ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Coffee Prince สื่อรักร้านกาเเฟ (2u)

    ลำดับตอนที่ #39 : Part 36 Can you be my boyfriend? (End)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 225
      3
      15 เม.ย. 56

     

    ศรี * เค้าไม่ได้หลอกศรีนะเห็นมั้ย?
    วันนี้ฝนตกอะค่ะ เลยอารมณ์ดี ลงให้อีกตอน :)
    จริงๆตอนนี้ก็เป็นตอนจบของฟิคเรื่องนี้เเล้วค่ะ . ได้มั้ย ?
    ให้คนอ่านลองตัดสินใจดู เเต่ส่วนตัวคนเขียนว่ามันจบห้วนไป
    อาจจะมีอีกสักตอน ? ว่ายังไงกันเอ่ยยยยย?

    * เจ้าของคอมเมนท์ที่ 300 มีรางวัลให้นะค้า :)


     


    ______________________________________________________________________________________________
     
    PART 36

     

    ปาร์คยูชอนปิดปากเงียบนั่งจ้วงข้างใส่ปากเอาๆอย่างหิวโหยเพราะเมื่อคืนถูกสูบพลังงานไปหมดตัว ไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนสภาพนี่ดูไม่ได้ ผิดกับยุนโฮที่นั่งยิ้มไม่หุบมาตั้งแต่เช้า

     

    “แม่ฝากน้องด้วยนะยุนโฮ”

     

    “เห๊ะ?” ช้อนทองเหลืองร่วงหลุดจากมือกระทบจานดังแก๋ง ยูชอนเงยหน้าขึ้นมองมารดาสลับกับมองหน้ายุนโฮที่นั่งยิ้มแผล่อยู่ข้างๆเขา นี่ไปแอบตีซี้หม่าม๊าเขาตอนไหนอีกวะเนี่ย ? ทำไมไม่เคยรู้

     

    “เดี๋ยวแม่จะออกไปสมาคมซักหน่อย อย่ารุนแรงกะพี่เขาหล่ะ”

     

    “แม่เข้าสมาคมตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ แล้วใครรุนแรงกะใครกันแน่?” ตวัดใต้ตาคล้ำหันไปมองยุนโฮแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอคนรุนแรงนั่นมันไอบ้าที่นั่งข้างๆเขานี่ตั่งหาก ตอนนี้แค่นั่งเฉยๆยังระบมจนอยากจะร้องไห้

     

    “ก็ตั้งแต่รู้ว่ามีลูกเขยเปิดร้านกาแฟนั่นหล่ะ แม่ก็เลยไปเข้าชมรมทำขนมของแม่บ้านอเมริกัน ส่งเสริมกันซะหน่อย”

     

    “แค่กๆ แค่ก” ยูชอนที่กำลังตักน้ำแกงร้อนๆเข้าปากถึงกับสำลักจนแสบจมูกแสบคอ เดือดร้อนคนข้างๆต้องเอื้อมมือมาลูบหลังให้คนที่กำลังสำลักเอาเป็นเอาตายจนหูเหอแดงไปหมด

     

    อยากจะตะโกนว่าหม่าม๊าทรยศผมมมมมมมมมมม แต่ก็ยังแสบคอไม่หายเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป  อวยกันขนาดนี้นี่ไม่ใช่ว่ายุนโฮหอบสินสอนมาติดสินบนแม่เขาแล้วเรอะ ถึงได้ขายลูกตัวเองสุดตัวขนาดนี้เนี่ย

     

    “ล้างจานให้คุณหม่ามี๊ด้วยนะครับลูก” เดินมาหอมแก้มยูชอนเสร็จก็ส่งยิ้มหวานให้ลูกเขยก่อนจะคว้าวิตตองลูกรัก เดินลอยชายไปขึ้นรถแล้วก็เหยียบมิดออกไปนู่นแล้ว

     

    “แม่นายน่ารักดีนะ”

     

