ตอนที่ 2 : บทที่ 2 อดีตที่อยากลืม
ตอนที่ 2
หลังจากได้อ่านรายละเอียดงานและแผนการที่กลุ่มงานสอบสวนได้วางเอาไว้ วีรภัฏจะต้องปลอมตัวไปเป็นอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ลูกสาวของอดีตนักการเมืองเข้าเรียนอยู่ แถมวิชาที่ต้องสอนนั้นก็เป็นวิชาเศรษฐศาสตร์ที่เขาไม่ค่อยถนัดสักเท่าไรนัก ไหนจะต้องหาที่พักซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของเป้าหมายเพื่อที่จะได้สอดส่องสิ่งต่างๆ รอบตัวได้สะดวกยิ่งขึ้น และที่แน่นอนก็คือ ต้องไม่ให้บุคคลที่เป็นเป้าหมายล่วงรู้ถึงภารกิจนี้อีกด้วย แค่นึกเขาก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างครุ่นคิด เขายังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปหาที่พักชั่วคราวสำหรับทำภารกิจนี้ได้อย่างไร ถิ่นพำนักของนายธนวัชรนั้น อยู่ในบริเวณเขตบางกะปิ เป็นบริเวณที่ซึ่งเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้าไปบ่อยนัก จึงไม่รู้ว่าแถวนั้นจะยังพอมีที่ให้เขาได้ใช้เป็นที่พักบ้างหรือเปล่า มือใหญ่เอื้อมลงไปคว้ากระเป๋าสีดำใบย่อมขึ้นมาจากพื้นแล้วรูดซิบเปิดออกพลางหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคู่ใจออกมาวางบนบนโต๊ะทำงาน
ผู้กองหนุ่มเปิดเว็บเพจของแหล่งเสิร์ชเอนจินที่ใหญ่ที่สุด ก่อนจะพิมพ์รายละเอียดของสถานที่ใกล้เคียงกับบริเวณบ้านของเป้าหมายลงไปในช่องว่างนั้น รายชื่อบ้านว่างให้เช่าเรียงรายเป็นพรืดบนหน้าจอเต็มไปหมด เขาค่อยๆ กดเข้าไปดูทีละหน้า พร้อมกับโทรศัพท์ไปสอบถามรายละเอียดเพื่อค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจนี้
ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เมื่อวีรภัฏเหลือบไปเห็นข้อความประกาศว่ามีบ้านว่างให้เช่าหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับบ้านของตระกูลชนาสินธุ์พอดี นายตำรวจหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะรีบจดเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกับรายละเอียดเอาไว้ทันที พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับชื่อของผู้ลงประกาศในเว็บไซต์นั้นโดยบังเอิญ
ภัทรศยา
ไม่น่ะ คงไม่น่าใช่ คนชื่อเดียวกันมีออกถมเถไป โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก
เขาส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความคิดของตัวเอง พลางมองไปยังชื่อผู้ลงประกาศอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจกดเบอร์โทรศัพท์นั้นเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องบ้านว่างที่เปิดให้เช่าอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร เสียงสัญญาณรอสายดังอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนนายตำรวจหนุ่มเกือบจะเปลี่ยนใจกดวางสายแล้ว หากปลายสายไม่ได้กดรับขึ้นมาเสียก่อน วีรภัฏรีบกรอกเสียงลงไป พลางเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
สวัสดีครับ นั่นใช่เบอร์คุณภัทรศยา ที่ลงประกาศให้เช่าบ้าน แถวถนนรามคำแหงหรือเปล่าครับ
อ่อ ใช่ค่ะ ดิฉันภัทรศยา เป็นเจ้าของประกาศนั้นเอง มีอะไรหรือเปล่าคะ
เสียงของหญิงสาวนามว่าภัทรศยาเอ่ยตอบ ก่อนจะถามย้อนกลับไปหาบุคคลที่โทรศัพท์เข้ามาอย่างข้องใจ วีรภัฏแสร้งตอบตามข้อมูลที่อดีตผู้บังคับบัญชาวางแผนเอาไว้ทันที
ครับ ผมชื่อ วีรภัฏ นะครับ พอดีว่าผมกำลังหาบ้านเช่าอยู่น่ะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้บ้านยังว่างอยู่หรือเปล่าครับ
