คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : Part 36 Can you be my boyfriend? (End)
วันนี้ฝนตกอะค่ะ เลยอารมณ์ดี ลงให้อีกตอน :)
จริงๆตอนนี้ก็เป็นตอนจบของฟิคเรื่องนี้เเล้วค่ะ . ได้มั้ย ?
ให้คนอ่านลองตัดสินใจดู เเต่ส่วนตัวคนเขียนว่ามันจบห้วนไป
อาจจะมีอีกสักตอน ? ว่ายังไงกันเอ่ยยยยย?
* เจ้าของคอมเมนท์ที่ 300 มีรางวัลให้นะค้า :)
______________________________________________________________________________________________
PART 36
ปาร์คยูชอนปิดปากเงียบนั่งจ้วงข้างใส่ปากเอาๆอย่างหิวโหยเพราะเมื่อคืนถูกสูบพลังงานไปหมดตัว ไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนสภาพนี่ดูไม่ได้ ผิดกับยุนโฮที่นั่งยิ้มไม่หุบมาตั้งแต่เช้า
“แม่ฝากน้องด้วยนะยุนโฮ”
“เห๊ะ?” ช้อนทองเหลืองร่วงหลุดจากมือกระทบจานดังแก๋ง ยูชอนเงยหน้าขึ้นมองมารดาสลับกับมองหน้ายุนโฮที่นั่งยิ้มแผล่อยู่ข้างๆเขา นี่ไปแอบตีซี้หม่าม๊าเขาตอนไหนอีกวะเนี่ย ? ทำไมไม่เคยรู้
“เดี๋ยวแม่จะออกไปสมาคมซักหน่อย อย่ารุนแรงกะพี่เขาหล่ะ”
“แม่เข้าสมาคมตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ แล้วใครรุนแรงกะใครกันแน่?” ตวัดใต้ตาคล้ำหันไปมองยุนโฮแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอคนรุนแรงนั่นมันไอบ้าที่นั่งข้างๆเขานี่ตั่งหาก ตอนนี้แค่นั่งเฉยๆยังระบมจนอยากจะร้องไห้
“ก็ตั้งแต่รู้ว่ามีลูกเขยเปิดร้านกาแฟนั่นหล่ะ แม่ก็เลยไปเข้าชมรมทำขนมของแม่บ้านอเมริกัน ส่งเสริมกันซะหน่อย”
“แค่กๆ แค่ก” ยูชอนที่กำลังตักน้ำแกงร้อนๆเข้าปากถึงกับสำลักจนแสบจมูกแสบคอ เดือดร้อนคนข้างๆต้องเอื้อมมือมาลูบหลังให้คนที่กำลังสำลักเอาเป็นเอาตายจนหูเหอแดงไปหมด
อยากจะตะโกนว่าหม่าม๊าทรยศผมมมมมมมมมมม แต่ก็ยังแสบคอไม่หายเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป อวยกันขนาดนี้นี่ไม่ใช่ว่ายุนโฮหอบสินสอนมาติดสินบนแม่เขาแล้วเรอะ ถึงได้ขายลูกตัวเองสุดตัวขนาดนี้เนี่ย
“ล้างจานให้คุณหม่ามี๊ด้วยนะครับลูก” เดินมาหอมแก้มยูชอนเสร็จก็ส่งยิ้มหวานให้ลูกเขยก่อนจะคว้าวิตตองลูกรัก เดินลอยชายไปขึ้นรถแล้วก็เหยียบมิดออกไปนู่นแล้ว
“แม่นายน่ารักดีนะ”
“ไปเป่ามนต์อะไรแม่เราหล่ะ ถึงได้อวยกันขนาดนี้น่ะ” ฟาดเพี้ยะไปเบาๆที่หน้าหล่อก่อนจะรวบจานมารวมกันแล้วยกหนีเข้าไปในครัว นี่อยากตะโกนบอกให้โลกรู้เหลือเกินว่าเขาระบมไปทั้งตัวจนเดินจะไม่ไหวเพราะไอคนที่ยิ้มหน้าสลอนอยู่ตั้งแต่เช้านั่น
ยุนโฮยกจานที่เหลือเดินตามเข้าไปในครัว อดจะขำไม่ได้เพราะเห็นว่าตัวแสบกำลังยืนกุมสะโพกพิงอ่างล้างจานอยู่นั่นหน่ะ
“ออกไปห่างๆเลยนะ นายมันตัวอันตราย” พยายามแกะมือคนที่มายืนซ้อนด้านหลังแถมสอดมือผ่านเอวเข้ามาเกาะที่ขอบอ่างจนเขาขยับไปไหนไม่ได้ ถึงขยับได้ก็ไม่อยากหรอก สู้กับหมอนี่เหนือยเปล่าแถมเจ็บก้นด้วยอีก เสียเปรียบชัดๆ ก็เลยยอมให้อีกคนช่วยล้างจานจนเสร็จ
“ไม่”
“เอ้า เสื้อผ้าแห้งแล้วก็กลับบ้านไปเลย ชุดนั้นไม่ต้องเอามาคืน แล้วก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาอีกนะ” ยัดเสื้อผ้าใส่อ้อมแขนแล้วก็พยายามขมวดคิ้วแบบโหดที่สุดแล้ว แต่มันก็ดูน่ารักน่าฟัดซะมากกว่า
“เป็นแฟนกันนะ?”
