ตอนที่ 17 : บทที่ 17 แอบมองอยู่ห่างๆ (100%)
ตอนที่ 17
เมื่อรถเก๋งสีดำคันโตแล่นมาจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าบ้านของนายธนวัชร ชลธิชาที่เอาแต่นั่งครุ่นคิดอย่างหนักมาตลอดทางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างไม่มั่นใจเอาเสียใจ
อาจารย์คะ เรื่องที่จะให้สารภาพกับปอนด์ออกไปตรงๆ แบบนั้น น้ำคิดว่าน้ำคงทำไม่ได้แน่ๆ เลยค่ะ
มั่นใจในตัวเองหน่อยสิครับ ก็แค่พูดความจริงออกไปในเวลาที่เหมาะๆ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวสักนิด
นายตำรวจหนุ่มในคราบอาจารย์ พยายามให้กำลังใจ แต่อีกฝ่ายยิ่งดูท้อถอยลงไปเรื่อยๆ เธอกลัวว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับปวีณ์กรจะหายไป หากเขาไม่ยอมรับความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาและเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนนั้น
น้ำว่าอย่าดีกว่าค่ะ ปอนด์เขาคงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับน้ำหรอกนะคะ
แต่ผมคิดว่าที่จริงเขาก็ชอบน้ำอยู่นะ แค่ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง เพราะน้ำเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กไงล่ะครับ
วีรภัฏพยายามเอ่ยให้กำลังใจเด็กสาว แต่เธอกลับรู้สึกกลัวและสับสนจนพาลทำให้น้ำใสๆ รื้นขึ้นมาคลออยู่รอบดวงตาคู่สวย
น้ำไม่รู้ค่ะ น้ำรักปอนด์ แต่ดูเหมือนปอนด์จะไม่ได้รักน้ำเลย น้ำคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าเขาจะไม่ยอมคุยกับน้ำอีก ชีวิตของน้ำขาดเขาไม่ได้นะคะอาจารย์
ชลธิชาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา ชายหนุ่มเมื่อได้ฟังคำของหญิงสาว ก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันจะเกินเลยกว่าขอบเขตหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายมา แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาก็ไม่อยากเห็นเธอต้องผิดหวังและจมอยู่กับความทุกข์ทรมานที่ได้แต่แอบรักใครอยู่ข้างเดียวแบบนี้ต่อไป หากความช่วยเหลือของเขาพอจะมีประโยชน์ต่อเธอบ้าง เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำมันเลยสักนิดเดียว
อย่าร้องไห้เลยครับ
เด็กสาวโผเข้าหาอาจารย์หนุ่ม ราวกับจะหาที่พึ่ง วีรภัฏตกใจในทีแรก แต่เขาก็รู้ดีว่าในเวลาที่กำลังสับสนอย่างนี้ หากมีใครสักคนที่พอจะพึ่งพาได้ หรือแม้แต่แค่นั่งนิ่งๆ รับฟัง ก็คงจะพอทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง เขาลูบศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดูเหมือนน้องสาว และไม่เคยคิดว่าจะล่วงเกินใดๆ เพราะเธอนั้นช่างดูไร้เดียงสายิ่งนัก
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กสาวที่ร้องไห้ซบอยู่กับไหล่ของอาจารย์หนุ่มจึงค่อยสงบลงบ้าง มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำใสๆ บนใบหน้านวลนั้นทิ้งไปอย่างอ่อนโยน พลางเอ่ยอย่างให้ข้อคิดกับเด็กสาว
จำเอาไว้นะครับ วันเวลาไม่เคยรอใคร ความรักก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ไขว่คว้ามันเอาไว้ เราอาจจะต้องเสียดายทีหลังตอนที่มันจากเราไปแล้วก็ได้
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์
ชลธิชากล่าวขอบคุณอาจารย์หนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมกับกล่าวคำลาสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไป ชายหนุ่มรอจนเด็กสาวเข้าบ้านเรียบร้อยจึงค่อยเคลื่อนตัวรถออกไป โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่ได้เห็นการกระทำของเขากับเด็กสาวตอนที่อยู่ในรถ
หลังจากส่งเป้าหมายของเขาเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถไปแอบไว้ท้ายซอยที่เดิม แล้วเดินกลับมาที่บ้าน เขาค่อยๆ เปิดประตูแง้มเข้าไป เพราะกลัวว่าจะต้องตกใจเหมือนเมื่อวาน หากกานต์รวีมายืนจังก้าอยู่หน้าประตูเหมือนเมื่อวานอีก แต่สิ่งที่พบตรงหน้าคือความว่างเปล่า เขาชะโงกหน้าเข้าไปมองภายใน ไม่เว้นแม้แต่หลังบานประตู เพราะกลัวว่าเธอจะแอบซ่อนเพื่อจ๊ะเอ๋เขาอยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่มีวี่แววของหญิงสาวให้ได้เห็นเลยแม้แต่เงา ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะตรงไปที่ห้องครัว แล้วเริ่มทำอาหารเย็นเหมือนเช่นเดิม
ตกลงนายแว่นนั่น ต้องคิดจะหลอกน้องน้ำไปฟันแน่ๆ เลย ยิ่งกอดกันกลมแบบนั้นชักน่าสงสัยเข้าไปทุกทีแล้วนะ
