ตอนที่ 32 : บทที่ 32 ตัวตนที่แท้จริง (100%)
ตอนที่ 32
ทางฝ่ายปวีณ์กรกับชลธิชา ทั้งคู่กลับมาถึงที่พักอย่างปลอดภัยได้สองชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่ากานต์รวีและอาจารย์หนุ่มจะกลับมาแต่อย่างใด เด็กหนุ่มได้แต่เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่ที่บริเวณบ้านพักของอาจารย์เพื่อรอการกลับมาของเพื่อนสาวอย่างเป็นกังวล เช่นเดียวกับผานิดา อาจารย์สาวผู้สูงวัย ซึ่งเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งก็มีท่าทีร้อนรนกังวลใจเช่นกัน
เธอบอกกับเจ้าหน้าที่ทางหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กองหนุ่มแล้ว แต่ได้รับคำตอบมาว่าพายุโหมกระหน่ำแบบนี้ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงขึ้นไปตามหาได้ คงต้องรอให้ฝนซาฟ้าใสกว่านี้อีกสักหน่อย ทีมกู้ภัยจึงจะระดมกำลังขึ้นไปช่วยค้นหาผู้สูญหายทั้งสองได้
เมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมาสักทีนะ ตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว ฝนก็ตกหนักขนาดนี้ กานต์จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย
ชายหนุ่มที่เดินวนไปวนมาจนพื้นแทบจะสึกอยู่แล้ว เขาเปรยขึ้นมากับเพื่อนสาวคนสนิท เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงกานต์รวีมากกว่าใคร ชลธิชาเองก็เป็นห่วงเพื่อนของเธอไม่แพ้กัน แต่ก็ได้แค่พูดปลอบใจตัวเอง และยังคงรอคอยต่อไปอย่างมีความหวัง
ไม่ต้องห่วงหรอกปอนด์ มีอาจารย์ภัฏไปด้วยทั้งคน กานต์ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้วล่ะน่า
ไปกับอาจารย์นั่นแหละยิ่งน่าเป็นห่วง บางทีกานต์อาจจะถูกอาจารย์นั่นทำมิดีมิร้ายเอาก็ได้
นายจะห่วงอะไรกานต์เขานักหนา เขาโตแล้วน่า ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงไปนักหรอก
ปวีณ์กรโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิท เขามัวแต่เป็นกังวลว่าหญิงสาวในฝันของเขาอาจจะตกหลุมพรางของอาจารย์หนุ่มจนเกิดเสียท่าขึ้นมาก็ได้ สาวน้อยลูกคุณหนูเริ่มหมดความอดทน ตั้งแต่กลับมาปวีณ์กรก็มัวแต่ห่วงกานต์รวีจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เธอคงคิดถูกแล้วที่ระหว่างทางเดินขึ้นเขาทดสอบความกล้านั้น ไม่ยอมสารภาพความในใจของตนออกไป อย่างที่อาจารย์หนุ่มได้วางแผนไว้ให้
เธออ่านจากสายตาของเขา ตอนที่กำลังจะถูกปล่อยตัวจากจุดสตาร์ท แค่มองหน้าเขา เธอก็เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งว่าเขาคงจะรักกานต์รวีมากกว่าเธอ ไม่สิ เขาไม่เคยมองเห็นเธออยู่ในสายตาเลยแม้สักวินาทีเดียว
อ้าว ก็กานต์เป็นเพื่อนของเรานะครับน้ำ จะไม่ให้ปอนด์ห่วงได้ยังไงล่ะ
เหรอ แล้วถ้าคนที่หายไปคือน้ำบ้าง ปอนด์จะห่วงเหมือนอย่างที่ห่วงกานต์เขารึเปล่าล่ะ
เมื่อเพื่อนชายเอ่ยแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ชลธิชาก็เริ่มทนไม่ไหว เธอยืนกอดอกขึ้นพลางพูดเสียงสูงตัดพ้อต่อว่าอย่างประชดประชันกลับไปบ้าง อยากรู้นักว่าเขาจะตอบเธอว่าอย่างไรกัน
ต่อ
ไร้สาระน่า น้ำ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ยังจะมามางอนอะไรเป็นเด็กๆ อีก
ใช่สิ น้ำมันเด็ก น้ำก็เป็นแค่เด็กเล็กๆ คนหนึ่งในสายตาปอนด์มาตลอดนั่นล่ะ ถ้าห่วงคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างกานต์มากนักล่ะก็ งั้นเชิญนายนั่งเฝ้าต่อไปแล้วกัน น้ำขอตัวก่อนล่ะ
ชายหนุ่มเริ่มขึ้นเสียงบ้าง เขารู้สึกไม่พอใจกับอากัปกิริยาของเพื่อนสาวที่มาทำตัวงี่เงาไร้สาระ ในเวลาคับขันอย่างนี้ ชลธิชากระชากเสียงใส่เพื่อนชายอย่างหมดความอดทน เด็กสาวกำมือแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้น้ำตาไหลรินลงมาต่อหน้าเขา