ยูชอนกระพริบตาปริบๆติดกันหลายทีจนขนตายาวเป็นแพกระพือ ปากอ้าน้อยๆในขณะที่สมองกำลังประมวลผลกับ ‘เป็นแฟนกันนะ’ ที่ชองยุนโฮพูดออกมาโต้งๆด้วยหน้าตาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ และรอยยิ้มที่แต้มน้อยๆบนริมฝีปาก ที่เขาไล่อยู่ปาวๆนี่ไม่ได้เข้าหูพ่อคุณเลยใช่มั้ยเนี่ย?
“ใครเป็นแฟนใคร อะไรนะ?”
“นาย อยากเป็นแฟนฉันไหมหล่ะ?”
คราวนี้คำถามชัดเจนจนอยากจะมุดพื้นหนี แต่ยูชอนก็ยังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“เอาเสื้อผ้าแล้วก็กลับบ้านไปไป๊ ชุดนั้นไม่ต้องเอามาคืนหล่ะ” ต้องกันไว้ก่อนเผื่อว่าชองยุนโฮจะเล่นมุข ฉันก็แค่อยากจะเอาชุดมาคืน อะไรแบบนี้
“มิคกี้ เป็นแฟนกับฮยองนะ” วงแขนยาวตวัดเข้าที่รอบเอวบางของคนที่เดินขโยกเขยกไปหาบันได ก่อนจะรวบกอดจนแผ่นหลังบางแนบกับอกกว้างของตัวเอง
...............................................................................
ยูชอนสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยเรียกคุณนายปาร์คที่กำลังง่วนร่อนแป่งทำขนมสีขาวอยู่ในครัว
“ม๊า”
“ว่ายังไงครับคุณลูก”คุณนายปาร์คละมือออกจากตะกร้อแป้ง เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนสีหวานก่อนจะเดินมาบีบแก้มลูกชายที่นั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทานข้าว
“ถ้าผมมีแฟน”
“ไม่ใช่แจจุงใช่ไหม?”
“แม่ !”
“อู๊ยยยยย ร้องซะเสียงดังเชียว ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นก็ยุนโฮสุดหล่อของแม่หล่ะสิ” ถึงขั้นต้องเอามือลูบอกเพื่อปลอบหัวใจที่ตกใจกับเสียงแหกปากเรียกแม่ของลูกชาย นี่ใคร? คุณนายปาร์คนะ! จะไม่รู้เรื่องแจจุงลูกชายบ้านใหญ่ที่ทำให้ยูชอนถึงกับต้องขึ้นเครื่องบินข้ามทะเลไปหาได้ยังไงหล่ะ
“ยุนโฮสุดหล่อของแม่เหรอ?” ทวนคำซ้ำพร้อมกับเบ้หน้า อยากจะถามแม่ว่าหมอนั่นหน่ะนะหล่อ แต่พอนึกได้ว่ายุนโฮหล่อจริงๆก็เลยได้แต่สงบปากสงบคำเอาไว้
“ถูกต้องแล้วครับคุณลูก”
“ก็ใช่ แล้วแม่ว่ายังไง?” ทำลอยหน้าลอยตาแต่ก็แอบสังเกตุปฏิกริยาแม่ของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“แม่ว่า ทีหลังเอาจินซอนมาด้วยก็ดีนะ แม่อยากเล่นกับหลาน”
“แมมมมม่” ยูชอนครางในลำคอ อ้าปากหวอ นี่อิตาชองยุนโฮสุดหล่อของแม่ไปตีซี้กับแม่เขาถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย อย่าให้อยู่ใกล้นะพ่อจะเอาไม้นวดแป้งฟาดหัวซะให้เข็ด
“แม่หน่ะเคลียร์กับยุนโฮเรียบร้อยแล้วนา เหลือแต่ลูกน่ะ” ป้ายแป้งลงบนแก้มลูกชายที่นั่งหน้าเหลอหลาขมวดคิ้วมุ่น นี่ไปเคลียร์กันตอนไหนอีกหล่ะ ยุนโฮก็ตัวติดหนึบอยู่กับเขาตลอด หรือว่าจะไปเมาท์กับแม่ที่ชมรมแม่บ้านทหารบกอะไรนั่น?
“ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยนั่นแหล่ะ” ในขณะที่กำลังนั่งสงสัยว่าคุณชองกับคุณนายปาร์คเอาเวลาไหนไปคุยกัน คุนนายก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาซะดื้อๆ
“งั้นแม่รักยุนโฮรึเปล่า?”
“เอ๊า แล้วลูกรักยุนโฮมั้ยหล่ะ มาถามคุณแม่ทำไมหล่ะลูกกกกกก” ไอนิสัยคิดเล็กคิดน้อยตัดสินใจไม่ได้ซักทีของยูชอนกับเรื่องพวกนี้นี่มันแกไม่หายสักทีหนอ?
“ทำไมเรามันตัดสินใจให้มันง่ายๆเหมือนเวลาซื้อกล้องซื้อหมวกอะไรของเราบ้างหล่ะ คิดนานจังเรื่องนี้”
“แล้วยุนโฮใช่สิ่งของไหมหล่ะม๊า?”
“ออกไปเลยป่ะ ม๊าปวดหัวกะหนูแล้วนะ” ยกมือขึ้นซับเหงื่อบนหน้าเบาๆก่อนจะลงมือตีไข่ขาว พร้อมกับเหลือบมองลูกชายที่เดินกัดเล็บออกไปจากห้องครัว
..............................
แน่หล่ะ ที่เขาต้องบากหน้าไปขอความเห็นหม่าม๊าเรื่องยุนโฮก็เพราะว่ายังไม่ได้ตอบอะไรไปน่ะสิ พอยุนโฮถามมาแบบนั้น เขาก็ตกใจผลักร่างสูงออกแล้วก็วิ่งหนีขึ้นมาขังตัวเองไว้ในห้องแบบที่ทำอยู่นี่หล่ะ
ที่แน่ๆก็คือ ยุนโฮมาเฝ้าเขาทุกวันชนิดที่กระดิกตัวเซนเดียวร่างสูงยังรู้ พอเผลอหันไปสบตาเข้า ยุนโฮก็จะถามเขาว่า
“จะเป็นแฟนกับฮยองต้องคิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
แล้วนี่เขาไปตกลงกับยุนโฮตอนไหนเหรอว่าจะยอมให้เรียกมิคกี้แล้วจะเรียกยุนโฮว่าฮยองหน่ะ ? แล้วเพราะยุนโฮเอาแต่ถามคำถามนั้น ปาร์คยูชอนก็เลยล๊อคตัวเองไว้ในห้องซะเลย เจอกันเวลากินข้าวเท่านั้นพอ
“อยากกินขนม”
คิดได้ดังนั้นยูชอนจึงย่องลงไปข้างล่าง สำรวจดูคร่าวๆว่าไม่มีวี่แววของยุนโฮอยู่ก็เลยยืนกินคุ้กกี้กับน้ำส้มกล่องอยู่ตรงเคานท์เตอร์สบายใจเฉิบ
“ไง เซกซี่?”
