คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Part 11 No chance
Part 11 No chance
ฝนตก ....
ยูชอนยืนกระพริบตาปริบ ลมแรงพัดกรรโชกประทะใบหน้า หลังจากส่งจินซอนกับยุนโฮขึ้นรถแล้ว
ฝนก็เท่ลงมาซู่ใหญ่ สายฟ้าผ่ามาแว่บใหญ่ทำเอาอีกคนสะดุ้งวาบ ตัดสินใจยกมืออุดหูแล้ววิ่งฝ่าฝนไม่ลืมหูลืมตากลับบ้านกะเอารวดเดียวถึง
เวลานี้มันไม่ควรจะมาวิ่งอยู่ตรงนี้เลย เขาควรจะซุกตัวอยู่ที่เตียง หรือไม่ก็ฟังเพลงดังลั่นมากกว่า
..
‘ยูชอนยังไม่กลับเลย อยู่ไหนกันนะ?’
แจจุงมองฝ่าส่ายฝนออกไปยังท้องฟ้ามืด เขาไม่ได้เห็นหน้ายูชอนมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งๆอยู่กับการเทียวไปเทียวมาหาจุนซู
“โอ๊ย หนาวสุดๆ” แจจุงหันตามเสียงโครมครามทางประตูหน้าห้อง พบว่าเป็นยูชอนกำลังยืนสั่นระริก ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนเย็นเฉียบ
อีกคนหันมาแล้วถึงกับผงะ ห้องสีน้ำตาลโทนวินเทจของเขาดันกลายเป็นห้องสีขาวซะนี่ แล้วนั่นก็พี่แจจุงนั่งอยู่บนเตียง เลยเตรียมจะกระชากประตูเปิดอีกหน เพราะอยู่นานกว่านี้พรมคงยิ่งเปียกชุ่ม
“มานี่เลยยูชอน” ร่างสูงดึงอีกคนให้เข้ามาใกล้ ฟังริมฝีปากแดงบ่นมุบมิบว่าขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อนได้ไหม แต่เพราะพี่ชายรั้งแขนไว้ แจจุงเห็นน้องชายสะดุ้งวาบตอนฟ้าผ่าเลยว่าคงยังให้ไปไหนไม่ได้
“ถอดเสื้อสิ”
“ห้ะ ? ” ยูชอนยื่นนิ่ง กระพริบตาปริบ ตะกี้พี่แจจุงว่าอะไรนะ ถอดเสื้อ
“อยากปอดบวมตายหรือไง มานี่เร็วๆเข้า” แจจุงรั้งปลายเสื้อเปียกโชกของอีกคนขึ้น ยูชอนปัดมืออีกคนออก งึมงำว่าถอดเองได้แล้วถึงได้ดึงเสื้อออกทางหัว
“นี่ ทีหลังฝนมันตกโทรมาสิ พี่ไปรับก็ได้” แจจุงส่งฮู้ดกับขาสั้นพอดีเข่าให้ให้ รู้สึกผิดเล็กน้อยที่นอนหลับยาวเพราะอากาศกำลังสบาย มาตื่นก็ตอนฟ้าผ่าเปรี้ยงใหญ่แล้วนึกขึ้นได้ว่ายูชอนกลัวฟ้าตอนฝนตกแค่ไหน
“พี่ชอบนอนอากาศแบบนี้นี่นา อีกอย่างมันแค่ตกปรอยๆ ฮัดดด ชิ่วว” ยูชอนคราง หงุดหงิดตัวเองเพราะจามติดติดกันมันแสนจะน่ารำคาญ ฟังแจจุงบ่นอีกยาวว่าตกปรอยๆนั่นแล่ะทำให้ไม่สบาย แต่ก็โปะผ้าขนหนูผืนหอมบนผมชื้นแล้วเช็ดให้แผ่วเบา
ยูชอนนั่งฟังแจจุงบ่นเงียบๆ เขาไม่ชอบให้คนอื่นบ่นหรือว่า ไม่ใช่ว่ารำคาญแต่มันเหมือนว่ารับผิดชอบตัวเองไม่เป็น เขาไม่ได้เจอพี่ชายตัวเองหนึ่งอาทิตย์ แจจุงมีผมทรงใหม่ ผมสีใหม่ หน้าตาก็ดูสดใสกว่าเดิม
‘กำลังมีความสุขอะไรหนอ ? ’
“พี่เป็นห่วงนะ ไม่ได้ให้กลับมาเกาหลีเพื่อนทำทุกอย่างคนเดียวซักหน่อย” คนฟังรู้สึกอุ่นวาบนั่งข้างเตาผิงอุ่นที่ไฟเริ่มประทุ ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ เอาเถอะ ถ้าเป็นพี่แจจุง เขายอมให้บ่นทั้งชีวิตก็ย่อมได้
