ตอนที่ 14 : บทที่ 14 เรื่องน่าสนุก
ตอนที่ 14
ในเย็นวันนั้น วีรภัฏได้ขับรถไปส่งชลธิชาถึงหน้าบ้าน ทีแรก ชายวัยฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยที่เฝ้าประจำอยู่ในป้อมเล็กๆ ตรงทางเข้าประตูรั้ว เห็นรถของเขามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังงามนั้น ก็เกิดความสงสัยและเดินลงมาเคาะกระจกถาม แต่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบอะไร คุณหนูของบ้านก็เปิดประตูลงไปจากรถก่อน พร้อมกับแนะนำว่าชายหนุ่มเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ฝ่ายรักษาความปลอดภัยจึงคลายความข้องใจ พร้อมทั้งทำท่าโค้งแสดงความเคารพให้กับเขา เด็กสาวหันมาเคาะกระจกรถฝั่งคนนั่งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง คนขับจึงกดเปิดเลื่อนกระจกลง พลางทำหน้าสงสัย
มีอะไรหรือครับ
อาจารย์หนุ่มเอ่ยถามอย่างข้องใจ ชลธิชาส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยขึ้น
วันนี้ขอบคุณอาจารย์ภัฏมากนะคะที่ช่วยน้ำ แต่ยังไงคงต้องขอรบกวนอาจารย์ไปอีกสักระยะนะคะ
เมื่อวีรภัฏพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ หญิงสาวจึงกล่าวลาสั้นๆ พร้อมกับหันหลังเดินเข้าบ้านไป ตำรวจหนุ่มในคราบอาจารย์จึงเคลื่อนรถออกจากหน้าคฤหาสน์ไปอีกทาง โดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันที่จอดนิ่งสนิทแอบอยู่ข้างทางราวกับรอสังเกตการณ์บางอย่าง เมื่อรถยนต์สีดำคันใหญ่แล่นผ่านสวนไปแล้ว คนขับซึ่งเป็นชายหนุ่มกับหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างๆ กันนั้นลุกขึ้นมานั่งตามเดิมหลังจากที่ปรับเบาะเป็นเอนนอนราบไปทางด้านหลัง เพื่อหลบไม่ให้เจ้าของรถคันที่เพิ่งแล่นสวนออกไปนั้นเห็นว่ามีใครแอบสะกดรอยตามเขามา
ดูท่าทางนายจะเป็นห่วงน้ำเขาน่าดูเลยนะปอนด์ ถึงขนาดแอบตามอาจารย์มาอย่างนี้ กลัวว่าน้ำจะถูกหลอกพาไปทำมิดีมิร้ายสิท่า
กานต์รวีโพล่งขึ้นมาก่อน เธอแอบแขวะเด็กหนุ่มเล็กน้อย ปวีณ์กรหันมาตอบอีกฝ่ายทันทีอย่างร้อนตัว
โธ่ กานต์ก็ เลิกล้อเสียทีเถอะ ปอนด์บอกแล้วไงว่าปอนด์ไม่ได้ชอบเขา ก็แค่แปลกใจ เพราะน้ำไม่เคยไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้าตามลำพังเลยนี่นา
อ๋อ เหรอ อืม ฉันจะเชื่อที่นายพูดมาก็ได้นะปอนด์ แต่ขอถามจริงๆ อีกสักทีเถอะ ไม่คิดจะชอบเขาขึ้นมาบ้างเลยเหรอ น้ำเองก็ออกจะน่ารักขนาดนี้
หญิงสาวแกล้งแหย่ถาม และไม่วายรีบยุส่งอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะพยายามยืนกรานปฏิเสธอยู่ท่าเดียว
ไม่ล่ะ ปอนด์บอกแล้วไงว่าปอนด์ไม่ชอบผู้หญิงนุ่มนิ่ม อ่อนแอแบบนั้น ถ้าอย่างกานต์ก็ว่าไปอย่าง
แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะมีใคร นายไม่ต้องมาคิดจะจีบฉันหรอก เป็นแค่เพื่อนกันก็พอแล้ว
อย่าเพิ่งพูดตัดรอนกันแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวจะมานั่งนึกเสียดายทีหลังเอานะ
ปวีณ์กรยังคงยืนยันเจตนารมย์เดิมของตน จนหญิงสาวชักเริ่มอ่อนใจ เธอกล่าวตัดบทพร้อมกับถอนหายใจยาวอีกครั้งอย่างเหนื่อยใจกับความช่างตื๊อของเด็กหนุ่ม สงสัยว่าเธอคงต้องพยายามถอยห่างจากเขาให้มากกว่านี้เสียแล้ว
ทางด้านของนายตำรวจหนุ่ม หลังจากที่เขานำรถไปจอดไว้ท้ายซอยเหมือนเดิมแล้ว ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาจากรถ มุ่งหน้าตรงไปยังที่พักของตนทันที ในวันนี้เขารู้สึกพึงพอใจกับผลงานของตนยิ่งนัก เพราะนอกจากจะทำหน้าที่อารักขาเด็กสาวที่เป็นเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิดแล้ว เขายังเก็บข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเธอและครอบครัวมาได้มากพอสมควร
เมื่อตำรวจหนุ่มกลับมาถึงบ้านพร้อมด้วยถุงกับข้าวพะรุงพะรังเต็มสองมือ เขาก็พบว่าเด็กสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันนั้น นั่งรอเขาอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกก่อนแล้ว ชายหนุ่มได้แต่รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งคอยการกลับมาของเขา