    “ไปเป่ามนต์อะไรแม่เราหล่ะ ถึงได้อวยกันขนาดนี้น่ะ” ฟาดเพี้ยะไปเบาๆที่หน้าหล่อก่อนจะรวบจานมารวมกันแล้วยกหนีเข้าไปในครัว นี่อยากตะโกนบอกให้โลกรู้เหลือเกินว่าเขาระบมไปทั้งตัวจนเดินจะไม่ไหวเพราะไอคนที่ยิ้มหน้าสลอนอยู่ตั้งแต่เช้านั่น 

     

    ยุนโฮยกจานที่เหลือเดินตามเข้าไปในครัว อดจะขำไม่ได้เพราะเห็นว่าตัวแสบกำลังยืนกุมสะโพกพิงอ่างล้างจานอยู่นั่นหน่ะ

     

    “ออกไปห่างๆเลยนะ นายมันตัวอันตราย” พยายามแกะมือคนที่มายืนซ้อนด้านหลังแถมสอดมือผ่านเอวเข้ามาเกาะที่ขอบอ่างจนเขาขยับไปไหนไม่ได้ ถึงขยับได้ก็ไม่อยากหรอก สู้กับหมอนี่เหนือยเปล่าแถมเจ็บก้นด้วยอีก เสียเปรียบชัดๆ  ก็เลยยอมให้อีกคนช่วยล้างจานจนเสร็จ

     

    “ไม่”

     

    “เอ้า เสื้อผ้าแห้งแล้วก็กลับบ้านไปเลย ชุดนั้นไม่ต้องเอามาคืน แล้วก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาอีกนะ” ยัดเสื้อผ้าใส่อ้อมแขนแล้วก็พยายามขมวดคิ้วแบบโหดที่สุดแล้ว แต่มันก็ดูน่ารักน่าฟัดซะมากกว่า

     

    “เป็นแฟนกันนะ?”

     

    ยูชอนกระพริบตาปริบๆติดกันหลายทีจนขนตายาวเป็นแพกระพือ ปากอ้าน้อยๆในขณะที่สมองกำลังประมวลผลกับ เป็นแฟนกันนะที่ชองยุนโฮพูดออกมาโต้งๆด้วยหน้าตาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ และรอยยิ้มที่แต้มน้อยๆบนริมฝีปาก ที่เขาไล่อยู่ปาวๆนี่ไม่ได้เข้าหูพ่อคุณเลยใช่มั้ยเนี่ย?

     

    “ใครเป็นแฟนใคร อะไรนะ?”

     

     

    “นาย อยากเป็นแฟนฉันไหมหล่ะ?”

     

     

    คราวนี้คำถามชัดเจนจนอยากจะมุดพื้นหนี แต่ยูชอนก็ยังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

     

     

    “เอาเสื้อผ้าแล้วก็กลับบ้านไปไป๊ ชุดนั้นไม่ต้องเอามาคืนหล่ะ” ต้องกันไว้ก่อนเผื่อว่าชองยุนโฮจะเล่นมุข ฉันก็แค่อยากจะเอาชุดมาคืน อะไรแบบนี้

     

    “มิคกี้ เป็นแฟนกับฮยองนะ”  วงแขนยาวตวัดเข้าที่รอบเอวบางของคนที่เดินขโยกเขยกไปหาบันได ก่อนจะรวบกอดจนแผ่นหลังบางแนบกับอกกว้างของตัวเอง

     

    ...............................................................................

     

     

    ยูชอนสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยเรียกคุณนายปาร์คที่กำลังง่วนร่อนแป่งทำขนมสีขาวอยู่ในครัว

     

     “ม๊า”

     

    “ว่ายังไงครับคุณลูก”คุณนายปาร์คละมือออกจากตะกร้อแป้ง เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนสีหวานก่อนจะเดินมาบีบแก้มลูกชายที่นั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทานข้าว

     

    “ถ้าผมมีแฟน”

     

    “ไม่ใช่แจจุงใช่ไหม?”

