ตอนที่ 39 : บทที่ 39 การรอคอยที่เจ็บปวด (100%)
ตอนที่ 39
วีรภัฏพยายามติดต่อกลับไปยังเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวอีกหลายที แต่ดูเหมือนว่าตัวเครื่องจะดับไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบตเตอร์รี่หมดหรือเพราะกานต์รวีปิดเครื่องกันแน่ วีรภัฏรู้สึกหงุดหงิดและออกอาการร้อนรนมากกว่าเดิม เขาได้แต่เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายกับหญิงสาวขึ้นมา
จนได้แต่เดินวนเวียนไปมาชะเง้อมองหน้าบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งที่เขามีความคิดขึ้นมาชั่ววูบว่าจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งเป็นตำรวจท้องที่ในละแวกนั้นให้ช่วยสืบหาเบาะแสของเด็กสาว แต่แล้วรถสปอร์ตสีเงินที่แล่นมาจอดนิ่งสนิทตรงหน้าบ้านก็ทำให้เขารู้ว่าที่เธอไม่ยอมรับสายแถมยังกดปิดเครื่องไปนั้นก็เพราะอยู่ในรถของปวีณ์กรนั่นเอง
ตำรวจหนุ่มแอบซ่อนตัวอยู่ในความมืดของบ้านซึ่งปิดไฟไว้เกือบสนิท มีเพียงแสงจากดวงไฟโคมใหญ่ตรงประตูรั้วบ้านเท่านั้น เขายืนมองกานต์รวีที่เดินกะเผลกลงมาจากรถโดยมีเด็กหนุ่มคอยประคองอยู่ไม่ห่าง กระทั่งเธอยืนรอจนรถของปวีณ์กรแล่นออกไปแล้ว จึงค่อยไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับได้พบเรื่องดีๆ มา
หายไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับ แถมยังปิดเครื่องอีก
วีรภัฏตะคอกถามเสียงดังจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เธอต่อว่าเขาที่มายืนทำลับๆล่อๆ อยู่หน้าประตูบ้านมืดๆ อย่างนี้ พลางคิดไปว่าชายหนุ่มคงจะแกล้งเธอกลับบ้าง เหมือนที่เธอเคยทำแบบนี้กับเขามาแล้วเมื่อหลายวันก่อน กานต์รวีทำหน้างุนงง เธอจำไม่เห็นได้เลยว่าชายหนุ่มโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อไร แต่พอหญิงสาวล้วงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาดูก็พบว่าหน้าจอดับไปแล้วโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายแอบปิดเครื่องไปโดยไม่ได้บอกกล่าว
อะไรของคุณเนี่ย มาถึงก็ตะโกนปาวๆ ใส่หูชาวบ้านอยู่ได้ แล้วมาว่าฉันปิดเครื่องได้ยังไง ฉันไม่ได้...เฮ้ย อ้าวทำไมมือถือมันดับไปล่ะ เอ๊ะ แบตก็ไม่ได้หมดนี่นา เออ จริงด้วยมีแต่เบอร์มิสคอลของคุณแต็มไปหมดเลย ขอโทษนะ พอดีปอนด์เขาพาไปทานข้าวที่ร้านอาหารฝรั่งเศสมาน่ะ แต่สงสัยที่นั่นจะเสียงดังไปหน่อยเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณ ขอโทษจริงๆ นะ แล้วนี่ทานอะไรหรือยังคะ
หญิงสาวหน้าจ๋อยไปสนิทเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับเป็นชื่อของวีรภัฏแทบทั้งหมด เธอหันไปยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่ายพลางเอ่ยขอโทษขอโพยเขา พร้อมกับรีบเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงปากท้องของชายหนุ่มทันที พลางมุ่งหน้าเดินไปที่ห้องครัวพร้อมกับโชว์เค้กชิ้นโตที่ซื้อมาฝากเขาตอนที่กำลังจะกลับออกมาจากร้านอาหารฝรั่งเศสหรูราคาแพงระยับนั้น
จริงสิ กานต์ซื้อเค้กมาฝากคุณด้วยนะ ทานเลยดีกว่านะ เดี๋ยวกานต์ไปหยิบจานกับส้อมมาให้ รู้หรือเปล่าร้านนี้น่ะเค้กเขาอร่อยมากๆ เลย รับรองว่าแค่ได้ชิมคำเดียวคุณจะต้องติดใจแน่ๆ
ต่อ