“อืม งั้นวันหลังผมจะใช้บริการสารถีคนนี้นะ” ยูชอนยิ้มกว้าง หยิบเสื้อผ้าชื้นของตัวเองแล้วเตรียมจะกลับห้อง
แจจุงหาวหวอด ดึงมือน้องไปที่เตียงแล้วบอกว่านอนด้วยกันที่นี่น่ะดีแล้ว แขนแข็งแรงรั้งเอวอีกคนให้ตกตุ๊บลงไปบนเตียงด้วยกัน ชี้ให้ดูเพดานที่มีดาวเรืองแสงดวงเล็กจ้อยติดอยู่เกลื่อน
“ดาวทั้งหมดมันยังเป็นของนายนะ” แจจุงวาดมือโอบดาวในอากาศ ริมฝีปากบางเฉียบเผยยิ้มละมุน ถามอีกคนว่ายังจำได้ไหมว่าใครกันหนออยากมีดาวมากถึงขนาดเอาบันได้มาปีนหาเพดานแล้วตกลงมาจนหัวแทบแตก แถมวันนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน แจจุงเลยต้องเป็นหมอจำเป็นซะได้
“อะไร ผมซนขนาดนั้น” ยูชอนตะแคงข้างมองหน้าอีกคน แต่ก่อนเขาชอบมานอนกับแจจุง ตะแคงข้างมองดูพี่ชายหลับแล้วก็อมยิ้มคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง
“แล้วรอยที่ตกต้นไม้นี่อะไรล่ะ ซนอย่างกับลิงหน้าก็เหมือนกอริล่า” แจจุงเขี่ยผมนุ่มเซิงไปทัดใบหู เผยรอยแผลเป็นที่แก้มนุ่มแล้วหัวเราะขำ ยูชอนตัวเล็กขายาวเก้งก้าง วิ่งโร่ทั่วบ้านไม่ยอมกินข้าว
“พี่ก็ใช่ย่อยมั้ง ทำเป็นโชว์เล่นชิงช้าสูงแต่ดันหงายหลังโครมลงไปได้”
“อะไรเนี่ย ไม่จริงสักกะหน่อย” ร่างสูงยกตัวขึ้นพาดทับอีกคนแล้วเอามืออุดปากไว้ งึมงำว่ายูชอนเห็นได้ยังไงเพราะว่าเค้าอยู่กับพี่เลี้ยงสองคนไม่ใช่หรือ
พี่เลี้ยงนั่นแล่ะตัวดี
“บอกมานะ “ ร่างสูงคว้าหมอนมาฟาดอีกคน กดตัวลงแนบเพราะยูชอนเริ่มดิ้นไม่หยุด
“ไม่บอก ฮ่าฮ่าฮ่า ผมรู้อีกเยอะนะ อยากรู้มั้ยล่ะ” ยูชอนกวักมือเรียกให้อีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วได้ที่ฟาดหมอนใส่ไม่ยั้ง
สองพี่น้องเล่นกันอยู่บนตียงแบบลืมอายุ ลืมไปว่าสู้มากแล้วจะเหนื่อยแค่ไหน ยูชอนหอบหายใจ ไม่ดีนักหรอกที่เค้าจะสูดกลิ่นฝุ่นฟุ้งพร้อมกับเปียกฝนในวันเดียวกัน ยูชอนเป็นหอบ
“ขอโทษที พี่ลืมไป” แจจุงขว้างหมอนไปไกล แล้วรั้งคอขาวผ่องให้ซุกหน้าลงมาหายใจกับไหล่เขาแทน อย่างน้อยก็ไม่ต้องสูดอากาศโดยตรง ยูชอนสะดุ้งเฮือกใหญ่ตอนฟ้าสาดเปรี้ยงลงมาอีกรอบ แจจุงจึงกระชับกอดแน่นขึ้น
ยังไงยูชอนก็ดูเป็นเด็กสำหรับเขาเสมอ เป็นเด็กที่ขี้กลัวขึ้นสมอง กลัวฟ้าผ่าบางล่ะ กลัวความสูงบ้างล่ะ กลัวลูกหมาก็ยังเอา แต่ทำไมมารวมกันเป็นยูชอนแล้วถึงน่ารักนักก็ไม่รู้ แจจุงรอยูชอนหายใจสม่ำเสมอแล้วถึงรั้งให้อีกคนลงมานอนด้วยกัน สอดแขนใต้คอขาวผ่องแล้วส่งหูฟังข้างหนึ่งให้
“ชอบฟังเพลงก่อนนอนใช่มั้ยล่ะ?” แจจุงปล่อยให้อีกคนเลือกเพลงเบาๆมาฟังแล้วใช้เท้าเขี่ยผ้านวมนุ่มไปที่ปลายเตียง เขากับยูชอนไม่ต้องการผ้าห่ม เพราะขี้ร้อนเกินไปกันทั้งคู่มาแต่ไหนแต่ไร
“กอดพี่ได้มั้ย ?”