นั่งรอทานข้าวเย็นกับผมเหรอครับกานต์ ขอโทษทีนะ พอดีว่าผมแวะไปส่งน้ำเขามา ก็เลยช้าไปหน่อย
วีรภัฏเอ่ยทักทายหญิงสาว พร้อมกับขอโทษขอโพยอีกฝ่าย แล้วทำท่าจะรีบเดินเข้าไปในห้องครัวทันที แต่กานต์รวีรีบปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เธอเตรียมไว้อย่างดีตั้งแต่ตอนที่อาจารย์หนุ่มยังไม่กลับเข้ามา หญิงสาวยกเอาบรรดานักศึกษาในห้องที่เป็นลูกศิษย์ของเขาขึ้นมาอ้าง แทนที่จะบอกออกไปตรงๆ ว่า เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขามาช่วงชิงเอาเวลาสำคัญที่เธอจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับเป้าหมายไป เพราะถ้าหากว่าเธอไม่มีเวลาได้สืบข้อมูลที่ต้องการจากชลธิชา เวลาที่เธอต้องอยู่ที่นี่ในสถานภาพจอมปลอมแบบนี้ก็จะถูกยืดออกไปอีก ซึ่งมันจะมีผลกระทบต่อตัวเธอและหน้าที่การงานที่ใฝ่ฝันเอาไว้เป็นอย่างมาก ในตอนนี้ใจของเธอมีแต่ร่ำร้อง อยากจะออกไปจากสภาพนี้ทุกเวลาทุกวินาทีแล้ว
เปล่าค่ะ กานต์แค่จะบอกว่า การกระทำของคุณทำให้เพื่อนๆ ในห้องรู้สึกไม่พอใจน้ำอยู่นะ กานต์ไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงได้ยอมตกปากรับคำเขาง่ายๆ แต่ยังไงน้ำก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา คนเสียหายก็คือเขา ไม่ใช่คุณ
โธ่ ก็นึกว่าเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ดูทำหน้าเข้าสิคิ้วจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้วนะเรา เอาอย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะบอกกับทุกคนว่า น้ำมีความจำเป็นที่จะต้องให้ผมช่วยติววิชาเศรษฐศาสตร์ให้เป็นพิเศษ กานต์ว่าดีไหมล่ะ
ชายหนุ่มทำหน้าเข้าใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ ที่เธอแค่เป็นห่วงเพื่อน ไม่ใช่ว่ารอทานอาหารฝีมือเขาอย่างที่คาดเอาไว้ก็ตาม พลางเอ่ยหาทางเลี่ยงเพื่อไม่ให้เด็กสาวที่มาขอร้องเขานั้นต้องถูกนินทาว่าร้ายให้เสียๆ หายๆ
ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่น้ำเขาขอร้องก็ได้นี่ ทำไมต้องเอาหน้าที่การงานของตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องรักๆใคร่ๆ ของเด็กๆ อย่างนี้ด้วย อีกอย่างนึง คุณน่าจะรู้นะว่าปอนด์เอง เขาก็ห่วงน้ำมากเหมือนกัน
ปอนด์ อ๋อ เด็กหนุ่มที่มาส่งกานต์น่ะเหรอครับ แสดงว่าเด็กนั่นก็ชอบน้ำเหมือนกันสินะ ชักสนุกซะแล้วสิ
วีรภัฏแกล้งทำเป็นทวนชื่อของชายหนุ่มที่กานต์รวีพูดถึงพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาตอบกลับหญิงสาวพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี แต่คำตอบของตำรวจหนุ่มในคราบอาจารย์ทำให้กานต์รวีถึงกับเป็นงง เขารู้ได้อย่างไรว่าปวีณ์กรมาส่งเธอ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอกลับมาถึงบ้านก่อนเขาเสียอีก หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของอาจารย์หนุ่มขึ้นมาทันที และอดเป็นห่วงเด็กสาวที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้กับคนน่าสงสัยไม่ได้
คุณรู้ได้ยังไงว่าใครมาส่งฉัน
กานต์รวีจ้องหน้าชายหนุ่ม พลางจ้องตาเขาราวกับจะคาดคั้นเอาความจริง วีรภัฏเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป เขารีบหลบตาเสมองไปทางอื่น ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบกลับอีกฝ่ายแล้วรีบตัดบทเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที พลางโชว์ถุงกับข้าวเต็มสองไม้สองมือนั้นให้หญิงสาวดู
หืม รู้ได้ยังไงน่ะเหรอ อ๋อ ก็น้ำไง เขาบอกว่านายปอนด์อะไรนั่น อาสามาส่งกานต์เพราะว่าทางเข้าบ้านมันเปลี่ยวน่ะ จริงสิ ผมว่าเราอย่ามามัวเสียเวลาเล่นเกมยี่สิบคำถามกันเลยนะ นี่มันก็เย็นมากแล้ว ผมขอตัวไปทำข้าวเย็นให้คุณกินก่อนดีกว่านะกานต์ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมเป็นแล้งเอา วันนี้ผมซื้อของมาเพียบเลยด้วยนะ
หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อ วีรภัฏก็รีบชิงเดินเข้าไปในครัวเสียก่อน เธอจึงได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มเดินหายลับไปจากสายตา พลางถอนหายใจยาวออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองอย่างปวดหัว ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรจึงจะทำให้อาจารย์หนุ่มเลิกยุ่งเกี่ยวกับชลธิชาเสียที
ในเมื่อเขาเริ่มเห็นว่าเรื่องของเด็กสาวที่มาขอความช่วยเหลือนั้นกลายเป็นเรื่องน่าสนุกไปเสียแล้ว วิธีสุดท้ายคงหนีไม่พ้น การที่เธอจะเอาตัวเองเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่แล้วทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งตัวเป้าหมายกลับมาให้ได้ หญิงสาวกำหมัดข้างหนึ่งลงบนมืออีกข้างของตัวเองด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เธอจะไม่ยอมแพ้อุปสรรคใดๆ ที่มาขวางกั้นแน่ๆ งานใหญ่กว่านี้กำลังรอเธออยู่ หากเธอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาได้สำเร็จเมื่อไร โอกาสที่จะได้เดินตามความฝันของตัวเองก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ในระหว่างที่กานต์รวีขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องนอนของตัวเอง คนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าวอยู่ในครัวก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงแผนการต่อจากนี้ เขาอยากรู้เร็วๆ เหลือเกินว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังแก๊งค้ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเต็มทีแล้ว
ชายหนุ่มทำอาหารไปพลาง ก็เปิดเพลงเดิมที่เขาโปรดปรานคลอไปด้วย เขาเป็นคนประเภทที่พอชอบอะไรเข้าสักอย่างแล้ว ก็มักจะยึดติดอยู่กับมันไปได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้จักเบื่อ เช่นเดียวกับเพลงเดิมเพลงนี้ที่เคยเป็นเพลงยอดฮิตติดชาร์ตทุกคลื่นวิทยุเมื่อหลายปีก่อน เดิมทีเขาชอบที่เมโลดี้ของมันฟังแล้วช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดต่างๆ ที่สะสมมาตลอดทั้งวันได้เป็นอย่างดี แต่พอได้รู้ความหมายของเพลงนั้น ก็ทำให้เขายิ่งชอบมากขึ้นไปอีก
I'll be your dream. I'll be your wish. I'll be your fantasy.
I'll be your hope. I'll be your love. Be everything that you need.
.
.
.
I want to live like this forever, until the sky falls down on me.
กานต์รวีก้าวเดินลงบันไดมาจากห้องพัก เธอก็ได้ยินเสียงเพลงเดิมเพลงเดียวกับเมื่อวานดังมาจากทางห้องครัว แต่ในวันนี้กลับมีเสียงนุ่มๆ ของชายหนุ่มร้องคลอตามไปด้วยอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เปิดเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพียงเพลงเดียว หรือว่าเพลงนี้จะมีความสำคัญอะไรบางอย่างต่อเขากันนะ
เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อครัวหนุ่มยกจานอาหารออกมาจากครัวพอดี เขาเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มว่าเหมือนเธอจะรู้เวลาดีว่าเขาทำอาหารเสร็จแล้ว กานต์รวียิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย พลางนึกในใจ ไม่ใช่เพราะเธอรู้เวลาหรอก แต่กลิ่นหอมยั่วใจนั้นต่างหากที่ทำปฏิกิริยากับกระเพาะของเธอ จนส่งเสียงร้องประท้วงให้รีบลงมาหาอะไรเติมเต็มให้กับมันได้แล้ว
ติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้ค่ะ >>>
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กานต์รวีมาจากหน่อยงานไหนกันนี่???
ทั้งวีรภัฏและกานต์รวีไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใกล้กันเรื่อยๆ
เพราะตอนนี้ดูเหมือนกานต์รวีเองก็ติดใจฝีมือทำกับข้างชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย อิอิ
แล้วก็แอบอยากรู้ว่าใครใช้กานต์มาอ่ะคะ
วีรภัฏอะเป็นตำรวจก็พอจะเข้าใจอยู่
เรื่องเข้ามาสืบคดี แต่กานต์รวีนี่สิ เข้ามาทำอะไร
ทำไมต้องสืบเรื่องนี้ด้วย หรือว่ากานต์รวีเป็นนักสืบเอกชน