แต่เมื่อเดินผ่านเข้ามาในห้องอาหาร กานต์รวีก็ได้แต่ยืนมองบรรดาอาหารหน้าตาน่าทานหลายหลากชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าเขาทำเอาไว้และรอให้เธอกลับมาทานพร้อมกันอย่างที่เคยได้รับปากเอาไว้กับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเธอผิดคำสัญญานั้นเสียเอง
ตายจริง นี่คุณรอฉันทานข้าวอยู่เหรอ คุณภัฏ กานต์ขอโทษ กานต์ไม่รู้จริงๆ คุณจะรออยู่ ก็เห็นว่าคุณกับน้ำคงมีเรื่องให้คุยกันนาน เลยคิดว่าจะไปหาอะไรทานกันไปคุยกันไปพลางเสียอีก
หญิงสาวรีบเอ่ยปากขอโทษ เพราะคราวนี้เธอเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ แต่ชายหนุ่มดูเหมือนไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรอีกแล้ว เขาโกรธที่เธอไปทานอาหารเย็นกับเด็กหนุ่มและเพลิดเพลินจนลืมเวลา มิหนำซ้ำยังมีหน้ามาปั้นแต่งเรื่องหลอกให้เขาเชื่ออีกอย่างนั้นหรือ
วีรภัฏชักสีหน้าอย่างไม่พอใจอีกฝ่าย เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวงอย่างไร เขาแค่ไม่ชอบที่เห็นว่าเธอไปไหนมาไหนกับใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มนั่นที่ทำท่าสนอกสนใจเธออย่างออกนอกหน้า เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอ พร้อมกับดึงร่างบางเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วง กานต์รวีพยายามปัดป้องและขัดขืนพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหลบจากการกระทำของเขา
หยุดนะ คุณกำลังทำอะไรอยู่ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า
หญิงสาวโพล่งออกมาพร้อมกับทำท่าจะวิ่งหนี เธอบอกกับตัวเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความต้องการที่เกิดขึ้นในอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เธอไม่อยากให้ผูกมัดตัวเองไว้กับเขามากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะส่งผลเสียต่อหน้าที่ที่เธอกำลังรับผิดชอบอยู่ได้ แต่ตำรวจหนุ่มกลับไม่ฟัง เขาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่เธอจะหนีไปได้ และทำให้ถุงใส่เค้กที่อยู่ในมือของหญิงสาวกระเด็นตกลงไปกองกับพื้น
กานต์รวีหันมามองเค้กชิ้นโตที่เธออุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาเป็นของฝากเขา ร่วงหล่นลงไปกระจายอยู่บนพื้นเละอย่างไม่เหลือชิ้นดีด้วยความโกรธเคือง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่พลั้งเผลอไปมีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมาเหมารวมคิดไปว่าจะครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของเธอได้
รู้สิ ทำไมผมจะไม่รู้ คุณเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว แค่นี้ก็น่าจะรู้นะว่าผมกำลังจะทำอะไร ไม่เห็นต้องถามเลย
วีรภัฎตอบไม่ตรงคำถาม เขากระชากตัวเธอเข้ามาใกล้อีกครั้ง พร้อมกับใช้มือใหญ่ดันต้นคอของหญิงสาวเอาไว้ให้เงยหน้าขึ้นมารับรสจูบที่เร่าร้อนของเขา ชายหนุ่มพยายามแทรกลิ้นร้อนเข้าไปภายในเรียวปากบางนั้น แต่อีกฝ่ายก็ยิ่งพยายามเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พร้อมกับยกสองมือขึ้นมาทุบอกเขาราวกับจะประท้วงที่บังอาจล่วงเกินโดยที่เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ กระทั่งชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกให้หญิงสาวได้มีอากาศหายใจ จึงถูกแว้ดเสียงดังใส่ทันที
ต่อ
นายจะทำอะไร ฉันบอกให้หยุดไง อื้อ