ยูชอนสะดุ้งเฮือกเมื่อวงแขนอุ่นรวบกอดเข้าที่เอว ความอบอุ่นจากอกกว้างแผ่ซ่านผ่านเสื้อผ้ามาที่ผิวลื่นเย็นหลังอาบน้ำของตัวเอง
จมูกโด่งก้มลงสูดความหอมของแอปเปิ้ลคาราเมลที่ข้างแก้ม ก่อนจะไล่กดริมฝีปากลงเบาๆตามแนวลำคอ ดีใจนิดหน่อยเพราะยูชอนยอมใช้สบู่เหลวกลิ่นแอปเปิ้ลคาราเมลที่เขาไปเหมามายกเซตเมื่อวันก่อน
“เซกซี่อะไร ปล่อยเลย”
“คืนนั้นเซกซี่จริงๆนะ โอ๊ย”
กำปั่นลุ่นๆที่ส่งมาประทะอกไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ยุนโฮก็ร้องโอดโอยไปอย่างงั้น ก่อนจะส่งยิ้มให้ยูชอนที่หันมายืนกอดอกทำหน้าบึ้งโดยมียุนโฮยังโอบเอวไว้หลวมๆ
“อย่ามาลามก แล้ววันนี้ฝนก็ไม่ได้ตก มาทำไมไม่ทราบ เลิกยุ่งกับเราแล้วก็กลับบ้านไปทำงานทำการได้แล้ว!”
“ก็รอผู้จัดการกลับไปด้วยกันอยู่นี่ไงครับ” ยุนโฮกระชับอ้อมแขนจนอีกคนโดนเบียดเข้ามาประทะอก จมูกโด่งกดลงที่กลุ่มผมหอม ปลายนิ้วยกขึ้นม้วนปลายผมนุ่ม สงสัยกลับไปต้องให้นานะตัดผมให้ยูชอนอีกซักทีแฮะ
“ไม่ไป เราไม่เป็น ไปให้จุนซูเป็นนู่นสิ พี่ยุนโฮอย่างนู้นอย่างนี้เหอะ!” พ่นลมออกจมูกจนผมหน้าม้ากระจายพร้อมกับทำปากเบะ
กริยาบูดบึ้งน่ารักดูน่าเอ็นดูจนอดจะหลุดขำออกมาไม่ได้ มืออุ่นๆลูบเบาๆที่แขนเนียน กดจมูกบนแก้มใสทั้งยังหัวเราะเครือในลำคอ
“หัวเราะอะไร?”
“คืนนั้นไม่ได้ฟังใช่ไหมที่บอกน่ะ มัวแต่ครางหล่ะสิ หื้ม?”
“ไอ้.. ไอ้ ไอ้โรคจิต” ยูชอนผลักอกอีกคนสุดแรงจนหลุดออกมาจากอ้อมแขน แต่สุดท้ายชองยุนโฮก็ดึงแขนดึงมือกลับมายืนให้โอบเอวได้เหมือนเดิมอยู่ดี
“ว่าง่ายๆแบบนี้สิน่ารัก” สาบานว่าชองยุนโฮแค่จูบยูชอนไปทีเดียว ร่างเพรียวก็ตัวอ่อนนุ่มนิ่ม ยอมยืนนิ่งๆในอ้อมแขนแต่โดยดี แหม่ รู้งี้ทำงี้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนี่ละ !
“...” ยูชอนถึงกับแตกจุด พูดอะไรไม่ออก มืออุ่นๆที่สอดเข้ามาในเสื้อเขาก็ไม่มีแรงจะปัดออกด้วยซ้ำ หัวใจเต้นตึกตัก สมองมีแต่แสงวูบวาบ ริ้วแดงพาดผ่านอยู่บนแก้ม ซึ่งแลดูน่ารักน่าจูบมากในสายตายุนโฮ
“ตกลงเป็นแฟนกับฮยองนะ?”
“ใครเป็นอะไร ไม่เป็น” สะบัดหัวเรียกสติกลับมาก่อนจะพยายามดึงมือทั้งสองข้างนั้นออกจากเสื้อยืด ภาวนาในใจว่าถ้าหลุดออกไปได้จะขอขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดไปเลย
“มิคกี้ เรื่องจุนซู”
“รักมากนักก็กลับไปหาสิ แต่จุนซูเป็นแฟนกับพี่แจจุงนี่นะ ก็อาจจะยากหน่อย”
“หยุดประชด แล้วฟังฮยองพูด”
เพราะแววตาคมนั้นไม่มีแววล้อเล่นอย่างเคย มีแต่ความจริงจังที่ทำให้ยูชอนต้องยอมขยับตัวมาพิงเคานท์เตอร์ไว้แล้วยืนนิ่งฟังแต่โดยดี ตากลมมองมือที่สอดประสานเข้ากับมือของตัวเองก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น
“ฮยองเคยเป็นแฟนกับจุนซู ใช่ แต่ว่าเลิกกันไปแล้วนะ ไม่สิ โดนทิ้งด้วยอีกต่างหาก”
“?”