     

    “แม่ !

     

    “อู๊ยยยยย ร้องซะเสียงดังเชียว ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นก็ยุนโฮสุดหล่อของแม่หล่ะสิ” ถึงขั้นต้องเอามือลูบอกเพื่อปลอบหัวใจที่ตกใจกับเสียงแหกปากเรียกแม่ของลูกชาย นี่ใคร? คุณนายปาร์คนะ! จะไม่รู้เรื่องแจจุงลูกชายบ้านใหญ่ที่ทำให้ยูชอนถึงกับต้องขึ้นเครื่องบินข้ามทะเลไปหาได้ยังไงหล่ะ

     

    “ยุนโฮสุดหล่อของแม่เหรอ?” ทวนคำซ้ำพร้อมกับเบ้หน้า อยากจะถามแม่ว่าหมอนั่นหน่ะนะหล่อ แต่พอนึกได้ว่ายุนโฮหล่อจริงๆก็เลยได้แต่สงบปากสงบคำเอาไว้

     

    “ถูกต้องแล้วครับคุณลูก”

     

    “ก็ใช่ แล้วแม่ว่ายังไง?” ทำลอยหน้าลอยตาแต่ก็แอบสังเกตุปฏิกริยาแม่ของตัวเองอยู่เหมือนกัน

     

    “แม่ว่า ทีหลังเอาจินซอนมาด้วยก็ดีนะ แม่อยากเล่นกับหลาน”

     

    “แมมมมม่” ยูชอนครางในลำคอ อ้าปากหวอ นี่อิตาชองยุนโฮสุดหล่อของแม่ไปตีซี้กับแม่เขาถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย อย่าให้อยู่ใกล้นะพ่อจะเอาไม้นวดแป้งฟาดหัวซะให้เข็ด

     

    “แม่หน่ะเคลียร์กับยุนโฮเรียบร้อยแล้วนา เหลือแต่ลูกน่ะ” ป้ายแป้งลงบนแก้มลูกชายที่นั่งหน้าเหลอหลาขมวดคิ้วมุ่น นี่ไปเคลียร์กันตอนไหนอีกหล่ะ ยุนโฮก็ตัวติดหนึบอยู่กับเขาตลอด หรือว่าจะไปเมาท์กับแม่ที่ชมรมแม่บ้านทหารบกอะไรนั่น?

     

    “ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยนั่นแหล่ะ” ในขณะที่กำลังนั่งสงสัยว่าคุณชองกับคุณนายปาร์คเอาเวลาไหนไปคุยกัน คุนนายก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาซะดื้อๆ

     

    “งั้นแม่รักยุนโฮรึเปล่า?”

     

    “เอ๊า แล้วลูกรักยุนโฮมั้ยหล่ะ มาถามคุณแม่ทำไมหล่ะลูกกกกกก” ไอนิสัยคิดเล็กคิดน้อยตัดสินใจไม่ได้ซักทีของยูชอนกับเรื่องพวกนี้นี่มันแกไม่หายสักทีหนอ?

     

    “ทำไมเรามันตัดสินใจให้มันง่ายๆเหมือนเวลาซื้อกล้องซื้อหมวกอะไรของเราบ้างหล่ะ คิดนานจังเรื่องนี้”

     

    “แล้วยุนโฮใช่สิ่งของไหมหล่ะม๊า?”

     

    “ออกไปเลยป่ะ ม๊าปวดหัวกะหนูแล้วนะ” ยกมือขึ้นซับเหงื่อบนหน้าเบาๆก่อนจะลงมือตีไข่ขาว พร้อมกับเหลือบมองลูกชายที่เดินกัดเล็บออกไปจากห้องครัว

     

    ..............................