หญิงสาวที่พยายามดิ้นรนขัดขืนอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของตำรวจหนุ่มก็ถูกปิดริมฝีปากลงอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่สามารถต้านทานแรงของเขาได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อถูกสองมือของเขาจู่โจมเข้าทั้งที่ส่วนบนและส่วนล่างของร่างกายตัวเองพร้อมๆ กัน กานต์รวีได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ หยดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลรินลงมายังสองแก้ม หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้กับเธอ ความอ่อนโยนและความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มหายไปไหนหมด หรือว่าที่แท้นี่คือตัวจริงของเขาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากของอาจารย์หนุ่มผู้แสนดีคนนั้น
เธอได้แต่นึกในใจ ใช่สินะตัวตนที่แท้จริงของเขาคือนายตำรวจหนุ่มที่มีหน้าที่ติดตามดูแลอารักขาคนสำคัญที่ไม่อาจเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร ไม่ใช่อาจารย์วีรภัฏซึ่งเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของบรรดาเด็กนักศึกษาสาวคนนั้น ไม่นานชายหนุ่มก็ปลดพันธนาการบนตัวของหญิงสาวออกจนหมด ไม่มีเหลือสิ่งใดปกคลุมอยู่บนร่างกายที่ขาวโพลนนั้น
วีรภัฏช้อนร่างเธอขึ้นมาแล้วอุ้มไปยังโซฟาในห้องรับแขกซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด แม้ว่าจะได้เห็นน้ำตาของหญิงสาวแต่เขาก็ไม่สามารถยับยั้งหรือควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองเอาไว้ได้เลย เมื่อความโกรธ ความอิจฉาริษยาและความรู้สึกหึงหวงประดังประเดเข้ามาบดบังสายตาของชายหนุ่มจนลืมจิตสำนึกในความรู้ผิดชอบชั่วดีไปหมดสิ้น
วันหลังห้ามไปกับนายนั่นอีกนะ
นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ในเมื่อนายเองก็ไปกับน้ำเขานี่
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดุดัน ขณะที่หญิงสาวเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เธอพยายามดิ้นสุดชีวิตในที่สุดก็หลุดจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม หญิงสาวรีบวิ่งไปหลบหลังโต๊ะอาหารทันที เธอเกิดรู้สึกกลัวชายหนุ่มขึ้นมาจับใจ วีรภัฏเองก็เริ่มหมดความอดทน เขาต้องทำให้หญิงสาวรู้ตัวว่าตอนนี้เธอเป็นของเขาแล้ว และเขาก็หลงรักเธอมากเกินกว่าจะยอมให้ใครมาแย่งเธอไปจากเขาได้ เขาจะทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความรักที่เขามีต่อเธอ ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นมันจะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำแบบนี้
ถามว่าผมมีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ ก็ได้...สิทธิ์ในความเป็นสามีทางพฤตินัยของคุณไงกานต์ ทีนี้จะยอมเชื่อฟังผมได้หรือยัง
สติของวีรภัฏขาดผึงลงในทันที เมื่อความรักและความใคร่บดบังสายตา ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการเลือดขึ้นหน้าจนใครก็ห้ามไม่อยู่ เขาปัดอาหารที่เขาเตรียมไว้บนโต๊ะออกไปจนจานชามร่วงลงไปหกกระจายเต็มพื้นไปหมด กานต์รวีได้แต่ยืนนิ่งงันเมื่อได้เห็นธาตุแท้ของเขา ก่อนจะร้องโวยวายออกมาเมื่อรู้แน่แก่ใจแล้วว่าชายหนุ่มจะทำอะไรเป็นลำดับต่อไป
จะทำอะไรน่ะ กรี๊ด ปล่อยฉันนะ คนบ้า คนทุเรศ ทำอย่างนี้กับฉันทำไม อุบ อื้อ...
