ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #78 : Da Capo 35 : Time goes by

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 176
      1
      24 ม.ค. 58

    Da Capo 35 : Time goes by

     
     

                ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับไอ้ซีที่ทำให้ผมดังจนดับในวันรับน้องสาย...ไอ้ที่มันป่าวประกาศนั่นทำเอาเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองเลยว่าผมกับมันเป็นอะไรกัน โอเค ไอ้ทิวาคนนี้ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายหรอก แต่บางที...ความจริงมันก็ทำให้คนเราช้ำใจตายได้เหมือนกันนะครับ!

                “ฮ่าๆๆ ไอ้วาเอ๊ย มึงหมดสิทธิ์ไปอ่อยใครถาวรแล้วว่ะ”ไอ้ไฟว์ ไอ้เพื่อนเลวชาติ ไอ้บ้านี่ไม่มีความคิดที่จะปลอบใจใครอยู่ในสมอง ปากนี่ก็น่าหาอะไรมาตบสักทีให้หายเกรียน ซึ่งผมจะสะใจมากถ้าหากอะไรก็ตามที่ว่านั่นเป็นปากไอ้นิว

                เชอะ ผมรู้นะเฟ้ยว่าพวกมันมีซัมติงกัน! ไอ้พวกบ้า อย่าให้ถึงคราวผมนะ!

                หลังเลิกบูมสายของศิลป์ภาษาเราก็มานั่งเล่นกันข้างสนามพักเหนื่อย แน่ล่ะ เล่นเกมกับทำกิจกรรมกลางแดดกันมาทั้งวัน เหงื่องี้อย่าให้พูด กลิ่นปนกันมั่วจนด่าใครตัวเหม็นไม่ได้ ตรงนี้เหลือแค่ผม ไอ้นิว ไอ้ไฟว์ ส่วนไอ้ห่าเนมน่ะหรือ...ทันทีที่มันปลีกตัวได้มันก็ขี่มอไซค์ลิ่วออกไปแล้ว ไม่ต้องถามต่อว่ามันไปไหน ผมล่ะหน่ายใจแทนวี ถึงพักนี้มันจะดีกันมากขึ้น แต่ผมก็ยังรู้สึกตงิดใจเวลาเห็นไอ้วีมีรอยแวมไพร์กัดกลับมาบ้านอยู่ดี

                “พวกมึงจะกลับกันเมื่อไหร่”ผมเปลี่ยนเรื่อง ก่อนถูกรุมยำให้อับอายมากไปกว่านี้

                “ก็อีกแป๊ปก็ได้”ไอ้ไฟว์หลิ่วตามองอย่างรู้ทัน “ไม่อยากให้ใครบางคนรอผัวคนเดียวเหี่ยวเฉาตาย ฮ่าๆๆ”

                “ไอ้เชี่ยนี่!!”โอ๊ยผมอยากตบปากไอ้ห่าไฟว์ ทำไมนับวันมันยิ่งร้ายวะ ทีแรกๆดูเป็นคนซื่อๆแต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงอยู่กับไอ้เนมได้ ปากงี้เหี้ยเหมือนกันเด๊ะเลย!

                “ชิ...”ไอ้เสียงชิเบาๆนี่มาจากข้างไอ้ไฟว์อีกต่อ ผมเหล่หางตามองนิวที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร นี่ก็อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ผมรู้แต่ไม่พูด...พักนี้นิวมันวอแวกับผมน้อยลง แถมยังเงียบขึ้นในขณะที่ไอ้ไฟว์พูดมากกว่าเดิมยังกับพวกมันสลับวิญญาณกัน

                ผมเลิกสนใจไอ้สองหน่อที่นอกจากจะไม่ทำให้ชีวิตเจริญขึ้นยังอาจทำให้อนาคตแมนๆของผมป่นปี้ สายวิทย์ยังบูมไม่เสร็จ ซึ่งนี่ล่ะเหตุผลตัวเป้งที่ทำให้ผมต้องมานั่งเงกอยู่ริมสนาม กลับบ้านก็กลับไม่ได้แบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก เพราะผม...อยากรอซี อยากกลับบ้านพร้อมซี

                ชื่อของมันมีความหมายมากขึ้น ดูลึกซึ้งขึ้นทั้งที่ก็เป็นเพียงคำธรรมดา มันอาจเป็นวิตามิน เป็นตัวอักษรอัลฟาเบธ เป็นอะไรก็ตามแต่ แต่เมื่อเป็นชื่อนี้ สำหรับผมหมายถึงมันเท่านั้น คำคำนี้จึงไม่เคยด้อยความสำคัญในใจผมเลย

                ผมเชื่อว่า...วันเวลาจะทำให้เรารักกันยิ่งขึ้น

                “อ้าว ไอ้ซีมาโน่นและ” เสียงของไฟว์ทำให้ผมเงยหน้ามอง ท่าทางการเดินที่เชื่องช้าแต่หนักแน่นอยู่ในทีนั้นเป็นซีไม่ผิดแน่ มันเข้ามาใกล้พวกเรา หน้าผากชื้นเหงื่อตัวเหนียวไม่ต่างอะไรกับพวกผมสามคน

                ผมมองใบหน้าที่ยังติดจะเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ดวงตาฉายแววอ่อนโยนในแบบที่มีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้

                “กลับบ้านกัน ซี”ผมยิ้มกว้าง และมันก็ยิ้มมุมปากนิดๆตอบ ยื่นมือมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น มันหัวเราะเบาๆที่ผมเซถลาจนเกือบชนไหล่มัน ก่อนที่มันจะขยี้หัวผมเหมือนหมั่นเขี้ยว

                “ไอ้บ้าเอ๊ย ชอบความรุนแรงรึไง!

                แต่ผมก็รักวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน และอยากให้มันยาวนานอย่างนี้เรื่อยไปจริงๆ

     

     

     

                เนื่องจากบ้านไอ้ไฟว์มันอยู่ใกล้โรงเรียนมากชนิดที่ว่ามันเดินกลับบ้านได้ ที่ขึ้นรถกลับจึงเหลือแค่ผม นิว และซี แต่ซีต้องลงรถก่อนหน้าผมทำให้เหลือแค่ผมกับนิว ส่วนสาเหตุที่ไอ้บ้าไฟว์อยู่คุยกับพวกเราโดยไม่กลับบ้านทันทีทั้งที่บ้านมันใกล้สุดๆนั้นผมก็พอจะเดาได้ไม่ยากนัก เพราะมันคงไม่ใช่อะไรนอกเสียจาก...ไอ้คนแกล้งมาดแมน ทำไม่รู้ไม่ชี้ที่นั่งอยู่ข้างๆนี้

                “เฮ้ย นิว ถามจริงนะ”ผมส่งยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรผิดปกติให้มัน นิวมันก็คงจะรู้ เลยได้แต่กระถดตัวหนีแบบหวาดผวา

                “อ...อะไรอะวา...”