     

    แน่หล่ะ ที่เขาต้องบากหน้าไปขอความเห็นหม่าม๊าเรื่องยุนโฮก็เพราะว่ายังไม่ได้ตอบอะไรไปน่ะสิ พอยุนโฮถามมาแบบนั้น เขาก็ตกใจผลักร่างสูงออกแล้วก็วิ่งหนีขึ้นมาขังตัวเองไว้ในห้องแบบที่ทำอยู่นี่หล่ะ

     

    ที่แน่ๆก็คือ ยุนโฮมาเฝ้าเขาทุกวันชนิดที่กระดิกตัวเซนเดียวร่างสูงยังรู้ พอเผลอหันไปสบตาเข้า ยุนโฮก็จะถามเขาว่า

     

    “จะเป็นแฟนกับฮยองต้องคิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

    แล้วนี่เขาไปตกลงกับยุนโฮตอนไหนเหรอว่าจะยอมให้เรียกมิคกี้แล้วจะเรียกยุนโฮว่าฮยองหน่ะ ? แล้วเพราะยุนโฮเอาแต่ถามคำถามนั้น ปาร์คยูชอนก็เลยล๊อคตัวเองไว้ในห้องซะเลย เจอกันเวลากินข้าวเท่านั้นพอ

     

    “อยากกินขนม”

     

    คิดได้ดังนั้นยูชอนจึงย่องลงไปข้างล่าง สำรวจดูคร่าวๆว่าไม่มีวี่แววของยุนโฮอยู่ก็เลยยืนกินคุ้กกี้กับน้ำส้มกล่องอยู่ตรงเคานท์เตอร์สบายใจเฉิบ

     

    “ไง เซกซี่?”

     

    ยูชอนสะดุ้งเฮือกเมื่อวงแขนอุ่นรวบกอดเข้าที่เอว ความอบอุ่นจากอกกว้างแผ่ซ่านผ่านเสื้อผ้ามาที่ผิวลื่นเย็นหลังอาบน้ำของตัวเอง

     

    จมูกโด่งก้มลงสูดความหอมของแอปเปิ้ลคาราเมลที่ข้างแก้ม ก่อนจะไล่กดริมฝีปากลงเบาๆตามแนวลำคอ ดีใจนิดหน่อยเพราะยูชอนยอมใช้สบู่เหลวกลิ่นแอปเปิ้ลคาราเมลที่เขาไปเหมามายกเซตเมื่อวันก่อน

     

    “เซกซี่อะไร ปล่อยเลย”

     

    “คืนนั้นเซกซี่จริงๆนะ โอ๊ย”

     

    กำปั่นลุ่นๆที่ส่งมาประทะอกไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ยุนโฮก็ร้องโอดโอยไปอย่างงั้น ก่อนจะส่งยิ้มให้ยูชอนที่หันมายืนกอดอกทำหน้าบึ้งโดยมียุนโฮยังโอบเอวไว้หลวมๆ

     

    “อย่ามาลามก แล้ววันนี้ฝนก็ไม่ได้ตก มาทำไมไม่ทราบ เลิกยุ่งกับเราแล้วก็กลับบ้านไปทำงานทำการได้แล้ว!

     

    “ก็รอผู้จัดการกลับไปด้วยกันอยู่นี่ไงครับ” ยุนโฮกระชับอ้อมแขนจนอีกคนโดนเบียดเข้ามาประทะอก จมูกโด่งกดลงที่กลุ่มผมหอม ปลายนิ้วยกขึ้นม้วนปลายผมนุ่ม สงสัยกลับไปต้องให้นานะตัดผมให้ยูชอนอีกซักทีแฮะ

     

    “ไม่ไป เราไม่เป็น ไปให้จุนซูเป็นนู่นสิ พี่ยุนโฮอย่างนู้นอย่างนี้เหอะ!” พ่นลมออกจมูกจนผมหน้าม้ากระจายพร้อมกับทำปากเบะ

     

    กริยาบูดบึ้งน่ารักดูน่าเอ็นดูจนอดจะหลุดขำออกมาไม่ได้ มืออุ่นๆลูบเบาๆที่แขนเนียน กดจมูกบนแก้มใสทั้งยังหัวเราะเครือในลำคอ

     

    “หัวเราะอะไร?”