น้ำเสียงที่คุ้นหูของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวปลายสายเกิดรู้สึกเอะใจขึ้นมา ยิ่งเมื่อได้ยินชื่อคลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนที่เคยรู้จักมาก่อน จึงอดถามกลับไปไม่ได้
ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ คือดิฉันเพิ่งทำสัญญากับผู้เช่าไปเมื่อเช้านี้เองค่ะ เลยยังไม่ทันได้ลบประกาศออกจากเว็บไซต์ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะคะ เมื่อกี้คุณบอกว่าชื่อ วีรภัฏใช่ไหมคะ ใช่พี่ภัฏ ที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิตรามฯ หรือเปล่าคะ
หืม? ใช่ครับ คุณทราบได้ยังไงครับ
เมื่อได้ยินหญิงสาวจากปลายสายถามกลับมา ทำเอานายตำรวจหนุ่มถึงกับแปลกใจ เขาตอบไปอย่างลืมตัว ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองว่าเป็นใคร ภัทรศยากรอกเสียงหวานลงไปในสายทันที เมื่อรู้ว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคืออดีตรุ่นพี่ร่วมรั้วโรงเรียนเดียวกันและยังเคยเป็นคนรักเก่าของเธอที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสิบปีได้ นับตั้งแต่วันที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลงเอยด้วยไม่ดี
นั่นไง ว่าแล้วเชียวได้ยินเสียงคุ้นๆ พี่ภัฏ นี่ซินดี้เองนะคะ จำได้หรือเปล่า ที่เราเคยคบกันตอนสมัยมัธยมไงคะ
ซินดี้เหรอ? ถึงว่าชื่อคุ้นๆ สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พี่ เอ่อ ผม เมื่อกี้คุณบอกว่าบ้านไม่ว่างแล้วใช่ไหมครับ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรถามอีกที่หนึ่งดู ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับ แค่นี้ก่อนนะ...
เมื่อได้ยินว่าบ้านเช่าซึ่งอยู่ติดกับบ้านของเป้าหมายนั้น มีคนเช่าไปก่อนหน้าเขาแล้ว อีกทั้งเจ้าของบ้านที่ลงประกาศไว้ยังเคยเป็นคนใกล้ตัวที่เคยมีความสัมพันธ์เบื้องลึกกันมาก่อน เขาจึงรีบพูดตัดบททันที ไม่อยากเสวนากับเธอให้มากไปกว่านี้ด้วยกลัวว่าความลับเรื่องที่เขาปลอมตัวไปเป็นอาจารย์จะกลายเป็นที่น่าสงสัยได้
อ้าว เดี๋ยวสิคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อุตส่าห์มีโอกาสได้คุยกันทั้งที จะรีบร้อนวางไปไหนล่ะคะ เอาอย่างนี้นะคะ เรื่องบ้านที่พี่ภัฏกำลังหาอยู่น่ะ พอดีว่าบ้านของซินดี้มีสองห้องนอน แล้วคนที่มาเช่าไว้ก่อนก็เป็นเด็กนักศึกษาสาวคนเดียว เห็นบ่นๆ อยู่เหมือนกันว่าเงินที่เขามีอาจจะไม่พอค่าเช่า เอาเป็นว่าถ้าพี่ภัฎต้องการที่พักจริงๆ ซินดี้อาจจะพอคุยกับเด็กคนนั้นให้ก็ได้นะคะ
ทั้งที่นายตำรวจหนุ่มอุตส่าห์ตัดใจว่าคงจะต้องหาที่พักที่ใหม่แล้ว พอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดมาเขาก็อดยินดีไม่ได้เพราะบ้านหลังนั้นเป็นเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับภารกิจครั้งนี้ของเขา แต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายจับได้ จึงแกล้งทำเป็นพูดปฏิเสธไป ทั้งที่ใจก็ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าเพื่อเห็นแก่เขาที่เคยเป็นคนรักเก่ามาก่อน หญิงสาวอาจจะยอมคืนค่ามัดจำนั้นไป แล้วให้เขาได้เช่าบ้านหลังนั้นแทนก็เป็นได้
แล้วคนที่มาเช่าก่อนหน้านี้พักเขาจะไม่ว่าเอาเหรอครับ อีกอย่างทางนั้นก็เป็นผู้หญิงด้วย ต้องมาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับผู้ชายแปลกหน้า ผมว่าคงไม่ดีละมั้งครับ
ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวซินดี้จะลดราคาให้เขาเป็นพิเศษก็ได้ ดูท่าทางแล้วเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัวในห้อง คงไม่มารบกวนกับพี่ภัฎมากหรอกค่ะ เอาเป็นว่า เย็นนี้เรานัดคุยรายละเอียดกันที่บ้านของซินดี้ตอนหกโมงเย็นแล้วกันค่ะ อุ๊ย พอดีมีสายเข้า แค่นี้ก่อนนะคะพี่ภัฏ