กานต์รวีที่ซ่อนตัวอยู่ข้างพุ่มไม้ตรงบริเวณที่ติดกับรั้วของคฤหาสน์หลังงามพึมพำอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ซึ่งความจริงนั้นปวีณ์กรมาส่งเธอถึงบ้านนานแล้ว แต่เป็นเพราะยังติดใจเรื่องเมื่อตอนเย็นอยู่ เธอจึงคิดจะไปดักรอพบชลธิชาที่หน้าบ้านเพื่อหวังจะได้คุยกับเด็กสาว
แต่หญิงสาวกลับได้เห็นภาพระหว่างอาจารย์หนุ่มที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากำลังโอบกอดเด็กสาวที่เป็นเป้าหมายของเธออยู่ในรถคันนั้น มิหนำซ้ำตอนที่ชลธิชาเดินลงมาจากรถ เธอยังได้เห็นคราบน้ำตาและร่องรอยแดงช้ำรอบดวงตาของเด็กสาว ราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้นกันแน่เธอได้แต่ขบคิดไปมาเพื่อหาคำตอบเหล่านั้น
ต่อ
ภาพเมื่อครู่ยังวนเวียนไปมาในหัวของกานต์รวีเหมือนกับหนังที่เล่นซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีวันจบ หลังจากที่เธอยืนรอให้รถของอาจารย์หนุ่มแล่นผ่านไปแล้ว สองเท้าของหญิงสาวก็ก้าวเดินมาเรื่อยๆ ตามทางเท้าอย่างเหม่อลอย กระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านโดยไม่รู้ตัว
เธอเปิดประตูเข้าไปด้านในบ้าน ในขณะที่กำลังจะเดินขึ้นห้องตัวเองอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงของอุปกรณ์เครื่องครัวกระทบกัน สอดประสานกับเสียงเพลง Truely Madly Deeply ของ Savage Garden ลอยมาจากทางห้องครัวเหมือนเช่นเคย
หญิงสาวจึงเดินเข้าไปใกล้พลางแอบมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังหมกมุ่นทำกับข้าวอยู่ในครัวราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กานต์รวีเหม่อมองแผ่นหลังกว้างนั้นอยู่นาน เธอกำลังนึกไตร่ตรองอยู่ว่าควรจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อหน้าที่ของเธอมีเพียงแค่การเก็บข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำตัวให้สนิทสนมกับเด็กสาวมากจนเกินเหตุ ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกความจริง เรื่องทุกอย่างคงจะไม่ง่ายอย่างที่ตั้งใจไว้ คิดได้ดังนั้น กานต์รวีจึงตัดสินใจเดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบเชียบ
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงห้าวของชายหนุ่มที่เรียกให้กานต์รวีลงมารับประทานอาหารเย็นร่วมกับเขาดังเช่นทุกวัน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวันนี้ดูอึมครึมกว่าปกติ หญิงสาวตักอาหารเข้าปากอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงตำหนิ หรือเสียงบ่นเกี่ยวกับเรื่องของรสชาติอาหารหลุดออกมาจากปากเหมือนอย่างเคย แต่ความเงียบนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มอีกคนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับหญิงสาว
เป็นอะไรหรือเปล่าครับกานต์ ทำไมดูซึมๆ จัง ไม่สบายหรือเปล่า
วีรภัฏเอ่ยถาม พลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหญิงสาว แต่กลับถูกเธอตวาดเสียงดัง พร้อมกับปัดมือของชายหนุ่มออกทันที
อย่ามายุ่งน่า ! ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย
จู่ๆ กานต์รวีก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงได้แสดงอากัปกิริยาแบบนั้นออกไป จะว่าเป็นเพราะโกรธที่วีรภัฏมาช่วงชิงเวลาของชลธิชาไปจากเธอก็ดูว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระจนเกินไป เมื่อเช้าเธอเก็บข้อมูลมาได้มากพอแล้วสำหรับวันนี้ หรือโกรธที่เห็นอาจารย์หนุ่มทำรุ่มร่ามแบบนั้นกับนักศึกษาสาวอย่างไร้ซึ่งจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์หรือก็เปล่า แล้วตกลงนี่เธอทำหงุดหงิดใส่เขามันเพราะอะไรกันแน่
ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว มีอะไรก็บอกผมนะกานต์
วีรภัฏเองก็งงว่าเด็กสาวตรงหน้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาถึงได้ทำหน้าตูมไม่ยอมพูดยอมจา ทั้งๆ ที่เธอทำหน้าเหมือนมีคำพูดมากมายเก็บเอาไว้ในเรียวปากบางนั้น ชายหนุ่มคิดไปว่าบางทีเธออาจจะเป็นวันนั้นของเดือนก็เป็นได้ ถึงได้อารมณ์แปรปรวนแล้วก็หงุดหงิดง่ายแบบนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงพยายามไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเธอมากนัก
คือฉัน...เอ่อ ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก
กานต์รวีอยากจะเอ่ยถามออกไปเกี่ยวกับเรื่องที่เธอได้เห็นเมื่อครู่นี้ แต่เธอก็ต้องหยุดคำถามนั้นไว้ก่อน เพราะเธอไม่อยากให้ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดต้องสูญเปล่า ทั้งที่ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง
วีรภัฏได้แต่จ้องมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ เธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ หรือเธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังหรือเปล่า
แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจริง ๆ
ชายหนุ่มถามย้ำ เมื่อมองใบหน้าที่ปรากฏร่องรอยของความกังวลระคนสับสนปะปนอยู่ในนั้นก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สนิทสนมกับเธอมากนัก แต่คนอยู่บ้านเดียวกันเกิดอะไรขึ้นมาก็ต้องช่วยเหลือกันบ้างเท่าที่จะทำได้ แต่กานต์รวีกลับปฏิเสธความหวังดีของเขาด้วยการพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะขอตัวขึ้นห้องนอนไปด้วยท่าทางเนือยๆ ทั้งที่อาหารในจานเพิ่งจะพร่องไปไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ
อิ่มแล้วเหรอครับกานต์ ถ้างั้นก็พักผ่อนเยอะๆ นะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
วีรภัฏรู้สึกแปลกใจกับอาการของเธอ และอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมวันนี้ยายเด็กสาวตัวแสบของเขาถึงได้ดูหงอยลงไปผิดปกติ ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางเก็บล้างถ้วยชามที่กินเรียบร้อยแล้ว ต่อด้วยการปัดกวาดเช็ดถูในบริเวณบ้านชั้นล่างทั้งหมดจนสะอาดสะอ้านเงาวับอย่างไม่มีที่ติ
แท้ที่จริงงานพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำเองก็ได้ เพราะตอนที่ได้คุยกับหญิงสาวเจ้าของบ้านเอาไว้ เธอบอกว่าเขาสามารถเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ และจ่ายเงินเป็นครั้งเป็นคราวไปก็พอ แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในบ้านมากนัก แค่เด็กสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามเพียงคนเดียว เขาก็กลัวว่าเธอจะล่วงรู้ถึงภารกิจลับของเขาจะแย่อยู่แล้ว หากมีคนนอกเข้ามาอีก เขาคงต้องมานั่งเฝ้าจนแทบกระดิกตัวไปไหนมาไหนไม่ได้แน่
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเลือกที่จะทำงานบ้านทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีใครมารบกวนในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเขาไปมากกว่านี้ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ปิดล็อกบ้านอย่างแน่นหนา ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
สายตาของนายตำรวจหนุ่มทอดมองไปยังบานประตูไม้ของห้องที่อยู่ตรงข้ามกับเขาอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะถามเธออีกครั้งว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า แต่พอยกมือขึ้นมาจะเคาะประตูก็ชะงักไป บางทีเด็กสาวอาจต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆ เพียงลำพังก็ได้ ความเป็นห่วงของเขาที่มากเกินไปอาจจะสร้างความลำบากใจให้เธอเปล่าๆ เขาจึงลดมือลง แล้วหันหลังเดินกลับไปยังห้องของตัวเองอย่างเงียบเชียบ
ทางด้านของกานต์รวี คืนนี้เธอเอาแต่นอนกระสับกระส่ายไปมาพลิกตัวซ้ายทีขวาที ถึงจะเปลี่ยนไปสักกี่ท่าก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ภาพระหว่างชลธิชากับอาจารย์หนุ่มยังวนเวียนเข้ามาอยู่ในสมอง ราวกับว่ามีความรู้สึกแปลกๆ กำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ เธอคิดไม่ตกเอาเสียเลยว่าควรจะวางมือจากงานนี้ดีหรือไม่ หรือหากจะเดินหน้าต่อไป เธอควรจะทำเช่นไร หญิงสาวนอนก่ายหน้าผากครุ่นคิดทบทวนไปมาอย่างหนัก และผล็อยหลับไปในที่สุด
ติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้นะคะ>>>
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนนางเอก ....?????
มาอัพต่อเร็วๆ นะจ๊ะ
สู้สู้จ้า
กานต์เริ่มคิดมาก
อ.กำมะลอจะเข้าใจมั๊ยคะเนี่ย
คนแต่งสู้ๆค่ะ
สนุกแล้วๆ
อิอิ
กานต์เริ่มจะชอบพระเอกแล้วแหงเลย
หุหุ
which will change her whole life forever.
It is called love...
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2553 / 10:42
based on facts and information, not to rely on imagination or believes.
It is so far for her to learn spy lessons. 555+
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2553 / 11:11