     

    “คืนนั้นไม่ได้ฟังใช่ไหมที่บอกน่ะ มัวแต่ครางหล่ะสิ หื้ม?”

     

    “ไอ้.. ไอ้  ไอ้โรคจิต” ยูชอนผลักอกอีกคนสุดแรงจนหลุดออกมาจากอ้อมแขน แต่สุดท้ายชองยุนโฮก็ดึงแขนดึงมือกลับมายืนให้โอบเอวได้เหมือนเดิมอยู่ดี

     

    “ว่าง่ายๆแบบนี้สิน่ารัก” สาบานว่าชองยุนโฮแค่จูบยูชอนไปทีเดียว ร่างเพรียวก็ตัวอ่อนนุ่มนิ่ม ยอมยืนนิ่งๆในอ้อมแขนแต่โดยดี แหม่ รู้งี้ทำงี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนี่ละ !

     

    “...” ยูชอนถึงกับแตกจุด พูดอะไรไม่ออก มืออุ่นๆที่สอดเข้ามาในเสื้อเขาก็ไม่มีแรงจะปัดออกด้วยซ้ำ หัวใจเต้นตึกตัก สมองมีแต่แสงวูบวาบ ริ้วแดงพาดผ่านอยู่บนแก้ม ซึ่งแลดูน่ารักน่าจูบมากในสายตายุนโฮ

     

    “ตกลงเป็นแฟนกับฮยองนะ?”

     

    “ใครเป็นอะไร  ไม่เป็น” สะบัดหัวเรียกสติกลับมาก่อนจะพยายามดึงมือทั้งสองข้างนั้นออกจากเสื้อยืด ภาวนาในใจว่าถ้าหลุดออกไปได้จะขอขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดไปเลย

     

    “มิคกี้ เรื่องจุนซู”

     

    “รักมากนักก็กลับไปหาสิ แต่จุนซูเป็นแฟนกับพี่แจจุงนี่นะ ก็อาจจะยากหน่อย”

     

    “หยุดประชด แล้วฟังฮยองพูด”

     

    เพราะแววตาคมนั้นไม่มีแววล้อเล่นอย่างเคย มีแต่ความจริงจังที่ทำให้ยูชอนต้องยอมขยับตัวมาพิงเคานท์เตอร์ไว้แล้วยืนนิ่งฟังแต่โดยดี ตากลมมองมือที่สอดประสานเข้ากับมือของตัวเองก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น

     

    “ฮยองเคยเป็นแฟนกับจุนซู ใช่ แต่ว่าเลิกกันไปแล้วนะ ไม่สิ โดนทิ้งด้วยอีกต่างหาก”

     

    “?”

     

    เห็นสีหน้าฉงนของอีกคนยุนโฮเลยยิ้มบางๆแล้วยกมือที่ประสานกันอยู่ขื้นมาแนบริมฝีปากลงไป ก่อนจะรั้งขึ้นมาแนบแก้ม อ่อนโยนพอที่จะทำให้แก้มขาวๆมีสีแดงจางๆอีกครั้ง

     

    “ก็คบกันจนกระทั่งพี่ชายเรามา จุนซูก็ขอเลิกกับฮยอง แล้วก็ ...นั่นหล่ะ”

     

    “แล้วห้องนั่นหล่ะ ทาสีใหม่ทำไม สั่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทำไม แถมยัง แถมยัง ! มีกรอบรูปจุนซูในห้องด้วย!” ครั้งแรกที่เข้าไปยูชอนจำได้ว่ามันก็เป็นห้องเขรอะฝุ่นเหมือนห้องเก็บของห้องนึง แต่ล่าสุดที่เข้าไป ผนังห้องเปลี่ยนเป็นสีสดใส เฟอร์นิเจอร์ไม้สีขาวดูใหม่ทุกชิ้น แล้วก็มีลังของที่ปัดฝุ่นเรียบร้อยกับกรอบรูปของจุนซูที่ตั้งอยู่ด้วย เห็นแล้วมันโมโหก็เลยแปะโพสอิทไว้บนนั้นมันซะเลย

     

    “ก็จริงๆห้องนั่นมันก็ห้องของจุนซูนี่นา”

     

    ปึ๊ด !