                “มึงกับไฟว์...”ผมชะงักกลางประโยค เลือกหาคำเหมาะๆมานิยามพวกมัน หากสุดท้ายก็นึกคำอื่นไม่ออกอยู่ดี “...คบกันแล้วเหรอวะ?”

                “เฮ้ย! วา!”ไอ้นิวอุทาน แต่ผมกลับหรี่ตาลง เพราะนอกจากร้องโวยวาย ไอ้ห่านี่ก็ยังไม่ได้ปฏิเสธเลยสักคำ หน้ามันซีดเผือด แล้วก็แดงขึ้น แดงขึ้น นี่ถ้าผมไม่ได้เว่อร์นะ หูมันคงมีลมออกดังวี้แล้วมั้ง

                “......”

                อ้าวเสลด เงียบแบบนี้มึงหมายความว่ายังไง เรียกชื่อกูแล้วก็นิ่งไป คือจะให้กูตีความเองงั้นดิ?

                ผมส่ายหน้า ระอาใจกับไอ้นิวที่บทจะกล้าก็กล้า ไล่จีบผมดะไม่อายฟ้าอายดิน แต่พอเรื่องมันมาประชิดติดชายแดนตัวเองแล้วดันทำตัวไม่ถูกซะได้

                “มึงนี่น้า...อย่าลืมสิว่ากูเป็นคนแนะนำให้มึงหาใครสักคนเอง และไอ้ไฟว์ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่ซะหน่อย”

                “กูไม่รู้...”มันอุบอิบ หน้าแดงซ่านไม่เลิกราจนผมนึกขำ เออเฮ้ย ไอ้นิวโหมดนี้นานๆทีจะเห็น แม้พักหลังมานี้จะเห็นบ่อยขึ้นก็เถอะ นิวมันดูเป็นคนชิวกับทุกอย่าง กล้าไปทุกเรื่อง แต่กับไอ้ไฟว์...จะอะไรมันก็ดูปอดไปซะหมด “ไอ้บ้านั่นมันหน้าหนา...เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ...เพื่อนไอ้เนมด้วย...แล้วใครมันจะ...ฮึ่ย...”

                ผมยิ้มเจื่อนๆอย่างไม่รู้จะช่วยมันได้ยังไง ผมรู้ว่านิวรู้จักไฟว์มานานแล้วเพราะไฟว์มันเป็นเพื่อนสนิทไอ้เนม สำหรับไอ้นิว มันอาจจะรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนน้องชายหลอกปั่นหัวอยู่ล่ะมั้ง แม้ว่าไอ้น้องที่ว่าจะอายุเท่ามัน และเพื่อนน้องชายมันก็เป็นเพื่อนมันด้วยแล้วก็ตาม

                “เอาน่า”ผมตบไหล่มัน จะว่าตัวเองมีประสบการณ์มากกว่าก็ไม่เชิง แม้ไอ้นิวจะชอบเล่นบทเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับผม แต่ผมก็รู้ดีว่าเวลาแบบนี้มันก็คงจะสับสนไม่น้อยเหมือนกัน “ทำไปตามปกติ ปล่อยไปตามธรรมชาติ เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้นเอง เรื่องของใจมันห้ามกันไม่ได้พอๆกับที่มันเร่งไม่ได้นั่นแหละ”

                “นิวยังไม่ได้เป็นแฟนมัน...”ไอ้นิวโต้กลับเสียงแผ่ว ก่อนจะปรับท่าทีใหม่ รื่นเริงขึ้นแบบกะทันหันจนผมสะดุ้ง “แปลว่านิวยังชอบวานะคร้าบ...อุ๊บ!

                แน่นอนครับ ผมโบกกบาลมันไปทีนึงเต็มๆ ไอ้ห่านี่...จะมีแฟนทั้งทีไม่รู้จักรักเดียวใจเดียว ไม่ตบสั่งสอนซะบ้างเดี๋ยวไอ้ไฟว์ก็มาเดือดร้อนบีบคอผมอีกโทษฐานไปเป็นช้อยส์ให้ไอ้นิวปันใจจากมัน โอเค...ถึงพวกมันจะยังไม่คบกัน แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะรู้ตัวบ้างว่ากำลังดูใจกับใครอยู่ ชิชะ จะมาชวนผมปีนต้นงิ้วกับมันน่ะหรือ อย่าฝัน!

                “อย่าสนใจเรื่องนิวเลยน่า...ว่าแต่วาเหอะ วาไปใช่ไหม ที่ไอ้ซีมันชวนอะ?”ผมหรี่ตามองไอ้ตัวเขินไม่เนียนที่รีบชิ่งเปลี่ยนเรื่อง คือบ้านซีจะมีงานเลี้ยงฉลองครบรอบเปิดกิจการครับ ปะป๊าหม่าม้าของมันปิดบริษัทเลี้ยงพนักงาน เชิญญาติพี่น้อง คู่ธุรกิจ แล้วก็ให้ซีชวนเพื่อนๆด้วยเหตุผลเดิมๆว่ามีแต่ผู้ใหญ่เดี๋ยวมันจะเบื่อ

                “มึงอะ?”ผมไม่ได้ตอบ เพราะผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ

                ไอ้นิวหลบตาวูบ “...นิวต้องติวคณิตอะดิ ซ่อมกลางภาค”

                ผมเลิกคิ้ว เกือบลืมไปแล้วว่าไอ้แฝดนรกนิว-เนมเป็นจอมเกเรวิชาคำนวณ พวกมันกอดคอกันลงเหววิชาคณิตไปอย่างสวยงามเป็นที่สุด และพอพูดถึงตรงนี้ ผมก็หัวเราะหึๆเพราะนึกอะไรขึ้นได้

                “อ้อ...ไอ้ไฟว์เป็นครูติวให้มึงนี่หว่า...”ครับ นี่ก็อีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ไอ้ไฟว์ดูจะเรียนเก่งที่สุดในหมู่พวกเรา หน้าตามันเอาเข้าจริงก็แอบเป็นเด็กเรียนหน่อยๆแหละ ถ้าไม่ติดว่าชอบแสดงพฤติกรรมชั่วช้าตามแบบไอ้เนมเสียอย่าง มันจะดูคุณชายขึ้นมาเยอะ ไอ้หมอนี่เป็นอัจฉริยะข้ามคืน เรียนบ้างไม่เรียนบ้างแบบไอ้นิวไอ้เนมเป๊ะ แต่เวลาสอบออกมามักเอาตัวรอดได้เสมอผิดกับนิวที่ถ้าเป็นวิชาไม่ถนัดมันจะร่วงอนาถ ส่วนเนม...ผมไม่มั่นใจมันเลยว่ะ มันก็เหมือนจะฉลาด แต่อีกนัยหนึ่งก็เกรดอุบาทว์สุดๆในหมู่พวกเราด้วยความที่มันไม่ค่อยสนใจส่งงาน แม้จะนานๆทีสอบตกก็ตาม

                นิวมันคงมัวไปโฟกัสเรื่องอื่น มันถึงได้ทำหน้าเลิ่กลั่กนัก “เอ๊ยวาอย่าพึ่งคิดไรนะ นิวไม่ได้คิดไรกะมัน คือก็ต้องซ่อมเลขอะ...”