เธอกล่าวลาสั้นๆ ก่อนที่จะพาตัวเองวิ่งกลับไปทางโรงแรมแล้วขึ้นห้องพักไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มมองตามอย่างไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทของตนเป็นอะไรกันแน่ เขามองจนเธอวิ่งหายลับไปจากสายตา แล้วจึงย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าห้องโถงกลางในเรือนพักของอาจารย์เพียงลำพังคนเดียว
พายุฝนพัดผ่านไปแล้ว แสงแรกของวันเริ่มสาดส่องเข้ามาภายในโพรงหิน เสียงนกและเหล่าสรรพสัตว์ต่างๆ ที่ออกหากินในยามเช้า ส่งเสียงร้องขับขานบรรเลงเป็นท่วงทำนองไพเราะหวานหูดังแว่วเข้ามาในที่พักหลบฝนชั่วคราวของคนสองคน
หญิงสาวที่นอนซุกตัวอยู่ภายใต้ไออุ่นจากกายของชายหนุ่มอย่างมีความสุข ค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นรับแสงอรุณในเช้าวันใหม่ที่สดใส เธอเอียงหน้าไปมองใบหน้าคมเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนั้นอย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าหล่อใสที่ดูเกลี้ยงเกลาไร้สิวฝ้า แพขนตาที่ยาวงอนงามราวกับดวงตาของผู้หญิง ปลายจมูกโด่งที่ซุกซนอยู่บนร่างของเธอเมื่อคืน และริมฝีปากรูปกระจับที่พร่ำสัมผัสไปทั่วกายของเธออย่างเร่าร้อน หญิงสาวนึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า โดยเฉพาะสองแก้มของตนนั้นอุ่นจัดป่านนี้คงกลายเป็นสีแดงสุกปลั่งอย่างเห็นได้ชัดเป็นแน่
ไม่นานนักคนที่หลับอยู่ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นราวกับรู้ว่ามีใครมองจ้องอยู่ แพขนตายาวนั้นกะพริบถี่ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา อีกฝ่ายพอเห็นเข้าก็รีบเบือนหน้าหลบตาไปอีกทางด้วยความรู้สึกกระดากอาย สองแก้มแดงระเรื่อมาจนถึงใบหู ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจกับปฏิกิริยาเช่นนั้นของหญิงสาว มือใหญ่เชยคางเธอให้หันกลับมาประจันหน้ากับเขา พร้อมกระซิบคำทักทายยามเช้าที่ข้างหูแม่สาวน้อยตัวยุ่งของเขา
อรุณสวัสดิ์ครับกานต์
ชายหนุ่มจุมพิตบนเรียวปากบางของหญิงสาว ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไปจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา เขาอมยิ้มมองอีกฝ่ายที่ได้แต่นอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าแดงก่ำซุกตัวอยูภายใต้แผ่นอกแกร่งนั้น แม้ว่าอยากให้เวลาหยุดลงเพียงแค่ตรงนี้ เขาจะได้มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดเธออย่างนี้ต่อไปอีกตราบนานเท่านาน
ทว่าเขาไม่อาจให้ทุกอย่างเป็นไปเช่นดังที่หวังอย่างนั้นได้ ด้วยสติสัมปชัญญะที่กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เรียกเอาความรับผิดชอบของชายหนุ่มในฐานะของตำรวจซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายมาจากผู้บังคับบัญชากลับมาด้วย
ผมว่าเรารีบกลับที่พักกันเถอะ พวกอาจารย์กับเพื่อนๆ ของคุณคงเป็นห่วงกันแย่แล้ว
ชายหนุ่มคลายวงแขนของตัวเองที่ใช้ต่างหมอนให้หญิงสาวหนุนนอนมาตลอดทั้งค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนนั้น ค่อยๆ ขยับกายเลื่อนตัวออกมา แล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบกางเกงที่เขาโยนไปกองไว้อีกทางขึ้นมาสวมไว้ดังเดิม โดยมีสายตาของกานต์รวีที่ได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองเรือนกายของเขาไม่วางตาราวกับต้องมนตร์สะกด เจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าท่อนบนเหลือบมองหญิงสาวด้วยหางตา เขาหัวเราะในลำคอน้อยๆ พลางเอ่ยถามเสียงนุ่มอย่างหยอกล้อ ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
ต่อ
กานต์ชอบมองผมเหรอครับ
บ้า! ใครเขาจะไปชอบมองคนอย่างนายกัน
หญิงสาวรีบแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พลางหันไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาสวมบ้าง แม้จะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ค่อยสะดวกนักด้วยเพราะบาดแผลตรงหน้าแข้งที่เริ่มระบมรวมไปถึงร่างกายท่อนล่างของตัวเองที่เพิ่งผ่านศึกรักครั้งแรกมาหมาดๆ ชายหนุ่มทำท่าจะเข้ามาช่วยเธอสวมเสื้อผ้า แต่หญิงสาวเอาแต่ปัดป้องพร้อมกับเขวี้ยงเสื้อนอกของเขาคืนใส่เจ้าของ
วีรภัฏไม่ทันสังเกตว่าช่องลับด้านในของเสื้อเลื่อนเปิดออกได้เองตั้งแต่เมื่อไร เขาคว้ามันไว้ได้เพียงแค่แขนเสื้อ ส่วนปืนพกกระบอกเล็กนั้นร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดัง โชคดีที่ปืนไม่ได้ลั่นใส่ใครให้เป็นอันตราย เสียงของวัตถุบางอย่างที่ตกลงกระทบพื้น ทำให้กานต์รวีหันไปมอง เธอได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่ามีอาวุธพกพาขนาดเล็กตกอยู่บนพื้น หญิงสาวเริ่มกระเถิบตัวออกห่างตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
ปืนนี่ นายเป็นอาจารย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีปืนพกแบบนี้ด้วย หรือว่า...นายเป็นโจร
ชายหนุ่มรีบปฏิเสธทันควัน พร้อมกับพยายามอธิบายด้วยกลัวว่าหญิงสาวจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
ผมไม่ได้เป็นโจรผู้ร้ายที่ไหนหรอกครับกานต์ ใจเย็นๆ ก่อนนะ เดี๋ยวผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง
ไม่ใช่โจรแล้วนายจะมีปืนได้ยังไง หรือนายจะบอกว่านายเป็นตำรวจปลอมตัวมา คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ
กานต์รวีพูดดักคอเหมือนรู้ทัน ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยอมรับออกมาว่าเขาเป็นตำรวจจริงๆ พร้อมกับโชว์ตราสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรมสอบสวนดคีพิเศษให้หญิงสาวดู แต่เขามาอยู่ที่นี่ในฐานะอาจารย์ด้วยเหตุผลใดนั้น นายตำรวจหนุ่มได้แต่เก็บเงียบเอาไว้เป็นความลับไม่ยอมบอกเช่นเดิม
ใช่ครับ ผมเป็นตำรวจ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ดูนี่ ผมบอกได้แค่ว่า ตอนนี้ผมแฝงตัวเข้ามาเพื่อทำหน้าที่เฝ้าอารักขาบุคคลสำคัญคนหนึ่งอยู่ แต่คนๆ นั้นเป็นใคร ผมคงไม่สามารถบอกคุณได้มากกว่านี้
หญิงสาวทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเขาสักเท่าใดนัก แต่ในมือของเขามีหลักฐานทนโท่อยู่ขนาดนี้คงจะไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวงแน่ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยได้ยินบ่อยๆ เรื่องที่มีคนชอบปลอมตัวเป็นตำรวจแล้วไปก่อคดีกับประชาชนผู้บริสุทธิ์เอาไว้มากมาย แต่สังเกตจากสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มแล้ว เธอก็เชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง แต่ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า บุคคลสำคัญที่นายตำรวจหนุ่มพูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่
ถ้านายเป็นตำรวจที่มาเฝ้าอารักขาบุคคลสำคัญจริง แล้วทำไมมาอยู่กับฉันตอนนี้ได้
กานต์รวีพูดพลางมองหน้าสบตาอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขายอมปริปากบอกเป้าหมายที่แท้จริงได้เลย
ต่อ
ขอโทษครับ เรื่องนั้นผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ
คำตอบของวีรภัฏ ทำให้หญิงสาวคิดวนเวียนไปมาในหัวอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าคนๆ นั้นจะเป็นห่วงการทำงานของเธอ ถึงขนาดส่งคนมาคอยตามประกบเพื่ออารักขาอย่างนี้ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้คนอย่างเธอจะมีความสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ กานต์รวีมัวแต่นั่งเหม่อนึกตามคำพูดของเขา ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อนายตำรวจหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ เธอเขยิบตัวถอยหลังหนีอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกไม่ไว้วางใจเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