เห็นสีหน้าฉงนของอีกคนยุนโฮเลยยิ้มบางๆแล้วยกมือที่ประสานกันอยู่ขื้นมาแนบริมฝีปากลงไป ก่อนจะรั้งขึ้นมาแนบแก้ม อ่อนโยนพอที่จะทำให้แก้มขาวๆมีสีแดงจางๆอีกครั้ง
“ก็คบกันจนกระทั่งพี่ชายเรามา จุนซูก็ขอเลิกกับฮยอง แล้วก็ ...นั่นหล่ะ”
“แล้วห้องนั่นหล่ะ ทาสีใหม่ทำไม สั่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทำไม แถมยัง แถมยัง ! มีกรอบรูปจุนซูในห้องด้วย!” ครั้งแรกที่เข้าไปยูชอนจำได้ว่ามันก็เป็นห้องเขรอะฝุ่นเหมือนห้องเก็บของห้องนึง แต่ล่าสุดที่เข้าไป ผนังห้องเปลี่ยนเป็นสีสดใส เฟอร์นิเจอร์ไม้สีขาวดูใหม่ทุกชิ้น แล้วก็มีลังของที่ปัดฝุ่นเรียบร้อยกับกรอบรูปของจุนซูที่ตั้งอยู่ด้วย เห็นแล้วมันโมโหก็เลยแปะโพสอิทไว้บนนั้นมันซะเลย
“ก็จริงๆห้องนั่นมันก็ห้องของจุนซูนี่นา”
ปึ๊ด !
ยูชอนได้ยินเสียงเส้นความอดทนของตัวเองขาดผึงดังลั่น พร้อมกับความโมโหที่พุ่งขึ้นมาประทุเปรี๊ยะๆ
“ไอบ้าไหนบอกว่ารักเราไง! ตอนอยู่ที่นู่นบอกว่าชอบเรามากใช่ไหม! แล้วจะเอาจุนซูมาอยู่ข้างห้องเรานี่นะ บ้ารึเปล่า คิดว่าเราจะทนไหวไหมถ้าคนรักเก่าของแฟนตัวเองมาอยู่ข้างห้องให้เสียวใจเล่นทุกวันน่ะ ยิ้มอะไรไอบ้า!”
“บอกว่าห้องจุนซู แต่จุนซูไม่เคยมาอยู่เลยนะ แล้วก็คงจะไม่ได้มาอยู่หรอกน่า”
“อย่ามาเล่นลิ้น ออกไปไกลๆ ไม่ต้องเอามือมาจับเลย” ยูชอนดันอกอีกคนที่ทำท่าจะเข้ามากอดออก โดนกอดทีเดียวเขาก็อ่อนยวบแล้ว นี่ถ้าหมอนี่จูบเข้าด้วยตายพอดี
“ก็ที่ทาสีกับสั่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็สั่งให้เรานั่นแหล่ะ แต่ไปๆมาๆคิดว่านอนอยู่ห้องเดียวกันก็ดีแล้ว ก็เลยไม่ได้ย้ายของเก่าๆออกไปหมดสักที อีกอย่างเราก็คงไม่อยากนอนห้องของคนรักเก่าฮยองหรอกใช่มั้ยหล่ะ” จบประโยคด้วยรอยยิ้มมุมปากที่เท่ห์แต่ก็น่าตบเข้าให้ด้วยหมั่นไส้สักทีนึงเหลือเกินในสายตายูชอน
คนตัวเล็กกว่ายังยืนกอดอกปากบึ้งเป็นเป็ด แถมยังปัดมือยุนโฮออกไม่ยอมให้จับด้วย
“แล้วเก็บรูปจุนซูไว้ทำไม แถมยังให้มาปลูกต้นไม้ให้ที่ร้านอีก คนอื่นปลูกต้นไม้ไม่ได้รึไง ชางมินก็ทำได้นี่!” บ่นยาวเสียงแข็งจนคนฟังได้แต่พยักหน้าตามแล้วยิ้มแล้วยิ้มอีก นี่ตกลงโมโหหึงเขาอยู่สินะ ? เรียกแบบนั้นได้รึเปล่า?