                ผมหลุดขำ ไอ้ห่านิวแม่งบ้า ผมยังไม่ทันจะไปคิดลึกอะไรเลย “มึงแหละร้อนตัว ยอมรับมาซะดีๆว่ามึงมีซัมติงกับไฟว์”

                “ไม่มีเว้ย!

                ผมไม่อยากสนใจมันต่อ ไอ้นิวนี่ก็แปลก มันกล้ากับทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใกล้ชายแดนตัวเองจริงๆ แต่ก็นะ ถ้าหากมันจะมีซัมติงอะไรกับไอ้ไฟว์ ผมก็ยินดีนะ หนึ่งคือมันจะได้เลิกวอแวกับผม(เหตุผลหลัก) แต่ที่สำคัญ...เพราะผมรู้ว่าไฟว์มันรักไอ้นิวจริงๆน่ะสิ พวกมันน่าจะมีความสุขกันได้

                ...ก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ไอ้นั่นก็เพื่อน ไอ้นี่ก็เพื่อน ใครก็ต้องอยากให้เพื่อนมีความสุขกันทั้งนั้นแหละน่า

     

               

     

                งานที่บ้านซีก็ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่งานเลี้ยงพนักงานทั่วๆไปเหมือนปาร์ตี้ แต่คงเพราะเป็นงานผู้ใหญ่บรรยากาศเลยดูแตกต่างจากงานวันเกิดของไอ้ซีอย่างเห็นได้ชัด สรุปคนที่ไปได้ในวันนั้นก็มีผม ไอ้แฝดบอลบาส เพชร แล้วก็นัท เมื่อไปถึงพวกผมไปสวัสดีพ่อแม่กับพี่ชายของซี ทักทายกันแค่นิดหน่อยพอเป็นพิธี แล้วเราก็เริ่มแยกย้ายกันไปหาของกิน

    ตอนหาของกินเนี่ยแหละที่มันส์สุด ไอ้เหี้ยนัทไปจิ๊กเบอร์เบิลมาจากไหนก็ไม่รู้ มันกวักมือยิกๆเรียกให้เราเข้าไปล้อมวงกันแล้วมันก็ริน ริน ริน แจกรอบวงจนไอ้ซีได้แต่ทำหน้าประหลาดแต่ก็ยอมรับมาโดยที่ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไร

                มึงไปเอามาจากไหนเนี่ย?แล้วเจ้าบ้านก็อดรนทนสงสัยไม่ไหวจนได้

                โฮ้ยยย อย่าเครียดโว้ยซี อย่าเครียด กูก็คว้าๆมาจากในตู้แหละไอ้นัทตอบอย่างอารมณ์ดีแกมหน้าด้าน แต่ไอ้ซีนี่แทบสบถ

                ห่า เหล้าในตู้ป๊ากูราคาเฉียดพันมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไม่นานก็ทำหน้านิ่งๆตามปกติ เออ แต่ก็ช่างเหอะ อย่าแดกหมดละกัน เดี๋ยวกูโดนด่า

                เหล้ามีเป็นสิบๆขวด หายไปสักขวดป๊ามึงไม่ทันสังเกตหรอกไอ้บาสที่ไปฉกมากับไอ้นัทหัวเราะเอิ๊กอ๊ากประสาทเสีย เล่นเอาไอ้เจ้าบ้านเครียดที่มีเพื่อนปัญญาอ่อน

                แดกเหล้าแต่หัววัน...อย่ามาเมาอ้วกรดใส่พื้นบ้านกูเชียวนะ ห่าจบคำสวดสรรเสริญที่สุดแสนจะไพเราะจากคุณชายตระกูลใหญ่ ไอ้นัทก็จัดแจงยัดแก้วเหล้าใส่มือแต่ละคน

                ฉลองวันปล่อยผี ออนเดอะร็อคกันเถอะพวก ใครไม่ดื่มเชิญไปใส่กระโปรงระบำฮาวายได้เลย เอ้า...ดื่มมมมมมมมมม

                ดื่มมมมมมมมม

                โดนกระตุ้นขนาดนี้แถมเหล้ายังอยู่ในมือเป็นใครใครก็กิน กูขนาดไม่เคยกินยังกินเลย ผมคิดในใจขำๆพลางกระดกรวดเดียวหมด เออ...ว่าแต่ออนเดอะร็อคนี่แปลว่าอะไรวะ?

     

     

     

                มึน...ไหงโลกมันถึงได้หมุนคว้างแบบนี้...ชิบห่าชิบหายเถอะ...ผมเป็นบ้าอะไรวะ เอ๊ะ หรือว่าโลกกันแน่ที่บ้า โอย...ไม่รู้ มึนว่ะ จะตายห่าอยู่แล้ว...แหวะ...เวียนหัวด้วย สภาพทุเรศเกินขนาด แล้วไอ้พวกเพื่อนมันเป็นไงบ้างเนี่ย...โหแม่ง...นอนสลบเป็นหมา ใครวะที่ชวนแดก แดกแล้วสภาพเป็นงี้เลยเห็นมั้ย แล้วดูซิเนี่ยใครจะรับผิดชอบ...

                ผมนอนเพ้อคิดบ้าคิดบออะไรอยู่คนเดียว พลางก็รู้สึกเย็นสบายอย่างประหลาดกับสัมผัสเย็นๆที่ได้รับ น่าจะเป็นผ้านะ...ว่าแต่ใครกันวะ มองไม่เห็นหน้าเลย

                กินไม่เป็นทำไมไม่บอก เสือกล่อเพียวๆเข้าไปอีก ต้องให้ด่าใช่ปะถึงจะสร่างเสียงเข้มๆที่มีรอยเซ็งจิตขนาดนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นท่านเจ้าของบ้านผู้มาทำหน้าที่บุรุษพยาบาลกิตติมศักดิ์ ผมนอนมองเพดานนิ่ง ที่นี่คงเป็นห้องรับแขกบ้านมัน อืม...ไม่เคยสังเกตสักทีว่าลายกระจกกรุด้านบนนี่มันสวยขนาดไหน ให้ตายเถอะ หรูจัดเกินไปแล้วนะมึง

                อืม...งืม...มึนพูดอะไรไม่ค่อยเป็นภาษาไปนิด โปรดอย่าถือสาคนเมาเลยนะทุกท่าน ไม่รู้เหมือนกันว่าในวินาทีนั้นในหัวผมเห็นอะไร รู้แต่ว่าพอรู้ว่าคนที่เช็ดหน้าเช็ดตัวให้ผมอยู่คือซี ร่างกายมันก็ร้อนวูบแปลกๆไปทั่ว ซี...

                ตกใจเสียงตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยครางเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ ในสติอันลางเลือนผมเห็นไอ้ซีชะงักกึก แล้วมันก็ค่อยๆหันกลับมามองหน้าผมเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยินนัก

                ซี...อยากจูบตามอารมณ์หรือตามน้ำไม่รู้ รู้แต่ว่ายิ่งไอ้ซีแตะก็ยิ่งร้อน ยิ่งร้อนก็ยิ่งอยากให้มันแตะ เอ๊ะ สรุปจะเอาไงวะ ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเวลามันแตะตัวจะรู้สึกยอดเยี่ยมไปเลย โว้ววว ผมคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

                อย่าขออะไรแบบนี้ซีบอกเสียงเคร่ง ว่าแต่ทำไมมันถึงทำเสียงดุขนาดนั้นล่ะ ไม่เข้าจายย ปกติไม่อยากให้จูบก็ยังจะจูบเอาๆ แล้วทำไมทีอยากจูบด้วยถึงไม่ให้ง่า~~

                อืม...ขี้โกง...ซียังจูบวาได้เลย...วาขอจูบซีบ้างนะเพื่อความเสมอภาคและไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ผมรีบคว้าคอของคนที่ก้มๆเงยๆเช็ดตัวให้อยู่เข้ามาใกล้แล้วประกบริมฝีปากเข้าไป ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ซีทำหน้าแบบไหนอยู่แต่รู้สึกเหมือนได้ยินมันคำรามเสียงดุแล้วมันก็รีบผละตัวออก

                รู้หรือเปล่า...ถ้าให้ทำจะไม่หยุดแค่จูบนะไอ้ซีกัดฟันพูด เอ...ทำไมต้องเครียดด้วยล่า...ก็อยากจูบอ่ะ อยากจูบๆๆๆๆ ขอแค่นี้ทำไมต้องดุ เป็นแฟนกันนะ แฟนกัน มีอะไรเสียหายล่ะ

                อือ...ไม่รู้...ไม่เข้าใจ...ทำไมเหรอ...

                ไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมา มีแต่ริมฝีปากที่กดย้ำลงมารุนแรงขึ้น แต่คราวนี้มือที่จับท้ายทอยมันของผมถูกกดลงบนโซฟาตัวยาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของซีซุกลงมาที่ซอกคอ กดเม้มเน้นๆหลายทีจนผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับ...อะไรสักอย่างในตัวมันไหววูบวาบ ไอ้ซีไม่หยุดจริงๆตามปากว่า มันกดริมฝีปากย้ำแล้วย้ำอีกที่คอ เวียนกลับมาที่ปาก เลื่อนไปตามแก้ม ตามหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้คิดอะไร รู้แต่ว่ารู้สึกสุดยอดสุดๆ มีความสุข รู้สึกดีที่ถูกมันสัมผัส...

                เราคงจะเพลินกันมากไปหน่อย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงราบเรียบเดาอารมณ์ไม่ถูกของใครคนหนึ่งดังขึ้น 

              ซี...นี่มันหมายความว่ายังไง?

     

     

     

                พอหันไปเห็นหน้าเฮียเอ ไอ้ที่เมาๆก็สร่าง ไอ้ที่ครึ้มๆก็เป็นอันดิ่งวูบตกเหว สิ่งของรอบๆตัวเหมือนจะกลายเป็นหิน ไม่ได้รับความสนใจใดๆอีกต่อไป

                ซี...ซีมีคำอธิบายให้เฮียหรือเปล่า?เฮียเอเองก็คงไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ดูก็รู้ว่าเฮียพยายามจะถามแบบมีสติมากที่สุดแล้ว

                ชิบหาย...งานเข้าขนาดหนัก...ผมลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าด้วยมือไม้สั่นๆลนลาน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก อาการมึนคว้างยังมีอยู่นิดหน่อยแต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ตอนนี้แล้วมันโคตรจะเล็กน้อย ผมแทบไม่กล้ามองหน้าเฮียเอ พลางก็คิดติเตียนตัวเองในใจว่าทำไมถึงไม่มีสติให้มากกว่านี้ ลืมไปได้ยังไง...ว่านี่ในบ้านมัน การจะมีใครเดินมาเจอไม่ใช่เรื่องแปลกอยู่แล้ว

                ไอ้ซีนิ่งเงียบ เงียบ และก็เงียบ มันเงียบจนผมนึกหวั่น มือไม้สั่นแทบกลัดกระดุมไม่อยู่

                ซี...พอเห็นเฮียเอครางเหมือนผิดหวังในตัวซีสุดๆผมก็ทนไม่ได้ รีบออกปากออกมาเอง

                ขอโทษครับ ผมเมาหน่อยๆเลยเห็นไอ้ซีเป็นยัยแจนอ่ะ เพื่อนในห้องผมเอง ผมชอบเขา ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจ

                ออกตัวไปก่อนทั้งที่ในใจสั่นไหววูบวาบเหมือนจะไม่มีพื้นที่ให้เหยียบยืน โทษนะเว้ยแจน นึกชื่อแกออกก็ขอใส่ไปมั่วๆก่อนละกัน...

    ผมได้แต่ภาวนาให้เขาเชื่อ แล้วก็เกือบจะยิ้มออกมาแล้วในตอนที่เห็นเฮียเอยิ้มออกมา

    งั้นเหรอ...อืม...เฮียว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้...โอเค เฮียเข้าใจ

    ผมยิ้มออกมาได้ในที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าเฮียเอเชื่อหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆตอนนี้คงรอด...รอดตายแบบหวุดหวิดเลยด้วย พรุ่งนี้ไปซื้อขนมเลี้ยงไอ้แจนดีกว่า ตอบแทนที่ชื่อมันขลัง พูดไปแล้วรอดตัว...

    ...ไม่...

    ไม่ได้มีแต่ผมที่หันไปสนใจลูกชายคนเล็กของบ้าน แต่รวมถึงเฮียเอด้วย ไอ้ซีพูดเสียงเบามากถึงมากที่สุดหากมันกลับได้ยินชัดท่ามกลางความเงียบ แล้วอยู่ๆผมก็รู้สึกวูบไปเหมือนโดนกระชากแขน จากนั้นก็...

    อื้อ!!”ผมเบิกตาโพลง ไอ้ห่าซีแม่งบ้า!! มันจูบผมได้ยังไง จูบ...ต่อหน้าเฮียมันเลยด้วย!!

    ผมทุบไหล่ทุบหลังไอ้จอมบ้าเลือดที่พยายามจะจับแขนผมล็อกให้อยู่นิ่งๆเพื่อให้มันปล่อย สีหน้าของคนที่มองดูอยู่ไม่รู้แล้วว่าเป็นยังไงบ้างเพราะสมองมันเบลอเกินกว่าที่จะมองอะไรเห็น รับไม่ได้ที่มันทำแบบนี้ ไม่เข้าใจด้วย...

    ผมอุตส่าห์กัดฟันโกหกคำโตเอาตัวรอด ช่วยไม่ให้มันต้องถูกเฮียของมันมองหรือโจมตี แต่สิ่งที่มันทำกลับเป็นการทำลายความพยายามทุกอย่างของผม       

                อึก...ฮือ...อือ...