นายจะทำอะไรน่ะ
วีรภัฏที่สวมเครื่องแต่งกายของตัวเองเรียบร้อยแล้วเดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว พร้อมกับหันหลังให้เธอแล้วย่อตัวลงมาข้างๆ หญิงสาวส่งสายตาไม่ไว้วางใจกลับไปให้อีกฝ่าย เธอไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันอีกแน่
กานต์ ไม่สิ ที่รัก แผลที่ขาคุณยังไม่หายดี คงจะเดินลำบาก ให้ผมแบกไปดีกว่านะครับ
นายตำรวจหนุ่มพยายามเปลี่ยนเรื่อง เขาอยากให้เธอลืมสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ให้หมดสิ้น เพื่อที่เขาจะได้ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล
มาที่ร้ง ที่รักอะไรเล่า ใครเป็นที่รักของนายกัน หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! แล้วอีกอย่าง ห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า
ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้าวีรภัฏแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง กานต์รวีชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ ก่อนจะยอมให้ชายหนุ่มค่อยๆ ช้อนร่างเล็กของเธอขึ้นบนหลังของเขา เพราะรู้สังขารของตัวเองดีว่า หากยังคงดึงดันที่จะเดินไปเอง ก็มีแต่เธอนั่นล่ะที่จะต้องเจ็บตัวจากการระบมของบาดแผลมากขึ้น
ครับ ๆ ผมรับทราบแล้วครับ...ที่รัก
ยังจะมาที่รักอีก นายนี่มันกวนประสาทจริงๆ ลองพูดอีกทีฉันจะบีบคอนายให้ตายเลยคอยดู
โอ๊ยเบาๆ สิ แค่กๆ ขอโทษคร้าบ ผมยอมแล้ว อย่าทำผมเลยนะ คนอะไรหน้าตาก็ออกจะสะสวย แต่มือหนักเป็นบ้าเลย
กลัวแล้วใช่ไหม ดี ถ้านายพูดอีกทีล่ะก็ โดนหนักกว่านี้แน่
วีรภัฏรู้สึกสนุกกับการที่ได้หยอกล้อหญิงสาว ชายหนุ่มเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วว่าเขาคงตกหลุมรักเด็กสาวจอมจุ้นอย่างเธอเข้าแล้ว หญิงสาวที่อยู่บนหลังแกล้งกลบเกลื่อนอาการขัดเขินของตัวเองด้วยการเอามือทุบตีบนไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงนั้นอย่างไม่ยั้งมือ และไม่วายพูดขู่ พร้อมกับกระชับวงแขนของตนที่โอบรอบคอของชายหนุ่มให้แน่นขึ้น
คนถูกขู่ร้องเสียงหลงก่อนจะทำเป็นไอเหมือนสำลัก พร้อมกับแกล้งโวยวายขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก หญิงสาวจึงหัวเราะน้อยๆ อย่างพึงพอใจกับคำขู่ของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังแบกร่างเล็กๆ ของตัวเองอยู่นั้น กำลังอมยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขแค่ไหนที่ได้ลับฝีปากโต้คารมกับเธอ
ติดตามตอนต่อได้เร็วๆ นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โล่งอก คิดว่าจะมีปัญหาเพิ่มซะแล้ว
งั้นเหลือปัญหาก็คือ งานของทั้งคู่ จะมาแจ๊คพ็อตแตก ป๊ะกันที่ส่วนไหนของเส้นทางแล้วล่ะ จุดตัดของกราฟ เอิ้กๆ
ชอบเล่นไม่เป็นเรื่อง
หวานเกินไปแล้วนะ
น่ารักอ่ะคู่นี้
อ๊อยแอบเขิลแทน
ขอหวานๆอีกนะคะ
แล้วก็รีบทำให้นายปอนด์รู้ใจตัวเองสักที
อักฝ่ายต้องการปกป้องงง อิอิๆๆๆ
ตื่นเต้นแล้วสิ!!!1
อันตรายจริงๆ ความไว้ใจไม่เข้าใครออกใครเด๊อ
ถึงจะรักก็เหอะน่ะ
แต่คู่ภัฏกับกานต์อ่ะดิ เขินกันน่าดู อิอิ
สู้กานต์กะภัฐก้อไม่ได้ สองคนนี้สนุกก่าเยอะไม่มีมานั่งงอนอะไรมากมาย 555
อัพค่ะๆๆ
อ้าววว...คู่ของน้ำ..น้ำยังไม่ได้สารภาพเหรอเนี่ย
อัพๆๆๆ
รักน๊า ตามมา เม้นท์ๆ
ดีแล้วล่ะน้ำ หญิงไทยใจงาม แค่ทอดสะพานก็พ๊อออ อย่าถึงขั้นเป็นฝ่ายพูดก่อนเลยเนอะ
ความจริงทั้งคู่ ถึงคราวเป็นเผยแล้วจริงอ่ะ 55+ ไม่อยากเป็นสมภารใช่มั้ยล่า อาจารย์ปลอม