     

    ยูชอนได้ยินเสียงเส้นความอดทนของตัวเองขาดผึงดังลั่น พร้อมกับความโมโหที่พุ่งขึ้นมาประทุเปรี๊ยะๆ

     

    ไอบ้าไหนบอกว่ารักเราไง! ตอนอยู่ที่นู่นบอกว่าชอบเรามากใช่ไหม! แล้วจะเอาจุนซูมาอยู่ข้างห้องเรานี่นะ บ้ารึเปล่า คิดว่าเราจะทนไหวไหมถ้าคนรักเก่าของแฟนตัวเองมาอยู่ข้างห้องให้เสียวใจเล่นทุกวันน่ะ ยิ้มอะไรไอบ้า!

     

    “บอกว่าห้องจุนซู แต่จุนซูไม่เคยมาอยู่เลยนะ แล้วก็คงจะไม่ได้มาอยู่หรอกน่า”

     

    “อย่ามาเล่นลิ้น ออกไปไกลๆ ไม่ต้องเอามือมาจับเลย”  ยูชอนดันอกอีกคนที่ทำท่าจะเข้ามากอดออก โดนกอดทีเดียวเขาก็อ่อนยวบแล้ว นี่ถ้าหมอนี่จูบเข้าด้วยตายพอดี

     

    “ก็ที่ทาสีกับสั่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็สั่งให้เรานั่นแหล่ะ แต่ไปๆมาๆคิดว่านอนอยู่ห้องเดียวกันก็ดีแล้ว ก็เลยไม่ได้ย้ายของเก่าๆออกไปหมดสักที อีกอย่างเราก็คงไม่อยากนอนห้องของคนรักเก่าฮยองหรอกใช่มั้ยหล่ะ” จบประโยคด้วยรอยยิ้มมุมปากที่เท่ห์แต่ก็น่าตบเข้าให้ด้วยหมั่นไส้สักทีนึงเหลือเกินในสายตายูชอน

     

    คนตัวเล็กกว่ายังยืนกอดอกปากบึ้งเป็นเป็ด แถมยังปัดมือยุนโฮออกไม่ยอมให้จับด้วย

     

    “แล้วเก็บรูปจุนซูไว้ทำไม แถมยังให้มาปลูกต้นไม้ให้ที่ร้านอีก คนอื่นปลูกต้นไม้ไม่ได้รึไง ชางมินก็ทำได้นี่!” บ่นยาวเสียงแข็งจนคนฟังได้แต่พยักหน้าตามแล้วยิ้มแล้วยิ้มอีก นี่ตกลงโมโหหึงเขาอยู่สินะ ? เรียกแบบนั้นได้รึเปล่า?

     

    “หึงเหรอ?” คิดว่าพูดไปแล้วอีกคนคงหัวฟัดหัวเหวี่ยง อาจจะไม่ยอมรับแถมฝากรอยเล็บไว้บนหน้าเขาอีกก็เป็นได้ แต่คำตอบของยูชอนก็ทำให้ยุนโฮได้อมยิ้มอีก อยากจะคว้าร่างขาวตรงหน้ามาขยำให้ขึ้นรอยมือเลยเชียว

     

    “เออสิ ! ไม่ต้องมายิ้ม! ถ้าเหตุผลไม่ดีไม่คบนะ !