“คำถามอะไรของนายเนี่ย ยูชอน” เขากระชับเอวบางเข้าใกล้แล้วถามว่าผอมลงจากเมื่อต้นเดือนที่เจอกันหรือเปล่า อีกคนพยักหน้าหงึก ตอบว่าตอนนี้กินแต่เค้กกับกาแฟก็เลยน้ำหนักลดล่ะมั้ง
“คุยกันได้หรือเปล่า ผมยังไม่ง่วง”
“ได้สิ” แจจุงปล่อยให้ยูชอนตั้งคำถามแล้วตอบกลับทุกคำถาม ไม่ว่าจะเป็นคำถามเบสิคอย่างเช่น พี่แจจุงชอบสีอะไรตอนนี้ มีอะไรที่อยากได้มั้ย หรือแม้กระทั่งการทำซาวด์เบื้องหลังที่เขาคิดว่ายูชอนยังรู้มากกว่าเขาเสียอีก
“คำถามสุดท้าย พี่รักเค้ามากมั้ย ? ” เพยิดหน้าไปยังคนในกรอบรูปหัวเตียง รอยยิ้มหวานดูหน้ามองกว่ากุหลาบสีสดเป็นไหนๆ
“ มากสิ อยากรู้มั้ยทำไม ?” ความรักเต็มปรี่ดูท่าจะล้นออกทางสายตายามมองไปที่เจ้าของใบหน้าหวานละมุนในกรอบรูป
“เดี๋ยวไว้พามาหานะ เค้าสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีแล้ว” แจจุงฉีกยิ้ม กระเซ้าถามว่าแล้วน้องล่ะ ไม่คิดจะหาแฟนบ้างหรือ เขาจ้องลงไปในดวงตาสีอ่อน หวังจะหาคำตอบ
“ง่วง” ยูชอนตอบคำเดียวแล้วหลับตา ทวนคำถามอีกคนแล้วตอบตัวเองในใจ
‘คิด ผมคิดตลอดเวลาที่อยู่กับพี่นั่นแล่ะ’ ไม่รู้เหรอ ความรู้สึกรักเทิดทูนของน้องคนนี้เข้าไปไม่ถึงพี่ใช่ไหม ? ยูชอนหรี่ตามองอีกคนที่แนบริมฝีปากลงกับรูปผะแผ่วอย่างถนอม
หลับตาปี๋แล้วเจอแต่คำถามมากมายในหัวก่อนจะผล็อยหลับ
‘ไม่มีโอกาสเลยใช่มั้ย น้องคนนี้’
‘ไม่มีทางจะเทียบคนคนนั้นได้เลยหรือ ?’
‘ผมกอดพี่แต่ความรู้สึกไม่ผ่านไปถึงเลยใช่ไหม รับรู้สักนิดก็ไม่ได้เลยเหรอ ?’
’แม่ฮะ ฝนหยุดตกแล้ว แต่ทำไมน้ำตาไม่หยุดไหลซักทีล่ะครับ ?’
...................................
มาต่อกันพอหอมปากหอมคอ
ไรท์เตอร์จะเปิดเทอม ไรท์เตอร์จะไปเข้าค่าย
ฟิคจบเเล้ว จะทยอยมาอัพให้เเล้วกันเจ้าค่ะ .
ความคิดเห็น