                ไอ้ซีปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร แล้วมันก็ดึงแขนผมให้เข้าไปใกล้ก่อนจะกอดเอาไว้หลวมๆแล้วประกาศชัดต่อหน้าพี่ชายมัน

     

                ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้บอกก่อน...แต่วาเป็นแฟนผม

     

                คงไม่ต้องเล่าละเอียดหรอกมั้ง...ว่าเหตุการณ์ที่เหลือคืออะไร

                บ้านไอ้ซีเกือบแตกเหมือนโดนไซโคลนถล่ม เสียงวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆมาจากญาติทุกฝ่ายที่อยู่ที่นั่น นี่แหละข้อเสียที่หนักที่สุดที่บ้านมันอยู่รวมกันหลายคน ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก ผมทนให้เขาด่าได้เพราะว่าผมทำให้ลูกชายหลานชายของพวกเขาเป็นแบบนี้ แต่ผมรับไม่ได้กับคำพูดของญาติมันคนหนึ่งที่บอกว่า...คนแบบนี้ไม่สมควรเป็นคนในตระกูลใหญ่

                ลื้อทำให้พวกเราทุกคนอับอาย ลื้อไม่ควรจะมีหน้าอยู่ที่บ้านนี้เลยด้วยซ้ำ!!”

                ไปๆมาๆเรื่องมันก็ไปกันใหญ่ถึงขั้นจะไล่ไอ้ซีออกจากบ้าน วันนั้นผมไม่ได้นอนเลยจนเช้า พวกไอ้นัทที่เมาหลับไปยังพลอยตื่น และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้นอนกันเลยสักคน ผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็จริงแต่ผมก็ไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้ว่าผมรักซี แม้จะไม่มีหลักฐาน ไม่มีหลักประกันอะไรแต่ผมก็รักมัน รักที่ซีเป็นซี ไม่ได้รักเพราะอย่างอื่น

                เสียใจที่สุดก็กับคำพูดของคนหนึ่งในบ้านมัน ลำดับญาติไม่รู้ว่าเป็นอี๊หรือเป็นอาซิ่ม แต่เขาเป็นคนที่เหยียดหยามผมด้วยถ้อยคำที่ผมเกลียดมากที่สุด

                คบกันแบบนี้ลื้อจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากจะถูกมันเกาะหวังกินนะ อาซี!!”

                ผมหน้าชา ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะโดนดูถูกกันขนาดนี้

                จำได้ว่าตอนนั้นค่อยๆคุกเข่าลงแล้วก็ก้มหัวกราบแทบเท้าพ่อของมัน

                ผมผิดเองครับ...ที่ทำให้ซีเป็นแบบนี้...ผมไม่มีอะไรเทียบกับลูกชายป๊า...ลูกชายคุณลุงได้เลย...ผมเสียใจที่ทำให้พวกท่านผิดหวัง...ผมเสียใจที่ดึงซีให้ตกต่ำลง...ผมขอโทษครับ...คำขอโทษของผมอาจจะไม่ช่วยอะไร...แต่ผมก็พูดออกมาจากใจจริง...ผมรักซี...นี่ก็เป็นความจริง...ผมไม่เคยหวังเงินทอง ไม่เคยหวังสมบัติ ไม่เคยหวังอะไรจากซี...ผมรักที่ซีเป็นซี...ไม่ได้รักในสิ่งที่ซีมี...ผมขอโทษที่ความรักของผมมันผิดธรรมชาติ...ผมขอโทษที่ทำให้คุณลุงอับอาย

                จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองพล่ามอะไรออกไปบ้าง รู้แต่ว่าตอนนั้นน้ำตาไม่ได้ไหลเพราะมันเจ็บจนชา เจ็บจนขนาดน้ำตายังไหลไม่ออก พ่อมันก็ยืนนิ่งไม่พูดอะไร ผมเองก็ไม่คิดจะรอฟังคำตอบเพราะมันก็เห็นๆกันอยู่ ได้แต่รีบผลุนผลันเดินออกมานอกบ้านมัน กลับมาที่บ้านตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้เอาอะไรกลับมาด้วยเลย

                น่าสมเพชจนถึงน่าตลก เราเดินเข้าไปด้วยความเบิกบานในทีแรก โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าขากลับออกมาผมจะต้องน้ำตาตกถึงเพียงนี้  

    ซีไม่ได้ตามมา แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรหรอก ถ้ามันตามมาได้สิแปลก จากนี้ไปผมกับมันจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย นึกภาพไม่ออกด้วย...

                ลงรถเมล์เดินกลับเข้าซอยบ้านตัวเองตอนประมาณเจ็ดโมงกว่าเกือบแปดโมง สะโหลสะเหลเหมือนคนไม่มีแรง นึกแล้วก็ขำตัวเองชิบหาย แต่พอจะกดกริ่งที่บ้านก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีคนอยู่นี่หว่า คนที่บ้านไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด ทีแรกผมกะจะอยู่บ้านไอ้ซียาวจนถึงวันอาทิตย์ ไม่ได้คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเลย

                นึกแล้วก็ปลงตก เดินไปกดกริ่งบ้านตรงข้ามแทนด้วยหัวใจห่อเหี่ยว แล้วก็ได้แต่ทักนิวที่เป็นคนมาเปิดประตูแบบเก้อๆ

                เอ่อ...หวัดดีไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว อะไรดี จะพูดกับนิวว่าอะไรดี จะยิ้มให้มันแล้วบอกว่าขอกินข้าวด้วย ขอนอนนี่ด้วยดีไหมนะ...

                แต่สิ่งที่ได้รับจากนิวคือคำถามที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างแท้จริง

                วา? เป็นไรไปอ่ะ ดูทำหน้าเข้า เข้ามาก่อนดิ

    นิวทำหน้างงเล็กๆแต่สายตาทอแววเป็นห่วง เท่านั้นแหละ ตบะแตก เขื่อนถล่ม ไอ้ที่กลั้นๆมาตลอดตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วเป็นอันพังทลาย

    ก็รู้แหละว่าเป็นแค่ประโยคคำถามธรรมดาๆ แต่ในวินาทีนั้นผมอยากให้ใครพูดแบบนั้นกับผมเหลือเกิน

    ผมโผเข้ากอดนิวแน่นเหมือนมันเป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายที่มี ไอ้ที่เก็บๆกลั้นๆเอาไว้ก็พาลกระเจิงออกมาหมด ผมพยายามกัดริมฝีปากที่สั่นระริก กลั้นเสียงสะอื้นที่ไม่มีทางเก็บกลืนลงไปได้

    นิว...กู...

    ไม่อายครับ ลืมไปได้เลยเรื่องนั้น ตอนนี้รู้อย่างเดียวว่าน้ำตามันไหลไม่หยุด ผมทำอะไรผิด? ผมผิดมากหรือไงที่รักมัน? ผมผิดหรือเปล่าที่รักใครสักคนแล้วมันดันเป็นผู้ชายเหมือนกัน?