ต่อ
ชายหนุ่มดึงร่างบางขึ้นมานอนราบไปกับโต๊ะอาหาร เขาปิดริมฝีปากบางไว้ด้วยริมฝีปากของเขา พร้อมกับถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แล้วเริ่มทำในสิ่งที่ชายหนุ่มคิดว่าจะทำให้หญิงสาวหลาบจำว่า เธอเป็นผู้หญิงของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยไม่สนใจเสียงวิงวอนร้องขอความเมตตาของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อถูกรุกรานหนักเข้าหลายๆ ครั้งติดต่อกัน ก็ทำเอาหญิงสาวทนรับกับความเจ็บปวดที่ถูกหยิบยื่นมาให้อย่างไม่เต็มใจนั้นไม่ไหวกระทั่งหมดสติไป พร้อมๆ กับอาการเกร็งกระตุกไปทั้งร่างในการปลดปล่อยความต้องการครั้งสุดท้ายของชายหนุ่ม
ร่างที่อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวที่นอนนิ่งไป ทำให้วีรภัฏได้แต่ตกใจกับการกระทำของตัวเอง ชายหนุ่มอุ้มกานต์รวีที่หมดสติขึ้นไปบนห้องของเขา พร้อมกับวางร่างหญิงสาวลงในอ่างอาบน้ำ เขาเปิดก๊อกน้ำอุ่นเพื่อล้างเนื้อตัวของเธอที่เต็มไปด้วยเศษอาหารต่างๆ ออกจนหมด เมื่อร่างบางสัมผัสกับสายน้ำเย็นๆ จึงทำให้สติของเธอกลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง
นายทำอย่างนี้ทำไม
เสียงสั่นเครือและแหบพร่าของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสำนึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอต้องเจ็บตัวแบบนี้ แค่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้องว่าควรจะทำให้กานต์รวีเข้าใจได้อย่างไรว่าเธอมีความหมายต่อเขามากถึงเพียงไหน มือใหญ่ของวีรภัฏสัมผัสลงที่แก้มนวลของหญิงสาวอย่างเบามือ พลางเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงทิ้งร่องรอยเหลือไว้ให้เขาได้รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เธอปัดมือของเขาออกไปและพยายามลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ แต่อาการเจ็บแผลที่หน้าแข้งบวกกับสะโพกที่เคลื่อนไหวได้ลำบากจากการกระทำของชายหนุ่ม ทำให้เธอเกือบจะล้มหัวฟาดลงไปกับขอบอ่าง ดีแต่ว่าอ้อมแขนที่แข็งแรงนั้นเข้ามาพยุงร่างของเธอไว้ได้ทัน ก่อนจะหกล้มหกลุกไปเสียก่อน
ผมขอโทษนะกานต์ที่ทำให้คุณเจ็บ
วีรภัฏเอ่ยพร้อมกับช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาแนบอก เขาพาเธอมาวางลงบนเตียงนอนนุ่มของตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำออกจากร่างบางนั้นแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม หญิงสาวรู้สึกว่าการกระทำของเขาในตอนนี้ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง เธออดสงสัยไม่ได้ว่า แบบไหนกันแน่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา
ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ คุณวีรภัฏ ที่ทำแบบนี้กับฉัน ต้องการอะไรกันแน่
ผมต้องการแค่คุณเท่านั้นกานต์ แค่คุณคนเดียวก็พอ
เสียงนุ่มเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวที่นอนทอดกายอยู่บนเตียงนอนของชายหนุ่มอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง คำพูดประโยคนั้นของเขา สร้างความประหลาดใจให้กับกานต์รวีเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจความคิดของเขา ไม่เข้าใจมันเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกดีที่ได้ยินคำเหล่านั้น นี่เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงต้องดีใจกับคำพูดของคนที่ทำร้ายจิตใจและร่างกายเธอขนาดนี้ด้วย
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เมื่อไหร่จะสมหวังซักทีเนี่ย 55
อย่าให้ปอนด์ได้กานต์ไปนะ
แล้วอย่างนี้สาวกานต์ไม่กลัวแย่เหรอจ๊ะ
ใจเย็นๆสิภัฏ สงสารกานต์บ้างและที่สำคัญ
กานต์ก็บอกทุกอย่างนะเนี่ย แต่ไม่ฟังกันเลย
หนูกานต์ตกใจแย่แร้ววววววววววววววววววววววววววววว
หึงน่ากลัวมากกก
ทำกานต์ร้องไห้เลยน่ะๆๆๆๆๆๆๆ
คุณตำรวจขี้หึงจริงๆ
ว้าว คุณตำรวจขา
ปกติเค้าก็สอบสวนผู้ต้องหากันก่อนลงโทษไม่ใช่เหรอคะ
ไหง คุณตำรวจสำเร็จโทษกันเรย
ผู้สาวเค้าตกใจนา
คุณตำรวจเค้าหึงนะ หนูกานต์ยังไม่รู้ตัวอีก
เหอ ๆ