ดะ เดี๋ยวก่อนครับ คือว่าผม เฮ้อ อะไรของเขาเนี่ย ยังไม่ทันตกลงอะไรด้วยเลยก็รีบวางหูไปซะแล้ว ทีนี้เอาไงดีล่ะเรา
ภัทรศยาเอ่ยแบบตัดสินใจเอาเองดื้อๆ ก่อนจะรีบร้อนวางสายไปทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ วีรภัฏได้แต่บ่นใส่คนในโทรศัพท์อย่างนึกเคือง แต่จะว่าไปแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับความหวังดีจากเธอ ชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ถึงแม้จะอดกังวลไม่ได้ว่าแผนการลับของเขาจะต้องมารั่วไหลที่นี่หรือไม่ เขาได้แต่ภาวนาให้เด็กสาวอีกคนที่เขาจะต้องอยู่ด้วยนั้น เป็นคนเงียบๆ และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องตลอดเวลา เหมือนอย่างที่แฟนเก่าว่าไว้จริงๆ
ผู้กองหนุ่มวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางหลับตาลง พลันเรื่องราวในอดีตที่ยากจะลืมก็ไหลย้อนเข้ามาในห้วงความคิดของเขา
ในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน วีรภัฏพบว่าตัวเองลืมหนังสือรายงานที่จะต้องส่งอาจารย์ในวันรุ่งขึ้นไว้บนโต๊ะในห้องเรียน เขาจึงกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อเอาหนังสือที่ลืมทิ้งไว้ แต่ไม่นึกเลยว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็ได้เห็นภาพของหญิงชายคู่หนึ่งกำลังกอดจูบลูบคลำกันอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างตัวสุดท้ายหลังห้องเรียนอย่างเต็มสองตา ดูเหมือนทั้งคู่จะเพลิดเพลินกับการกระทำนั้นจนไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนยืนจ้องมองภาพบาดตาบาดใจนั้นอยู่ที่หน้าประตูห้อง
ชายหนุ่มกำมือแน่น จนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมดด้วยความโกรธและเสียใจ เมื่อได้เห็นว่าหญิงชายคู่นั้น คนหนึ่งคือภัทรศยา แฟนสาวรุ่นน้องที่คบหากันมาได้พักใหญ่ ส่วนชายอีกคนก็คือณัฐวุฒิ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขานั่นเอง วีรภัฏโพล่งออกไปเสียงดังท่ามกลางความตกใจของคนทั้งคู่ ที่หันมามองแขกไม่ได้รับเชิญเป็นตาเดียวกัน เขาเอ่ยปากตัดขาดความสัมพันธ์กับแฟนสาวทันที โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายได้เอื้อนเอ่ยคำแก้ตัวใดๆ ออกมาทั้งสิ้น จากนั้นจึงหันหลังวิ่งออกไปอย่างสุดฝีเท้า เขาอยากจะหนี หนีไปให้พ้นจากภาพของคนสองคนที่เขารัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกทรยศหักหลังต่อความไว้ใจของตัวเองได้ถึงเพียงนี้
จนกระทั้งขาทั้งสองข้างพาเขามาหยุดอยู่กลางสวนสาธารณะแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนนัก วีรภัฏทรุดตัวลงที่พื้นข้างๆ ลานน้ำพุขนาดใหญ่ น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินลงมาอย่างสุดกลั้น ชายหนุ่มรู้สึกราวกับโลกจะถล่มฟ้าจะทลายลงมาตรงหน้า หมดแล้วความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อหญิงสาวคนรักและเพื่อนสนิท เขาได้แต่กำมือแน่นและทุบลงไปบนพื้นคอนกรีตแทบไม่ยั้ง แล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร
ใช้นี่เถอะ มือนายแดงจนเลือดไหลแล้วนั่น
