไปด้วยความรวดเร็ว และไม่ทันได้สังเกตเลยว่าซอยที่รถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าไปนั้นจะเป็นซอยที่เชื่อมกันกับซอยที่รถตู้สีดำของคนร้ายเลี้ยวเข้าไปก่อนหน้านี้พอดี
ต่อ
รถตู้สีดำซึ่งติดฟิล์มมืดทึบแล่นมาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าโกดังรกร้างแห่งหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงพื้นที่ริมถนนท้ายสุดของซอย บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสูงจนเกือบท่วมศีรษะ ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกซ่อนตัวอยู่ในความมืดบดบังจากสายตาของคนภายนอกราวกับว่าจะใช้เป็นฐานทัพลับของคนบางกลุ่มได้เป็นอย่างดี
วายร้ายหนึ่งในจำนวนสามคนค่อยๆ แบกร่างอ่อนปวกเปียกไร้สติของกานต์รวีพาดบ่าเอาไว้แล้วเดินตามพรรคพวกอีกสองคนไปทางหน้าประตูโกดัง พลางบ่นกระปอดกระแปดอย่างหงุดหงิดมาตลอดทาง
คุณณัฐจะให้จับแม่นี่มาทำไมวะ ไหนทีแรกว่าจะเล่นงานลูกสาวไอ้ธนวัชรนั่น แล้วไหงอยู่ดีๆ ก็ให้มาจับคนที่ตัวเองส่งไปเป็นไส้ศึกกลับมาแทนเสียได้ ไม่เข้าใจเลย คิดอะไรของเขาอยู่นะ
แกจะสงสัยไปทำไมนักหนาวะ เราเป็นแค่ลูกน้อง นายเขาสั่งอะไรก็ทำๆ ไปเหอะน่า อย่ามาเรื่องมากนักเลย
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งซึ่งเป็นพรรคพวกของมันอีกคนพูดขึ้นมา พร้อมกับใช้ลูกกุญแจสีเงินวาววับไขแม่กุญแจลูกโตที่ใช้เป็นตัวล่ามโซ่ประตูเหล็กทั้งสองข้างที่ถูกปิดสนิทเอาไว้ให้แน่นหนาจนสามารถแน่ใจได้ว่า จะไม่มีใครแอบบุกรุกเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ได้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูเหล็กบานหนักอึ้งที่ถูกเปิดออกนั้น ดังลั่นก้องกังวานขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ ด้วยเพราะพื้นที่ในบริเวณนั้นเป็นที่ส่วนบุคคลซึ่งอยู่ห่างไกลจากชุมชนค่อนข้างมาก เมื่อประตูเปิดแล้วพวกคนร้ายจึงพากันเข้าไปภายในโกดังนั้นอย่างรีบร้อน
ภายในโกดังกว้างที่เปิดไฟสว่างเพียงรำไรพอให้มองเห็นได้บ้าง คนร้ายทั้งสามเดินวนไปวนมาตรวจตราความเรียบร้อยในบริเวณโกดังแห่งนั้นด้วยความระแวดระวัง ร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีชมพูสั้นเหนือเข่าถูกมัดมือไพล่หลังเอาไว้ด้วยเชือกอยู่บนเก้าอี้บุหนังที่มีสภาพโกโรโกโสตัวหนึ่ง หญิงสาวยังคงหลับคอพับคออ่อนอยู่บนพนักเก้าอี้นั้นอย่างไม่รู้สึกตัว
พวกแกนี่มันโง่จริงเกือบทำให้แผนของฉันพังแล้วรู้ไหม ถ้าฉันไม่ช่วยเอาไว้มีหวังพวกแกได้ถูกไอ้ตำรวจนั่นพาพวกมาจับเข้าซังเตไปแล้ว
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าคนร้ายทั้งสามนั้น ที่ยืนตัวลีบพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด หนึ่งในสามคนนั้นมีคนที่ตัวเล็กที่สุดแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มรีบเดินมาหยุดตรงหน้าผู้มาใหม่ พร้อมทั้งเอ่ยขอโทษขอโพยด้วยท่าทีประจบประแจง พร้อมกับชี้มือไปทางเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางโกดังว่างเปล่านั้น
ขอโทษครับนาย พวกเราผิดไปแล้ว อย่าลงโทษพวกเราเลยครับ ครั้งต่อไปผมรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแน่ๆ ว่าแต่นายจะให้ทำยังไงกับนังเด็กสาวคนนี้ดีครับ
ต่อ
ชายร่างสูงโปร่งและดูแกร่งกำยำนั้นได้ถอดแว่นกันแดดสีชาที่สวมเอาไว้อำพรางใบหน้าออก พลางเพ่งมองไปในความมืดสลัวนั้น เขาเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกจับมัดติดกับเก้าอี้เอาไว้ ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา พลางมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาวาววับเป็นประกาย แผนการในใจของเขาผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