    วา? เฮ้ย วา เป็นอะไรไป...โอ๋ๆ...นิ่งซะนะนิ่งซะไอ้นิวดูตกใจในทีแรก แต่แล้วก็โยกตัวผมไปมาเหมือนปลอบเด็กเล็กๆที่กำลังโยเย ผมก็ปล่อยให้มันกอดให้มันปลอบ รู้สึกดีที่รู้ว่าไม่ได้อยู่ลำพังตัวคนเดียว แต่...ผมผิดหรือเปล่าที่อยากให้คนที่กอดผมเป็นซี ผมอยากเจอซี อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้จะถูกด่าถูกว่าหรือเปล่านะ แล้วป๊ากับม๊ากับเฮียของมันจะยอมพูดกับมันหรือเปล่า ญาติๆมันจะดูถูกมันหรือเปล่าที่มันคบผู้ชายด้วยกัน...แล้ว...แล้ว...แล้ว...

    แล้วมันจะยัง...รักผมอยู่อีกหรือเปล่า?

    ไม่รู้แล้ว ผมไม่รู้อะไรอีกแล้ว

     

     

     

                ผมอยู่กับเนมในห้องรับแขก แม้แต่ไฟว์ก็มาอยู่ที่นี่ด้วย ผมร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลต่อ ไอ้เนมก็ทำเพียงลูบไหล่ลูบหลังเบาๆอย่างจะปลอบโยน...เจอแบบนี้แล้วอคติเกลียดมันไม่ลงเลยแฮะ...แต่คิดไปคิดมา เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด แล้วแบบนี้ผมจะไปโวยวายเรื่องไอ้วีได้ไงกัน

                นิวกับไฟว์ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่ทำให้นิวพลอยเครียดไปด้วย นิวมันเป็นคนเซ้นส์ซิทีฟกว่าที่เห็นภายนอกเยอะ มันแคร์เพื่อนมาก มากเสียจนบางครั้งผมคิดว่ามันทำให้นิวแยกไม่ออกว่าระหว่างรักเพื่อนกับรักคนคนหนึ่งมันต่างกันยังไง

                รู้สึกแย่ที่ทำให้เพื่อนพลอยไม่สบายใจ แต่ในตอนนี้...ขอยืมสถานที่สักแห่งที่ผมจะใช้พักพิงก่อนนะ...

    ขอพักก่อน...พักประเดี๋ยวเดียว

    รอให้ใจมันสงบลงกว่านี้อีกนิด จนกว่าที่ผมจะมีแรงสู้ต่อ

                “อืม...

                ไอ้เนมคนที่ผมเข้าหน้ามันยากที่สุดในกลุ่มกลับเป็นคนแรกที่ได้รู้เรื่องของผม มันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ตอบกลับมาสั้นๆคำเดียวแสดงถึงอาการรับรู้ว่ามันเข้าใจเรื่องที่ผมเล่าทั้งหมดแล้ว

    ตัวผมเองกว่าจะมานั่งเล่าให้ไอ้เนมฟังได้แบบนี้ก็เสียน้ำตาไปหลายลิตร ร้องแล้วร้องอีกเหมือนคนเป็นบ้า กว่าจะทำใจยอมเล่าทุกอย่างออกมาได้ก็ตอนที่รู้สึกเจ็บจนชาไปหมด ผมยิ้มไปเล่าไปเหมือนเป็นเรื่องตลกฝืดก็จริงแต่ใครจะรู้ล่ะว่าในใจมันรวดร้าวแค่ไหน

    โทษตัวเองที่ทำให้คนที่รักต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เกลียดตัวเอง...ที่ทำอะไรไม่ได้เลย

                ผมจะทำอะไรได้นอกจากเดินออกมา และ...รอเวลาที่จะเผชิญหน้าอีกครั้ง

                ...จะทำไงต่อไอ้เนมถามเรียบๆ สีหน้ามันเย็นชาแต่แววตาแสดงออกจางๆว่าเป็นห่วง ผมรู้ว่ามันเป็นคนใจดีกว่าที่เห็นเยอะแต่มันแค่เป็นคนเลือดร้อนไปนิด ถ้ามันนุ่มนวลกว่านี้ผมว่าวีก็คงจะไม่พูดว่าเกลียดมันบ่อยๆเหมือนที่เป็นอยู่แน่

                “ไม่รู้สิผมตอบกลับแผ่วเบา หมายความตามนั้นจริงๆ คิดไม่ออก...ไม่เคยคิดด้วยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ บอกตรงๆ ยังทำใจไม่ได้ว่ะ...

                ไอ้เนมพยักหน้า แล้วมันก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก กินข้าวยัง?ผมส่ายหน้า ไปแดกไรก่อนไป เมื่อเช้าเพิ่งต้มโจ๊ก

                กำลังจะอ้าปากบอกมันว่าไม่ต้อง แต่ดวงตาคมๆดุๆของมันก็ตวัดมาเสียก่อน แล้วมันก็ชี้หน้าผมทำท่าเป็นเชิงบอกว่าถ้ามึงไม่กินได้มีเรื่องแน่ ผมเลยเดินตามมันลงไปชั้นล่างโดยไม่ลืมล้างหน้าล้างตาก่อนลงไป...โอ้โหเฮะ ตางี้ทั้งบวมทั้งแดง มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วโคตรจี้เส้น นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่ในโหมด so sad ผมคงขำหน้าตัวเองไปแล้ว เหอๆ

                พอลงไปข้างล่างนิวที่นั่งเล่นอยู่ในครัวกับไอ้ไฟว์ก็หันมามองทันที นิวทำท่าเหมือนจะถามอะไรสักอย่างกับผมแต่ผมขี้เกียจเล่าซ้ำเลยตัดบทมันด้วยการผละไปคุ้ยหาขนมในถุงเซเว่นบนโต๊ะมาแกะกินแทน ทั้งไฟว์ทั้งนิวเห็นแบบนั้นเลยไม่กล้าถามอะไร

                มองพวกมันแล้วก็อดขำหน่อยๆไม่ได้ ไอ้ท่าทีลนๆเลิ่กลั่กๆเหมือนอยากรู้แต่ไม่อยากถามแบบนั้นแล้วก็ชักสงสาร

                ถามเนมเอา...ผมชี้โพรง ไอ้เนมที่เพิ่งยกชามโจ๊กมาวางตรงหน้าผมก็มองพวกเราสลับไปมาแบบงงๆ ก่อนที่มันจะโวยวายไปตลอดทางเมื่อถูกไอ้นิวและไอ้ไฟว์พร้อมใจกันลากตัวออกไปนอกห้องโดยมีผมโบกมือไล่แบบหยอกๆฮาๆ

                ตาผมมองชามโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่ก็จริงแต่สมองไม่ได้รับรู้ถึงมันเลย มือเอาช้อนคนๆเขี่ยๆเล่นแต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น อยากโทรหาซี...อยากโทรไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอ ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่ผมออกมาพวกไอ้นัทเป็นยังไงบ้าง ได้แต่หวังว่าพวกมันจะช่วยอยู่กับซีในตอนที่มันลำบาก เพราะผมคง...ไม่สามารถไปอยู่ข้างๆมันได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

                หากรักของผมมันทำร้ายคนที่ผมรัก...ผมก็พร้อมที่จะปล่อยมันไป

                ถึงจะเจ็บเจียนตาย แต่มันก็แค่เจ็บ แค่เจ็บแต่ไม่ถึงตาย ไม่นานมันก็จะหายไปเอง...