“หึงเหรอ?” คิดว่าพูดไปแล้วอีกคนคงหัวฟัดหัวเหวี่ยง อาจจะไม่ยอมรับแถมฝากรอยเล็บไว้บนหน้าเขาอีกก็เป็นได้ แต่คำตอบของยูชอนก็ทำให้ยุนโฮได้อมยิ้มอีก อยากจะคว้าร่างขาวตรงหน้ามาขยำให้ขึ้นรอยมือเลยเชียว
“เออสิ ! ไม่ต้องมายิ้ม! ถ้าเหตุผลไม่ดีไม่คบนะ !”
“ก็ .. เช้าวันนั้นฮยองถามเราแล้วนะว่าไปร้านมั้ย เราก็ไม่ไปเองนี่นา เฮ้ เดี๋ยวสิ” ย่นคอหนีเมื่ออีกคนง้างหมัดขึ้นจะชกเขาเข้าให้ สาบานเลยว่าเขาจะไม่นอกใจยูชอนเป็นอันขาด แรงหึงนี่เขารับมือไม่ไหวจริงๆ ถึงมันจะออกไปทางแนวตลกน่าเอ็นดูมากกว่าก็เถอะ
“แล้วแจจุงก็นัดจุนซูมา ไออ้วนนั่นเห็นต้นไม้ก็ทำท่าดีด๊า ฮยองก็เลยให้มาช่วยไง ชางมินก็ช่วยอยู่นะ”
“อ๋ออ นี่สนิทกันขนาดเรียกไออ้วนเลยเหรอ?”
“ทำไม อยากให้ฮยองเรียกเราไอเหม่งงี้มั้ยหล่ะ?”
“ชองยุนโฮ ไปไหนก็ไปเลยไป !” เรื่องอะไรจะต้องมีชื่อเล่นให้เรียกเหมือนจุนซูนั่นด้วยหล่ะ ยูชอนก็ยูชอน มิคกี้ก็มิคกี้สิ ฮึ! สะบัดบ๊อบที่เริ่มยาวของตัวเองใส่ยุนโฮพร้อมกับสะบัดหนีออกไปจากห้องครัว แต่ยุนโฮก็วิ่งตามไปสวมกอดเอวบางจากทางด้านหลัง พร้อมกับโน้มลงกระซิบที่ข้างหู
“กรอบรูป .. ก็มีเพราะแต่ก่อนฮยองรักจุนซู แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว มียูชอนแล้วนี่ไง” คำแรกที่ยุนโฮบอกว่ารักจุนซูทำให้เจ็บจี๊ดๆไม่น้อย แต่ไอประโยคหลังก็พอจะทำให้ยิ้มออกมาได้อยู่หรอก
“กลับไปต้องไม่เห็นแล้วนะ เอาไปโยนไกลๆเลย”
“นี่แปลว่าตกลงเหรอ?” พลิกตัวอีกคนให้หันมาเผชิญหน้า พยายามจ้องดวงตาสุกใสที่กลอกไปมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่เขารู้วิธีที่จะทำให้ยูชอนยื่นนิ่งๆหน่า
“อื้อ” จูบรอบนี้ทำเอายูชอนต้องยืนพิงยุนโฮเป็นหลักยึด ปลายลิ้นที่ค่อยๆละเลียดเกี่ยวกระหวัดช้าๆอย่างอ่อนโยนทำให้ปอดยูชอนแทบจะไม่มีอากาศเหลืออยู่ แน่ล่ะปาร์คยูชอนยืนนิ่งไม่หือไม่อือ มองเข้าตาเยิ้มอย่างเดียวเลยทีนี้
“เป็นแฟนกันนะ?”
“อือ”
“หืม?”
“ก็เป็นไงเล่า อื๊อ!” มือที่ทุบอกยุนโฮอยู่เปลี่ยนเป็นขยำปกเสื้อยุนโฮแน่นเพื่อพยุงตัวเองแทนเมื่อริมฝีปากอุ่นๆทาบลงมาอีกครั้ง
“ขึ้นห้องกัน”
“เฮ้ย มะ ไม่เอานะ” ยูชอนที่ถูกอุ้มจนตัวลอยร้องโวยวาย ครั้งแรกของเขายังระบมอยู่เลย แล้วหมอนี่ก็รุนแรงกับเขาน้อยซะเมื่อไหร่
“เป็นแฟนกันแล้วฮยองจะใช้สิทธิให้คุ้มเลย”
ฮืออออออออออออออ ใครก็ได้ช่วยปาร์คยูชอนด้วยยยยยยยยยยยย T T
End หรือไม่End ?
ความคิดเห็น