กานต์รวี ขอบใจมากนะที่ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องลูกสาวหัวหน้าแก๊งหมิงมาให้ฉัน แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีประโยชน์มากกว่านั้นเสียอีก ฮ่าๆ
เสียงหัวเราะของคนที่เป็นเจ้านายทำให้พวกลูกน้องพากันหัวเราะตามไปด้วยอย่างประจบสอพลอ เสียงหัวเราะที่ดังกังวานไปทั้งอาคารโกดังรกร้างซึ่งเงียบสงบนั้น ทำให้คนที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้เอาไว้ค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัวทีละน้อย หญิงสาวกะพริบตาสองสามครั้ง พยายามจะเปิดเปลือกตาตัวเองขึ้นมาเสียงหัวเราะของคนแปลกหน้าราวสามสี่คนที่ดังมาจากที่ไกลๆ นั้นอย่างยากลำบาก เพราะฤทธิ์ยาสลบเมื่อครู่นั้นยังไม่หมดฤทธิ์ดี
พวกแกคอยจับตาดูผู้หญิงคนนี้ไว้ อย่าให้คลาดสายตาล่ะ เพราะเธอเป็นเหยื่อล่อชั้นดีที่จะทำให้ฉันสามารถกำจัด คู่อริคนสำคัญที่เป็นเหมือนเสี้ยนหนามของฉันมาตลอดได้ แล้วอีกอย่างถ้าจะรอลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าแก๊งที่ไม่ได้เรื่องนั้นคงอีกนานกว่าจะทำได้ ก็มันเล่นเอาตำรวจมาคุ้มกันซะแน่นหนาขนาดนี้ แต่ถ้ามีแม่นี่เป็นตัวประกันไว้ล่ะก็ ฉันคงจะมีอำนาจต่อรองมากพอที่จะเล่นงานเจ้าภัฏมันได้ แต่จะว่าไปก็น่าอิจฉาเจ้าเพื่อนที่โง่เง่านั่นจริงๆ นะ ไม่รู้ทำไมถึงชอบหาแฟนได้หน้าตาดีอยู่เรื่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ อะไรที่เป็นของไอ้ภัฏ สุดท้ายมันก็ต้องตกเป็นของฉันวันยันค่ำนั่นล่ะ ฮ่าๆ
เสียงของชายผู้นั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กานต์รวีที่เริ่มฟื้นคืนสติกลับมาแล้วพยายามลืมตามองคนพูด เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นช่างคุ้นหูยิ่งนักราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เมื่อหญิงสาวได้เห็นหน้าของชายหนุ่มคนนั้นก็จำได้ทันทีว่าเป็นคนที่จ้างวานให้เธอแฝงตัวเข้ามาในคราบนักศึกษาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของชลธิชาตั้งแต่แรก
คุณณัฐวุฒิเหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้
หญิงสาวอุทานออกมาในใจ แม้ว่าแสงไฟรำไรนั้นจะค่อนข้างมืดแต่เธอกลับมองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน พลันภาพเรื่องราวต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ย้อนกลับเข้ามาในทรงจำของเธออีกครั้ง
กานต์รวีนึกไปถึงตอนที่เธอเพิ่งคว้าใบปริญญามหาบัณฑิตด้านวารสารศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย และกำลังวิ่งวุ่นสมัครงานเป็นบรรณาธิการเขียนคอลัมน์ข่าวอาชญากรรมตามหนังสือพิมพ์หัวสีต่างๆ แต่ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงานเลย ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าบุคลิกของเธอไม่เหมาะที่จะทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้ ความใฝ่ฝันที่จะได้เป็นคอลัมนิสชื่อดังทางด้านข่าวอาชญากรรมที่เธอชอบนักชอบหนา จึงต้องถูกฝังกลบลึกลงไปในหัวใจอย่างรู้สึกห่อเหี่ยว หญิงสาวเดินคอตกออกมาจากสำนักพิมพ์แห่งสุดท้ายด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยหดหู่ราวกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ต่อ
กระทั่งมีใครบางคนติดต่อเข้ามาทางเบอร์โทรศัพท์ที่เธอลงประกาศหางานเอาไว้ในเว็บไซต์เกี่ยวกับข่าวอาชญากรรมแห่งหนึ่งบนโลกไซเบอร์ หญิงสาวดีอกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอกับณัฐวุฒิ ชายหนุ่มท่าทางเป็นสุภาพบุรุษที่ติดต่อมาหาเธอ โดยบอกว่าเขาเพิ่งเปิดสำนักพิมพ์ขึ้นมาใหม่ และกำลังหาคนที่จะมาเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับข่าวในแวดวงของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ
แต่ก่อนหน้านั้น กานต์รวีซึ่งมีประสบการณ์ในสายงานเป็นศูนย์เพราะตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีก็ต่อปริญญาโทอีกใบ จึงยังไม่มีโอกาสได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อน ณัฐวุฒิอยากแน่ใจว่าเธอจะทำงานให้เขาได้ดีจริงๆ จึงได้ขอให้เธอทดลองทำงานโดยการให้เธอไปตามเก็บข้อมูลของชลธิชา เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งมีบิดาเป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงการเมืองและมีอิทธิพลมากมายในแวดวงธุรกิจ โดยที่กานต์รวีจะต้องนำข้อมูลที่ได้นั้นมารายงานเขาทางโทรศัพท์เรื่อยๆ ถ้าหากว่าเธอทำงานที่ได้รับมอบหมายนี้สำเร็จลงได้ และทำให้ชายหนุ่มพอใจ เขาก็จะรับเธอเข้ามาเป็นทีมงานผู้รับผิดชอบเขียนคอลัมน์นี้ลงในหนังสือพิมพ์ของเขา
เมื่อได้ฟังข้อเสนอของชายหนุ่มเจ้าของสำนักพิมพ์ใหม่ หญิงสาวก็รีบตกลงปลงใจรับข้อเสนอนั้นทันทีอย่างไม่มีลังเล แค่เพียงคิดว่าหากเธอทำได้สำเร็จ ก็จะมีโอกาสได้เป็นคอลัมน์นิสอย่างที่ตัวเองใฝ่ฝัน ก็ทำให้ดีใจจนเนื้อเต้นจนไม่ทันได้คิดระแวงคลางแคลงใจเลยว่า สิ่งที่ชายหนุ่มหน้าตาท่าทางมาดดีคนนั้นจะเป็นเพียงกลลวงเพื่อหลอกใช้หญิงสาวแสนซื่ออย่างเธอให้หลงเชื่อได้อย่างสนิทใจ
ณัฐวุฒิเป็นคนติดต่อหาสถานที่พักชั่วคราวให้กับกานต์รวีเพื่อที่เธอจะได้ทำงานเก็บข้อมูลมาให้เขาได้อย่างสะดวก พร้อมทั้งจัดการปลอมแปลงเอกสารให้เธอสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยร่วมคณะและชั้นปีเดียวกับชลธิชาได้แนบเนียนจนไม่มีใครสงสัย ภายในเวลาอันรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ เหลือแค่เธอปฏิบัติการหาข้อมูลมาให้เขาเพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่า การตัดสินใจที่ขาดการใคร่ครวญและไตร่ตรองให้ดีก่อน จะนำมาซึ่งเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวและเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอเช่นนี้
อย่างนี้นี่เอง เขาถึงให้เราไปสืบข้อมูลของน้องน้ำ โธ่เอ๊ย กานต์รวี เธอนี่มันโง่จริงๆ ที่ยอมให้เขาหลอกเอาได้โดยไม่เฉลียวใจเลยสักนิด ว่าแต่นายณัฐวุฒิคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณภัฏกันนะ
หญิงสาวมองชายที่เอาเรื่องงานมาล่อหลอกให้เธอตายใจจนยอมช่วยเหลือเขาทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ได้แต่นึกโกรธตัวเองที่หลงเชื่อไปกับคารมของเขา คนเราสมัยนี้เห็นหน้าไม่รู้ใจเลยจริงๆ จากคำพูดของณัฐวุฒิทำให้เธอพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้เกือบทั้งหมด ที่แท้นายธนวัชรนักการเมืองคนนั้นคงจะเป็นหัวหน้าของแก๊งหมิง ผู้ที่มีอำนาจคอยกุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีชื่อฉาวโฉ่กระฉ่อนไปทั่วทั้งพื้นทวีปเอเชียตะวันออกฉียงใต้ในเวลานี้ และคนที่นายตำรวจหนุ่มอย่างวีรภัฏถูกส่งให้มาคุ้มกันนั้นก็คือชลธิชานั่นเอง
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยังดีนะเนี่ยที่เจอนายภัฏคุณตำรวจหนุ่มคนที่รักจริงอ่ะ อิอิ
และแล้วก็เฉลยมาทีละส่วนแล้วคร้า รอ รอ ตอนต่อไป
คุณตำรวจขา~~~
หนูกานต์แย่แล้ว รีบมาหน่อยเร้ว
เดี๋ยวคู่แค้นเก่าของคุณตำรวจก็...
ทำมิดีมิร้าย (แปลว่า ทำกลางๆ) หนูกานต์ได้หรอกค่า
Hayaku!!!
รอ รอ ครบๆคร้า คาใจมากๆ
นายณัฐนี่ใครอ่ะ
ผู้กองจะจัดการยังไงล่ะทีนี้
หนูกานต์เป็นไส้ศึก
Oh No
แล้วถ้าคุณตำรวจรู้
จะเป็นไงเนี่ย
ลุ้น ๆ
สู้ๆนะค่ะ
หนูกานต์ทำใจดี ๆ ไว้ คุณตำรวจกำลังตามมาค่า