                คิดๆไปแล้วก็ต้องตกใจที่อยู่ๆน้ำตาก็ไหลซ้ำลงมา ผมรีบเอามือปาดทิ้งแล้วลุกไปที่ซิ้งค์ล้างจาน ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมแล้วลงมือกินโจ๊กจริงๆเสียที ไม่รู้สิ แต่เศร้าแล้วอดข้าวมันไม่ใช่ตัวผม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และการทำร้ายตัวเองให้หิวโซทางอ้อมมันก็ไม่ช่วยอะไร ถึงจะกินลำบากยากเย็นไปสักนิดแต่อย่างน้อยๆก็ต้องกินเข้าไปให้ได้

                กินเข้าไป...แล้วก็หวังว่าตัวเองจะเข้มแข็งได้มากกว่านี้...เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น

     

     

     

                และแล้ววันจันทร์ที่ผมกลัวสุดขั้วหัวใจก็มาถึง ผมรีบขึ้นห้องซ้อมแต่เช้าโดยไม่แวะม้าหินที่ประจำ ขึ้นมาเร็วแบบที่พวกพี่ๆน้องๆที่มาเช้ากันเป็นประจำอยู่แล้วยังต้องตกใจ เพราะผมนี่ถ้าไม่เกือบเจ็ดโมงจะไม่มีทางโผล่หัวขึ้นมาแน่ๆ พี่กานต์ที่กำลังง่วนอยู่กับกระดาษโน้ตเป็นปึกๆเงยหน้ามองผมยิ้มๆ ผมก็ไหว้พี่เขาตามปกติ

                นึกไงขึ้นเช้าเนี่ย วันนี้สงสัยฝนคงตกพี่กานต์แกล้งแซวแล้วก็หัวเราะหึๆ

                โอ๊ย ขึ้นเช้าๆไม่ดีเหรอพี่ เห็นพี่ขึ้นเช้าทุกวันเลยอยากขึ้นเป็นเพื่อนผมก็แกล้งลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป พี่กานต์เลยยิ่งขำ

                ถ้าเมื่อก่อนมาพูดแบบนี้พี่คงหลงตายพี่แกเล่นหิ้งซะงั้น ดีนะไอ้หนูตะวันมันยังมาไม่ถึงเพราะมันต้องพาน้องน้ำฝนไปกินข้าวก่อน กว่าจะขึ้นมาได้ก็เกือบเจ็ดโมงพอดีทุกวัน แต่ตอนนี้พี่เฉยๆแล้วว่ะวา ไม่อยากให้ลำบากใจ แล้วพี่ก็ยังไม่อยากตีกับไอ้ซีด้วย

                นั่น เรียกซะสนิทสนม(ว่าแต่ไปสนิทกันตอนไหนวะ?) ไม่อยากบอกพี่กานต์เลยว่าได้ยินชื่อมันตอนนี้แล้วจี๊ดดีชะมัด ผมได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับแล้วก็อ้อมแอ้มเปลี่ยนเรื่อง 

                “เอ้อ...แล้วพวกไอ้เบียร์เป็นไงบ้างอ่ะผมหมายถึงเด็กม.1เข้าใหม่ที่เป่าทรัมเป็ตเหมือนกัน ตอนนี้นึกเรื่องคุยไม่ออก เอาชื่อพวกมันบังหน้าไว้ก่อนละกัน

                พี่กานต์เลิกคิ้วมองหน้าผมนิดๆเหมือนสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ก็ดี น้องมันมีพื้นฐานอยู่แล้วเลยไม่ลำบากนัก แต่ไอ้เอนี่ดิน่าเครียด มันอ่านโน้ตไม่ออก

                ผมสะอึกรอบสองตรงชื่อไอ้รุ่นน้องม.1ที่เพิ่งเข้า บังเอิ๊ญบังเอิญที่มันดันชื่อเหมือนเฮียเอพี่ไอ้ซีเด๊ะๆเลย...โอ๊ย พูดถึงครอบครัวนั้นตอนนี้แล้วผมจะบ้า เลิกคุยกับพี่กานต์จะดีกว่าซะล่ะมั้ง

                เอ่อ...วาขอตัวไปซ้อมก่อนละกันนะเลี่ยงออกมาด้วยเหตุผลเบสิกแต่ไม่ปกติจนพี่กานต์ยังต้องมองหน้าซ้ำ หากพี่เขาก็ไม่ได้ท้วงอะไรผมเลยเดินไปหยิบเครื่องในตู้มานั่งเป่าเล่น ในใจก็นึกเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย

                นึกภาพไม่ออก จะทำหน้ายังไงตอนเจอมันดี จะยิ้มดีไหมนะ คุยกันเหมือนเดิมดีไหมนะ หรือว่าจะต้องทำเป็นเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกัน...โอย ไม่รู้ๆๆๆ คิดไม่ออกโว้ยยยยย!!!

               

     

     

                ทำใจอยู่ตั้งนานว่าจะต้องเจอมันตอนพักเที่ยง แต่ที่ไหนได้ ไอ้นัทที่อยู่ห้องเดียวกับมันดันบอกผมแบบหน้าเรียบๆ

                วันนี้ซีมันไม่มาเรียน...

                ไม่รู้เหมือนกันว่ามันชวนให้รู้สึกโล่งใจหรือว่าชวนให้หนักกบาลยิ่งกว่าเดิม ผมมองหน้ามันซ้ำเหมือนอยากให้มันรีเพลย์ แล้วมันก็พูดซ้ำให้จริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่คำแรกที่ผมพูดออกไปคือ

                วันนั้นมันเป็นไงบ้างไอ้นัทกับเพชรมองหน้ากัน แล้วก็เลยต่อไปยังไอ้บอลบาส จูนกับกรีนที่คงพอรู้เรื่องแล้วก็นั่งเงียบกริบ เช่นเดียวกับไฟว์และไอ้สองน.นิว+เนม

                หลังจากการถองกันไปศอกกันมาระหว่างไอ้แฝดจบลง พวกมันก็หันไปหาไอ้นัท มึงเล่า

                พร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย นัทเลยหันไปด่าไอ้แฝดจอมโยนเรื่อง แล้วมันก็เก๊กหน้าก่อนหันมาหาผม