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับเสียงเล็กๆ ของใครบางคนที่เอ่ยขึ้น ทำให้เขาชะงักหยุดมือที่กำลังทุบพื้นจนแดงและเริ่มถลอกปอกเปิก มีรอยเลือดไหลซิบเพราะผลจากการกระแทกกับพื้นอย่างแรง พลางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ร้องไห้ทำไม เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งสิ เราไม่รู้หรอกนะว่านายกำลังเสียใจเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะห่วงตัวเองบ้าง
นัยน์ตาที่พร่าเลือนเต็มไปด้วยหยดน้ำใสๆ เอ่อคลอ ทำให้เขามองเห็นหน้าเธอได้ไม่ชัดเจนนัก รู้เพียงแค่ว่าเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นเด็กสาวที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเขา สังเกตได้จากชุดที่ใส่นั้นเป็นเสื้อแขนตุ๊กตาสีขาว กระโปรงสีดำความยาวคลุมเข่า สวมถุงเท้าขาวและรองเท้านักเรียนสีดำ ท่าทางเธอคงเป็นเด็กสาวมัธยมปลายของโรงเรียนรัฐที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ นั้น
เอ้านี่ ไว้เช็ดน้ำตานะ จำไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายต้องรักตัวเองให้มากที่สุด ตายล่ะ สายแล้วๆ ไปเรียนพิเศษไม่ทันแน่ๆ เลย เราไปก่อนนะ
เด็กสาวคนนั้นรีบยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือเขา ก่อนที่เธอจะออกวิ่งไปทางหน้าสวนสาธารณะอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่เพิ่งร้องไห้ ได้แต่นั่งงง มองผ้าเช็ดหน้าในมือสลับกับคนที่วิ่งออกไปจนไกลลับสายตาแล้ว
คำพูดปลอบโยนของเธอคนนั้นทำให้เขาเหมือนคิดได้ว่า แค่ความรักที่ต้องจบลงไม่ได้แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสูญสลายหายไปด้วย วีรภัฏกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น พลางตะโกนขอบคุณเจ้าของคำพูดที่ช่วยปลอบโยนเขาซ้ำๆ แม้ว่าคนที่พูดมันจะไม่มีโอกาสได้ยินแล้วก็ตาม
จากวันนั้นที่เด็กสาวเจ้าของผ้าเช็ดหน้าปรากฏกายขึ้น เขาก็มารอเธออยู่ที่ลานน้ำพุแห่งนี้แทบทุกวัน หวังเพียงว่าจะได้เจอกับเธอคนนั้นอีกสักครั้ง เขาอยากจะขอบคุณเธอที่ให้ข้อคิดดีๆ กับเขา แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจ เขาพยายามไปดักรอเท่าไรก็ไม่เคยจะได้พบ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเด็กสาวมัธยมปลายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน จนเขาเริ่มรู้สึกท้อและหมดหวังที่จะตามหาคนที่พบกันเพียงแค่ครั้งเดียว แถมยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ทว่า คำพูดประโยคนั้นของเธอ ยังคงดังก้องอยู่ในใจของวีรภัฏเรื่อยมาตราบจนทุกวันนี้
ความทรงจำในครั้งวันวานของชายหนุ่มมาหยุดลงเมื่อนาฬิกาไม้โบราณเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ส่งเสียงดังเหง่งหง่างขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองก็พบว่าเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว อีกเพียงชั่วโมงจะถึงเวลาที่ภัทรศยานัดไว้ เขารีบเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าสะพายข้าง พลางหันไปกล่าวลากับบรรดาลูกน้องที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับงานกองโตที่เขาเพิ่งมอบหมายให้
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ >>>
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ไปติดต่อกับแฟนเก่าไม่กลัวเค้ามาวุ่นวายจนข่าวรั่วไหลเหรอพี่วี
...ใช่ปะ
อ่านแล้วสงสัยจัง อย่างนี้ต้องติดตามตอนต่อไป
ว่าแต่กานต์รวีคงไม่ใช่เด็กผู็หญิงคนนั้นมั้งคะ
เพราะว่าวีรภัฎบอกว่าวัยใกล้เคียงกัน
แต่ตอนนี้กานต์รวียังเป็นนักศึกษาอยู่เลย ในขณะที่วีรภัฎเป็น
ตำรวจหนุ่มยศสูงพอใช้ อายุก็น่าจะห่างกันเยอะเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