     

     

    “ก็ .. เช้าวันนั้นฮยองถามเราแล้วนะว่าไปร้านมั้ย เราก็ไม่ไปเองนี่นา เฮ้ เดี๋ยวสิ” ย่นคอหนีเมื่ออีกคนง้างหมัดขึ้นจะชกเขาเข้าให้ สาบานเลยว่าเขาจะไม่นอกใจยูชอนเป็นอันขาด แรงหึงนี่เขารับมือไม่ไหวจริงๆ ถึงมันจะออกไปทางแนวตลกน่าเอ็นดูมากกว่าก็เถอะ

     

    “แล้วแจจุงก็นัดจุนซูมา ไออ้วนนั่นเห็นต้นไม้ก็ทำท่าดีด๊า ฮยองก็เลยให้มาช่วยไง ชางมินก็ช่วยอยู่นะ”

     

    “อ๋ออ นี่สนิทกันขนาดเรียกไออ้วนเลยเหรอ?”

     

    “ทำไม อยากให้ฮยองเรียกเราไอเหม่งงี้มั้ยหล่ะ?”

     

    “ชองยุนโฮ ไปไหนก็ไปเลยไป !” เรื่องอะไรจะต้องมีชื่อเล่นให้เรียกเหมือนจุนซูนั่นด้วยหล่ะ ยูชอนก็ยูชอน มิคกี้ก็มิคกี้สิ ฮึ! สะบัดบ๊อบที่เริ่มยาวของตัวเองใส่ยุนโฮพร้อมกับสะบัดหนีออกไปจากห้องครัว แต่ยุนโฮก็วิ่งตามไปสวมกอดเอวบางจากทางด้านหลัง พร้อมกับโน้มลงกระซิบที่ข้างหู

     

    “กรอบรูป .. ก็มีเพราะแต่ก่อนฮยองรักจุนซู แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว มียูชอนแล้วนี่ไง” คำแรกที่ยุนโฮบอกว่ารักจุนซูทำให้เจ็บจี๊ดๆไม่น้อย แต่ไอประโยคหลังก็พอจะทำให้ยิ้มออกมาได้อยู่หรอก

     

    “กลับไปต้องไม่เห็นแล้วนะ เอาไปโยนไกลๆเลย”

     

    “นี่แปลว่าตกลงเหรอ?” พลิกตัวอีกคนให้หันมาเผชิญหน้า พยายามจ้องดวงตาสุกใสที่กลอกไปมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แต่เขารู้วิธีที่จะทำให้ยูชอนยื่นนิ่งๆหน่า

     

    “อื้อ” จูบรอบนี้ทำเอายูชอนต้องยืนพิงยุนโฮเป็นหลักยึด ปลายลิ้นที่ค่อยๆละเลียดเกี่ยวกระหวัดช้าๆอย่างอ่อนโยนทำให้ปอดยูชอนแทบจะไม่มีอากาศเหลืออยู่  แน่ล่ะปาร์คยูชอนยืนนิ่งไม่หือไม่อือ มองเข้าตาเยิ้มอย่างเดียวเลยทีนี้

     

    “เป็นแฟนกันนะ?”

     

    “อือ”

     

    “หืม?”

     

    “ก็เป็นไงเล่า อื๊อ!” มือที่ทุบอกยุนโฮอยู่เปลี่ยนเป็นขยำปกเสื้อยุนโฮแน่นเพื่อพยุงตัวเองแทนเมื่อริมฝีปากอุ่นๆทาบลงมาอีกครั้ง

     

    “ขึ้นห้องกัน”

     

    “เฮ้ย มะ ไม่เอานะ” ยูชอนที่ถูกอุ้มจนตัวลอยร้องโวยวาย ครั้งแรกของเขายังระบมอยู่เลย แล้วหมอนี่ก็รุนแรงกับเขาน้อยซะเมื่อไหร่

     

    “เป็นแฟนกันแล้วฮยองจะใช้สิทธิให้คุ้มเลย”

     

    ฮืออออออออออออออ ใครก็ได้ช่วยปาร์คยูชอนด้วยยยยยยยยยยยย T T

     
    End  หรือไม่ End ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×