                คือ...มันก็แบบ...ก็แบบที่มีเรื่องขัดแย้งกันแหละ ซีมันเป็นคนยังไงมึงก็น่าจะรู้ มันดื้อเงียบจะตาย จะโดนเยอะก็ไม่แปลกไอ้นัทโบกไม้โบกมือไปมา แต่เล่าแล้วไม่รู้เรื่องจนผมได้แต่นั่งงง

                อะไร มันเป็นอะไร มันโดนด่ามากหรือเปล่า มันโดนทำอะไรบ้างตอนนั้นลืมหมดครับว่าตัวเองเสียใจอยู่ ห่วงมันที่สุด กลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปหรือโดนคนที่บ้านดุด่า บ้านคนจีนเขาเลี้ยงลูกกันแบบแรงๆครับ ด่าเป็นด่าซัดเป็นซัด โดยเฉพาะคนจีนแท้แบบป๊ากับม้ามันด้วย

                นัทมองหน้าเพชรแวบหนึ่ง ทีแรกเพชรก็สั่นหัวเหมือนจะห้ามไม่ให้นัทพูดต่อ แต่ผมก็ขอให้มันบอก

                นะ...พูดเถอะ...ถือว่ากูขอร้อง

                นัทและเพชรกับพวกไอ้บอลไอ้บาสมองหน้ากันไปมา สุดท้ายแล้วไอ้บอลที่นานๆจะทำตัวมีสาระก็ค่อยๆเอ่ยออกมา

                ไอ้ซี...โดนญาติมันซัดไปผัวะนึง...แล้วมันก็โดนกักบริเวณอ่ะ

                ผมใจหายวาบ หน้าเสีย ยิ่งคิดน้ำตาก็พาลจะไหลเอาดื้อๆ เอาอีกแล้ว...มันเจ็บเพราะผม...ผมเผลอทำร้ายคนที่ผมรักไปจริงๆเสียแล้ว...

                เฮ้ย...เฮ้ย...วา...ใจเย็น...มึงอย่าร้องดิ...เอ๊ย...พวกกูทำตัวไม่ถูกไอ้บาสโวยวาย และเสียงของมันก็ทำให้ทั้งวงลุกพรวดมารุมล้อมผมเอาไว้โดยที่ไอ้นัทคอยลูบหลังลูบไหล่และนิวก็คอยกอดปลอบ กระซิบเบาๆย้ำหลายๆครั้งว่าไม่เป็นไร ซีมันไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็มา

                ผมพยายามปาดน้ำตาที่ไหล่เอ่อทิ้งให้หมดแต่มันก็ทำไม่ได้...ทนไม่ไหว...ผมอยากโทรหาซีแต่ก็รู้ดีว่าถ้าขืนโทรไปเรื่องมันคงไปกันใหญ่ สุดท้ายเพชรที่สุภาพเรียบร้อยสุดเลยอาสาเป็นคนโทรเอง ผมเลยรู้ว่าไอ้ซีโดนยึดมือถือ คนที่รับเป็นเฮียเอ คุยกันอยู่พักหนึ่ง(สแกนนั่นเอง)เฮียเอก็เปลี่ยนสายให้ซีเป็นคนพูด เพชรพูดกับซีไม่นานมันก็วางสาย

                ไม่เป็นไร...วันนี้ซีแค่ไปธุระ มันไม่ได้เป็นอะไรหรอกเพชรพยายามส่งยิ้มเพื่อให้ผมสบายใจ พอได้ยินแบบนั้นผมเลยจำต้องพยักหน้าหงึก รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

     

     

     

                วันต่อมาผมรีบมาโรงเรียนแต่เช้า กะจะไม่แวะที่ม้าหินเหมือนเดิมเพราะยังกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากันตอนนี้ แต่เพราะม้าหินมันอยู่ใกล้ทางขึ้นตึกกิจกรรมผมเลยต้องเดินผ่านแบบไม่เต็มใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งที่เห็นไอ้ซีนั่งอยู่ด้วย

                ผีหลอก...ปกติมันไม่เคยมาเช้ากว่าผมนี่หว่า...แล้วมันไม่ไปซ้อมบาสเหรอวะ

                เฮ้ย วา!”ผมสบถ อุตส่าห์จะทำเนียนเดินผ่านไปแบบไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้ห่าจูนจอมเซ่อเสือกทักขึ้นมาเสียงดังลั่น ทีนี้ทั้งโต๊ะเลยพร้อมใจกันหันมามองผมกันหมด แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็มีสายตาของซีด้วย

                ผมยิ้มฝืดๆทักทายทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่ส่งยิ้มหรือมองหน้าผมเลยกลับเป็นซี...

                ผมตัวชาวาบพลางแค่นยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ...ก็เพราะกลัวว่าจะเป็นแบบนี้ไงถึงได้ไม่กล้าทัก ผมกลัวว่ามันจะเกลียดผมที่ผมทำให้มันเดือดร้อน...กลัว...กลัวสารพัดจะกลัว

                เอ่อ...กู...ขึ้นวงก่อนนะผมรีบเก็บของเดินหนีขึ้นตึก ซียังคงไม่ยอมมองมา อันที่จริงผมก็มีเวลาเหลือให้อยู่ต่อเพราะว่าจูนกับนัทมันก็ยังไม่ขึ้น แต่ไม่ไหว...ผมยังทำใจไม่ได้ถ้ามันคิดจะบอกเลิกหรือปฏิเสธกันตอนนี้ ผมยังสู้หน้ามันไม่ได้จริงๆ

                แววตาที่เฉยชาแบบนั้น นับตั้งแต่ที่รู้จักกันมา...ผมไม่เคยเห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ?     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    โอเคค่ะ ที่หายไปนานนิดนึงเพราะโนว์กำลังคิดว่าฉากแบบนี้มันพอมั้ย หรือว่ามันยังน้อยเกินไป หรือว่าจะยังไม่ดี แต่ว่ามาคิดอีกที เจ้าหนูเหล่านี้ก็เพิ่งจะเป็นเด็กม.ปลาย น่ะนะ คิดว่ามันคงไม่น้อยไม่มากไปน่ะค่ะ 
    ช่วงดราม่ากลับมาอีกครั้ง แต่ไม่มาก 555+ (หรือเปล่า?) สโนว์ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเครียดๆค่ะ อยากให้เป็นรักใสๆฮาๆ สโนว์ชอบเรื่องสบายๆ แต่ไว้มีโอกาสจะลองเขียนอะไรซีเรียสๆนะคะ (รีดเดอร์หายหมด รับรอง 55)
    นี่ก็ ช่วงสุดท้ายตามที่บอก แล้วยังไงก็ลองลุ้นต่อ(หรือไม่ลุ้นก็ได้ค่ะ ฮา...)ว่ามันจะลงเอยกันยังไง

    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

    ปล. ไฟว์-นิว มีต่อนิดหน่อยค่ะ แต่ไว้จบเรื่องหลักค่อยมาเป็นตอนเสริม กะหนูตะวันและน้องวีด้วย สโนว์เริ่มจะชอบคู่รองมากกว่าคู่เอกอีกค่ะ 55555+ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×